Responsive image

Tuesday, 10 Jun 2025

LATEST NEWS

INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต

...

  สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) โดย นางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการ ด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค ได้ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงาน Asia Pacific Life Insurance Congress (APLIC) ครั้งที่ 20 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งจัดโดย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน (THAIFA) ระหว่างวันที่ 27–29 พฤษภาคม 2568 ณ ห้อง Exhibition Hall 1–2 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายใต้แนวคิด “Create Tomorrow, Today” โดยมีผู้แทนจากภาคอุตสาหกรรมประกันชีวิตจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิกเข้าร่วมงานกว่า 5,000 คน เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แนวทางปฏิบัติที่ดี และส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจประกันชีวิตให้เติบโตอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพยิ่งขึ้น รองเลขาธิการ ด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค ได้กล่าวถึงความสำคัญของการสร้างอนาคตร่วมกันภายใต้บริบทที่โลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน ทั้งด้านเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ และเทคโนโลยี โดยภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกยังคงเป็นภูมิภาค ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยเฉพาะการเติบโตของชนชั้นกลาง การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย และความรู้ทางการเงินของประชาชนที่เพิ่มขึ้น ล้วนเป็นแรงผลักสำคัญที่ส่งเสริมให้การประกันชีวิตมีบทบาทเชิงรุกมากยิ่งขึ้น พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน ในฐานะกลไกสำคัญที่เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ประกันภัยกับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเชื่อมั่นให้ระบบประกันภัยเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง สอดคล้องกับภารกิจของสำนักงาน คปภ. สนับสนุนให้อุตสาหกรรมประกันภัยมีความเข้มแข็ง ยืดหยุ่น และสามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมั่นคง โดยจะเดินหน้าส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ ยกระดับมาตรฐานวิชาชีพ และพัฒนากลไกด้านนโยบายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ระบบประกันภัยไทยมีบทบาทสำคัญทั้งในระดับภูมิภาคและระดับสากล โดยมีตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงินเป็นผู้ที่สร้างความเข้าใจ ความมั่นใจ และความเชื่อมั่นแก่ประชาชน “งาน APLIC 2025 นับเป็นประตูแห่งโอกาส ที่เปิดไปสู่การยกระดับมาตรฐานวิชาชีพและการพัฒนาองค์ความรู้ ผ่านการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล นวัตกรรม และแนวปฏิบัติที่ดีด้านการประกันชีวิต ซึ่งประตูบานนี้จะไม่มีวันเปิดออกได้ หากปราศจากตัวแทนประกันชีวิต ซึ่งเป็นกุญแจที่สำคัญที่ปลดล็อกศักยภาพของระบบประกันภัยให้เข้าถึงประชาชนได้อย่างแท้จริง” รองเลขาธิการ ด้านกำกับคนกลางและประกันภัยภูมิภาค กล่าวในตอนท้าย  

10 Jun 2025


...

  กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย เป็นทุนหมุนเวียนหนึ่งที่อยู่ภายใต้การประเมินผลของกรมบัญชีกลาง ซึ่งที่ผ่านมา กองทุนฯ      ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานและบริหารกองทุนฯ ตามแผนยุทธศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการปรับปรุงการดำเนินงานให้มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อยกระดับคุณภาพการดำเนินงานทั้งภายในกองทุนฯ และการให้บริการแก่ผู้มีส่วนได้  ส่วนเสียภายนอก อีกทั้งได้มีกำกับการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยง รวมถึงมีการติดตามระบบการบริหารจัดการที่สำคัญ  ทั้งด้านการเงิน การดำเนินงานตามวัตถุประสงค์กองทุนฯ การบริหารความเสี่ยง การจัดการสารสนเทศ และการบริหารทรัพยากรบุคคล      จากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพดังกล่าว ส่งผลให้กองทุนฯ ได้รับคะแนนประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ปี 2567 ประเภทการสงเคราะห์และสวัสดิการสังคม รวมในระดับสูงถึง 4.6654 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5.0000 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนการประเมินสูงสุดที่กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยเคยได้รับการประเมิน จากกรมบัญชีกลาง

10 Jun 2025

...

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมืองไทยประกันชีวิตร่วมกับธนาคารกสิกรไทย เดินหน้าส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แก่ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต หรือเบี้ยปีต่ออายุกรมธรรม์ ที่สามารถชำระด้วยบัตรเครดิตได้ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้าที่ชำระค่าเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยและบัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ด มี 2 โปรโมชันให้เลือก ได้แก่   โปรโมชันที่ 1  แบ่งจ่าย 0% นาน 6 เดือน พร้อมรับ K Point สูงสุด 50,000 คะแนน*  สำหรับลูกค้าที่ซื้อหรือชำระเบี้ยประกันภัยเมืองไทยประกันชีวิต ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย สามารถเลือกใช้บริการ แบ่งจ่าย 0% นาน 6 เดือน ผ่าน KBank Smart Pay เมื่อมียอดใช้จ่ายตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป/เซลล์สลิป โดยทุก ๆ ยอดใช้จ่าย 10,000 บาท รับ K Point 1,000 คะแนน สูงสุด 20,000 คะแนน/ท่าน/รายการ/วัน  จำกัดการรับ K-Point สูงสุด 50,000 คะแนน ต่อท่านตลอดรายการ   วิธีลงทะเบียน  พิมพ์ ML2 [เว้นวรรค] หมายเลขบัตรเครดิตกสิกรไทย 12 หลักสุดท้าย ส่ง SMS มาที่ 4545888 ก่อนทำรายการ ระยะเวลาโปรโมชัน  21 เมษายน 2568 – 30 มิถุนายน 2568 โปรโมชันที่ 2 “คุ้ม 2 ต่อ” สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย และบัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ด ลูกค้าที่ชำระค่าเบี้ยประกันภัยของเมืองไทยประกันชีวิต (ยกเว้น Unit Linked) ทั้งเบี้ยประกันภัยใหม่ และเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 – 31 กรกฎาคม 2568 รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ ดังนี้ คุ้มต่อที่ 1  รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4,000 บาท* ยอดชำระเบี้ย 10,000-19,999 บาทต่อเซลล์สลิป รับเครดิตเงินคืน 60 บาท ยอดชำระเบี้ย 20,000-49,999 บาทต่อเซลล์สลิป รับเครดิตเงินคืน 120 บาท ยอดชำระเบี้ย 50,000-99,999 บาทต่อเซลล์สลิป รับเครดิตเงินคืน 350 บาท ยอดชำระเบี้ย 100,000-499,999 บาทต่อเซลล์สลิป รับเครดิตเงินคืน 800 บาท ยอดชำระเบี้ย 500,000 บาทขึ้นไปต่อเซลล์สลิป รับเครดิตเงินคืน 4,000 บาท โดยทุกการใช้จ่าย ยังได้รับคะแนนสะสม K Point และพิเศษยิ่งขึ้น สำหรับผู้ถือบัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ด รับเครดิตเงินคืนเพิ่มอีก 0.25% จากยอดชำระเบี้ยโดยไม่จำกัดจำนวนเงินคืน ร่วมรายการโดยการลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวภายในระยะเวลารายการ : พิมพ์ INS [เว้นวรรค] ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4545888   คุ้มต่อที่ 2  แลกคะแนน K Point เท่ายอดใช้จ่าย รับเครดิตเงินคืน 10%** หรือแลกทุก 1,000 คะแนน เพื่อรับเครดิตเงินคืน 100 บาท  โดยต้องแลกคะแนนไม่น้อยกว่ายอดชำระเบี้ยประกันเพื่อรับเครดิตเงินคืน 10% (จำกัดการแลกสูงสุด 500,000  คะแนน/ท่าน ตลอดรายการ)  ลงทะเบียนทุกครั้งที่ต้องการแลก พิมพ์ KIR  [เว้นวรรค] หมายเลขบัตรเครดิต 12 หลักสุดท้าย [เว้นวรรค] จำนวนยอดใช้จ่ายที่ต้องการแลก (ไม่ใส่จุดทศนิยม) ส่งมาที่ 4545888 โดยทั้ง 2 โปรโมชันนี้ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งในด้านการบริหารค่าใช้จ่ายและการสะสมคะแนนเพื่อแลกรับความคุ้มค่าสำหรับผู้ที่สนใจสมัครบัตรเมืองไทยสไมล์เครดิตการ์ดสามารถศึกษา เงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่  เว็บไซต์เมืองไทยประกันชีวิต www.muangthai.co.th  หรือโทร.1766 ทุกวัน  ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ K Contact Center 02-888-8888   #เมืองไทยประกันชีวิต #muangthailife #เมืองไทยสไมล์คลับ หมายเหตุ 1.  เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกสิกรไทย และ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กำหนด 2.  โปรดตรวจสอบรายละเอียดกรมธรรม์และรายการที่ร่วมรายการก่อนทำรายการ 3.  ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี  อัตราดอกเบี้ย 0% 6 เดือนเมื่อลูกค้าชำระเต็มจำนวนภายในครบกำหนดชำระ   

09 Jun 2025

...

กลุ่มบริษัทเอไอเอ (“เอไอเอ” หรือ “บริษัท” รวมถึงบริษัทย่อยทั้งหมดเรียกรวมกันว่า “กลุ่ม”) ประกาศว่า นายเอ็ดมันด์ เซอ วิง ซี ประธานกรรมการอิสระของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ได้มีความประสงค์แจ้งต่อคณะกรรมการบริษัท (“คณะกรรมการ”) ถึงความตั้งใจที่จะเกษียณจากทั้งสองตำแหน่ง โดยจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2568 คณะกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทเอไอเอมีความยินดีที่จะประกาศว่า เซอร์ มาร์ค ทัคเกอร์ ซึ่งได้เคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ ในระหว่างปี 2553 ถึง 2560 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอิสระของกลุ่มบริษัทเอไอเอ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ทั้งนี้ การแต่งตั้งตำแหน่งยังอยู่ในระหว่างรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล นอกจากนี้กลุ่มบริษัทเอไอเอ ได้ประกาศแต่งตั้งเซอร์มาร์คให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการสรรหา และเป็นสมาชิกคณะกรรมการกำหนดค่าตอบแทน โดยมีผลในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 เช่นกัน เซอร์ มาร์ค ทักเกอร์ มีประสบการณ์อย่างยาวนานในอุตสาหกรรมบริการทางการเงินมากกว่า 40 ปี ทั้งในเอเชีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และแอฟริกา โดยเขาจะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอิสระของกลุ่มบริษัท HSBC Holdings plc (“HSBC”) ในวันที่ 30 กันยายน 2568   นายเอ็ดมันด์ ซี กล่าวว่า “นับเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิตการทำงานของผมที่ได้มีโอกาสได้ทำงานกับบริษัทที่ยอดเยี่ยมอย่างเอไอเอ ทั้งในฐานะกรรมการและประธานกรรมการอิสระคนแรก ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีที่เอไอเอ ผมได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานที่ยอดเยี่ยมมากมาย และขอขอบคุณทุกคนทั้งในอดีตและปัจจุบันที่ทุ่มเททำงานร่วมกันอย่างไม่ย่อท้อ” “ผมขอขอบคุณเพื่อนกรรมการบริหารทุกท่านที่ให้การสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมตลอด 14 ปีที่ผมได้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร โดยเอไอเอ มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและพร้อมสำหรับความสำเร็จที่ยั่งยืนในอนาคต ผมมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งในสิ่งที่เราได้ร่วมกันสร้างมา และเชื่อมั่นว่า ด้วยการนำของมาร์ค ร่วมกับคณะกรรมการบริหารที่มีความสามารถอย่างยิ่ง เอไอเอจะยังคงเติบโต แข็งแกร่ง และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในอนาคต” นายซี ซึ่งเป็นผู้นำในกระบวนการสรรหาประธานกรรมการ กล่าวเพิ่มเติมว่า “มาร์คได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่และยั่งยืนต่อเอไอเอในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและประธานบริษัท โดยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเขา ทั้งในบทบาทผู้นำของเอไอเอ และล่าสุดในฐานะประธานกรรมการของหนึ่งในสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดของโลก จะช่วยเสริมสร้างความเป็นผู้นำอันแข็งแกร่งให้กับเอไอเอ ผมรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับมาร์คเข้าสู่คณะกรรมการบริหารของเรา” นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “ในนามของคณะกรรมการบริษัท ผมขอแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อคุณเอ็ดมันด์ เอไอเอเป็นหนี้บุญคุณเขาอย่างมากสำหรับการอุทิศตนอย่างไม่มีใครเทียบได้ตลอดเส้นทางอาชีพอันน่าทึ่งของเขา ความเป็นผู้นำของเขาในบทบาทผู้บริหารระดับสูง และล่าสุดในฐานะประธานกรรมการอิสระคนแรกของกลุ่มบริษัท ได้ช่วยวางรากฐานที่มั่นคงและแข็งแกร่งให้กับเอไอเอ วิสัยทัศน์และความทะเยอทะยานของคุณเอ็ดมันด์มีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมให้เอไอเอเป็นองค์กรชั้นนำอย่างในปัจจุบัน ภายใต้การนำของเขา เราได้บรรลุเป้าหมายที่สำคัญมากมาย รวมถึงการเติบโตอย่างยอดเยี่ยม การขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ และนวัตกรรมล้ำสมัยที่เป็นประโยชน์ในสังคมของเรา คุณเอ็ดมันด์ได้เกษียณอายุพร้อมกับตำนานที่ยืนยาวตลอดไป จากบทบาทสำคัญของเขาในการขับเคลื่อนและพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนของเราทั่วเอเชีย ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ คณะกรรมการจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ในการมอบตำแหน่งเกียรติยศ “ประธานกิตติคุณ” แก่คุณเอ็ดมันด์ เพื่อเป็นการแสดงถึงความเคารพอย่างสูงที่เรามีต่อเขา และเป็นเกียรติแก่ผลงานอันยิ่งใหญ่ที่เขาได้สร้างไว้กับเอไอเอ” “เรารู้สึกยินดีมากที่ได้ต้อนรับ เซอร์ มาร์ค ทักเกอร์ กลับมาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอิสระของเราอีกครั้ง เซอร์มาร์คเคยทำงานร่วมกับคุณเอ็ดมันด์อย่างใกล้ชิดในการนำบริษัทสู่การเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้ประชาชนทั่วไป ซึ่งในช่วงเวลานั้นเขาได้วางรากฐานให้เอไอเอได้เป็นกลุ่มบริษัทอิสระระดับโลกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยชื่อเสียงในระดับนานาชาติของเซอร์มาร์คยิ่งเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเราตั้งตารอที่จะได้ประโยชน์จากการที่เขาเป็นผู้นำ ด้วยประสบการณ์อันเข้มข้นในด้านการเงิน รวมถึงความหลงใหลของเขาในทวีปเอเชีย”   เซอร์มาร์ค กล่าวว่า “ผมรู้จักคุณเอ็ดมันด์มาหลายสิบปี และชื่นชมเขาในฐานะผู้บริหาร สมาชิกคณะกรรมการร่วม และในฐานะเพื่อน เขาได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมให้กับเอไอเอ และผมขออวยพรให้เขามีความสุขอย่างเต็มเปี่ยมในช่วงเกษียณอายุนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งและตื่นเต้นที่ได้รับหน้าที่เป็นประธานกรรมการอิสระของหนึ่งในบริษัทประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก เอไอเอมีบทบาทสำคัญในการปกป้องความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวนับล้านทั่วเอเชีย ช่วยให้พวกเขามีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น (Healthier, Longer, Better Lives) ผมตั้งตารอที่จะได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมการ คุณหยวน ชยอง ทีมผู้บริหาร เพื่อนร่วมงาน ตัวแทน และพันธมิตรทั่วทั้งภูมิภาค เพื่อสานต่อความสำเร็จของกลุ่มบริษัทต่อไป”

08 Jun 2025

...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เป็นผู้แทนบริษัทฯ รับรางวัล Quality Choice Prize จากพิธีมอบรางวัล Quality Choice Prize 2025 จัดโดย European Society for Quality Research (ESQR) ณ เมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 รางวัล Quality Choice Prize ถือเป็นรางวัลระดับนานาชาติที่มอบให้แก่องค์กรที่มีความโดดเด่นด้านการบริหารจัดการคุณภาพ การดำเนินงานตามมาตรฐานสากล และมีความสามารถในการปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการได้รับรางวัลในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของกรุงเทพประกันภัยในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน และรักษามาตรฐานคุณภาพการบริการที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้า โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ เคยได้รับรางวัลจาก ESQR ได้แก่ รางวัล Best Quality Leadership Awards รางวัล European Award for Best Practices และรางวัล Quality Achievements Awards  

07 Jun 2025

...

กรุงเทพประกันชีวิต ฉลองวาระครบรอบ 74 ปี จัดแคมเปญใหญ่ “ใส่ใจทั่วไทย แจกจุใจ 74 รางวัล” ลุ้นรางวัล รถยนต์ไฟฟ้า Volvo EX30 Ultra - Twin Motor Performance สี Cloud Blue มูลค่า 1,540,000 บาท พร้อมของรางวัลอื่นๆ อีกมากมายเพียงซื้อประกันกับกรุงเทพประกันชีวิตแบบใดก็ได้ ยกเว้นกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน และกรมธรรม์ประเภทกลุ่มลูกค้าองค์กร โดยชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกแบบรายปีต่อกรมธรรม์ตั้งแต่ 25,000 บาท ขึ้นไป ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2568 ถึง วันที่ 31 ตุลาคม 2568 พร้อมดาวน์โหลด ลงทะเบียน และเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน BLA Happy Life ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 รับสิทธิ์ลุ้นรางวัล 1 สิทธิ์   นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้บริหารสายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรุงเทพประกันชีวิตจะมีวาระครบรอบ 74 ปี ในเดือนมิถุนายนปีนี้ จึงฉลองวาระพิเศษด้วยการจัดแคมเปญ “ใส่ใจทั่วไทย แจกจุใจ 74 รางวัล” โดยได้คัดสรรของรางวัลด้วยความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ คุณภาพชีวิตและความมั่งคั่ง เพื่อมอบเป็นของขวัญให้แก่ลูกค้าที่ได้ให้ความไว้วางใจให้กรุงเทพประกันชีวิตได้ดูแล เมื่อสมัครทำประกันกับกรุงเทพประกันชีวิตแบบใดก็ได้ ทุกช่องทางการขาย ยกเว้นประกันชีวิตควบการลงทุน และ ประกันกลุ่มลูกค้าองค์กร ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2568 ถึง วันที่ 31 ตุลาคม 2568 พร้อมดาวน์โหลด ลงทะเบียน และเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน BLA Happy Life ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 รับ 1 สิทธิ์ เพื่อลุ้นรางวัลมากมายจำนวน 74 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท พิเศษ! สำหรับผู้ขอเอาประกันภัยที่สมัครรับ e-Policy หรือ ผูกบัญชีรับผลประโยชน์ผ่านบัญชีธนาคาร เพื่อช่วยลดปริมาณการใช้กระดาษและร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลเพิ่มอีก 1  สิทธิ์     สำหรับของรางวัลแคมเปญ “ใส่ใจทั่วไทย แจกจุใจ 74 รางวัล”  ประกอบด้วย รางวัลที่ 1  รถยนต์ไฟฟ้า Volvo รุ่น EX30 Ultra - Twin Motor Performance สี Cloud Blue  พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟ จำนวน 1 รางวัล รวมมูลค่า 1,540,000 บาท รางวัลที่ 2  โทรศัพท์มือถือ iPhone รุ่น 16 Plus ความจุ 256GB สีฟ้า มูลค่า 36,000 บาท จำนวน 2 รางวัล รวมมูลค่า 72,000 บาท รางวัลที่ 3  ทองแผ่น 2 สลึง น้ำหนัก 7.62 กรัม จาก Aurora มูลค่า 21,300 บาท จำนวน 2 รางวัล รวมมูลค่า 42,600 บาท รางวัลที่ 4  นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ Garmin รุ่น Forerunner 265 Music สีดำ มูลค่า 14,102 บาท จำนวน 3 รางวัล รวมมูลค่า 42,306 บาท รางวัลที่ 5  เครื่องย่อยเศษอาหาร RAAKDIN 3 ลิตร สีขาว มูลค่า 12,490 บาท จำนวน 3 รายการ รวมมูลค่า 37,470 บาท รางวัลที่ 6  เครื่องตรวจพรสวรรค์ Geneus DNA รุ่น Premium Service  มูลค่า 6,900 บาท จำนวน 3 รางวัล รวมมูลค่า 20,700 บาท รางวัลที่ 7  เครื่องฟอกอากาศแบบคล้องคอ iBle รุ่น Airvida M1 มูลค่า 7,990 บาท จำนวน 5 รางวัล รวมมูลค่า 39,950 บาท รางวัลที่ 8  กล้องเคลื่อนที่สำหรับการรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน EBO AIR มูลค่า 7,990 บาท จำนวน 5 รางวัล รวมมูลค่า 39,950 บาท รางวัลที่ 9  เครื่องวัดความดัน WITHINGS BPM Connect มูลค่า 4,690 บาท จำนวน 5 รางวัล รวมมูลค่า 23,450 บาท รางวัลที่ 10 เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่น Smart Air Purifier 4 Lite มูลค่า 3,990 บาท จำนวน 5 รางวัล รวมมูลค่า 19,950 บาทรางวัลที่ 11 เครื่องพ่นไอน้ำกระจายกลิ่น DONNA CHANG รุ่น PHALAEN Ultrasonic Aromatherapy มูลค่า 3,950 บาท จำนวน 5 รางวัล รวมมูลค่า 19,750 บาท รางวัลที่ 12  ปืนนวดกล้ามเนื้อ Breo Massagun รุ่น S1 Pocket Mini Massage Gun สีดำ มูลค่า 3,490 บาท จำนวน 5รางวัล รวมมูลค่า 17,450 บาท รางวัลที่ 13  หม้อทอดไร้น้ำมัน Xiaomi รุ่น Air Fryer Essential 6L มูลค่า 2,190 บาท จำนวน 10 รางวัล รวมมูลค่า 21,900 บาทรางวัลที่ 14  พัดลมมือถือ Jisulife รุ่น FA55 Ultra1 มูลค่า 1,999 บาท จำนวน 10 รางวัล รวมมูลค่า 19,990 บาท รางวัลที่ 15  ทองแท่ง 0.2 กรัม จาก Aurora มูลค่า 1,990 บาท จำนวน 10 รางวัล รวมมูลค่า 19,900 บาท กรุงเทพประกันชีวิตจะทำการจับรางวัล ในวันที่ 9 ธันวาคม 2568 เวลา 13:00 น. เป็นต้นไป ณ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ และจะประกาศผลรายชื่อผู้โชคดี ผ่านช่องทาง  Facebook: Bangkoklife – กรุงเทพประกันชีวิต ในวันที่ 25 ธันวาคม 2568 ผู้ที่สนใจสามารถสมัครทำประกันได้ผ่านตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน กรุงเทพประกันชีวิต และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรุงเทพประกันชีวิตhttps://bla.bangkoklife.com/BLA74th หรือติดต่อ Call Center โทร.02-777-8888  

07 Jun 2025

...

กองทุนประกันวินาศภัย (กปว.) นำโดย นายชนะพล มหาวงษ์ ผู้จัดการกองทุนประกันวินาศภัย จัดโครงการชี้แจงทำความเข้าใจในกระบวนการชำระบัญชี และการชำระหนี้ของกองทุนประกันวินาศภัยแก่บุคลากร สำนักงาน คปภ. จังหวัดกระบี่ โดยมุ่งเน้นการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ และภารกิจ พร้อมแนวทางการดำเนินงานของ กปว. ในการบริหารจัดการกรณีบริษัทประกันวินาศภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โครงการนี้มีเป้าหมายหลักในการเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับกระบวนการชำระบัญชี ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนและเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย โดย กปว.ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงาน เพื่อให้บุคลากร สำนักงาน คปภ. จังหวัดกระบี่ สามารถนำข้อมูลไปถ่ายทอดและให้คำแนะนำแก่ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน   ครั้งนี้ ได้มีการเปิดโอกาสให้บุคลากร สำนักงาน คปภ. จังหวัดกระบี่ได้ซักถามข้อสงสัยต่าง ๆ โดยประเด็นที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษคือกรณีของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทล่าสุดที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตฯ โดย กปว. ได้ชี้แจงถึงแนวทางและกระบวนการชำระบัญชี เพื่อให้บุคลากร สำนักงาน คปภ. จังหวัดกระบี่ สามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ โครงการฯ ดังกล่าวยังเป็นโอกาสอันดีในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่าง กปว. และสำนักงาน คปภ. จังหวัดกระบี่ ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือแนวทางการทำงานร่วมกัน เพื่อให้การบริการประชาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและราบรื่น สำนักงาน คปภ. ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในพื้นที่ มีบทบาทสำคัญในการเป็นสื่อกลางระหว่างประชาชนและ กปว. มีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกระบวนการชำระบัญชี จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่ประชาชนและเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ   โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการประชาสัมพันธ์เชิงรุกของ กปว. ที่มุ่งเน้นการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และเข้าถึงง่ายแก่ประชาชน โดยผ่านการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงาน คปภ. ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับธุรกิจประกันภัยในจังหวัด

03 Jun 2025

ECONOMY- FINANCE / เศรษฐกิจ - การเงิน

...

SME D Bank ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดผลกระทบให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากสถานการณ์เศรษฐกิจ คิกออฟโครงการ “SME D ให้ใจ ไปถึงถิ่น” ยกทัพทีมงานสาขา พร้อมหน่วยสนับสนุนจากทั่วประเทศ ลงพื้นที่พร้อมกันไปมอบบริการถึงสถานประกอบการ แหล่งการค้า และย่านเศรษฐกิจ ตลอดเดือนมิถุนายน 2568  อำนวยความสะดวกพาเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ เพียง 3%ต่อปี และการพัฒนา ช่วยยกระดับเพิ่มศักยภาพธุรกิจ  นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย" (ธพว.) หรือ SME D Bank   กล่าวว่า  SME D Bank ขานรับนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ที่ต้องการให้สถาบันการเงินของรัฐ เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึง ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจ  ทั้งความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐอเมริกา การล้นทะลักของสินค้าจากต่างประเทศ เป็นต้น  ดังนั้น SME D Bank จึงทำงานเชิงรุกด้วยการดำเนินโครงการ “SME D ให้ใจ ไปถึงถิ่น” ยกทัพทีมงานสาขา พร้อมทีมสนับสนุนจากทั่วประเทศ กระจายลงพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อไปมอบบริการสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีถึงสถานประกอบการ รวมถึง แหล่งการค้า และย่านเศรษฐกิจสำคัญต่างๆ ทั่วประเทศ จังหวัดละ 4-5 จุด  ตลอดเดือนมิถุนายน 2568 โดยกำหนดคิกออฟพร้อมกันในวันที่ 7 มิถุนายน 2568      ทั้งนี้ พร้อมให้บริการ ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ของธนาคารในแต่ละพื้นที่อย่างใกล้ชิดและทั่วถึงมากที่สุด  ประกอบด้วยบริการพาถึงเงินทุน ผ่านโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) วงเงินรวมกว่า 30,000 ล้านบาท ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย จุดเด่นอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3% ปีแรก  ผ่อนนานสูงสุดถึง 10 ปี  และปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน สามารถแจ้งความประสงค์ยื่นกู้ได้ทันที หากเอกสารพร้อม รู้ผลการพิจารณาภายใน 10 วันทำการ ประกอบด้วย 1.สินเชื่อ “SME Green Productivity” วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท  สนับสนุนผู้ประกอบการลงทุนติดตั้งระบบอุปกรณ์ โดยเฉพาะแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าพลังงาน และมุ่งสู่ธุรกิจสีเขียว   2.สินเชื่อ "ปลุกพลัง SME"  วงเงินกู้สูงสุด 1.5 ล้านบาท  สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 2 ล้านบาท ช่วยต่อยอดเพิ่มสภาพคล่องในธุรกิจ และ 3.สินเชื่อ "Beyond ติดปีก SME"  วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไป  เพื่อเพิ่มศักยภาพยกระดับการดำเนินธุรกิจ  และเสริมสภาพคล่องในธุรกิจ สำหรับวงเงิน 30,000 ล้านบาท ที่จะอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะมีส่วนสำคัญผลักดันให้เอสเอ็มอียกระดับเพิ่มศักยภาพ  เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ ในทุกพื้นที่    ตั้งเป้าสนับสนุนเข้าถึงแหล่งทุนได้กว่า 14,000 กิจการ  รักษาการจ้างงานได้ประมาณ 198,000 คน และกระตุ้นเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 160,000 ล้านบาท      อีกทั้ง ยังสนับสนุนด้านการพัฒนา ผ่านแพลตฟอร์ม "DX by SME D Bank" ช่วยเสริมแกร่งครบวงจร สามารถสมัครใช้บริการได้ทันทีเช่นกัน  มีฟังก์ชันสำคัญ เช่น ระบบ  “Business Health Check”  ตรวจสุขภาพทางธุรกิจ  ระบบ E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้สำคัญ ช่วยเพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจ เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง ระบบ SME D Activity  สามารถจองเข้าร่วมกิจกรรมเติมความรู้ได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี ระบบ SME D Coach มีโค้ชมืออาชีพคอยเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำธุรกิจ  ระบบ SME D Market ช่วยขยายตลาดด้วย E-marketplace หนุนจับคู่ธุรกิจ  และระบบ SME D Privilege  ที่มอบสิทธิประโยชน์พิเศษมากมาย การลงพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ธนาคารจะรับแจ้งความต้องการจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี  ผ่านการลงทะเบียนออนไลน์เพียงสแกน QR Code ด้วยสมาร์ตโฟน และกรอกข้อมูลเข้าระบบ ซึ่งข้อมูลจะถูกส่งไปยังสาขาธนาคารในพื้นที่ที่ผู้ประกอบการระบุทันที จากนั้น เจ้าหน้าที่สาขาจะติดต่อกลับ เพื่อดำเนินการตอบความต้องการต่างๆ ของผู้ประกอบการอย่างฉับไวที่สุด      นอกจากนั้น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังสามารถแจ้งความประสงค์รับบริการด้านการเงินและการพัฒนาจาก SME D Bank  ได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น สาขาของ SME D Bank ทุกแห่งทั่วประเทศ  ,  LINE Official Account : SME Development Bank  และเว็บไซต์  www.smebank.co.th เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

10 Jun 2025


...

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ให้การต้อนรับ เต็งกู ดาโต๊ะ ศรี ซาฟรูล อับดุล อาซิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรม มาเลเซีย (ที่ 2 จากขวา) ในโอกาสที่ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ได้เป็นเจ้าภาพร่วมกับ MATRADE Bangkok  หรือ สำนักงานการค้าภายใต้สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย จัดการประชุม ‘Roundtable Meeting with Captains of Industry in Thailand’ โดยมีผู้นำภาคอุตสาหกรรมไทยเข้าร่วมงานเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองด้านการลงทุน สร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำธุรกิจ ค้นหาโอกาสการลงทุนใหม่ ๆ ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ รวมถึงเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในโอกาสนี้ มีผู้บริหารจากกลุ่มซีไอเอ็มบีและซีไอเอ็มบี ไทย เข้าร่วมงาน ได้แก่ โนแวน อามิรูดิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มซีไอเอ็มบี  (ที่ 2 จากซ้าย) วุธว์ ธนิตติราภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (ซ้าย) และ พอล วอง ชี คิน ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (ขวา) การจัดงานในครั้งนี้ สะท้อนบทบาทของซีไอเอ็มบี ในฐานะตัวกลางสำคัญที่เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจทั่วอาเซียน พร้อมเดินหน้าสนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนไทย–มาเลเซีย เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาค   นอกจากนี้ MATRADE Bangkok (สำนักงานการค้าภายใต้สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซีย) ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะเจ้าภาพร่วมในการประชุมโต๊ะกลมในครั้งนี้ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศมาเลเซียและประเทศไทย ความริเริ่มนี้สอดคล้องกับเป้าหมายภายใต้คณะกรรมการการค้าร่วม (JTC) ระหว่างสองประเทศที่จัดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งมีเป้าหมายในการยกระดับมูลค่าการค้าทวิภาคีให้แตะระดับ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2570 โดยการมีส่วนร่วมของ MATRADE Bangkok มีบทบาทสำคัญในการรวบรวมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลักในอุตสาหกรรมจากทั้งสองประเทศ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสร้างโอกาสใหม่ในการเป็นหุ้นส่วนข้ามพรมแดน งานจัดขึ้นโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ ประเทศไทย    

02 Jun 2025

...

  กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) มอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตร Krungsri Boarding Card เข้าใช้บริการห้องรับรองพิเศษ Miracle Lounge สนามบินสุวรรณภูมิ หรือสนามบินดอนเมือง (เฉพาะเส้นทางบินระหว่างประเทศ) ฟรี! เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมผ่านบัตร Krungsri Boarding Card ภายในเดือนที่ร่วมรายการผ่านช่องทางออนไลน์ หรือที่ร้านค้าผ่านเครื่อง EDC ทั่วโลก ครบ 50,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 – 30 กันยายน 2568 ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/promotions/cards/hot-promotion/boarding-card-miracle-lounge  

02 Jun 2025

...

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ BKIH ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 571.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30.5 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น 5.37 บาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2568 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.75 บาท ในวันที่ 6 มิถุนายน 2568    โดยปัจจุบันบีเคไอ โฮลดิ้งส์ (BKIH) มีบริษัทย่อยที่สร้างรายได้หลักคือ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ที่ยังคงรักษาเสถียรภาพทางการเงินได้เป็นอย่างดีแม้ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว โดยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) กรุงเทพประกันภัยมีรายได้จากการประกันภัย 8,142.7 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 และมีค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยสุทธิ 7,832.9 ล้านบาท ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานการบริการประกันภัย 309.8 ล้านบาท ลดลง 266.8 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 46.3 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 576.6 ล้านบาท สำหรับรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 440.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.7 โดยเมื่อรวมรายได้อื่นและหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำให้กรุงเทพประกันภัยมีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 665.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30.2 และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว มีกำไรสุทธิ 564.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31.9 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 5.30 บาท   บีเคไอ โฮลดิ้งส์และบริษัทย่อย ยึดมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตด้วยความมั่นคง สร้างความเชื่อมั่นด้วยฐานะการเงินที่ แข็งแกร่ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ตลอดจนมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

29 May 2025

...

ตามที่รัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้สถาบันการเงินของรัฐ ช่วยเหลือภาคธุรกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ผ่านการลดเป้าหมายกำไรทางธุรกิจเพื่อนำเม็ดเงินงบประมาณมาจัดทำโครงการ/มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการนั้น   นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารจึงได้เร่งรัดดำเนินการ ประกาศลดดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการกลุ่มสินเชื่อธุรกิจที่เป็นลูกค้าปัจจุบันของธนาคาร ในอัตรา 2 - 3% ต่อปี สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกธุรกิจ Supply Chain และผู้ผลิตสินค้าที่ต้องมีการแข่งขันสูงกับสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ เนื่องจากนโยบายกำแพงภาษีฯ ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนสินค้าไทยเพิ่มขึ้น การส่งออกชะลอตัว และอาจทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลงจนนำไปสู่ปัญหาการขาดสภาพคล่อง และกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระต้นทุนทางการเงิน เสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจสามารถประคองตัวและดำเนินกิจการต่อไปได้ในช่วงเวลาที่ท้าทาย มาตรการลดดอกเบี้ยสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ครอบคลุมลูกค้าปัจจุบันกลุ่มสินเชื่อธุรกิจธนาคารออมสินทุกประเภทที่มีสถานะบัญชีปกติ โดยเฉพาะธุรกิจส่งออกที่ได้รับผลกระทบ ธุรกิจ Supply Chain และผู้ผลิตที่ต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ ลดดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 3% ต่อปี จากอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเดิม ระยะเวลาการลดดอกเบี้ย ไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่จัดทำนิติกรรมสัญญา ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ลูกค้าที่เข้าหลักเกณฑ์สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ สาขาธนาคารออมสินที่มีบัญชีเงินกู้ ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2568 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115  

25 May 2025

...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” พร้อมเดินหน้าในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาด้านรายได้อย่างต่อเนื่อง และรักษาบ้านของตนเองเอาไว้ได้ต่อไป ด้วยการขยายเวลาการเข้าร่วม “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 จากเดิมสิ้นสุดเวลาลงทะเบียนวันที่ 30 เมษายน 2568 สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาท ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน แต่เคยมีประวัติการค้างชำระเกิน 30 วัน ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน  2567 และได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 (อ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567) ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการต้องไม่มีการก่อหนี้ใหม่ภายใน 12 เดือนแรก ยกเว้นในกรณีฉุกเฉิน เช่น การซ่อมแซมบ้านจากเหตุแผ่นดินไหว หรือกู้เพื่อการฟื้นฟูที่จำเป็น โดยลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการคุณสู้ เราช่วย สามารถลงทะเบียนได้ผ่าน 3 ช่องทาง ประกอบด้วย เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย www.bot.or.th/Khunsoo  หรือแอปพลิเคชัน GHB ALL GEN และ แอปพลิเคชัน GHB ALL BFRIEND สำหรับโครงการคุณสู้ เราช่วย เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระหนี้ของประชาชนและภาคธุรกิจ ให้สามารถฟื้นตัวและกลับมายืนหยัดทางการเงินได้อีกครั้งในระยะยาว ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank  Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th  

20 May 2025

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการส่งเสริมธุรกิจสู่ความยั่งยืน เปิดโครงการ “Krungsri ESG Awards 2025” การประกวดรางวัลสำหรับภาคธุรกิจที่มีการดำเนินงานโดดเด่นตามหลักการ ESG (Environment, Social, Governance) ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่สาม มุ่งส่งเสริมและยกระดับให้ผู้ประกอบการไทยตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมขยายโอกาสสู่มาตรฐานระดับโลก นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจไทยดำเนินงานตามหลักการ ESG เนื่องจากเราเชื่อมั่นว่า ESG ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว การจัด Krungsri ESG Awards 2025 จึงเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของเราในการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ที่จะช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเติบโตอย่างมั่นคงบนเส้นทางที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในยุคที่แนวคิด ESG กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาความร่วมมือทางธุรกิจในระดับสากล” สำหรับ Krungsri ESG Awards 2025 แบ่งการมอบรางวัลออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ 1. Excellence Awards - รางวัลที่มอบให้แก่องค์กรที่มีความเป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจ ครอบคลุมทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล 2. Highly Commended Awards - รางวัลที่มอบให้แก่องค์กรที่มีการริเริ่มและดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่ดีในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล   นางสาวมันตินี อัครเสริญ ผู้บริหารสายงานการตลาดลูกค้าธุรกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)   จุดเด่นสำคัญของ Krungsri ESG Awards คือการรวมตัวของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้าน ESG จากหลากหลายภาคส่วนชั้นนำของประเทศ ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจเพื่อสังคม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจะช่วยให้การพิจารณาตัดสินมีมุมมองที่ครอบคลุมและสะท้อนภาคปฏิบัติได้อย่างแท้จริง ความพิเศษของ Krungsri ESG Awards 2025 คือ การเปิดโอกาสให้บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ นำเสนอแผนการเปลี่ยนผ่าน (Transition Plan) และแนวคิดธุรกิจ (Pitching) ต่อคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน ESG ที่เป็นตัวแทนจากหลากหลายภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชนชั้นนำ นักลงทุน และนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่เข้าร่วมรับฟังอย่างใกล้ชิด โดยผู้เข้าร่วมจะได้รับข้อเสนอแนะอันทรงคุณค่าจากทั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ตรงในการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสในการถ่ายทอดแนวคิด นวัตกรรม และแรงบันดาลใจที่สามารถนำไปต่อยอดได้อย่างเหมาะสมและสร้างสรรค์   บรรยากาศในวันเปิดโครงการ Krungsri ESG Awards 2025   “ความสำเร็จของโครงการ Krungsri ESG Awards ในสองปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยที่มีความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันแล้ว ยังเป็นการสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน โดยในปีนี้ เราคาดหวังว่าจะได้เห็นนวัตกรรมและแนวคิดใหม่ ๆ จากองค์กรธุรกิจที่จะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความยั่งยืน” “กรุงศรีมุ่งมั่นที่จะสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีตามกรอบ ESG ระหว่างผู้ประกอบการ ผ่าน Krungsri ESG Awards 2025 เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ESG ไม่เพียงแต่เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ แต่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงและเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกธุรกิจยุคใหม่” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย  

20 May 2025

SOCIETY / ภาพข่าว - CSR - ข่าวการเมือง

...

  กรุงเทพประกันชีวิต โดย นายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหารระดับสูง ฉลองวาระครบรอบ 74 ปี จัดแคมเปญใหญ่ “ใส่ใจทั่วไทย แจกจุใจ 74 รางวัล” เชิญชวนลูกค้าคนสำคัญลุ้นรับรางวัล รถยนต์ไฟฟ้า Volvo EX30 Ultra - Twin Motor Performance สี Cloud Blue มูลค่า 1,540,000 บาท พร้อมของรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย โดยได้คัดสรรของรางวัลด้วยความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ คุณภาพชีวิตและความมั่งคั่ง เพื่อมอบเป็นของขวัญให้แก่ลูกค้าที่ได้ให้ความไว้วางใจให้กรุงเทพประกันชีวิตได้ดูแล ร่วมรับสิทธิ์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรุงเทพประกันชีวิต https://bla.bangkoklife.com/BLA74th หรือติดต่อ Call Center โทร. 02-777-8888

10 Jun 2025


...

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย พร้อมด้วย นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล กรรมการ และกรรมการที่ปรึกษาคณะกรรมการการบัญชี - การเงิน และการลงทุน ร่วมมอบดอกไม้แสดงความยินดีแก่ ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย คนที่ 26 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568  ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม ชั้น 1 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

07 Jun 2025

...

True Friends Society (TFS): เครือข่ายเพื่อนแท้ สู่สมดุลชีวิต และความสำเร็จ จัดเสวนาในหัวข้อ “Trump’s Effect : รู้ก่อน ปรับทัน ตัดสินใจแม่นยำ ในยุค Donald Trump” เพื่อชวนทุกคนมาเปิดมุมมองใหม่ เรียนรู้กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก และก้าวทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรมนี้นับเป็นกิจกรรมแรกภายหลังการเปิดตัว TFS อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา การเสวนาดำเนินในรูปแบบ Dynamic Dialogueเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและวิเคราะห์ผลกระทบในระดับโลก ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การวางแผนชีวิต ธุรกิจ และการลงทุน เพื่อเตรียมพร้อมรับมืออย่างมีวิสัยทัศน์ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา   โดยได้รับเกียรติจากคุณสุขเทพ จันทร์ศรีชวาลา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้ง TFS กล่าวเปิดและปิดงานเสวนา พร้อมด้วยคุณโอฬาร วีระนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดูเรียน คอร์ปปอเรชัน จำกัด ผู้ร่วมก่อตั้ง TFS และคุณวิเชฐ ตันติวานิช ประธานกรรมการ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) ประธานกรรมการที่ปรึกษา TFS เป็นผู้ดำเนินรายการ พร้อมเสวนาร่วมกับวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศทั้ง 3 ท่าน • คุณวีระศักดิ์ ฟูตระกูล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ • คุณเกียรติ สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานหอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย • คุณพรพิมล กาญจนลักษณ์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนพิเศษของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศด้านเมียนมา   ซึ่งได้ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ตรง วิเคราะห์ผลกระทบจากการกลับมาของ Donald Trump ต่อเวทีโลก พร้อมสะท้อนภาพอนาคตของประเทศไทย และแนวทางการปรับตัวทั้งในระดับองค์กรและส่วนบุคคลให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและเติบโตไปพร้อมกับโลกอย่างมั่นคง การเสวนาเป็นไปอย่างเป็นกันเองและเปิดกว้าง สมาชิก TFS และผู้เข้าร่วมได้อภิปราย ซักถาม และแบ่งปันมุมมองอย่างหลากหลาย สะท้อนบทบาทของ TFS ในฐานะพื้นที่แห่งการเรียนรู้และการเชื่อมโยงเครือข่ายคุณภาพอย่างแท้จริง กิจกรรมจัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 ณ ห้อง Siam Ballroom ชั้น 2 โรงแรม Lancaster Bangkok        

07 Jun 2025

...

  ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ร่วมบันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ณ สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย

03 Jun 2025

...

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมกับ กลุ่มบริษัทพราว มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา และจังหวัดนครราชสีมา จัดกิจกรรม “เอไอเอ วัน บิลเลียน เดย์ สองศูนย์สองห้า” (AIA ONE BILLION DAY 2025) เตรียมเนรมิตสนามวิ่งเทรลระดับชาติในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เพื่อส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม พร้อมกิจกรรมที่ให้ทุกเจนได้ออกมาสนุกร่วมกันตลอดทั้งวัน เพื่อมุ่งสร้างสังคมแห่งการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังตั้งเป้าช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและวัฒนธรรม ตอกย้ำพันธกิจ AIA One Billion ที่ต้องการสนับสนุนผู้คนกว่าพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญาของเอไอเอ ‘Healthier, Longer, Better Lives’   กิจกรรม AIA ONE BILLION DAY 2025 ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างภาคเอกชนและภาคการศึกษา เพื่อปลุกพลังสุขภาพใน 3 มิติ ได้แก่ สุขภาพกาย สุขภาพใจ และสุขภาพทางการเงิน ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “ดินแดน 3 มรดกโลก” (Triple Heritage City) จังหวัดแรกในประเทศไทย และหนึ่งใน 4 แห่งของโลก ที่มีพื้นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกถึง 3 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มรดกโลกทางธรรมชาติ (2005) พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช (1976) และ โคราชจีโอพาร์ค อุทยานธรณีโลกแห่งใหม่ (2023) สำหรับเส้นทางวิ่งเทรลในครั้งนี้ นักวิ่งเทรลจะได้วิ่งบนเส้นทางธรรมชาติจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ถึงโบนันซ่า เขาใหญ่ ผ่านเส้นทางที่ถือเป็นมรดกโลก ซึ่งไม่เพียงสะท้อนความงดงามของภูมิประเทศ แต่ยังตอกย้ำความภาคภูมิใจในคุณค่าเชิงมรดกของพื้นที่ ตลอดจนฉายภาพประวัติศาสตร์อันน่าจดจำ และการเป็นต่อยอดศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างแท้จริง   คุณนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “AIA ONE BILLION DAY 2025 ถือเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญของเอไอเอ ที่มุ่งมั่นในการส่งเสริมให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น โดยในปีนี้เรายังคงสานต่อกิจกรรม AIA One Billion Trail การแข่งขันวิ่งเทรล ประเภททีม 4 คน เพื่อชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเอไอเอ เป็นผู้ริเริ่มขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2022 เพื่อเป้าหมายหลักในการสนับสนุนด้านสุขภาพ รวมถึงปลุกพลังความสามัคคี ความแข็งแรง มิตรภาพ และพลังใจอันเป็นหนึ่งเดียวกันของนักวิ่งแต่ละทีม พร้อมกับร่วมระดมทุนเพื่อสนับสนุนโครงการเพื่อสังคมผ่านสภากาชาดไทย ซึ่งงานในปีที่ 4 นี้ เราได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมมากขึ้น รวมถึงเส้นทางวิ่งเทรล เพื่อให้นักวิ่งเทรลทั้งไทยและเทศได้สัมผัสประสบการณ์ที่ท้าทายและประทับใจยิ่งกว่าเดิม โดยเราได้เปิดการแข่งขันเทรลประเภทเดี่ยวเพิ่มเติมขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิ่งทั้งที่เป็นมืออาชีพและมือสมัครเล่นได้ร่วมประสบการณ์งานเทรลระดับโลก โดยงาน AIA ONE BILLION DAY 2025 เอไอเอ ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรอย่างกลุ่มบริษัทพราว และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา สร้างสรรค์กิจกรรมวิ่งเทรล ณ อุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งไม่เพียงแต่งานวิ่งเทรลเท่านั้น ในปีนี้ยังมาพร้อมกับกิจกรรมที่หลากหลายให้ทุกคนได้สนุกตลอดทั้งวัน ณ โบนันซ่า เขาใหญ่   “สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ภายในงานจะถูกสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิว ‘Rethink Healthy’ ที่เอไอเอ ต้องการสนับสนุนให้ทุกคนเริ่มต้นดูแลสุขภาพในแบบที่เป็นตัวเอง เพื่อการมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งนอกเหนือจากวิ่งเทรลแล้ว เรายังมีกิจกรรม Snoopy Fun Run ให้ทุกครอบครัวได้ออกมาวิ่งกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก รวมถึง AOB Park ที่เราได้รวมบูทกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย และอิ่มอร่อยกับ Food trucks ที่เราจะยกร้านเด็ดร้านดังมาไว้ที่งาน นอกจากนี้ในช่วงเย็นเรายังมีคอนเสิร์ตที่ได้รวมศิลปินในดวงใจของคนทุกวัยมาไว้บนเวทีเดียวกัน ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมด้านสุขภาพกายแล้ว เรายังส่งเสริมสุขภาพใจ รวมไปถึงดูแลสุขภาพทางการเงินให้กับคนไทย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามพันธกิจ AIA One Billion ตลอดจนสร้างการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวอย่างแท้จริง “ทั้งนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรม AIA ONE BILLION DAY 2025 จะไม่เพียงส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพในทุกมิติ แต่ยังร่วมสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของชุมชนในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน พร้อมจุดประกายให้ทุกก้าวของการวิ่งมีพลังและมีความหมายต่อสังคมโดยรวมต่อไป” คุณนิคฮิล กล่าวทิ้งท้าย   ฯพณฯ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและประธานที่ปรึกษาการจัดงาน กล่าวว่า “กิจกรรม AIA ONE BILLION DAY 2025 ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงพลังความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคการศึกษา ในการยกระดับกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพสู่เวทีระดับประเทศ พร้อมสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในพื้นที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติอันทรงคุณค่า และมีศักยภาพในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผมเชื่อมั่นว่า การจัดกิจกรรมวิ่งเทรลในครั้งนี้ จะไม่เพียงเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความภาคภูมิใจในความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมไทย ควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน”   คุณพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทพราว กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นในการใช้กีฬาและกิจกรรมสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือผลักดันการท่องเที่ยวในพื้นที่ศักยภาพ โดยเฉพาะเขาใหญ่ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ กิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงสร้างประสบการณ์ให้นักวิ่งเทรลจากทั่วโลก แต่ยังสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน กระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ และยกระดับการท่องเที่ยวไทยให้ก้าวสู่ความยั่งยืน กลุ่มบริษัทพราว ผู้นำด้านการพัฒนา Lifestyle Destination ตอกย้ำบทบาทในฐานะผู้นำด้านการท่องเที่ยวระดับโลก ให้ความสำคัญกับการออกแบบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีคุณค่า ทั้งในมิติของสุขภาพ ความยั่งยืน และการเชื่อมโยงกับชุมชนท้องถิ่น เราเชื่อว่า ‘กีฬา’ โดยเฉพาะกิจกรรมอย่างการวิ่งเทรล คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ทั้งต่อตัวผู้เข้าร่วม และต่อพื้นที่ที่จัดกิจกรรม ความงดงามของเขาใหญ่ไม่ใช่เพียงฉากหลังของการแข่งขัน แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องของเมืองท่องเที่ยวคุณภาพที่เดินหน้าไปพร้อมกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง” นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวเสริมว่า “โคราชพร้อมต้อนรับนักวิ่งและนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศและนานาชาติ กิจกรรม AIA ONE BILLION DAY 2025 จะเป็นเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพของจังหวัด ทั้งด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม และชุมชน ซึ่งล้วนเป็นรากฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว”     สำหรับ “AIA ONE BILLION DAY 2025” จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ณ โบนันซ่า เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และไฮไลท์สำคัญคือ กิจกรรม AIA One Billion Trail 2025 ซึ่งสนามวิ่งเทรลในปีนี้เป็นสนามที่ออกแบบเส้นทางมาอย่างพิถีพิถัน ให้นักวิ่งได้สัมผัสกับธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชุมชนในพื้นที่ โดยเส้นทางได้ครอบคลุมความงดงามของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติของไทย นักวิ่งจะได้สัมผัสประสบการณ์วิ่งท่ามกลางผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ ภูมิประเทศที่หลากหลาย และวิถีชุมชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด การแข่งขัน AIA One Billion Trail 2025 แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ระยะ 10 กิโลเมตร (TEAM OF 4: LIGHT TRAIL) ระยะ 25 กิโลเมตร (TEAM OF 4: CHALLENGE TRAIL) ระยะ 50 กิโลเมตร (TEAM OF 4: ENDURANCE TRAIL)     รูปแบบการแข่งขันเป็นการวิ่งแบบทีม ทีมละ 4 คน ที่ต้องเดินทางร่วมกันตั้งแต่ต้นจนถึงเส้นชัย ภายใต้แนวคิด “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ซึ่งเน้นความสามัคคี ความอดทน และการช่วยเหลือกันระหว่างทาง นอกจากนั้น ในปีนี้ยังได้เปิดการแข่งขันวิ่งเทรลประเภทเดี่ยวเพื่อมอบประสบการณ์เทรลระดับโลกให้ทุกคนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ที่สำคัญกิจกรรมในครั้งนี้ยังเปิดรับการบริจาคเพื่อร่วมจัดซื้อเครื่องเอกซเรย์สำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ ผ่านสภากาชาดไทย หรือบริจาคเพื่อช่วยสร้างโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านป่าหมาก จังหวัดประจวบคิรีขันธ์ เพื่อให้เด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกลได้มีโอกาสทางการศึกษา ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรม AIA ONE BILLION DAY 2025 เพิ่มเติมได้ที่ www.aiaonebillionday.com รับชมวิดีโอเปิดตัวงาน AIA ONE BILLION DAY 2025 ได้ที่ https://youtu.be/wj433-b7u3k  

03 Jun 2025

...

  นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) นำคณะผู้บริหาร สำนักงาน คปภ. บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD

03 Jun 2025

...

พนักงานสำรวจอุบัติเหตุ หรือ TIP Smart Assist เข้ารับประกาศนียบัตร “พระเกี้ยวธรรมจักร” ด้านการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ ประจำปี 2568 จากพลตรี ไชยนาจ ญาติฉิมพลี ประธานมูลนิธิศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งผู้ที่เข้ารับรางวัลประกอบด้วยว่าที่ร้อยตรี อรรถพล ท้วมเจริญ  นายวัชรายุทธ ลีลาวิศาลวงศ์  นายทรัพย์ทวี อิทธิสุภรณ์รัตน์ นายธัชพล วรรณสุกใส โดยรางวัลดังกล่าวมอบให้เพื่อเชิดชูเกียรติและเป็นขวัญกำลังใจแก่บุคคลหรือองค์กรที่ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม ด้วยคุณธรรม จริยธรรม ความเสียสละในการทำงานและบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม  โดยในพิธีประทานรางวัลดังกล่าว พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล เสด็จไปทรงเป็นองค์ประธาน ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา TIP Smart Assist คือ ทีมงานสำรวจภัย (Surveyor) ของทิพยประกันภัยที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ด้วยแนวคิด “มาไว ใส่ใจ ไม่มากเรื่อง” ทีม TIP Smart Assist กว่า 300 คนทั่วประเทศ ยังสานต่อเจตนารมณ์ของทิพยประกันภัยในการเป็น “ผู้ให้” ด้วยการเป็นจิตอาสาช่วยเหลือประชาชนบนท้องถนน หรือผู้ประสบภัยต่างๆที่ได้รับความเดือดร้อน  โดยไม่เลือกปฏิบัติว่าผู้ประสบภัยจะเป็นลูกค้าหรือไม่ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมแห่งน้ำใจและความห่วงใยอย่างแท้จริง

03 Jun 2025

BUSINESS-MARKETING-SME /ธุรกิจ-การตลาด-ขายตรง-เอสเอ็มอี

...

SME D Bank เผยผลตรวจสุขภาพธุรกิจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านระบบ Business Health Check ในแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   พบจุดอ่อนสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านบริหารการเงิน  ด้านจัดการนวัตกรรม-เทคโนโลยี และด้านการตลาด  ประกาศเดินหน้าช่วย “เติมความรู้คู่เงินทุน” เสริมศักยภาพให้เข้มแข็ง ปิดจุดอ่อน สามารถก้าวผ่านอุปสรรคได้ในทุกสถานการณ์   นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากที่ SME D Bank มีบริการ “ตรวจสุขภาพทางธุรกิจ” หรือ “Business Health Check”  แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th)  เพื่อให้รับรู้ข้อมูลและเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนในกิจการตัวเอง ก่อนนำไปสู่การเติมทักษะ ปิดจุดอ่อน เสริมจุดแข็งได้ตรงกับความต้องการของแต่ละกิจการ  ทั้งนี้  ระยะเวลาประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้ารับบริการตรวจสุขภาพทางธุรกิจ รวมกว่า 9,200 กิจการ  พบทักษะ 3 ด้านที่เป็นจุดอ่อนสำคัญ ได้แก่  อันดับ 1  ด้านการบริหารจัดการเงิน  ระดับคะแนนประเมินผลอยู่ที่ 1.8 จากคะแนนเต็ม 5 ตามด้วย อันดับ 2  ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี (2.6 คะแนน) และอันดับ 3 ด้านการสื่อสารการตลาด (3.6 คะแนน) โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในทุกขนาดธุรกิจ ล้วนมีจุดอ่อนใน 3 ด้านนี้เหมือนกัน แตกต่างกันในรายละเอียดและความซับซ้อนในทักษะที่ต้องพัฒนา   สำหรับด้านการบริหารจัดการเงิน กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (Micro) มีคะแนนต่ำที่สุด ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญของการทำบัญชี ไม่แยกเงินส่วนตัวกับธุรกิจ ไม่เข้าใจหลักการบัญชีเบื้องต้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการคำนวณกำไรขาดทุน รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งทุน  ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (Small) มีการบันทึกข้อมูลทางการเงิน แต่ขาดเครื่องมือหรือการลงทุนในระบบบัญชีที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงขาดการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อวางแผนระยะยาว ขณะที่ ผู้ประกอบการขนาดกลาง (Medium) ต้องการทักษะการวิเคราะห์ทางการเงินที่ซับซ้อนขึ้น และในหลายกิจการขาดการบูรณาการข้อมูล ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ผู้ประกอบการรายย่อย ไม่รู้ว่ามีเทคโนโลยีอะไรที่ช่วยธุรกิจเล็กๆ ได้บ้าง และยังไม่สามารถเชื่อมโยงการใช้เทคโนโลยีด้านการตลาดได้อย่างเต็มศักยภาพ ส่วนผู้ประกอบการขนาดเล็ก ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมรูปแบบใดเหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง และไม่มีแผนหรือนโยบายที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของธุรกิจ รวมถึงไม่กล้ารับความเสี่ยงที่จะล้มเหลวจากการลงทุนในนวัตกรรม  สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง ไม่สามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมนวัตกรรมได้อย่างแท้จริง ด้านการสื่อสารการตลาด ผู้ประกอบการรายย่อย  ขาดทักษะในการใช้ Social Media ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับการตลาด รวมถึงไม่เข้าใจการตลาดพื้นฐาน ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก  ขาดทักษะในการใช้เครื่องมือและการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด ไม่รู้วิธีวัดผลลัพธ์จากการทำการตลาด ทำให้กระทบต่อการวางแผนการตลาดอย่างเป็นระบบ ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลาง ขาดการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดเชิงลึกและการบูรณาการข้อมูลจากทุกช่องทาง ทั้งนี้ ผลการตรวจสุขภาพทางธุรกิจ พบว่า ในภาพรวม ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยมีทักษะที่เข้มแข็ง  2 ด้าน ได้แก่ การบริหารประสิทธิภาพการผลิตหรือบริการ และการบริหารจัดการองค์กร ซึ่งเป็นศักยภาพที่ควรเสริมให้แกร่งขึ้นในยุคที่ความไม่แน่นอนสูง การบริหารจัดการต้นทุนทำได้ยากขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการประสิทธิภาพตามแนวทางธุรกิจสีเขียว เพื่อให้กำไรสูงสุดภายใต้เงื่อนไขการปล่อยคาร์บอนต่ำสุด   นายพิชิต กล่าวต่อว่า  จากที่เห็นจุดอ่อนสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย  SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐเดินหน้ายกระดับพัฒนาศักยภาพให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ผ่านบริการ “เติมความรู้คู่เงินทุน” ช่วยเสริมศักยภาพในหลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ปิดจุดอ่อนใน 3 ด้านดังกล่าว สำหรับด้านการพัฒนาผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน จัดโครงการพัฒนาทั้งออนไซต์ควบคู่ออนไลน์ เช่น โครงการ “ทุนก็มี ภาษีก็รู้ ก้าวสู่ความยั่งยืน” จับมือกรมสรรพากร   ให้ความรู้ด้านการเงิน ในรูปแบบ One Stop Service ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โครงการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยี โครงการสนับสนุนด้านการตลาด เช่น สอนการสร้างคอนเทนต์ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ กิจการ SME D Market รวมถึง Business Matching ช่วยเพิ่มรายได้ขยายตลาด เป็นต้น อีกทั้ง มีบริการแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจครบวงจร ใช้บริการได้สะดวกสบาย ตลอด 24 ชม. เช่น  E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้เพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจ ทั้งการบริหารจัดการธุรกิจ นวัตกรรม เทคโนโลยี มาตรฐาน การตลาด การเงิน และเตรียมพร้อมเข้าถึงแหล่งเงินทุน  , SME D Coach ที่ปรึกษาและให้คำแนะนำธุรกิจจากโค้ชมืออาชีพ  , E-marketplace ช่วยขยายช่องทางขยายตลาด และเชื่อมโยงจับคู่ธุรกิจ และ Privilege สิทธิประโยชน์เพื่อยกระดับธุรกิจ เป็นต้น ควบคู่กับให้บริการด้านการเงิน ช่วยให้มีสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อลงทุน ปรับปรุง ขยายกิจการ  หมุนเวียน หรือลดต้นทุนทางการเงิน เป็นต้น  จุดเด่นอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3%ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน  ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถแจ้งความประสงค์ใช้บริการด้านการพัฒนาและการเงินได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น  แพลตฟอร์ม DX by SME D Bank , LINE Official Account : SME Development Bank และเว็บไซต์ www.smebank.co.th  เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357   

24 May 2025


...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เดินหน้าสร้างโอกาสเพิ่มรายได้ขยายตลาดให้แก่ลูกค้าธนาคาร โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Special Mention : SM) และผู้ประกอบการกลุ่มเปราะบางจากหน่วยงานพันธมิตร   รวมถึง ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดจับจ่ายใช้สอย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง  โดยจัดโครงการ  “SME D Market” เปิดพื้นที่บริเวณชั้น 1  สำนักงานใหญ่ SME D Bank อาคาร SME Bank Tower ให้ผู้ประกอบการมาออกบูธจำหน่ายสินค้าเป็นประจำทุก 2 เดือน ครั้งละ 2 วัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยครั้งนี้ กำหนดจัดในวันที่ 24-25 เมษายน 2568  นี้  เวลา 8.00-16.00 น.  ยกทัพผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 50 ราย   มาออกบูธพร้อมมอบโปรโมชันรับหน้าร้อนให้ช้อป ชิมอย่างจุใจ  ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องใช้ และเครื่องประดับ  เช่น “ดองบัง” แซลมอนดองซีอิ๊วเกาหลี  , ข้าวมันไก่  “โกป๊อก , โคขุน “จ้าวอาม” เจ้าดังบางขุนนนท์ , น้ำมะพร้าวปั่นนมสด “Coco Layer”  และ ยาสีฟัน “DentaMate” เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357   

23 Apr 2025

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เดินหน้าให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ด้วยการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อใช้ในการฟื้นฟูกิจการที่ได้รับความเสียหายให้สามารถประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อได้ โดยสามารถยื่นขอสินเชื่อดังกล่าวได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2568 – 30 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่าวงเงินโครงการจะหมด   นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารกรุงศรี ตระหนักถึงความเดือดร้อนและความเสียหายของผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เราขอส่งกำลังใจไปยังทุกท่าน และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการ SME ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ โดยนอกเหนือจากมาตรการช่วยเหลือที่ทางธนาคารกรุงศรีได้นำเสนอให้กับลูกค้าสินเชื่อ SME ของธนาคารไปแล้วก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดค่างวดหรือพักเงินต้นสูงสุด 6 เดือน กรุงศรียังพร้อมสนับสนุนสินเชื่อ SME เพื่อผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางการช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับ SME ทุกกลุ่ม ทุกขนาด ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว เพื่อใช้ในการปรับปรุงซ่อมแซมร้านค้าหรือสถานประกอบการ หรือในกรณีที่มีทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการเสียหาย และต้องการซื้อทรัพย์สินทดแทน รวมทั้งเป็นเงินทุนเพื่อสนับสนุนให้กิจการสามารถกลับมาดำเนินงานต่อได้โดยเร็วที่สุด” สินเชื่อ SME เพื่อผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว เป็นการสนับสนุนเงินทุนให้กับทั้งลูกค้าสินเชื่อ SME ของธนาคารกรุงศรี และลูกค้าใหม่ ในรูปแบบของวงเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 10 ปี วงเงินสูงสุดไม่เกิน 40 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ เริ่มต้น 3.5% ต่อปี นาน 24 เดือน โดยมีหลักทรัพย์เป็นประกันสินเชื่อ “กรุงศรีพร้อมเป็นแรงสนับสนุนให้ทุกธุรกิจสามารถฟื้นตัวและเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง เราเชื่อมั่นในพลังของผู้ประกอบการไทย และพร้อมอยู่เคียงข้างในทุกย่างก้าว เพื่อช่วยให้ทุกธุรกิจสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ไปได้” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สินเชื่อ SME เพื่อผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว (ลูกค้าสินเชื่อของธนาคารกรุงศรีและลูกค้าใหม่) สามารถติดต่อสอบถามข้อมูล หรือแจ้งความประสงค์ได้ที่ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าของธนาคาร หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา หรือศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจกรุงศรี โทร.02-626-2626 และสำหรับลูกค้าของธนาคารกรุงศรีและบริษัในเครือ ที่ต้องการขอรับความช่วยเหลือผ่านมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/about-krungsri/about-us/overview/announce/earthquake-mar2025  

17 Apr 2025

...

นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า เคทีซีได้ติดตามผลกระทบจากสถานการณ์การเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 และยังไม่เห็นสัญญาณการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวของสมาชิกลดลง เนื่องจากสมาชิกได้วางแผนการเดินทางท่องเที่ยวล่วงหน้า เช่น การจองโรงแรมที่พัก หรือการจองตั๋วเครื่องบินไว้ก่อนเกิดเหตุแล้ว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่11 เมษายน 2568 - 17 เมษายน 2568 เส้นทางท่องเที่ยวในประเทศที่สมาชิกเลือกเดินทางมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี เนื่องจากเดินทางสะดวก มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย  จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ต ตามลำดับ สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมในต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศจีน ตามลำดับ โดยประเทศจีนเป็นเส้นทางที่ยอดการใช้จ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% รับอานิสงส์ของนโยบายฟรีวีซ่า   เคทีซียังเผยถึงตัวเลขยอดการใช่จ่ายผ่านบัตรเครดิตช่วงไตรมาส 1 (มกราคม – มีนาคม 2568) เติบโตต่อเนื่องจากปี 2567 โดยหมวดที่มีการใช้จ่ายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดประกัน หมวดท่องเที่ยว และหมวดสถานีบริการน้ำมัน มั่นใจยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปีนี้ยังขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ  หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

16 Apr 2025

...

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดตัวหนังสั้นชุดใหม่ “ทางเลือก” ถ่ายทอดเรื่องราวสุดเข้มข้น ที่จะมาสะท้อนชีวิต และบีบหัวใจของคนที่กำลังประสบปัญหาหนี้สิน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และยังสื่อให้เห็นว่า ชีวิตมีทางเลือกเสมอ ขอแค่กล้าที่จะเลือก โดยหนังสั้นเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุกถึงพฤติกรรมการใช้เงินของคนไทยให้ตระหนักถึงปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัว (Over-indebtedness) ซึ่งส่วนหนึ่งส่งผลมาจากพฤติกรรมการบริโภคเกินความจำเป็น ซื้อมากเกินพอดี (Overconsumption) และอยากเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ปลุกพลังให้ทุกคนที่กำลังประสบปัญหาภาระหนี้สิน กล้าที่จะเผชิญหน้า กล้าที่จะตัด เพื่อให้หลุดพ้นจากปัญหาเหล่านั้น โดยหนังสั้นชุด “ทางเลือก” กำกับโดย ต่อ ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาชื่อดัง ซึ่งถือเป็นอีกครั้งที่แบรนด์เงินติดล้อได้ตอกย้ำแนวคิด และเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ในการเป็นองค์กรแห่งการสร้างโอกาสทางการเงิน ที่พร้อมเดินเคียงข้างและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น สำหรับผู้สนใจสามารถรับชมหนังโฆษณาชุด “ทางเลือก” ได้ที่ YouTube เงินติดล้อ และ Facebook Fanpage เงินติดล้อ     ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บมจ.เงินติดล้อ ดำเนินธุรกิจด้วยเจตนารมณ์ในการสร้างโอกาสทางการเงินที่เป็นธรรม โปร่งใส และเป็นที่พึ่งด้านการเงินให้กับกลุ่มผู้ใช้สินเชื่อรายย่อย เปรียบเสมือนเป็นป้อมปราการด่านสุดท้ายด้านการเงินให้กับคนไทย ลดการพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบ ภายใต้สโลแกน “ชีวิตหมุนต่อได้” เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางด้านการเงินให้แก่ลูกค้า เงินติดล้อยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่สะท้อนเจตนารมณ์ของแบรนด์มาโดยตลอด ผ่านหนังโฆษณาที่มีเอกลักษณ์ ชัดเจน จริงใจ และตรงไปตรงมา ในแบบฉบับเงินติดล้อ เช่น “เราไม่อยากให้คุณกลับมาหาเราอีก” วลีเด็ดจากหนังโฆษณาชุด “ชีวิตใหม่” ที่เตือนสติให้ผู้ขอสินเชื่อคิดให้ดี และนำเงินที่กู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้และมีชีวิตที่มั่นคง หรือหนังโฆษณาเรียกน้ำตาภายใต้แนวคิด “ชีวิตที่น่าจดจำคือชีวิตที่ทำเพื่อคนอื่น” ซึ่งสร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกอาชีพ สะท้อนถึงการยึดมั่นและชี้ให้เห็นถึงความหมายของสิ่งที่กำลังทำอยู่ว่า ทำไปเพื่ออะไร และทำเพื่อใคร ตามมาด้วยแคมเปญ “หนี้หรือความสุข” ประกอบด้วยหนังสือ “25 วิธีคิดทำให้ชีวิตชิบหาย (25 วิธีคิดให้ชีวิตสบาย)” และ หนังโฆษณา “หนี้นรก” ที่เสียดสีสังคมไทย และเตือนสติให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง คิดให้ดีก่อนเป็นหนี้ เพราะความสุข ไม่ควรทำให้ใครต้องเป็นหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่จำเป็นที่มาจากการใช้จ่ายเกินตัว หรือหนี้ที่มาจากความสุขชั่ววูบจากการได้ทำตามกระแสสังคม พร้อมแฝงแนวคิดในการใช้ชีวิตเพื่อความมั่นคงในระยะยาว ทั้งหมดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเน้นย้ำเจตนารมณ์ของแบรนด์ ที่อยากกระตุกให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาภาระหนี้สินเกินตัวผ่านการสื่อสารมาอย่างต่อเนื่อง และเราจะไม่หยุดพัฒนาเพื่อส่งสารความตั้งใจจริงของแบรนด์ที่อยากยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ “ชีวิตที่หมุนต่อได้” อย่างแท้จริง สามารถรับชมหนังโฆษณาเรื่องอื่นๆ ที่สะท้อนถึงเจตนารมณ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนของเงินติดล้อ: ปี 2559 หนังโฆษณาชุด “ชีวิตใหม่” ที่เน้นย้ำเจตนารมณ์ของเงินติดล้อในการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนด้วยการเข้าถึงบริการทางการเงินที่โปร่งใส ผ่านประโยคกระแทกใจ “เราไม่อยากให้คุณกลับมาหาเราอีก” ให้กำลังใจกลุ่มลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ เพื่อค้นหาตัวเอง และมุ่งมั่นสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างอาชีพ สร้างอนาคตของตัวเอง เพื่อให้ชีวิตเป็นอิสระด้านการเงิน สามารถรับชมได้ที่ https://youtu.be/Zs0QUQ21m2g?si=z7mFPeniHLRM34bH ปี 2561 หนังโฆษณาชุด “ลุงสามล้อ” มีเนื้อหาที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกอาชีพ ภายใต้แนวคิด “ชีวิตที่น่าจดจำคือชีวิตที่ทำเพื่อคนอื่น” สะท้อนถึงคุณค่าของการยึดมั่นและความหมายของสิ่งที่กำลังทำอยู่ว่า ทำไปเพื่ออะไร และเพื่อใคร สามารถรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=K8SHxC5tenw  ปี 2562 หนังโฆษณาชุด “หนี้นรก” ที่เตือนสติผู้คนให้คิดให้ดีก่อนเป็นหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่จำเป็น สะท้อนภาพสังคมในยุคปัจจุบันที่ตกเป็นทาสกิเลส ความอยากได้อยากมีตามกระแสสังคม โดยเล่าเรื่องราวแบบเสียดสีความเป็นจริงตามสไตล์เงินติดล้อ สามารถรับชมได้ที่ https://youtu.be/VuGMusoE5tU?si=Q_fgIHfVdMqRLQ49 ปี 2565 หนังโฆษณาชุด “แสงสว่าง” มีเนื้อหาให้กำลังใจผู้ที่กำลังต่อสู้กับทุกปัญหาที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต พร้อมแง่คิด “ถ้าใจไม่มืด โลกก็ยังมีแสงสว่างให้เราเสมอ” สามารถรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=d9c-_ZURfhw ปี 2565 หนังโฆษณาชุด “คำสัญญา” ถ่ายทอดเรื่องราวของคนสู้ชีวิตที่กำลังต่อสู้ ทุ่มเท ไขว่คว้าตามความฝันที่ตั้งใจ ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของความสุขที่อยู่รอบตัว พร้อมทั้งตั้งคำถาม “อะไรคือความสุขที่แท้จริงในชีวิตคุณ” สามารถรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=fHbAVAlJBDE เยี่ยมชมข้อมูลเงินติดล้อเพิ่มเติมได้ที่ www.tidlor.com และ Facebook Fanpage เงินติดล้อ หรือ Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 088-088-0880 ตลอด 24 ชม.

08 Apr 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินประสบความสำเร็จจากการเดินหน้ายกระดับผู้ประกอบการ SME ไทย ผ่านโครงการ Positive Engagement Program  “SME Gear Up ติดปีกธุรกิจด้วย ESG”  ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อสนับสนุนและเตรียมความพร้อมให้ SME เปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยกรอบแนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์ด้าน ESG ที่เป็นเทรนด์ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ทั้งนี้จากการเวิร์กชอปและให้ความรู้โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ตลอดระยะเวลา 1 เดือนของโครงการฯ ผู้ประกอบการ SME ที่เข้ารอบทั้ง 9 บริษัท สามารถนำเสนอไอเดียรอบสุดท้ายได้อย่างโดดเด่น พร้อมนำไปขยายผลธุรกิจของตัวเองต่อไป โดยถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งภายใต้บทบาทธนาคารเพื่อสังคม ในการขยายผลให้เกิด social impact มากขึ้นและเห็นผลเป็นรูปธรรม สำหรับ 9 สุดยอดผู้ประกอบการ SME ที่มีความโดดเด่นที่สุดในแต่ละด้านตามแนวคิด ESG และได้รับเงินรางวัลมูลค่ารวม 660,000 บาท พร้อมโล่เกียรติคุณ ประกอบด้วย            รางวัลชนะเลิศ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment Track) ได้แก่ บริษัท แอคทีฟพลัส บลู จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตขนมไทยเกรดพรีเมียมเพื่อส่งออก โดดเด่นจากการบริหารจัดการของเสียเพื่อนำไปสู่ Zero Waste อย่างเป็นรูปธรรม รับเงินรางวัลมูลค่า 120,000 บาท   ด้านสังคม (Social Track) ได้แก่ บริษัท สยามเทคโนอุตสาหกรรม จำกัด ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากผ้าทราย และกระดาษทราย และงานเชื่อมชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดดเด่นจากการมีแผนการบริหารจัดการบุคลากรที่ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ตลอดจนการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง รับเงินรางวัลมูลค่า 120,000 บาท   ด้านธรรมาภิบาล (Governance Track) ได้แก่ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกน้ำมะพร้าวและน้ำผลไม้ครอบคลุม 7 ภูมิภาคทั่วโลก โดดเด่นจากการมีเป้าหมายและแผนการดำเนินงานด้านธรรมาภิบาลที่ชัดเจน ครอบคลุมทั้งด้านการบริหารธุรกิจ และการจัดการองค์กร รับเงินรางวัลมูลค่า 120,000 บาท   นอกจากนี้ยังมีการมอบรางวัลรองชนะเลิศและรางวัลชมเชย แก่ผู้ประกอบการ SME ที่มีศักยภาพโดดเด่นในการนำ ESG มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ รวมอีก 6 รางวัลในโอกาสนี้ด้วย โดยมี นางสาววชิรา การสุทธิ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มยุทธศาสตร์และสื่อสารเพื่อความยั่งยืน และ นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ ร่วมมอบรางวัล พร้อมด้วย นางสาววรางคณา ภัทรเสน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความรู้ด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ นายธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้ง บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้   อนึ่ง กิจกรรม SME Gear Up ติดปีกธุรกิจด้วย ESG มีกระบวนการคัดเลือกผู้ประกอบการ SME จำนวนกว่า 30 บริษัท ในรอบแรก เพื่อเข้ารับการอบรมเชิงลึกผ่านกิจกรรม SME Onboarding ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ESG ในมุมมองของธุรกิจ ตลอดจนกรณีศึกษาจากผู้ประกอบการต้นแบบ (Learn from the Lead)  และคัดเลือกผู้ประกอบการ SME จำนวน 9 บริษัท เข้าสู่รอบสุดท้ายในการนำเสนอไอเดียธุรกิจผ่านเครื่องมือ ESG Canvas เพื่อแสดงให้เห็นถึงการนำ ESG ไปปรับใช้กับแผนธุรกิจด้านความยั่งยืนได้อย่างโดดเด่นและเป็นรูปธรรม ครอบคลุมทั้ง 3 มิติตามแนวคิด ESG ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล

29 Mar 2025

...

  บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR นำโดย คุณปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง ร่วมนำทีมผู้นำชาวเงินติดล้อกว่า 450 คน ทั่วประเทศ เข้าร่วมงาน NTL OPEN BOX 2025 งานประชุมสุดยอดผู้นำประจำปี 2568 ภายใต้คอนเซปต์ “TIDLOR’s Journey of Possibilities: การเดินทางสู่ทุกความเป็นไปได้” ภายในงานได้บอกเล่าถึงเทคโนโลยีด้านการเงินและนายหน้าประกัน ที่ใช้เป็นพื้นฐานสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมาแม้เผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทิศทางการดำเนินธุรกิจและการเติบโตอย่างมีคุณภาพทั้งด้านสินเชื่อและนายหน้าประกัน การใช้ประโยชน์จาก Data และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อนำมาใช้ในการทำงานและพัฒนางานด้านต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม TIDLOR Culture Camp ที่มาเข้าร่วมงานนี้ด้วย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้สัมผัสถึงประสบการณ์ที่ผสมผสานค่านิยมองค์กรและการดำเนินธุรกิจเข้าด้วยกันอย่างใกล้ชิด โดยโครงการ TIDLOR Culture Camp มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรของเงินติดล้อ ไปสู่องค์กรต่างๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรของตัวเองต่อไป ผู้สนใจออกแบบค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรผ่านเวิร์กช็อปที่สามารถนำไปใช้ได้จริง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ www.tidlor.com/academy หรือสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-792-1990 ทั้งนี้ ภายในงานยังเชิญชวนเหล่าผู้นำและพนักงานที่ร่วมลงทุนในหุ้น TIDLOR ทำการแลกหุ้น (Tender Offer) ในช่วงระหว่างวันที่ 10 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 16 เมษายน 2568 เวลา 9.00 น. – 16.00 น. (เฉพาะวันทำการ) เพื่อเป็นเจ้าของร่วม “Tidlor Holdings” และรับผลตอบแทนจากการดำเนินธุรกิจที่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีแข็งแกร่ง รองรับการเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน โดยสามารถติดตามขั้นตอนรายละเอียดการแลกหุ้น (Tender Offer) ได้ที่เว็บไซต์ www.tidlorinvestor.com/tidlorholdings

24 Mar 2025

ราชการ - รัฐวิสาหกิจ /ENERGY - พลังงาน

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ครั้งที่ 2/2568 ร่วมกับผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงินของรัฐ ผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ซึ่งมีธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยที่ประชุมได้รับทราบการดำเนินงานของสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ การมอบนโยบายสถาบันการเงินของรัฐ หนุนธุรกิจรับมือมาตรการภาษีทางการค้า-กระตุ้นเศรษฐกิจ ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการทั้ง 7 ด้าน ประจำไตรมาส 1/2568 ความคืบหน้าการดำเนินโครงการบูรณาการข้อมูลเพื่อการกำกับดูแล (Regulatory Data Transformation : RDT) สำหรับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงกระบวนการจัดทำ Customer Profiling และการเข้าร่วมแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (Thai CAC) ณ ห้องอัญชัน-สุพรรณิการ์ อาคารเอ็กซิม ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568  

07 Jun 2025


...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขานรับนโยบายนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมกรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ให้กลับมามีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามปกติ เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวด นานสูงสุด 1 ปี ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่าน Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2568   นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากการที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้สถาบันการเงินของรัฐ ช่วยเหลือภาคธุรกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 256 และมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้มีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวด เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป ดังนั้น ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” จึงขานรับนโยบายดังกล่าว โดยการช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับลูกค้าธนาคาร จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) สำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปีให้กลับมามีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามปกติ เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป โดยมีรายละเอียด ดังนี้             เดือนที่ 1 – 6      : คิดอัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรก 0% ต่อปี โดยผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือน             เดือนที่ 7 - 9      : ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 1.90 % +100 บาท             เดือนที่ 10 -12   : ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 3.90 % +100 บาท                                       กรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี) “การจัดทำมาตรการ DC3 ของ ธอส. ในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยลูกค้ารักษาบ้านของตนเองแล้ว ยังเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยให้ปรับตัวลดลงได้ด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังให้ความสำคัญ ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวควบคู่ไปกับการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ ฯ ซึ่ง ธอส. ได้จัดทำสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำรองรับการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ได้ไม่น้อยกว่า 240,000 ล้านบาทในปีนี้” นายกมลภพ กล่าว   อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ธอส. มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ กลุ่มลูกค้า NPL อีกจำนวน  4 มาตรการ นอกจากนี้ ธอส. ยังดำเนินการตามนโยบายกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการเปิดขยายเวลาการเข้าร่วม “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เพื่อช่วยลูกหนี้ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาท ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน แต่เคยมีประวัติการค้างชำระเกิน 30 วัน ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน  2567 และได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ให้ได้รับความช่วยเหลือต่อเนื่อง และยังจัดทำมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทา ความเดือดร้อนให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมาด้วย ลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่าน Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2568 โดยแสดงหลักฐานการได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ / ธุรกิจ / การค้า หรือจากสภาวะทางเศรษฐกิจ เพื่อประกอบการพิจารณา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th  

02 Jun 2025

...

SME D Bank ขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงการคลัง จับมือหน่วยงานพันธมิตร ดำเนินโครงการ “พาแบงก์รัฐมาช่วยราษฎร์” ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่เข้าถึงแหล่งทุน วงเงินกว่า 30,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3%ปีแรก ผ่อนนาน 10 ปี ควบคู่เสริมแกร่งธุรกิจ ปลุกพลังเศรษฐกิจไทย   นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  กล่าวว่า  จากนโยบายของนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่มอบแนวทางการทำงานให้สถาบันการเงินของรัฐภายใต้กำกับ จับมือกันลงพื้นที่ไปช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เข้าถึงการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเฉพาะด้านการเงิน ซึ่งจะสร้างประโยชน์ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินทุนหมุนเวียนในท้องถิ่น ดังนั้น SME D Bank   ร่วมกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)  จัดโครงการ  “พาแบงก์รัฐมาช่วยราษฎร์” ณ จ.ขอนแก่น  เพื่อนำบริการจาก 3 หน่วยงานมาสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีถึงพื้นที่อย่างครบถ้วนในจุดเดียว      ในงานนี้ SME D Bank ได้นำสินเชื่อเพื่อเอสเอ็มอีไทย วงเงินรวมกว่า 30,000 ล้านบาท  ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจและทุกความต้องการของเอสเอ็มอีมาให้บริการ จุดเด่นอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3%ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน  ได้แก่  1.สินเชื่อ “SME Green Productivity” วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท  สนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีลงทุนติดตั้งเครื่องจักร ระบบ อุปกรณ์ เพื่อใช้พลังงานสะอาด ดีต่อธุรกิจและดีต่อโลก 2.สินเชื่อ "ปลุกพลัง SME"   วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด 1.5 ล้านบาท สนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็กเข้าถึงแหล่งทุน และ 3.สินเชื่อ "Beyond ติดปีก SME"  วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท สนับสนุนให้เอสเอ็มอีเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ     นอกจากนั้น ยังให้บริการด้านการพัฒนาธุรกิจผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) สามารถใช้บริการได้สะดวกสบาย ตลอด 24 ชม. มีฟีเจอร์สำคัญ ๆ  เช่น Business Health Check ระบบตรวจประเมินสุขภาพธุรกิจ , E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้สำคัญ ช่วยเพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจ  , SME D Coach ที่ปรึกษาและให้คำแนะนำธุรกิจจากโค้ชมืออาชีพ และ Privilege สิทธิประโยชน์เพื่อยกระดับธุรกิจ เป็นต้น  นอกจากนั้น สนับสนุนด้านการตลาดผ่านกิจกรรมต่างๆ  เช่น พาออกบูธ และจับคู่ธุรกิจ เป็นต้น     ภายในงานได้รับเกียรติจาก  นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธี และกล่าวปาฐกถาพิเศษ  อีกทั้ง มีการมอบป้ายสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจาก SME D Bank  รวมถึง  การออกบูธให้คำปรึกษา และแนะนำเข้าถึงแหล่งทุน  โดยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และใกล้เคียง  เข้าร่วม     ทั้งนี้ SME D Bank พร้อมหน่วยงานพันธมิตร จะดำเนินการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง  สามารถแจ้งความประสงค์เข้ารับบริการด้านการเงิน และการพัฒนาได้ ณ สาขา SME D Bank ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น LINE Official Account : SME Development Bank  และเว็บไซต์ www.smebank.co.th  เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357    

31 May 2025

...

  ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แจ้งเตือนลูกค้าหลังพบมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ากลุ่มแพลตฟอร์มออนไลน์ในการหารายได้พิเศษต่าง ๆ เพื่อชักจูงลูกค้าธนาคารให้เปิดบัญชีใหม่  โดยมีข้อความการเสนอผลตอบแทนที่สูง ซึ่งปัจจุบันพบว่าบัญชีเงินฝากลูกค้าบางรายเข้าข่ายถูกใช้ทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บัญชีม้า) ส่งผลให้  เกิดความเสียหายต่อลูกค้าเป็นจำนวนมาก จึงขอให้เกษตรกรลูกค้าและประชาชนทั่วไปอย่าหลงเชื่ออย่างเด็ดขาด รวมถึงไม่เปิด บัญชีธนาคารในนามตนเองให้บุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรู้จักหรือบุคคลที่ไม่คุ้นเคย และระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัว ในสื่อออนไลน์หรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ พร้อมทั้งไม่ให้เอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน สมุดบัญชีธนาคาร เพราะอาจถูกกลุ่ม มิจฉาชีพหลอกให้เปิดบัญชีม้าและนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางมิชอบจนทำให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งธนาคารจะดําเนินการ   รวบรวมข้อมูลและดำเนินการเอาผิดตามขั้นตอนทางกฎหมายกับผู้ที่แอบอ้างในลักษณะดังกล่าวต่อไป พร้อมกันนี้ ธ.ก.ส. ขอย้ำเตือนให้ลูกค้าเพิ่มความระมัดระวังในการติดต่อหรือทำธุรกรรมออนไลน์ เนื่องด้วยปัจจุบันมิจฉาชีพมีรูปแบบการหลอกลวงที่หลากหลาย หากไม่แน่ใจในข้อมูลที่ได้รับมา โปรดติดต่อธนาคารโดยตรง หรือสอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ BAAC ศูนย์รับแจ้งเหตุภัยทางการเงินจากมิจฉาชีพ Call Center : 02 555 0555 กด 111  ได้ตลอด 24 ชม. และติดตามข้อมูลและข่าวสารด้านผลิตภัณฑ์และบริการผ่านช่องทางการสื่อสารหลักของธนาคาร ได้แก่ เว็บไซต์www.baac.or.th Facebook Page “ธกส BAAC Thailand” LINE Official: @baacfamily และTikTok: baacthailand 

30 May 2025

...

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วยนายยุวพล วัตถุ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. และนายโกเมนทร์ โคตรศรีวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย ระยะที่ 2 ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร โดยได้พบปะพูดคุยกับเกษตรกรลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการฯ เขตอำเภอพรรณานิคม และอำเภอวานรนิวาส   โดยปัจจุบันจังหวัดสกลนครมีเกษตรกรลูกค้าที่มีสิทธิ์เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย ระยะที่ 2 รวมทั้งสิ้น 47,710 ราย แจ้งความประสงค์เข้ามาตรการดังกล่าวแล้ว 45,289 ราย จากนั้นยังได้ติดตามขั้นตอนการดำเนินโครงการฟื้นฟูศักยภาพในการประกอบอาชีพ ภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ซึ่งปัจจุบันดำเนินการฟื้นฟูศักยภาพเกษตรกรลูกค้าด้วยการส่งเสริมการปลูกพืชระยะสั้น พืชหลังนา สัตว์โตไวที่มีมูลค่าสูง การพัฒนาอาชีพเดิม โดยการเพิ่มผลผลิต ลดความสูญเสีย ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มมาตรฐานแล้วกว่า 1,300 ราย     พร้อมตั้งเป้าหมายแผนอบรมฟื้นฟูอาชีพให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ โดยมีเกษตรกรลูกค้ากว่า 2,000 ราย เข้าร่วมกิจกรรม ณ หอประชุมโรงเรียนพรรณาวุฒาจารย์ และหอประชุมอำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568    

02 May 2025

...

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายการทำงานให้แก่ผู้บริหารและทีมงานสาขานครปฐม และสาขาราชบุรี  โดยให้กำลังใจในการทำงาน และขอให้มุ่งมั่นสานต่อภารกิจการเป็นสถาบันการเงินของรัฐที่พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงบริการด้านการเงินผ่านโครงการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษจากรัฐบาล เพียง 3%ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ลดต้นทุนและยกระดับเพิ่มศักยภาพธุรกิจ สามารถเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมใหม่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับบริการด้านการพัฒนาผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) สนับสนุนให้กิจการเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ณ SME D Bank สาขานครปฐม และสาขาราชบุรี  เมื่อเร็ว ๆ  นี้    

18 Apr 2025

...

ธนาคารออมสิน ห่วงใยผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยได้ส่งมอบความช่วยเหลือเบื้องต้นในทันที เพื่อสนับสนุนภารกิจของโรงพยาบาลและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในจุดต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ธนาคารขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความสูญเสีย และขอส่งแรงใจไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ โดยธนาคารพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการส่งมอบมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ผ่าน 2 มาตรการหลัก คือ 1) มาตรการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าเดิม โดยให้พักชำระเงินต้นทั้งหมด และลดดอกเบี้ยเป็น 0% เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อธนาคารออมสิน 3 กลุ่ม ที่เดือดร้อนทรัพย์สินได้รับความเสียหาย หรือคุณภาพชีวิตและการดำเนินธุรกิจได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้แก่ ลูกค้าสินเชื่อธนาคารประชาชน ลูกค้าสินเชื่อเคหะที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท และลูกค้าสินเชื่อ SME ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 10 ล้านบาท 2) มาตรการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูสำหรับบุคคลทั่วไป ธนาคารมอบสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ ได้แก่ 2.1 สินเชื่อฉุกเฉินผู้ประสบภัยพิบัติ วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท/ราย ระยะเวลาผ่อนชำระ 24 เดือน ปลอดชำระเงินงวด 3 เดือนแรก อัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับเดือนที่ 1 - 3 และเดือนที่ 4 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย 0.60% ต่อเดือน 2.2 สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท/ราย ระยะเวลาผ่อนชำระ 10 ปี สำหรับลูกค้าใหม่ ส่วนลูกค้าปัจจุบันใช้ระยะเวลาผ่อนชำระตามสัญญาเดิม ปีที่ 1 คิดอัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับ 3 เดือนแรก และเดือนที่ 4 - 12 = 2% ปีที่ 2 = 2% ปีที่ 3 = MRR-3.35% ปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR-0.75% 2.3 สินเชื่อ SME ฟื้นฟูแผ่นดินไหว วงเงินกู้ไม่เกิน 40 ล้านบาท/ราย ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 10 ปี (ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 9 เดือน) คิดอัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 - 2 = 2.99% ปีที่ 3 - 4 = MLR/MOR-0.5% และปีที่ 5 เป็นต้นไป = MLR/MOR+0.5% ทั้งนี้ สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 10 ล้านบาท ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ย 3 เดือนแรก = 0% หลังจากนั้น เดือนที่ 4 - 24 = 2.99% ปีที่ 3 - 4 = MLR/MOR-0.5% และปีที่ 5 เป็นต้นไป = MLR/MOR+0.5% โดยลูกค้าและบุคคลทั่วไปสามารถติดต่อได้ที่สาขาธนาคารออมสินหรือสาขาที่มีบัญชีเงินกู้อยู่ เพื่อแจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนได้ตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคม 2568 และยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันที่1 เมษายน – 30 กันยายน 2568 เงื่อนไขเป็นไปตามประกาศของธนาคาร หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหรือความช่วยเหลืออื่นใด โปรดติดต่อ GSB Contact Center โทร. 1115 และที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th       

01 Apr 2025

TECHNOLOGY-AUTO-PROPERTY

...

นิสสัน ประเทศไทย จัดงานประชุมผู้จำหน่ายประจำปี 2568 ในธีม “Achieve Together” ขอบคุณผู้จำหน่ายทั่วประเทศที่ได้ร่วมกันสร้างความสำเร็จในปีที่ผ่านมา และตอกย้ำความมุ่งมั่นที่มีต่อประเทศไทย และผู้จำหน่าย ร่วมเดินหน้าสนับสนุนพัฒนาผู้จำหน่ายทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเติบโตไปด้วยกัน ผ่านการบริการ และการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจ และความพึงพอใจของลูกค้า เสริมสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น    ผู้จำหน่ายเป็นพันธมิตรที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างการเติบโตทางธุรกิจ และความแข็งแกร่งของแบรนด์  นิสสันอย่างต่อเนื่องมาตลอด นิสสันจึงได้จัดงานประชุมผู้จำหน่ายประจำปีเพื่อขอบคุณผู้จำหน่ายที่ได้ทำงานร่วมกัน และทุ่มเทเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าชาวไทย รวมทั้งยืนยันความมุ่งมั่นของนิสสันที่จะสร้างการเติบโตไปพร้อมกับพันธมิตรผู้จำหน่ายทั่วประเทศ กิจกรรมดังกล่าวเปิดโอกาสให้ผู้บริหารนิสสันได้พบปะกับผู้จำหน่าย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับกลยุทธ์ของนิสสัน เทรนด์การตลาด และแนวทางที่จะช่วยให้ผู้จำหน่ายสามารถพัฒนาการบริการ เพื่อยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า  ในการประชุมผู้จำหน่ายประจำปี 2025 นิสสันได้ย้ำหัวใจสำคัญของ RE:NISSAN ซึ่งเป็นกลยุทธ์ระดับโลกที่นิสสันประกาศโดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจของนิสสันโดยรวม พร้อมทั้งชี้แจงทิศทางธุรกิจของนิสสันประเทศไทย โดยเป็นการวางแนวทางธุรกิจในประเทศ ทั้งนี้ นิสสันประเทศไทยยังได้เปิดเผยแผนการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่วงหน้า เพื่อให้ผู้จำหน่ายมีเวลาเตรียมความพร้อมอย่างเพียงพอสำหรับการเปิดตัว และสามารถส่งมอบความตื่นเต้นรูปแบบใหม่ให้กับลูกค้าชาวไทยได้อย่างต่อเนื่อง โทชิฮิโระ ฟูจิคิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย และนิสสัน อาเซียน กล่าวว่า “นิสสันให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับพันธมิตร และผู้จำหน่ายของเรา ตลอดเวลากว่า 72 ปี ที่ผ่านมา นิสสันอยู่ในประเทศไทย และประสบความสำเร็จมากมาย ซึ่งต้องขอขอบคุณการสนับสนุน และความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้จำหน่ายทุกท่าน และนิสสัน ประเทศไทย จะยังคงมุ่งมั่น เดินหน้าเพื่อสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจในประเทศไทยไปพร้อมกับพันธมิตร และผู้จำหน่ายทุกราย” เครือข่ายผู้จำหน่ายของนิสสันมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ของบริษัท เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน นิสสันได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ เช่น ระบบดิจิทัลที่ถูกพัฒนาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้คน เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น  โดยระบบเหล่านี้จะช่วยมาเสริมศักยภาพของผู้จำหน่ายในแง่การปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการได้ดียิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต

07 Jun 2025


...

 บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดประชุมผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2568 ภายใต้แนวคิด “Redefining Excellence with Reliability and Trust - ยกระดับความเป็นเลิศ สู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน” แถลงทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายสำคัญร่วมกับผู้จำหน่ายครอบคลุม 3 ทิศทางหลัก ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย การบริการ และการสร้างแบรนด์ ภายใต้แนวคิดสำคัญในการเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-centric approach) ด้วยการผนึกความร่วมมือกับผู้จำหน่าย เพื่อยกระดับประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่ลูกค้าในทุกทัชพอยต์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าและเติบโตเคียงคู่กับสังคมไทย พร้อมยกระดับสู่ความเป็นเลิศแห่งยนตรกรรมอย่างยั่งยืน   นายโคจิ อิวานามิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวต้อนรับผู้จำหน่ายฯ รวมถึงถ่ายทอดความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนแบรนด์และผลิตภัณฑ์ฮอนด้าในประเทศไทย นายโคจิ อิวานามิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณผู้จำหน่ายทุกท่านสำหรับความร่วมมือและการสนับสนุนตลอดปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ฮอนด้า สามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญได้ สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้า ผ่านการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจในทุกทัชพอยต์ โดยมีผู้จำหน่ายและบุคลากรของผู้จำหน่ายที่เปรียบเสมือนตัวแทนของแบรนด์ที่จะส่งมอบการบริการที่ยอดเยี่ยมไปสู่ลูกค้า เพื่อมอบคุณค่าที่เข้าถึงและผูกพันกับลูกค้าของเราอย่างยั่งยืนต่อไป” ภายในงาน ฮอนด้า ได้ถ่ายทอดทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายสำคัญกับเครือข่ายผู้จำหน่าย เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการร่วมมือเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้า โดยผสานการต่อยอดพื้นฐานจุดแข็งปัจจุบันของฮอนด้า ทั้งด้านความเชื่อมั่นในแบรนด์ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ไลน์อัป e:HEV ที่โดดเด่น และด้านความพึงพอใจของลูกค้า สู่ทิศทางการดำเนินงาน 3 ด้านหลัก ครอบคลุมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย การบริการ และการสร้างแบรนด์ ดังนี้ ด้านผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย เน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า ควบคู่ไปกับการส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจในทุกเส้นทาง นำโดยไลน์อัปฟูลไฮบริด e:HEV ซึ่งได้รับการยอมรับและพิสูจน์อย่างกว้างขวางถึงความโดดเด่นทั้งด้านสมรรถนะทรงพลัง อัตราเร่งทันใจ การขับขี่ที่นุ่มนวล และอัตราประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม โดยฮอนด้ามีแผนขยายไลน์อัป e:HEV ให้หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ให้ได้สัมผัสกับรถยนต์ไฮบริดจากฮอนด้าอย่างเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ของฮอนด้า ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล โดยปัจจุบัน ฮอนด้า มีความพร้อมในการให้บริการและดูแลลูกค้ารถยนต์ Honda e:N1 ทั้งด้านศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน อะไหล่ และช่างผู้เชี่ยวชาญ ผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ สะท้อนรากฐานความพร้อมที่มั่นคงในการก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต เครือข่ายผู้จำหน่ายฮอนด้าฯ ทั่วประเทศ ร่วมตอกย้ำความพร้อมในการให้บริการ และดูแลลูกค้ารถยนต์ Honda e:N1 ให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ได้อย่างมั่นใจไร้กังวล 2. ด้านการบริการ ตั้งเป้าส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศเน้นลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญแห่งการบริการ โดยมุ่งดูแลลูกค้าปัจจุบันเพื่อความพึงพอใจสูงสุด พร้อมสร้างความรู้สึกภูมิใจในการเลือกใช้รถยนต์ฮอนด้า ด้วยการส่งมอบคุณค่าที่เหนือกว่าตลอดการเป็นเจ้าของในทุกทัชพอยต์ อาทิ การบริการหลังการขายที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นผ่านประสบการณ์ในรูปแบบดิจิทัล การนำเสนอกิจกรรมสุดเอกซ์คลูซีฟให้เข้าร่วมตลอดปี รวมทั้งข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ มุ่งสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจในระยะยาว ด้วยจุดแข็งด้านเครือข่ายผู้จำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 222 แห่ง ที่พร้อมส่งมอบความประทับใจกับบริการหลังการขายภายใต้มาตรฐานเดียวกันโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าได้รับการบริการอย่างทั่วถึงและดีเยี่ยม และรู้สึกอุ่นใจที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวรถยนต์ฮอนด้า (Honda family) 3. ด้านการสร้างแบรนด์ ในปีนี้ ฮอนด้า ได้เริ่มสื่อสารแบรนด์ภายใต้แนวคิด “Where The Drive Means More ขับเคลื่อนชีวิตไปให้สุดในแบบที่เป็นคุณ” ที่ผสานการสะท้อนความมีรสนิยมและมีชีวิตชีวา เพื่อถ่ายทอดให้เห็นว่ารถยนต์ฮอนด้า เป็นมากกว่ายานพาหนะ เปรียบเสมือนเพื่อนคู่ใจที่วางใจได้ พร้อมเคียงข้างและขับเคลื่อนแรงบันดาลใจ เพื่อส่งมอบความสุขในทุกการเดินทางและทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยจะโฟกัสการเสริมสร้างคุณค่าของแบรนด์ที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์ในชีวิตประจำวันของลูกค้าในทุกทัชพอยต์ ซึ่งการสื่อสารแบรนด์ดังกล่าว จะได้รับการถ่ายทอดผ่านกิจกรรมต่าง ๆ โดยผู้จำหน่ายจะร่วมเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงและส่งมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจไปยังลูกค้า ผ่านกิจกรรมสุดเอกซ์คลูซีฟตลอดปี    นายชุน คุโรดะ กรรมการและเจ้าหน้าที่บริหารสายงานขายและบริการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงรายละเอียดทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายแก่ผู้จำหน่ายฯ   นอกจากการถ่ายทอดทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมาย ภายในงานยังได้มีพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้แก่ผู้จำหน่ายสำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาที่ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจของฮอนด้า และมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้า ครอบคลุมทั้งรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี รวมถึงรางวัลด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านยอดขาย ด้านส่วนแบ่งการตลาด ด้านการบริการหลังการขาย และอื่น ๆ รวม 82 รางวัล   นายพรวุฒิ สารสิน (ที่ 6 จากซ้าย) ประธานคณะกรรมการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมมอบรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2567   พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้แก่ผู้จำหน่ายสำหรับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณที่ผ่านมา รวม 82 รางวัล   การจัดประชุมผู้จำหน่ายในครั้งนี้ นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างไม่หยุดนิ่ง ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าไปอีกขั้น และสร้างความประทับใจตลอดการเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า พร้อมเติบโตเคียงข้างคนไทยและสานต่อพันธกิจในการเป็นองค์กรที่สังคมต้องการให้ดำรงอยู่ตลอดไปอย่างยั่งยืน

26 May 2025

...

นายกฤษณพงศ์ กิจสนาพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM พร้อมผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ ร่วมงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25 MONEY EXPO 2025 BANGKOK ระหว่างวันที่ 15 – 18 พฤษภาคมนี้ โดยได้รับเกียรติจาก นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง  นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ และนางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วมในพิธีเปิดบูท SAM หมายเลข K6 อย่างเป็นทางการ ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 – 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี   ทั้งนี้ ภายในบูทลูกค้าจะได้พบกับทรัพย์มือสองหรือทรัพย์สินรอการขาย (NPA) เพื่อที่อยู่อาศัยและเพื่อการลงทุน ทำเลที่ดี ราคาพิเศษทั่วไทย กว่า 4,000 รายการ พร้อมโปรโมชันพิเศษ อาทิ  “SAM Flash Day” แจก Gift Voucher มูลค่าสูงสุด 100,000 บาท โปร “ฟรี! ค่าโอนคนละครึ่ง” ไม่เกิน 1% สำหรับทรัพย์ที่มีราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท และ “ฟรี! โอนไม่อั้น” ไม่เกิน 2% สำหรับทรัพย์ที่มีราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป และบริการสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากธนาคารชั้นนำ รวมถึงแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้ ของ SAM ได้แก่ มาตรการ “ปรับหนี้มีสุข ผ่อนดีมีลด”และ “SAM จูงใจ ชำระไวในเงื่อนไขสัญญายอม”  นอกจากนี้ ลูกค้าที่เป็นหนี้เสียประเภทบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ที่มีหนี้ค้างชำระมากกว่า 120 วัน สามารถปรึกษาและรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ พร้อมสมัครเข้าโครงการ “คลินิกแก้หนี้ by SAM” ได้อีกด้วย    

18 May 2025

...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดงาน “ประมูลขายบ้านมือสองออนไลน์ ประจำเดือนเมษายน 2568” เมื่อวันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2568 ระหว่างเวลา 12.00 - 12.30 น. พร้อมกันทั่วประเทศ ผ่าน  Application : GHB ALL HOME โดยสามารถจำหน่ายบ้านมือสองได้จำนวน 96 รายการ มูลค่ารวม 121.45 ล้านบาท แบ่งเป็น ทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 27 รายการ มูลค่ารวม 35.97 ล้านบาท และในส่วนภูมิภาค จำนวน 69 รายการ มูลค่ารวม 85.48 ล้านบาท โดยรายการทรัพย์ที่ประมูลได้ในราคาต่ำที่สุดเพียง 117,000 บาท เป็นทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม ขนาดเนื้อที่ 20.4 ตารางเมตร ในเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร และทรัพย์ที่ประมูลในราคาสูงสุด เป็นทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว ขนาดเนื้อที่ 63 ตารางวา ในเขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร โดยประมูลขายได้ในราคา 3,530,000 บาท พิเศษ! ผู้ชนะการประมูลสามารถใช้ “ผลิตภัณฑ์สินเชื่อสำหรับซื้อทรัพย์ NPA พร้อมขายของธนาคาร” โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด นานสูงสุด 24 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด) และหากทำนิติกรรมและโอนกรรมสิทธิ์ ภายในวันที่ 2 มิถุนายน 2568 จะได้รับส่วนลด On top เพิ่ม 15% อีกด้วย   โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 กด 5 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ดูข้อมูลบ้านมือสอง ธอส. ได้ที่ www.ghbhomecenter.com และ  Application : GHB ALL HOME  

17 Apr 2025

...

บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA ส่งบริษัทย่อย “อมิตา” ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) ร่วมกับ บริษัท โตโยต้า แมททีเรียล แฮนด์ลิ่ง แวร์เฮ้าส์ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TMHWST เปิดตัวผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพสูง ภายใต้แบรนด์ TerraXell สำหรับรถฟอร์คลิฟต์ไฟฟ้า ยกระดับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด   นายฉัตรพล ศรีประทุม (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA ส่งบริษัทย่อย บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด   ลงนาม MOU กับ นายจามีกร เผือกสุวรรณ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้า แมททีเรียล แฮนด์ลิ่ง แวร์เฮ้าส์ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด (TMHWST) นายฉัตรพล ศรีประทุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ อมิตา ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EA  ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) กับ บริษัท โตโยต้า แมททีเรียล แฮนด์ลิ่ง แวร์เฮ้าส์ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TMHWST เพื่อร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (Business Partner) โดยอมิตาดำเนินการพัฒนาแบตเตอรี่ต้นแบบ (Battery Prototype) พร้อมกับการออกแบบ การประกอบ การทดสอบแบตเตอรี่และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการศึกษาด้านเครื่องชาร์จประจุไฟฟ้า (Battery Charger) และระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) สำหรับใช้งานกับรถฟอร์คลิฟต์ไฟฟ้า นำไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทดแทนการใช้แบตเตอรี่ตะกั่วกรดแบบดั้งเดิม TMHWST เป็นผู้พัฒนาตลาดสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ภายใต้แบรนด์ TerraXell เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และคลังสินค้าที่ต้องการเพิ่มผลิตภาพ ลดต้นทุนการใช้พลังงาน และเพิ่มความปลอดภัยในกระบวนการขนย้ายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีกำหนดส่งมอบลอตแรกกว่า 100 ลูก ภายในเดือนมีนาคม 2568 พร้อมจำหน่าย-ให้เช่า และบริการหลังการขาย ด้วยแนวคิด "Lithium-ion Battery: The Key to More Productive Operations”   แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพสูง แบรนด์ TerraXell สำหรับรถฟอร์คลิฟต์ไฟฟ้า   นายจามีกร เผือกสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้า แมททีเรียล แฮนด์ลิ่ง แวร์เฮ้าส์ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด (TMHWST) กล่าวว่า ปัจจุบัน พลังงานสะอาดไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก แต่เป็นพันธกิจสำคัญที่บริษัทชั้นนำให้ความสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม TMHWST ในฐานะผู้นำด้านโซลูชันอินทราโลจิสติกส์และการจัดการคลังสินค้า ได้นำเสนอแบรนด์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน TerraXell เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าระยะยาว เสริมศักยภาพให้เครือข่ายธุรกิจเดินหน้าสู่อนาคตอย่างมั่นคง นายฉัตรพล ศรีประทุม กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำอย่าง บริษัท โตโยต้า แมททีเรียล แฮนด์ลิ่ง แวร์เฮ้าส์ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ความร่วมมือครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพที่มีมาตรฐานระดับโลกของแบตเตอรี่ Amita ที่สามารถตอบโจทย์สำคัญในการขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาดในอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ พร้อมความเป็นไปได้ในการรีไซเคิลแบตเตอรี่  และการเตรียมความพร้อมด้านคาร์บอนเครดิต”

28 Mar 2025

...

บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า SAM ได้คัดสรรทรัพย์มือสองหรือทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ในส่วนของทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยบนทำเลดีทั่วประเทศ พร้อมปรับลดราคาพิเศษ จำนวน 18 รายการ มูลค่ารวม 60 ลบ.ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ห้องชุดพักอาศัย อาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่า เพื่อให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลได้ในวันที่ 7 ม.ค. 2568 ทั้งนี้ ยังได้จัดโปรโมชัน “SAM ทรัพย์มือสองต้องบอกต่อ” เพียงแนะนำทรัพย์ SAM ให้กับเพื่อนหรือคนรู้จัก รับค่าแนะนำสูงสุดถึง 3 ล้านบาทต่อ 1 รายการ (เฉพาะทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข) และ SAM ยังร่วมกับธนาคารชั้นนำ ทั้งธนาคารกรุงเทพ ธนาคารยูโอบี ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (ttb) ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด ตัวอย่างทรัพย์เด่นราคาพิเศษ 1.ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ เนื้อที่ 27.7 ตร.ว. โครงการบ้านธรรมชาติ ถ.เพชรเกษม (ทล.4) แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย ใกล้โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า โรงพยาบาลบุญญาเวช ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เพชรเกษม 1 ห้างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เพชรเกษม และห้างโฮมโปร เพชรเกษม ราคาเริ่มต้น 3 ลบ. 2.อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น มีชั้นลอย เนื้อที่ 25.3 ตร.ว. ถ.ติวานนท์ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรม การคมนาคมสะดวก สาธารณูปโภคครบครัน ใกล้โรงเรียนพระหฤทัยนนทบุรี โรงเรียนอนุบาลปาลินา ติวานนท์ และห้างโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ศรีสมาน จากราคา 6.3 ลบ.  ปรับลดลงมาประมาณ 6.7% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 5.9 ลบ. 3.อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 3 ห้องนอน 2 นอน เนื้อที่ 39.6 ตร.ว. ถ.เทศบาลบำรุง ต.ท้ายช้าง อ.เมืองพังงา จ.พังงา ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรม ใกล้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพังงา สหกรณ์ออมทรัพย์ครูพังงา สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดพังงา จากราคา 4.78 ลบ. ปรับลดลงมาประมาณ 12% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 4.23 ลบ. 4.อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เนื้อที่ 24.3 ตร.ว. จากราคา 8.33 ลบ. ปรับลดลงมาประมาณ  9% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 7.64 ลบ. และอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เนื้อที่ 20 ตร.ว.  จากราคา 8.5 ลบ. ปรับลดลงมาประมาณ 7.8% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 7.88 ลบ. ทั้งสองทรัพย์ตั้งอยู่ในโครงการทรัพย์แสนล้าน ถ.ราชปาทานุสรณ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต  ใกล้สำนักงานเทศบาลเมืองป่าตอง โรงเรียนเทศบาลเมืองป่าตอง โรงพยาบาลป่าตอง สถานีตำรวจภูธรกระทู้  ห่างจากชายหาดป่าตองเพียง 2 กม. เท่านั้น การจัดประมูลครั้งนี้มีทรัพย์เด่นที่น่าสนใจในทำเลทั่วประเทศอีกหลายรายการ ผู้สนใจเข้าร่วมประมูล ลงทะเบียนและยื่นซองประมูล พร้อมเอกสารประกอบการประมูล ครั้งที่ 14 ภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2567 และ กำหนดเปิดซองประมูลวันที่ 7 ม.ค. 2568 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ที่สำนักงานใหญ่ SAM อาคารซันทาวเวอร์ส ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ  หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1443 / 02-686-1888 และดูรายละเอียดทรัพย์สินได้ทางเว็บไซต์ที่ www.sam.or.th  รวมทั้งช่องทางออนไลน์ที่หลากหลายและสะดวกรวดเร็ว โดยแอด ID Line @Samline ติดตาม Facebook Fanpage ทรัพย์มือสองต้อง SAM หรือ SAM NPA Channel บน YouTube เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารดี ๆ จาก SAM

26 Dec 2024

...

บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า SAM ได้จัดให้มีการประมูลครั้งที่ 13 ขึ้นในเดือน ธ.ค.นี้ และเดือน ม.ค. 2568 โดยนำทรัพย์มือสองหรือทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ทำเลดีทั่วประเทศ พร้อมปรับลดราคาพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและทรัพย์เพื่อการลงทุน อาทิ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ห้องชุดพักอาศัย อาคารพาณิชย์ ที่ดินเปล่า โรงงาน โกดัง ฯลฯ รวมทั้งสิ้น 55 รายการ มูลค่ารวม 297 ล้านบาท จัดประมูล 2 รอบ ในวันที่ 24 ธ.ค. 67 และ 7 ม.ค. 68       ทั้งนี้ ยังได้จัดโปรโมชัน “SAM ทรัพย์มือสองต้องบอกต่อ” เพียงแนะนำทรัพย์ SAM ให้กับเพื่อนหรือคนรู้จัก รับค่าแนะนำสูงสุดถึง 3 ล้านบาทต่อ 1 รายการ (เฉพาะทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข) และ SAM ยังร่วมกับธนาคารชั้นนำ ทั้งธนาคารกรุงเทพ ธนาคารยูโอบี ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (ttb) ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยล่าสุด ธอส. จัดโปรโมชันพิเศษสุดสำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ SAM และยื่นขอสินเชื่อภายใน 30 ธันวาคมนี้  รับ “สินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยต่ำ ฉลองครบรอบ 71 ปี ธอส. ” ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ 6 เดือนแรก เพียง 0.71% ผ่อนได้นานสูงสุด 40 ปี  เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด ตัวอย่างทรัพย์เด่นลดราคาพิเศษ 1.บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ เนื้อที่ 104.4 ตร.ว. โครงการเพอร์เฟคเพลส ถ.รามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ การเดินทางสะดวกสบาย ด้วยถนนสายหลักทั้ง ถ.รามคำแหง ถ.กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ถ.กาญจนาภิเษก มอเตอร์เวย์ รถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีสัมมากร และห้างThe Paseo และ The Nine จากราคา 11.32 ลบ. ปรับลดลงมาประมาณ 18% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 9.66 ลบ. 2.บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 61.2 ตร.ว. โครงการคาซ่า เลเจ้นด์ ศรีราชา ถ.ศรีราชา-หนองค้อ (ทล.3241) ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยใกล้ศูนย์การค้าเจปาร์ค จากราคา 6.4 ลบ. ปรับลดลงมา 7% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 5.96 ลบ. 3.อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เนื้อที่ 1 ไร่ 281 ตร.ว.ถ.สืบสิริ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม การคมนาคมสะดวก สามารถ เข้า-ออกได้ทั้ง ถ.มิตรภาพ (ทล.2) และถ.สืบศิริ เป็นทรัพย์สินประกอบกิจการประเภทสถานบริการที่ต้องมีใบอนุญาตประกอบการ ลักษณะทรัพย์สินมีการแบ่งพื้นที่เป็นห้องพักสำหรับบริการ ห้องคาราโอเกะ ร้านอาหาร จากราคา 49.66 ลบ. ปรับลดลงมาประมาณ 7% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 46.07 ลบ.  ตัวอย่างทรัพย์เด่นที่น่าสนใจ 1.อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น มีชั้นลอยและชั้นดาดฟ้า เนื้อที่ 30 ตร.ว. ถ.เจริญนคร แขวงคลองต้นไทร   เขตคลองสาน กรุงเทพฯ  ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรม การคมนาคมสะดวก ใกล้ห้าง ไอคอนสยาม วงเวียนใหญ่ วัดทองเพลง และรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีกรุงธนบุรี   เดินทางเข้าสู่ใจกลางสีลมและสาทร ด้วยระยะทางเพียง 5 กม.เท่านั้น ราคาเริ่มต้น 9 ลบ. 2.บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 50.8 ตร.ว. โครงการเนเชอร่า (ประชาอุทิศ 76-วงแหวน) ถ.เลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคครบครัน การคมนาคมสะดวก ใกล้โรงเรียนบูรณะศึกษา และวัดทุ่งครุ ราคาเริ่มต้น  3.92 ลบ. 3.อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น พร้อมชั้นลอย จำนวน 2 คูหา ทะลุถึงกัน มี 14 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ เนื้อที่ 112 ตร.ว. ถ.บางกรวย-ไทรน้อย (ทล.3215)  ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรม การคมนาคมสะดวก ใกล้โรงพยาบาลชลลดา เทศบาลเมืองบางบัวทอง ที่ทำการไปรษณียบางบัวทอง ราคาเริ่มต้น 8.69 ลบ. 4. บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 55.5 ตร.ว. โครงการเพอร์เฟคเพลส แจ้งวัฒนะ ถ.หอการค้าไทย ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย การคมนาคมสะดวก ใกล้โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์นนทบุรี องค์การบริหารส่วนตําบลคลองพระอุดม โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นนทบุรี  ราคาเริ่มต้น  5.69 ลบ. 5.โรงงาน/โกดัง 2 หลัง เนื้อที่ 198 ตร.ว. โครงการ บิ๊กแลนด์ แฟคตอรี่ ถ.พหลโยธิน (ทล. 1)  ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านอุตสาหกรรม ใกล้โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โรงพยาบาลการุญ-เวช ราคาเริ่มต้น 14.12 ลบ. 6.ที่ดินเปล่า เนื้อที่ 20 ไร่ 29.7 ตร.ว. ถ.สุขุมวิท (ทล.3) ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และเกษตรกรรม ใกล้โรงพยาบาลบ้านฉาง การประปาส่วนภูมิภาค สาขาบ้านฉาง และโรงเรียนสัจจศึกษา ราคาเริ่มต้น 4.67 ลบ. 7.ที่ดินเปล่า เนื้อที่ 6 ไร่ 344 ตร.ว. ซ.บางคูวัด-บางบัวทอง 7 ถ.สะพานนนทบุรี-บางบัวทอง (ทล.345) ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และเกษตรกรรม การคมนาคมสะดวก ใกล้โรงเรียนวัดบางคูวัด โรงเรียนสาธิตปทุม ราคาเริ่มต้น 32 ลบ. การจัดประมูลครั้งนี้มีทรัพย์เด่นที่น่าสนใจในทำเลทั่วประเทศอีกหลายรายการ ผู้สนใจเข้าร่วมประมูล ลงทะเบียนและยื่นซองประมูล พร้อมเอกสารประกอบการประมูล ครั้งที่ 13.1 ภายในวันที่ 16 ธ.ค. 2567 และ กำหนดเปิดซองประมูลวันที่ 24 ธ.ค. 2567 และการประมูล ครั้งที่ 13.2  ลงทะเบียนและยื่นซองประมูล พร้อมเอกสารประกอบการประมูล ภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2567 กำหนดเปิดซองประมูลวันที่ 7 ม.ค. 2568 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ที่สำนักงานใหญ่ SAM อาคารซันทาวเวอร์ส ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ  หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1443 / 02-686-1888 และดูรายละเอียดทรัพย์สินได้ทางเว็บไซต์ที่ www.sam.or.th  รวมทั้งช่องทางออนไลน์ที่หลากหลายและสะดวกรวดเร็ว โดยแอด ID Line @Samline ติดตาม Facebook Fanpage ทรัพย์มือสองต้อง SAM หรือ SAM NPA Channel บน YouTube เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารดี ๆ จาก SAM

15 Dec 2024

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

SME D Bank ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดผลกระทบให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจากสถานการณ์เศรษฐกิจ คิกออฟโครงการ “SME D ให้ใจ ไปถึงถิ่น” ยกทัพทีมงานสาขา พร้อมหน่วยสนับสนุนจากทั่วประเทศ ลงพื้นที่พร้อมกันไปมอบบริการถึงสถานประกอบการ แหล่งการค้า และย่านเศรษฐกิจ ตลอดเดือนมิถุนายน 2568  อำนวยความสะดวกพาเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ เพียง 3%ต่อปี และการพัฒนา ช่วยยกระดับเพิ่มศักยภาพธุรกิจ  นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย" (ธพว.) หรือ SME D Bank   กล่าวว่า  SME D Bank ขานรับนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ที่ต้องการให้สถาบันการเงินของรัฐ เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึง ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจ  ทั้งความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐอเมริกา การล้นทะลักของสินค้าจากต่างประเทศ เป็นต้น  ดังนั้น SME D Bank จึงทำงานเชิงรุกด้วยการดำเนินโครงการ “SME D ให้ใจ ไปถึงถิ่น” ยกทัพทีมงานสาขา พร้อมทีมสนับสนุนจากทั่วประเทศ กระจายลงพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อไปมอบบริการสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีถึงสถานประกอบการ รวมถึง แหล่งการค้า และย่านเศรษฐกิจสำคัญต่างๆ ทั่วประเทศ จังหวัดละ 4-5 จุด  ตลอดเดือนมิถุนายน 2568 โดยกำหนดคิกออฟพร้อมกันในวันที่ 7 มิถุนายน 2568      ทั้งนี้ พร้อมให้บริการ ทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ของธนาคารในแต่ละพื้นที่อย่างใกล้ชิดและทั่วถึงมากที่สุด  ประกอบด้วยบริการพาถึงเงินทุน ผ่านโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) วงเงินรวมกว่า 30,000 ล้านบาท ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย จุดเด่นอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3% ปีแรก  ผ่อนนานสูงสุดถึง 10 ปี  และปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน สามารถแจ้งความประสงค์ยื่นกู้ได้ทันที หากเอกสารพร้อม รู้ผลการพิจารณาภายใน 10 วันทำการ ประกอบด้วย 1.สินเชื่อ “SME Green Productivity” วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท  สนับสนุนผู้ประกอบการลงทุนติดตั้งระบบอุปกรณ์ โดยเฉพาะแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าพลังงาน และมุ่งสู่ธุรกิจสีเขียว   2.สินเชื่อ "ปลุกพลัง SME"  วงเงินกู้สูงสุด 1.5 ล้านบาท  สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 2 ล้านบาท ช่วยต่อยอดเพิ่มสภาพคล่องในธุรกิจ และ 3.สินเชื่อ "Beyond ติดปีก SME"  วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไป  เพื่อเพิ่มศักยภาพยกระดับการดำเนินธุรกิจ  และเสริมสภาพคล่องในธุรกิจ สำหรับวงเงิน 30,000 ล้านบาท ที่จะอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะมีส่วนสำคัญผลักดันให้เอสเอ็มอียกระดับเพิ่มศักยภาพ  เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ ในทุกพื้นที่    ตั้งเป้าสนับสนุนเข้าถึงแหล่งทุนได้กว่า 14,000 กิจการ  รักษาการจ้างงานได้ประมาณ 198,000 คน และกระตุ้นเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 160,000 ล้านบาท      อีกทั้ง ยังสนับสนุนด้านการพัฒนา ผ่านแพลตฟอร์ม "DX by SME D Bank" ช่วยเสริมแกร่งครบวงจร สามารถสมัครใช้บริการได้ทันทีเช่นกัน  มีฟังก์ชันสำคัญ เช่น ระบบ  “Business Health Check”  ตรวจสุขภาพทางธุรกิจ  ระบบ E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้สำคัญ ช่วยเพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจ เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง ระบบ SME D Activity  สามารถจองเข้าร่วมกิจกรรมเติมความรู้ได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี ระบบ SME D Coach มีโค้ชมืออาชีพคอยเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำธุรกิจ  ระบบ SME D Market ช่วยขยายตลาดด้วย E-marketplace หนุนจับคู่ธุรกิจ  และระบบ SME D Privilege  ที่มอบสิทธิประโยชน์พิเศษมากมาย การลงพื้นที่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ธนาคารจะรับแจ้งความต้องการจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอี  ผ่านการลงทะเบียนออนไลน์เพียงสแกน QR Code ด้วยสมาร์ตโฟน และกรอกข้อมูลเข้าระบบ ซึ่งข้อมูลจะถูกส่งไปยังสาขาธนาคารในพื้นที่ที่ผู้ประกอบการระบุทันที จากนั้น เจ้าหน้าที่สาขาจะติดต่อกลับ เพื่อดำเนินการตอบความต้องการต่างๆ ของผู้ประกอบการอย่างฉับไวที่สุด      นอกจากนั้น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังสามารถแจ้งความประสงค์รับบริการด้านการเงินและการพัฒนาจาก SME D Bank  ได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น สาขาของ SME D Bank ทุกแห่งทั่วประเทศ  ,  LINE Official Account : SME Development Bank  และเว็บไซต์  www.smebank.co.th เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

10 Jun 2025

...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขานรับนโยบายนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เตรียมกรอบวงเงิน 30,000 ล้านบาท จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ให้กลับมามีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามปกติ เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเงินงวด นานสูงสุด 1 ปี ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่าน Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2568   นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากการที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้สถาบันการเงินของรัฐ ช่วยเหลือภาคธุรกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 256 และมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้มีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวด เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป ดังนั้น ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” จึงขานรับนโยบายดังกล่าว โดยการช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับลูกค้าธนาคาร จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) สำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ (SM) ที่กู้เงินกับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปีให้กลับมามีความสามารถในการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามปกติ เพื่อรักษาบ้านของตนเองไว้ได้ต่อไป โดยมีรายละเอียด ดังนี้             เดือนที่ 1 – 6      : คิดอัตราดอกเบี้ย 6 เดือนแรก 0% ต่อปี โดยผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือน             เดือนที่ 7 - 9      : ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 1.90 % +100 บาท             เดือนที่ 10 -12   : ผ่อนชำระเงินงวดคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย 3.90 % +100 บาท                                       กรณีลูกค้าชำระเกินที่ธนาคารกำหนดให้นำไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระ (หากมี) “การจัดทำมาตรการ DC3 ของ ธอส. ในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยลูกค้ารักษาบ้านของตนเองแล้ว ยังเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทยให้ปรับตัวลดลงได้ด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังให้ความสำคัญ ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวควบคู่ไปกับการจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อรองรับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ ฯ ซึ่ง ธอส. ได้จัดทำสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยต่ำรองรับการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้ได้ไม่น้อยกว่า 240,000 ล้านบาทในปีนี้” นายกมลภพ กล่าว   อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ธอส. มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ กลุ่มลูกค้า NPL อีกจำนวน  4 มาตรการ นอกจากนี้ ธอส. ยังดำเนินการตามนโยบายกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการเปิดขยายเวลาการเข้าร่วม “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เพื่อช่วยลูกหนี้ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาท ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน แต่เคยมีประวัติการค้างชำระเกิน 30 วัน ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน  2567 และได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ให้ได้รับความช่วยเหลือต่อเนื่อง และยังจัดทำมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทา ความเดือดร้อนให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมาด้วย ลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ (DC3) สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่าน Application : GHB ALL BFRIEND และสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2568 โดยแสดงหลักฐานการได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ / ธุรกิจ / การค้า หรือจากสภาวะทางเศรษฐกิจ เพื่อประกอบการพิจารณา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th  

02 Jun 2025

...

ตามที่รัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้สถาบันการเงินของรัฐ ช่วยเหลือภาคธุรกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ผ่านการลดเป้าหมายกำไรทางธุรกิจเพื่อนำเม็ดเงินงบประมาณมาจัดทำโครงการ/มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการนั้น   นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารจึงได้เร่งรัดดำเนินการ ประกาศลดดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการกลุ่มสินเชื่อธุรกิจที่เป็นลูกค้าปัจจุบันของธนาคาร ในอัตรา 2 - 3% ต่อปี สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกธุรกิจ Supply Chain และผู้ผลิตสินค้าที่ต้องมีการแข่งขันสูงกับสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ เนื่องจากนโยบายกำแพงภาษีฯ ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนสินค้าไทยเพิ่มขึ้น การส่งออกชะลอตัว และอาจทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลงจนนำไปสู่ปัญหาการขาดสภาพคล่อง และกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระต้นทุนทางการเงิน เสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจสามารถประคองตัวและดำเนินกิจการต่อไปได้ในช่วงเวลาที่ท้าทาย มาตรการลดดอกเบี้ยสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ครอบคลุมลูกค้าปัจจุบันกลุ่มสินเชื่อธุรกิจธนาคารออมสินทุกประเภทที่มีสถานะบัญชีปกติ โดยเฉพาะธุรกิจส่งออกที่ได้รับผลกระทบ ธุรกิจ Supply Chain และผู้ผลิตที่ต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ ลดดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 3% ต่อปี จากอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเดิม ระยะเวลาการลดดอกเบี้ย ไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่จัดทำนิติกรรมสัญญา ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ลูกค้าที่เข้าหลักเกณฑ์สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ สาขาธนาคารออมสินที่มีบัญชีเงินกู้ ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2568 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115  

25 May 2025

...

SME D Bank เผยผลตรวจสุขภาพธุรกิจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านระบบ Business Health Check ในแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   พบจุดอ่อนสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านบริหารการเงิน  ด้านจัดการนวัตกรรม-เทคโนโลยี และด้านการตลาด  ประกาศเดินหน้าช่วย “เติมความรู้คู่เงินทุน” เสริมศักยภาพให้เข้มแข็ง ปิดจุดอ่อน สามารถก้าวผ่านอุปสรรคได้ในทุกสถานการณ์   นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากที่ SME D Bank มีบริการ “ตรวจสุขภาพทางธุรกิจ” หรือ “Business Health Check”  แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th)  เพื่อให้รับรู้ข้อมูลและเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนในกิจการตัวเอง ก่อนนำไปสู่การเติมทักษะ ปิดจุดอ่อน เสริมจุดแข็งได้ตรงกับความต้องการของแต่ละกิจการ  ทั้งนี้  ระยะเวลาประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้ารับบริการตรวจสุขภาพทางธุรกิจ รวมกว่า 9,200 กิจการ  พบทักษะ 3 ด้านที่เป็นจุดอ่อนสำคัญ ได้แก่  อันดับ 1  ด้านการบริหารจัดการเงิน  ระดับคะแนนประเมินผลอยู่ที่ 1.8 จากคะแนนเต็ม 5 ตามด้วย อันดับ 2  ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี (2.6 คะแนน) และอันดับ 3 ด้านการสื่อสารการตลาด (3.6 คะแนน) โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในทุกขนาดธุรกิจ ล้วนมีจุดอ่อนใน 3 ด้านนี้เหมือนกัน แตกต่างกันในรายละเอียดและความซับซ้อนในทักษะที่ต้องพัฒนา   สำหรับด้านการบริหารจัดการเงิน กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (Micro) มีคะแนนต่ำที่สุด ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญของการทำบัญชี ไม่แยกเงินส่วนตัวกับธุรกิจ ไม่เข้าใจหลักการบัญชีเบื้องต้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการคำนวณกำไรขาดทุน รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งทุน  ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (Small) มีการบันทึกข้อมูลทางการเงิน แต่ขาดเครื่องมือหรือการลงทุนในระบบบัญชีที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงขาดการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อวางแผนระยะยาว ขณะที่ ผู้ประกอบการขนาดกลาง (Medium) ต้องการทักษะการวิเคราะห์ทางการเงินที่ซับซ้อนขึ้น และในหลายกิจการขาดการบูรณาการข้อมูล ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ผู้ประกอบการรายย่อย ไม่รู้ว่ามีเทคโนโลยีอะไรที่ช่วยธุรกิจเล็กๆ ได้บ้าง และยังไม่สามารถเชื่อมโยงการใช้เทคโนโลยีด้านการตลาดได้อย่างเต็มศักยภาพ ส่วนผู้ประกอบการขนาดเล็ก ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมรูปแบบใดเหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง และไม่มีแผนหรือนโยบายที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของธุรกิจ รวมถึงไม่กล้ารับความเสี่ยงที่จะล้มเหลวจากการลงทุนในนวัตกรรม  สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง ไม่สามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมนวัตกรรมได้อย่างแท้จริง ด้านการสื่อสารการตลาด ผู้ประกอบการรายย่อย  ขาดทักษะในการใช้ Social Media ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับการตลาด รวมถึงไม่เข้าใจการตลาดพื้นฐาน ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก  ขาดทักษะในการใช้เครื่องมือและการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด ไม่รู้วิธีวัดผลลัพธ์จากการทำการตลาด ทำให้กระทบต่อการวางแผนการตลาดอย่างเป็นระบบ ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลาง ขาดการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดเชิงลึกและการบูรณาการข้อมูลจากทุกช่องทาง ทั้งนี้ ผลการตรวจสุขภาพทางธุรกิจ พบว่า ในภาพรวม ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยมีทักษะที่เข้มแข็ง  2 ด้าน ได้แก่ การบริหารประสิทธิภาพการผลิตหรือบริการ และการบริหารจัดการองค์กร ซึ่งเป็นศักยภาพที่ควรเสริมให้แกร่งขึ้นในยุคที่ความไม่แน่นอนสูง การบริหารจัดการต้นทุนทำได้ยากขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการประสิทธิภาพตามแนวทางธุรกิจสีเขียว เพื่อให้กำไรสูงสุดภายใต้เงื่อนไขการปล่อยคาร์บอนต่ำสุด   นายพิชิต กล่าวต่อว่า  จากที่เห็นจุดอ่อนสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย  SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐเดินหน้ายกระดับพัฒนาศักยภาพให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ผ่านบริการ “เติมความรู้คู่เงินทุน” ช่วยเสริมศักยภาพในหลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ปิดจุดอ่อนใน 3 ด้านดังกล่าว สำหรับด้านการพัฒนาผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน จัดโครงการพัฒนาทั้งออนไซต์ควบคู่ออนไลน์ เช่น โครงการ “ทุนก็มี ภาษีก็รู้ ก้าวสู่ความยั่งยืน” จับมือกรมสรรพากร   ให้ความรู้ด้านการเงิน ในรูปแบบ One Stop Service ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โครงการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยี โครงการสนับสนุนด้านการตลาด เช่น สอนการสร้างคอนเทนต์ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ กิจการ SME D Market รวมถึง Business Matching ช่วยเพิ่มรายได้ขยายตลาด เป็นต้น อีกทั้ง มีบริการแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจครบวงจร ใช้บริการได้สะดวกสบาย ตลอด 24 ชม. เช่น  E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้เพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจ ทั้งการบริหารจัดการธุรกิจ นวัตกรรม เทคโนโลยี มาตรฐาน การตลาด การเงิน และเตรียมพร้อมเข้าถึงแหล่งเงินทุน  , SME D Coach ที่ปรึกษาและให้คำแนะนำธุรกิจจากโค้ชมืออาชีพ  , E-marketplace ช่วยขยายช่องทางขยายตลาด และเชื่อมโยงจับคู่ธุรกิจ และ Privilege สิทธิประโยชน์เพื่อยกระดับธุรกิจ เป็นต้น ควบคู่กับให้บริการด้านการเงิน ช่วยให้มีสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อลงทุน ปรับปรุง ขยายกิจการ  หมุนเวียน หรือลดต้นทุนทางการเงิน เป็นต้น  จุดเด่นอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3%ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน  ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถแจ้งความประสงค์ใช้บริการด้านการพัฒนาและการเงินได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น  แพลตฟอร์ม DX by SME D Bank , LINE Official Account : SME Development Bank และเว็บไซต์ www.smebank.co.th  เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357   

24 May 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner