Responsive image

Saturday, 19 Jul 2025

เกี่ยวกับเรา


Profile CEO THAILAND Magazine online

www.ceothailand.net

 

เจ้าของ  :  บริษัท เอก-วรา พับลิค รีเรชันส์ จำกัด

ความเป็นมาของสื่อ CEO THAILAND

          เริ่มก่อตั้ง... เมื่อปี 2547 ในนามสื่อรายเดือน “นิตยสาร CEO THAILAND” ซึ่งเป็นสื่อนิตยสารแนวธุรกิจที่เน้นนำเสนอข่าวสาร วิสัยทัศน์ผู้บริหาร และการบริหารองค์กรธุรกิจ ข่าวสารทางด้านธุรกิจ-เศรษฐกิจ การประกันภัย-การเงิน สัดส่วนเนื้อหา 70% , ข่าวราชการ-รัฐวิสาหกิจ-องค์กรอิสระ สัดส่วนเนื้อหา 15%  , เครือข่ายและธุรกิจอื่น ๆ 15%

          “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง บริษัท เอก-วรา พับลิค รีเรชันส์ จำกัด และสื่อ “CEO THAILAND” พร้อมทีมงาน ที่เชี่ยวกรากและมีประสบการณ์ในแวดวงการสื่อสิ่งพิมพ์ และวงการน้ำหมึกมาตั้งแต่ ปี 2533  ได้ร่วมกันจัดทำหนังสือนิตยสาร CEO THAILAND หนังสือแนวธุรกิจ “รายเดือน” ที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารโดยเน้นนำเสนอแนวทางการทำงาน การบริหารงาน และวิสัยทัศน์ในภาคธุรกิจ-เศรษฐกิจ  การประกันภัย-การเงิน  เครือข่ายและธุรกิจอื่น ๆ ทั้งนี้ ในช่วง 6 ปีแรกนั้น  ได้มีการจัดงานสัมมนาครบรอบ 2 ปี ของสื่อ CEO THAILAND   และได้มีการผลิตผลงานหนังสือฉบับพิเศษขึ้น 3 เล่มด้วยกัน   คือ 1) หนังสือ “สุดยอดผู้บริหารประกันภัย - ขายตรง 2004” ,   2) หนังสือ  “สุดยอดนักบริหารแห่งปี 2005”   และ  3) หนังสือ “ฅนแห่งทศวรรษ 2010”    ที่ล้วนเป็นงานเขียนของ   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ บรรณาธิการบริหาร  กลุ่มสื่อ CEO THAILAND

          ตลอดระยะเวลามากกว่า 20 ปี ของสื่อ CEO THAILAND ได้ทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ในการนำเสนอข่าวสาร เป็นสื่อกลางนำข่าวสารดี ๆ มีคุณประโยชน์ มาเผยแพร่ถ่ายทอดผ่านกลุ่มสื่อ CEO THAILAND ไปสู่กลุ่มผู้บริโภค และกลุ่มมวลชน สาธารณชน ให้ได้รับประโยชน์จากข่าวสารสาระดี ๆ มากมาย

          ที่ผ่านมาของสื่อ CEO THAILAND   นอกจากสร้างสรรค์สื่อสิ่งพิมพ์แล้ว   ทางบริษัท เอก-วรา พับลิค รีเรชันส์ จำกัด   ผู้ผลิตสื่อ CEO THAILAND ยังได้สร้างสรรค์สื่อทีวีอีกด้วย  ได้มีการเผยแพร่บทสัมภาษณ์ของผู้บริหารองค์กรต่าง ๆ มากมาย ผ่านสื่อทีวีรายการ “CEO THAILAND”  

          อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบันที่สื่อต่าง ๆ ได้มีการปรับเปลี่ยนแผนงาน เพื่อให้ตอบรับกับยุคที่เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทกับการรับข่าวสารของผู้บริโภคมากขึ้น หรือเรียกได้ว่าเป็นยุคของสื่อดิจิทัล ดังนั้น สื่อ “CEO THAILAND” จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ก็ต้องถึงยุคการเปลี่ยนผ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่อออฟไลน์ มาเป็นสื่อออนไลน์ หรือสื่อดิจิทัล เช่นเดียวกัน 

          ดังนั้น ในปี 2563 เป็นต้นมา สื่อ “CEO THAILAND”    จึงได้มีการปรับเปลี่ยนจากสื่อออฟไลน์  มาเป็นสื่อออนไลน์   ในชื่อว่า   CEO THAILAND Magazine Online  โดยนำเสนอผ่านทางเว็บไซต์ www.ceothailand.net  ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ครอบคลุมทุกกลุ่มมากขึ้น สามารถรับข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและกระจายข่าวสารได้อย่างฉับไวมากยิ่งขึ้น

          กลุ่มผู้บริโภค สามารถรับข่าวสารดี ๆ  จากกลุ่มผู้ประกอบการได้อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการรับข่าวสาร-ประชาสัมพันธ์ของบริษัทฯ และองค์กร หรือการเผยแพร่โฆษณาแบนเนอร์ต่าง ๆ ที่ยังสามารถคลิกลิ้งค์เข้าไปดูสาระดี ๆ ยังเว็บไซต์หลักของผู้ประกอบการได้อีกด้วย ซึ่งนับได้ว่าเป็นประโยชน์ที่ดี ที่ได้ทั้งผู้รับข่าวสาร และผู้ถ่ายทอดข่าวสาร คุณประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย ในการเผยแพร่ผ่านช่องทางของสื่อดิจิทัล CEO THAILAND  (www.ceothailand.net)

          นอกจากนี้แล้ว กลุ่มสื่อ “CEO THAILAND” จะมีรายการทีวี “CEO THAILAND” ซึ่งเป็นรายการทีวี ที่นำเสนอสาระข่าวสาร ทั้งด้านธุรกิจ-เศรษฐกิจ-ประกันภัย-การเงิน-SME ฯลฯ มานำเสนอให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยจะเป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ประกอบการไปยังผู้บริโภคให้ได้รับข่าวสารอย่างสร้างสรรค์สังคมต่อไป

          ขอขอบพระคุณทุกท่าน ที่ได้ติดตามข่าวสารสาระดี ๆ จากกลุ่มสื่อ “CEO THAILAND” เสียงตอบรับของพวกท่าน คือส่วนหนึ่งในกำลังใจที่ทำให้พวกเราทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่เข้มแข็งต่อไป

 

ขอคารวะด้วยใจ

กองบรรณาธิการสื่อ CEO THAILAND

 

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดย นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อเร็ว ๆ นี้      

14 Jul 2025

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner