Responsive image

Wednesday, 06 Aug 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัว “AIA Health Happy – UDR” ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ ยืนหนึ่งเรื่องสุขภาพเด็กแบบ ‘เหมา เบิ้ล คุ้ม’

Fri 27/08/2564


เอไอเอ ประเทศไทย ตอกย้ำการเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่ง ประกาศรุกตลาดประกันในกลุ่มเด็ก ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ ‘AIA Health Happy – UDR’ สัญญาเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต AIA Issara Plus โดยเป็นการผสานระหว่างความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพให้ครอบคลุม 360 องศา เพื่อส่งมอบความอุ่นใจแก่ผู้ปกครอง พร้อมตอบโจทย์ครบทุกความต้องการด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของบุตรหลาน โดดเด่นด้วยความคุ้มครองแบบ ‘เหมา เบิ้ล คุ้ม’ ไม่จำกัดวงเงินต่อการเข้ารักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง เพิ่มความคุ้มครองค่าห้องผู้ป่วยในถึง 365 วัน[1] นอกจากนี้ยังได้รับผลประโยชน์สูงสุดเพิ่มเป็น 2 เท่า[2] ต่อเนื่องรวมเป็น 4 ปีกรรมธรรม์หากเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง รวมถึงบริการเสริมพิเศษจาก Medix[3] เดินหน้าปักธงยืนหนึ่งในด้านผลิตภัณฑ์ประกันในกลุ่มเด็กที่ดีและตอบโจทย์ที่สุด ควบคู่กับการเสริมแกร่งความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมประกันชีวิตด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เป็นระยะเวลากว่า 83 ปี ที่เอไอเอ ประเทศไทย ได้รับความไว้วางใจจากคนไทยในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรมประกันชีวิตของประเทศ ด้วยจำนวนกว่า 1 ใน 3 ของกรมธรรม์ประกันชีวิตในประเทศไทยเป็นของเอไอเอ วันนี้เรามองเห็นโอกาสในตลาดประกันสำหรับเด็กในการมอบความคุ้มครองที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการในแต่ละช่วงชีวิต เพื่อช่วยให้ผู้ปกครองที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ประกันที่ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพของบุตรหลาน ได้คลายความกังวลใจเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี ควบคู่กับการเพิ่มโอกาสให้บุตรหลานได้เข้ารับการรักษาที่ดีขึ้นเมื่อเจ็บป่วย ตามคำมั่นสัญญา‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ ‘AIA Health Happy – UDR’ที่เราออกมาใหม่เพื่อเป็นสัญญาสุขภาพเพิ่มเติมแนบไปกับกรมธรรม์หลักนั้น จะทำหน้าที่เป็นเสมือนเกราะป้องกันให้ผู้ที่ถือกรมธรรม์สามารถก้าวผ่านทุกอุปสรรคในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด 19
ที่ปัจจุบันยังคงมีความน่าเป็นห่วง และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไหร่”

สัญญาสุขภาพเพิ่มเติม AIA Health Happy – UDR คือทางเลือกสำหรับผู้ที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิต AIA Issara Plus ในการรับความคุ้มครองที่มากขึ้นและครอบคลุมยิ่งขึ้น ประกอบด้วย 4 แผนประกัน ที่มีมูลค่าความคุ้มครองเริ่มต้นตั้งแต่ 1 ล้านบาท และสูงสุดที่ 25 ล้านบาทต่อรอบปีกรมธรรม์ โดยมีอายุรับประกันภัยตั้งแต่ 1 เดือน – 75 ปี สามารถต่ออายุถึง 84 ปี และคุ้มครองต่อเนื่องไปจนอายุ 85 ปี โดยผู้เอาประกันสามารถใช้สิทธิ์ได้ ณ โรงพยาบาลชั้นนำโดยไม่ต้องสำรองเงินสด ทั้งนี้เบี้ยประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายจะถูกนำไปลงทุนในกองทุนรวม ให้ผู้ถือกรมธรรม์ได้อุ่นใจในระยะยาว พร้อมเพิ่มความมั่นคงให้กับความไม่แน่นอนตลอดทุกช่วงของชีวิต ภายใต้คอนเซ็ปต์ เหมา-เบิ้ล-คุ้ม

เหมา  –  รับผลประโยชน์แบบเหมาจ่าย[4]  ในส่วนของค่ารักษาพยาบาล

เบิ้ล   –   รับผลประโยชน์สูงสุดเพิ่มเป็น 2 เท่า ต่อเนื่องรวมเป็น 4 ปีกรมธรรม์ กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงครั้งแรก

คุ้ม    –   รับบริการจัดการดูแลผู้ป่วยรายบุคคลโดย Medix ที่พร้อมให้คำปรึกษาทางการแพทย์ ตลอดจนการดูแล
               รักษาจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก สำหรับแผนความคุ้มครอง 15 ล้านบาท และ 25 ล้านบาท
               รวมถึงเบี้ยประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายจะถูกนำไปลงทุนในกองทุนรวม

โดยผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ AIA Health Happy – UDR เริ่มขายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://bit.ly/3iSAjkG หรือ ติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ AIA Call Center
โทร. 1581 ตลอด 24 ชั่วโมง

หมายเหตุ:

[1] ค่าห้องฯ และค่าห้อง ICU รวมกันแล้วไม่เกิน 365 วัน

[2] ผลประโยชน์สูงสุดเพิ่มเป็น 2 เท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัยเมื่อป่วยเป็นโรคร้ายแรงครั้งแรก

[3] รายละเอียดและเงื่อนไขสำหรับการพิจารณา การให้สิทธิประโยชน์ การให้บริการต่างๆ เป็นไปตามนโยบายการให้บริการ
     ของ Medix ซึ่ง Medix เป็นบริษัทนอกกลุ่มบริษัทเอไอเอ และอยู่นอกเหนือจากการบริหารงานของเอไอเอ ทางเอไอเอจะ
     ไม่รับผิดชอบต่อการบริการผลิตภัณฑ์ และข้อเสนอใดๆ ที่นำเสนอโดย Medix

[4] ผลประโยชน์เหมาจ่ายในบางรายการ สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากกรมธรรม์ เมื่อรวมผลประโยชน์ในทุก
     หมวดแล้วต้องไม่เกินผลประโยชน์สูงสุดต่อรอบปีกรมธรรม์

*ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเพื่อประกอบการนำเสนอเท่านั้น ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดรวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครองของผลิตภัณฑ์ประกันภัย ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง

 


Tags : เอไอเอ เอไอเอ ประเทศไทย กฤษณ์ จันทโนทก


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

SME D Bank ห่วงใยประชาชน และเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม สอดคล้องนโยบายรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง และ ธปท. ได้แก่ พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย  สูงสุด 12 เดือน ควบคู่เติมทุนฉุกเฉิน เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ  ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี สระแก้ว จันทบุรี และตราด นอกจากนั้น เปิดสายด่วน 1357 รับแจ้งขอความช่วยเหลือทันท่วงที พร้อมเปิดรับบริจาคสิ่งของนำไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยและทหารหาญ    นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบจากเหตุปะทะตามแนวพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน รวมถึง การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งทางตรงและทางอ้อม SME D Bank มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม หลังจากมีมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนเบื้องต้นไปแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต้องการให้สถาบันการของรัฐเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา   สำหรับมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมดังกล่าว  ครอบคลุมความช่วยเหลือในพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี สระแก้ว จันทบุรี และตราด มุ่งเน้นช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ลดภาระทางการเงิน สามารถประคับประคองธุรกิจ  ก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ด้วยดี และฟื้นฟูกิจการได้โดยเร็ววัน  ได้แก่  มาตรการ “พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย” สำหรับลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม   ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย สำหรับกลุ่มเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term loan) สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน สัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) และสินเชื่อแฟคตอริ่ง ขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินออกไปอีกสูงสุด 180 วัน และสามารถพักชำระดอกเบี้ยได้   มาตรการ “เติมทุนฉุกเฉิน เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ” สำหรับลูกค้าเดิมได้รับผลกระทบทางตรง เพื่อให้มีวงเงินกู้ฉุกเฉิน นำไปฟื้นฟูธุรกิจเฉพาะหน้า วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท ถึงสูงสุด 200,000 บาท (บุคคลธรรมดา สูงสุด 100,000 บาท และนิติบุคคล สูงสุด 200,000 บาท)  อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดกระบวนการนำส่งเอกสารในการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงเป็นการเร่งด่วน อีกทั้ง ธนาคารยังมีสินเชื่อช่วยเหลือเพิ่มเติม สำหรับเสริมสภาพคล่อง  ลงทุน ยกระดับธุรกิจ ภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ได้แก่ 1.สินเชื่อ “SME Green Productivity” 2.สินเชื่อ “ปลุกพลัง SME” และ 3.สินเชื่อ “Beyond ติดปีก SME”   นอกจากนั้น SME D Bank  ยังเปิดศูนย์รับแจ้งขอความช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับประชาชน และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึง สาธารณภัยต่างๆ  ผ่าน Call Center 1357 และเปิดศูนย์รับบริจาคอาหาร ของใช้ ยารักษาโรค หรือสมทบทุน  เพื่อนำไปมอบให้แก่ประชาชน ทหาร และผู้ปฏิบัติหน้าที่ ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาไปจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2568 นี้  ณ หน้าสำนักงานใหญ่ SME D Bank อาคาร SME Bank Tower   ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการเข้ารับมาตรการต่าง ๆ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคาร เช่น สาขา SME D Bank ทุกแห่งทั่วประเทศ ,  LINE Official Account : SME Development Bank , เว็บไซต์  www.smebank.co.th เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Aug 2025

...

บอร์ด ธ.ก.ส. มีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหาร และ ตชด. วีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ที่บิดา - มารดา หรือคู่สมรสเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา อันส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร โดยมีทั้งทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ตลอดจนที่อยู่อาศัยรวมถึงพื้นที่ทำกินได้รับความเสียหาย และเพื่อให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์ลูกหนี้  และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ กรณีบุตร คู่สมรส ของลูกค้า ธ.ก.ส. ที่เป็นทหาร หรือ ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง  

01 Aug 2025

...

นายวีระชัย อมรถกลสุเวช รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา รวมถึงเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศที่ยังคงรุนแรงและส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนมาก ธนาคารออมสินจึงเร่งออกมาตรการ “พักหนี้อัตโนมัติ ไม่คิดดอกเบี้ย” เพื่อช่วยบรรเทาภาระของลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมีอยู่จำนวนกว่า 40,000 บัญชี คิดเป็นเงินต้นกว่า 9,000 ล้านบาท มาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย นาน 3 เดือน – ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ธนาคารยกให้ ไม่ต้องจ่ายคืน! ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อทุกกลุ่ม (ยกเว้นบางประเภทตามเงื่อนไข*) โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญ คือ พักชำระหนี้อัตโนมัติ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 3 เดือน โดยดอกเบี้ยในช่วงเวลาพักหนี้ธนาคารยกให้ทั้งหมด ลูกหนี้ไม่ต้องชำระภายหลัง และเมื่อพักหนี้ครบกำหนด ลูกหนี้ชำระหนี้ตามเงื่อนไขสัญญาเดิม เป็นลูกหนี้ที่มีภูมิลำเนา ที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ประกอบอาชีพในพื้นที่ภัยพิบัติตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ธนาคารจะส่ง SMS หรือจดหมาย ส่งตรงถึงผู้ที่ได้รับสิทธิ์ กรณีไม่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการ ลูกหนี้สามารถติดต่อแจ้งสาขาที่สะดวก หรือแจ้งที่ GSB Contact Center โทร. 1115 กรณีลูกหนี้ได้รับ SMS หรือจดหมายจากธนาคาร แต่ไม่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักหนี้ สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ ธนาคารจะนำเงินงวดไปตัดลดต้นเงินทั้งจำนวน ธนาคารออมสินขอส่งกำลังใจไปยังพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมยืนยันว่าจะอยู่เคียงข้างและให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อให้ลูกค้ากลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th *หมายเหตุ : ไม่รวมสินเชื่อบางประเภท เช่น สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่, สินเชื่อชีวิตสุขสันต์, สินเชื่อตามนโยบายรัฐ (PSA) และสินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้ประจำ

30 Jul 2025

...

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP ตอกย้ำความแข็งแกร่งทางธุรกิจในระดับสากล ด้วยการได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงิน (Financial Strength Rating) ที่ระดับ A- (Excellent) จาก AM Best สถาบันจัดอันดับเครดิตชั้นนำระดับโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 พร้อมคงมุมมองมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “การได้รับอันดับเครดิตระดับ A- (Excellent) ต่อเนื่องถึง 7 ปี พร้อมคงมุมมองมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงความมั่นคงทางการเงินของบริษัทฯ การบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล” “ความสำเร็จในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทิพยประกันภัยในการยกระดับมาตรฐานองค์กร พร้อมส่งมอบบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกสถานการณ์ โดยไม่หยุดพัฒนาเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้น คู่ค้า และประชาชนอย่างยั่งยืน” การประเมินอันดับเครดิตของ AM Best พิจารณาจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของทิพยประกันภัย ทั้งในด้านการรับประกันภัย การลงทุน และการบริหารความเสี่ยงอย่างรัดกุม แม้เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ซึ่งล้วนตอกย้ำถึงความพร้อมของบริษัทในการดูแลลูกค้าและส่งมอบบริการที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยอันดับเครดิตระดับ A- (Excellent) พร้อมคงมุมมองมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) นี้ ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของทิพยประกันภัยในการยกระดับมาตรฐานองค์กร พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ

30 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner