Responsive image

Tuesday, 17 Sep 2024

LATEST NEWS

INSURANCE/ประกันภัย-ประกันชีวิต

...

บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เผยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวม 17.1 พันล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 12% (จากเบี้ยประกันภัยรับรวม 15.3 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566)[1] และมีผลงานที่โดดเด่นจากเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) อยู่ที่ 4.9 พันล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 23% (จาก 4.0 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2566)[2]   นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า “แม้บริษัทฯ จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ แต่พรูเด็นเชียล ประเทศไทย สามารถรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและสร้างการเติบโตด้วยตัวเลขสองหลัก ถือเป็นบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นของเราที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของคนทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบแผนประกันชีวิต สุขภาพ การออม หรือการลงทุน ที่มีความยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนตอบรับการเปลี่ยนแปลงของโลกและความผันแปรทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า เรามีแผนประกันควบการลงทุนในกองทุนรวมที่หลากหลายมากถึง 73 กองทุน ที่ให้ลูกค้าบริหารการลงทุนได้ตามต้องการพร้อมโอกาสในการรับผลตอบแทน นอกจากนี้ เรายังมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น การขายผ่านพันธมิตรแบงก์แอสชัวรันส์ ซึ่งล้วนแต่เป็นธนาคารชั้นนำของประเทศไทย ประกอบด้วย ธนาคารทหารไทยธนชาต (ทีทีบี), ธนาคารยูโอบี และ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ช่องทางตัวแทน, ช่องทางการขายผ่านทางโทรศัพท์ รวมถึงช่องทางดิจิทัล” “เราพยายามทำให้ประกันเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ดังนั้น เราจึงมุ่งเน้นในการออกแบบแผนประกันที่หลากหลาย มีความครอบคลุมและยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นแผนประกันส่วนบุคคลหรือแบบครอบครัว ด้วยราคาที่เหมาะสม นอกจากการยึดลูกค้าเป็นเข็มทิศในการดำเนินธุรกิจ เรายังให้คำมั่นสัญญาต่อผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ในการดำเนินธุรกิจที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมตลอดจนการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ แก่สังคมและชุมชนผ่านโครงการต่างๆ โดยนำความเชี่ยวชาญและศักยภาพของเรามาสร้างสังคมให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น” นายบัณฑิต กล่าวเสริม ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่ตอบรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลก จนสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ จากนี้ไป พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังคงเดินกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้า รวมถึงการเป็นที่ปรึกษาด้านชีวิต สุขภาพ  การออม และการลงทุนที่สร้างความมั่นใจและไว้วางใจแก่คนไทย ข้อมูลเพิ่มเติม www.prudential.co.th    

13 Sep 2024


...

เมืองไทยประกันชีวิต พลัสความแคร์ให้คนที่แคร์แต่คนอื่น เปิดตัว “แคร์พลัส (Care Plus)” ความคุ้มครองค่ารักษาโรคมะเร็ง และไตวายเรื้อรัง ให้คุณคลายกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่สูงและต่อเนื่อง ด้วยความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้ง IPD และ OPD  วงเงินสูง 5 ล้านบาทต่อโรคต่อปี เลือกความคุ้มครองได้ตามต้องการค่าเบี้ยประกันภัยเข้าถึงได้ช่วยให้คุณเข้าถึงการรักษาด้วยนวัตกรรมแบบทันสมัย  และช่วยเพิ่มโอกาสหายให้มากขึ้น   นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในยุคปัจจุบันคนวัย 40+ มักจะละเลยการดูแลตัวเอง  เพราะมัวแต่ดูแลคนอื่นในครอบครัว หรือ    ที่เรียกว่า Sandwich Generation คนใน Generation นี้เป็นคนสำคัญที่เราอยากให้ดูแลตัวเอง เพราะโรคร้าย อย่างโรคมะเร็ง และโรคไต อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด ถ้าเป็นขึ้นมาต้องเผชิญกับค่ารักษาที่สูง และต้องรักษาตัวต่อเนื่อง  ทำให้การเข้าถึงการรักษาที่ทันสมัยเป็นเรื่องที่สำคัญ และต้องรักษาได้อย่างทันท่วงที ดังนั้นการมีความคุ้มครองไว้จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของคนในวัย 40+ ที่อยากดูแลตัวเอง และเก็บแรงไว้ดูแลคนอื่นต่อไปได้ ทั้งในแง่ความคุ้มครอง และเบี้ยประกันภัยที่เข้าถึงได้ ไม่เป็นภาระ จึงถือเป็นทางเลือกที่ช่วย    คลายความกังวลให้กับตัวคุณ ในวันที่คุณห่วงแต่คนอื่น แต่ก็ต้องไม่ลืมห่วง “ตัวเอง” เพราะคุณเองก็สำคัญ หากคุณล้มไปใครจะดูแลคนที่คุณรัก   ล่าสุด เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้าส่งความแคร์ให้คนสำคัญที่แคร์แต่คนอื่น ด้วยการเปิดตัว  “แคร์ พลัส (Care Plus)”  ความคุ้มครองค่ารักษาโรคมะเร็งและไตวายเรื้อรังที่มาช่วยพลัสความอุ่นใจ ให้คุณหมดกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาล ด้วยความคุ้มครองวงเงินสูง 5 ล้านบาทต่อโรคต่อปี เลือกความคุ้มครองได้ตามต้องการไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองค่ารักษาโรคมะเร็ง หรือความคุ้มครองค่ารักษาไตวายเรื้อรัง หรือหากกังวลทั้งคู่ก็เลือกความคุ้มครองทั้ง 2 โรคได้ด้วยค่าเบี้ยที่ถูกลง 10%  เข้าถึงได้จริงด้วยเบี้ยประกันภัยเบาๆ ไม่ถึง 12 บาทต่อวัน* เบี้ยประกันภัยยังสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สมัครได้จนถึงอายุ 80 ปี คุ้มครองให้ยาวถึงอายุ 99 ปี   ทั้งนี้ Care Plus ยังครอบคลุมการรักษาทั้งแบบผู้ป่วยใน (IPD) และผู้ป่วยนอก (OPD)   ตามความคุ้มครองที่กำหนด  รวมถึงค่าบริการทางการแพทย์ ทั้งค่าหมอ ค่ายา ค่าผ่าตัด การตรวจวินิจฉัยขั้นสูง CT Scan,  MRI,  PET และ Gait Scans รวมไปถึงนวัตกรรมการรักษาแบบทันสมัย และมุ่งเป้า เพื่อเพิ่มโอกาสหายมากขึ้น  โดยโรคมะเร็ง จะครอบคลุมการรักษาทั้งแบบเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy) , ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) และการปลูกถ่าย Stem Cell เป็นต้น ส่วนไตวายเรื้อรัง ครอบคลุมการรักษาปลูกถ่ายไต การล้างไตผ่านทางเส้นเลือดหรือผ่านทางช่องท้อง การล้างไตแบบประสิทธิภาพสูง (Online Hemodiafiltration) และการผ่าตัดเส้นฟอกไต เป็นต้น รวมถึงการบำบัดรักษาโรคทางจิตเวชที่ช่วยดูแลทางด้านจิตใจ เมื่อเกิดภาวะเครียดจากการรักษาโรคร้ายแรงอีกด้วย   “ความคุ้มครอง Care Plus ถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มวางแผนดูแลตัวเอง ด้วยเบี้ยประกันภัยที่ไม่สูง เมื่อเทียบกับค่ารักษาโรคมะเร็ง และไตวายเรื้อรังที่สูงมาก และต้องใช้การรักษาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ความน่าสนใจของ Care Plus นอกจากวงเงินความคุ้มครองสูงที่โดดเด่นแล้ว ยังคุ้มครองทั้งค่ารักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) และ ผู้ป่วยนอก (OPD) อีกทั้งค่าเบี้ยประกันภัยยังถือว่าเป็นระดับที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้จริง ซึ่งเป็นไปตามความมุ่งมั่นและนโยบายของเราในการสร้างการเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุก ๆ คนในสังคม (Democratizing Insurance) เพื่อเป็นส่วนช่วยให้ทุกคนได้มีความอุ่นใจ มีหลักประกันที่มั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ตามแนวนโยบายสำคัญของบริษัทฯ ที่ต้องการขับเคลื่อนองค์กรด้วยการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ เพื่อสร้างความสุขและรอยยิ้มแก่ทุกคน”  นายสาระ กล่าว   สำหรับผู้ที่สนใจความคุ้มครอง “Care Plus” สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม จากเมืองไทยประกันชีวิต ได้ที่ Facebook,  Instagram, X, TikTok, LINE Official Account,  YouTube  และ เว็บไซต์ www.muangthai.co.th  หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1766  ตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อตัวแทนจากเมืองไทยประกันชีวิตทั่วประเทศ  หรือ สาขา ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์   หมายเหตุ * สำหรับผู้เอาประกันภัย เพศชาย อายุ 40 ปี เลือกความคุ้มครองสำหรับโรคมะเร็งและไตวายเรื้อรังแผน 5 ล้านบาท และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี สัญญาเพิ่มเติม แคร์ พลัส พื้นที่ความคุ้มครอง เฉพาะประเทศไทย สัญญาเพิ่มเติม แคร์ พลัส ต้องซื้อแนบท้ายกรมธรรม์ที่มีผลบังคับอยู่ ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมต้องไม่เกินระยะเวลาเอาประกันภัยของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่สัญญาเพิ่มเติมนี้ แนบท้าย ความคุ้มครองเป็นไปตามโรคและแผนที่ลูกค้าเลือก การจ่ายผลประโยชน์ค่าใช้จ่าย ค่าบริการทางการแพทย์เพื่อการบำบัดรักษาโรคมะเร็งและ/หรือไตวายเรื้อรัง ดังกล่าว จะจ่ายสำหรับวิธีการบำบัดรักษาตามที่บริษัทฯ กำหนด ค่าบริการทางการแพทย์เพื่อการบำบัดรักษาโรคทางจิตเวช จ่ายตามจริง แต่ไม่เกิน 1% ของผลประโยชน์สูงสุดต่อรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย ผู้เอาประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขข้อบังคับของสัญญาเพิ่มเติมนี้ภายใน 5 ปีกรมธรรม์ประกันภัยนับแต่ปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยเริ่มได้รับการรักษาโรคมะเร็งหรือไตวายเรื้อรัง ค่ายาและค่าเวชภัณฑ์สิ้นเปลือง (เวชภัณฑ์ 1) สำหรับกลับบ้าน เพื่อใช้รักษาต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งและ/หรือไตวายเรื้อรังทางอ้อม ไม่เกินกว่า 30 วันหลังจากการเข้ารับการรักษาพยาบาล ทั้งนี้ไม่เกินกว่า 100,000 บาท ต่อการรักษาพยาบาลครั้งใดครั้งหนึ่ง สัญญาเพิ่มเติมนี้จะไม่คุ้มครองการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงหรือความผิดปกติซึ่งแพทย์ยืนยันและมีหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับโรคร้ายแรงที่ได้รับความคุ้มครอง ภายใต้สัญญาเพิ่มเติมนี้ ที่เกิดขึ้นภายใน 90 วัน นับแต่วันเริ่มมีผลคุ้มครองตามสัญญาเพิ่มเติมนี้ การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด

11 Sep 2024

...

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) เผยว่า เนื่องในวาระ 75 ปีของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร มุ่งใช้ศักยภาพทุกด้าน ช่วยลูกค้าและคนไทยทุกคนก้าวสู่โลกยุคใหม่ด้วยความมั่นใจ พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในสภาวะที่โลกการเงินการลงทุนเต็มไปด้วยความผันผวน ทางออกที่ดีคือการเตรียมพร้อมปรับเปลี่ยนให้ทันท่วงทีเพื่อรับผลประโยชน์ที่ดีที่สุด ทำให้คนส่วนใหญ่จึงมองหาทางเลือกในการออมเงินและการลงทุนในรูปแบบประกันชีวิตระยะสั้นที่ได้รับได้เงินคืนทุกปี สามารถนำเงินคืนส่วนนี้มาใช้ลงทุนอื่นๆ อีกทั้งยังมีความคุ้มครองชีวิต เพื่อปิดความเสี่ยงให้คนข้างหลังต่อไป OCEAN LIFE ไทยสมุทร จึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตออมทรัพย์ระยะสั้น 2 ตัว ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนรุ่นใหม่ ได้แก่ “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท โกล 5/2 (2)” และ “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท โกล 12/5 (2)” “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท โกล 5/2 (2)” ชำระเบี้ยประกันภัยเพียง 2 ปี มีระยะเวลาคุ้มครอง 5 ปี รับเงินคืนระหว่างสัญญาทุกปี ๆ ละ 2.5%(1) และเมื่อครบกำหนดสัญญารับเงินครบกำหนดสัญญา 205%  ระหว่างปีกรมธรรม์ที่ 2- 5 คุ้มครองกรณีเสียชีวิต สูงสุด 200% ผู้สนใจสามารถสมัครทำประกันได้ง่าย โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ และไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพในใบคำขอเอาประกันชีวิต(2) จำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำ 100,000 บาท และไม่จำกัดจำนวนเงินเอาประกันภัยสูงสุด รับประกันภัยบุคคลที่มีอายุ 30 วัน – 75 ปี ดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์ “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท โกล 5/2 (2)” ได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/savings/oceanlife-smartgoal52-2   “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท โกล 12/5 (2)” ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ที่มีความต้องการเก็บเงิน(3) และวางแผนภาษีในช่วงปลายปี ชำระเบี้ยประกันภัยเพียง 5 ปี มีระยะเวลาคุ้มครอง 12 ปี รับความคุ้มครองชีวิตสูงสุด 505% (ระหว่างปีกรมธรรม์ที่ 5 - 12) เมื่อครบกำหนดสัญญารับเงินครบกำหนดสัญญา  555% ครบรอบปีกรมธรรม์ที่ 1-5 รับเงินคืนทุกปี ปีละ 4% และครบรอบปีกรมธรรม์ที่ 6-11 รับเงินคืนทุกปี ปีละ 5% รับผลประโยชน์รวมตลอดสัญญา 605% จำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำ 50,000 บาท รับประกันภัยบุคคลที่มีอายุ 30 วัน – 75 ปี เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด ดูรายละเอียดผลิตภัณฑ์ “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท โกล 12/5 (2)” ได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/savings/oceanlife-smart-goal125-2 OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรมายาวนาน 75 ปี โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติเพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุดพร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคมเพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER 1503 ข้อควรทราบ ●       (1) ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1 - 4 ●       (2) บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการให้ตรวจสุขภาพ หรือขอเอกสารทางการแพทย์เพิ่มเติมเมื่อเห็นว่าจำเป็น ●       (3) เป็นการออมเงินในรูปแบบประกันชีวิต ●       % หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ●       การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด ●       ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ ●       เบี้ยประกันชีวิต  สามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด ผู้เอาประกันภัยที่ประสงค์จะนำเบี้ยประกันชีวิตไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องแจ้งความประสงค์และยินยอมให้บริษัทฯ นำส่งข้อมูลเบี้ยประกันชีวิตให้กรมสรรพากร ●       การนำส่งเบี้ยประกันภัยเป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยการที่ตัวแทนประกันชีวิตมาเก็บเบี้ยประกันภัยเป็นการให้บริการเท่านั้น ●       ข้อมูลในเอกสารนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัย/ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และทำ  ความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครอง ผลประโยชน์และข้อยกเว้น ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เมื่อได้รับกรมธรรม์แล้วโปรดศึกษาเพิ่มเติม

11 Sep 2024

...

เอไอเอ ประเทศไทย จับมือกับ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด ในเครือบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ร่วมมอบประกันอุบัติเหตุฟรี ผลประโยชน์ความคุ้มครองสูงถึง 100,000 บาท พร้อมค่าชดเชยรายได้เมื่อนอนโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุวันละ 500 บาท* คุ้มครองนาน 30 วันนับจากวันลงทะเบียน พิเศษสำหรับสมาชิก แอปพลิเคชัน Max Me โดยสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน  ถึง 31 ตุลาคม 2567 เพื่อสนับสนุนให้ผู้ขับขี่บนท้องถนนได้มีประกันอุบัติเหตุเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจขึ้นได้แบบไม่คาดคิด นอกจากนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้มอบสิทธิพิเศษ กรมธรรม์ประกันชีวิตวงเงินคุ้มครอง 50,000 บาท ให้แก่สมาชิก PT Max Card Plus อีกด้วย สอดคล้องกับพันธกิจของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในนามของเอไอเอ ประเทศไทย เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันอย่าง กลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี ในการมอบสิทธิประโยชน์ด้านประกันอุบัติเหตุให้แก่สมาชิก แอปพลิเคชัน Max Me รวมทั้งมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตแก่สมาชิก PT Max Card Plus โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และนอกเหนือจากนี้ เรายังร่วมกันอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก PT Max Card ได้เข้าถึงข้อมูลประกันชีวิตและประกันสุขภาพได้ง่าย ๆ ผ่าน แอปพลิเคชัน Max Me อีกทั้งเพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้มีประกันเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการขับขี่บนท้องถนน เรายังได้นำเสนอแบบประกันออนไลน์  อาทิ แบบประกันอุบัติเหตุ Micro100 ให้แก่สมาชิก PT Max Card ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลประกันต่าง ๆ ผ่านช่องทางของ แอปพลิเคชัน Max Me ได้ และในอนาคตอันใกล้นี้  เอไอเอ และ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส ยังมีแผนร่วมกันนำเสนอสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่น่าสนใจแก่สมาชิก PT Max Card อีกมากมาย เพื่อเดินหน้าส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น” นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่า “ความร่วมมือกับ เอไอเอ เป็นการต่อยอดความสำเร็จของการให้บริการเงินแก่สมาชิก PT Max Card ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me นอกเหนือจากบริการสินเชื่อ และประกันวินาศภัย ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ของ กลุ่ม บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี ที่ต้องการเชื่อมให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข" ในทุกด้านของช่วงชีวิต โดยเรามองว่า ประกันชีวิตเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญกับคนไทยทุกคน เป็นทั้งหลักประกันความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและสมาชิก PT Max Card เข้าถึงข้อมูล ความรู้ และเข้าใจถึงความสำคัญของประกันชีวิตผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Max Me พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมาย เพื่อตอบแทนลูกค้าและสมาชิกผู้มีอุปการะคุณเสมอมา จึงได้เกิดความร่วมมือกับ เอไอเอ ในครั้งนี้ขึ้น” นอกจากนี้เรายังมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในกรณี สมาชิก PT Max Card ซื้อประกันเอไอเอที่ร่วมรายการ โดยมีเบี้ยประกันภัยรวมต่อปีขั้นต่ำ 10,000 บาท รับ Max Point สุดคุ้ม สูงสุด 1,000 แต้ม* เมื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านช่องทางที่กำหนด ผู้ที่สนใจรับสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุฟรี สามารถลงทะเบียนได้ที่ แอปพลิเคชัน Max Me ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน  ถึง 31 ตุลาคม 2567 สำหรับสมาชิก PT Max Card Plus สามารถลงทะเบียนรับกรมธรรม์ประกันชีวิตวงเงินคุ้มครอง 50,000 บาท ได้ที่ website : https://crmpartner.pt.co.th/maxplus  ตั้งแต่ วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ธันวาคม 2567 หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนรับสิทธิ์สามารถติดต่อ PT Call Center โทร 1614 หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครอง กรุณาติดต่อ เอไอเอ คอลเซ็นเตอร์ โทร. 1581   หมายเหตุ: *ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์ **เงื่อนไขโปรโมชันเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด เอไอเอขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ยกเลิก แก้ไขรายละเอียดหรือเงื่อนไขต่างๆ โดยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผ่านช่องทางสื่อสารของบริษัท ****ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครอง รวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครอง ของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง  

07 Sep 2024

...

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ร่วมด้วย นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และนางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ มอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุมูลค่าทุนประกันภัย 2,200,000 บาท แทนคำขอบคุณให้แก่ “วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์” นักกีฬาแบดมินตันที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้แก่ประเทศไทยด้วยการคว้าเหรียญเงินจากโอลิมปิก ปารีสเกมส์ 2024 ประเภทชายเดี่ยว ซึ่งนับเป็นคนไทยคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์ในศึกชิงแชมป์โลกได้สำเร็จ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจและปลื้มปิติให้แก่ชาวไทยทั่วประเทศ นอกจากนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้มอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุมูลค่าทุนประกันภัย 2,200,000 บาท ให้แก่ “โค้ชเป้” ภัททพล เงินศรีสุข และ “โค้ชอาร์ท” พ.ต.ท. พงศ์พณัฐ กฤตานุกูลย์ ในฐานะโค้ชผู้ฝึกสอนกีฬาแบดมินตันที่ได้ทุ่มเทกำลังกายใจในการปลุกปั้นนักกีฬาทีมชาติไทยให้มีทักษะและความสามารถที่ยอดเยี่ยมในระดับนานาชาติ รวมถึงครอบครัวของ “วิว กุลวุฒิ” คุณพ่อณัฐวัชร วิทิตศานต์ คุณแม่นัฎกนก วิทิตศานต์ และน้องส้ม สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ น้องสาว ยังได้รับมอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุมูลค่าทุนประกันภัย 2,200,000 บาทต่อกรมธรรม์ ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย มุ่งมั่นเดินหน้าสนับสนุนการกีฬาของประเทศไทย เพื่อให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง รวมถึงส่งเสริมคนไทยและผู้คนทั่วเอเชียแปซิฟิกกว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’

03 Sep 2024

...

  เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลังพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำ จัดแคมเปญ ผ่อนชิล รับเงินคืนฉ่ำ ๆ โปรโมชันผ่อนค่าเบี้ยสบาย ๆ 0% หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13% กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ตอบโจทย์ความต้องการ และเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าในการชำระเบี้ยประกันภัย     นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงเดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าอย่าง       ไม่หยุดยั้งผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ นวัตกรรม และเครือข่ายพันธมิตรที่ครอบคลุมทุกรูปแบบ     การใช้ชีวิต ล่าสุด บริษัทฯ ได้ผนึกกำลังพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำ ประกอบด้วย บัตรเครดิตกสิกรไทย    บัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์  บัตรเครดิตยูโอบี  และบัตรเครดิต KTC  จัดโปรโมชันสุดพิเศษ         เพื่อตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ต้องการชำระค่าเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิต ให้สะดวกสบายและปลอดภัยในการทำธุรกรรมการเงิน โดยมีโปรโมชันให้เลือก ดังนี้ โปรโมชันผ่อนชิล ผ่อน 0% นาน 6 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ และชำระค่าเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น  ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์สลิปผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย บัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท หรือบัตรเครดิตยูโอบี  โปรโมชันผ่อน 0% นาน 4 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ชำระค่าเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น  ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์ สลิป ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย หรือบัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท หรือโปรโมชันผ่อนสั้น ๆ  0%  นาน 3 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่และชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์สลิปผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย     บัตรเครดิตเครือ กรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท บัตรเครดิตยูโอบี และบัตรเครดิต KTC ที่มียอดชำระเบี้ยประกันภัย 10,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และต่อเซลส์สลิป  ทั้งนี้จะต้องเป็นแบบประกันภัยที่สามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ ยกเว้นแบบประกันชีวิตชำระเบี้ยประกันภัยครั้งเดียว หรือชำระเบี้ยประกันภัยต่ำกว่า 5 ปี, แบบประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA), แบบประกันชีวิตควบการลงทุนทั้งแบบยูนิต ลิงค์ (Unit-Linked) และแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) การชำระเบี้ยประกันภัยนั้นต้องเป็นเบี้ยประกันภัยปีแรกและชำระแบบรายปี โดยแนบสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพหรือโรคร้ายแรงแบบใดก็ได้ รวมถึงกรมธรรม์แบบบำนาญสามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ โดยไม่จำเป็นต้องแนบสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพและโรคร้ายแรง สำหรับการซื้อประกันภัยใหม่ในทุกช่องทางการขายของบริษัท ยกเว้น การขายผ่านธนาคารกสิกรไทย โปรดตรวจสอบ  โปรโมชันการชำระผ่านบัตรเครดิตเพิ่มเติมที่สาขาธนาคารกสิกรไทยทั่วประเทศ สิทธิพิเศษ...สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ แบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life)       รับสิทธิผ่อนชำระ 0% นาน 6 เดือน  เมื่อเลือกชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปี ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย และมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 40,000 บาทขึ้นไป (เบี้ยประกันภัยหลักรวมเงินออมเพิ่มเติม)    ต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป หรือโปรโมชันผ่อนสั้นๆ  0%  นาน 3 เดือน เมื่อเลือกชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปี ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย และมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป  (เบี้ยประกันภัยหลักรวมเงินออมเพิ่มเติม) ต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป และสำหรับลูกค้าต่ออายุกรมธรรม์ รับสิทธิผ่อนชำระค่าเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ 0% นาน 3 เดือน ช่องทางแอปพลิเคชัน MTL Click ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย และบัตรเครดิตเครือ   กรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท  โดยมียอดชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และ  ต่อเซลล์สลิป และทุกโหมดการชำระเบี้ยประกันภัย  โดยโปรโมชันผ่อนชำระ 0% ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ สามารถใช้โปรโมชันได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2567 นี้ และยังมีโปรโมชันสุดคุ้ม รับเงินคืนฉ่ำ ๆ  สำหรับการชำระผ่านบัตรเครดิต KTC รับเครดิต     เงินคืนสูงสุด 13% และสิทธิพิเศษ 2 ต่อ โดยต่อที่ 1 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 1% (รับสิทธิ์ทันทีโดยไม่ต้องแลกคะแนน) เมื่อชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกและเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ สำหรับทุกโหมดชำระเบี้ยประกันภัย เฉพาะการชำระเบี้ยประกันภัยเต็มจำนวนเท่านั้น สำหรับแบบประกันภัยที่สามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ ยกเว้นแบบประกันชีวิตควบการลงทุน Unit-linked  และต่อที่ 2  คะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนน แลกรับเครดิตเงินคืน 12% หรือ 120 บาทเมื่อชําระค่าเบี้ยประกันภัยของเมืองไทยประกันชีวิต ทั้งเบี้ยประกันภัยปีแรกและ/หรือเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ โปรโมชันเริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคม –  31 ธันวาคม 2567 สำหรับการชำระผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย เมื่อแบ่งจ่ายรายเดือนผ่าน KBank Smart Pay 0% นาน 6 เดือน สำหรับลูกค้าซื้อกรมธรรม์ใหม่แบบรายปีเท่านั้น รับคะแนน K Point เพิ่มสูงสุด 50,000 คะแนน เมื่อมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป ลงทะเบียนทุกครั้งก่อนทำรายการ  และโปรโมชันแลกคะแนน K Point รับเครดิตเงินคืน 10% สำหรับยอดชำระเต็มจำนวนหรือแบ่งจ่าย ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย  โปรโมชันเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2567 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.muangthai.co.th/th/campaign/promotion   หมายเหตุ - เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด -โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย -ลูกค้าธนาคาร UOB ที่ถือบัตรเครดิตภายใต้แบรนด์ Citi สามารถเข้าร่วมโปรโมชันนี้ได้ -ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี    

03 Sep 2024

...

นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และนางสาวพรรณี ปิติกุลตัง กรรมการผู้จัดการบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) แนวทางการแบ่งปันข้อมูล เพื่อแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยมีผู้บริหารของทั้ง 2 หน่วยงานและสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน ณ กรมการขนส่งทางบก เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2567   นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยยังคงเป็นปัญหาสำคัญ ซึ่งไม่เพียงสร้างความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเท่านั้น ยังส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินมาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การยกระดับใบอนุญาตขับรถโดยปรับปรุงหลักสูตรการอบรมผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถเพิ่มเติม เนื้อหาการคาดการณ์อุบัติเหตุ (Hazard Perception) การพัฒนามาตรฐานยานยนต์ การส่งเสริมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนทั่วประเทศ เช่น โครงการนักเรียนรุ่นใหม่มีใบขับขี่ การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์และการให้ความรู้ต่างๆ  พร้อมทั้งได้บูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ในการที่จะป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และในวันนี้การที่กรมการขนส่งทางบกและบริษัท กลางฯ ได้ร่วมบันทึกข้อตกลงแนวทางการแบ่งปันข้อมูลร่วมกัน จึงถือเป็นการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพในการบูรณาการด้านข้อมูลและการทำงานร่วมกันของทั้งสองหน่วยงาน ในการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) โดยเฉพาะข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และนำมาทำการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อค้นหาสาเหตุรูปแบบพฤติกรรมการขับขี่ ปัจจัยในการเกิดอุบัติเหตุทั้งด้านผู้ขับรถ ด้านสภาพรถ และด้านสภาพแวดล้อม เพื่อให้หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางถนนสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ประกอบการพิจารณาตัดสินใจในการขับเคลื่อนการดำเนินงานเชิงนโยบาย การกำหนดแนวทางมาตรการในการป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน รวมถึงการประเมินผลการดำเนินงานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายที่จะลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทางถนนตามแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนนให้เหลือ 12 คน ต่อแสนประชากรภายในปี 2570   นางสาวพรรณี ปิติกุลตัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด กล่าวว่า บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2540 ตามมาตรา 10 ทวิ โดยทำหน้าที่รับคำร้องขอและจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถแทนทุกบริษัทประกันภัยได้ โดยมีสาขาให้บริการประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ และมีพันธกิจองค์กรในการเสริมสร้างความปลอดภัยทางถนนด้วย จากจำนวนอุบัติเหตุจากการใช้รถใช้ถนนในแต่ละปีนั้น ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียและความเสียหายอย่างมากมาย ทั้งทรัพย์สินและชีวิต-ร่างกายบุคคล และยังคงมีอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนอยู่ในอัตราที่สูงจากข้อมูลผู้มาใช้สิทธิประกันภัย พ.ร.บ. รวมถึงข้อมูลการรับแจ้งการเกิดอุบัติเหตุทางถนนร่วมกับภาคีเครือข่ายรับแจ้ง มูลนิธิ กู้ชีพ กู้ภัย โรงพยาบาล  บริษัทกลางฯ จึงได้นำข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุทางถนนทั้งหมด มาจัดทำเป็นสถิติรายงานการเกิดอุบัติเหตุทางถนน ผ่านศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ www.Thairsc.com แบบ REAL TIME เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลไปใช้จัดทำแนวทางในการป้องกันและแก้ไขการเกิดอุบัติเหตุทางถนนตามสถานการณ์อุบัติเหตุในแต่ละพื้นที่ และในวันนี้กรมการขนส่งทางบก ที่เป็นหน่วยงานภาครัฐ ได้เห็นถึงความสำคัญของข้อมูล จึงเกิดเป็นความร่วมมือกัน ระหว่างกรมการขนส่งทางบก กับบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ในการแบ่งปันข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนจาก www.ThaiRSC.com เพื่อแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูล นำไปขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายและใช้ประโยชน์จากข้อมูล ดังกล่าวในการวิเคราะห์อุบัติเหตุเชิงลึก การบังคับใช้กฎหมาย และการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ รวมถึงการปกป้องและจัดเก็บข้อมูลตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง   อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวทิ้งท้ายว่า กรมการขนส่งทางบกขอขอบคุณบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ซึ่งเป็นภาคเอกชนที่มีการดำเนินการอย่างโดดเด่นในการยกระดับความปลอดภัยทางถนนของประเทศไทย อันเป็นเป้าหมายเดียวกันกับกรมการขนส่งทางบก และนอกจากนั้นยังเป็นผู้นำด้านการจัดเก็บและใช้ประโยชน์จากข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุเพื่อสนับสนุนให้หน่วยงานอื่นๆ ที่ปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย สามารถนำไปใช้พัฒนาการจัดการและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนให้เกิดประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนต่อไป          

31 Aug 2024

ECONOMY-FINANCE/เศรษฐกิจ-การเงิน

...

ธ.ก.ส. เปิดรับฝากสลากออมทรัพย์ทวีสิน ชุดมรกต ผ่านเคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศเป็นวันแรก กระแสตอบรับคึกคัก โดยมียอดรับฝากผ่านทางสาขา ธ.ก.ส. และแอปพลิเคชัน BAAC Mobile แล้วร่วม 30,000 ล้านบาท พร้อมชวนออมและลุ้นรวยเหลือแจกกับสลากออมทรัพย์ทวีสิน ชุดมรกต หน่วยละ 500 บาท ที่ให้ผลตอบแทน 0.30% ต่อปี และร่วมลุ้นโชคใหญ่ถึง 20 ล้านบาทและรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่า 159 ล้านบาททุกเดือน ออกรางวัลครั้งแรก 16 กันยายนนี้ รีบฝากเลยช้าหมดอดรวย! นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า วันนี้ ธ.ก.ส. เปิดรับฝาก “สลากออมทรัพย์ทวีสิน ชุดมรกต” ผ่านเคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. สาขาทั่วประเทศเป็นวันแรก ในราคาหน่วยละ 500 บาท จำนวน 300 ล้านหน่วย วงเงินรวม 150,000 ล้านบาท ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากเกษตรกรลูกค้าและประชาชนทั่วไป ทำให้มียอดรับฝากผ่านทางเคาน์เตอร์ธนาคาร และแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ที่ได้เปิดรับฝาก ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2567 แล้วร่วม 30,000 ล้านบาท   ธ.ก.ส. ขอขอบคุณลูกค้าและผู้มีอุปการคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนผลิตภัณฑ์เงินฝากของธนาคาร ซึ่งธนาคารจะนำเงินดังกล่าวไปสนับสนุนเกษตรกรในการลงทุนและการผลิตในภาคการเกษตร เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงทางด้านอาหารให้กับประเทศต่อไป ซึ่งสลากออมทรัพย์ทวีสิน ชุดมรกต  มีอายุการรับฝาก 2 ปี เมื่อฝากครบกำหนด จะได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 3 บาท คิดเป็นอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.30 ต่อปี และมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลที่ 1 เสี่ยงหมวด มูลค่า 20,000,000 บาทและรางวัลอื่นๆ จำนวน 634,020 รางวัล เป็นเงิน 159,100,000 บาทต่อเดือน จำนวน 24 ครั้ง ได้แก่ รางวัลที่ 1 ต่างหมวด จำนวน 29 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท รางวัลที่ 2 จำนวน 90 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท รางวัลที่ 3 จำนวน 300 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท รางวัลที่ 4 จำนวน 600 รางวัล รางวัลละ 3,000 บาท รางวัลที่ 5 จำนวน 3,000 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท รางวัลเลขท้าย 4 ตัว จำนวน 30,000 รางวัล รางวัลละ 300 บาท และรางวัลเลขท้าย 3 ตัว จำนวน 600,000 รางวัล รางวัลละ 200 บาท ทั้งนี้ เมื่อฝากสลากฯ 500,000 บาทขึ้นไป การันตีผลตอบแทน 400 บาทต่อเดือน ผลตอบแทนรวมเมื่อครบกำหนด 12,600 บาท และยังได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาและนำไปใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ของ ธ.ก.ส. ได้อีกด้วย  ในโอกาสนี้ ธ.ก.ส. ขอเชิญชวนผู้รักการออมทุกท่าน มาร่วมออมเงินที่ได้ทั้งผลตอบแทนและได้ลุ้นโชคใหญ่แบบรวยเหลือแจกทุกเดือนกับสลากออมทรัพย์ทวีสิน ชุดมรกต โดยสามารถฝากด้วยตนเองแบบง่าย สะดวก รวดเร็ว ผ่านทางแอปพลิเคชัน BAAC Mobile หรือผ่านทางเคาน์เตอร์​ ธ.ก.ส. กว่า 1,200 สาขาทั่วประเทศ โดยสลากออมทรัพย์ทวีสิน ชุดมรกต จะออกรางวัลครั้งแรกในวันที่ 16 กันยายนนี้ สำหรับผู้ฝากสลากที่ทำการฝากภายในวันที่ 15 ของเดือน จะได้รับสิทธิ์ตรวจรางวัลในเดือนนั้นๆ ซึ่งธนาคารจะโอนเงินรางวัลเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่เป็นบัญชีคู่โอนของลูกค้าทันทีในวันถัดไปหลังจากวันออกรางวัลในแต่ละงวด สามารถตรวจผลการออกรางวัลได้ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile และบริการ BAAC Connect การแจ้งเตือนผ่าน LINE Official : BAAC Family สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือที่ Call Center 02 555 0555  

22 Aug 2024


...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เปิดตัวผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำ  “SME EXTRA” จุดเด่นเป็นเงินฝากประจำระยะสั้นเพียง 3 เดือน และ  6 เดือน ให้ผลตอบแทนสูง ดอกเบี้ย 1.90% ต่อปี สำหรับฝากประจำ 3 เดือน และดอกเบี้ย 2.05% ต่อปี สำหรับฝากประจำ 6 เดือน  รับฝากขั้นต่ำ 10 ล้านบาทขึ้นไป สร้างทางเลือกสำหรับกลุ่มนิติบุคคล สถาบัน หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ในการหาแหล่งฝากเงินผลตอบแทนสูง และมีความมั่นคง ปลอดภัยสูงสุด เนื่องจาก SME D Bank เป็นสถาบันการเงินของรัฐ  โดยกระทรวงการคลังถือหุ้นถึง 99.4% ได้รับการจัดอันดับจาก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด อยู่ที่ “AAA(tha)” ซึ่งเป็นอันดับสูงที่สุดสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศ สะท้อนถึงสถานะทางการเงินมีเสถียรภาพ เข้มแข็ง ปลอดภัย และพร้อมให้บริการทางการเงินได้ครบวงจร สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มนิติบุคคล สถาบัน หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ที่สนใจใช้บริการผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำ “SME EXTRA” ติดต่อได้ที่  SME D Bank ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 ธันวาคม 2567 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ฝ่ายบริหารเงิน โทร.02-265-4465 , 02-265-4511 หรือ  Call Center 1357

21 Aug 2024

...

ธ.ก.ส. ชวนออมแบบรวยเหลือแจกไปกับสลากออมทรัพย์ทวีสิน ชุดมรกต หน่วยละ 500 บาท วงเงินรวม 1.5 แสนล้านบาท มอบโชคใหญ่ทุกเดือน มูลค่า 20 ล้านบาท และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่า 159 ล้านบาท จำนวน 24 ครั้ง ฝากครบรับผลตอบแทน ร้อยละ 0.30 ต่อปี เปิดรับฝากผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile 17 ส.ค. และที่เคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. ทุกสาขา 1 ก.ย. นี้   นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เอาใจผู้รักการออม เตรียมเปิดรับฝาก “สลากออมทรัพย์ทวีสิน ชุดมรกต” เพื่อรองรับผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ครบกำหนดและเพิ่มทางเลือกในการออมเงินที่ให้ผลตอบแทนและได้ลุ้นโชคใหญ่ หน่วยละ 500 บาท จำนวน 300 ล้านหน่วย วงเงินรวม 150,000 ล้านบาท อายุการรับฝาก 2 ปี เมื่อฝากครบกำหนด จะได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 3 บาท คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.30 ต่อปี และมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลรวม 24 ครั้ง ในทุกวันที่ 16 ของเดือน และวันที่ 17 มกราคมของทุกปี ประกอบด้วย รางวัลที่ 1 เสี่ยงหมวด จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 20,000,000 บาท รางวัลที่ 1 ต่างหมวด จำนวน 29 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท รางวัลที่ 2 จำนวน 90 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท รางวัลที่ 3 จำนวน 300 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท รางวัลที่ 4 จำนวน 600 รางวัล รางวัลละ 3,000 บาท รางวัลที่ 5 จำนวน 3,000 รางวัล รางวัลละ 1,000 บาท รางวัลเลขท้าย 4 ตัว จำนวน 30,000 รางวัล รางวัลละ 300 บาท และรางวัลเลขท้าย 3 ตัว จำนวน 600,000 รางวัล รางวัลละ 200 บาท รวมรางวัลต่องวดสูงสุดทั้งสิ้น 634,020 รางวัล จำนวน 159,100,000 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ ได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับบุคคลธรรมดาและสามารถนำไปใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ของ ธ.ก.ส.  ได้อีกด้วย โดยจะเปิดรับฝากสลากผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคมนี้ และเปิดรับฝากผ่านเคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2567 เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเปิดบัญชีเงินฝาก และขึ้นทะเบียนสลากได้ที่เคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. ทุกสาขา พร้อมลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน BAAC Mobile เพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ที่รวดเร็ว ปลอดภัย ทุกที่ทุกเวลา ทั้งการถอน โอน เติม จ่ายและการซื้อสลาก ทั้งนี้ สามารถตรวจผลการออกรางวัลและรับชมการถ่ายทอดสดการออกสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ได้ทางเว็บไซต์ www.baac.or.th Facebook Page ธกส BAAC Thailand และ ธกส บริการด้วยใจ Youtube Channel “BAAC Thailand” โดยธนาคารจะโอนเงินรางวัลเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่เป็นบัญชีคู่โอนของลูกค้าทันทีในวันถัดไป หลังจากวันออกรางวัลในแต่ละงวด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ www.baac.or.th หรือ Call Center 02 555 0555  

05 Aug 2024

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รายงานผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2567 มีกำไรสุทธิจำนวน 15.75 พันล้านบาท ลดลง 7.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักมาจากการตั้งสำรองที่รอบคอบระมัดระวัง ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานเติบโตจากการรับรู้รายได้เต็มจำนวนจากบริษัทลูกในภูมิภาคอาเซียนที่ได้ควบรวมมาในปี 2566 และกำไรจากการดำเนินงานในประเทศที่เพิ่มขึ้น   กรุงศรียังคงสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมของธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัด ในครึ่งแรกของปี 2567 การเติบโตโดยรวมของเงินให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอยู่ที่ 0.8% สะท้อนแรงสนับสนุนต่อความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของภาคธุรกิจ ขณะที่สินเชื่อเพื่อรายย่อยปรับตัวลดลง 3.5% ตอกย้ำนโยบายการให้สินเชื่อที่เข้มงวดรัดกุมภายใต้บริบทที่ภาระหนี้ของลูกหนี้ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้เงินให้สินเชื่อรวมลดลง 1.3% สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับครึ่งแรกของปี 2567: กำไรสุทธิ จำนวน 15,752 ล้านบาท ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ลดลง 7.9% หรือจำนวน 1,350 ล้านบาท จากครึ่งแรกของปี 2566 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของผลขาดทุนด้านเครดิตที่ คาดว่าจะเกิดขึ้น ตามการตั้งสำรองที่รอบคอบระมัดระวัง ทั้งนี้ กำไรจากการดำเนินงานเติบโตที่ 26.0% หรือจำนวน 9,128 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากการรับรู้รายได้เต็มจำนวนจากบริษัทลูกในภูมิภาคอาเซียนที่ได้ควบรวมมาในปี 2566 และกำไรจากการดำเนินงานในประเทศที่เพิ่มขึ้น เงินให้สินเชื่อรวม ลดลง 1.3% หรือจำนวน 25,273 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2566 โดยมีปัจจัยบางส่วนมาจากสินเชื่อเพื่อรายย่อยที่ปรับตัวลดลง 3.5% ตอกย้ำนโยบายการให้สินเชื่อที่เข้มงวดรัดกุมภายใต้บริบทที่ภาระหนี้ของลูกหนี้ยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม เงินให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังมีการเติบโตโดยรวมอยู่ที่ 0.8% จากแรงสนับสนุนต่อความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของภาคธุรกิจในช่วงครึ่งแรกของปี เงินรับฝาก เพิ่มขึ้น 4.2% หรือจำนวน 76,787 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2566 โดยมีปัจจัยหลักมาจากเงินรับฝากประจำ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 4.31% จาก 3.52% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566  โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนส่วนหนึ่งมาจากการควบรวมธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในต่างประเทศในปี 2566 แม้ต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้นก็ตาม รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 26.6% หรือจำนวน 4,708 ล้านบาท จากช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากการควบรวมธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในต่างประเทศในปี 2566 การเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายประกันภายในประเทศ การเพิ่มขึ้นของหนี้สูญรับคืน และกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน  อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ อยู่ที่ 43.3% ปรับตัวดีขึ้นจาก 43.6% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ที่ 3.05% ขณะที่สัดส่วนการตั้งสำรอง ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 243 เบสิสพอยท์ และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 128.8% อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (ของธนาคาร) อยู่ที่ 17.87% เทียบกับ 18.24% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566   นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในครึ่งแรกของปี 2567 ยังคงมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากภาคการท่องเที่ยว การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง กอปรกับการส่งออกที่เริ่มเติบโตตามสภาวะเศรษฐกิจของคู่ค้าที่ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แรงส่งของเศรษฐกิจไทยยังถูกจำกัดจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐที่ล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายภาครัฐและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยภาพรวม รวมถึงข้อจำกัดจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง” “ภายใต้บริบทความท้าทายดังกล่าว กรุงศรียังคงมีบทบาทที่สำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจและภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อต้นปีที่ผ่านมาอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ธนาคารคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจทั้งปีที่ 2.4% ภายใต้สมมุติฐานว่ากิจกรรมเศรษฐกิจไทยจะเร่งตัวขึ้นในครึ่งหลังของปี 2567” ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบเศรษฐกิจไทยจากมูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินรับฝาก และเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.99 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.92 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.77 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 307.83 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 17.87% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของคิดเป็น 13.75%  

30 Jul 2024

...

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมเป็นประธาน และสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up สำหรับธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ให้เติบโต สามารถก้าวผ่านปัญหาอุปสรรคได้อย่างเข้มแข็ง โดยมี นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวม 16 แห่ง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว โอกาสนี้ มีนายธีรัชย์ อัตนวานิช ประธานกรรมการธนาคารออมสิน นางวรนุช ภู่อิ่ม และนายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ กรรมการธนาคารออมสิน ร่วมด้วย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ แต่ปัจจุบันธุรกิจ SMEs ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งภาระต้นทุนธุรกิจสูง สภาพคล่องที่จำกัด และความต้องการแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ทุกภาคส่วนทั้งรัฐบาล กระทรวงการคลัง ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ร่วมมือกันส่งเสริมและสนับสนุน SMEs ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนจากธนาคารออมสิน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ด้วยการสนับสนุนแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 100,000 ล้านบาท ให้แก่ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อต่อให้แก่ธุรกิจ SMEs ในการรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ SMEs สามารถก้าวผ่านปัญหาอุปสรรคได้อย่างเข้มแข็ง และจะส่งผลดีต่อการขยายตัวต่อ GDP ของประเทศต่อไป นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้สั่งการให้ธนาคารออมสินเข้าช่วยเหลือ SMEs ให้มีสภาพคล่องที่เพียงพอ และเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน ในการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ด้วยการปล่อยสินเชื่อวงเงิน 100,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี ให้แก่สถาบันการเงิน ทั้งธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อต่อให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นลูกค้าเดิมหรือลูกค้าใหม่ ที่ไม่ใช่การรีไฟแนนซ์ ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 3.5% ต่อปี วงเงินสินเชื่อสูงสุดต่อรายรวมทุกสถาบันการเงินไม่เกิน 40 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ สำหรับลงทุนและเสริมสภาพคล่องในกิจการให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน โดยโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up มีสถาบันการเงินเข้าร่วมโครงการ รวม 16 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ธนาคารยูโอบี ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ธนาคารทิสโก้ และธนาคารไทยเครดิต ทั้งนี้ สามารถติดต่อยื่นขอสินเชื่อได้ที่สถาบันการเงิน ที่เข้าร่วมโครงการฯ ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่าจะครบวงเงิน    

29 Jul 2024

...

SME D Bank จับมือ NIA ลงนามความร่วมมือส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพไทย ที่มีนวัตกรรมดี ให้เข้าถึงแหล่งทุน เงื่อนไขผ่อนปรน พร้อมรับสิทธิพิเศษ 3 ปีแรกไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ควบคู่บริการพัฒนาผ่านแพลตฟอร์มอัจฉริยะ DX by SME D Bank ช่วยเสริมแกร่งเพิ่มศักยภาพธุรกิจเติบโตยั่งยืน     นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank และ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้านนวัตกรรม  โดยมีวัตถุประสงค์สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ที่มีนวัตกรรมดี ให้เข้าถึง “แหล่งทุน” และ “การพัฒนา” เพื่อนำไปยกระดับและพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ     นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ SME D Bank กล่าวว่า โลกธุรกิจปัจจุบัน มีการแข่งขันสูง  ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย จำเป็นอย่างยิ่งต้องปรับตัว เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ซึ่งการสร้าง “นวัตกรรม” คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ยกระดับเพิ่มมูลค่าให้สินค้า ทำน้อยได้มาก สร้างความโดดเด่นในตลาด มีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง หรือลดต้นทุนให้ธุรกิจได้ อย่างไรก็ตาม การสร้างนวัตกรรม เทคโนโลยี จำเป็นต้องใช้ต้นทุนสูง มักเป็นข้อจำกัดของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึง สตาร์ทอัพ ความร่วมมือครั้งนี้ระหว่าง SME D Bank  กับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA จึงมีความสำคัญ  ที่จะช่วยกันสร้างโอกาส พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี  สตาร์ทอัพ สามารถสร้างพัฒนานวัตกรรมได้อย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการสนับสนุนด้าน “การเงิน” ควบคู่ “การพัฒนา” ต่อยอดสู่ความยั่งยืน     สำหรับ “ด้านการเงิน” สนับสนุนผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ มีนวัตกรรมดี โดยผ่านการรับรองจาก NIA ให้เข้าถึงแหล่งทุนจาก SME D Bank  ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้”  เงื่อนไขผ่อนปรน ทำธุรกิจมาเพียง 1 ปี สามารถกู้ได้ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 6.5%ต่อปี พร้อมรับสิทธิประโยชน์พิเศษจากโครงการ “นวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย”  โดย NIA จะสนับสนุนอัตราดอกเบี้ยให้แทนในช่วง 3 ปีแรก  ช่วยให้ผู้ประกอบการที่มีนวัตกรรมดี ได้รับเงินทุนเงื่อนไขสุดพิเศษ ช่วง 3 ปีแรกไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเลย  สามารถนำนวัตกรรมไปต่อยอด ลงทุน ขยาย ปรับปรุง ปรับเปลี่ยน หรือหมุนเวียน สร้างกิจการเติบโตได้เต็มศักยภาพ ขณะเดียวกัน SME D Bank ยังมอบบริการ “ด้านการพัฒนา” เสริมแกร่งธุรกิจครบวงจร ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ให้บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย มีฟีเจอร์สำคัญ ได้แก่ 1. Business Health Check ระบบตรวจประเมินสุขภาพธุรกิจ 2. E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้สำคัญ เพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจ เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชม. 3. SME D Coach ที่ปรึกษาและให้คำแนะนำธุรกิจจากโค้ชมืออาชีพ 4. SME D Activity ระบบจองเข้าร่วมกิจกรรมเติมความรู้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี และ 5. SME D Market ขยายตลาดด้วย E-marketplace และจับคู่ธุรกิจ พร้อมทั้ง Privilege สิทธิประโยชน์พิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ยกระดับเพิ่มขีดความสามารถธุรกิจก้าวสู่การเป็น Smart SMEs เติบโตอย่างเข้มแข็งยั่งยืนในโลกธุรกิจปัจจุบันและอนาคต ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการรับบริการต่าง ๆ จาก SME D Bank แจ้งความประสงค์ได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น LINE Official Account : SME Development Bank เว็บไซต์ www.smebank.co.th สาขา SME D Bank ทั่วประเทศ เป็นต้น หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357        

27 Jul 2024

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน มอบรางวัลทองคำแท่งหนัก 10 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 26.5 ล้านบาท (ราคา ณ วันที่ 23 เมษายน 2567) ให้แก่ คุณกานดา กาญจนเพิ่มพูน ลูกค้าธนาคารออมสิน สาขาด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี โดยเป็นผู้โชคดีจากการถูกรางวัลสลากออมสินพิเศษ 1 ปี งวดที่ 606 หมวดอักษร G หมายเลขสลาก 8178397 เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 111 ปี ซึ่งมีการออกรางวัลไปเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยคุณกานดา เป็นลูกค้าธนาคารออมสิน และมีการออมเงินกับธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง แต่ได้มีการฝากสลากออมสินเพียง 4 ปี หลังทราบข่าวว่ามีการลุ้นรางวัลใหญ่ และเป็นการเก็บออมเงินด้วย จึงอยากเชิญชวนประชาชนให้มาออมเงินด้วยการฝากสลากออมสิน     นอกจากจะได้ลุ้นรางวัลแล้ว การเป็นลูกค้าธนาคารออมสินเท่ากับเราได้ช่วยสังคม ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 สำหรับสลากออมสินพิเศษ 1 ปี หน่วยละ 100 บาท ไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด เมื่อฝากครบกำหนด 1 ปี จะได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยหน่วยละ 0.25 บาท และยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 10 ล้านบาท และรางวัลอื่น ๆ ได้ทุกวันที่ 16 ของทุกเดือน รวม 12 ครั้ง ผู้สนใจสามารถฝากสลากออมสินได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ และแอป MyMo  

26 Jul 2024

SOCIETY-CSR /ภาพข่าว-กิจกรรมเพื่อสังคม

...

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)   ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมแบ่งปันน้ำใจบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมาก รวมถึงยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังรอการช่วยเหลือและยังติดอยู่ในพื้นที่     ทิพยประกันภัย ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความห่วงใย เปิดจุดรับบริจาคสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น น้ำดื่ม ข้าวสาร อาหารแห้ง ยารักษาโรค เสื้อผ้า และของใช้ประจำวันอื่น ๆ โดยทิพยประกันภัยจะรวบรวมและนำสิ่งของต่างๆ ที่ได้รับบริจาคไปกระจายให้กับพี่น้องที่ได้รับความเดือดร้อนและศูนย์ช่วยเหลือต่างๆต่อไป โดยท่านสามารถนำสิ่งของมาบริจาคที่     • ทิพยประกันภัย สำนักงานใหญ่ ถนนพระราม 3 กรุงเทพฯ (จ - อา เวลา 8.30 - 18.00 น.)     • ทิพยประกันภัย สาขาเชียงใหม่ ถนนเจริญเมือง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (จ - อา เวลา 6.00 - 20.00 น.)     • ทิพยประกันภัย สาขาลำปาง ถนนไฮเวย์ลำปาง-งาว อ.เมือง จ.ลำปาง (จ - อา เวลา 6.00 - 20.00 น.)     นอกจากการเปิดรับบริจาคแล้ว ทิพยประกันภัยยังส่งทีม TIP Smart Assist และหน่วยหนุมานทิพยจิตอาสาลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องในจังหวัดเชียงรายโดยตรง รวมถึงให้บริการยกรถฟรีแก่ลูกค้าและประชาชนที่ประสบภัย อีกทั้งจะเร่งดำเนินการตรวจสอบความเสียหาย และจ่ายค่าสินไหมให้แก่ลูกค้าทิพยประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมนี้ ทั้งที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินอื่นๆ โดยลูกค้าสามารถแจ้งเคลมได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านสายด่วน 1736 กด 1     “ทิพยประกันภัยขอส่งกำลังใจและความห่วงใยไปยังผู้ประสบภัยทุกคน เราจะผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปด้วยกัน” #ทิพยประกันภัย  #ห่วงใยเป็นที่สุด

16 Sep 2024


...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารประกาศแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emissions Roadmap ภายในปี 2050 เพื่อมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้า Net Zero ทั้ง 3 Scope รวมถึงกำหนดมาตรการสนับสนุนเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ เช่น การปลูกป่าทดแทนพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และการอนุรักษ์ป่า รวม 50,000 ไร่ ภายใน 10 ปี เพื่อเพิ่มอาณาเขตป่าที่เป็นแหล่งดูดซับคาร์บอน ภายใต้ชื่อโครงการ “ปลูกป้องโลก” ซึ่งธนาคารได้คิกออฟการปลูกป่าออมสิน แปลงที่ 1 ขนาด 1,600 ไร่ ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ อำเภอด่านซ้าย และอำเภอภูเรือ จังหวัดเลย โดยได้รับเกียรติจากนายอนุพงศ์ คำภูแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย นายสราวุฒิ บุญเกื้อ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงานธนาคารออมสิน นำโดย นางสาววชิรา การสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สายงานความยั่งยืน นายสุชาติ เจริญธรรม ผู้อำนวยการธนาคารออมสินภาค 10 และทีมงานทั้งจากธนาคารออมสิน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการกว่า 100 ชีวิต ได้ร่วมกันปลูกต้นกล้าพันธุ์ไม้ รวม 11 ชนิด เช่น ไม้สัก ไม้แดง ยางนา มะค่าโมง ประดู่ป่า ตะเคียนทอง ตะแบก ฯลฯ     “โครงการปลูกป้องโลก” เป็นมาตรการสนับสนุนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน Net Zero 2050 ตามมติคณะกรรมการธนาคารออมสิน ตั้งเป้าปลูกป่าทดแทนป่าเสื่อมโทรมขนาดพื้นที่ 30,000 ไร่ และการอนุรักษ์ป่าขนาดพื้นที่ 20,000 ไร่ รวมจำนวนพื้นที่ป่าโดยธนาคารออมสินตลอดระยะเวลา 10 ปี (ปี 2567 – 2576) รวม 50,000 ไร่ คิดเป็นปริมาณคาร์บอนที่ดูดซับสะสมกว่า 35,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ (tCO2) โดยโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากกรมป่าไม้ในการจัดสรรพื้นที่ปลูกป่าทดแทนให้ได้ตามเป้าหมาย (ไม่รวมพื้นที่ป่าอนุรักษ์) นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างรายได้จากการดำเนินการปลูกและบำรุงรักษาป่าให้กับชาวบ้านของชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ และเป็นการปลูกฝังสร้างจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม และกระตุ้นการใส่ใจปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแก่ชุมชนต้นน้ำอีกด้วย  

12 Sep 2024

...

นายศักดิ์สิทธิ์ คีรีศรี ผู้จัดการศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนพิษณุโลก และนายจเร พิลึก ผู้จัดการศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนนครสวรรค์ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม ข้าวสาร และเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดสุโขทัย ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ผนังแนวคันดินป้องกันน้ำท่วมถล่ม ส่งผลให้บ้านเรือนที่อยู่อาศัย และพื้นที่ประกอบอาชีพได้รับความเสียหาย โดยดำเนินการส่งมอบถุงยังชีพและของใช้จำเป็น แก่กองอำนวยการประจำหมู่บ้าน เพื่อกระจายแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง และลงเรือส่งมอบของแก่ประชาชนที่ติดอยู่ในที่พักอาศัย ณ บ้านวังใหญ่และบ้านวังทอง ตำบลวังทอง อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย     ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการใช้ “ปฏิบัติการ FIRST AID” ช่วยเหลือประชาชนนำรถยนต์ออกจากพื้นที่จุดเสี่ยง และสำรวจสถานการณ์น้ำท่วมตามเส้นทางที่ได้รับการแจ้งเหตุ พร้อมนำทีมงานวิริยะจิตอาสา ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็นแก่ ผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือในอีกหลายชุมชน อาทิ บ้านสันช้างหิน อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา และ บ้านท่าดอนไชย อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และฟื้นฟูความเสียหายหลังน้ำลดให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ววัน    

12 Sep 2024

...

บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)  และ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมจัดโครงการสร้างบุญมหากุศล  "พลังบุญทิพย 9 เดือน 9 ปีที่ 15" ในวันฤกษ์ดี ณ วัดพนัญเชิงวรวิหาร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว   คณะผู้บริหารและพนักงาน นำคณะผู้ถือหุ้นและกัลยาณมิตรธรรม กว่า 72 คน ร่วมสร้างบุญมหากุศล  โดยนิมนต์ พระธรรมรัตนมงคล ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 2 เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร  เป็นประธานสงฆ์ และพระเมธีวราภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รองเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นรองประธานสงฆ์  พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์อีกจำนวน 7 รูป  ร่วมเจริญพระพุทธมนต์  ถวายผ้าห่มองค์พระ “พระพุทธไตรรัตนนายก”  รวมถึงถวายภัตตาหารเพล สังฆทานและเครื่องจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระภิกษุสงฆ์     นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันปล่อยปลามหากุศล จำนวน 572 กิโลกรัม ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อส่งเสริมคุณธรรมและความเมตตา รวมถึงยังเป็นการสะท้อนถึงหลักธรรมาภิบาลที่บริษัทฯ ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการทำความดี บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)  และ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)  มุ่งมั่นในการส่งเสริมคุณธรรม ความกตัญญูต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นหลักการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนและสืบสานความเป็นไทยให้คงอยู่คู่แผ่นดินสืบไป

12 Sep 2024

...

เมืองไทยประกันชีวิตร่วมแสดงความยินดีกับนักกีฬาสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย และสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิก 2024 พร้อมมอบเงินสนับสนุนพิเศษเพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่สมาคมและนักกีฬา  รวม  2.3  ล้านบาท   นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทขอร่วมแสดงความยินดีกับนักกีฬาทุกท่าน ที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 นี้ ซึ่งเป็นเวทีการแข่งขันกีฬาที่มีเกียรติและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก การที่นักกีฬาเหล่านี้สามารถผ่านการคัดเลือกได้นั้น ไม่เพียงแต่แสดงถึงความสามารถและความทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นการยืนยันถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของคนไทยที่สามารถก้าวไปสู่ระดับโลกได้อย่างภาคภูมิใจ" นายสาระ กล่าวเพิ่มเติมว่า “นักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่าน ถือเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศ ทุกครั้งที่พวกเขาลงสนามแข่งขัน เราทุกคนต่างรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน และขอชื่นชมในความพยายามและการเตรียมตัวของนักกีฬาทุกท่าน เราเชื่อว่าทุกท่านได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด และเมืองไทยประกันชีวิตรู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนความสำเร็จนี้"     นอกจากนี้ นายสาระยังได้กล่าวถึงบทบาทของบริษัทในการสนับสนุนกีฬาไทย โดยเน้นย้ำว่าการสนับสนุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจของเมืองไทยประกันชีวิต ในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของคนไทยให้สามารถก้าวไปสู่ระดับสากล เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนและนักกีฬารุ่นใหม่ให้เห็นว่า ความฝันและความพยายามสามารถนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้   ทั้งนี้บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนในด้านสังคม การกีฬา และด้านอื่นเพื่อตอบแทนสิ่งดีคืนสู่สังคมตามพันธกิจในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่สังคมผ่านกิจกรรมเพื่อสังคมและมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทที่ลูกค้าให้ความวางใจ  มุ่งมั่นเป็นคู่คิดที่ลูกค้าวางใจผ่านนวัตกรรม เพื่อตอบสนองทุกความต้องการ ด้วยการทำงานที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง  ตลอดจนคำนึงถึงความสุขและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับการสนับสนุนด้านการกีฬาของเมืองไทยประกันชีวิตที่ผ่านมา บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนในระยะยาว โดยบริษัทได้เริ่มต้นให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2551 โดยให้ความคุ้มครองในด้านชีวิตและสุขภาพของนักกีฬา ซึ่งการสนับสนุนนี้ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 17 ปี และยังคงเดินหน้าต่อไปในการสนับสนุนสมาคมในอนาคต  ซึ่งการสนับสนุนกรมธรรม์ประกันชีวิตและสุขภาพกลุ่มนี้จะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล และค่าประกันอุบัติเหตุ ทุกครั้งที่ได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อมและเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกีฬาประเภทต่อสู้     นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้สนับสนุนสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2554 ถึงปี 2563 และในปี 2567 ซึ่งการสนับสนุนดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อให้ความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพของนักกีฬายกน้ำหนักไทย เพื่อให้พวกเขาสามารถเตรียมตัวและแข่งขันได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพ ในโอกาสนี้  บริษัทขอมอบเงินสนับสนุนพิเศษ  ให้แก่สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เป็นจำนวนเงิน  500,000  บาท โดยมี นายธนฑิตย์ รักตะบุตร  เลขาธิการสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับมอบ  และสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย จำนวน 500,000 บาท  โดยมี พลเอก วิสุทธิ์ เดชสกุล  เลขาธิการสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย และนางสาวดวงอักษร ใจดี นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย เป็นผู้รับมอบ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่นักกีฬาทุกท่านของสมาคมและใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ของสมาคม  และนอกจากนี้ยังมอบเงินสนันสนุนพิเศษ ให้แก่  1. นางสาวพาณิภัค  วงศ์พัฒนกิจ (เทนนิส)  นักกีฬาเหรียญทองเทควันโด รุ่น 49 กิโลกรัม หญิง  เป็นจำนวนเงิน  500,000  บาท  2. นายธีรพงศ์  ศิลาชัย (ฟ่าง)  นักกีฬาเหรียญเงิน ยกน้ำหนักชายรุ่น  61 กิโลกรัม จำนวนเงิน  300,000  บาท    3. นายวีรพล  วิชุมา (เวฟ) นักกีฬาเหรียญเงิน  ยกน้ำหนักชายรุ่น 73 กิโลกรัม  จำนวนเงิน  300,000  บาท  4. นางสาวสุรจนา  คำเบ้า (ออย)  นักกีฬาเหรียญทองแดง ยกน้ำหนักหญิงรุ่น 49 กิโลกรัม  จำนวนเงิน  200,000  บาท       ซึ่งรวมมูลค่าการสนับสนุนพิเศษ เป็นจำนวนเงิน  2.3  ล้านบาท   “การมอบเงินสนับสนุนพิเศษในครั้งนี้ บริษัทตั้งใจที่จะเป็นแรงผลักดันและแรงสนับสนุนให้กับนักกีฬาไทย เพื่อให้สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศไทย  และบริษัทยังมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการกีฬาในระดับประเทศและนานาชาติต่อไป เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนและนักกีฬามืออาชีพได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพของตนเอง และก้าวสู่ความสำเร็จในเวทีระดับโลกอย่างมั่นคงต่อไปในอนาคต” นายสาระกล่าวสรุป

09 Sep 2024

...

เอไอเอ ประเทศไทย มอบน้ำดื่มขนาด 600 มล. จำนวน 6,000 ขวด เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแก่ผู้ประสบอุทกภัยใน 2 พื้นที่ของเชียงราย ผ่านสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยมีนางพรทิพย์ อินทวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน คปภ. จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่เพื่อมอบน้ำดื่มสะอาดให้แก่ศูนย์รับบริจาคชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านตำบลบ้านแซวเพื่อพี่น้องประสบภัยน้ำท่วม ตำบลบ้านแซว  อำเภอเชียงแสน และศูนย์ประสานงานผู้ประสบภัยเทศบาลตำบลเม็งราย จังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ ตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้ลงพื้นที่เพื่อมอบถุงยังชีพที่เพื่อนพนักงานและพลังตัวแทนร่วมกันบรรจุอาหาร น้ำดื่ม และของใช้ที่จำเป็น จำนวนกว่า 2,500 ชุด มอบให้แก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ อ.เมือง อ.ท่าวังผา อ.ปัว อ.เวียงสา จังหวัดน่าน อ.เชียงของ อ.เวียงแก่น อ.เทิง จังหวัดเชียงราย อ.เมือง อ.หนองม่วงไข่ อ.ร้องกวาง อ.สูงเม่น อ.สอง จังหวัดแพร่ อ.เมือง อ.สวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย อ.เชียงม่วง จ.พะเยา และ อ.ฟากท่า อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์     สำหรับการเร่งให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยอุทกภัยในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงพลังเพื่อส่งมอบขวัญกำลังใจไปยังพี่น้องประชาชนที่ประสบความยากลำบากได้มีน้ำดื่มสะอาด อาหาร และสิ่งของจำเป็นไว้ใช้อุปโภค-บริโภค ซึ่งตอกย้ำถึงพันธกิจ AIA One Billion ที่เอไอเอมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการสนับสนุนให้คนไทยและผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’       ทั้งนี้ เอไอเอ ขอแสดงความห่วงใยและส่งกำลังใจให้ถึงผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกครอบครัว รวมถึงเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติในเร็ววัน  

07 Sep 2024

...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยนายจักรกริช ชีวนันทพรชัย (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เป็นผู้แทนบริษัทฯ รับรางวัลบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ได้คะแนน 100 คะแนนเต็ม ติดต่อกัน 10 ปี จากงานมอบรางวัล  Investors' Choice Award ครั้งที่ 5 ประจำปี 2567 โดยมีนายยิ่งยง นิลเสนา (ซ้าย) นายกสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย เป็นผู้มอบรางวัล ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 โดยบริษัทฯ ได้รับการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น 100 คะแนนเต็ม ดีเยี่ยมสมควรเป็นแบบอย่าง มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ด้วยบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการจัดประชุมผู้ถือหุ้นมาโดยตลอด และมีความมุ่งมั่นในการกำกับดูแลกิจการที่ดี พร้อมทั้งการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียอย่างเท่าเทียมกัน

06 Sep 2024

BUSINESS-MARKETING/ธุรกิจ-การตลาด-ขายตรง-SME

...

Funding Societies แพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจ SME ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศยุทธศาสตร์ส่งสินเชื่อเพื่อการค้าแบบ B2B ที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันรุก 4 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญได้แก่ ธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ ธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค(FMCG) คอนแทรคเตอร์โครงการภาครัฐฯ  และ ธุรกิจด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม หลังเล็งเทรนด์ขาขึ้น มีดีมานด์ดี ศักยภาพในการเติบโตสูง   โดยตั้งเป้าสินเชื่อธุรกิจกลุ่มนี้จะมีอัตราเติบโตที่ 20 % ของพอร์ต คาดเป็นเม็ดเงินสินเชื่อปล่อยใหม่กว่า 400 ล้านบาท    นางสาว เอื้ออารีย์ อัจฉริยบุญ Country Head ประจำ Funding Societies ประเทศไทย กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวบ้างในบางช่วง แต่ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง Funding Societies ภายใต้การให้บริการของ FS Capital Co., Ltd. ที่เชี่ยวชาญในการให้กู้ยืมโดยตรงแก่ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก จึงยังคงมองวงจรความต้องการสินเชื่อของผู้ประกอบการ SME ว่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดการณ์การเติบโตของพอร์ตสินเชื่อโดยรวมจะอยู่ที่ 30% ซึ่งจะได้รับแรงสนับสนุนร่วมจากการปล่อยสินเชื่อใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว ประกอบกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ Funding Societies เองที่ตอบโจทย์ความต้องการของ SME ได้ 360 องศา “SME มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจ คิดเป็นกว่า 95% ของธุรกิจทั้งประเทศ ซึ่งมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นวัตกรรม การผลิต การดำเนินโครงการต่างๆ และการจัดการสิ่งแวดล้อม เราจึงจะยังคงเดินหน้าสนับสนุน SME ที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินต่างๆ ให้ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนต่อไป เพื่อให้พวกเขาสามารถคว้าโอกาสในการเติบโตได้อย่างยั่งยืน”  “เราเล็งเห็นความต้องการที่มีความหลากหลายของ SME สินเชื่อเพียงประเภทเดียวจึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการได้อย่างครบถ้วน Funding Societies จึงมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินในรูปสินเชื่อเพื่อการค้าต่างๆ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ SME ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งสินเชื่อจาก Funding Societies มาใน 5 รูปแบบได้แก่ สินเชื่อหมุนเวียนจากลูกหนี้การค้า (Invoice Financing) ซึ่ง SME สามารถนำบิลหรือใบแจ้งหนี้มาเปลี่ยนเป็นเงินหมุนเวียนทำงานใหม่ได้โดยไม่ต้องรอเครดิตเทอมจากคู่ค้า สินเชื่อใบสั่งซื้อ (PO Financing) เพื่อจ่ายค่าสินค้าและบริการล่วงหน้าไปยังซัพพลายเออร์ สินเชื่อธุรกิจโครงการ (Project Financing) สำหรับผู้รับเหมาจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐฯและเอกชนในการทำโครงการให้แล้วเสร็จ สินเชื่อระยะสั้น (Business Term Loan) หรือสินเชื่ออเนกประสงค์ และสินเชื่อกลุ่ม Express สำหรับ SME ขนาดเล็กลงมา   ซึ่ง SME สามารถยื่นขอสินเชื่อ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องเข้ามาที่สาขา ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่ง Funding Societies สามารถให้การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อ SME ได้ถึง 15 ล้านบาทต่อราย”  นางสาว เอื้ออารีย์ กล่าว ในสภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังเติบโต และผู้ประกอบการ SME ที่ยังคงประสบความท้าทายในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในหลายมิติ Funding Societies พร้อมทำหน้าที่เคียงข้างช่วย SME ก้าวผ่านความท้าทายทางการเงิน ปลดล็อกข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจเพื่อช่วยผู้ประกอบการคว้าโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน สำหรับ SME ที่มีความสนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Funding Societies ได้ที่  https://fundingsocieties.co.th/ * หมายเหตุ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นการให้บริการของบริษัท เอฟเอส แคปปิตอล จำกัด และไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงาน ก.ล.ต.

16 Aug 2024


...

ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา CEO บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมแสดงความกับะนักธุรกิจซูเลียนขึ้นรับรางวัล นักธุรกิจขายตรงดีเด่นประจำปี 2024  ในโครงการส่งเสริมจรรยาบรรณการขายตรงโลก ที่จัดโดย สมาคมขายตรงไทย ( TDSA ) เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติยศให้แก่นักธุรกิจขายตรงดีเด่น โดยมี นักธุรกิจซูเลียนอีก 3 ท่าน ได้แก่ ชายแดน ภูทับทิม, วิลินรัตน์ ยานยา และ บูลกิต นิธิศรีสกุล ขึ้นรับรางวัล ณ ห้องรอยัลจูบิลี่ ชาเลนเจอร์ ชั้น1 อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อวันก่อน

05 Aug 2024

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “Krungsri SME Boost Up” ภายใต้โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up สำหรับผู้ประกอบการ SME ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ในรูปแบบของวงเงินสินเชื่อ ดอกเบี้ยพิเศษ 3.5% ในช่วง 2 ปีแรก ให้วงเงินสูงสุด 40 ล้าน ระยะผ่อนสูงสุด 7  ปี เพื่อให้ SME นำไปใช้เป็นเงินทุนสำหรับลงทุนขยายกิจการหรือปรับปรุงกิจการ หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ ซึ่งเป็นการช่วยเสริมสภาพคล่อง ลดต้นทุนทางการเงิน และใช้ลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่ต้นทุนการผลิตปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นและยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SME ทำให้กำไรลดลงและอาจประสบปัญหาด้านสภาพคล่อง สถานการณ์นี้ทำให้ SME มีความต้องการเงินทุนดอกเบี้ยต่ำอย่างเร่งด่วนเพื่อเสริมสภาพคล่องและปรับปรุงธุรกิจ กรุงศรีจึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ‘Krungsri SME Boost Up’ ซึ่งเป็นสินเชื่อภายใต้โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการ SME ทุกขนาด ครอบคลุมทั้งธุรกิจรายย่อย ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยผลิตภัณฑ์นี้มีจุดเด่นที่อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3.5% สองปีแรก พร้อมวงเงินสูงสุดถึง 40 ล้านบาท และระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุดถึง 7 ปี โดยกรุงศรีได้ออกแบบผลิตภัณฑ์นี้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ SME ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายกิจการ การปรับปรุงธุรกิจ หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่อง ลดต้นทุนทางการเงิน และสนับสนุนการลงทุนเพื่อยกระดับศักยภาพการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ธุรกิจ” “ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นตั้งใจของกรุงศรีในการสนับสนุนภาคธุรกิจ SME ทุกขนาด ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งนี้ กรุงศรีได้วางเป้าหมายสนับสนุนสินเชื่อนี้ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท ซึ่งนอกเหนือการสนับสนุนทางการเงินแล้ว ยังเสริมโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้า SME ด้วยเครือข่ายแข็งแกร่งของกรุงศรีและ MUFG ผ่านแพลตฟอร์มจับคู่ธุรกิจออนไลน์ Krungsri Business Link ที่ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 6,000 บริษัท และเสริมด้วยกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ Krungsri Business Matching และบริการที่ปรึกษา Krungsri ASEAN LINK สำหรับการขยายธุรกิจในอาเซียนอีกด้วย” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สาขาของธนาคาร หรือติดต่อผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าของธนาคาร หรือศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจกรุงศรี โทร. 02-296-6262 หรือ 02-626-6262 โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด  

30 Jul 2024

...

เคทีซีเผยภาพรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่จีนช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นมากกว่า 500% พร้อมเดินหน้าดำเนินธุรกิจด้วยการมอบประสบการณ์พิเศษให้กับสมาชิกที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวที่สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึง ฮ่องกง / มาเก๊า / ไต้หวัน /เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ทุกประเภทและบัตรกดเงินสดเคทีซี พราว ยูเนี่ยนเพย์ รับเครดิตเงินคืน 3% ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 – วันที่ 30 กันยายน 2567 นายธศพงษ์ รังควร ผู้บริหารสูงสุดสายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท    บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีที่ประเทศจีนมียอดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่า 500%รับอานิสงส์มาตรการยกเว้นวีซ่าระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะเดียวกันเคทีซียังคงให้ความสำคัญกับเรื่องการมอบประสบการณ์พิเศษสำหรับลูกค้า (Customer Experience) จึงได้มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ทุกประเภทและบัตรกดเงินสดเคทีซี พราว ยูเนี่ยนเพย์ ด้วยเครดิตเงินคืน 3% เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ร้านค้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน / ฮ่องกง / มาเก๊า / ไต้หวัน /เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ เป็นสกุลเงินต่างประเทศ (ยกเว้นยอดใช้จ่ายรายการออนไลน์) ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 – วันที่ 30 กันยายน 2567 โดยสมาชิกสามารถลงทะเบียนก่อน หรือภายในวันที่มียอดใช้จ่ายเกิดขึ้น ที่ www.ktc.co.th/upieastasia  ลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวต่อ 1 หมายเลขบัตรตลอดรายการ นายธศพงษ์  กล่าวเสริมว่า ข้อดีของการใช้บัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ทุกประเภท ที่ประเทศจีน สมาชิกสามารถชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน QR PAY ได้สะดวกสบายโดยไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก และมีความปลอดภัย รวมถึงการจ่ายค่าธรรมเนียมอัตราความเสี่ยงการแปลงสกุลเงินต่างประเทศเพียง 2% เท่านั้นจากอัตราปกติ 2.5% ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ktc.co.th/upieastasia หรือสอบถามรายละเอียดที่ KTC PHONE โทรศัพท์ 02 123 5000 สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ www.ktc.co.th/apply/credit-card-une หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ  หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

23 Jul 2024

...

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ LG (แอลจี) ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน จากการคว้ารางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2024 แบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไทย ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้า เป็นครั้งที่ 4 โดยรางวัลดังกล่าวเป็นผลจากการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคไทยจากทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการเป็นบริษัทผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผู้บริโภคไว้วางใจ พร้อมเดินหน้าส่งต่อนวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่าให้กับผู้บริโภค ตามสโลแกน ‘Life’s Good.’ ต่อไปในอนาคต คุณอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องซักผ้าของแอลจีได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคเสมอมา เห็นได้จากการที่แอลจีสามารถครองอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าทุกประเภทติดต่อกันยาวนานถึง 26 ปี ด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 35% สำหรับการได้รับรางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไทยจาก Marketeer No.1 Brand Thailand ในปีนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของแอลจี รางวัลนี้จึงเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ และจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้แอลจีมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ทั้งเครื่องซักผ้าสำหรับครัวเรือน เครื่องซักผ้าเชิงพาณิชย์ และเครื่องซักผ้าในระดับอุตสาหกรรม พร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยีเหนือชั้นจากแอลจี ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมซักผ้า AIDD™ ที่ช่วยเลือกโปรแกรมการซักให้เหมาะสมกับเนื้อผ้า ช่วยถนอมเนื้อผ้าและยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น ฟังก์ชัน Steam+™ ในเครื่องซักผ้าที่สามารถขจัดสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99.9% พร้อมช่วยลดรอยยับของผ้าได้ถึง 30% และฟังก์ชัน TurboWash™ 360 ที่ช่วยให้ทำความสะอาดผ้าได้อย่างทั่วถึงภายในเวลาเพียง 30 นาที แต่ยังคงถนอมผ้าได้ดังเดิม รวมไปถึงการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน ThinQ™ ให้ใช้งานได้สะดวกสบายยิ่งขึ้นผ่านการสั่งการด้วยโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อส่งมอบนวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่าให้กับผู้บริโภค ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นสูงสุดในการดำเนินงานของเรา” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 02-057-5757 และดูข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมติดตามกิจกรรมต่างๆ จากแอลจีได้ทาง Website: www.lg.com/th    Facebook: www.facebook.com/LGThailand   Instagram: www.instagram.com/lg_thailand   X: https://x.com/LG_Thailand   YouTube: www.youtube.com/@lgthailand   Line: https://page.line.me/lgthailand

23 Jul 2024

...

นายพีระพงศ์  พิตรพิบูลพาทิศ ผู้บริหารสูงสุด สายงานสำนักกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า “เคทีซีเตรียมจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดี ครั้งที่ 33 ในวันอาทิตย์ ที่ 18 สิงหาคม 2567 ระหว่างเวลา 09.00-15.00 น. ณ ห้องทับทิมสยาม 4 - 5 ชั้น 5 โรงแรมสุนีย์ แกรนด์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยเปิดให้ผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานระหว่างวันที่  5 มิถุนายน 2567 - 5 สิงหาคม 2567  โดยเคทีซีร่วมกับกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรรม กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง (KTBL) และบริษัท วินเพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด จะลงพื้นที่สัญจรเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเคทีซีและลูกค้ากรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง (KTBL) ที่อาศัยในจังหวัดอุบลราชธานีและพื้นที่ใกล้เคียงในภาคอีสาน ได้รับโอกาสในการเจรจาชำระหนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมบังคับคดีเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยเพื่อหาแนวทางยุติคดี โดยที่ลูกหนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย”   “ผู้สนใจเข้าร่วมมหกรรมไกล่เกลี่ยฯ สามารถลงทะเบียนได้โดยสแกน QR Code   หรือติดต่อเจ้าหน้าที่แผนกประนอมหนี้ โทร. 02-631-3399, 02-631-3668, 02-631-3600, 02-631-3666, 02-631-3700 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/mediation  สำหรับเอกสารประกอบการเจรจาที่ต้องเตรียมมาในวันงานมหกรรมไกล่เกลี่ยฯ ประกอบด้วย 1. สำเนาบัตรประชาชนของลูกค้า (รับรองสำเนาถูกต้อง) 2. กรณีรับมอบอำนาจไกล่เกลี่ยแทน จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนผู้ใช้บัตร (รับรองสำเนาถูกต้อง) และสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (รับรองสำเนาถูกต้อง)” ทั้งนี้ ในการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยฯ ครั้งล่าสุดที่จังหวัดสุราฎร์ธานี มีลูกค้าเข้าร่วมงานและรับเงื่อนไขการชำระจำนวน 889 ราย  รวมเป็นภาระหนี้กว่า 85 ล้านบาท สำหรับผู้ประสงค์รับคำปรึกษาและรับการเจรจาชำระหนี้ทั่วไป สามารถติดต่อแผนกประนอมหนี้ได้ที่โทร. 02-631-3399 , 02-631-3668 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00 น. – 17.00 น.     

10 Jul 2024

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เปิดเผยความคืบหน้าของแคมเปญ “กรุงศรี มั่งมี ช้อป ใช้กรุงศรี มั่งมี ทุกร้าน” จัดคาราวานลงพื้นที่พบปะร้านค้าธุรกิจ SME ในย่านการค้า ตลาดขนาดใหญ่ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองใช้บริการแอปพลิเคชัน กรุงศรี มั่งมี ช้อป (Krungsri Mung-Mee SHOP) โดยตรง ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา โดยมียอดธุรกรรมเพิ่มขึ้นประมาณ 30% และมีร้านค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลงพื้นที่พบปะกับลูกค้าทั่วประเทศในแคมเปญ “กรุงศรี มั่งมี ช้อป ใช้กรุงศรี มั่งมี ทุกร้าน” นี้ ทำให้เรามีโอกาสแนะนำและสร้างการรับรู้ให้กับร้านค้ารายย่อยมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ยอดธุรกรรมและจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เรายังได้รับข้อมูลเชิงลึก (Insight) จากลูกค้าที่เป็นประโยชน์นำมาใช้พัฒนาแอปพลิเคชัน เพื่อตอบโจทย์ร้านค้าได้ดียิ่งขึ้น ทำให้แอปพลิเคชันกรุงศรี มั่งมี ช้อป เข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ชีวิตพ่อค้าแม่ค้าง่ายขึ้น ตอกย้ำแนวคิดของกรุงศรี SME ที่พร้อมช่วยเหลือและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการร้านค้า SME ทุกระดับ ให้สามารถค้าขาย ทำธุรกิจได้อย่างคล่องตัว “หนึ่งในฟีเจอร์ของแอปพลิเคชัน กรุงศรี มั่งมี ช้อป ที่ได้รับความสนใจจากร้านค้า คือ ความสามารถในการรองรับการจ่ายเงินของนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่าน WeChat และ Alipay ซึ่งทำให้เห็นถึงโอกาสในการขายสินค้าของตนเองได้มากขึ้น โดยธนาคารเริ่มเห็นปริมาณธุรกรรมที่เกิดขึ้นผ่าน WeChat และ Alipay เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 3 เท่า สะท้อนถึงการพัฒนาฟีเจอร์และระบบรองรับการชำระเงินที่ดีมีประสิทธิภาพ ช่วยปิดการขายได้มากขึ้น” นางสาวดวงกมล กล่าว ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา กรุงศรี ได้จัดแคมเปญ “กรุงศรี มั่งมี ช้อป ใช้กรุงศรี มั่งมี ทุกร้าน” นำคาราวานและขบวนพาเหรดลงพื้นที่พบปะร้านค้าธุรกิจ SME ในย่านการค้า ตลาดขนาดใหญ่ ที่มีกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ใน 6 จังหวัด ทั้งในกรุงเทพฯ ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี สมุทรสงคราม เชียงใหม่ และสงขลา ทำให้เข้าถึงร้านค้า SME จำนวนมาก โดยทีมงานได้แนะนำฟีเจอร์และบริการต่างๆ ให้กับร้านค้าอย่างใกล้ชิด ทำให้ร้านค้าสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการเพิ่มยอดขายและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น แอปพลิเคชัน กรุงศรี มั่งมี ช้อป เป็นระบบรับชำระเงินสำหรับร้านค้า SME ที่สามารถแก้ Pain Point ของลูกค้าได้ดีเยี่ยม นอกจากจะสามารถรับชำระเงินทั้งค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ผ่าน QR Codeได้จากหลากหลายช่องทาง ทำให้รับเงินได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังมีฟีเจอร์การแจ้งเตือนพร้อมเสียงพูดให้ทันที จึงวางใจจากภัยมิจฉาชีพ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้กรุงศรี มั่งมี ช้อป สามารถใช้บริการทั้งการขายหน้าร้าน การขายผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลคอมเมิร์ซ โดยการสร้าง QR รับชำระเงินและส่งเรียกเก็บเงินทาง Facebook Messenger, Instagram และ LINE ได้ส่วนผู้ซื้อสินค้าและบริการจะจ่ายด้วยช่องทางการเงินแบบใดก็ได้ ทั้งสแกน QR จากโมบาย แบงก์กิ้ง แอปหรือจะใช้แอปพลิเคชันบัตรเครดิต Visa / Master Card นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวชาวจีนก็สามารถจ่ายได้ด้วยกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) Alipay, WeChat Pay, QR Code และนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ กัมพูชา มาเลเซีย ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และ ฮ่องกง สามารถสแกนจ่ายได้ Krungsri Mung-Mee SHOP จึงไม่ใช่แค่เป็นเครื่องมือดิจิทัลที่ตอบโจทย์ลูกค้าคนไทย แต่ยังเปิดโอกาสทางการค้าสำหรับร้านค้าที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติพร้อมอำนวยความสะดวกด้านบัญชี โดยจะสรุปยอดขาย แยกยอดขายให้เห็นชัดเจน และตรวจสอบสลิปได้ในแอปเดียว ร้านค้าที่สนใจและมีบัญชีกรุงศรีและใช้งาน KMA krungsri app อยู่แล้ว สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Krungsri Mung-Mee SHOP สมัครใช้งานได้ทันที ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สาขาของธนาคาร ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/personal/banking-services/e-solution/mungmee-shop หรือ Krungsri Call Center 1572 และสาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยาทั่วประเทศ

07 Jul 2024

ราชการ - รัฐวิสาหกิจ / ENERGY - พลังงาน

...

ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายสั่งการให้ธนาคารออมสิน เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงรายที่ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่อยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอแม่สาย ที่ธนาคารออมสินภาค 9 ได้รับมอบนโยบายลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า อาทิ ถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็น เพื่อใช้บรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น   ทั้งนี้ ธนาคารออมสินได้ออกชุดมาตรการทางการเงินเพื่อลดภาระของผู้ประสบภัย ประกอบด้วย มาตรการพักหนี้และลดดอกเบี้ย โดยให้พักชำระเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยครึ่งหนึ่ง ส่วนดอกเบี้ยที่เหลืออีกครึ่งธนาคารลดให้ เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ทั้งบุคคล และ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท ไม่รวมลูกค้าสินเชื่อตามธุรกรรมนโยบายรัฐ (PSA) หรือโครงการผ่อนปรนอื่น ๆ โดยแจ้งความประสงค์ขอเข้ามาตรการผ่านทางเว็บไซต์ธนาคารออมสิน หรือติดต่อธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป     นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ผ่อนเกณฑ์อนุมัติ แบบไม่ต้องมีหลักประกันและไม่มีผู้ค้ำประกัน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกินรายละ 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% ใน 3 เดือนแรก และปลอดชำระเงินงวดนาน 3 เดือน จากนั้นเดือนที่ 4 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 0.60% และสินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัย สำหรับลูกค้าธนาคารออมสินและประชาชนทั่วไป ที่จำเป็นต้องซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยซึ่งได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม วงเงินกู้สูงถึง 100% ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยลดพิเศษเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.233% ต่อปี ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 2% ปีที่ 2 - 3 = 3.85% ต่อปี (MRR-2.745%) และปีที่ 4 เป็นต้นไป = 5.845% ต่อปี (MRR-0.750%)     นอกเหนือจากมาตรการทางการเงินแล้ว ยังมีมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย อาทิ วิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่ เปิด “คลินิกสารพัดซ่อม” เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหาย เป็นต้น และยังได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินในพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนและให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าประชาชนที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายผลความช่วยเหลือไปยังพื้นที่รับน้ำอื่น ๆ ด้วย ธนาคารออมสินขอร่วมส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการช่วยเหลือในทุกพื้นที่ให้มีความปลอดภัยและขอให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้โดยเร็ว  

16 Sep 2024


...

  ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม พัฒนาระบบรับชำระเงินกองทุนประกันสังคมผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ด้วยระบบ Payment เพื่อเพิ่มช่องทางการรับชำระเงินกองทุนประกันสังคมสำหรับผู้ประกันตน และเป็นการยกระดับการให้บริการนำส่งเงิน สมทบผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ให้สามารถนำส่งเงินสมทบรายเดือนได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile เพียงผู้ประกันตนกรอกหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และตรวจความถูกต้องของจำนวนเงินที่นำส่งสมทบ และยืนยันรายการ ระบบของธนาคารจะส่งข้อมูลการนำส่งเงินสมทบให้สำนักงานประกันสังคมแบบออนไลน์ทันที โดยฟรีค่าธรรมเนียม สามารถใช้บริการได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

15 Sep 2024

...

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน  และให้กำลังใจการปฏิบัติงานของพนักงาน ธ.ก.ส. ในพื้นที่จังหวัดนครพนม ได้แก่ สาขานาแก สาขาธาตุพนม สาขาเรณูนครสาขาเมืองนครพนม และสาขาย่อยนาถ่อน โดยติดตามการดำเนินโครงการสินเชื่อ เงินด่วนคนดี ที่สนับสนุนให้กลุ่มสมาชิก อสม. และ อสส. ได้มีเงินทุนสำหรับนำไปใช้จ่ายและแบ่งเบาภาระของครอบครัวแทนการกู้เงินนอกระบบ รายละไม่เกิน 20,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.67 ต่อเดือน ผ่อนชำระเพียงเดือนละ 500 บาท สูงสุดไม่เกิน 48 เดือน และการเตรียมความพร้อมสำหรับการปล่อยสินเชื่อเงินด่วนคนดี อสม. กึ่งแสน และ อสส. สำหรับลูกค้ารายเดิมที่ชำระเงินตรงงวดครบ 4 เดือน วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน  50,000 บาท ผ่อนชำระ 600 บาทต่อเดือน 123 งวด เริ่มวันที่ 9 กันยายนนี้ ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ     รวมถึงการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2567 และการฟื้นฟูศักยภาพในการประกอบอาชีพ ภายใต้มาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย และพบปะพูดคุยกับลูกค้า เพื่อสอบถามความคิดเห็นในการใช้บริการและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า อาทิ สลากขวัญถุง ผลิตภัณฑ์เงินฝากที่สนับสนุนการออมเงินสำหรับเยาวชนอายุ 7-18 ปี หน่วยละ 20 บาท อายุรับ ฝาก 6 ปี เมื่อฝากครบกำหนดรับดอกเบี้ยทันที 2.50% ต่อปี พร้อมลุ้นรับทุนการศึกษาทุกงวด มูลค่า 10,000 บาท จำนวน  100 รางวัล และรางวัลพิเศษ ปีละ 2 ครั้ง ในเดือนมกราคมและเดือนกันยายน มูลค่ารางวัลละ 100,000 บาท     “สลากออม ทรัพย์ ธ.ก.ส.ชุดถุงเงิน” ที่ให้ผลตอบแทนและลุ้นโชคแบบรวยกระจาย ในราคาหน่วยละ 100 บาท ลุ้นโชครางวัลมูลค่า 100,000 บาท จำนวน 900 รางวัลทุกเดือน และรางวัลพิเศษ มูลค่า 1,000,000 บาท ปีละ 1 ครั้ง “สลากออมทรัพย์ ทวีสิน ชุดมรกต” เพิ่มโอกาสการออมแบบรวยเหลือแจกในราคาหน่วยละ 500 บาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้สนใจซื้อสลากไปแล้วกว่า 60,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถฝากได้ทุกที่ทุกเวลาบนแอปพลิเคชัน BAAC Mobile และเคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. ทุกสาขาใกล้บ้าน โดยมีคณะผู้บริหารและพนักงาน ธ.ก.ส. ในพื้นที่ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567

08 Sep 2024

...

SME D Bank ออกมาตรการเร่งด่วน ช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ผ่านมาตรการ “พัก-ลด-ขยาย-ปรับ-เติม” บรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่าย ช่วยฟื้นฟูกิจการ ผ่านสินเชื่อ​ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้” วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำธุรกิจมาเพียง 1 ปี ก็กู้ได้          นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เปิดเผยว่า ตามที่หลายจังหวัด ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ  ธนาคารได้ออกมาตรการเร่งด่วน “พัก-ลด-ขยาย-ปรับ-เติม” ช่วยเหลือลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบ ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ เพชรบูรณ์ อุดรธานี ระยอง และภูเก็ต ครอบคลุมพื้นที่ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย จะมีประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติเพิ่มเติมต่อไป  ได้แก่ “พัก” พักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 12 เดือน ,  “ลด” ลดค่างวดผ่อนชำระเหลือจ่ายดอกเบี้ยเพียง 50% สูงสุด 12 เดือน​ , “ขยาย” ขยายระยะเวลาการชำระหนี้สูงสุด 7 ปี / ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาเงินสูงสุด 120 วัน , “ปรับ” ปรับเปลี่ยนหนี้ระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี และ “เติม”เติมทุนฟื้นฟูกิจการ ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อ​ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้”  เงื่อนไขผ่อนปรน สร้างโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำธุรกิจมาเพียง 1 ปี สามารถกู้ได้ วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท  อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MLR-1.0% หรือ 6.50% ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุด 7 ปี พร้อมปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 6 เดือน  โดยการช่วยเหลือจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามผลกระทบและความสามารถในการชำระของแต่ละกิจการ นอกจากนั้น ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ธนาคารจากส่วนกลาง และในพื้นที่เข้าเยี่ยมเยือนและสำรวจความเสียหายเพื่อช่วยเหลือได้ทันท่วงที รวมถึง ดำเนินการมอบสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน   พร้อมเปิด Call Center 1357  ไว้คอยรับแจ้งขอความช่วยเหลือ   ดังนั้น  ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในครั้งนี้ มั่นใจได้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือและดูแลจาก SME D Bank อย่างใกล้ชิด ทั่วถึง และทันท่วงที  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357  

29 Aug 2024

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในหลายจังหวัดของประเทศ ได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของลูกค้าประชาชนเป็นอย่างมาก ธนาคารออมสินได้ออกชุดมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน ตามนโยบายรัฐบาล ทั้งพักหนี้ ลดดอกเบี้ย และมาตรการสินเชื่อ สำหรับมาตรการพักหนี้เพื่อแบ่งเบาภาระลูกหนี้ธนาคารออมสินที่ได้รับผลกระทบในช่วงนี้ โดยให้พักชำระเงินต้น เวลา 3 เดือน จ่ายดอกเบี้ยครึ่งหนึ่ง ส่วนดอกเบี้ยที่เหลืออีกครึ่งธนาคารลดให้ เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ทั้งบุคคล และ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท ไม่รวมลูกค้าสินเชื่อแก่ลูกหนี้ตามธุรกรรมนโยบายรัฐ (PSA) หรือโครงการผ่อนปรนอื่น ๆ ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ขอเข้ามาตรการผ่านทางเว็บไซต์ธนาคารออมสิน หรือติดต่อธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม หลังครบกำหนดผ่อนผันพักชำระหนี้ครบ 3 เดือนแล้ว ให้ชำระเงินงวดตามสัญญาเดิม หากยังไม่สามารถชำระหนี้ต่อได้ สามารถปรึกษากับเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินเพื่อหาแนวทางอื่นต่อไป     ส่วนผู้ประสบภัยที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้ฉุกเฉิน สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ 2 ประเภท ได้แก่ สินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ผ่อนเกณฑ์อนุมัติ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน หรือฟื้นฟูอาชีพ ไม่ต้องมีหลักประกันและไม่มีผู้ค้ำประกัน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกินรายละ 10,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 15 เดือน โดย 3 เดือนแรก อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% ต่อเดือน และปลอดชำระเงินงวดนาน 3 เดือน หลังจากนั้นเดือนที่ 4 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.60% ต่อเดือน สามารถติดต่อขอสินเชื่อที่ธนาคารออมสินสาขาภายใน 30 วันนับตั้งแต่ประสบภัย โดยเปิดให้ยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัย สำหรับลูกค้าเดิมและประชาชนทั่วไปที่บ้านเรือนหรือที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม มีความจำเป็นต้องต่อเติมหรือซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย ให้วงเงินกู้สูงถึง 100% ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยลดพิเศษเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.233% ต่อปี ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 2% ปีที่ 2 - 3 = 3.85% ต่อปี (MRR-2.745%) และปีที่ 4 เป็นต้นไป = 5.845% ต่อปี (MRR-0.750%)     อนึ่ง ธนาคารออมสิน พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยมอบหมายให้ธนาคารออมสินในพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนมอบถุงยังชีพและความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ลูกค้าประชาชนที่ประสบเหตุ พร้อมทั้งเตรียมขยายผลไปยังพื้นที่รับน้ำอื่น ๆ รวมถึงเตรียมร่วมมือกับภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะวิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่ จัดตั้ง “คลินิกสารพัดซ่อม” เพื่อให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด ในการดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซม ทั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัย อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน รถจักรยานยนต์ และอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหาย ตลอดจนสำรวจความต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมด้านต่าง ๆ ต่อไป  

28 Aug 2024

...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขอแจ้งเตือนภัยกรณีมีกลุ่มมิจฉาชีพแอบอ้างใช้บัญชีปลอมและตัดต่อคลิปวิดีโอประชาสัมพันธ์การขอสินเชื่อของธนาคาร เพื่อใช้ในการโฆษณาเงินกู้นอกระบบ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ โดย ธอส. ขอยืนยันว่า ไม่มีนโยบายในการปล่อยสินเชื่อนอกระบบ ดังนั้น จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการทั้งหมดนี้ อย่างไรก็ตาม ธนาคารอยู่ระหว่างดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มมิจฉาชีพที่ตัดต่อ คลิปวิดีโอดังกล่าว โดยธนาคารขอเตือนไปยังผู้ที่พบเห็นคลิปวิดีโอนี้ อย่าหลงเชื่อกลโกงหรือดำเนินการ ตามที่มิจฉาชีพแจ้งอย่างเด็ดขาด และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์   ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องของธนาคารอาคารสงเคราะห์ สามารถติดตามได้ที่ www.ghbank.co.th หรือ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์    

26 Aug 2024

...

ธ.ก.ส. ! เตือนภัยลูกค้าและประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าหลอกลวงติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ หรือแอปพลิเคชัน ดูดเงิน ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้รับแจ้งเรื่องเหตุภัยทางการเงินจากรูปแบบดังกล่าวตั้งแต่เดือนมิถุนายน –  สิงหาคม 2567 ไปแล้วกว่า 70 ครั้ง    นายไพศาล  หงษ์ทอง ผู้ช่วยผู้จัดการและโฆษกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธนาคารให้ความสำคัญในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันรูปแบบการหลอกลวงของมิจฉาชีพมีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อลูกค้าของธนาคารจำนวนมาก โดยช่วงเดือนมิถุนายน – 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา สำนักจัดการและป้องกันการกระทำทุจริต ได้มีการรายงานพบผู้เสียหายจากรูปแบบการหลอกลวงในลักษณะติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในโทรศัพท์ หรือแอปพลิเคชันดูดเงินมีจำนวน 76 ครั้ง ซึ่งการหลอกลวงของมิจฉาชีพในลักษณะดังกล่าว ส่วนใหญ่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า แจ้งว่าได้รับเงินค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้าคืน เมื่อลูกค้าหลงเชื่อ จะมีการส่งข้อความให้เพิ่มเพื่อนผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Line จากนั้น มิจฉาชีพให้ติดตั้งและตั้งรหัสผ่านในการเข้า โปรแกรม PEA Smart Plus ปลอม เหมือนรหัสในการเข้า BAAC Mobile เมื่อกรอกข้อมูลและกดยืนยันเรียบร้อยแล้ว หน้าจอโทรศัพท์จะขึ้นแสดงเปอร์เซ็นต์การดาวน์โหลดระหว่างนั้นโทรศัพท์จะไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เมื่อดาวน์โหลดเสร็จสิ้นพบว่ามีเงินออกจากบัญชีไปแล้ว ทั้งนี้  ลูกค้าสามารถสังเกตได้ง่ายๆ อาทิ มิจฉาชีพจะให้ลูกค้าเพิ่มเพื่อนผ่านแอปพลิเคชัน Line ชื่อ PEA ซึ่งไม่ใช่ Line Official ของการไฟฟ้ามีการติดตั้งแอปพลิเคชัน PEA Smart Plus ปลอม ผ่าน Google play store  ธ.ก.ส. จึงเตือนภัยลูกค้า และประชาชนอย่างหลงเชื่อมิจฉาชีพในลักษณะแอบอ้างดังกล่าวเด็ดขาด หากไม่แน่ใจโปรดติดต่อโดยตรงที่ธนาคาร หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 555 0555 ต่อ 111 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง    

26 Aug 2024

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายสั่งการให้ธนาคารออมสิน เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงรายที่ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่อยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอแม่สาย ที่ธนาคารออมสินภาค 9 ได้รับมอบนโยบายลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า อาทิ ถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็น เพื่อใช้บรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น   ทั้งนี้ ธนาคารออมสินได้ออกชุดมาตรการทางการเงินเพื่อลดภาระของผู้ประสบภัย ประกอบด้วย มาตรการพักหนี้และลดดอกเบี้ย โดยให้พักชำระเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยครึ่งหนึ่ง ส่วนดอกเบี้ยที่เหลืออีกครึ่งธนาคารลดให้ เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ทั้งบุคคล และ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท ไม่รวมลูกค้าสินเชื่อตามธุรกรรมนโยบายรัฐ (PSA) หรือโครงการผ่อนปรนอื่น ๆ โดยแจ้งความประสงค์ขอเข้ามาตรการผ่านทางเว็บไซต์ธนาคารออมสิน หรือติดต่อธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป     นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ผ่อนเกณฑ์อนุมัติ แบบไม่ต้องมีหลักประกันและไม่มีผู้ค้ำประกัน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกินรายละ 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% ใน 3 เดือนแรก และปลอดชำระเงินงวดนาน 3 เดือน จากนั้นเดือนที่ 4 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 0.60% และสินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัย สำหรับลูกค้าธนาคารออมสินและประชาชนทั่วไป ที่จำเป็นต้องซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยซึ่งได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม วงเงินกู้สูงถึง 100% ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยลดพิเศษเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.233% ต่อปี ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 2% ปีที่ 2 - 3 = 3.85% ต่อปี (MRR-2.745%) และปีที่ 4 เป็นต้นไป = 5.845% ต่อปี (MRR-0.750%)     นอกเหนือจากมาตรการทางการเงินแล้ว ยังมีมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย อาทิ วิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่ เปิด “คลินิกสารพัดซ่อม” เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหาย เป็นต้น และยังได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินในพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนและให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าประชาชนที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายผลความช่วยเหลือไปยังพื้นที่รับน้ำอื่น ๆ ด้วย ธนาคารออมสินขอร่วมส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการช่วยเหลือในทุกพื้นที่ให้มีความปลอดภัยและขอให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้โดยเร็ว  

16 Sep 2024

...

  ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม พัฒนาระบบรับชำระเงินกองทุนประกันสังคมผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ด้วยระบบ Payment เพื่อเพิ่มช่องทางการรับชำระเงินกองทุนประกันสังคมสำหรับผู้ประกันตน และเป็นการยกระดับการให้บริการนำส่งเงิน สมทบผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ให้สามารถนำส่งเงินสมทบรายเดือนได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile เพียงผู้ประกันตนกรอกหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และตรวจความถูกต้องของจำนวนเงินที่นำส่งสมทบ และยืนยันรายการ ระบบของธนาคารจะส่งข้อมูลการนำส่งเงินสมทบให้สำนักงานประกันสังคมแบบออนไลน์ทันที โดยฟรีค่าธรรมเนียม สามารถใช้บริการได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

15 Sep 2024

...

เอไอเอ ประเทศไทย จับมือกับ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด ในเครือบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ร่วมมอบประกันอุบัติเหตุฟรี ผลประโยชน์ความคุ้มครองสูงถึง 100,000 บาท พร้อมค่าชดเชยรายได้เมื่อนอนโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุวันละ 500 บาท* คุ้มครองนาน 30 วันนับจากวันลงทะเบียน พิเศษสำหรับสมาชิก แอปพลิเคชัน Max Me โดยสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน  ถึง 31 ตุลาคม 2567 เพื่อสนับสนุนให้ผู้ขับขี่บนท้องถนนได้มีประกันอุบัติเหตุเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจขึ้นได้แบบไม่คาดคิด นอกจากนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้มอบสิทธิพิเศษ กรมธรรม์ประกันชีวิตวงเงินคุ้มครอง 50,000 บาท ให้แก่สมาชิก PT Max Card Plus อีกด้วย สอดคล้องกับพันธกิจของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในนามของเอไอเอ ประเทศไทย เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันอย่าง กลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี ในการมอบสิทธิประโยชน์ด้านประกันอุบัติเหตุให้แก่สมาชิก แอปพลิเคชัน Max Me รวมทั้งมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตแก่สมาชิก PT Max Card Plus โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และนอกเหนือจากนี้ เรายังร่วมกันอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก PT Max Card ได้เข้าถึงข้อมูลประกันชีวิตและประกันสุขภาพได้ง่าย ๆ ผ่าน แอปพลิเคชัน Max Me อีกทั้งเพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้มีประกันเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการขับขี่บนท้องถนน เรายังได้นำเสนอแบบประกันออนไลน์  อาทิ แบบประกันอุบัติเหตุ Micro100 ให้แก่สมาชิก PT Max Card ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลประกันต่าง ๆ ผ่านช่องทางของ แอปพลิเคชัน Max Me ได้ และในอนาคตอันใกล้นี้  เอไอเอ และ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส ยังมีแผนร่วมกันนำเสนอสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่น่าสนใจแก่สมาชิก PT Max Card อีกมากมาย เพื่อเดินหน้าส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น” นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่า “ความร่วมมือกับ เอไอเอ เป็นการต่อยอดความสำเร็จของการให้บริการเงินแก่สมาชิก PT Max Card ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me นอกเหนือจากบริการสินเชื่อ และประกันวินาศภัย ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ของ กลุ่ม บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี ที่ต้องการเชื่อมให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข" ในทุกด้านของช่วงชีวิต โดยเรามองว่า ประกันชีวิตเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญกับคนไทยทุกคน เป็นทั้งหลักประกันความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและสมาชิก PT Max Card เข้าถึงข้อมูล ความรู้ และเข้าใจถึงความสำคัญของประกันชีวิตผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Max Me พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมาย เพื่อตอบแทนลูกค้าและสมาชิกผู้มีอุปการะคุณเสมอมา จึงได้เกิดความร่วมมือกับ เอไอเอ ในครั้งนี้ขึ้น” นอกจากนี้เรายังมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในกรณี สมาชิก PT Max Card ซื้อประกันเอไอเอที่ร่วมรายการ โดยมีเบี้ยประกันภัยรวมต่อปีขั้นต่ำ 10,000 บาท รับ Max Point สุดคุ้ม สูงสุด 1,000 แต้ม* เมื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านช่องทางที่กำหนด ผู้ที่สนใจรับสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุฟรี สามารถลงทะเบียนได้ที่ แอปพลิเคชัน Max Me ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน  ถึง 31 ตุลาคม 2567 สำหรับสมาชิก PT Max Card Plus สามารถลงทะเบียนรับกรมธรรม์ประกันชีวิตวงเงินคุ้มครอง 50,000 บาท ได้ที่ website : https://crmpartner.pt.co.th/maxplus  ตั้งแต่ วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ธันวาคม 2567 หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนรับสิทธิ์สามารถติดต่อ PT Call Center โทร 1614 หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครอง กรุณาติดต่อ เอไอเอ คอลเซ็นเตอร์ โทร. 1581   หมายเหตุ: *ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์ **เงื่อนไขโปรโมชันเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด เอไอเอขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ยกเลิก แก้ไขรายละเอียดหรือเงื่อนไขต่างๆ โดยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผ่านช่องทางสื่อสารของบริษัท ****ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครอง รวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครอง ของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง  

07 Sep 2024

...

  เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลังพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำ จัดแคมเปญ ผ่อนชิล รับเงินคืนฉ่ำ ๆ โปรโมชันผ่อนค่าเบี้ยสบาย ๆ 0% หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13% กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ตอบโจทย์ความต้องการ และเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าในการชำระเบี้ยประกันภัย     นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงเดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าอย่าง       ไม่หยุดยั้งผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ นวัตกรรม และเครือข่ายพันธมิตรที่ครอบคลุมทุกรูปแบบ     การใช้ชีวิต ล่าสุด บริษัทฯ ได้ผนึกกำลังพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำ ประกอบด้วย บัตรเครดิตกสิกรไทย    บัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์  บัตรเครดิตยูโอบี  และบัตรเครดิต KTC  จัดโปรโมชันสุดพิเศษ         เพื่อตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ต้องการชำระค่าเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิต ให้สะดวกสบายและปลอดภัยในการทำธุรกรรมการเงิน โดยมีโปรโมชันให้เลือก ดังนี้ โปรโมชันผ่อนชิล ผ่อน 0% นาน 6 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ และชำระค่าเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น  ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์สลิปผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย บัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท หรือบัตรเครดิตยูโอบี  โปรโมชันผ่อน 0% นาน 4 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ชำระค่าเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น  ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์ สลิป ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย หรือบัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท หรือโปรโมชันผ่อนสั้น ๆ  0%  นาน 3 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่และชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์สลิปผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย     บัตรเครดิตเครือ กรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท บัตรเครดิตยูโอบี และบัตรเครดิต KTC ที่มียอดชำระเบี้ยประกันภัย 10,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และต่อเซลส์สลิป  ทั้งนี้จะต้องเป็นแบบประกันภัยที่สามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ ยกเว้นแบบประกันชีวิตชำระเบี้ยประกันภัยครั้งเดียว หรือชำระเบี้ยประกันภัยต่ำกว่า 5 ปี, แบบประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA), แบบประกันชีวิตควบการลงทุนทั้งแบบยูนิต ลิงค์ (Unit-Linked) และแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) การชำระเบี้ยประกันภัยนั้นต้องเป็นเบี้ยประกันภัยปีแรกและชำระแบบรายปี โดยแนบสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพหรือโรคร้ายแรงแบบใดก็ได้ รวมถึงกรมธรรม์แบบบำนาญสามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ โดยไม่จำเป็นต้องแนบสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพและโรคร้ายแรง สำหรับการซื้อประกันภัยใหม่ในทุกช่องทางการขายของบริษัท ยกเว้น การขายผ่านธนาคารกสิกรไทย โปรดตรวจสอบ  โปรโมชันการชำระผ่านบัตรเครดิตเพิ่มเติมที่สาขาธนาคารกสิกรไทยทั่วประเทศ สิทธิพิเศษ...สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ แบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life)       รับสิทธิผ่อนชำระ 0% นาน 6 เดือน  เมื่อเลือกชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปี ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย และมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 40,000 บาทขึ้นไป (เบี้ยประกันภัยหลักรวมเงินออมเพิ่มเติม)    ต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป หรือโปรโมชันผ่อนสั้นๆ  0%  นาน 3 เดือน เมื่อเลือกชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปี ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย และมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป  (เบี้ยประกันภัยหลักรวมเงินออมเพิ่มเติม) ต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป และสำหรับลูกค้าต่ออายุกรมธรรม์ รับสิทธิผ่อนชำระค่าเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ 0% นาน 3 เดือน ช่องทางแอปพลิเคชัน MTL Click ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย และบัตรเครดิตเครือ   กรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท  โดยมียอดชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และ  ต่อเซลล์สลิป และทุกโหมดการชำระเบี้ยประกันภัย  โดยโปรโมชันผ่อนชำระ 0% ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ สามารถใช้โปรโมชันได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2567 นี้ และยังมีโปรโมชันสุดคุ้ม รับเงินคืนฉ่ำ ๆ  สำหรับการชำระผ่านบัตรเครดิต KTC รับเครดิต     เงินคืนสูงสุด 13% และสิทธิพิเศษ 2 ต่อ โดยต่อที่ 1 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 1% (รับสิทธิ์ทันทีโดยไม่ต้องแลกคะแนน) เมื่อชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกและเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ สำหรับทุกโหมดชำระเบี้ยประกันภัย เฉพาะการชำระเบี้ยประกันภัยเต็มจำนวนเท่านั้น สำหรับแบบประกันภัยที่สามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ ยกเว้นแบบประกันชีวิตควบการลงทุน Unit-linked  และต่อที่ 2  คะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนน แลกรับเครดิตเงินคืน 12% หรือ 120 บาทเมื่อชําระค่าเบี้ยประกันภัยของเมืองไทยประกันชีวิต ทั้งเบี้ยประกันภัยปีแรกและ/หรือเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ โปรโมชันเริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคม –  31 ธันวาคม 2567 สำหรับการชำระผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย เมื่อแบ่งจ่ายรายเดือนผ่าน KBank Smart Pay 0% นาน 6 เดือน สำหรับลูกค้าซื้อกรมธรรม์ใหม่แบบรายปีเท่านั้น รับคะแนน K Point เพิ่มสูงสุด 50,000 คะแนน เมื่อมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป ลงทะเบียนทุกครั้งก่อนทำรายการ  และโปรโมชันแลกคะแนน K Point รับเครดิตเงินคืน 10% สำหรับยอดชำระเต็มจำนวนหรือแบ่งจ่าย ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย  โปรโมชันเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2567 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.muangthai.co.th/th/campaign/promotion   หมายเหตุ - เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด -โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย -ลูกค้าธนาคาร UOB ที่ถือบัตรเครดิตภายใต้แบรนด์ Citi สามารถเข้าร่วมโปรโมชันนี้ได้ -ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี    

03 Sep 2024

Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner