Responsive image

Saturday, 26 Apr 2025

LATEST NEWS

INSURANCE/ประกันภัย-ประกันชีวิต

...

“ประกันติดโล่” โบรกเกอร์ โดย บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) ส่ง “คาราวานบรรเทาซวย” เดินสายจัดกิจกรรม (Troop Marketing) เพื่อสื่อสารให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของประกันภัย ไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ เริ่มตั้งแต่พื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างย่านถนนพระราม 2 เส้นทางโดยสารเรือคลองแสนแสบ ย่านอโศก พร้อมพงษ์ รัชดา ถนนสีลม-สาทร พร้อมทั้งยังแจกฟรี “แผ่นบรรเทาซวย” โดยใช้ไอเดียจาก “แผ่นบรรเทาปวด” มาตีความใหม่อย่างสร้างสรรค์เพื่อสื่อสารว่า “ความคุ้มครองก็ช่วยบรรเทาความซวยได้เช่นกัน” พร้อมออกแบบข้อความอิงตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็น “ลดอาการปวดหลัง” จากการแบกรับหนี้ที่ความซวยพุ่งชน “ลดอาการเข่าอ่อน” เมื่อเห็นบิลความซวยถล่มใส่ “ลดอาการใจสั่น” หลังเสียเงินก้อนจากเหตุการณ์ซวยๆ ที่เกิดขึ้นทั้งกับทรัพย์สินหรือตัวเราเอง ซึ่งภายใน “แผ่นบรรเทาซวย” ยังมีสิทธิรับฟรีประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Micro Insurance) รับประกันภัยโดย บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน (นับตั้งแต่วันที่สมัคร) โดยสามารถลงทะเบียนได้ระหว่างวันที่ 16 มี.ค. 2568 – 30 มิ.ย. 2568 จำนวน 50,000 กรมธรรม์ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://tidlor.info/41t2bRv ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ “บรรเทาซวย” โซเชียลแคมเปญล่าสุดจาก “ประกันติดโล่” โดยการหยิบยกนำคำว่า “ซวย” ซึ่งถือเป็นคำง่ายๆ ที่คนไทยคุ้นเคย และใช้กันติดปากในชีวิตประจำวัน เวลาเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ร้ายๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัย และวางแผนรับมือกับภาระค่าใช้จ่ายที่ตามมาจากเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะบ่อยครั้งที่เหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาการเงินตามมาในอนาคต นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันเจตนารมณ์ของ “ประกันติดโล่” ที่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความคุ้มครองด้านประกันภัยได้เพิ่มขึ้นและทั่วถึง “ประกันติดโล่” แบรนด์นายหน้าประกันอันดับ 1 ในรูปแบบ Face to Face พร้อมให้คำแนะนำและเสนอขายประกันอย่างใกล้ชิดจากพนักงานมืออาชีพมากกว่า 5,000 คน พร้อมบริการจาก Call Center 1501 ที่เปิดให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมข้อมูลประกันติดโล่เพิ่มเติมได้ที่ www.prakantidloh.com และ Facebook Fan page ประกันติดโล่ หรือติดต่อสอบถามได้ที่ Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 1501 ตลอด 24 ชม.

22 Apr 2025


...

  กรุงเทพประกันชีวิต เตรียมจัดงานสัมมนาครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 2568 Bangkok Life Grand Open House นำโดย คุณจักรพงศ์ แสงแก้ว ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายงานตัวแทนและที่ปรึกษาการเงิน ที่จะเปิดบ้านต้อนรับผู้บริหารตัวแทน ตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน ตลอดจนผู้มุ่งหวังที่จะเข้าสู่อาชีพนักขายรุ่นใหม่เพื่อร่วมเส้นทางกับงานที่จะทำให้เปลี่ยนชีวิตสู่อิสรภาพทางการเงิน พิเศษ ช่วง Special Talk กับ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ผู้ดำเนินรายการชื่อดังของไทยจาก The Standard ในรายการ Morning Wealth และ 8 Minute ที่จะมาร่วมแชร์แนวคิดของ “งานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ: Live a Life Beyond Imagination” ในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568 ระหว่าง 9.30 – 12.00 น. ณ ห้องประชุม ชิน โสภณพนิช ชั้น 11 อาคารสำนักงานใหญ่ กรุงเทพประกันชีวิต (วงศ์สว่าง) พร้อมรับฟังความรู้อีกมากมายจากตัวแทนและที่ปรึกษาการเงินระดับท็อปของกรุงเทพประกันชีวิต ที่จะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์บนเส้นทางแห่งความสำเร็จ พร้อมเปิดมุมมองใหม่กับอาชีพที่สามารถก้าวข้ามทุกข้อจำกัดสู่ชีวิตดี  ๆ แบบที่เคยฝันทั้งรายได้และอิสรภาพในการบริหารเวลา สามารถเติบโตก้าวหน้าได้ตามความสามารถ โดยผู้ร่วมงานคนใหม่ที่ยังไม่มีรหัสตัวแทน รับทันที เสื้อ T- Shirt “งานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ” พร้อมลุ้นของรางวัลมากมายในงาน สำหรับผู้บริหารที่ชวนผู้มุ่งหวังร่วมงาน รับทันทีกระเป๋าชอปปิง 1 ใบ

22 Apr 2025

...

ตามที่ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ได้สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ตลอด 7 วัน ระหว่างวันที่ 11 - 17 เมษายน 2568 พบว่ามีการเกิดอุบัติเหตุ รวม 1,538 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 253 ราย ผู้บาดเจ็บ 1,495 คน โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด,ดื่มแล้วขับ,ตัดหน้ากระชั้นชิด และรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดร้อยละ 83.34 สำหรับผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ พบว่า มีผู้เสียชีวิตที่ได้รับความคุ้มครองจากรถคันที่เกิดเหตุมีประกันภัย พ.ร.บ.ร้อยละ 54 มีผู้เสียชีวิตที่ไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันภัย พ.ร.บ. เนื่องจากรถคันที่เกิดเหตุไม่พบการมีประกันภัย พ.ร.บ.อีกร้อยละ 46             สิทธิของผู้ประสบภัยจากรถที่มีประกันภัย พ.ร.บ.นั้น บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมกับบริษัทประกันภัย ได้ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต ด้วยการจ่ายค่าสินไหมทดแทนภายใน 24 ชั่วโมง ให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตและครอบครัวผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนนเพื่อช่วยเหลือเยียวยาทันที โดยความคุ้มครองที่ผู้ประสบภัยจากรถจะได้รับมีดังนี้             • กรณีเสียชีวิต คุ้มครอง 500,000 บาทต่อราย             • กรณีบาดเจ็บ จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริง สูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน             • กรณีสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ คุ้มครองตั้งแต่ 200,000 ถึง 500,000 บาทต่อคน             • กรณีเป็นผู้ป่วยใน จะได้รับความคุ้มครองเป็นค่าชดเชย วันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วัน             หมายเหตุ : สำหรับผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกันภัย จะได้รับการชดใช้เพียงค่าเสียหายเบื้องต้นจากบริษัทที่รับประกันภัยรถของตน เท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายถูก มีสิทธิไปเรียกร้องเอาจากฝ่ายที่ต้องรับผิด           ผู้ประสบอุบัติเหตุจากรถคันที่ไม่มีการทำประกัน พ.ร.บ. ผู้ประสบภัยจะต้องไปใช้สิทธิเรียกร้องเอาจากผู้ขับขี่ที่ทำละเมิดเองซึ่งจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบให้กับผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมด               ดังนั้นผู้เป็นเจ้าของรถทุกคันจะต้องไม่ลืมจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. เพราะเป็นหน้าที่สำคัญที่ผู้ใช้รถทุกคนจะต้องทำเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นหลักประกันหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นผู้ประสบภัยจากรถทุกคนจะต้องได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างทันท่วงทีตามกฎหมาย สำหรับผู้ประสบภัยจากรถทุกคนจะได้รับการคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เกิดอุบัติเหตุจากรถ แจ้งเหตุทันที ที่ บริษัทกลางฯ Call Center 1791 ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถแจ้งอุบัติเหตุได้ทางออนไลน์ที่ Line @iRVP  

22 Apr 2025

...

  สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ประชุมร่วมกับเอกชนภาคอุตสาหกรรมประกันภัย ในรูปแบบออนไลน์ ผ่านระบบ Microsoft Teams Meeting เพื่อหารือแนวทางการเร่งตรวจสอบและออกหลักฐานรับผิดชอบให้แก่ประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย โดย นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ สำนักงาน คปภ. ประธานที่ประชุม ได้ให้ความสำคัญของการให้บริการตรวจสอบความเสียหายและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเรียกร้องให้บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นพ้องกันว่าจะเร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยเร็วที่สุด ซึ่ง สำนักงาน คปภ. ขอให้ภาคเอกชนรายงานข้อมูลการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ประชาชน ให้สำนักงาน คปภ. ทราบ เพื่อติดตาม ตรวจสอบความถูกต้อง สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการใช้ระบบประกันภัยบริหารความเสี่ยง และได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัย ขณะนี้ สำนักงาน คปภ. โดยสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ได้ปฏิบัติงานร่วมกับทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัย ณ ที่ทำการของสำนักงาน คปภ. ทั่วประเทศ พร้อมให้บริการสายด่วน คปภ. 1186 เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้ข้อมูล ให้คำปรึกษาเบื้องต้น หรือตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยจากผู้มีสิทธิขอรับข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า “การประชุมในครั้งนี้ เป็นไปตามภารกิจสำคัญของ สำนักงาน คปภ. ที่จะต้องให้ความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัยอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดูแลประชาชนในยามวิกฤตภัยพิบัติที่รุนแรง จำเป็นต้องมีการติดตามเร่งรัดให้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเยียวยาความเสียหายแก่ประชาชนโดยเร็วที่สุด”  

21 Apr 2025

...

บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) บริษัทประกันวินาศภัยดิจิทัลเต็มรูปแบบแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผนึกความร่วมมือกับ บริษัท ซุปเปอร์ริช (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ให้บริการด้านการแลกเงินต่างประเทศแบบครบวงจร  มอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้า Superrich Thailand รับส่วนลด 5% เมื่อซื้อประกันการเดินทางต่างประเทศจาก Insurverse ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมตลอดการเดินทาง นายกิตตินันท์ ภู่พงศ์พันธ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ความร่วมมือกับซุปเปอร์ริช ไทยแลนด์ ในครั้งนี้เป็นการผสานจุดแข็งของทั้งสองบริษัท เพื่อมอบความคุ้มครองและความสะดวกสบายให้แก่นักเดินทาง เสริมสร้างความมั่นใจตลอดเส้นทาง  ประกันการเดินทางของอินชัวร์เวิร์สได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ ครอบคลุมทั่วโลก ทั้งกรณีเที่ยวบินล่าช้า (Flight Delay) บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน และการรักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยกะทันหัน โดยมีทีมงานพร้อมประสานงานกับโรงพยาบาลทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้าเดินทางได้อย่างอุ่นใจ”   ด้านนายโภคิน สุสมาวัตนะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์ริช (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือนี้ จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ที่ราบรื่น ลดความไม่สะดวก และเพิ่มความมั่นใจให้กับนักเดินทาง ตั้งแต่ขั้นตอนการแลกเงินไปจนถึงการวางแผนการเดินทางเพื่อความปลอดภัยตลอดเส้นทาง บริษัทฯ มุ่งมั่นในการพัฒนาบริการเพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด ไม่เพียงแต่การแลกเปลี่ยนเงินที่คุ้มค่า แต่ยังรวมถึงสิทธิพิเศษต่าง ๆ โดยลูกค้าสามารถรับสิทธิพิเศษนี้ได้ง่าย ๆ ที่เคาน์เตอร์ Superrich Thailand ทั้ง 19 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน SuperrichTH ทั้งนี้ บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว” สิทธิพิเศษดังกล่าวมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2568 ถึง 31 ธันวาคม 2568 ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อประกันเดินทางของ Insurverse ได้ที่ https://insurverse.co.th/travel-insurance/      

18 Apr 2025

...

นายไพบูลย์ เปี่ยมเมตตา ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) มุ่งมั่นพัฒนาระบบกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของประเทศให้มีความมั่นคง โปร่งใส และสามารถรองรับความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงดำเนินมาตรการเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัย โดยการปรับปรุงหลักเกณฑ์การคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยของสัญญาประกันภัยระยะสั้น ซึ่งจะช่วยให้บริษัทประกันภัยสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดียิ่งขึ้น โดยปัจจุบันการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยของสัญญาประกันภัยระยะสั้นจะพิจารณาจากค่าที่มากกว่า ระหว่างสำรองเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ตกเป็นรายได้ (Unearned Premium Reserve : UPR) และสำรองประกันภัยสำหรับความเสี่ยงภัยที่ยังไม่สิ้นสุด (Unexpired Risk Reserve : URR) ในภาพรวมของทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกันภัย อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การคำนวณสะท้อนความเสี่ยงของแต่ละประเภทการรับประกันภัยได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้มีการคำนวณโดยใช้ผลรวมของค่าที่มากกว่าระหว่าง UPR และ URR ในระดับประเภทการรับประกันภัย ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับบริษัทประกันภัย และช่วยลดความเสี่ยงจากการตั้งสำรองประกันภัยที่ไม่เพียงพอ อีกทั้งยังเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลในการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจประกันภัย โดยการพัฒนาแนวทางนี้ ไม่เพียงช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงานของบริษัทประกันภัยเท่านั้น แต่ยังช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถติดตามสถานะทางการเงินของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบในหลักการปรับปรุงดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างรอบคอบและครอบคลุมทุกมิติ สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยได้จัดการประชุมชี้แจงเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 และเปิดให้แสดงความคิดเห็นระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 “สำนักงาน คปภ. เชื่อมั่นว่าการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างเสถียรภาพของธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เอาประกันภัย และสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมประกันภัยอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การพัฒนาแนวทางดังกล่าวยังช่วยให้บริษัทประกันภัยสามารถวางแผนเชิงกลยุทธ์ได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยง และส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในตลาดประกันภัย โดยสำนักงาน คปภ. พร้อมเดินหน้าพัฒนามาตรฐานด้านการกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจประกันภัยไทยมีความมั่นคง โปร่งใส และสามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้เอาประกันภัยและสังคมโดยรวม” ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย กล่าวในตอนท้าย  

17 Apr 2025

...

เอไอเอ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านธุรกิจประกันชีวิต ประกันสุขภาพและประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) จัดงานเสวนา “AIA High Net Worth Forum 2025” ภายใต้แนวคิด “Building Your Legacy Blueprint ความสำเร็จที่สร้างมา... สู่ทายาทอย่างยั่งยืน” นำโดย คุณนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณชลิดา นครชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย แสดงถึงความมุ่งมั่นในการเดินหน้าสร้างความมั่นคงและความมั่งคั่งระยะยาวให้แก่คนไทยผ่านการวางแผนด้านสุขภาพและการเงินอย่างครบวงจร โดยในงานได้เชิญผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ภาษีอากร และการส่งต่อธุรกิจครอบครัว อาจารย์ชินภัทร วิสุทธิแพทย์ Partner ONE LAW (ONE LAW Office and ONE LAW Academy) จากบริษัท ONE LAW ร่วมด้วย คุณศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญ อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) เจ้าของธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จในการส่งต่อกิจการมาอย่างมั่นคงนานกว่า 100 ปี มาร่วมแบ่งปันความรู้ในการเริ่มต้นวางแผนการส่งต่อธุรกิจอย่างเป็นระบบ แนะเกล็ดความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการส่งต่อมรดก เทคนิคการเขียนพินัยกรรม รวมถึงแนวคิดในการส่งต่อธุรกิจอย่างมั่นคง ผ่านประสบการณ์จริง และเครื่องมือทางการเงินในการส่งต่อธุรกิจสู่ทายาทอย่างมั่นคง ซึ่งงานเสวนาในครั้งนี้เป็นความตั้งใจของเอไอเอ ที่ต้องการเสริมศักยภาพให้กับลูกค้า เพื่อให้สามารถวางแผนส่งต่อความมั่งคั่งและธุรกิจครอบครัวได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพสูงสุด     นอกจากนี้ เอไอเอ ยังเปิดตัวบริการ Legal Advisory ที่ให้บริการที่ปรึกษาด้านกฎหมายเบื้องต้น เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนการส่งต่อมรดก ให้ลูกค้าเอไอเอสามารถดำเนินการส่งต่อมรดกได้อย่างราบรื่น ลดความกังวล และเพิ่มความสบายใจ โดยเป็นเอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะลูกค้าสมาชิก AIA Prestige Club เพื่อสนับสนุนให้ทุกครอบครัวส่งมอบความมั่นคงได้อย่างสมบูรณ์และยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ โดยงานเสวนา AIA High Net Worth Forum 2025 จัดขึ้น ณ โรงแรม สยามแคมปินสกี้ โฮเทล กรุงเทพฯ   หมายเหตุ: • ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษา อ่าน และทำความเข้าใจในเอกสารเสนอขายก่อนตัดสินใจทำประกันภัย เมื่อได้รับกรมธรรม์แล้วโปรดศึกษารายละเอียด ข้อกำหนดและเงื่อนไขในกรมธรรม์ • ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์  

16 Apr 2025

ECONOMY-FINANCE/เศรษฐกิจ-การเงิน

...

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย คุณมิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร (ที่ 2 จากขวา) ผู้จัดการ งานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน ร่วมเป็นวิทยากรในกิจกรรม “Happy Money Sharing: Financial Well-Being Journey 2025” จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ส่งเสริมความรู้ทางการเงินในองค์กร แก่ผู้แทนองค์กรพันธมิตร ทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ทั้งหมด 28 องค์กร ให้สามารถไปปรับใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้กับพนักงานในองค์กร สมาชิกในชุมชน หรือประชาชนทั่วไป เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางการเงิน ส่งผลให้มีสุขภาพการเงินที่ดีขึ้น และขับเคลื่อนโครงการสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจการสร้างโอกาสทางความรู้ด้านการเงินที่ยั่งยืนให้กับผู้คนในสังคมไทย นอกจากนี้ ภายในงาน ยังได้รับเกียรติจากตัวแทนของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ สมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ร่วมเป็นวิทยากรแบ่งปันประสบการณ์ครั้งนี้ด้วย พร้อมกันนี้ คุณพรรณวดี ลดาวัลย์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาความรู้ตลาดทุน และหัวหน้ากลุ่มงานสื่อสารองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ให้เกียรติกล่าวต้อนรับ โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ การร่วมกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านการเงิน ถือเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจการสร้างโอกาสทางความรู้ด้านการเงินที่ยั่งยืนให้กับผู้คนในสังคมไทย ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ ESG ที่ บมจ.เงินติดล้อ ยึดมั่นมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสังคม (Social) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของบริษัทฯ ในการมุ่งสร้างโอกาสทางความรู้ด้านการเงิน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน สำหรับผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมข้อมูลและเรื่องราวของเงินติดล้อได้ที่ www.tidlor.com และ Facebook Fanpage เงินติดล้อ หรือติดต่อ Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 088-088-0880 ตลอด 24 ชม.

19 Apr 2025


...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า เนื่องในวาระวันคล้ายวันสถาปนาธนาคารออมสิน วันที่ 1 เมษายน 2568 ธนาคารได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการออมให้ประชาชนครั้งใหญ่ ประเดิมด้วยแคมเปญแห่งปี “ออมร้อย ชิงร้อยล้าน” กับสลากออมสินพิเศษ 1 ปี ทั้งแบบใบสลากและสลากดิจิทัล ลุ้นรับรางวัลพิเศษมูลค่ารวม 100 ล้านบาท มอบโชคสำหรับผู้ถูกรางวัลพิเศษ มูลค่า 70 ล้านบาท งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เพียง 1 รางวัลเท่านั้น และรางวัลพิเศษ มูลค่า 1 ล้านบาท งวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 จำนวน 30 รางวัล สำหรับผู้ฝากสลากตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 15 กรกฎาคม 2568 ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาและแอปพลิเคชัน MyMo ทั้งนี้ เมื่อฝากสลากครบกำหนด 1 ปี จะได้รับดอกเบี้ย 0.20 บาทต่อหน่วย และมีสิทธิ์ลุ้นถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 10 ล้านบาท และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมายทุกเดือน โดยดอกเบี้ยและเงินรางวัลสำหรับบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี ธนาคารยังจัดเตรียม “เงินขวัญถุง” มอบให้เด็กที่เกิดในวันคล้ายวันสถาปนาธนาคาร วันที่ 1 เมษายน 2568 จำนวน 500 บาทต่อราย เพื่อเป็นเงินออมตั้งต้นและช่วยปลูกฝังวินัยการออมตั้งแต่แรกเกิด โดยบิดาหรือมารดาของเด็กที่มีสัญชาติไทย สามารถนำสูติบัตรฉบับจริงของเด็ก พร้อมบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของบิดาหรือมารดา มาแสดงตนได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 และเพื่อสร้างนิสัยการออมให้แก่เยาวชน ธนาคารยังได้ออกผลิตภัณฑ์เงินฝาก Smart Junior เพื่อเด็กและเยาวชนที่มีอายุ 7 – 23 ปี โดยเป็นเงินฝากที่ให้ดอกเบี้ยพิเศษเมื่อฝากเงินอย่างสม่ำเสมอและมียอดเงินฝากคงเหลือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.50% ต่อปี และสูงสุด 2.10% ต่อปี ตามเงื่อนไขที่กำหนด ระยะเวลาฝากรวม 30 เดือน เปิดบัญชีขั้นต่ำ 1 บาท สูงสุด 100,000 บาท ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsb.or.th หรือ GSB Contact Center โทร. 1115  

09 Apr 2025

...

SME D Bank ออกมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหว  ได้แก่ พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย  สูงสุด 12 เดือน  และเติมทุนฉุกเฉิน เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ       นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  กล่าวว่า จากการเกิดเหตุแผ่นดินไหวในช่วงบ่ายของวันที่ 28 มีนาคม 2568  ธนาคารห่วงใยลูกค้าและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างยิ่ง  จึงออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถกลับมาเดินหน้าธุรกิจได้ในเร็ววัน   ได้แก่  มาตรการ “พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย” สำหรับลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติตามที่ราชการกำหนด  เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย  สำหรับกลุ่มเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term loan) สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน สัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) และสินเชื่อแฟคตอริ่ง ขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินออกไปอีกสูงสุด 180 วัน และสามารถพักชำระดอกเบี้ยได้ มาตรการ “เติมทุนฉุกเฉิน เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ”  สำหรับลูกค้าเดิมได้รับผลกระทบทางตรง ที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภัยพิบัติตามที่ราชการกำหนด  เพื่อให้มีวงเงินกู้ฉุกเฉิน นำไปฟื้นฟูธุรกิจเฉพาะหน้า วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท สูงสุด 200,000 บาท (บุคคลธรรมดา สูงสุด 100,000 บาท และนิติบุคคล สูงสุด 200,000 บาท)  อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี  ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน    ยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดกระบวนการนำส่งเอกสารในการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงเป็นการเร่งด่วน มาตรการช่วยเหลือครั้งนี้เป็นทางเลือกโดยสมัครใจ  ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการรับบริการ    แจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป  ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น สาขาของ SME D Bank ทุกแห่งทั่วประเทศ  ,  LINE Official Account : SME Development Bank  และเว็บไซต์  www.smebank.co.th เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

02 Apr 2025

...

เนื่องในวาระก้าวสู่ปีที่ 113 วันที่ 1 เมษายน 2568 ธนาคารออมสินเตรียมมอบกระปุกออมสิน “อาชีพพลิกฝัน” เป็นของที่ระลึกสำหรับผู้ฝากเงิน ซึ่งมีแรงบันดาลใจการออกแบบลวดลายเป็นภาพอาชีพที่คุ้นเคยเพื่อจุดพลังและสนับสนุนให้ทุกอาชีพเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง นำเสนอในรูปแบบการ์ตูนสีสันสดใส พร้อมลูกเล่นหมุนเปลี่ยนอาชีพได้ เพื่อให้ทุกการออมสนุกยิ่งขึ้น   โดยร่วมพัฒนาและออกแบบลวดลายโดยศิลปินจากโครงการ อาร์ต ฟอร์ แคนเซอร์ บาย ไอรีล (Art for Cancer by Ireal) กิจการเพื่อสังคม เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจการเป็นธนาคารเพื่อสังคม ในการดำเนินธุรกิจอย่างสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าร่วม ตลอดจนขยายผลสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนและสังคม ผู้ที่รักการออมเงินและการสะสมกระปุกออมสิน   เตรียมลงทะเบียนจองสิทธิ์ฝากเงินและรับกระปุกออมสิน “อาชีพพลิกฝัน” ได้ตั้งแต่วันที่ 28 – 31 มีนาคม 2568 ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ได้แก่ เว็บไซต์ www.gsb.or.th, Line Official : GSB Society และแอปพลิเคชัน MyMo และฝากเงิน 500 บาทขึ้นไป ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา แอป MyMo และเครื่องรับฝากเงินอัตโนมัติ พร้อมรับกระปุกออมสินตามสาขาที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ไว้ตั้งแต่วันที่ 1 -  4 เมษายน 2568 (1 กระปุกต่อ 1 ท่าน) ของมีจำนวนจำกัด ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsb.or.th หรือ GSB Contact Center โทร. 1115  

29 Mar 2025

...

SME D Bank จับมือหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและเอกชน คิกออฟโครงการ “GO SMART GO GREEN FOR SUSTAINABLE TOURISM” ยกระดับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง มุ่งสู่มาตรฐาน Green Tourism สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน แจงเตรียมพร้อมสินเชื่อ “SME Green Productivity” วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3%ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ช่วยลดภาระ และหนุนลงทุนปรับผ่านใช้พลังงานสะอาด ควบคู่เติมความรู้ครบวงจร      นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวในพิธีเปิดโครงการ “GO SMART GO GREEN FOR SUSTAINABLE TOURISM” ว่า ธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจไทย ด้วยมูลค่าอุตสาหกรรมรวมมากกว่า 2 ล้านล้านบาทต่อปี  โดยปี 2567 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไทยจำนวนสูงกว่า 35 ล้านคน   ทั้งนี้ ปัจจุบัน ด้วยภาวะโลกร้อน ภัยธรรมชาติทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ  ทั่วโลกจึงหันมาให้ความสำคัญต่อการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึง มีกฎกติกาสากลและมาตรฐานทั้งภายในและภายนอกประเทศมาควบคุมการท่องเที่ยว  โดยข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า นักท่องเที่ยวกว่า 60% ให้ความสำคัญและต้องการสร้างความยั่งยืนให้แก่การท่องเที่ยว  ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของไทยมากกว่า 60% สนใจและต้องการยกระดับสู่มาตรฐาน Green Tourism แต่มีรายที่พร้อมจะปรับตัวแค่ประมาณ 10% เนื่องจากยังขาดความรู้ ขาดเงินทุนเพื่อปรับตัว และขาดเครื่องมือในการยกระดับ  ขณะที่โรงแรมที่ผ่านเกณฑ์ Green Tourism ในประเทศไทยมีเพียง 2% เท่านั้น ซึ่งหากผู้ประกอบการไทยไม่สามารถปรับตัวสู่มาตรฐานการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ มีความเสี่ยงที่ชาวต่างชาติจะย้ายฐานการท่องเที่ยวไปยังประเทศที่มีความพร้อมแทน     ดังนั้น SME D Bank ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและเอกชน นำโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และภาคีเครือข่ายภาคเอกชนกลุ่ม Green Alliance จัดโครงการ “GO SMART GO GREEN FOR SUSTAINABLE TOURISM” เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรม ที่พัก และเกี่ยวเนื่อง เข้าถึงการสนับสนุนครบวงจรจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เพื่อยกระดับสู่มาตรฐาน Green Tourism ได้อย่างแท้จริง   ที่สำคัญ สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการยกระดับปรับเปลี่ยนสู่ธุรกิจสีเขียว ทาง SME D Bank พร้อมสนับสนุนสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ได้แก่ สินเชื่อ “SME Green Productivity” วงเงินรวมกว่า 10,000 ล้านบาท  สำหรับนำไปลงทุนติดตั้งระบบ เครื่องจักร อุปกรณ์ ปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต หรือเทคโนโลยี เพื่อใช้พลังงานสะอาด เช่น ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์   เปลี่ยนเครื่องจักร ใช้เทคโนโลยี รวมถึง เชื่อมโยงไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นต้น วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท  อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3%ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน  นอกจากนั้น ยังมีสินเชื่ออื่นๆ ไว้รองรับครบทุกความต้องการ เช่น สินเชื่อ “BCG Loan” สนับสนุนยกระดับพัฒนาสู่ “BCG Model” (Bio-Circular-Green Economy) ผลักดันธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเติบโตอย่างยั่งยืน วงเงินกู้สูงสุดต่อราย 50 ล้านบาท  อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นประมาณ 4.55%ต่อปี  ผ่อนนานสูงสุด 15 ปี  และปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 24 เดือน เป็นต้น   ควบคู่กับให้บริการปรึกษาแนะนำจากโค้ชมืออาชีพ ช่วยยกระดับสู่มาตรฐานท่องเที่ยวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  รวมถึง มีบริการพัฒนาธุรกิจครบวงจรผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) สามารถใช้บริการได้สะดวกสบาย ตลอด 24 ชม. มีฟีเจอร์สำคัญ ๆ  เช่น Business Health Check ระบบตรวจประเมินสุขภาพธุรกิจ , E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้สำคัญ ช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจ  , ช่องทางขยายตลาด จับคู่ธุรกิจ และ Privilege สิทธิประโยชน์ช่วยยกระดับธุรกิจ เป็นต้น    สำหรับการเปิดตัวโครงการ “GO SMART GO GREEN FOR SUSTAINABLE TOURISM” จัด ณ อาคาร SME Bank Tower ภายในงานมีกิจกรรมน่าสนใจ เช่น การปาฐกถาพิเศษ โดยนายอลงกรณ์ พลบุตร ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวข้อ “ขับเคลื่อนธุรกิจโรงแรมและท่องเที่ยวเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรมและ SME Green Productivity” นอกจากนั้น มีการเสวนา “Financial Talk วางแผนการเงินและบัญชีอย่างไรให้ธุรกิจเติบโตและได้รับสินเชื่ออย่างเหมาะสม” นำโดยนายกิตติ พรศิวะกิจ ประธานเครือข่าย Green Alliance  อีกทั้ง บริการปรึกษาเข้าสู่อุตสาหกรรมสีเขียว แนะนำเข้าถึงแหล่งทุน โดยสามารถแจ้งความประสงค์ยื่นกู้ได้ทันที และการออกบูธให้บริการเครื่องมือเพื่อเข้าสู่มาตรฐานท่องเที่ยวสีเขียวจากหน่วยงานพันธมิตร เป็นต้น   ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว และเกี่ยวเนื่อง สามารถแจ้งความประสงค์รับบริการด้านการเงิน และการพัฒนาได้ ณ สาขา SME D Bank ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น LINE Official Account : SME Development Bank  และเว็บไซต์ www.smebank.co.th  เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357           

27 Mar 2025

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เผยกลยุทธ์กลุ่มงานลูกค้าธุรกิจ SME ในปี 2568 ยังคงสานต่อกลยุทธ์ 3GO อันประกอบด้วย ‘GO Green, GO Digital และ GO Beyond’ พร้อมเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตของสินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์ โดยนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ครอบคลุมทั้งการดำเนินธุรกิจตามกรอบ ESG การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม รวมถึงแพลตฟอร์มที่ช่วยสร้างโอกาสธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจไทย รวมถึงให้ความสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านการเยี่ยมเยือนและให้คำปรึกษาเชิงรุกเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันในแต่ละภาคส่วน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจและการเติบโตของผู้ประกอบการ SME โดยเรามองว่ายังคงมีความเปราะบาง ทั้งนี้ กรุงศรียังคงสนับสนุนลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านมาตรการช่วยเหลือ ส่งมอบโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการ และการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถฟื้นตัวจากผลกระทบต่างๆ พร้อมทั้งพัฒนาแนวทางในการเสริมสร้างความยั่งยืนทั้งในด้านการเงินและสิ่งแวดล้อม โดยยึดหลักการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม เพื่อให้ลูกค้าก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง โดยในปี 2567 ยอดสินเชื่อคงค้างของกลุ่มลูกค้าธุรกิจ SME อยู่ที่กว่า 337,264 ล้านบาท” สำหรับทิศทางการดำเนินงานและกลยุทธ์ในปี 2568 นี้ ธนาคารยังคงสานต่อความสำเร็จจากกลยุทธ์ 3GO จากปีที่ผ่านมา       GO Green: การสนับสนุนการดำเนินธุรกิจตามกรอบของ ESG ซึ่งในปีที่ผ่านมา กรุงศรี ได้นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อ SME เพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ประกอบด้วย 4 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ สินเชื่อสำหรับธุรกิจที่เป็นผู้ผลิต ผู้ติดตั้ง ผู้ค้าผลิตภัณฑ์ หรือผู้ให้บริการโซลูชันเพื่อสร้างความยั่งยืน สินเชื่อสำหรับธุรกิจที่ทำการลงทุนผลิตและขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สินเชื่อสำหรับธุรกิจทั่วไปที่ต้องการลงทุนเพื่อบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และสินเชื่อสำหรับการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพื่อธุรกิจ อย่างไรก็ตาม พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีความรู้ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องในเรื่อง ESG โดยแนวทางในปี 2568 จะยังคงสานต่อการให้คำปรึกษาร่วมกับการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของ ESG ผ่านกิจกรรมต่างๆ ต่อเนื่อง ได้แก่ Krungsri ESG Academy รุ่นที่ 2 Krungsri ESG Awards 2568 ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และงานสัมมนา Krungsri-MUFG Sustainability Forum GO Digital:  ในปีที่ผ่านมา กรุงศรีมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลให้ครอบคลุมและครบวงจรสำหรับลูกค้า  SME ทุกขนาด ส่งผลให้ปริมาณการใช้บริการดิจิทัลแบงก์กิ้งเพื่อธุรกิจ Krungsri Biz Online เติบโตสูงถึง 70% และยังได้พัฒนา Krungsri Supply Chain and Banking Solution ที่ช่วยบริหารจัดการธุรกรรมทางการเงินสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำหรับปี 2568 กรุงศรีต่อยอดการพัฒนา "Krungsri The Living Room...One Place for Business" แพลตฟอร์มพอร์ทัลที่รวมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของธนาคารและข้อมูลสำคัญ เช่น อัตราแลกเปลี่ยน ข้อมูลความรู้ด้าน ESG และอื่นๆ ภายในแหล่งเดียว ช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และข้อมูลต่างๆ GO Beyond:  การสนับสนุนลูกค้าในการขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับภูมิภาคและผลิตภัณฑ์บริการด้านการค้าต่างประเทศ โดยในปีที่ผ่านมา ได้มีการขยายฐานสมาชิก Krungsri Business Link แพลตฟอร์มจับคู่ธุรกิจทั้งในและต่างประเทศของธนาคาร โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้นกว่า 9,000 บริษัท และส่งผลให้เกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 254 คู่ ทั้งนี้ ในปี 2568 นอกเหนือจากการช่วยขยายตลาดให้กับลูกค้า กรุงศรีจะขยายการให้สินเชื่อเพื่อการค้าต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าใหม่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ได้แก่ เกษตร อาหารและเครื่องดื่ม อิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงพัฒนาบริการด้านธุรกรรมระหว่างประเทศผ่านช่องทางดิจิทัล Krungsri TradeLink และ Krungsri CashLink ให้สะดวกและครอบคลุมบริการที่หลากหลายยิ่งขึ้น “ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกปี 2568 ที่ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย แม้เศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ผู้ประกอบการ SME ไทย ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาด้านโครงสร้างภายในประเทศและการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนดังกล่าว เราจึงมุ่งมั่นรักษาเสถียรภาพของสินเชื่อ SME สร้างสมดุลระหว่างการเติบโตและคุณภาพสินทรัพย์ เน้นการทำงานใกล้ชิดกับลูกค้าผ่านการเยี่ยมเยือนและให้คำปรึกษาเชิงรุกโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อร่วมกันวางแผนการบริหารความเสี่ยง พร้อมนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่เหมาะสมและตอบโจทย์ โดยเน้นที่การสนับสนุนด้านสินเชื่อหมุนเวียน เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและต่อยอดการทำธุรกิจ ทั้งนี้ กรุงศรี จะยังคงมุ่งมั่นสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนในฐานะพันธมิตรที่พร้อมเดินเคียงข้างผู้ประกอบการสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย  

26 Mar 2025

...

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน พร้อมด้วย นายธีรัชย์ อัตนวานิช ประธานกรรมการธนาคารออมสิน และ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน แถลงข่าวเปิดโครงการ “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” นวัตกรรมการเงินเพื่อสังคมที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ไม่เคยกู้ธนาคารได้มาก่อน ให้เข้าถึงแหล่งเงินในระบบสถาบันการเงิน และได้รับโอกาสในการสร้างประวัติเครดิตทางการเงินที่ดี รวมถึงส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่   นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลเร่งรัดการขับเคลื่อนและกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจผ่านมาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะมาตรการสินเชื่อเพื่อเติมเงินเข้าหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ทั้งสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อรายย่อย กระทรวงการคลังจึงได้มอบหมายธนาคารออมสิน ออกมาตรการสินเชื่อที่ผ่อนคลายเกณฑ์การพิจารณาอนุมัติแก่ลูกค้ารายย่อยกลุ่มฐานราก ได้แก่ ผู้ที่เคยยื่นขอกู้แต่ติดปัญหาความเสี่ยงเครดิตทำให้ไม่เคยขอสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้ หรือเป็นผู้ที่ไม่เคยตรวจประวัติเครดิต ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มอัตราการอนุมัติสินเชื่อเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ยังช่วยส่งเสริมให้คนไทยฐานรากได้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน โดยตั้งเป้าหมายปีแรก 300,000 ราย พร้อมเตรียมขยายความช่วยเหลือได้ถึง 1 ล้านราย ภายใน 3 ปี   นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานสนับสนุนบทบาทธนาคารเพื่อสังคม มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ และการสร้างโอกาสเข้าถึงระบบสินเชื่ออย่างทั่วถึง (Financial Inclusion) โดยเป็นนวัตกรรมสินเชื่อที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ไม่เคยกู้ธนาคารได้มาก่อน ให้เข้าถึงแหล่งเงินในระบบสถาบันการเงิน และได้รับโอกาสในการสร้างประวัติเครดิตทางการเงินที่ดี ที่จะต่อยอดสำหรับการขอสินเชื่อในอนาคต ทั้งนี้ ธนาคารตั้งเป้าหมายอนุมัติสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ในปีแรก 300,000 ราย วงเงินสินเชื่อ 4,000 ล้านบาท พร้อมกับอนุมัติสินเชื่อเพิ่มเติมอีก 200,000 ราย ในโครงการสร้างงาน สร้างอาชีพ ที่ได้เปิดโครงการไปก่อนหน้านี้ วงเงินอนุมัติเพิ่มเติมอีก 10,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการ จะช่วยเติมทุนหมุนเวียนสำหรับใช้จ่ายในครัวเรือนและสนับสนุนการประกอบอาชีพแก่ประชาชนได้กว่า 500,000 ราย วงเงินสินเชื่อรวมกว่า 14,000 ล้านบาท    “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาทต่อราย ไม่ต้องมีหลักประกันหรือบุคคลค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.60% ต่อเดือน และระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ไม่เกิน 1 ปี ปลอดชำระเงินต้น 3 งวดแรก โดยจ่ายเพียงดอกเบี้ย เพื่อให้โอกาสตั้งหลักก่อนเริ่มคืนเงินต้น เป็นสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้มีรายได้ประจำ ลูกจ้าง พ่อค้า แม่ค้า ผู้รับจ้างให้บริการต่าง ๆ ที่มีรายได้ แต่ไม่เคยมีประวัติเครดิตทางการเงิน หรือไม่เคยใช้บริการสินเชื่อ ในระบบสถาบันการเงินอย่างน้อย 2 ปี โดยเป็นผู้มีสัญชาติไทย มีถิ่นที่อยู่แน่นอน และสามารถติดต่อได้ ทั้งนี้ ให้กู้ตามความจำเป็นและความสามารถในการชำระคืน ผู้สนใจลงทะเบียนจองสิทธิ์และยื่นขอสินเชื่อได้ที่แอปพลิเคชัน MyMo ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป   สำหรับโครงการ สินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ เป็นอีกหนึ่งสินเชื่อที่ผ่อนปรนเงื่อนไขกว่าสินเชื่อปกติของธนาคาร เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบ สำหรับผู้ที่มีเครดิตทางการเงินและต้องการเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย ไม่ต้องมีหลักประกัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0.75% ต่อเดือน ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsb.or.th หรือ GSB Contact Center โทร.1115  

17 Mar 2025

SOCIETY-CSR /ภาพข่าว-กิจกรรมเพื่อสังคม

...

เอไอเอ ประเทศไทย เดินหน้าจัดกิจกรรม โครงการเอไอเอ แชร์ริ่ง อะ ไลฟ์ (AIA Sharing A Life) หรือวันทำดีร่วมกันของชาวเอไอเอ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Healthier You เริ่มต้นที่การฉีดวัคซีน” มอบวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อเสริมเกราะป้องกันความรุนแรงของโรคให้แก่คนไทย ซึ่งมีการแพร่ระบาดมาตั้งแต่ช่วงต้นปีและมีสถิติผู้ติดเชื้อมากกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา พร้อมยังมอบบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้แก่เจ้าหน้าที่กวาดถนนและเก็บขยะของกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต จำนวนรวม 10,000 เข็มโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่มีการทำงานในเขตพื้นที่ชุมชนและมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ ซึ่งในงานแถลงข่าว นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเอไอเอ แชร์ริ่ง อะ ไลฟ์ ครั้งที่ 12 (AIA Sharing A Life 12) ณ ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) นอกจากนี้ เอไอเอ แชร์ริ่ง อะ ไลฟ์ ครั้งที่ 12 (AIA Sharing A Life 12) ยังมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าเอไอเอ ด้วยบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าประกันสุขภาพที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือน – 15 ปี พร้อมด้วยวัคซีนในราคาพิเศษสำหรับลูกค้าที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป* โดยลูกค้าเอไอเอสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ผ่านโรงพยาบาลในโครงการ AIA Smart Network ทั่วประเทศ ซึ่งตอกย้ำถึงพันธกิจของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนผู้คนกว่าพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ควบคู่กับความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยยึดหลัก ESG เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรผู้นำด้าน ESG แห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมขับเคลื่อนสังคมและคนไทยให้เติบโตอย่างมีคุณภาพและแข็งแรงอย่างยั่งยืน ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’   นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในนามของเอไอเอ ขอขอบคุณกรุงเทพมหานครที่ให้ความร่วมมือพาเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดของ กทม. มารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อช่วยกันป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ให้แก่ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง สำหรับโครงการเอไอเอ แชร์ริ่ง อะ ไลฟ์ ถือเป็นกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอไอเอ ประเทศไทย รวมพลังพนักงาน ตัวแทน และพันธมิตรให้ออกมาร่วมกันทำความดีในหนึ่งวัน โดยในปีนี้เราจัดขึ้นเป็นปีที่ 12 แล้ว ภายใต้แนวคิด “Healthier You เริ่มต้นที่การฉีดวัคซีน” ต่อยอดจากกิจกรรมที่เราทำเมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยการมอบวัคซีนไข้หวัดใหญ่ จำนวน 10,000 เข็มให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำสังกัดกรุงเทพมหานครทั้งหมด 50 เขต โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดของ กทม. เพื่อตอบแทนความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ที่ทำงานอย่างหนักมาโดยตลอดเพื่อทำให้กรุงเทพฯ ของเราสะอาด สวยงาม และน่าอยู่ โดยตลอด 87 ปีที่ผ่านมา เอไอเอดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการตอบแทนคืนสู่สังคมและชุมชนที่เราอยู่ เพื่อช่วยพัฒนาสังคมและชุมชนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตรงตามกับพันธกิจ AIA One Billion ที่ต้องการสนับสนุนผู้คนกว่าพันล้านคนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ภายในปี 2573” นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ปีนี้มาเร็วและรุนแรงกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา โดยมีผู้ติดเชื้อทั่วประเทศไทยแล้วกว่า 270,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่แล้วกว่า 20 ราย ข้อมูลจากเดือนมกราคม 2568 โดยกรุงเทพมหานคร มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงที่สุดกว่า 14,000 ราย** ซึ่งทาง กทม.ไม่ได้นิ่งนอนใจ และเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดด้วยการจัดเตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพื่อมอบแก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบางต่าง ๆ​ โดยวันนี้ กทม. รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ภาคเอกชนอย่างเอไอเอ ประเทศไทย เห็นความสำคัญของการป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่เก็บพี่กวาดของเราที่ต้องทำงานเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชุมชน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ​ในนามของกรุงเทพมหานคร ขอขอบคุณ เอไอเอ ประเทศไทย ที่มอบวัคซีนจำนวน 10,000 เข็มให้กับเจ้าหน้าที่ทั้ง 50 เขตของ กทม. ซึ่งเราจะจัดฉีดให้ครบภายในเดือนพฤษภาคม 2568 เพื่อให้ทันก่อนฤดูฝนที่กำลังจะมา ด้วยความร่วมมือจากหน่วยงานของ กทม. ทุกภาคส่วน ตลอดจนสำนักการแพทย์ สำนักอนามัย และพันธมิตรต่าง ๆ ที่ร่วมมือร่วมใจช่วยกันลดการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ เพื่อสร้างกรุงเทพมหานครที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน”     หมายเหตุ: *อาจมีค่าบริการทางการแพทย์ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละโรงพยาบาล และเงื่อนไขเป็นไปตามที่โรงพยาบาลกำหนด **ข้อมูลอ้างอิงจากสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ เว็บไซต์กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข  

22 Apr 2025


...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) จัดพิธีทำบุญบริษัทฯ เนื่องในโอกาสดำเนินกิจการครบรอบ 78 ปี  นำโดยนายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการ ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร  นายชวาล โสภณพนิช ประธานคณะผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และพนักงาน ร่วมกันทำบุญตักบาตรแด่พระสงฆ์จำนวน 29 รูป จากนั้นได้ถวายภัตตาหารและจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป พร้อมไหว้ศาลพระพรหมและองค์ครุฑที่ประดิษฐาน ณ สำนักงาน เพื่อความเป็นสิริมงคล     นอกจากนี้ ยังได้จัดพิธีรดน้ำดำหัวขอพรจากผู้บริหาร พร้อมร่วมกันแต่งกายชุดไทยเพื่อร่วมสืบสานประเพณีสงกรานต์ของไทยในช่วงโอกาสใกล้เทศกาลสงกรานต์ ณ อาคารกรุงเทพประกันภัย สำนักงานใหญ่ ถ.สาทรใต้ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568    

18 Apr 2025

...

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)  นำโดย คุณ รพีชัย  จินตเศรณี รองผู้อำนวยการฝ่ายสินไหมรถยนต์  พร้อมทีม TIP Smart Assist   ร่วมพิธีปล่อยแถวเตรียมความพร้อมดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ให้บริการช่วยเหลือประชาชน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568  ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มอบน้ำดื่มทิพย จำนวน 1,200 ขวด  และบ๊วยเค็ม  ให้แก่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.)  เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมเป็นกำลังใจในการดูแลประชาชนทั่วประเทศ โดยมี พล.ต.ต.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม ผู้บังคับการตำรวจจราจร เป็นผู้รับมอบ และได้รับเกียรติจาก พล.ต.ต.สันติ์นที ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาฝ่ายธุรกิจภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธีในครั้งนี้  ณ กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.)              

17 Apr 2025

...

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงานเข้าร่วมกิจกรรมวันสงกรานต์ ประจำปี 2568 “BAAC Songkran Festival” เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคล ร่วมสืบสานและดำรงไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรมตามประเพณีอันดีงามที่ทรงคุณค่าของคนไทย โดยมีกิจกรรมเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับผู้บริหารและพนักงาน อาทิ การทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง ถวายภัตตาหารเพลพระภิกษุสงฆ์ กิจกรรมสรงน้ำพระพุทธเกษตร์รักษา รดน้ำขอพรผู้อาวุโสและอดีตผู้บริหารระดับสูงของ ธ.ก.ส. นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมให้พนักงานได้ร่วมสนุกสนานและเสริมสร้างความสามัคคีด้วยการละเล่นแบบไทย อาทิ วิ่งเปี้ยวกะลามหาสนุก ขี่ม้าส่งเมือง และชักเย่อ การประกวดแสดงวิถีชีวิตคนไทยในประเพณีสงกรานต์ โดยมีพนักงานธนาคารสวมใส่เสื้อผ้าไทยชุดลายดอกและนุ่งโจงกระเบนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง  เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 ณ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ        

17 Apr 2025

...

ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ประกาศผลรางวัลชนะเลิศ โครงการประกวดภาพศิลปะเด็กและเยาวชน "ดื่มไม่ขับ” มอบรางวัลทุนการศึกษารวมกว่า 50,000 บาท  โดยคัดเลือกจากผลงานผู้เข้าร่วมนักเรียนทุกระดับจากทั่วประเทศกว่า 457 ผลงาน ส่งเสริมเยาวชนด้านศิลปะและการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม สร้างการตระหนักรู้การขับขี่อย่างปลอดภัย   นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านนวัตกรรมประกันภัย กล่าวว่า “ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ขอแสดงความยินดีกับน้องๆ นักเรียนจากทุกระดับชั้นจากโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศที่ได้ร่วมส่งผลงานศิลปะที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์เข้าร่วมประกวดและได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดศิลปะ ในโครงการประกวดภาพศิลปะเด็กและเยาวชน ประจำปี 2567 ภายใต้โจทย์และแนวคิด “ดื่มไม่ขับ” ซึ่งประกันภัยไทยวิวัฒน์จัดโครงการฯนี้ ขึ้นมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อมุ่งส่งเสริมทักษะเยาวชนทางด้านศิลปะ และการส่งเสริมให้เด็กเยาวชนใช้งานศิลปะสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาตัวเอง รวมทั้งส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม สร้างการตระหนักรู้ร่วมกันเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน และการลดอุบัติเหตุขณะขับขี่ ผ่านการสร้างสรรค์ผลงานภาพศิลปะ” ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ได้ริเริ่มโครงการประกวดภาพศิลปะเด็กและเยาวชน ตั้งแต่กลางปี 2567 โดยเชิญชวนนักเรียนและเยาวชนจากทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมการประกวด ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม 2567 และเปิดรับผลงานภาพศิลปะ ภายใต้โจทย์และแนวคิด “ดื่มไม่ขับ” จนถึง 31 มกราคม 2568  โดยมีผลงานน้องๆส่งเข้าร่วมประกวดกว่า 457 ผลงาน ทั้งนี้ในการตัดสินรางวัลยังมีคณะกรรมผู้ทรงคุณวุฒิผู้คร่ำหวอดในวงการศิลปะและฝ่ายนักรณรงค์เพื่อสังคม มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมตัดสินผลงาน ได้แก่ ดร.สังคม ทองมี  ผู้อำนวยการศูนย์ศิลป์สิรินธร นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ คุณครูสิทธิชัย จันทร์คล้าย  โรงเรียนบ้านไทยสามัคคี จังหวัดสระแก้ว และ รองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธีระตระกูลชัย กรรมการอิสระในคณะกรรมการบริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน)  การประกวดแบ่งเป็น 5 ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นอนุบาล ระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้น ระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยเกณฑ์การตัดสินผลงานเน้นความคิดสร้างสรรค์ เนื้อหาเรื่องราว องค์ประกอบศิลป์และทักษะทางศิลปะ ซึ่งพิจารณาตามความสามารถในแต่ละระดับชั้น   โดยทางประกันภัยไทยวิวัฒน์ได้มอบทุนการศึกษารวมมูลค่า 50,000 บาท สำหรับผู้ชนะการประกวดรางวัลชนะเลิศ ระดับละ 1 รางวัล รางวัลรองชนะเลิศ 2 รางวัล และทุกรางวัลได้รับใบประกาศนียบัตรจากโครงการฯ ด้วย “ทั้งนี้ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ ในฐานะบริษัทประกันวินาศภัย เรามุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจให้ดียิ่งขึ้นภายใต้แนวคิด “คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต" ในทุกมิติ รวมถึงด้านความรับผิดชอบต่อสังคม การรณรงค์และส่งเสริมสิ่งที่จะก่อให้เกิดการพัฒนาซึ่งนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีและลดความเสี่ยงต่อสังคมในอนาคต โครงการประกวดภาพศิลปะเด็กและเยาวชนครั้งถือนี้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสนับสนุนให้เกิดการสร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความคิดสร้างสรรค์ และประสบการณ์ระหว่างเด็ก เยาวชน โรงเรียน ผู้ปกครอง และชุมชนด้วยครับ” นายจีรพันธ์ กล่าวปิดท้าย ติดตามรายชื่อผู้ชนะและชมผลงานภาพศิลปะที่ได้รับรางวัล ในโครงการประกวดภาพศิลปะเด็กและเยาวชน ประจำปี 2567 ภายใต้โจทย์และแนวคิด “ดื่มไม่ขับ” ได้ทาง www.facebook.com/thaivivat  และ ติดตามข่าวสารประชาสัมพันธ์และโปรโมชันดี ๆ จากประกันภัยไทยวิวัฒน์ได้ที่ https://www.thaivivat.co.th/, https://www.facebook.com/thaivivat และ LINE Official Account “THAIVIVAT INSURANCE”

16 Apr 2025

...

  บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต นำโดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยที่ปรึกษาอาวุโส คณะผู้บริหาร และพนักงาน ร่วมจัดกิจกรรม “OCEAN LIFE Songkran Festival 2025” เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ไทย พร้อมสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีไทยอันงดงาม โดยภายในงานเริ่มต้นด้วยพิธีสรงน้ำพระพุทธรูป และรดน้ำดำหัวขอพรผู้บริหารเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยทุกคนร่วมแต่งกายด้วยผ้าไทยและเสื้อผ้าสีสันสดใส  สร้างบรรยากาศแห่งความสุข  พร้อมเติมความสนุกสนานรื่นเริงด้วยรำวงย้อนยุค กิจกรรมสอยดาว และการออกร้าน โดยนำรายได้ทั้งหมดจะนำไปส่งมอบความสุข และรอยยิ้มให้กับสังคมไทยต่อไป งานนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมไทยเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำเจตนารมณ์ของ OCEAN LIFE ไทยสมุทรประกันชีวิตในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยหัวใจแห่งความรัก และการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมอย่างยั่งยืน     OCEAN LIFE ไทยสมุทรประกันชีวิต ขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่กับการร่วมดูแลสังคมโดยใช้พลังความรัก ช่วยให้การประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER  1503  

16 Apr 2025

...

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) จัดส่งทีม TIP Smart Assist  ลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมรณรงค์ให้ผู้ขับขี่ขับรถอย่างปลอดภัย และช่วยอำนวยความสะดวกกรณีรถเสียในเบื้องต้น อาทิ เติมลม เปลี่ยนยาง ฟรี! ในช่วง 7 วันอันตราย เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุรวมถึงลดการจราจรติดขัด     นอกจากนี้ยังได้มอบน้ำดื่ม  กาแฟ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง  ผ้าเย็น  บ๊วยเค็ม  ฯลฯ  ให้กับประชาชนเพื่อคลายง่วง คลายความร้อน  พร้อมทั้งแจกสติ๊กเกอร์ "หลวงปู่ทวด เตือนใจไม่ประมาท" เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้ใช้ชีวิตด้วยสติและความไม่ประมาท ป้องกันภัยอันตราย และเสริมสิริมงคลแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน     โดยกิจกรรมนี้ทางทิพยประกันภัยได้ร่วมกับตำรวจทางหลวง อ.วังน้อย จ. อยุธยา  ซึ่งเป็นเส้นทางที่ประชาชนเดินทางออกต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ลูกค้าทิพยประกันภัยสามารถแจ้งเหตุได้ทุกช่องทาง  โทรสายด่วน 1736 กด 1 หรือแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน TIP Flash Claim  หรือ Line Official พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

16 Apr 2025

BUSINESS-MARKETING/ธุรกิจ-การตลาด-ขายตรง-SME

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เดินหน้าสร้างโอกาสเพิ่มรายได้ขยายตลาดให้แก่ลูกค้าธนาคาร โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Special Mention : SM) และผู้ประกอบการกลุ่มเปราะบางจากหน่วยงานพันธมิตร   รวมถึง ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดจับจ่ายใช้สอย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง  โดยจัดโครงการ  “SME D Market” เปิดพื้นที่บริเวณชั้น 1  สำนักงานใหญ่ SME D Bank อาคาร SME Bank Tower ให้ผู้ประกอบการมาออกบูธจำหน่ายสินค้าเป็นประจำทุก 2 เดือน ครั้งละ 2 วัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยครั้งนี้ กำหนดจัดในวันที่ 24-25 เมษายน 2568  นี้  เวลา 8.00-16.00 น.  ยกทัพผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 50 ราย   มาออกบูธพร้อมมอบโปรโมชันรับหน้าร้อนให้ช้อป ชิมอย่างจุใจ  ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องใช้ และเครื่องประดับ  เช่น “ดองบัง” แซลมอนดองซีอิ๊วเกาหลี  , ข้าวมันไก่  “โกป๊อก , โคขุน “จ้าวอาม” เจ้าดังบางขุนนนท์ , น้ำมะพร้าวปั่นนมสด “Coco Layer”  และ ยาสีฟัน “DentaMate” เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357   

23 Apr 2025


...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เดินหน้าให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ด้วยการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อใช้ในการฟื้นฟูกิจการที่ได้รับความเสียหายให้สามารถประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อได้ โดยสามารถยื่นขอสินเชื่อดังกล่าวได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2568 – 30 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่าวงเงินโครงการจะหมด   นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารกรุงศรี ตระหนักถึงความเดือดร้อนและความเสียหายของผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เราขอส่งกำลังใจไปยังทุกท่าน และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการ SME ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ โดยนอกเหนือจากมาตรการช่วยเหลือที่ทางธนาคารกรุงศรีได้นำเสนอให้กับลูกค้าสินเชื่อ SME ของธนาคารไปแล้วก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดค่างวดหรือพักเงินต้นสูงสุด 6 เดือน กรุงศรียังพร้อมสนับสนุนสินเชื่อ SME เพื่อผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางการช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับ SME ทุกกลุ่ม ทุกขนาด ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว เพื่อใช้ในการปรับปรุงซ่อมแซมร้านค้าหรือสถานประกอบการ หรือในกรณีที่มีทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการเสียหาย และต้องการซื้อทรัพย์สินทดแทน รวมทั้งเป็นเงินทุนเพื่อสนับสนุนให้กิจการสามารถกลับมาดำเนินงานต่อได้โดยเร็วที่สุด” สินเชื่อ SME เพื่อผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว เป็นการสนับสนุนเงินทุนให้กับทั้งลูกค้าสินเชื่อ SME ของธนาคารกรุงศรี และลูกค้าใหม่ ในรูปแบบของวงเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 10 ปี วงเงินสูงสุดไม่เกิน 40 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ เริ่มต้น 3.5% ต่อปี นาน 24 เดือน โดยมีหลักทรัพย์เป็นประกันสินเชื่อ “กรุงศรีพร้อมเป็นแรงสนับสนุนให้ทุกธุรกิจสามารถฟื้นตัวและเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง เราเชื่อมั่นในพลังของผู้ประกอบการไทย และพร้อมอยู่เคียงข้างในทุกย่างก้าว เพื่อช่วยให้ทุกธุรกิจสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ไปได้” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สินเชื่อ SME เพื่อผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว (ลูกค้าสินเชื่อของธนาคารกรุงศรีและลูกค้าใหม่) สามารถติดต่อสอบถามข้อมูล หรือแจ้งความประสงค์ได้ที่ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าของธนาคาร หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา หรือศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจกรุงศรี โทร.02-626-2626 และสำหรับลูกค้าของธนาคารกรุงศรีและบริษัในเครือ ที่ต้องการขอรับความช่วยเหลือผ่านมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/about-krungsri/about-us/overview/announce/earthquake-mar2025  

17 Apr 2025

...

นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า เคทีซีได้ติดตามผลกระทบจากสถานการณ์การเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 และยังไม่เห็นสัญญาณการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวของสมาชิกลดลง เนื่องจากสมาชิกได้วางแผนการเดินทางท่องเที่ยวล่วงหน้า เช่น การจองโรงแรมที่พัก หรือการจองตั๋วเครื่องบินไว้ก่อนเกิดเหตุแล้ว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่11 เมษายน 2568 - 17 เมษายน 2568 เส้นทางท่องเที่ยวในประเทศที่สมาชิกเลือกเดินทางมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี เนื่องจากเดินทางสะดวก มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย  จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ต ตามลำดับ สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมในต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศจีน ตามลำดับ โดยประเทศจีนเป็นเส้นทางที่ยอดการใช้จ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% รับอานิสงส์ของนโยบายฟรีวีซ่า   เคทีซียังเผยถึงตัวเลขยอดการใช่จ่ายผ่านบัตรเครดิตช่วงไตรมาส 1 (มกราคม – มีนาคม 2568) เติบโตต่อเนื่องจากปี 2567 โดยหมวดที่มีการใช้จ่ายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดประกัน หมวดท่องเที่ยว และหมวดสถานีบริการน้ำมัน มั่นใจยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปีนี้ยังขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ  หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

16 Apr 2025

...

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดตัวหนังสั้นชุดใหม่ “ทางเลือก” ถ่ายทอดเรื่องราวสุดเข้มข้น ที่จะมาสะท้อนชีวิต และบีบหัวใจของคนที่กำลังประสบปัญหาหนี้สิน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และยังสื่อให้เห็นว่า ชีวิตมีทางเลือกเสมอ ขอแค่กล้าที่จะเลือก โดยหนังสั้นเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุกถึงพฤติกรรมการใช้เงินของคนไทยให้ตระหนักถึงปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัว (Over-indebtedness) ซึ่งส่วนหนึ่งส่งผลมาจากพฤติกรรมการบริโภคเกินความจำเป็น ซื้อมากเกินพอดี (Overconsumption) และอยากเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ปลุกพลังให้ทุกคนที่กำลังประสบปัญหาภาระหนี้สิน กล้าที่จะเผชิญหน้า กล้าที่จะตัด เพื่อให้หลุดพ้นจากปัญหาเหล่านั้น โดยหนังสั้นชุด “ทางเลือก” กำกับโดย ต่อ ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาชื่อดัง ซึ่งถือเป็นอีกครั้งที่แบรนด์เงินติดล้อได้ตอกย้ำแนวคิด และเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ในการเป็นองค์กรแห่งการสร้างโอกาสทางการเงิน ที่พร้อมเดินเคียงข้างและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น สำหรับผู้สนใจสามารถรับชมหนังโฆษณาชุด “ทางเลือก” ได้ที่ YouTube เงินติดล้อ และ Facebook Fanpage เงินติดล้อ     ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บมจ.เงินติดล้อ ดำเนินธุรกิจด้วยเจตนารมณ์ในการสร้างโอกาสทางการเงินที่เป็นธรรม โปร่งใส และเป็นที่พึ่งด้านการเงินให้กับกลุ่มผู้ใช้สินเชื่อรายย่อย เปรียบเสมือนเป็นป้อมปราการด่านสุดท้ายด้านการเงินให้กับคนไทย ลดการพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบ ภายใต้สโลแกน “ชีวิตหมุนต่อได้” เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางด้านการเงินให้แก่ลูกค้า เงินติดล้อยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่สะท้อนเจตนารมณ์ของแบรนด์มาโดยตลอด ผ่านหนังโฆษณาที่มีเอกลักษณ์ ชัดเจน จริงใจ และตรงไปตรงมา ในแบบฉบับเงินติดล้อ เช่น “เราไม่อยากให้คุณกลับมาหาเราอีก” วลีเด็ดจากหนังโฆษณาชุด “ชีวิตใหม่” ที่เตือนสติให้ผู้ขอสินเชื่อคิดให้ดี และนำเงินที่กู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้และมีชีวิตที่มั่นคง หรือหนังโฆษณาเรียกน้ำตาภายใต้แนวคิด “ชีวิตที่น่าจดจำคือชีวิตที่ทำเพื่อคนอื่น” ซึ่งสร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกอาชีพ สะท้อนถึงการยึดมั่นและชี้ให้เห็นถึงความหมายของสิ่งที่กำลังทำอยู่ว่า ทำไปเพื่ออะไร และทำเพื่อใคร ตามมาด้วยแคมเปญ “หนี้หรือความสุข” ประกอบด้วยหนังสือ “25 วิธีคิดทำให้ชีวิตชิบหาย (25 วิธีคิดให้ชีวิตสบาย)” และ หนังโฆษณา “หนี้นรก” ที่เสียดสีสังคมไทย และเตือนสติให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง คิดให้ดีก่อนเป็นหนี้ เพราะความสุข ไม่ควรทำให้ใครต้องเป็นหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่จำเป็นที่มาจากการใช้จ่ายเกินตัว หรือหนี้ที่มาจากความสุขชั่ววูบจากการได้ทำตามกระแสสังคม พร้อมแฝงแนวคิดในการใช้ชีวิตเพื่อความมั่นคงในระยะยาว ทั้งหมดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเน้นย้ำเจตนารมณ์ของแบรนด์ ที่อยากกระตุกให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาภาระหนี้สินเกินตัวผ่านการสื่อสารมาอย่างต่อเนื่อง และเราจะไม่หยุดพัฒนาเพื่อส่งสารความตั้งใจจริงของแบรนด์ที่อยากยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ “ชีวิตที่หมุนต่อได้” อย่างแท้จริง สามารถรับชมหนังโฆษณาเรื่องอื่นๆ ที่สะท้อนถึงเจตนารมณ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนของเงินติดล้อ: ปี 2559 หนังโฆษณาชุด “ชีวิตใหม่” ที่เน้นย้ำเจตนารมณ์ของเงินติดล้อในการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนด้วยการเข้าถึงบริการทางการเงินที่โปร่งใส ผ่านประโยคกระแทกใจ “เราไม่อยากให้คุณกลับมาหาเราอีก” ให้กำลังใจกลุ่มลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ เพื่อค้นหาตัวเอง และมุ่งมั่นสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างอาชีพ สร้างอนาคตของตัวเอง เพื่อให้ชีวิตเป็นอิสระด้านการเงิน สามารถรับชมได้ที่ https://youtu.be/Zs0QUQ21m2g?si=z7mFPeniHLRM34bH ปี 2561 หนังโฆษณาชุด “ลุงสามล้อ” มีเนื้อหาที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกอาชีพ ภายใต้แนวคิด “ชีวิตที่น่าจดจำคือชีวิตที่ทำเพื่อคนอื่น” สะท้อนถึงคุณค่าของการยึดมั่นและความหมายของสิ่งที่กำลังทำอยู่ว่า ทำไปเพื่ออะไร และเพื่อใคร สามารถรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=K8SHxC5tenw  ปี 2562 หนังโฆษณาชุด “หนี้นรก” ที่เตือนสติผู้คนให้คิดให้ดีก่อนเป็นหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่จำเป็น สะท้อนภาพสังคมในยุคปัจจุบันที่ตกเป็นทาสกิเลส ความอยากได้อยากมีตามกระแสสังคม โดยเล่าเรื่องราวแบบเสียดสีความเป็นจริงตามสไตล์เงินติดล้อ สามารถรับชมได้ที่ https://youtu.be/VuGMusoE5tU?si=Q_fgIHfVdMqRLQ49 ปี 2565 หนังโฆษณาชุด “แสงสว่าง” มีเนื้อหาให้กำลังใจผู้ที่กำลังต่อสู้กับทุกปัญหาที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต พร้อมแง่คิด “ถ้าใจไม่มืด โลกก็ยังมีแสงสว่างให้เราเสมอ” สามารถรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=d9c-_ZURfhw ปี 2565 หนังโฆษณาชุด “คำสัญญา” ถ่ายทอดเรื่องราวของคนสู้ชีวิตที่กำลังต่อสู้ ทุ่มเท ไขว่คว้าตามความฝันที่ตั้งใจ ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของความสุขที่อยู่รอบตัว พร้อมทั้งตั้งคำถาม “อะไรคือความสุขที่แท้จริงในชีวิตคุณ” สามารถรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=fHbAVAlJBDE เยี่ยมชมข้อมูลเงินติดล้อเพิ่มเติมได้ที่ www.tidlor.com และ Facebook Fanpage เงินติดล้อ หรือ Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 088-088-0880 ตลอด 24 ชม.

08 Apr 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินประสบความสำเร็จจากการเดินหน้ายกระดับผู้ประกอบการ SME ไทย ผ่านโครงการ Positive Engagement Program  “SME Gear Up ติดปีกธุรกิจด้วย ESG”  ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อสนับสนุนและเตรียมความพร้อมให้ SME เปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยกรอบแนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์ด้าน ESG ที่เป็นเทรนด์ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ทั้งนี้จากการเวิร์กชอปและให้ความรู้โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ตลอดระยะเวลา 1 เดือนของโครงการฯ ผู้ประกอบการ SME ที่เข้ารอบทั้ง 9 บริษัท สามารถนำเสนอไอเดียรอบสุดท้ายได้อย่างโดดเด่น พร้อมนำไปขยายผลธุรกิจของตัวเองต่อไป โดยถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งภายใต้บทบาทธนาคารเพื่อสังคม ในการขยายผลให้เกิด social impact มากขึ้นและเห็นผลเป็นรูปธรรม สำหรับ 9 สุดยอดผู้ประกอบการ SME ที่มีความโดดเด่นที่สุดในแต่ละด้านตามแนวคิด ESG และได้รับเงินรางวัลมูลค่ารวม 660,000 บาท พร้อมโล่เกียรติคุณ ประกอบด้วย            รางวัลชนะเลิศ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment Track) ได้แก่ บริษัท แอคทีฟพลัส บลู จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตขนมไทยเกรดพรีเมียมเพื่อส่งออก โดดเด่นจากการบริหารจัดการของเสียเพื่อนำไปสู่ Zero Waste อย่างเป็นรูปธรรม รับเงินรางวัลมูลค่า 120,000 บาท   ด้านสังคม (Social Track) ได้แก่ บริษัท สยามเทคโนอุตสาหกรรม จำกัด ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากผ้าทราย และกระดาษทราย และงานเชื่อมชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดดเด่นจากการมีแผนการบริหารจัดการบุคลากรที่ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ตลอดจนการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง รับเงินรางวัลมูลค่า 120,000 บาท   ด้านธรรมาภิบาล (Governance Track) ได้แก่ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกน้ำมะพร้าวและน้ำผลไม้ครอบคลุม 7 ภูมิภาคทั่วโลก โดดเด่นจากการมีเป้าหมายและแผนการดำเนินงานด้านธรรมาภิบาลที่ชัดเจน ครอบคลุมทั้งด้านการบริหารธุรกิจ และการจัดการองค์กร รับเงินรางวัลมูลค่า 120,000 บาท   นอกจากนี้ยังมีการมอบรางวัลรองชนะเลิศและรางวัลชมเชย แก่ผู้ประกอบการ SME ที่มีศักยภาพโดดเด่นในการนำ ESG มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ รวมอีก 6 รางวัลในโอกาสนี้ด้วย โดยมี นางสาววชิรา การสุทธิ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มยุทธศาสตร์และสื่อสารเพื่อความยั่งยืน และ นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ ร่วมมอบรางวัล พร้อมด้วย นางสาววรางคณา ภัทรเสน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความรู้ด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ นายธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้ง บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้   อนึ่ง กิจกรรม SME Gear Up ติดปีกธุรกิจด้วย ESG มีกระบวนการคัดเลือกผู้ประกอบการ SME จำนวนกว่า 30 บริษัท ในรอบแรก เพื่อเข้ารับการอบรมเชิงลึกผ่านกิจกรรม SME Onboarding ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ESG ในมุมมองของธุรกิจ ตลอดจนกรณีศึกษาจากผู้ประกอบการต้นแบบ (Learn from the Lead)  และคัดเลือกผู้ประกอบการ SME จำนวน 9 บริษัท เข้าสู่รอบสุดท้ายในการนำเสนอไอเดียธุรกิจผ่านเครื่องมือ ESG Canvas เพื่อแสดงให้เห็นถึงการนำ ESG ไปปรับใช้กับแผนธุรกิจด้านความยั่งยืนได้อย่างโดดเด่นและเป็นรูปธรรม ครอบคลุมทั้ง 3 มิติตามแนวคิด ESG ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล

29 Mar 2025

...

  บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR นำโดย คุณปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง ร่วมนำทีมผู้นำชาวเงินติดล้อกว่า 450 คน ทั่วประเทศ เข้าร่วมงาน NTL OPEN BOX 2025 งานประชุมสุดยอดผู้นำประจำปี 2568 ภายใต้คอนเซปต์ “TIDLOR’s Journey of Possibilities: การเดินทางสู่ทุกความเป็นไปได้” ภายในงานได้บอกเล่าถึงเทคโนโลยีด้านการเงินและนายหน้าประกัน ที่ใช้เป็นพื้นฐานสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมาแม้เผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทิศทางการดำเนินธุรกิจและการเติบโตอย่างมีคุณภาพทั้งด้านสินเชื่อและนายหน้าประกัน การใช้ประโยชน์จาก Data และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อนำมาใช้ในการทำงานและพัฒนางานด้านต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม TIDLOR Culture Camp ที่มาเข้าร่วมงานนี้ด้วย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้สัมผัสถึงประสบการณ์ที่ผสมผสานค่านิยมองค์กรและการดำเนินธุรกิจเข้าด้วยกันอย่างใกล้ชิด โดยโครงการ TIDLOR Culture Camp มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรของเงินติดล้อ ไปสู่องค์กรต่างๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรของตัวเองต่อไป ผู้สนใจออกแบบค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรผ่านเวิร์กช็อปที่สามารถนำไปใช้ได้จริง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ www.tidlor.com/academy หรือสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-792-1990 ทั้งนี้ ภายในงานยังเชิญชวนเหล่าผู้นำและพนักงานที่ร่วมลงทุนในหุ้น TIDLOR ทำการแลกหุ้น (Tender Offer) ในช่วงระหว่างวันที่ 10 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 16 เมษายน 2568 เวลา 9.00 น. – 16.00 น. (เฉพาะวันทำการ) เพื่อเป็นเจ้าของร่วม “Tidlor Holdings” และรับผลตอบแทนจากการดำเนินธุรกิจที่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีแข็งแกร่ง รองรับการเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน โดยสามารถติดตามขั้นตอนรายละเอียดการแลกหุ้น (Tender Offer) ได้ที่เว็บไซต์ www.tidlorinvestor.com/tidlorholdings

24 Mar 2025

...

SME D Bank ต่อยอดโครงการสินเชื่อ “SME Green Productivity” ปูพรมจัดกิจกรรมยกระดับเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หนุนเข้าถึงความรู้และเครื่องมือ สนับสนุนให้ก้าวสู่อุตสาหกรรมสีเขียวได้อย่างแท้จริง กำหนดจัด 10 ครั้ง ในทุกภูมิภาค   นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “SME Green Productivity” วงเงิน 15,000 ล้านบาท  เมื่อช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี นำไปพัฒนาธุรกิจสู่อุตสาหกรรมสีเขียว ตามนโยบายรัฐบาล  ซึ่งได้การตอบรับอย่างดียิ่ง ขณะนี้ พาเข้าถึงแหล่งทุนในสินเชื่อนี้แล้วมากกว่า 1,000 ราย วงเงินกว่า 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อต่อยอดการสนับสนุนผู้ประกอบการที่ได้รับสินเชื่อดังกล่าวไปแล้วและผู้ประกอบการทั่วไป ให้ก้าวสู่การเป็นธุรกิจสีเขียวอย่างแท้จริง รวมถึง สอดคล้องตรงกับวัตถุประสงค์ของสินเชื่อ SME Green Productivity ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)  SME D Bank จึงร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรต่าง ๆ เช่น สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม  องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)  สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และกรมโรงงาน เป็นต้น  ดำเนินโครงการ “ยกระดับผู้ประกอบการ SME Green Productivity เพื่อการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน”  ด้วยการจัดกิจกรรมเติมความรู้เชิงลึก และให้คำปรึกษา รวมถึง มอบเครื่องมือ เพื่อผลักดันให้สามารถยกระดับสู่อุตสาหกรรมสีเขียวอย่างแท้จริง กำหนัดจัดในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ รวม 10 ครั้ง ควบคู่กันระหว่างออนไซต์และออนไลน์ ด้วยการจัดเตรียมความรู้และสิทธิประโยชน์มากมายไว้รองรับ เช่น วิธีประเมิน Carbon Footprint พร้อมเครื่องมือ   Workshop คำนวณลดก๊าซเรือนกระจก  กระบวนการลดก๊าซเรือนกระจก และสิทธิประโยชน์จาก DX Point นำไปใช้ยกระดับธุรกิจจากแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank เป็นต้น   กำหนดการจัด ได้แก่ ภาคกลางและตะวันออก =  13 ก.พ. 68 : กรุงเทพฯ ,  19 ก.พ. 68 : จันทบุรี ,  21 ก.พ. 68 : สมุทรปราการ,        25 ก.พ. 68 : พระนครศรีอยุธยา  ,  7 มี.ค. 68 : สมุทรสาคร  ภาคเหนือ =  4 มี.ค. 68 : เชียงใหม่ ภาคอีสาน =  27 ก.พ. 68 : อุบลราชธานี ,  6 มี.ค. 68 : สกลนคร ภาคใต้ =   5 มี.ค. 68 : ภูเก็ต ,  11 มี.ค.68 : สงขลา     แจ้งความประสงค์เข้าร่วมกิจกรรมผ่านแพลตฟอร์ม  "DX by SME D Bank"  (dx.smebank.co.th)  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 02-265-4978 , 02-265-4604 , 02-265-3882 , 02-265-3192  หรือ Call Center 1357  

17 Feb 2025

ราชการ - รัฐวิสาหกิจ / ENERGY - พลังงาน

...

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายการทำงานให้แก่ผู้บริหารและทีมงานสาขานครปฐม และสาขาราชบุรี  โดยให้กำลังใจในการทำงาน และขอให้มุ่งมั่นสานต่อภารกิจการเป็นสถาบันการเงินของรัฐที่พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงบริการด้านการเงินผ่านโครงการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษจากรัฐบาล เพียง 3%ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ลดต้นทุนและยกระดับเพิ่มศักยภาพธุรกิจ สามารถเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมใหม่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับบริการด้านการพัฒนาผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) สนับสนุนให้กิจการเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ณ SME D Bank สาขานครปฐม และสาขาราชบุรี  เมื่อเร็ว ๆ  นี้    

18 Apr 2025


...

ธนาคารออมสิน ห่วงใยผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยได้ส่งมอบความช่วยเหลือเบื้องต้นในทันที เพื่อสนับสนุนภารกิจของโรงพยาบาลและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในจุดต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ธนาคารขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความสูญเสีย และขอส่งแรงใจไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ โดยธนาคารพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการส่งมอบมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ผ่าน 2 มาตรการหลัก คือ 1) มาตรการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าเดิม โดยให้พักชำระเงินต้นทั้งหมด และลดดอกเบี้ยเป็น 0% เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อธนาคารออมสิน 3 กลุ่ม ที่เดือดร้อนทรัพย์สินได้รับความเสียหาย หรือคุณภาพชีวิตและการดำเนินธุรกิจได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้แก่ ลูกค้าสินเชื่อธนาคารประชาชน ลูกค้าสินเชื่อเคหะที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท และลูกค้าสินเชื่อ SME ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 10 ล้านบาท 2) มาตรการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูสำหรับบุคคลทั่วไป ธนาคารมอบสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ ได้แก่ 2.1 สินเชื่อฉุกเฉินผู้ประสบภัยพิบัติ วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท/ราย ระยะเวลาผ่อนชำระ 24 เดือน ปลอดชำระเงินงวด 3 เดือนแรก อัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับเดือนที่ 1 - 3 และเดือนที่ 4 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย 0.60% ต่อเดือน 2.2 สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท/ราย ระยะเวลาผ่อนชำระ 10 ปี สำหรับลูกค้าใหม่ ส่วนลูกค้าปัจจุบันใช้ระยะเวลาผ่อนชำระตามสัญญาเดิม ปีที่ 1 คิดอัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับ 3 เดือนแรก และเดือนที่ 4 - 12 = 2% ปีที่ 2 = 2% ปีที่ 3 = MRR-3.35% ปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR-0.75% 2.3 สินเชื่อ SME ฟื้นฟูแผ่นดินไหว วงเงินกู้ไม่เกิน 40 ล้านบาท/ราย ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 10 ปี (ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 9 เดือน) คิดอัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 - 2 = 2.99% ปีที่ 3 - 4 = MLR/MOR-0.5% และปีที่ 5 เป็นต้นไป = MLR/MOR+0.5% ทั้งนี้ สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 10 ล้านบาท ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ย 3 เดือนแรก = 0% หลังจากนั้น เดือนที่ 4 - 24 = 2.99% ปีที่ 3 - 4 = MLR/MOR-0.5% และปีที่ 5 เป็นต้นไป = MLR/MOR+0.5% โดยลูกค้าและบุคคลทั่วไปสามารถติดต่อได้ที่สาขาธนาคารออมสินหรือสาขาที่มีบัญชีเงินกู้อยู่ เพื่อแจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนได้ตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคม 2568 และยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันที่1 เมษายน – 30 กันยายน 2568 เงื่อนไขเป็นไปตามประกาศของธนาคาร หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหรือความช่วยเหลืออื่นใด โปรดติดต่อ GSB Contact Center โทร. 1115 และที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th       

01 Apr 2025

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ครั้งที่ 1/2568 และการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 ร่วมกับ ผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงินของรัฐ ผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยที่ประชุมได้มีมติและเห็นชอบในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ มีมติเอกฉันท์เลือก นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ต่ออีกหนึ่งวาระ เป็นระยะเวลา 2 ปี (พ.ศ.2568-2570) ก่อนที่จะครบวาระในวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 พร้อมมีมติเลือก นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และนายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นรองประธานกรรมการสมาคมฯ ลำดับที่ 1 และลำดับที่ 2 เพื่อร่วมกันสานต่อยุทธศาสตร์ของสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาประเทศ ตลอดจนเป็นกลไกขับเคลื่อนฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายรัฐบาล   นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงานของสมาคม ปี 2567 ประกอบด้วย การกระตุ้นเศรษฐกิจและขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ การแก้ไขปัญหาหนี้สินของลูกหนี้อย่างยั่งยืน โดยดำเนินโครงการแก้ไขหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย และเข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และ SMEs รวมถึงสนับสนุนการใช้ข้อมูลและระบบดิจิทัลเพื่อให้บริการทางการเงิน การให้ความร่วมมือกับภาคเอกชน และการพัฒนายกระดับการดำเนินงานของสมาคม เป็นต้น ณ ห้องประชุม ชั้น 24 อาคารทาวเวอร์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568  

13 Mar 2025

...

กบข. ร่วมรักษ์โลก งดผลิตใบแจ้งยอดเงินแบบกระดาษ และเปิดให้สมาชิกดาวน์โหลด e-Statement ประจำปี 2567 แล้ว พร้อมจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกขององค์กร สนับสนุน Net Zero ของประเทศ   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. เปิดให้สมาชิก 1.2 ล้านราย เข้าดาวน์โหลดใบแจ้งยอดเงินสมาชิก ประจำปี 2567 ในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Statement) แล้ว ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ดังนี้ 1. My GPF Application 2. My GPF Website และ 3. LINE กบข. @gpfcommunity เข้าผ่านสมาร์ตโฟน เพื่ออำนวยความสะดวกให้สมาชิกเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยนโยบายลดการใช้กระดาษอย่างจริงจังของ กบข. ส่งผลให้สามารถลดการใช้กระดาษได้กว่า 5 ล้านแผ่นต่อปี หรือประมาณ 25 ตัน มีส่วนช่วยลดการตัดต้นไม้กว่า 420 ต้น หรือเทียบเท่ากับช่วยประหยัดน้ำสะอาดได้ 7.86 แสนลิตร และไฟฟ้า 1.02 แสนกิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งจากการลดใช้กระดาษในครั้งนี้สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 52.6 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สะท้อนถึงความตั้งใจของ กบข. และสมาชิก ในการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม “กบข. ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกผ่านการเปลี่ยนมาใช้ e-Statement ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและมีส่วนช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน” นายทรงพล กล่าว   นอกจากนี้ ในปี 2568 กบข. ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานควบคู่กับการพัฒนาความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกเพื่อวัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) และดำเนินโครงการปรับปรุงระบบบริหารอาคารให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในปี 2567 กบข. ได้ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาระบบทำความเย็นและระบบสุขาภิบาลในอาคารสำนักงานที่บริหารเองทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ อาคารอับดุลราฮิม อาคารจีพีเอฟ วิทยุ และอาคารบางกอกซิตี้ ทาวเวอร์ ส่งผลให้สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถึงปีละ 3.29 แสนกิโลวัตต์-ชั่วโมง และลดการใช้น้ำได้ปีละ 11.25 ล้านลิตร เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 ด้านการลงทุน กบข. มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืน ตามแนวทางการเป็นนักลงทุนสถาบันที่มีความรับผิดชอบ (Principle for Responsible Investment) เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

18 Feb 2025

...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ส่งมอบปฏิทินเก่า ประจำปี 2567 ให้แก่มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นำไปจัดทำหนังสืออักษรเบรลล์ เพื่อผลิตสื่อการเรียนการสอนและสื่อเพื่อเป็นช่องทางการสื่อสารในชีวิตประจำวันสำหรับผู้บกพร่องทางการมองเห็น   นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” โดยตลอดระยะเวลากว่า 71 ปี ได้สนับสนุนให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 4.6 ล้านครอบครัว ขณะเดียวกันธนาคารยังดำเนินการตามนโยบายด้านการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะการดูแลกลุ่มผู้มีความบกพร่องทางร่างกายในสังคมให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ธอส. จึงได้จัดกิจกรรมส่งมอบปฏิทินเก่า ประจำปี 2567 ที่รวบรวมจากพนักงานและลูกค้าของธนาคาร ให้แก่มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้นำไปจัดทำหนังสืออักษรเบรลล์เพื่อผลิตสื่อการเรียนการสอนและสื่อเพื่อเป็นช่องทางการสื่อสารในชีวิตประจำวันสำหรับผู้บกพร่องทางการมองเห็น   โดยธนาคารให้ความสำคัญกับการดูแลสนับสนุนการถ่ายทอดความรู้ผ่านสื่อภาษาสัญลักษณ์แทนตัวอักษร เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสื่อคุณภาพให้แก่ผู้บกพร่องทางการมองเห็น อีกทั้งยังเป็นการสร้างจิตอาสาแบ่งปันความสุข พร้อมกับมอบโอกาสทางการศึกษา และเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการนำปฏิทินเก่าไม่ใช้แล้วกลับมาผลิตสื่อสำหรับผู้บกพร่องทางการมองเห็น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายด้านการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมหรือ CSR ของธนาคาร   โดยธนาคารให้ความสำคัญและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการดำเนินงานตามภารกิจหลักในการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยกิจกรรมการส่งมอบปฏิทินเก่าประจำปี 2567 จัดขึ้น ณ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568  

17 Feb 2025

...

ธ.ก.ส. เดินหน้าสนับสนุนเยาวชนของชาติ มุ่งสร้างฐานการผลิตอาหารปลอดภัยอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการปลูกความรู้ด้านการเกษตรให้กับนักเรียนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 พร้อมเสริมความรู้การทำเกษตรผ่านโมเดล Smart Farm ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เช่น การปลูกผักสวนครัวและปลูกเมล่อนโดยไม่พึ่งสารเคมี การเลี้ยงปลาและการเพาะเห็ด โดยนำวัตถุดิบที่ได้มาแปรรูปเป็นอาหารกลางวันให้กับนักเรียน และนำไปจำหน่าย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง สร้างรายได้เสริมให้กับนักเรียนและครอบครัว ยกระดับเกษตรเพื่อการบริโภค เป็น “เกษตรการค้า” โดยในปีบัญชี 2567 ธ.ก.ส. ปลูกความรู้ให้กับนักเรียนทั่วประเทศไปแล้วกว่า 13,500 ราย   พร้อมขยายผลไปยังครอบครัวนักเรียนและชุมชน เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับเยาวชน ครอบครัว และชุมชน ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล   นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วยนายพรชัย งามสินจำรัส ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคกลาง ธ.ก.ส. นำคณะพนักงาน ธ.ก.ส. ร่วมกิจกรรมปลูกความรู้ด้านการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียน ประจำปีบัญชี 2567 เพื่อส่งเสริมความรู้และพัฒนาทักษะด้านการเกษตรผ่านโมเดล Smart Farm ทั้งภาคทฤษฎีและการลงมือปฏิบัติจริง ณ โรงเรียนเทพศิรินทร์คลองสิบสาม อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษา รวมกว่า 400 คน ให้สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้และทำการเกษตรเบื้องต้น โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิต และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตที่มีคุณภาพไปใช้ในการประกอบอาหารกลางวัน และยังสามารถนำไปจำหน่าย เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับนักเรียนและครอบครัว เช่น การปลูกผักผลไม้ไร้สารพิษ การเลี้ยงปลา และการเพาะเห็ดนางฟ้า     นอกจากนี้ได้ร่วมเยี่ยมชมโรงเรียนธนาคารและแปลงเกษตรต้นแบบในโรงเรียน ได้แก่ โรงเรือนเมล่อน โรงเรือนผักสลัด โรงเรือนเห็ดนางฟ้า และบ่อเลี้ยงปลาระบบปิดที่มีการใช้ระบบเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาควบคุมการผลิต ลดปริมาณน้ำล้น บำบัดน้ำเสียช่วยลดปัญหาการใช้น้ำแบบสิ้นเปลือง และกิจกรรม Classroom แลกเปลี่ยนความรู้ในหัวข้อ การยกระดับสินค้าเกษตรให้กับนักเรียน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ก่อเกิดไอเดียในการคิดสร้างสรรค์และแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าในอนาคต พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมประกอบอาหารกับนักเรียนด้วยการใช้วัตถุดิบสดใหม่ที่เก็บเกี่ยวมาจากโรงเรือน พร้อมจัดเลี้ยงอาหารกลางวันให้กับนักเรียนอีกด้วย ในโอกาสนี้ ธ.ก.ส. ได้มอบทุนการศึกษา อุปกรณ์กีฬา กระเป๋าเป้ และผลิตภัณฑ์ข้าวพร้อมทานตาม “อุ่นอิ่ม” ทั้งประเภทข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอร์รี่ ให้แก่โรงเรียนเทพศิรินทร์คลองสิบสาม เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ วางรากฐานและพัฒนาทักษะที่สำคัญให้กับเยาวชน อันนำไปสู่โอกาสทางการศึกษาและสร้างรากฐานอาชีพที่มั่นคงในอนาคตต่อไป     ทั้งนี้ ธ.ก.ส. มุ่งดำเนินงานเพื่อสู่การเป็นแกนกลางการเกษตร (Essence of Agriculture) ที่พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและชุมชนในทุกมิติ ทั้งภารกิจด้านการสนับสนุนเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ การสนับสนุนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงภารกิจด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยตระหนักถึงความสำคัญของนักเรียน ซึ่งเป็นเยาวชนของชาติ ที่จะเติบโตไปเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาภาคการเกษตรและภาคการศึกษาในอนาคต ผ่านโครงการปลูกความรู้ด้านการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันในโรงเรียนทั่วประเทศมาต่อเนื่องกว่า 15 ปี ซึ่งมีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการในแต่ละปีกว่า 300 โรงเรียน รวมจำนวนกว่า 5,000 โรงเรียน รวมจำนวนนักเรียนที่ผ่านการร่วมกิจกรรมในโครงการกว่า 8 แสนคน โดยมุ่งสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการทำการเกษตรแบบไร้สารเคมี เพื่อผลิตอาหารปลอดภัย และสามารถนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในกระบวนการผลิต โดยตลอดปีบัญชี 2567 (เมษายน 2567 – มีนาคม 2568) สามารถปลูกความรู้ให้กับเด็กนักเรียนทั้ง 76 จังหวัด ทั่วประเทศได้กว่า 13,500 ราย เพื่อให้เด็กนักเรียนได้บริโภคอาหารกลางวันที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ปลอดภัย และปราศจากสารเคมีตกค้าง รวมถึงแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์แบบ Smart Farm ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง     โดย ธ.ก.ส. มุ่งหวังให้นักเรียนสามารถนำองค์ความรู้ทั้งด้านเกษตร เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้ผลิตอาหารด้วยตนเองได้อย่างยั่งยืน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ปกครอง ด้วยการนำความรู้ไปประยุกต์ พัฒนา ปรับใช้และต่อยอดสู่การประกอบอาชีพเสริม เพื่อยกระดับเกษตรเพื่อการบริโภคเป็น “เกษตรการค้า” ในระหว่างกำลังศึกษา รวมถึงนำเงินทุนที่สะสมและองค์ความรู้มาต่อยอดสู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตรหลังจบการศึกษาได้ต่อไป ซึ่งสามารถขยายผลไปยังครอบครัวของเยาวชนและเครือข่ายชุมชน เพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน อันเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน และยังสอดรับกับสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ ของ ธ.ก.ส. ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับบุคลากรที่มีรายได้ประจำในหน่วยงานที่ธนาคารกำหนดและยังไม่เกษียณอายุ สามารถขอสินเชื่อเพื่อนำไปซื้อที่ดินทางการเกษตร และทำการเกษตรคู่ขนานระหว่างทำงานประจำ เตรียมความพร้อมในการทำการเกษตรหลังจากเกษียณอายุต่อไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ www.baac.or.th หรือ Call Center 02 555 0555    

15 Feb 2025

...

ออมสิน ท็อปฟอร์ม!  คว้า 7 รางวัลรัฐวิสาหกิจ ปี 2567 “ระดับดีเด่น” มากสุดเป็นประวัติการณ์ นับเป็นรัฐวิสาหกิจที่ได้รับรางวัลสูงสุด พร้อมครองรางวัลเกียรติยศ “รัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม” 2 ปีซ้อน   นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Award) ประจำปี 2567 ให้แก่ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน คณะกรรมการธนาคารออมสิน และผู้บริหาร รวมทั้งสิ้น 7 รางวัล ประกอบด้วย รางวัลรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม รางวัลคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น รางวัลการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจดิจิทัล รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน รางวัลการดำเนินงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น และ รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น (ด้านนวัตกรรม) จัดขึ้นโดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเร็ว ๆ นี้     นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2567 ถึง 7 รางวัล มากสุดในประวัติศาสตร์ของธนาคารในการได้รับรางวัลในระดับดีเด่นทั้งหมด และเป็นรัฐวิสาหกิจที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในครั้งนี้ ที่สำคัญได้รับรางวัลเกียรติยศรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม 2 ปีติดต่อกัน ความสำเร็จในการได้รับรางวัลดังกล่าว นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของบุคลากรธนาคารออมสินทุกคน ที่มุ่งมั่นตั้งใจในการรักษามาตรฐานการดำเนินงานในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีธรรมาภิบาล โปร่งใส ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล โดยเฉพาะการเดินหน้าตามภารกิจการเป็นธนาคารเพื่อสังคม เพื่อสร้าง Social Impact ให้กับผู้คนและสังคมในวงกว้าง และขยายขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยาว     สำหรับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2567 ที่ธนาคารออมสินได้รับ ประกอบด้วย รางวัลรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม มอบให้รัฐวิสาหกิจที่มีมาตรฐานการดำเนินงานที่โดดเด่นในทุก ๆ ด้าน สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตลอดจนเป็นแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาประเทศ รางวัลคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น มอบให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้แทนของผู้ถือหุ้นภาครัฐ ในความมุ่งมั่นและมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ และผลักดันการบริหารงานของฝ่ายจัดการให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี รางวัลการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น ได้รับติดต่อกันเป็นปีที่ 6 มอบให้รัฐวิสาหกิจที่รักษามาตรฐานการบริหารจัดการดำเนินงานได้เป็นเลิศ สามารถสร้างศักยภาพในการแข่งขันและพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำพาองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจดิจิทัล จากความมุ่งมั่นในการยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัล มาบริหารจัดการและพัฒนาองค์กรในมิติต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงขององค์กร ยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน     พร้อมกันนี้ ยังได้รับ รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน จากการที่ธนาคารให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่ารวม โดยคำนึงถึงมิติสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม รางวัลการดำเนินงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น จากโครงการ “ออมสินฮ่วมใจ๋ฮักขุนน่าน” ที่ธนาคารใช้กลยุทธ์การพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม โดยยึดโยงกับบริบทแวดล้อมของพื้นที่ เพื่อสร้างคุณค่าร่วมให้ธุรกิจเติบโตควบคู่กับการสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนและสังคม รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น ธนาคารได้รับรางวัลด้านนวัตกรรม จากโครงการ GSB ESG Score : Portfolio Low-Carbon โดยนำนวัตกรรมทางการเงินมาพัฒนาเป็น ESG Score เครื่องมือในการพิจารณาสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อสร้างความยั่งยืนต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกส่วน ทั้งองค์กรธุรกิจ ธนาคาร ประเทศชาติ และโลกได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว  

15 Feb 2025

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เดินหน้าสร้างโอกาสเพิ่มรายได้ขยายตลาดให้แก่ลูกค้าธนาคาร โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Special Mention : SM) และผู้ประกอบการกลุ่มเปราะบางจากหน่วยงานพันธมิตร   รวมถึง ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดจับจ่ายใช้สอย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง  โดยจัดโครงการ  “SME D Market” เปิดพื้นที่บริเวณชั้น 1  สำนักงานใหญ่ SME D Bank อาคาร SME Bank Tower ให้ผู้ประกอบการมาออกบูธจำหน่ายสินค้าเป็นประจำทุก 2 เดือน ครั้งละ 2 วัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยครั้งนี้ กำหนดจัดในวันที่ 24-25 เมษายน 2568  นี้  เวลา 8.00-16.00 น.  ยกทัพผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 50 ราย   มาออกบูธพร้อมมอบโปรโมชันรับหน้าร้อนให้ช้อป ชิมอย่างจุใจ  ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องใช้ และเครื่องประดับ  เช่น “ดองบัง” แซลมอนดองซีอิ๊วเกาหลี  , ข้าวมันไก่  “โกป๊อก , โคขุน “จ้าวอาม” เจ้าดังบางขุนนนท์ , น้ำมะพร้าวปั่นนมสด “Coco Layer”  และ ยาสีฟัน “DentaMate” เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357   

23 Apr 2025

...

  กรุงเทพประกันชีวิต เตรียมจัดงานสัมมนาครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 2568 Bangkok Life Grand Open House นำโดย คุณจักรพงศ์ แสงแก้ว ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายงานตัวแทนและที่ปรึกษาการเงิน ที่จะเปิดบ้านต้อนรับผู้บริหารตัวแทน ตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน ตลอดจนผู้มุ่งหวังที่จะเข้าสู่อาชีพนักขายรุ่นใหม่เพื่อร่วมเส้นทางกับงานที่จะทำให้เปลี่ยนชีวิตสู่อิสรภาพทางการเงิน พิเศษ ช่วง Special Talk กับ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน ผู้ดำเนินรายการชื่อดังของไทยจาก The Standard ในรายการ Morning Wealth และ 8 Minute ที่จะมาร่วมแชร์แนวคิดของ “งานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ: Live a Life Beyond Imagination” ในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2568 ระหว่าง 9.30 – 12.00 น. ณ ห้องประชุม ชิน โสภณพนิช ชั้น 11 อาคารสำนักงานใหญ่ กรุงเทพประกันชีวิต (วงศ์สว่าง) พร้อมรับฟังความรู้อีกมากมายจากตัวแทนและที่ปรึกษาการเงินระดับท็อปของกรุงเทพประกันชีวิต ที่จะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์บนเส้นทางแห่งความสำเร็จ พร้อมเปิดมุมมองใหม่กับอาชีพที่สามารถก้าวข้ามทุกข้อจำกัดสู่ชีวิตดี  ๆ แบบที่เคยฝันทั้งรายได้และอิสรภาพในการบริหารเวลา สามารถเติบโตก้าวหน้าได้ตามความสามารถ โดยผู้ร่วมงานคนใหม่ที่ยังไม่มีรหัสตัวแทน รับทันที เสื้อ T- Shirt “งานที่ใช่ ใช้ชีวิตที่ชอบ” พร้อมลุ้นของรางวัลมากมายในงาน สำหรับผู้บริหารที่ชวนผู้มุ่งหวังร่วมงาน รับทันทีกระเป๋าชอปปิง 1 ใบ

22 Apr 2025

...

  สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ประชุมร่วมกับเอกชนภาคอุตสาหกรรมประกันภัย ในรูปแบบออนไลน์ ผ่านระบบ Microsoft Teams Meeting เพื่อหารือแนวทางการเร่งตรวจสอบและออกหลักฐานรับผิดชอบให้แก่ประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย โดย นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ สำนักงาน คปภ. ประธานที่ประชุม ได้ให้ความสำคัญของการให้บริการตรวจสอบความเสียหายและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเรียกร้องให้บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นพ้องกันว่าจะเร่งดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนโดยเร็วที่สุด ซึ่ง สำนักงาน คปภ. ขอให้ภาคเอกชนรายงานข้อมูลการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ประชาชน ให้สำนักงาน คปภ. ทราบ เพื่อติดตาม ตรวจสอบความถูกต้อง สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการใช้ระบบประกันภัยบริหารความเสี่ยง และได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัย ขณะนี้ สำนักงาน คปภ. โดยสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ได้ปฏิบัติงานร่วมกับทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัย ณ ที่ทำการของสำนักงาน คปภ. ทั่วประเทศ พร้อมให้บริการสายด่วน คปภ. 1186 เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้ข้อมูล ให้คำปรึกษาเบื้องต้น หรือตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยจากผู้มีสิทธิขอรับข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า “การประชุมในครั้งนี้ เป็นไปตามภารกิจสำคัญของ สำนักงาน คปภ. ที่จะต้องให้ความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัยอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดูแลประชาชนในยามวิกฤตภัยพิบัติที่รุนแรง จำเป็นต้องมีการติดตามเร่งรัดให้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเยียวยาความเสียหายแก่ประชาชนโดยเร็วที่สุด”  

21 Apr 2025

...

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (“TRIS Rating”) คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH ที่ระดับ “AA” แนวโน้ม “Stable” และคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP บริษัทแกนของกลุ่ม ที่ระดับ “AAA” แนวโน้ม “Stable” หลังประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว   TRIS Rating ชี้ผลกระทบทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นต่อ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ ทิพยประกันภัย จากการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่เกี่ยวข้องกับอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ซึ่งทิพยประกันภัย ร่วมรับประกันภัยอยู่ในวงจำกัด และทิพยประกันภัย มีการประกันภัยต่อที่ครอบคลุม ทั้งการประกันภัยต่อความเสียหายส่วนเกินจากภัยพิบัติหรือมหันตภัย (Excess of Loss - XoL) การประกันภัยต่อแบบเฉพาะราย (Facultative Reinsurance) สำหรับโครงการขนาดใหญ่ ตลอดจนการประกันภัยต่อแบบสัดส่วน (Proportional Treaty) และแบบไม่เป็นสัดส่วน (Non-Proportional Treaty) ซึ่งจะช่วยจำกัดความคุ้มครองของทั้งอาคารที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และอาคารที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยคู่สัญญาประกันภัยต่อ เป็นบริษัทประกันภัยต่อชั้นนำของโลก ที่มีอันดับเครดิตไม่ต่ำกว่า “A” ตามมาตรฐานการจัดอันดับสากล ทั้งนี้ ส่งผลให้ทิพยประกันภัย ยังคงมีความมั่นคงทางการเงิน และไม่มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ อย่างมีนัยสำคัญ จากการประเมินดังกล่าว TRIS Rating จึงคงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “AA” แนวโน้ม “Stable” ซึ่งเป็นอันดับเครดิตองค์กรสูงสุดในกลุ่มธุรกิจโฮลดิ้งส์ให้กับ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และคงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “AAA” แนวโน้ม “Stable” ซึ่งเป็นอันดับเครดิตองค์กรสูงสุดในกลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัยให้กับทิพยประกันภัย ตอกย้ำความเชื่อมั่นในฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ยอดเยี่ยมของกลุ่มบริษัท ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวย้ำอย่างมั่นใจว่า จากการประเมินของ TRIS Rating ในครั้งนี้ สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงของกลุ่มบริษัทได้เป็นอย่างดี และสะท้อนภาพความแข็งแกร่งทางการเงินของกลุ่มบริษัทให้กับนักลงทุนได้เป็นที่ประจักษ์ เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของกลุ่มบริษัท เรายืนยันถึงความทุ่มเทของทุกฝ่ายในบริษัทที่ช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน  เราจะเดินหน้าสร้างการเติบโตทางธุรกิจควบคู่กับการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรัดกุมและรอบด้าน พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป

13 Apr 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner