Responsive image

Thursday, 25 Apr 2024

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


คปภ. ผนึก 8 หน่วยงาน ลงนาม MOU บูรณาการระบบอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางทั้งไทย-ต่างชาติ

Fri 08/07/2565


เปิดมิติใหม่ความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบเว็บท่า (Web Portal) ภายใต้ชื่อ “Entry Thailand” (www.entrythailand.go.th) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและยกระดับความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติอย่างครบวงจร

ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2564 เห็นชอบให้ส่วนราชการขับเคลื่อนการให้บริการประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-service) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในงานบริการ Agenda 12 งานบริการ ซึ่งเป็นงานบริการที่สอดคล้องตามแผนปฏิรูปประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการจัดทำระบบอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง (Ease of Traveling) โดยได้มีการจัดทำเว็บท่าและรวบรวมลิงก์ รวมถึงข้อมูลการเดินทางเข้าประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวในมิติต่าง ๆ  ในส่วนของสำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการให้ความเห็นชอบแบบ ข้อความ และอัตราเบี้ยประกันภัย โดยขายผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ให้กับบริษัทประกันชีวิต จำนวน 4 บริษัท และบริษัทประกันวินาศภัย จำนวน 10 บริษัท โดยบริษัทจะดำเนินการรับประกันภัยในรูปแบบ Pooling ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวให้ความคุ้มครองการเสียชีวิต ที่มีสาเหตุมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) การรักษาพยาบาลจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) การเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงจากอุบัติเหตุ (อ.บ.1) และการรักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการที่หน่วยงานภาครัฐกำหนด ในการร่วมมือครั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้นำลิงก์เว็บไซต์ https://covid19.tgia.org/ ไปใส่ไว้ในหน้าเว็บท่าที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพัฒนาขึ้น โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสามารถซื้อประกันภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวได้ แบบ Real-Time ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐให้มีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

ดังนั้น เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ณ โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง กรุงเทพฯ สำนักงาน คปภ. โดยดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. จึงร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการระบบอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง ร่วมกับ 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเป็นสักขีพยาน ในการลงนาม MOU) ครั้งนี้ เพื่อบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลสู่ระบบเว็บท่า (Web Portal) ในชื่อ “Entry Thailand” (www.entrythailand.go.th) และอํานวยความสะดวกให้กับผู้เดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในการเดินทางเข้าประเทศ ตลอดจนสร้างกลไกการดำเนินงานที่เชื่อมโยงสอดรับกับแนวนโยบายรัฐบาล เพื่อให้เกิดการดำเนินงานแบบบูรณาการที่มีประสิทธิภาพ บรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างยั่งยืน

เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า การทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อบูรณาการความร่วมมือระบบอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทาง (MOU) ในครั้ง ทั้ง 9 หน่วยงาน มีขอบเขตความร่วมมือหลัก ๆ 4 ประการ คือ ประการแรก ทั้ง 9 หน่วยงาน มีเจตนารมณ์ร่วมมือกันในการบูรณาการดำเนินงานบริการด้านการเดินทางแก่นักท่องเที่ยวโดยคำนึงถึงความสะดวกของนักท่องเที่ยว การลดขั้นตอนความยุ่งยากของนักท่องเที่ยว เพื่อให้การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเกิดความสะดวกตั้งแต่เข้ามาถึงประเทศไทย จนกระทั่งเดินทางกลับภูมิลำเนา ด้วยการจัดทำระบบการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทาง (Ease of Traveling) โดยการจัดทำเว็บท่า (Web Portal) ซึ่งจะเป็นที่รวมขั้นตอนต่าง ๆ ที่นักท่องเที่ยวต้องดำเนินการเพื่อเข้าประเทศไทยไว้ในที่เดียวแบบครบวงจร

ประการที่ 2 ทั้ง 9 หน่วยงาน มีความประสงค์ในการกำหนดขอบเขตการดำเนินงานและกิจกรรมความร่วมมือ โดยสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้ออกแบบแพลตฟอร์มข้อมูลกลาง รวบรวมลิงก์เว็บไซต์ และข้อมูลสำคัญ ซึ่งมีการเชื่อมโยงของระบบต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ แอปพลิเคชัน “Thailand Pass” สำหรับกรอกข้อมูลด้านสุขภาพ (Health Declaration Form) สำหรับเดินทางท่าอากาศยาน และแอปพลิเคชัน “DDC Pass” สำหรับกรอกข้อมูลด้านสุขภาพ (Health Declaration Form) สำหรับพรมแดนและเรือ ของกรมควบคุมโรค เรื่องของการขอ e-Visa ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมการกงสุล เรื่องการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการประกันภัย COVID-19 สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติก่อนเข้าประเทศ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เรื่องการค้นหาข้อมูลด้านการท่องเที่ยวในราชอาณาจักรไทยจากเว็บไซต์ Thailand Tourism Directory และ TAT News ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เรื่องตารางเที่ยวบินของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เรื่องการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่นักท่องเที่ยว (VAT Refund for Tourists) ของกรมสรรพากร และแอปพลิเคชัน Tourist Police I Lert U ของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว

ประการที่ 3 กรณีที่บันทึกข้อตกลงนี้มีการดำเนินการเกี่ยวข้องกับข้อมูล เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลของนักท่องเที่ยว ตลอดจนข้อมูลส่วนบุคคลของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามข้อตกลงฉบับนี้ ให้ทั้ง 9 หน่วยงาน ดำเนินการตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

และประการที่ 4 บรรดาข้อมูลที่ทั้ง 9 หน่วยงาน ได้รับจากการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงฉบับนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดให้ถือว่าเป็นความลับร่วมกัน ซึ่งทั้ง 9 หน่วยงานจะต้องนำไปใช้ประโยชน์เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามบันทึกข้อตกลงฉบับนี้เท่านั้น โดยจะไม่เปิดเผยข้อมูลแก่บุคคลอื่นหรือต่อสาธารณชนแม้ว่าบันทึกข้อตกลงฉบับนี้จะสิ้นสุดลงไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากอีกฝ่ายหนึ่งหรือเป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณชนอยู่แล้ว หรือเป็นกรณีจำเป็นจะต้องเปิดเผยตามผลบังคับของกฎหมาย หรือจากผู้มีอำนาจรัฐ ซึ่งจะต้องแจ้งเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายทราบล่วงหน้าก่อนการเปิดเผยข้อมูล

โดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้มีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันที่ ทั้ง 9 หน่วยงาน ลงนามร่วมกัน ทั้งนี้ ก่อนครบกำหนดระยะเวลาตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้สิ้นสุดลงไม่น้อยกว่า 30 วัน ทั้ง 9 หน่วยงาน อาจตกลงร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อขยายระยะเวลาความร่วมมือภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ออกไปได้ตามความเหมาะสม ส่วนการยกเลิกความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ก่อนระยะเวลาจะสิ้นสุดลงต้องกระทำโดยความเห็นชอบทั้ง 9 หน่วยงานและจะต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร ทั้งนี้ กรณีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้สิ้นสุดลงไม่ว่ากรณีใด ไม่มีผลเป็นการยกเลิกโครงการหรือกิจกรรมที่ได้ดำเนินการไปแล้ว หรืออยู่ระหว่างดำเนินการภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้

ทั้งนี้สำนักงาน คปภ. มีความยินดีให้ความร่วมมือในการให้เว็บไซต์ของสำนักงาน คปภ. หรือแพลตฟอร์มอื่นของสำนักงาน คปภ. เป็นอีกช่องทางในการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และเป็นประโยชน์ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อนักท่องเที่ยวรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอนาคตต่อไป นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มกลาง COVID-19 Insurance Data Terminal for all ASEAN (www.asean-insur-data.org) เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รองรับแนวโน้มการเดินทางระหว่างประเทศที่กำลังเริ่มฟื้นตัว และส่งเสริมการเชื่อมโยงข้อมูลและการเข้าถึงระบบประกันภัยในภูมิภาคอาเซียน โดยได้รับความเห็นชอบและการตอบรับเป็นอย่างดีในการขับเคลื่อนโครงการนี้จากที่ประชุมประจำปีนายทะเบียนประกันภัยอาเซียน เมื่อเดือนตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ปัจจุบันได้พัฒนาแพลตฟอร์มต้นแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งจะเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลผลิตภัณฑ์ประกันภัย สถานการณ์ผู้ติดเชื้อแต่ละประเทศ มาตรการภาครัฐ และข้อกำหนดในการเดินทางเข้าประเทศที่มีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวอาจเชื่อมกับเว็บท่านี้ เพื่อขยายขอบเขตการให้บริการและอำนวยความสะดวกให้กับประชากรอาเซียนได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น

“ผมเชื่อมั่นว่าความร่วมมือของทั้ง 9 หน่วยงานที่มีความชำนาญในด้านต่าง ๆ จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและยกระดับความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติอย่างครบวงจร” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย


Tags : คปภ. สำนักงานคปภ. ดร.สุทธิพลทวีชัยการ คปภ.ผนึก8หน่วยงานลงนามMOU ประกันภัยนักท่องเที่ยว


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีนโยบายเร่งรัดการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และได้สั่งการให้ธนาคารออมสินหาแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนลดภาระการผ่อนชำระหนี้ที่มีอยู่เดิม โดยเฉพาะผู้มีหนี้ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนผู้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องอันเป็นผลกระทบจากปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ดังนั้น เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐ และสอดรับกับบทบาทธนาคารเพื่อสังคม ธนาคารจึงพิจารณาออกมาตรการรีไฟแนนซ์ ภายใต้โครงการ “สินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” รับรีไฟแนนซ์หนี้เดิม (ไม่ใช่การปล่อยสินเชื่อใหม่) เพื่อช่วยลดภาระแก่ลูกหนี้ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) ลูกหนี้บัตรเครดิต 2) ลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือ Personal Loan (P-Loan) 3) ลูกหนี้สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ (Nano Finance) 4) ลูกหนี้สินเชื่อบ้าน ซึ่งการเปิดให้รีไฟแนนซ์สินเชื่อด้วยหลักเกณฑ์ดอกเบี้ยต่ำ พร้อมเงื่อนไขพิเศษอื่นครั้งนี้ ตั้งเป้าช่วยเหลือประชาชนลดภาระการชำระหนี้ ผ่อนสบายมากขึ้น หรือผู้ที่รีไฟแนนซ์แล้วแต่ประสงค์ผ่อนชำระเงินงวดเท่าเดิม ก็จะตัดเงินต้นมากขึ้นเพราะดอกเบี้ยลดลง ทำให้ปิดหนี้ได้เร็วขึ้น โดยมีรายละเอียดหลักเกณฑ์ทั้ง 4 มาตรการ ดังนี้    1. Re-Card : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้บัตรเครดิต ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้บัตรเครดิตของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น โดยการรีไฟแนนซ์/รวมหนี้บัตรเครดิตมาผ่อนชำระกับธนาคารออมสินในรูปแบบเงินกู้ระยะยาว (Long Term Loan) ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 16% ต่อปี ลงเหลือ 8.99% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น) วงเงินกู้ไม่เกิน    5 เท่าของรายได้รวม สูงสุดไม่เกินรายละ 500,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ซึ่งการรีไฟแนนซ์จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ลูกหนี้ ยกตัวอย่างกรณีเป็นหนี้บัตรเครดิต 100,000 บาท ปัจจุบันต้องจ่ายดอกเบี้ย 16% ต่อปี และผ่อนชำระขั้นต่ำ 8% ซึ่งเท่ากับ 8,000 บาทต่อเดือน เมื่อรีไฟแนนซ์มาเป็นเงินกู้ระยะยาว ธนาคารให้ผ่อนชำระได้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี ที่อัตราดอกเบี้ย 8.99% ต่อปี ทำให้ลดเงินงวดเหลือ 1,700 บาทต่อเดือนเท่านั้น     2. Re P-Loan : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan : P-Loan) ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไปชำระหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล P-Loan ของสถาบันการเงิน หรือ Non-Bank อื่น ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิมประมาณ 25% ต่อปี ลงเหลือ 15% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 100,000 บาท และไม่ต้องมีหลักประกัน ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี 3. Re-Nano : รับรีไฟแนนซ์สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย ที่ต้องการปลดหนี้สินเชื่อ Nano Finance ที่กู้ไปเพื่อลงทุนในการประกอบอาชีพ ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์/รวมหนี้มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิม 33% ต่อปี ลงเหลือ 18% ต่อปี วงเงินให้กู้ตามภาระหนี้คงเหลือของสัญญากู้เดิม สูงสุดไม่เกินรายละ 200,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 8 ปี โดยธนาคารออมสินร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันการกู้ 4. Re-Home : รับรีไฟแนนซ์สำหรับลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ที่ต้องการกู้เงินเพื่อไถ่ถอนจำนองที่อยู่อาศัยจากสถาบันการเงินอื่น วงเงินกู้ 1-5 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรีไฟแนนซ์มาผ่อนชำระกับธนาคาร จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยตามสัญญาเดิมที่ประมาณ 6 - 7% ต่อปี ลงเหลือ 1.95% ในปีที่ 1 (ปีที่ 2 = 2.95% ปีที่ 3 = 3.95%) คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 2.95% ต่อปี พร้อมเงื่อนไขผ่อนต่ำ ปีที่ 1 ผ่อนชำระเงินงวดล้านละ 3,000 บาท/เดือน ปีที่ 2 ล้านละ 4,000 บาท/เดือน และปีที่ 3 ล้านละ 5,000 บาท/เดือน อนึ่ง ธนาคารสนับสนุนนโยบายรัฐในการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนของประชาชน ให้สามารถมีเงินเหลือใช้สอยดำรงชีพโดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ รวมถึงส่งเสริมการปลูกฝังทัศนคติการกู้เงินเท่าที่จำเป็นและผ่อนไหว ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อรีไฟแนนซ์ “โครงการสินเชื่อออมสินรีไฟแนนซ์เพื่อสังคม” เพื่อแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เปิดให้ยื่นขอกู้ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 และจัดทำนิติกรรมสัญญาภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2567  

21 Apr 2024

...

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate 0.15% ต่อปี จาก 6.75% เหลือ 6.60% ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ EXIM BANK ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี หรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์) นับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ไทยในเทศกาลสงกรานต์นี้ให้แก่ผู้ประกอบการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2567 เป็นต้นไป ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate ในครั้งนี้เป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจของ EXIM BANK ในการสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ บรรเทาภาระหนี้และต้นทุนทางธุรกิจ และสามารถปรับตัวให้แข่งขันในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืนในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยเติบโตในอัตราที่ช้าลง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูง  

13 Apr 2024

...

กบข. ร่วมกับทิพยประกันภัย มอบประกันอุบัติเหตุ และประกันบ้านปลอดภัย ให้สมาชิก กบข. เที่ยวสงกรานต์อย่างอุ่นใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่จำกัดสิทธิ์ ให้ความคุ้มครองนาน 30 วัน   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)  เปิดเผยว่า กบข. ห่วงใยสมาชิกช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงร่วมกับ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบสิทธิพิเศษ “ประกันภัยอุบัติเหตุ” และ “ประกันภัยบ้าน” ให้แก่สมาชิก โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่จำกัดสิทธิ์ เพื่อให้สมาชิกอุ่นใจ ไม่มีความกังวลปัญหาเรื่องบ้านและความปลอดภัย เมื่อเดินทางท่องเที่ยว หรือกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยสิทธิพิเศษ สมาชิก กบข. รับฟรีประกันภัยอุบัติเหตุ วงเงินคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท จะให้ความคุ้มครองสำหรับความสูญเสียหรือเสียหายของร่างกาย อันเกิดจากความบาดเจ็บซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอกร่างกายของผู้เอาประกันภัยโดยอุบัติเหตุตลอด 24 ชั่วโมง ให้ความคุ้มครองนาน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ และสิทธิพิเศษ สมาชิก กบข. รับฟรีประกันภัยสงกรานต์สุขใจบ้านปลอดภัย วงเงินคุ้มครองสูงสุด 30,000 บาท ให้ความคุ้มครองกรณีบ้านและคอนโดเกิดเหตุไฟไหม้ ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ รวมถึงบ้านโดนโจรกรรม ให้ความคุ้มครองนาน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ กรณีที่บ้านได้รับความเสียหายจนต้องหาที่พักอาศัยชั่วคราวจะได้รับค่าเช่าที่พักอาศัยชั่วคราว 300 บาท/วัน ไม่เกิน 30 วัน ทั้งนี้ สมาชิก กบข. ที่สนใจสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 6-12 เมษายน 2567 ผ่านทางไลน์ กบข. @gpfcommunity กดที่แบนเนอร์ประกันที่สมาชิกต้องการ เพื่อไปที่ไลน์ @tipgo จากนั้นกดเข้าเมนู “ลงทะเบียนประกันภัยอุบัติเหตุ หรือประกันสงกรานต์สุขใจบ้านปลอดภัย” และทำตามขั้นตอนการรับประกัน เมื่อลงทะเบียนสำเร็จ จะได้รับอีเมลยืนยันความคุ้มครองจากทิพยประกันภัย โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการสมาชิก ซึ่ง กบข. ได้ร่วมมือกับพันธมิตรสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง เพื่อจัดหา ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่หลากหลายและเหมาะสม ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทางการเงินและประกัน ตลอดจนสิทธิพิเศษส่วนลดอาหาร-เครื่องดื่ม บริการ และสินค้าทั่วประเทศ เฉพาะสมาชิก กบข. โดยสมาชิกสามารถติดตามรายละเอียดสวัสดิการทั้งหมดได้ที่เว็บไซต์ กบข. LINE กบข. และ My GPF Application สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร. 1179  

11 Apr 2024

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รับรางวัลเกียรติยศ Business Excellence in Thailand 2023 TOP CEO ภายในงาน 2023 ASIA CEO SUMMIT & AWARD CEREMONY งานมอบรางวัลสุดยอดผู้บริหารและแบรนด์ชั้นนำในเอเชีย โดยเลือกผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ด้วยเป็นผู้นำที่ได้เปลี่ยนธนาคารออมสินมาสู่การเป็นธนาคารเพื่อสังคม ที่สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในมิติของการลดความเหลื่อมล้ำและแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการดำเนินโครงการต่างๆ จำนวนมาก ตลอดปี 2563 - 2565 ซึ่งถือเป็นหน่วยงานหลักในการให้ความช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจให้ผ่านพ้นสถานการณ์ในช่วงวิกฤตโควิด-19 มาได้อย่างเข้มแข็ง อาทิ สินเชื่อ SMEs มีที่ มีเงิน สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ โครงการสร้างงานสร้างอาชีพ และโครงการ Holistic Area-based Development จังหวัดน่าน รวมทั้งเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและความมั่งคั่งให้กับคนไทย โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า และเพิ่มความสะดวกสบายในการเข้าถึงบริการทางการเงินด้วย ทั้งนี้ การมอบรางวัลดังกล่าว จัดขึ้นโดย บริษัท อินฟลูเอ็นเชี่ยล แบรนด์ ประเทศสิงคโปร์ และ บริษัท นิโอ ทาร์เก็ต จำกัด เพื่อเป็นเกียรติแก่แบรนด์ชั้นนำที่สร้างผลกระทบต่อผู้บริโภคและประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจมากที่สุด ณ โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้    

08 Apr 2024

Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner