Responsive image

Saturday, 31 May 2025

LATEST NEWS

INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต

...

ไทยประกันชีวิต ผนึกพันธมิตร เอไซ (ประเทศไทย) มาร์เก็ตติ้ง ผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนายาชั้นนำของโลก ร่วมด้วยเนอร์สซิ่งโฮมชั้นนำ 16 แห่ง สร้าง Ecosystem ในการดูแลและให้บริการลูกค้ากลุ่ม Silver Age หรือกลุ่มผู้สูงอายุแบบครบวงจร ผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต บริการ และสิทธิพิเศษ ภายใต้ผลิตภัณฑ์ “ไทยประกันชีวิต Health Fit Senior CI” มุ่งเตรียมความพร้อมให้คนไทยใช้ชีวิตสูงวัยแบบไร้กังวล นายเด่นพงษ์ เจษฎาวิริยะ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยว่า จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ประมาณ 14 ล้านคน หรือคิดเป็น 20% ของประชากรทั้งประเทศ และมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงอายุระดับสุดยอด” (Hyper Aged Society) ซึ่งกลุ่ม Silver Age หรือกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีความต้องการในการเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลให้ครอบคลุมการใช้ชีวิต ทั้งด้านร่างกาย สุขอนามัย และจิตใจ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างไม่ต้องกังวัล และไม่เป็นภาระของครอบครัวในอนาคต ผนวกกับเจตนารมณ์การดำเนินธุรกิจ (Business Propose) ของไทยประกันชีวิตที่มุ่งเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต การประกันสุขภาพ และการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล หรือ Life Solutions Provider ซึ่งไทยประกันชีวิตได้กำหนด Roadmap การดำเนินงานเพื่อให้บรรลุ Business Propose ดังกล่าว โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ Transforming Tomorrow โดยบริษัทฯ Transform การดำเนินธุรกิจในทุกด้านมาตั้งแต่ปี 2565 จนปัจจุบันสามารถกำหนดกลยุทธ์และการดำเนินงานที่ชัดเจน พร้อมก้าวสู่ช่วงที่สองในการดำเนินธุรกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืน หรือ Sustainable Tomorrow การเป็น Life Solutions Provider ของไทยประกันชีวิต ด้านหนึ่งจะเป็นการมุ่งสร้าง Ecosystem ในการดูแลลูกค้าอย่างครบวงจร ทั้งในด้าน Health - Wealth - Life เพื่อส่งมอบสุขภาพที่ดี  ชีวิตที่ดี และความมั่นคงมั่งคั่งให้กับลูกค้า บริษัทฯ จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและการบริการที่รองรับการเปลี่ยนแปลงทุกช่วงชีวิต (Life Stage) ทุกจังหวะชีวิต (Life Event) และทุกการใช้ชีวิต (Lifestyle) ดังนั้นเพื่อสร้างการดูแลในลักษณะ Ecosystem และเป็น Solutions ในการดูแลชีวิตและสุขภาพของกลุ่ม Silver Age หรือผู้สูงอายุ ไทยประกันชีวิตจึงได้ประสานความร่วมมือกับหลากหลายพันธมิตร พัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และสิทธิพิเศษแบบครบวงจรให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ ภายใต้ผลิตภัณฑ์ “ไทยประกันชีวิต Health Fit Senior CI” โดยพันธมิตรของบริษัทฯ ประกอบด้วย บริษัท เอไซ (ประเทศไทย) มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนายารักษาโรคอัลไซเมอร์และโรคระบบประสาท และผู้ประกอบธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮมหรือโรงพยาบาลผู้สูงอายุชั้นนำ 16 แห่ง เพื่อมอบการดูแลแบบองค์รวมสำหรับลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ ไทยประกันชีวิต Health Fit Senior CI ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจคัดกรองภาวะสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์ ไปจนถึงการรับบริการจากเนอร์สซิ่งโฮม โดยแบบประกันดังกล่าวจะมอบเงินผลประโยชน์เป็นรายเดือนระยะยาว สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการรับบริการจากเนอร์สซิ่งโฮมที่เป็นเครือข่ายพันธมิตรกับไทยประกันชีวิต ซึ่งสามารถเลือกแจ้งความประสงค์ให้บริษัทฯ จ่ายผลประโยชน์รายเดือนไปยังเนอร์สซิ่งโฮมภายใต้เครือข่ายพันธมิตรกับไทยประกันชีวิต เพื่อรับบริการ สำหรับรายละเอียดของ ไทยประกันชีวิต Health Fit Senior CI เป็นแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองชีวิต การเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง และอุบัติเหตุ สมัครได้ตั้งแต่อายุ 40-80 ปี โดยมอบผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ที่ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มผู้สูงอายุ ได้แก่ ครอบคลุมการตรวจคัดกรองภาวะสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์ โดยแพทย์ รับผลประโยชน์รายเดือนในกรณีป่วยด้วยโรคร้ายแรงทุกระยะ เช่น โรคสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์, โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน, โรคพาร์กินสัน เป็นต้น สูงสุด 6 ล้านบาท ระยะเวลาสูงสุด 120 เดือน คุ้มครองการป่วยโรคเรื้อรังจากการดำเนินชีวิต  4 โรค ได้แก่ โรคเกาต์ระยะเรื้อรังที่มีก้อนโทฟัส, โรคแผลในกระเพาะอาหารขั้นรุนแรง, โรคจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น และโรคประสาทหูเสื่อมขั้นรุนแรง รับค่าชดเชยกรณีกระดูกแตกหักจากอุบัติเหตุ รวมถึงค่าพยาบาลดูแลฟื้นฟูสุขภาพ ค่ากายภาพบำบัด และกิจกรรมบำบัด “ไทยประกันชีวิตมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไทยประกันชีวิต Health Fit Senior CI เพื่อให้สอดคล้องกับภาวการณ์ของประเทศไทยที่เข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ ตอบโจทย์ผู้สูงวัยยุคใหม่ ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวล พร้อมรับมือกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างหลักประกันทางการเงินและสุขภาพ รวมถึงลดความกังวลด้านค่าใช้จ่ายของลูกหลานในการเตรียมความพร้อมสำหรับการดูแลรักษา และเป็นหลักประกันค่าใช้จ่ายระยะยาวแก่ผู้สูงอายุ” นายเด่นพงษ์กล่าว ด้าน เภสัชกร ณัฐพันธุ์ นิมมานพัชรินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไซ (ประเทศไทย) มาร์เก็ตติ้ง จำกัด“เอไซ เชื่อมั่นว่าการดูแลสุขภาพผู้สูงวัยอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ควรจำกัดอยู่เพียงแค่การรักษาเมื่อเจ็บป่วยเท่านั้น แต่ต้องเริ่มตั้งแต่การป้องกันและคัดกรองความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ทันท่วงที และชะลอการเกิดโรคได้ทันเวลา แนวคิด “ป้องกันก่อนเกิดโรค” จึงไม่ใช่เพียงทางเลือก แต่ถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความเปราะบาง ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมการรักษาโรคสมองเสื่อมและยาสำหรับผู้สูงอายุ เอไซ มีความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างระบบนิเวศสุขภาพ (Health Ecosystem) ให้แข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ ไม่เพียงแค่มุ่งเน้นด้านการวิจัยและการผลิตยาเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีเป้าหมายร่วมกัน การร่วมมือกับไทยประกันชีวิตในครั้งนี้ จึงถือเป็นการบูรณาการระบบการดูแลสุขภาพเข้ากับความมั่นคงทางการเงินอย่างแท้จริง โดยเริ่มตั้งแต่การคัดกรองสุขภาพที่ได้รับความคุ้มครองจากประกันชีวิต ไปจนถึงการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องในกรณีที่ตรวจพบภาวะโรค เช่น ภาวะสมองเสื่อม โดยเฉพาะชนิดอัลไซเมอร์ และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับผู้สูงวัย เอไซ ไม่ได้มองเพียงแค่การดูแลในวันนี้ แต่เรากำลังร่วมสร้าง Ecosystem หรือระบบนิเวศสุขภาพที่ยั่งยืนเพื่อสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้รับการคัดกรอง ป้องกัน และดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในเครื่องมือสำคัญ คือ  CogMate™  ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจเช็กสุขภาพสมองได้ด้วยตนเองจากที่บ้าน ช่วยให้สามารถประเมินภาวะการทำงานของสมองได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการชะลอการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับสมองในผู้สูงอายุ เครื่องมือนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนตลอดเส้นทางชีวิต (Life Journey)” เภสัชกร ณัฐพันธุ์ กล่าว นายแพทย์ เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ นายกสมาคมการค้าและการบริการสุขภาพ ผู้สูงอายุไทย (SHSTA) ผู้แทนผู้ประกอบธุรกิจเนอร์สซิ่งโฮมหรือโรงพยาบาลผู้สูงอายุชั้นนำ กล่าวว่า “สมาคมการค้าและการบริการสุขภาพผู้สูงอายุไทย มุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวของประเทศไทยอย่างยั่งยืน โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างระบบการดูแลที่มีคุณภาพ ครอบคลุม และตอบโจทย์ความต้องการของสังคมสูงวัยในปัจจุบันและอนาคต ด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานด้านสาธารณสุขในระดับพื้นที่ รวมถึงภาคประชาสังคม ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ตลอดจนระบบประกันสุขภาพเอกชนชั้นนำอย่างไทยประกันชีวิต สมาคมฯ เชื่อมั่นว่าการบูรณาการทุกภาคส่วนเข้าด้วยกัน จะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาระบบการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวที่มีคุณภาพ เข้าถึงได้ และสอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย พร้อมทั้งยกระดับวิชาชีพด้านการดูแลผู้สูงอายุให้มีมาตรฐานสากล อันจะนำไปสู่การสร้างเสาหลักด้านสุขภาพผู้สูงวัยให้แข็งแรง เป็นพลังสำคัญของงานสาธารณสุขไทยในอนาคต และเป็นต้นแบบให้กับการพัฒนาระบบดูแลผู้สูงวัยในประเทศอย่างแท้จริง” สำหรับสถานบริการเนอร์สซิ่งโฮมชั้นนำที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ โรงพยาบาลผู้สูงอายุ เฌ้อสเซอรี่ โฮม, เฌ้อสเซอรี่ โฮม พรีเมี่ยม ซีเนียร์แคร์, เฌ้อสเซอรี่ โฮม ซีเนียร์แคร์ บางบอน, เฌ้อสเซอรี่ โฮม ซีเนียร์แคร์ แจ้งวัฒนะ, โรงพยาบาลกายภาพบำบัด เฌ้อสเซอรี่ โฮม บางนา-วงแหวน by Vimut, บ้านธรรมชาติ ซีเนียร์แคร์ แบริ่ง บาย เฌ้อสเซอรี่ โฮม, ซีเนียร์ เนอร์สซิ่งโฮม ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง (Senior nursing home), ซีเนียร์ เนอร์สซิ่งโฮม ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง 1 (Senior nursing home 1), โรงพยาบาลเดอะซีเนียร์รัชโยธิน โรงพยาบาลกายภาพบำบัดขนาดกลาง, โรงพยาบาลเดอะซีเนียร์ โรงพยาบาลส่งเสริมฟื้นฟูผู้สูงอายุขนาดเล็ก, โรงพยาบาลเดอะซีเนียร์ โรงพยาบาลการพยาบาลและการผดุงครรภ์ขนาดเล็ก, ศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูผู้สูงวัย The Senizens, ศิริอรุณแคร์ ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและดูแลผู้สูงอายุ, ศิริอรุณเวลเนส ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและดูแลผู้สูงอายุ, คิน รีแฮพ แอนด์ โฮมแคร์, คิน เนอร์สซิ่งโฮม และไทยประกันชีวิตยังมีแผนในการขยายเครือข่ายพันธมิตรเนอร์สซิ่งโฮม เพื่อให้บริการได้อย่างครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศอีกด้วย นอกจากนี้ ลูกค้าไทยประกันชีวิตที่ซื้อผลิตภัณฑ์ ไทยประกันชีวิต Health Fit Senior CI ยังได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม ภายใต้แคมเปญ Senior Well Being ที่มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ให้มีทั้งสุขภาพที่ดี ทั้งร่างกายและจิตใจผ่านสิทธิพิเศษต่างๆ ทั้งบริการตรวจสุขภาพ ส่วนลดร้านค้า และอื่นๆ โดยกดรับสิทธิ์ผ่าน แอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต อาทิ สิทธิพิเศษ ณ โรงพยาบาลพญาไท 1 สมาชิกไทยประกันชีวิต INFINITE รับสิทธิตรวจความหนาแน่นมวลกระดูก 2 ส่วน (กระดูกสันหลังและสะโพก) ราคาพิเศษ 1,500 บาท, ตรวจโครงสร้างกระดูกสะโพกและขา (Orthroscanogram) ราคาพิเศษ 1,700 บาท สมาชิกไทยประกันชีวิต Privilege ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ราคาพิเศษ พร้อมรับเพิ่ม Voucher ตรวจความหนาแน่นมวลกระดูก พร้อมบัตรกำนัลห้างสรรพสินค้าชั้นนำ   สิทธิพิเศษจากพันธมิตร เอไซ (ประเทศไทย) มาร์เก็ตติ้ง สมาชิกไทยประกันชีวิต INFINITE รับฟรี แพ็กเกจโปรแกรมตรวจสุขภาพสมอง CogMate™ ในการตรวจสุขภาพสมองต่อเนื่อง 3 ครั้งต่อ 1 ผู้ใช้งาน ผ่าน www.Cogmatethailand.com สมาชิกไทยประกันชีวิต Privilege ส่วนลด 25% ในการซื้อแพ็กเกจโปรแกรมตรวจสุขภาพสมอง CogMate™ ลูกค้าไทยประกันชีวิตที่มีการลงทะเบียนใช้งานแอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต สามารถร่วมทำแบบประเมินสุขภาพสมอง (1 สิทธิ์ / ท่าน / เดือน) พร้อมรับโค้ดส่วนลด 15% สำหรับตรวจสุขภาพสมองจาก CogMate™ เมื่อผลประเมินบ่งชี้ว่า คุณควรใส่ใจสุขภาพสมองมากขึ้น สิทธิพิเศษ จาก Chersery Nursing Home สมาชิกไทยประกันชีวิต Privilege รับสิทธิพิเศษ ส่วนลด 2,000 บาท เมื่อใช้บริการ Harmoni Homecare บริการดูแลผู้สูงวัยที่บ้านเป็นรายเดือน หรือกายภาพบำบัดเมื่อซื้อคอร์ส 10 ครั้ง รวมถึง ส่วนลดพิเศษ เมื่อใช้บริการ Daycare Service ดูแลผู้สูงวัยกิจกรรมระหว่างวัน รวมถึงสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย โดยสามารถดูรายละเอียดสิทธิพิเศษได้ทาง แอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต และลูกค้าไทยประกันชีวิตสามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน ไทยประกันชีวิต ได้ฟรี ทั้งจากระบบ IOS และ Android คลิกเพื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน https://thailifeapplication.page.link/home รายละเอียดผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม คลิก Health Fit Senior CI หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ไทยประกันชีวิตแคร์เซ็นเตอร์ โทร.1124

27 May 2025


...

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมกับ Teladoc Health ผู้นำระดับโลกด้านการดูแลสุขภาพแบบโทรเวช จัดงาน “Exclusive High Tea Party ปิดการขายอย่างมืออาชีพ ด้วยบริการระดับโลก PMCM” ให้กับผู้บริหารหน่วยและตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอ โดยมุ่งยกระดับด้านการให้บริการดูแลสุขภาพแก่ลูกค้าเอไอเอทั่วประเทศ ด้วยบริการสุขภาพระดับโลกอย่าง บริการจัดการดูแลผู้ป่วยรายบุคคล (Personal Medical Case Management: PMCM) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “เพื่อนคู่คิดด้านสุขภาพ” ที่พร้อมดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอนของการรักษา ตั้งแต่การวินิจฉัย การเลือกแนวทางการรักษา ไปจนถึงการฟื้นฟูสุขภาพ และสามารถปรึกษาได้แม้บางโรคที่เป็นข้อยกเว้นในกรมธรรม์ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอในการสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา “Healthier, Longer, Better Lives” ภายในงานได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากเอไอเอ ประเทศไทย และ Teladoc Health ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจในการส่งมอบบริการสุขภาพระดับโลก ประกอบด้วย  พญ. สุวรา โสมะบุตร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ แผนกบริหารจัดการทางการแพทย์และข้อมูลระบบสุขภาพ เอไอเอ ประเทศไทย นางสาวซิ่วยวี่ อู ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Teladoc Health และ พญ. นิลวรรณ นิมมานวรวงศ์ แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว และแพทย์ผู้บริหารเคส Teladoc Health โดยหนึ่งในไฮไลต์ของงานคือการแบ่งปันประสบการณ์ตรงจาก นายพงษ์พันธ์ ชมสิน ผู้จัดการหน่วยบียอนด์ 30 ที่ได้มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวของลูกค้าที่ได้รับประโยชน์จากบริการจัดการดูแลผู้ป่วยรายบุคคล (PMCM) ซึ่งได้ช่วยสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจเข้ารับการรักษาพยาบาล รวมทั้งยังได้สร้างความประทับใจในมาตรฐานการดูแลที่เหนือความคาดหมาย ทั้งนี้ งานดังกล่าวจัดขึ้น ณ ห้องแกรนด์บอลรูมตันจง ปาการ์ โรงแรมอัมรา กรุงเทพฯ   สำหรับบริการจัดการดูแลผู้ป่วยรายบุคคล (Personal Medical Case Management: PMCM) เป็นบริการดูแลสุขภาพที่มากกว่าความเห็นที่สองทางการแพทย์ โดยเอไอเอ ตระหนักดีว่าการเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคร้ายแรง อาจนำมาซึ่งความไม่แน่ใจและความวิตกกังวลของลูกค้า ดังนั้น ลูกค้าจึงได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยเครือข่ายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกว่า 50,000 ราย จากกว่า 450 สาขาทั่วโลกของ Teladoc Health โดยมีแพทย์ผู้บริหารเคสส่วนบุคคลคอยให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง ไม่จำกัดระยะเวลา เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและมั่นใจในการตัดสินใจรักษา เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

24 May 2025

...

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) ชวนคนไทยส่งพลังความรัก ความห่วงใย พร้อมดูแลตัวเองเพื่อให้ได้อยู่กับคนที่รักนานๆ ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok กับกิจกรรม “รักคือพลังของชีวิต Duet” ชวนคนไทยทุกคน ไม่จำกัดอายุ เพศ วัย ทุกเจนเนอเรชัน มา Duet ร้องเพลงกับ “นนท์ ธนนท์” Brand Ambassador คนใหม่ของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ลง Tiktok ของตัวเอง พร้อมใส่ #รักคือพลังของชีวิตDuet #OceanLifeไทยสมุทร เพียงเท่านี้ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับ “NONT TANONT Official Light Stick” จำนวน 1 รางวัล และกระเป๋าสุดคิวท์ OCEAN LIFE x ART STORY 10 รางวัล ตั้งแต่วันที่ 13 - 31 พฤษภาคม 2568 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/duet-tiktok   สามารถติดตามรายละเอียดการประกาศรางวัลผ่าน Facebook : oceanlifepage และ Tiktok : OceanLife.Official (บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข และข้อกำหนดต่าง ๆ ของแคมเปญโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า) สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือOCEAN LIFE CONTACT CENTER  1503    

21 May 2025

...

บมจ. กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ประกาศแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง เพื่อสอดรับกลยุทธ์ Unlock The Future และเพื่อบรรลุเป้าหมายในการก้าวเป็นหนึ่งใน 3 ผู้นำบริษัทประกันชีวิตชั้นนำในประเทศไทย โดยการแต่งตั้งทีมผู้บริหารในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของบริษัทฯ ตลอดจนสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ รับมือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในธุรกิจประกันชีวิต และเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยมีผู้บริหารระดับสูงที่ได้รับแต่งตั้ง ได้แก่   1. คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด (Chief Marketing Officer) และยังคงเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารระดับสูง (EXCOM) ซึ่งจะเน้นการขับเคลื่อนการรับรู้ และการเติบโตของแบรนด์ ยกระดับความสัมพันธ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น และสร้างความเป็นเอกภาพในกลยุทธ์การสื่อสารผ่านทุกแพลตฟอร์ม   2. คุณสรัสวดี คุปตพงศ์ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (Chief People Officer) และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารระดับสูง (EXCOM) ภายใต้การบริหารงานของคุณสรัสวดี องค์กรจะพัฒนาสู่โครงสร้างที่ลดความซับซ้อนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้งสามารถรักษาบุคลากรที่มีศักยภาพไว้ได้ ผ่านการโค้ชและพัฒนาศักยภาพแก่พนักงาน และผู้บริหารอย่างตรงจุด   3. คุณโทมัส ไรเทอร์เร่อ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายความเสี่ยง (Chief Risk Officer) และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารระดับสูง (EXCOM) โดยเป็นผู้นำในการกำกับดูแลด้านการบริหารความเสี่ยงและการปฏิบัติตามกฎระเบียบขององค์กร และมุ่งเน้นการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและความสำเร็จทางการเงินของบริษัทฯ ทั้งนี้ผู้บริหารระดับสูงทั้ง 3 ท่าน จะรายงานตรงต่อ คุณณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2568 โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯ และผลักดันให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนเตรียมความพร้อมสำหรับความสำเร็จในธุรกิจประกันชีวิต ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และปลดล็อคความสำเร็จในอนาคต (Unlock The Future) เพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดของบริษัทฯ ที่พร้อมจะเคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป

21 May 2025

...

เมื่อ เมื่อวันจันทร์ที่ 21 เมษายน 2568 และวันอังคารที่ 29 เมษายน 2568 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) นำโดยนายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ และนายจอม จีระแพทย์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกฎหมายและคดี ได้จัดให้มีประชุมสรุปหลักการ การแก้ไขร่างประกาศสำนักงาน คปภ. เรื่อง แนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าสำหรับธุรกิจประกันวินาศภัย/ชีวิต (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 ร่วมกับผู้แทนจากสมาคมประกันวินาศภัยไทย และผู้แทนสมาคมประกันชีวิตไทย เพื่อให้ทราบถึงหลักการและเหตุผลความจำเป็นในการแก้ไขแนวปฏิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าสำหรับธุรกิจประกันภัย นายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายและตรวจสอบ สำนักงาน คปภ. เปิดเผยว่า การแก้ไขร่างประกาศสำนักงาน คปภ. ฉบับนี้ มีที่มาจากการที่บริษัทประกันภัยมีความประสงค์ที่จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามกรมธรรม์ประกันภัย รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการฉ้อฉลประกันภัยของลูกค้าจากฐานข้อมูลของสำนักงาน คปภ. เพื่อสนับสนุนการพิจารณารับประกันภัย การชดใช้ค่าสินไหมทดแทน และการให้บริการอื่นตามสัญญาประกันภัย เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทประกันภัย โดยใช้ข้อมูลของลูกค้าเพื่อให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า สำนักงาน คปภ. จึงกำหนดหลักการให้บริษัทต้องขอความยินยอมจากลูกค้าก่อนที่สำนักงาน คปภ. จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ภาคธุรกิจ  โดยกำหนดแบบฟอร์มมาตรฐานเพื่อให้บริษัทประกันภัยสามารถขอความยินยอมจากลูกค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งปัจจุบัน เพื่อให้ลูกค้าทราบว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมไปนั้น ถูกนำไปใช้หรือนำไปเปิดเผยให้กับบุคคลอื่นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีที่บริษัทประกันวินาศภัยเสนอขายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ดังนั้น ในการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้า บริษัทจะต้องมีการแจ้งประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) รวมถึงสรุปประกาศความเป็นส่วนตัวของกรมธรรม์ประกันภัยแต่ละประเภทตามที่สำนักงาน คปภ. กำหนด เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยและประชาชนได้ทราบถึงรายละเอียด  ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกรมธรรม์ประกันภัยแต่ละประเภทได้อย่างชัดเจน โดยบริษัทอาจใช้ช่องทางต่าง ๆ ในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าตามที่เหมาะสมได้ สำนักงาน คปภ. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในธุรกิจประกันภัย จึงได้จัดให้มีการประชุมเพื่อสรุปหลักการและความสำคัญในการดำเนินการดังกล่าวเพื่อสร้างความเข้าใจแก่ภาคธุรกิจ โดยสมาคมประกันวินาศภัยไทย  และสมาคมประกันชีวิตไทยจะนำประเด็นหลักการเกี่ยวกับร่างประกาศสำนักงาน คปภ. นี้ ประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกันระหว่างบริษัทสมาชิกและสามารถพิจารณาให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อร่างประกาศสำนักงาน คปภ. ต่อไป        

20 May 2025

...

นายเสริมพงษ์ ศรีวัฒนา รักษาการผู้จัดการแผนกฝ่ายการตลาด NON-MOTOR ด้านส่วนบุคคล บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนร่วมเป็นวิทยากร “งานเสวนาการประกันภัยภาคบังคับและสมัครใจ ประกันภัยผู้โดยสารเรือสำหรับโดยสาร และประกันอุบัติเหตุเดินทางสำหรับธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์” ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จังหวัดระยอง จัดขึ้นเพื่ออบรมความรู้ด้านการประกันกันภัยการเดินทาง ให้กับกลุ่มผู้ให้บริการรถสองแถวโดยสาร ผู้ให้บริการเช่ารถจักรยานยนต์ ผู้ให้บริการเรือข้ามฝาก และผู้ประกอบการนำเที่ยวบนเกาะเสม็ด ได้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และกระบวนการด้านประกันภัยที่ถูกต้อง เพื่อนำไปปรับใช้ในการประกอบธุรกิจได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยมี นายพิทยา สะศรีสังข์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาเเหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการ ณ สำนักงานอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง     สำหรับ กิจกรรมเสวนาการประกันภัยฯ จัดขึ้นภายใต้ “โครงการเสริมสร้างพันธมิตรและพัฒนาเครือข่ายเพื่อส่งเสริมความรู้ด้านประกันภัย” โดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)  ซึ่งวิริยะประกันภัย ในฐานะภาคีเครือข่าย ได้ร่วมสนับสนุนโครงการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ อาทิ ตาก ราชบุรี เลย ฉะเชิงเทรา ฯลฯ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการประกันวินาศภัยสู่ท้องถิ่น ให้ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคได้เกิดความเชื่อมั่นต่อระบบการประกันวินาศภัย และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้บริหารความเสี่ยงในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการประกอบอาชีพให้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนนโยบายภาครัฐ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมประกันภัยไทยให้เติบโตยิ่งอย่างยั่งยืน  

19 May 2025

...

ทิพยประกันชีวิต จับมือกับทิพยประกันภัย ร่วมออกบูธงาน มหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25 MONEY EXPO 2025 BANGKOK ภายใต้แนวคิด  “Resilient Wealth การสร้างความมั่งคั่งทางการเงินแบบยืดหยุ่นเพื่อความยั่งยืน” โดยมี คุณพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงาน คุณสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ เป็นประธานจัดงาน พร้อมด้วยคุณลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง คุณนพพร บุญลาโภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และคุณสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหารบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดบูธอย่างเป็นทางการ ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี  

19 May 2025

ECONOMY- FINANCE / เศรษฐกิจ - การเงิน

...

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ BKIH ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 571.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30.5 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้น 5.37 บาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2568 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.75 บาท ในวันที่ 6 มิถุนายน 2568    โดยปัจจุบันบีเคไอ โฮลดิ้งส์ (BKIH) มีบริษัทย่อยที่สร้างรายได้หลักคือ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ที่ยังคงรักษาเสถียรภาพทางการเงินได้เป็นอย่างดีแม้ภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว โดยผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) กรุงเทพประกันภัยมีรายได้จากการประกันภัย 8,142.7 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 และมีค่าใช้จ่ายในการบริการประกันภัยสุทธิ 7,832.9 ล้านบาท ส่งผลให้มีผลการดำเนินงานการบริการประกันภัย 309.8 ล้านบาท ลดลง 266.8 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 46.3 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีจำนวน 576.6 ล้านบาท สำหรับรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 440.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 2.7 โดยเมื่อรวมรายได้อื่นและหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำให้กรุงเทพประกันภัยมีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 665.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30.2 และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว มีกำไรสุทธิ 564.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31.9 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 5.30 บาท   บีเคไอ โฮลดิ้งส์และบริษัทย่อย ยึดมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี พร้อมขับเคลื่อนการเติบโตด้วยความมั่นคง สร้างความเชื่อมั่นด้วยฐานะการเงินที่ แข็งแกร่ง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขยายโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ตลอดจนมีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า คู่ค้า ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม

29 May 2025


...

ตามที่รัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้สถาบันการเงินของรัฐ ช่วยเหลือภาคธุรกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ผ่านการลดเป้าหมายกำไรทางธุรกิจเพื่อนำเม็ดเงินงบประมาณมาจัดทำโครงการ/มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการนั้น   นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารจึงได้เร่งรัดดำเนินการ ประกาศลดดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการกลุ่มสินเชื่อธุรกิจที่เป็นลูกค้าปัจจุบันของธนาคาร ในอัตรา 2 - 3% ต่อปี สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกธุรกิจ Supply Chain และผู้ผลิตสินค้าที่ต้องมีการแข่งขันสูงกับสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ เนื่องจากนโยบายกำแพงภาษีฯ ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนสินค้าไทยเพิ่มขึ้น การส่งออกชะลอตัว และอาจทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลงจนนำไปสู่ปัญหาการขาดสภาพคล่อง และกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระต้นทุนทางการเงิน เสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจสามารถประคองตัวและดำเนินกิจการต่อไปได้ในช่วงเวลาที่ท้าทาย มาตรการลดดอกเบี้ยสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ครอบคลุมลูกค้าปัจจุบันกลุ่มสินเชื่อธุรกิจธนาคารออมสินทุกประเภทที่มีสถานะบัญชีปกติ โดยเฉพาะธุรกิจส่งออกที่ได้รับผลกระทบ ธุรกิจ Supply Chain และผู้ผลิตที่ต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ ลดดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 3% ต่อปี จากอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเดิม ระยะเวลาการลดดอกเบี้ย ไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่จัดทำนิติกรรมสัญญา ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ลูกค้าที่เข้าหลักเกณฑ์สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ สาขาธนาคารออมสินที่มีบัญชีเงินกู้ ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2568 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115  

25 May 2025

...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” พร้อมเดินหน้าในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาด้านรายได้อย่างต่อเนื่อง และรักษาบ้านของตนเองเอาไว้ได้ต่อไป ด้วยการขยายเวลาการเข้าร่วม “โครงการคุณสู้ เราช่วย” ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 จากเดิมสิ้นสุดเวลาลงทะเบียนวันที่ 30 เมษายน 2568 สำหรับลูกค้าที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาท ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน แต่เคยมีประวัติการค้างชำระเกิน 30 วัน ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน  2567 และได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 (อ้างอิงข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567) ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการต้องไม่มีการก่อหนี้ใหม่ภายใน 12 เดือนแรก ยกเว้นในกรณีฉุกเฉิน เช่น การซ่อมแซมบ้านจากเหตุแผ่นดินไหว หรือกู้เพื่อการฟื้นฟูที่จำเป็น โดยลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการคุณสู้ เราช่วย สามารถลงทะเบียนได้ผ่าน 3 ช่องทาง ประกอบด้วย เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย www.bot.or.th/Khunsoo  หรือแอปพลิเคชัน GHB ALL GEN และ แอปพลิเคชัน GHB ALL BFRIEND สำหรับโครงการคุณสู้ เราช่วย เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระหนี้ของประชาชนและภาคธุรกิจ ให้สามารถฟื้นตัวและกลับมายืนหยัดทางการเงินได้อีกครั้งในระยะยาว ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank  Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th  

20 May 2025

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการส่งเสริมธุรกิจสู่ความยั่งยืน เปิดโครงการ “Krungsri ESG Awards 2025” การประกวดรางวัลสำหรับภาคธุรกิจที่มีการดำเนินงานโดดเด่นตามหลักการ ESG (Environment, Social, Governance) ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่สาม มุ่งส่งเสริมและยกระดับให้ผู้ประกอบการไทยตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมขยายโอกาสสู่มาตรฐานระดับโลก นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงศรีให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจไทยดำเนินงานตามหลักการ ESG เนื่องจากเราเชื่อมั่นว่า ESG ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว การจัด Krungsri ESG Awards 2025 จึงเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของเราในการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ที่จะช่วยผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยเติบโตอย่างมั่นคงบนเส้นทางที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในยุคที่แนวคิด ESG กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาความร่วมมือทางธุรกิจในระดับสากล” สำหรับ Krungsri ESG Awards 2025 แบ่งการมอบรางวัลออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ 1. Excellence Awards - รางวัลที่มอบให้แก่องค์กรที่มีความเป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจ ครอบคลุมทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล 2. Highly Commended Awards - รางวัลที่มอบให้แก่องค์กรที่มีการริเริ่มและดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่ดีในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล   นางสาวมันตินี อัครเสริญ ผู้บริหารสายงานการตลาดลูกค้าธุรกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)   จุดเด่นสำคัญของ Krungsri ESG Awards คือการรวมตัวของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้าน ESG จากหลากหลายภาคส่วนชั้นนำของประเทศ ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าไทยแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจเพื่อสังคม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจะช่วยให้การพิจารณาตัดสินมีมุมมองที่ครอบคลุมและสะท้อนภาคปฏิบัติได้อย่างแท้จริง ความพิเศษของ Krungsri ESG Awards 2025 คือ การเปิดโอกาสให้บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ นำเสนอแผนการเปลี่ยนผ่าน (Transition Plan) และแนวคิดธุรกิจ (Pitching) ต่อคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน ESG ที่เป็นตัวแทนจากหลากหลายภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชนชั้นนำ นักลงทุน และนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่เข้าร่วมรับฟังอย่างใกล้ชิด โดยผู้เข้าร่วมจะได้รับข้อเสนอแนะอันทรงคุณค่าจากทั้งผู้เชี่ยวชาญและผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ตรงในการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG ซึ่งจะช่วยให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนเองได้อย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสในการถ่ายทอดแนวคิด นวัตกรรม และแรงบันดาลใจที่สามารถนำไปต่อยอดได้อย่างเหมาะสมและสร้างสรรค์   บรรยากาศในวันเปิดโครงการ Krungsri ESG Awards 2025   “ความสำเร็จของโครงการ Krungsri ESG Awards ในสองปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการไทยที่มีความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันแล้ว ยังเป็นการสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน โดยในปีนี้ เราคาดหวังว่าจะได้เห็นนวัตกรรมและแนวคิดใหม่ ๆ จากองค์กรธุรกิจที่จะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความยั่งยืน” “กรุงศรีมุ่งมั่นที่จะสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีตามกรอบ ESG ระหว่างผู้ประกอบการ ผ่าน Krungsri ESG Awards 2025 เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ESG ไม่เพียงแต่เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ แต่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงและเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกธุรกิจยุคใหม่” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย  

20 May 2025

...

                                พิชัย ชุณหวชิร                                                                                                                  พิชิต มิทราวงศ์  นายพิชิต มิทราวงศ์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ร่วมพิธีเปิดงาน “มหกรรมการเงินกรุงเทพ” ครั้งที่ 25 (MONEY EXPO 2025 BANGKOK) ระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2568 โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธี   อีกทั้ง ได้รับเกียรติจาก นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานมหกรรมการเงิน  ให้เกียรติเปิดบูธหมายเลข K5 ของ SME D Bank ที่มาร่วมในงานนี้ด้วย โดยมีผู้บริหารและพนักงาน SME D Bank ให้การต้อนรับ     สำหรับในงานนี้ SME D Bank ได้จัดเตรียมบริการด้านสินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม และทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทยไว้รองรับ ไฮไลท์อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3%ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท  แถมพิเศษ  เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชั่นเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อสูงสุด 0.50% และต่อที่ 2 :  รับบัตรกำนัล  มูลค่า 500 บาท    นอกจากนั้น  ยังจัดเตรียมบริการด้าน “การพัฒนา”  ผ่านแพลตฟอร์ม  “DX by SME D Bank”  (dx.smebank.co.th)  ช่วยยกระดับเสริมศักยภาพเอสเอ็มอีไทยครบถ้วนในจุดเดียว  พร้อมเชิญเล่นเกม รับของที่ระลึกมากมาย  ณ  ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี  วันที่ 15 พ.ค. 2568  

17 May 2025

...

  ธนาคารออมสิน เตรียมเข้าร่วมงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25 Money Expo 2025 Bangkok โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินครบครัน พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษเพื่อสร้างสังคมที่ดีไปด้วยกัน เริ่มต้นจากการสร้างการออมกับ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 99 วัน รับอัตราดอกเบี้ยแบบ Step up เฉลี่ย 2.55% ต่อปี หรือเทียบเท่าเงินฝากประจำ 3.00% ต่อปี จองสิทธิ์ภายในงาน จำนวนจำกัด วันละ 200 สิทธิ์ และ 1 คนต่อ 1 สิทธิ์ เปิดบัญชีขั้นต่ำ 10,000 บาท ฝากสูงสุด 500,000 บาทต่อราย ระยะเวลาฝากเงินระหว่างวันที่ 15 พ.ค. – 24 พ.ค. 68 ผู้ที่เปิดบัญชีรับกระปุกออมสิน GSB Green Power และโค้งสุดท้ายกับการลุ้นรางวัลใหญ่ครั้งแรกในแคมเปญแห่งปี “ออมร้อย ชิงร้อยล้าน” รางวัลพิเศษ มูลค่า 1 ล้านบาท งวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 จำนวน 30 รางวัล และรางวัลพิเศษ มูลค่า 70 ล้านบาท งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เพียง 1 รางวัลเท่านั้น มูลค่ารางวัลพิเศษรวม 100 ล้านบาท สำหรับผู้ฝากสลากออมสินพิเศษ 1 ปี ตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 15 กรกฎาคม 2568   ส่วนผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งการซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซม ไฮไลท์ด้วย สินเชื่อเคหะ Refinance ดอกเบี้ยคงที่ปีแรก เริ่มต้น 1.45% ต่อปี (สำหรับวงเงินกู้สินเชื่อตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป และผู้กู้ประสงค์ทำประกันฯ) เฉลี่ย 3 ปีต่ำสุด 2.85% ต่อปี ลงทะเบียนจองสิทธิ์ภายในงาน วงเงินกู้ตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป อนุมัติและทำนิติกรรมสัญญาแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 สำหรับลูกค้า 99 รายแรก รับบัตรของขวัญ Central Gift Card มูลค่า 3,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อสร้างธุรกิจกับ สินเชื่อ GSB D-VERs เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ ลงทุนในสินทรัพย์ถาวร หรือไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น ให้กู้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว วงเงินเริ่มต้นตั้งแต่ 1 บาท สูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาท ทั้งนี้ วงเงินกู้ไม่เกิน 20 ล้านบาท สำหรับกรณีทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อและค้ำประกันเต็มวงเงินกู้ คิดอัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก = MOR/MLR-0.50% ปีที่ 3 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย = MOR/MLR+0.25% แต่หากกู้ในวงเงินมากกว่า 20 - 100 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย 2 ปีแรก = MOR/MLR-0.75% ปีที่ 3 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย = MOR/MLR (ปัจจุบัน MOR ของธนาคาร = 6.345% และ MLR = 6.575%) งานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25 Money Expo 2025 Bangkok จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 - 18 พฤษภาคม 2568 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายใต้แนวคิด “Resilient Wealth การสร้างความมั่งคั่งแบบยืดหยุ่นเพื่อความยั่งยืน” เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว    

17 May 2025

...

  ตามที่รัฐบาลโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้สถาบันการเงินเข้าช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะ กลุ่มผู้ปกครองที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ทั้งค่าชุดเครื่องแบบนักเรียน หนังสือ อุปกรณ์การเรียน และอื่น ๆ ด้วยการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยได้เข้าถึงการศึกษาอย่างต่อเนื่อง นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกมาตรการ “สินเชื่อธนาคารประชาชนต้อนรับเปิดเทอม” ที่ผ่อนเกณฑ์อนุมัติให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และเป็นการเดินหน้าภารกิจเชิงสังคมในการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม สำหรับผู้ปกครองที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนในการเตรียมความพร้อมแก่บุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่เพียง 0.60% ต่อเดือน วงเงินกู้ตามความจำเป็นสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อราย ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 1 ปี (12 งวด) ผ่อนชำระประมาณ 894 บาทต่อเดือน (รวมเงินต้นและดอกเบี้ย) ทั้งนี้ สำหรับผู้มีอาชีพ รายได้ และที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถยื่นขอสินเชื่อโดยไม่ต้องมีหลักประกัน ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo หรือติดต่อธนาคารออมสินสาขาเพื่อขอคำแนะนำในการสมัครสินเชื่อ ได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2568  

08 May 2025

SOCIETY / ภาพข่าว - CSR - ข่าวการเมือง

...

ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เข้ารับรางวัลเชิดชูเกียรติ “เพชรกนก” ประจำปี 2566–2567 ในสาขายุติธรรม ซึ่งมอบให้แก่ ผู้บริหารระดับสูงที่มีวิสัยทัศน์ และมีความเชี่ยวชาญในด้านการบริหารจัดการองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยความเที่ยงธรรมและซื่อตรง สร้างความมั่นใจในระบบการประกันภัยแก่ประชาชนได้อย่างมีมาตรฐานในระดับสากล โดยรางวัลนี้มอบโดย สมาคมผู้ผลิตรายการภาพและเสียง และได้รับเกียรติจาก นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มอบรางวัล ณ หอประชุมสุนันทานุสรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา   รางวัล “เพชรกนก” เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศที่มอบให้แก่บุคคลและองค์กรที่สร้างคุณงามความดี มีความเสียสละ และบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ  

30 May 2025


...

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมคณะผู้บริหาร เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จให้กับทีมนักกีฬาสโมสรวอลเลย์บอลหญิง “สุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค” และทีมงาน ที่สามารถคว้าแชมป์การแข่งขันวอลเลย์บอลอาชีพรายการไทยแลนด์ลีก ฤดูกาล 2024–2025 มาครองได้เป็นสมัยที่ 4 อย่างยิ่งใหญ่   ภายในงาน ดร.สมพร ยังได้มอบเงินรางวัลพิเศษจำนวน 500,000 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับทีมสุพรีม ทิพย ชลบุรี-อี.เทค ที่ทุ่มเทและมุ่งมั่นร่วมกันสร้างชื่อเสียงให้กับสโมสร ก่อนเดินหน้าสู้ศึกการแข่งขัน AVC Women's Champions League 2026 ที่จะถึงนี้ และนำความสุขมาสู่พี่น้องคนไทยต่อไป    

30 May 2025

...

รศ.นพ. อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล รับมอบงบประมาณการพัฒนากลุ่มเด็กเปราะบาง และน้ำดื่ม จำนวน 1,500 ขวด จาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยมี นายพงศ์พันธ์ ประภาศิริลักษณ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นผู้แทนมอบ เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรม “ค่ายเล่นรอบเมือง สร้างพลังการเรียนรู้ ครั้งที่ 10 ตอน ฮีโร่จิ๋ว พันธุ์แกร่ง พิชิตภัยรอบตัว” ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็ก เกี่ยวกับทักษะการใช้ชีวิตประจำวัน การพัฒนาอารมณ์ – จิตใจ และการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม ตลอดจนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมรอบตัว ผ่านกิจกรรมการเล่นอย่างสร้างสรรค์ ณ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา จังหวัดนครปฐม     ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้สนับสนุนสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล จัดกิจกรรม “ค่ายเล่นรอบเมือง สร้างพลังการเรียนรู้” มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมโอกาสการเรียนรู้นอกห้องเรียน สำหรับเด็กกลุ่มเปราะบางและเด็กทุกคน โดยโครงการดังกล่าวมีส่วนสำคัญในการช่วยให้เด็กได้เปิดกว้างทางความคิด สอนให้รู้จักตนเองและสังคมรอบตัว พร้อมพัฒนาต่อยอดสู่การศึกษาในห้องเรียนและการใช้ชีวิตในโลกภายนอก สอดรับกับการดำเนินนโยบาย ESG ของบริษัทฯ ด้านมิติทางสังคม ที่มุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาศักยภาพให้กับอนาคตของชาติ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้าต่อไปในระยะยาว  

26 May 2025

...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมสนับสนุนกิจกรรมการปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูต้นน้ำน่าน ประจำปี 2568 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และภาคอุตสาหกรรมประกันภัย โดยนายอลงกรณ์ กาศทิพย์ (ซ้าย) ผู้จัดการภาคเหนือ ธุรกิจสาขา เป็นผู้แทนบริษัทฯ มอบเงินบริจาคจำนวน 130,000 บาท ให้แก่นางสาววรางคณา รัตนรัตน์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการ รีคอฟ ประเทศไทย เพื่อร่วมการปลูกและอุปถัมภ์ต้นไม้ในกิจกรรมการปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูต้นน้ำน่าน ประจำปี 2568 จำนวน 1,000 ต้น ซึ่งดำเนินการภายใต้โครงการต้นไม้ของเรา (Trees4All) ของศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชนแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Regional Training Center for Community Forest Asia and Pacific- RECOFTC) ณ ลานข่วงเมืองน่าน อำเภอเมือง จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 

26 May 2025

...

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางศรัณยา เทียนถาวร (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล นางสาวชลิดา นครชัย (ที่ 10 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด และ นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 6 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ พร้อมคณะผู้บริหาร ให้เกียรติต้อนรับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายภิมุข สิมะโรจน์ (ที่ 9 จากขวา) เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.เกศี จันทราประภาวัฒน์ (ที่ 10 จากขวา) ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนางพรพัน วัฒนสินธุ์ ผู้อำนวยการเขตบางรัก พร้อมคณะ ในงานเปิดตัว “AIA x BKK Food Bank” โครงการความร่วมมือระหว่างเอไอเอ ประเทศไทย  และ กรุงเทพมหานคร ร่วมด้วยเขตบางรัก เพื่อแบ่งปันและแจกจ่ายอาหารแห้งและของใช้จำเป็นให้แก่กลุ่มผู้เปราะบาง โดยตั้งจุดรับบริจาคผ่านรถ Goodie Foodie Truck ณ อาคารเอไอเอ สำนักงานใหญ่ เขตบางรัก ด้วยเป้าหมายในการช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ และลดปริมาณขยะอาหารที่ก่อให้เกิดมลภาวะอันเป็นสาเหตุของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน ESG ของเอไอเอ ซึ่งโครงการ AIA x BKK Food Bank นับเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจ AIA One Billion ที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนในเอเชียแปซิฟิกมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา 'Healthier, Longer, Better Lives'     ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมต่อยอดและเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ลดปัญหาอาหารล้นซึ่งอาจกลายเป็นขยะ ในขณะเดียวกันยังต้องการมีส่วนช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสให้สามารถเข้าถึงสิ่งดำรงชีพขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวัน เพื่อส่งเสริมและสร้างสังคมที่ยั่งยืน โดยตลอดทั้งปีนี้ เอไอเอ ได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์และสร้างการตระหนักรู้เรื่องการลดปัญหาขยะอาหารอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการ “AIA Food Fighters” เชิญชวนให้พนักงานเอไอเอร่วมแบ่งปันอาหารที่รับประทานไม่หมดให้เพื่อนพนักงานด้วยกัน และล่าสุดกับแคมเปญ “Yellow Label I Love” ด้วยความร่วมมือจากร้านอาหารและแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 แห่ง มอบความอร่อยจากสินค้าป้ายเหลืองในราคาคุ้มค่า ให้ทุกคนสามารถร่วมช่วยกันรักษ์โลกได้แบบง่าย ๆ และมีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยให้เป็นสังคมน่าอยู่อีกด้วย    

20 May 2025

...

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  รับมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ “TPQI Award” ประเภท สถานประกอบการ จาก สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) หรือ สคช. ที่มอบให้กับองค์กรที่มีความโดดเด่นในการดำเนินงานด้านส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการนำระบบคุณวุฒิวิชาชีพไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และเป็นที่ยอมรับ   โดยมี นางสาวพิมพ์พร ชีวานันท์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา เป็นประธานและมอบรางวัล และนางสาวจุลลดา มีจุล ผู้อำนวยการ สคช. กล่าวถึงวัตถุประสงค์การมอบรางวัล ทั้งนี้  SME D Bank มีความโดดเด่นจากบทบาทของการเป็นสถาบันการเงินที่ให้ความสำคัญและดำเนินโครงการหรือกิจกรรมด้านการพัฒนายกระดับและสร้างมาตรฐานให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะรายเล็กมาอย่างต่อเนื่อง  ช่วยให้มีศักยภาพสูงขึ้น สามารถดำเนินธุรกิจอย่างมืออาชีพ ช่วยสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน  ควบคู่กับช่วยเติมทุนต่อยอดการประกอบกิจการ ผ่านผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เข้าใจผู้ประกอบการ อย่างสินเชื่อ "ปลุกพลัง SME"   ที่พร้อมมอบโอกาสให้ผู้ประกอบการรายเล็กเข้าถึงแหล่งทุน  อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3%ต่อปี โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน จัด ณ Hall 9-10 อาคาร Impact Exhibition เมืองทองธานี วันที่ 16 พฤษภาคม  2568  

18 May 2025

...

บริษัท มิตรแท้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยคุณภูดิท พุ่มสุวรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กร พร้อมด้วยคุณณิชพัณณ์ อุปนันท์ ผู้อำนวยการ ทีม MT5 และคุณวรรธน์ ศรีซ้าย ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ทีม MT5 ฝ่ายขยายงาน เข้าร่วม กิจกรรมปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูต้นน้ำน่าน ประจำปี 2568 ณ จังหวัดน่าน เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสําคัญในการอนุรักษ์ทรัพยากรปาไม้ เพื่อช่วยลดผลกระทบและความเสี่ยงภัยที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย โดยได้รับเกียรติจากคุณชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. เป็นประธานในพิธี และคุณวิไลวรรณ บุดาสา รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ให้การต้อนรับ   โดยภาคอุตสาหกรรมประกันภัยได้ร่วมสนับสนุนการปลูกป่าฟื้นฟูต้นน้ำน่าน กว่า 20,000 ต้น รวมมูลค่ากว่า 2,600,000 บาท โดยผ่านการดำเนินงานของศูนย์อบรมวนศาสตร์ชุมชนแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Regional Training Center for Community Forest Asia and Pacific - RECOFTC) ภายใต้โครงการต้นไม้ของเรา “Trees 4 ALL” ซึ่งเป็นโครงการอุปถัมภ์ต้นไม้ตั้งแต่การปลูก ติดตามการอยู่รอด รวมถึงการเจริญเติบโตของต้นไม้โดยเกษตรกรในพื้นที่   ในโอกาสนี้ มิตรแท้ประกันภัยได้มอบเงินสนับสนุนโครงการจำนวน 101,400 บาท เพื่ออุปถัมภ์ต้นไม้ 780 ต้น เนื่องในโอกาสครบรอบ 78 ปีของบริษัท โดยมีคุณวรางคณา รัตนรัตน์ ผู้อำนวยการ รีคอฟ ประเทศไทย (RECOFTC Thailand) เป็นผู้รับมอบ นอกจากนี้ มิตรแท้ประกันภัยได้ร่วมลงพื้นที่เยี่ยมชมเรือนเพาะชำบ้านศรีบุญเรือง ณ อำเภอสันติสุข จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นแหล่งขยายกล้าไม้ในโครงการ และดูแลต้นไม้ที่ปลูกไว้ในโครงการอย่างต่อเนื่อง  โดยมี ดร.ชญานิน เกิดผลงาม รองเลขาธิการด้านกลยุทธ์และเทคโนโลยี สำนักงาน คปภ. เป็นประธานในการเยี่ยมชม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารสำนักงาน คปภ. และผู้แทนจากภาคอุตสาหกรรมประกันภัย     มิตรแท้ประกันภัยยึดมั่นในบทบาทของภาคเอกชนที่ร่วมขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ภายใต้กรอบ ESG (Environmental, Social and Governance) และมาตรการเชิงป้องกัน (Prevention) ของอุตสาหกรรมประกันภัย เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการเตรียมความพร้อมด้านประกันภัยต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัยธรรมชาติในระยะยาว สอดคล้องกับนโยบายด้าน CSR ของบริษัทที่มิติของการส่งเสริมการอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยกิจกรรมจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13-14 พฤษภาคม 2568 ณ จังหวัดน่าน    

18 May 2025

BUSINESS-MARKETING-SME /ธุรกิจ-การตลาด-ขายตรง-เอสเอ็มอี

...

SME D Bank เผยผลตรวจสุขภาพธุรกิจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านระบบ Business Health Check ในแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   พบจุดอ่อนสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านบริหารการเงิน  ด้านจัดการนวัตกรรม-เทคโนโลยี และด้านการตลาด  ประกาศเดินหน้าช่วย “เติมความรู้คู่เงินทุน” เสริมศักยภาพให้เข้มแข็ง ปิดจุดอ่อน สามารถก้าวผ่านอุปสรรคได้ในทุกสถานการณ์   นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากที่ SME D Bank มีบริการ “ตรวจสุขภาพทางธุรกิจ” หรือ “Business Health Check”  แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th)  เพื่อให้รับรู้ข้อมูลและเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนในกิจการตัวเอง ก่อนนำไปสู่การเติมทักษะ ปิดจุดอ่อน เสริมจุดแข็งได้ตรงกับความต้องการของแต่ละกิจการ  ทั้งนี้  ระยะเวลาประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้ารับบริการตรวจสุขภาพทางธุรกิจ รวมกว่า 9,200 กิจการ  พบทักษะ 3 ด้านที่เป็นจุดอ่อนสำคัญ ได้แก่  อันดับ 1  ด้านการบริหารจัดการเงิน  ระดับคะแนนประเมินผลอยู่ที่ 1.8 จากคะแนนเต็ม 5 ตามด้วย อันดับ 2  ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี (2.6 คะแนน) และอันดับ 3 ด้านการสื่อสารการตลาด (3.6 คะแนน) โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในทุกขนาดธุรกิจ ล้วนมีจุดอ่อนใน 3 ด้านนี้เหมือนกัน แตกต่างกันในรายละเอียดและความซับซ้อนในทักษะที่ต้องพัฒนา   สำหรับด้านการบริหารจัดการเงิน กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (Micro) มีคะแนนต่ำที่สุด ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญของการทำบัญชี ไม่แยกเงินส่วนตัวกับธุรกิจ ไม่เข้าใจหลักการบัญชีเบื้องต้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการคำนวณกำไรขาดทุน รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งทุน  ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (Small) มีการบันทึกข้อมูลทางการเงิน แต่ขาดเครื่องมือหรือการลงทุนในระบบบัญชีที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงขาดการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อวางแผนระยะยาว ขณะที่ ผู้ประกอบการขนาดกลาง (Medium) ต้องการทักษะการวิเคราะห์ทางการเงินที่ซับซ้อนขึ้น และในหลายกิจการขาดการบูรณาการข้อมูล ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ผู้ประกอบการรายย่อย ไม่รู้ว่ามีเทคโนโลยีอะไรที่ช่วยธุรกิจเล็กๆ ได้บ้าง และยังไม่สามารถเชื่อมโยงการใช้เทคโนโลยีด้านการตลาดได้อย่างเต็มศักยภาพ ส่วนผู้ประกอบการขนาดเล็ก ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมรูปแบบใดเหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง และไม่มีแผนหรือนโยบายที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของธุรกิจ รวมถึงไม่กล้ารับความเสี่ยงที่จะล้มเหลวจากการลงทุนในนวัตกรรม  สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง ไม่สามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมนวัตกรรมได้อย่างแท้จริง ด้านการสื่อสารการตลาด ผู้ประกอบการรายย่อย  ขาดทักษะในการใช้ Social Media ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับการตลาด รวมถึงไม่เข้าใจการตลาดพื้นฐาน ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก  ขาดทักษะในการใช้เครื่องมือและการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด ไม่รู้วิธีวัดผลลัพธ์จากการทำการตลาด ทำให้กระทบต่อการวางแผนการตลาดอย่างเป็นระบบ ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลาง ขาดการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดเชิงลึกและการบูรณาการข้อมูลจากทุกช่องทาง ทั้งนี้ ผลการตรวจสุขภาพทางธุรกิจ พบว่า ในภาพรวม ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยมีทักษะที่เข้มแข็ง  2 ด้าน ได้แก่ การบริหารประสิทธิภาพการผลิตหรือบริการ และการบริหารจัดการองค์กร ซึ่งเป็นศักยภาพที่ควรเสริมให้แกร่งขึ้นในยุคที่ความไม่แน่นอนสูง การบริหารจัดการต้นทุนทำได้ยากขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการประสิทธิภาพตามแนวทางธุรกิจสีเขียว เพื่อให้กำไรสูงสุดภายใต้เงื่อนไขการปล่อยคาร์บอนต่ำสุด   นายพิชิต กล่าวต่อว่า  จากที่เห็นจุดอ่อนสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย  SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐเดินหน้ายกระดับพัฒนาศักยภาพให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ผ่านบริการ “เติมความรู้คู่เงินทุน” ช่วยเสริมศักยภาพในหลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ปิดจุดอ่อนใน 3 ด้านดังกล่าว สำหรับด้านการพัฒนาผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน จัดโครงการพัฒนาทั้งออนไซต์ควบคู่ออนไลน์ เช่น โครงการ “ทุนก็มี ภาษีก็รู้ ก้าวสู่ความยั่งยืน” จับมือกรมสรรพากร   ให้ความรู้ด้านการเงิน ในรูปแบบ One Stop Service ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โครงการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยี โครงการสนับสนุนด้านการตลาด เช่น สอนการสร้างคอนเทนต์ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ กิจการ SME D Market รวมถึง Business Matching ช่วยเพิ่มรายได้ขยายตลาด เป็นต้น อีกทั้ง มีบริการแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจครบวงจร ใช้บริการได้สะดวกสบาย ตลอด 24 ชม. เช่น  E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้เพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจ ทั้งการบริหารจัดการธุรกิจ นวัตกรรม เทคโนโลยี มาตรฐาน การตลาด การเงิน และเตรียมพร้อมเข้าถึงแหล่งเงินทุน  , SME D Coach ที่ปรึกษาและให้คำแนะนำธุรกิจจากโค้ชมืออาชีพ  , E-marketplace ช่วยขยายช่องทางขยายตลาด และเชื่อมโยงจับคู่ธุรกิจ และ Privilege สิทธิประโยชน์เพื่อยกระดับธุรกิจ เป็นต้น ควบคู่กับให้บริการด้านการเงิน ช่วยให้มีสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อลงทุน ปรับปรุง ขยายกิจการ  หมุนเวียน หรือลดต้นทุนทางการเงิน เป็นต้น  จุดเด่นอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3%ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน  ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถแจ้งความประสงค์ใช้บริการด้านการพัฒนาและการเงินได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น  แพลตฟอร์ม DX by SME D Bank , LINE Official Account : SME Development Bank และเว็บไซต์ www.smebank.co.th  เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357   

24 May 2025


...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เดินหน้าสร้างโอกาสเพิ่มรายได้ขยายตลาดให้แก่ลูกค้าธนาคาร โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Special Mention : SM) และผู้ประกอบการกลุ่มเปราะบางจากหน่วยงานพันธมิตร   รวมถึง ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดจับจ่ายใช้สอย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง  โดยจัดโครงการ  “SME D Market” เปิดพื้นที่บริเวณชั้น 1  สำนักงานใหญ่ SME D Bank อาคาร SME Bank Tower ให้ผู้ประกอบการมาออกบูธจำหน่ายสินค้าเป็นประจำทุก 2 เดือน ครั้งละ 2 วัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยครั้งนี้ กำหนดจัดในวันที่ 24-25 เมษายน 2568  นี้  เวลา 8.00-16.00 น.  ยกทัพผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 50 ราย   มาออกบูธพร้อมมอบโปรโมชันรับหน้าร้อนให้ช้อป ชิมอย่างจุใจ  ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องใช้ และเครื่องประดับ  เช่น “ดองบัง” แซลมอนดองซีอิ๊วเกาหลี  , ข้าวมันไก่  “โกป๊อก , โคขุน “จ้าวอาม” เจ้าดังบางขุนนนท์ , น้ำมะพร้าวปั่นนมสด “Coco Layer”  และ ยาสีฟัน “DentaMate” เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357   

23 Apr 2025

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เดินหน้าให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ด้วยการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อใช้ในการฟื้นฟูกิจการที่ได้รับความเสียหายให้สามารถประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อได้ โดยสามารถยื่นขอสินเชื่อดังกล่าวได้ที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทุกสาขา ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2568 – 30 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่าวงเงินโครงการจะหมด   นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารกรุงศรี ตระหนักถึงความเดือดร้อนและความเสียหายของผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เราขอส่งกำลังใจไปยังทุกท่าน และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการ SME ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ โดยนอกเหนือจากมาตรการช่วยเหลือที่ทางธนาคารกรุงศรีได้นำเสนอให้กับลูกค้าสินเชื่อ SME ของธนาคารไปแล้วก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดค่างวดหรือพักเงินต้นสูงสุด 6 เดือน กรุงศรียังพร้อมสนับสนุนสินเชื่อ SME เพื่อผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางการช่วยเหลือเพิ่มเติมสำหรับ SME ทุกกลุ่ม ทุกขนาด ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติแผ่นดินไหว เพื่อใช้ในการปรับปรุงซ่อมแซมร้านค้าหรือสถานประกอบการ หรือในกรณีที่มีทรัพย์สินที่ใช้ในการประกอบกิจการเสียหาย และต้องการซื้อทรัพย์สินทดแทน รวมทั้งเป็นเงินทุนเพื่อสนับสนุนให้กิจการสามารถกลับมาดำเนินงานต่อได้โดยเร็วที่สุด” สินเชื่อ SME เพื่อผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว เป็นการสนับสนุนเงินทุนให้กับทั้งลูกค้าสินเชื่อ SME ของธนาคารกรุงศรี และลูกค้าใหม่ ในรูปแบบของวงเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 10 ปี วงเงินสูงสุดไม่เกิน 40 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ เริ่มต้น 3.5% ต่อปี นาน 24 เดือน โดยมีหลักทรัพย์เป็นประกันสินเชื่อ “กรุงศรีพร้อมเป็นแรงสนับสนุนให้ทุกธุรกิจสามารถฟื้นตัวและเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง เราเชื่อมั่นในพลังของผู้ประกอบการไทย และพร้อมอยู่เคียงข้างในทุกย่างก้าว เพื่อช่วยให้ทุกธุรกิจสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ไปได้” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สินเชื่อ SME เพื่อผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว (ลูกค้าสินเชื่อของธนาคารกรุงศรีและลูกค้าใหม่) สามารถติดต่อสอบถามข้อมูล หรือแจ้งความประสงค์ได้ที่ผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าของธนาคาร หรือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา หรือศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจกรุงศรี โทร.02-626-2626 และสำหรับลูกค้าของธนาคารกรุงศรีและบริษัในเครือ ที่ต้องการขอรับความช่วยเหลือผ่านมาตรการช่วยเหลืออื่น ๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/about-krungsri/about-us/overview/announce/earthquake-mar2025  

17 Apr 2025

...

นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า เคทีซีได้ติดตามผลกระทบจากสถานการณ์การเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 และยังไม่เห็นสัญญาณการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวของสมาชิกลดลง เนื่องจากสมาชิกได้วางแผนการเดินทางท่องเที่ยวล่วงหน้า เช่น การจองโรงแรมที่พัก หรือการจองตั๋วเครื่องบินไว้ก่อนเกิดเหตุแล้ว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่11 เมษายน 2568 - 17 เมษายน 2568 เส้นทางท่องเที่ยวในประเทศที่สมาชิกเลือกเดินทางมากที่สุด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี เนื่องจากเดินทางสะดวก มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย  จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดภูเก็ต ตามลำดับ สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวยอดนิยมในต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศจีน ตามลำดับ โดยประเทศจีนเป็นเส้นทางที่ยอดการใช้จ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% รับอานิสงส์ของนโยบายฟรีวีซ่า   เคทีซียังเผยถึงตัวเลขยอดการใช่จ่ายผ่านบัตรเครดิตช่วงไตรมาส 1 (มกราคม – มีนาคม 2568) เติบโตต่อเนื่องจากปี 2567 โดยหมวดที่มีการใช้จ่ายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หมวดประกัน หมวดท่องเที่ยว และหมวดสถานีบริการน้ำมัน มั่นใจยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปีนี้ยังขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10% สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ  หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

16 Apr 2025

...

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดตัวหนังสั้นชุดใหม่ “ทางเลือก” ถ่ายทอดเรื่องราวสุดเข้มข้น ที่จะมาสะท้อนชีวิต และบีบหัวใจของคนที่กำลังประสบปัญหาหนี้สิน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่คนไทยกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และยังสื่อให้เห็นว่า ชีวิตมีทางเลือกเสมอ ขอแค่กล้าที่จะเลือก โดยหนังสั้นเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุกถึงพฤติกรรมการใช้เงินของคนไทยให้ตระหนักถึงปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัว (Over-indebtedness) ซึ่งส่วนหนึ่งส่งผลมาจากพฤติกรรมการบริโภคเกินความจำเป็น ซื้อมากเกินพอดี (Overconsumption) และอยากเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ปลุกพลังให้ทุกคนที่กำลังประสบปัญหาภาระหนี้สิน กล้าที่จะเผชิญหน้า กล้าที่จะตัด เพื่อให้หลุดพ้นจากปัญหาเหล่านั้น โดยหนังสั้นชุด “ทางเลือก” กำกับโดย ต่อ ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาชื่อดัง ซึ่งถือเป็นอีกครั้งที่แบรนด์เงินติดล้อได้ตอกย้ำแนวคิด และเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจของแบรนด์ในการเป็นองค์กรแห่งการสร้างโอกาสทางการเงิน ที่พร้อมเดินเคียงข้างและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น สำหรับผู้สนใจสามารถรับชมหนังโฆษณาชุด “ทางเลือก” ได้ที่ YouTube เงินติดล้อ และ Facebook Fanpage เงินติดล้อ     ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บมจ.เงินติดล้อ ดำเนินธุรกิจด้วยเจตนารมณ์ในการสร้างโอกาสทางการเงินที่เป็นธรรม โปร่งใส และเป็นที่พึ่งด้านการเงินให้กับกลุ่มผู้ใช้สินเชื่อรายย่อย เปรียบเสมือนเป็นป้อมปราการด่านสุดท้ายด้านการเงินให้กับคนไทย ลดการพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบ ภายใต้สโลแกน “ชีวิตหมุนต่อได้” เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางด้านการเงินให้แก่ลูกค้า เงินติดล้อยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่สะท้อนเจตนารมณ์ของแบรนด์มาโดยตลอด ผ่านหนังโฆษณาที่มีเอกลักษณ์ ชัดเจน จริงใจ และตรงไปตรงมา ในแบบฉบับเงินติดล้อ เช่น “เราไม่อยากให้คุณกลับมาหาเราอีก” วลีเด็ดจากหนังโฆษณาชุด “ชีวิตใหม่” ที่เตือนสติให้ผู้ขอสินเชื่อคิดให้ดี และนำเงินที่กู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้และมีชีวิตที่มั่นคง หรือหนังโฆษณาเรียกน้ำตาภายใต้แนวคิด “ชีวิตที่น่าจดจำคือชีวิตที่ทำเพื่อคนอื่น” ซึ่งสร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงที่จะมาสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกอาชีพ สะท้อนถึงการยึดมั่นและชี้ให้เห็นถึงความหมายของสิ่งที่กำลังทำอยู่ว่า ทำไปเพื่ออะไร และทำเพื่อใคร ตามมาด้วยแคมเปญ “หนี้หรือความสุข” ประกอบด้วยหนังสือ “25 วิธีคิดทำให้ชีวิตชิบหาย (25 วิธีคิดให้ชีวิตสบาย)” และ หนังโฆษณา “หนี้นรก” ที่เสียดสีสังคมไทย และเตือนสติให้ผู้คนใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง คิดให้ดีก่อนเป็นหนี้ เพราะความสุข ไม่ควรทำให้ใครต้องเป็นหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่จำเป็นที่มาจากการใช้จ่ายเกินตัว หรือหนี้ที่มาจากความสุขชั่ววูบจากการได้ทำตามกระแสสังคม พร้อมแฝงแนวคิดในการใช้ชีวิตเพื่อความมั่นคงในระยะยาว ทั้งหมดนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเน้นย้ำเจตนารมณ์ของแบรนด์ ที่อยากกระตุกให้สังคมไทยตระหนักถึงปัญหาภาระหนี้สินเกินตัวผ่านการสื่อสารมาอย่างต่อเนื่อง และเราจะไม่หยุดพัฒนาเพื่อส่งสารความตั้งใจจริงของแบรนด์ที่อยากยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ “ชีวิตที่หมุนต่อได้” อย่างแท้จริง สามารถรับชมหนังโฆษณาเรื่องอื่นๆ ที่สะท้อนถึงเจตนารมณ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนของเงินติดล้อ: ปี 2559 หนังโฆษณาชุด “ชีวิตใหม่” ที่เน้นย้ำเจตนารมณ์ของเงินติดล้อในการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนด้วยการเข้าถึงบริการทางการเงินที่โปร่งใส ผ่านประโยคกระแทกใจ “เราไม่อยากให้คุณกลับมาหาเราอีก” ให้กำลังใจกลุ่มลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ เพื่อค้นหาตัวเอง และมุ่งมั่นสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างอาชีพ สร้างอนาคตของตัวเอง เพื่อให้ชีวิตเป็นอิสระด้านการเงิน สามารถรับชมได้ที่ https://youtu.be/Zs0QUQ21m2g?si=z7mFPeniHLRM34bH ปี 2561 หนังโฆษณาชุด “ลุงสามล้อ” มีเนื้อหาที่สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกอาชีพ ภายใต้แนวคิด “ชีวิตที่น่าจดจำคือชีวิตที่ทำเพื่อคนอื่น” สะท้อนถึงคุณค่าของการยึดมั่นและความหมายของสิ่งที่กำลังทำอยู่ว่า ทำไปเพื่ออะไร และเพื่อใคร สามารถรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=K8SHxC5tenw  ปี 2562 หนังโฆษณาชุด “หนี้นรก” ที่เตือนสติผู้คนให้คิดให้ดีก่อนเป็นหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่จำเป็น สะท้อนภาพสังคมในยุคปัจจุบันที่ตกเป็นทาสกิเลส ความอยากได้อยากมีตามกระแสสังคม โดยเล่าเรื่องราวแบบเสียดสีความเป็นจริงตามสไตล์เงินติดล้อ สามารถรับชมได้ที่ https://youtu.be/VuGMusoE5tU?si=Q_fgIHfVdMqRLQ49 ปี 2565 หนังโฆษณาชุด “แสงสว่าง” มีเนื้อหาให้กำลังใจผู้ที่กำลังต่อสู้กับทุกปัญหาที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต พร้อมแง่คิด “ถ้าใจไม่มืด โลกก็ยังมีแสงสว่างให้เราเสมอ” สามารถรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=d9c-_ZURfhw ปี 2565 หนังโฆษณาชุด “คำสัญญา” ถ่ายทอดเรื่องราวของคนสู้ชีวิตที่กำลังต่อสู้ ทุ่มเท ไขว่คว้าตามความฝันที่ตั้งใจ ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญของความสุขที่อยู่รอบตัว พร้อมทั้งตั้งคำถาม “อะไรคือความสุขที่แท้จริงในชีวิตคุณ” สามารถรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=fHbAVAlJBDE เยี่ยมชมข้อมูลเงินติดล้อเพิ่มเติมได้ที่ www.tidlor.com และ Facebook Fanpage เงินติดล้อ หรือ Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 088-088-0880 ตลอด 24 ชม.

08 Apr 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินประสบความสำเร็จจากการเดินหน้ายกระดับผู้ประกอบการ SME ไทย ผ่านโครงการ Positive Engagement Program  “SME Gear Up ติดปีกธุรกิจด้วย ESG”  ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อสนับสนุนและเตรียมความพร้อมให้ SME เปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยกรอบแนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์ด้าน ESG ที่เป็นเทรนด์ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ทั้งนี้จากการเวิร์กชอปและให้ความรู้โดยทีมผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ตลอดระยะเวลา 1 เดือนของโครงการฯ ผู้ประกอบการ SME ที่เข้ารอบทั้ง 9 บริษัท สามารถนำเสนอไอเดียรอบสุดท้ายได้อย่างโดดเด่น พร้อมนำไปขยายผลธุรกิจของตัวเองต่อไป โดยถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งภายใต้บทบาทธนาคารเพื่อสังคม ในการขยายผลให้เกิด social impact มากขึ้นและเห็นผลเป็นรูปธรรม สำหรับ 9 สุดยอดผู้ประกอบการ SME ที่มีความโดดเด่นที่สุดในแต่ละด้านตามแนวคิด ESG และได้รับเงินรางวัลมูลค่ารวม 660,000 บาท พร้อมโล่เกียรติคุณ ประกอบด้วย            รางวัลชนะเลิศ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment Track) ได้แก่ บริษัท แอคทีฟพลัส บลู จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตขนมไทยเกรดพรีเมียมเพื่อส่งออก โดดเด่นจากการบริหารจัดการของเสียเพื่อนำไปสู่ Zero Waste อย่างเป็นรูปธรรม รับเงินรางวัลมูลค่า 120,000 บาท   ด้านสังคม (Social Track) ได้แก่ บริษัท สยามเทคโนอุตสาหกรรม จำกัด ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์จากผ้าทราย และกระดาษทราย และงานเชื่อมชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ โดดเด่นจากการมีแผนการบริหารจัดการบุคลากรที่ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ตลอดจนการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง รับเงินรางวัลมูลค่า 120,000 บาท   ด้านธรรมาภิบาล (Governance Track) ได้แก่ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกน้ำมะพร้าวและน้ำผลไม้ครอบคลุม 7 ภูมิภาคทั่วโลก โดดเด่นจากการมีเป้าหมายและแผนการดำเนินงานด้านธรรมาภิบาลที่ชัดเจน ครอบคลุมทั้งด้านการบริหารธุรกิจ และการจัดการองค์กร รับเงินรางวัลมูลค่า 120,000 บาท   นอกจากนี้ยังมีการมอบรางวัลรองชนะเลิศและรางวัลชมเชย แก่ผู้ประกอบการ SME ที่มีศักยภาพโดดเด่นในการนำ ESG มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจ รวมอีก 6 รางวัลในโอกาสนี้ด้วย โดยมี นางสาววชิรา การสุทธิ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มยุทธศาสตร์และสื่อสารเพื่อความยั่งยืน และ นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลูกค้าธุรกิจและภาครัฐ ร่วมมอบรางวัล พร้อมด้วย นางสาววรางคณา ภัทรเสน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาความรู้ด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ นายธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้ง บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้   อนึ่ง กิจกรรม SME Gear Up ติดปีกธุรกิจด้วย ESG มีกระบวนการคัดเลือกผู้ประกอบการ SME จำนวนกว่า 30 บริษัท ในรอบแรก เพื่อเข้ารับการอบรมเชิงลึกผ่านกิจกรรม SME Onboarding ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ ESG ในมุมมองของธุรกิจ ตลอดจนกรณีศึกษาจากผู้ประกอบการต้นแบบ (Learn from the Lead)  และคัดเลือกผู้ประกอบการ SME จำนวน 9 บริษัท เข้าสู่รอบสุดท้ายในการนำเสนอไอเดียธุรกิจผ่านเครื่องมือ ESG Canvas เพื่อแสดงให้เห็นถึงการนำ ESG ไปปรับใช้กับแผนธุรกิจด้านความยั่งยืนได้อย่างโดดเด่นและเป็นรูปธรรม ครอบคลุมทั้ง 3 มิติตามแนวคิด ESG ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล

29 Mar 2025

...

  บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR นำโดย คุณปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง ร่วมนำทีมผู้นำชาวเงินติดล้อกว่า 450 คน ทั่วประเทศ เข้าร่วมงาน NTL OPEN BOX 2025 งานประชุมสุดยอดผู้นำประจำปี 2568 ภายใต้คอนเซปต์ “TIDLOR’s Journey of Possibilities: การเดินทางสู่ทุกความเป็นไปได้” ภายในงานได้บอกเล่าถึงเทคโนโลยีด้านการเงินและนายหน้าประกัน ที่ใช้เป็นพื้นฐานสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมาแม้เผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทิศทางการดำเนินธุรกิจและการเติบโตอย่างมีคุณภาพทั้งด้านสินเชื่อและนายหน้าประกัน การใช้ประโยชน์จาก Data และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อนำมาใช้ในการทำงานและพัฒนางานด้านต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม TIDLOR Culture Camp ที่มาเข้าร่วมงานนี้ด้วย เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้สัมผัสถึงประสบการณ์ที่ผสมผสานค่านิยมองค์กรและการดำเนินธุรกิจเข้าด้วยกันอย่างใกล้ชิด โดยโครงการ TIDLOR Culture Camp มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรของเงินติดล้อ ไปสู่องค์กรต่างๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรของตัวเองต่อไป ผู้สนใจออกแบบค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรผ่านเวิร์กช็อปที่สามารถนำไปใช้ได้จริง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ www.tidlor.com/academy หรือสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-792-1990 ทั้งนี้ ภายในงานยังเชิญชวนเหล่าผู้นำและพนักงานที่ร่วมลงทุนในหุ้น TIDLOR ทำการแลกหุ้น (Tender Offer) ในช่วงระหว่างวันที่ 10 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 16 เมษายน 2568 เวลา 9.00 น. – 16.00 น. (เฉพาะวันทำการ) เพื่อเป็นเจ้าของร่วม “Tidlor Holdings” และรับผลตอบแทนจากการดำเนินธุรกิจที่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีแข็งแกร่ง รองรับการเติบโตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน โดยสามารถติดตามขั้นตอนรายละเอียดการแลกหุ้น (Tender Offer) ได้ที่เว็บไซต์ www.tidlorinvestor.com/tidlorholdings

24 Mar 2025

ราชการ - รัฐวิสาหกิจ /ENERGY - พลังงาน

...

SME D Bank ขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงการคลัง จับมือหน่วยงานพันธมิตร ดำเนินโครงการ “พาแบงก์รัฐมาช่วยราษฎร์” ลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่เข้าถึงแหล่งทุน วงเงินกว่า 30,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3%ปีแรก ผ่อนนาน 10 ปี ควบคู่เสริมแกร่งธุรกิจ ปลุกพลังเศรษฐกิจไทย   นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  กล่าวว่า  จากนโยบายของนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่มอบแนวทางการทำงานให้สถาบันการเงินของรัฐภายใต้กำกับ จับมือกันลงพื้นที่ไปช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในท้องถิ่นต่าง ๆ ให้เข้าถึงการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยเฉพาะด้านการเงิน ซึ่งจะสร้างประโยชน์ เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ เงินทุนหมุนเวียนในท้องถิ่น ดังนั้น SME D Bank   ร่วมกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)  จัดโครงการ  “พาแบงก์รัฐมาช่วยราษฎร์” ณ จ.ขอนแก่น  เพื่อนำบริการจาก 3 หน่วยงานมาสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีถึงพื้นที่อย่างครบถ้วนในจุดเดียว      ในงานนี้ SME D Bank ได้นำสินเชื่อเพื่อเอสเอ็มอีไทย วงเงินรวมกว่า 30,000 ล้านบาท  ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจและทุกความต้องการของเอสเอ็มอีมาให้บริการ จุดเด่นอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3%ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน  ได้แก่  1.สินเชื่อ “SME Green Productivity” วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท  สนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีลงทุนติดตั้งเครื่องจักร ระบบ อุปกรณ์ เพื่อใช้พลังงานสะอาด ดีต่อธุรกิจและดีต่อโลก 2.สินเชื่อ "ปลุกพลัง SME"   วงเงินกู้ต่อรายสูงสุด 1.5 ล้านบาท สนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็กเข้าถึงแหล่งทุน และ 3.สินเชื่อ "Beyond ติดปีก SME"  วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท สนับสนุนให้เอสเอ็มอีเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ     นอกจากนั้น ยังให้บริการด้านการพัฒนาธุรกิจผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) สามารถใช้บริการได้สะดวกสบาย ตลอด 24 ชม. มีฟีเจอร์สำคัญ ๆ  เช่น Business Health Check ระบบตรวจประเมินสุขภาพธุรกิจ , E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้สำคัญ ช่วยเพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจ  , SME D Coach ที่ปรึกษาและให้คำแนะนำธุรกิจจากโค้ชมืออาชีพ และ Privilege สิทธิประโยชน์เพื่อยกระดับธุรกิจ เป็นต้น  นอกจากนั้น สนับสนุนด้านการตลาดผ่านกิจกรรมต่างๆ  เช่น พาออกบูธ และจับคู่ธุรกิจ เป็นต้น     ภายในงานได้รับเกียรติจาก  นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในพิธี และกล่าวปาฐกถาพิเศษ  อีกทั้ง มีการมอบป้ายสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจาก SME D Bank  รวมถึง  การออกบูธให้คำปรึกษา และแนะนำเข้าถึงแหล่งทุน  โดยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และใกล้เคียง  เข้าร่วม     ทั้งนี้ SME D Bank พร้อมหน่วยงานพันธมิตร จะดำเนินการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง  สามารถแจ้งความประสงค์เข้ารับบริการด้านการเงิน และการพัฒนาได้ ณ สาขา SME D Bank ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น LINE Official Account : SME Development Bank  และเว็บไซต์ www.smebank.co.th  เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357    

31 May 2025


...

  ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แจ้งเตือนลูกค้าหลังพบมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ากลุ่มแพลตฟอร์มออนไลน์ในการหารายได้พิเศษต่าง ๆ เพื่อชักจูงลูกค้าธนาคารให้เปิดบัญชีใหม่  โดยมีข้อความการเสนอผลตอบแทนที่สูง ซึ่งปัจจุบันพบว่าบัญชีเงินฝากลูกค้าบางรายเข้าข่ายถูกใช้ทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บัญชีม้า) ส่งผลให้  เกิดความเสียหายต่อลูกค้าเป็นจำนวนมาก จึงขอให้เกษตรกรลูกค้าและประชาชนทั่วไปอย่าหลงเชื่ออย่างเด็ดขาด รวมถึงไม่เปิด บัญชีธนาคารในนามตนเองให้บุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นเพื่อน คนรู้จักหรือบุคคลที่ไม่คุ้นเคย และระมัดระวังในการให้ข้อมูลส่วนตัว ในสื่อออนไลน์หรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ พร้อมทั้งไม่ให้เอกสารสำคัญ เช่น บัตรประชาชน สมุดบัญชีธนาคาร เพราะอาจถูกกลุ่ม มิจฉาชีพหลอกให้เปิดบัญชีม้าและนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางมิชอบจนทำให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งธนาคารจะดําเนินการ   รวบรวมข้อมูลและดำเนินการเอาผิดตามขั้นตอนทางกฎหมายกับผู้ที่แอบอ้างในลักษณะดังกล่าวต่อไป พร้อมกันนี้ ธ.ก.ส. ขอย้ำเตือนให้ลูกค้าเพิ่มความระมัดระวังในการติดต่อหรือทำธุรกรรมออนไลน์ เนื่องด้วยปัจจุบันมิจฉาชีพมีรูปแบบการหลอกลวงที่หลากหลาย หากไม่แน่ใจในข้อมูลที่ได้รับมา โปรดติดต่อธนาคารโดยตรง หรือสอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ BAAC ศูนย์รับแจ้งเหตุภัยทางการเงินจากมิจฉาชีพ Call Center : 02 555 0555 กด 111  ได้ตลอด 24 ชม. และติดตามข้อมูลและข่าวสารด้านผลิตภัณฑ์และบริการผ่านช่องทางการสื่อสารหลักของธนาคาร ได้แก่ เว็บไซต์www.baac.or.th Facebook Page “ธกส BAAC Thailand” LINE Official: @baacfamily และTikTok: baacthailand 

30 May 2025

...

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมด้วยนายยุวพล วัตถุ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. และนายโกเมนทร์ โคตรศรีวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย ระยะที่ 2 ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร โดยได้พบปะพูดคุยกับเกษตรกรลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการฯ เขตอำเภอพรรณานิคม และอำเภอวานรนิวาส   โดยปัจจุบันจังหวัดสกลนครมีเกษตรกรลูกค้าที่มีสิทธิ์เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย ระยะที่ 2 รวมทั้งสิ้น 47,710 ราย แจ้งความประสงค์เข้ามาตรการดังกล่าวแล้ว 45,289 ราย จากนั้นยังได้ติดตามขั้นตอนการดำเนินโครงการฟื้นฟูศักยภาพในการประกอบอาชีพ ภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” ซึ่งปัจจุบันดำเนินการฟื้นฟูศักยภาพเกษตรกรลูกค้าด้วยการส่งเสริมการปลูกพืชระยะสั้น พืชหลังนา สัตว์โตไวที่มีมูลค่าสูง การพัฒนาอาชีพเดิม โดยการเพิ่มผลผลิต ลดความสูญเสีย ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มมาตรฐานแล้วกว่า 1,300 ราย     พร้อมตั้งเป้าหมายแผนอบรมฟื้นฟูอาชีพให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ โดยมีเกษตรกรลูกค้ากว่า 2,000 ราย เข้าร่วมกิจกรรม ณ หอประชุมโรงเรียนพรรณาวุฒาจารย์ และหอประชุมอำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568    

02 May 2025

...

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายการทำงานให้แก่ผู้บริหารและทีมงานสาขานครปฐม และสาขาราชบุรี  โดยให้กำลังใจในการทำงาน และขอให้มุ่งมั่นสานต่อภารกิจการเป็นสถาบันการเงินของรัฐที่พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงบริการด้านการเงินผ่านโครงการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษจากรัฐบาล เพียง 3%ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ลดต้นทุนและยกระดับเพิ่มศักยภาพธุรกิจ สามารถเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมใหม่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับบริการด้านการพัฒนาผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) สนับสนุนให้กิจการเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ณ SME D Bank สาขานครปฐม และสาขาราชบุรี  เมื่อเร็ว ๆ  นี้    

18 Apr 2025

...

ธนาคารออมสิน ห่วงใยผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยได้ส่งมอบความช่วยเหลือเบื้องต้นในทันที เพื่อสนับสนุนภารกิจของโรงพยาบาลและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในจุดต่าง ๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ธนาคารขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความสูญเสีย และขอส่งแรงใจไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ โดยธนาคารพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการส่งมอบมาตรการทางการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ผ่าน 2 มาตรการหลัก คือ 1) มาตรการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ลูกค้าเดิม โดยให้พักชำระเงินต้นทั้งหมด และลดดอกเบี้ยเป็น 0% เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อธนาคารออมสิน 3 กลุ่ม ที่เดือดร้อนทรัพย์สินได้รับความเสียหาย หรือคุณภาพชีวิตและการดำเนินธุรกิจได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้แก่ ลูกค้าสินเชื่อธนาคารประชาชน ลูกค้าสินเชื่อเคหะที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาท และลูกค้าสินเชื่อ SME ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 10 ล้านบาท 2) มาตรการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูสำหรับบุคคลทั่วไป ธนาคารมอบสินเชื่อเงื่อนไขพิเศษ ได้แก่ 2.1 สินเชื่อฉุกเฉินผู้ประสบภัยพิบัติ วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท/ราย ระยะเวลาผ่อนชำระ 24 เดือน ปลอดชำระเงินงวด 3 เดือนแรก อัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับเดือนที่ 1 - 3 และเดือนที่ 4 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ย 0.60% ต่อเดือน 2.2 สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท/ราย ระยะเวลาผ่อนชำระ 10 ปี สำหรับลูกค้าใหม่ ส่วนลูกค้าปัจจุบันใช้ระยะเวลาผ่อนชำระตามสัญญาเดิม ปีที่ 1 คิดอัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับ 3 เดือนแรก และเดือนที่ 4 - 12 = 2% ปีที่ 2 = 2% ปีที่ 3 = MRR-3.35% ปีที่ 4 เป็นต้นไป = MRR-0.75% 2.3 สินเชื่อ SME ฟื้นฟูแผ่นดินไหว วงเงินกู้ไม่เกิน 40 ล้านบาท/ราย ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 10 ปี (ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 9 เดือน) คิดอัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 - 2 = 2.99% ปีที่ 3 - 4 = MLR/MOR-0.5% และปีที่ 5 เป็นต้นไป = MLR/MOR+0.5% ทั้งนี้ สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 10 ล้านบาท ธนาคารคิดอัตราดอกเบี้ย 3 เดือนแรก = 0% หลังจากนั้น เดือนที่ 4 - 24 = 2.99% ปีที่ 3 - 4 = MLR/MOR-0.5% และปีที่ 5 เป็นต้นไป = MLR/MOR+0.5% โดยลูกค้าและบุคคลทั่วไปสามารถติดต่อได้ที่สาขาธนาคารออมสินหรือสาขาที่มีบัญชีเงินกู้อยู่ เพื่อแจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนได้ตั้งแต่วันที่ 1-31 พฤษภาคม 2568 และยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันที่1 เมษายน – 30 กันยายน 2568 เงื่อนไขเป็นไปตามประกาศของธนาคาร หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหรือความช่วยเหลืออื่นใด โปรดติดต่อ GSB Contact Center โทร. 1115 และที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th       

01 Apr 2025

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ครั้งที่ 1/2568 และการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 ร่วมกับ ผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันการเงินของรัฐ ผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยที่ประชุมได้มีมติและเห็นชอบในประเด็นที่สำคัญ ได้แก่ มีมติเอกฉันท์เลือก นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ต่ออีกหนึ่งวาระ เป็นระยะเวลา 2 ปี (พ.ศ.2568-2570) ก่อนที่จะครบวาระในวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 พร้อมมีมติเลือก นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และนายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นรองประธานกรรมการสมาคมฯ ลำดับที่ 1 และลำดับที่ 2 เพื่อร่วมกันสานต่อยุทธศาสตร์ของสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาประเทศ ตลอดจนเป็นกลไกขับเคลื่อนฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายรัฐบาล   นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงานของสมาคม ปี 2567 ประกอบด้วย การกระตุ้นเศรษฐกิจและขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ การแก้ไขปัญหาหนี้สินของลูกหนี้อย่างยั่งยืน โดยดำเนินโครงการแก้ไขหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย และเข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย และ SMEs รวมถึงสนับสนุนการใช้ข้อมูลและระบบดิจิทัลเพื่อให้บริการทางการเงิน การให้ความร่วมมือกับภาคเอกชน และการพัฒนายกระดับการดำเนินงานของสมาคม เป็นต้น ณ ห้องประชุม ชั้น 24 อาคารทาวเวอร์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568  

13 Mar 2025

...

กบข. ร่วมรักษ์โลก งดผลิตใบแจ้งยอดเงินแบบกระดาษ และเปิดให้สมาชิกดาวน์โหลด e-Statement ประจำปี 2567 แล้ว พร้อมจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกขององค์กร สนับสนุน Net Zero ของประเทศ   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. เปิดให้สมาชิก 1.2 ล้านราย เข้าดาวน์โหลดใบแจ้งยอดเงินสมาชิก ประจำปี 2567 ในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Statement) แล้ว ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ดังนี้ 1. My GPF Application 2. My GPF Website และ 3. LINE กบข. @gpfcommunity เข้าผ่านสมาร์ตโฟน เพื่ออำนวยความสะดวกให้สมาชิกเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยนโยบายลดการใช้กระดาษอย่างจริงจังของ กบข. ส่งผลให้สามารถลดการใช้กระดาษได้กว่า 5 ล้านแผ่นต่อปี หรือประมาณ 25 ตัน มีส่วนช่วยลดการตัดต้นไม้กว่า 420 ต้น หรือเทียบเท่ากับช่วยประหยัดน้ำสะอาดได้ 7.86 แสนลิตร และไฟฟ้า 1.02 แสนกิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งจากการลดใช้กระดาษในครั้งนี้สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 52.6 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สะท้อนถึงความตั้งใจของ กบข. และสมาชิก ในการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม “กบข. ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกผ่านการเปลี่ยนมาใช้ e-Statement ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและมีส่วนช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน” นายทรงพล กล่าว   นอกจากนี้ ในปี 2568 กบข. ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานควบคู่กับการพัฒนาความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกเพื่อวัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) และดำเนินโครงการปรับปรุงระบบบริหารอาคารให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในปี 2567 กบข. ได้ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาระบบทำความเย็นและระบบสุขาภิบาลในอาคารสำนักงานที่บริหารเองทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ อาคารอับดุลราฮิม อาคารจีพีเอฟ วิทยุ และอาคารบางกอกซิตี้ ทาวเวอร์ ส่งผลให้สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถึงปีละ 3.29 แสนกิโลวัตต์-ชั่วโมง และลดการใช้น้ำได้ปีละ 11.25 ล้านลิตร เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 ด้านการลงทุน กบข. มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืน ตามแนวทางการเป็นนักลงทุนสถาบันที่มีความรับผิดชอบ (Principle for Responsible Investment) เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

18 Feb 2025

TECHNOLOGY-AUTO-PROPERTY

...

 บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด จัดประชุมผู้จำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2568 ภายใต้แนวคิด “Redefining Excellence with Reliability and Trust - ยกระดับความเป็นเลิศ สู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน” แถลงทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายสำคัญร่วมกับผู้จำหน่ายครอบคลุม 3 ทิศทางหลัก ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย การบริการ และการสร้างแบรนด์ ภายใต้แนวคิดสำคัญในการเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer-centric approach) ด้วยการผนึกความร่วมมือกับผู้จำหน่าย เพื่อยกระดับประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่ลูกค้าในทุกทัชพอยต์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าและเติบโตเคียงคู่กับสังคมไทย พร้อมยกระดับสู่ความเป็นเลิศแห่งยนตรกรรมอย่างยั่งยืน   นายโคจิ อิวานามิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวต้อนรับผู้จำหน่ายฯ รวมถึงถ่ายทอดความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนแบรนด์และผลิตภัณฑ์ฮอนด้าในประเทศไทย นายโคจิ อิวานามิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณผู้จำหน่ายทุกท่านสำหรับความร่วมมือและการสนับสนุนตลอดปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ฮอนด้า สามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญได้ สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้า ผ่านการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจในทุกทัชพอยต์ โดยมีผู้จำหน่ายและบุคลากรของผู้จำหน่ายที่เปรียบเสมือนตัวแทนของแบรนด์ที่จะส่งมอบการบริการที่ยอดเยี่ยมไปสู่ลูกค้า เพื่อมอบคุณค่าที่เข้าถึงและผูกพันกับลูกค้าของเราอย่างยั่งยืนต่อไป” ภายในงาน ฮอนด้า ได้ถ่ายทอดทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายสำคัญกับเครือข่ายผู้จำหน่าย เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการร่วมมือเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้า โดยผสานการต่อยอดพื้นฐานจุดแข็งปัจจุบันของฮอนด้า ทั้งด้านความเชื่อมั่นในแบรนด์ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ไลน์อัป e:HEV ที่โดดเด่น และด้านความพึงพอใจของลูกค้า สู่ทิศทางการดำเนินงาน 3 ด้านหลัก ครอบคลุมทั้งด้านผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย การบริการ และการสร้างแบรนด์ ดังนี้ ด้านผลิตภัณฑ์และการจำหน่าย เน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า ควบคู่ไปกับการส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจในทุกเส้นทาง นำโดยไลน์อัปฟูลไฮบริด e:HEV ซึ่งได้รับการยอมรับและพิสูจน์อย่างกว้างขวางถึงความโดดเด่นทั้งด้านสมรรถนะทรงพลัง อัตราเร่งทันใจ การขับขี่ที่นุ่มนวล และอัตราประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม โดยฮอนด้ามีแผนขยายไลน์อัป e:HEV ให้หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ให้ได้สัมผัสกับรถยนต์ไฮบริดจากฮอนด้าอย่างเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ของฮอนด้า ได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวล โดยปัจจุบัน ฮอนด้า มีความพร้อมในการให้บริการและดูแลลูกค้ารถยนต์ Honda e:N1 ทั้งด้านศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน อะไหล่ และช่างผู้เชี่ยวชาญ ผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศ สะท้อนรากฐานความพร้อมที่มั่นคงในการก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต เครือข่ายผู้จำหน่ายฮอนด้าฯ ทั่วประเทศ ร่วมตอกย้ำความพร้อมในการให้บริการ และดูแลลูกค้ารถยนต์ Honda e:N1 ให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ใช้รถยนต์ไฟฟ้า 100% ได้อย่างมั่นใจไร้กังวล 2. ด้านการบริการ ตั้งเป้าส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นเลิศเน้นลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญแห่งการบริการ โดยมุ่งดูแลลูกค้าปัจจุบันเพื่อความพึงพอใจสูงสุด พร้อมสร้างความรู้สึกภูมิใจในการเลือกใช้รถยนต์ฮอนด้า ด้วยการส่งมอบคุณค่าที่เหนือกว่าตลอดการเป็นเจ้าของในทุกทัชพอยต์ อาทิ การบริการหลังการขายที่สะดวกสบายยิ่งขึ้นผ่านประสบการณ์ในรูปแบบดิจิทัล การนำเสนอกิจกรรมสุดเอกซ์คลูซีฟให้เข้าร่วมตลอดปี รวมทั้งข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ มุ่งสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจในระยะยาว ด้วยจุดแข็งด้านเครือข่ายผู้จำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 222 แห่ง ที่พร้อมส่งมอบความประทับใจกับบริการหลังการขายภายใต้มาตรฐานเดียวกันโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าได้รับการบริการอย่างทั่วถึงและดีเยี่ยม และรู้สึกอุ่นใจที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวรถยนต์ฮอนด้า (Honda family) 3. ด้านการสร้างแบรนด์ ในปีนี้ ฮอนด้า ได้เริ่มสื่อสารแบรนด์ภายใต้แนวคิด “Where The Drive Means More ขับเคลื่อนชีวิตไปให้สุดในแบบที่เป็นคุณ” ที่ผสานการสะท้อนความมีรสนิยมและมีชีวิตชีวา เพื่อถ่ายทอดให้เห็นว่ารถยนต์ฮอนด้า เป็นมากกว่ายานพาหนะ เปรียบเสมือนเพื่อนคู่ใจที่วางใจได้ พร้อมเคียงข้างและขับเคลื่อนแรงบันดาลใจ เพื่อส่งมอบความสุขในทุกการเดินทางและทุกช่วงเวลาของชีวิต โดยจะโฟกัสการเสริมสร้างคุณค่าของแบรนด์ที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์ในชีวิตประจำวันของลูกค้าในทุกทัชพอยต์ ซึ่งการสื่อสารแบรนด์ดังกล่าว จะได้รับการถ่ายทอดผ่านกิจกรรมต่าง ๆ โดยผู้จำหน่ายจะร่วมเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงและส่งมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจไปยังลูกค้า ผ่านกิจกรรมสุดเอกซ์คลูซีฟตลอดปี    นายชุน คุโรดะ กรรมการและเจ้าหน้าที่บริหารสายงานขายและบริการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงรายละเอียดทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมายแก่ผู้จำหน่ายฯ   นอกจากการถ่ายทอดทิศทางการดำเนินธุรกิจและเป้าหมาย ภายในงานยังได้มีพิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้แก่ผู้จำหน่ายสำหรับผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาที่ร่วมขับเคลื่อนธุรกิจของฮอนด้า และมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้า ครอบคลุมทั้งรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี รวมถึงรางวัลด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านยอดขาย ด้านส่วนแบ่งการตลาด ด้านการบริการหลังการขาย และอื่น ๆ รวม 82 รางวัล   นายพรวุฒิ สารสิน (ที่ 6 จากซ้าย) ประธานคณะกรรมการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมมอบรางวัลผู้จำหน่ายยอดเยี่ยมประจำปี 2567   พิธีมอบรางวัลอันทรงเกียรติให้แก่ผู้จำหน่ายสำหรับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณที่ผ่านมา รวม 82 รางวัล   การจัดประชุมผู้จำหน่ายในครั้งนี้ นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างไม่หยุดนิ่ง ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้าไปอีกขั้น และสร้างความประทับใจตลอดการเป็นเจ้าของรถยนต์ฮอนด้า พร้อมเติบโตเคียงข้างคนไทยและสานต่อพันธกิจในการเป็นองค์กรที่สังคมต้องการให้ดำรงอยู่ตลอดไปอย่างยั่งยืน

26 May 2025


...

นายกฤษณพงศ์ กิจสนาพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM พร้อมผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ ร่วมงานมหกรรมการเงินกรุงเทพ ครั้งที่ 25 MONEY EXPO 2025 BANGKOK ระหว่างวันที่ 15 – 18 พฤษภาคมนี้ โดยได้รับเกียรติจาก นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง  นายสันติ วิริยะรังสฤษฎ์ และนางสาวภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วมในพิธีเปิดบูท SAM หมายเลข K6 อย่างเป็นทางการ ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 – 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี   ทั้งนี้ ภายในบูทลูกค้าจะได้พบกับทรัพย์มือสองหรือทรัพย์สินรอการขาย (NPA) เพื่อที่อยู่อาศัยและเพื่อการลงทุน ทำเลที่ดี ราคาพิเศษทั่วไทย กว่า 4,000 รายการ พร้อมโปรโมชันพิเศษ อาทิ  “SAM Flash Day” แจก Gift Voucher มูลค่าสูงสุด 100,000 บาท โปร “ฟรี! ค่าโอนคนละครึ่ง” ไม่เกิน 1% สำหรับทรัพย์ที่มีราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท และ “ฟรี! โอนไม่อั้น” ไม่เกิน 2% สำหรับทรัพย์ที่มีราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป และบริการสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากธนาคารชั้นนำ รวมถึงแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้ ของ SAM ได้แก่ มาตรการ “ปรับหนี้มีสุข ผ่อนดีมีลด”และ “SAM จูงใจ ชำระไวในเงื่อนไขสัญญายอม”  นอกจากนี้ ลูกค้าที่เป็นหนี้เสียประเภทบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ที่มีหนี้ค้างชำระมากกว่า 120 วัน สามารถปรึกษาและรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ พร้อมสมัครเข้าโครงการ “คลินิกแก้หนี้ by SAM” ได้อีกด้วย    

18 May 2025

...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดงาน “ประมูลขายบ้านมือสองออนไลน์ ประจำเดือนเมษายน 2568” เมื่อวันศุกร์ที่ 4 เมษายน 2568 ระหว่างเวลา 12.00 - 12.30 น. พร้อมกันทั่วประเทศ ผ่าน  Application : GHB ALL HOME โดยสามารถจำหน่ายบ้านมือสองได้จำนวน 96 รายการ มูลค่ารวม 121.45 ล้านบาท แบ่งเป็น ทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 27 รายการ มูลค่ารวม 35.97 ล้านบาท และในส่วนภูมิภาค จำนวน 69 รายการ มูลค่ารวม 85.48 ล้านบาท โดยรายการทรัพย์ที่ประมูลได้ในราคาต่ำที่สุดเพียง 117,000 บาท เป็นทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียม ขนาดเนื้อที่ 20.4 ตารางเมตร ในเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร และทรัพย์ที่ประมูลในราคาสูงสุด เป็นทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว ขนาดเนื้อที่ 63 ตารางวา ในเขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร โดยประมูลขายได้ในราคา 3,530,000 บาท พิเศษ! ผู้ชนะการประมูลสามารถใช้ “ผลิตภัณฑ์สินเชื่อสำหรับซื้อทรัพย์ NPA พร้อมขายของธนาคาร” โดยได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด นานสูงสุด 24 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด) และหากทำนิติกรรมและโอนกรรมสิทธิ์ ภายในวันที่ 2 มิถุนายน 2568 จะได้รับส่วนลด On top เพิ่ม 15% อีกด้วย   โดยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 กด 5 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ดูข้อมูลบ้านมือสอง ธอส. ได้ที่ www.ghbhomecenter.com และ  Application : GHB ALL HOME  

17 Apr 2025

...

บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA ส่งบริษัทย่อย “อมิตา” ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) ร่วมกับ บริษัท โตโยต้า แมททีเรียล แฮนด์ลิ่ง แวร์เฮ้าส์ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TMHWST เปิดตัวผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพสูง ภายใต้แบรนด์ TerraXell สำหรับรถฟอร์คลิฟต์ไฟฟ้า ยกระดับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด   นายฉัตรพล ศรีประทุม (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA ส่งบริษัทย่อย บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด   ลงนาม MOU กับ นายจามีกร เผือกสุวรรณ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้า แมททีเรียล แฮนด์ลิ่ง แวร์เฮ้าส์ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด (TMHWST) นายฉัตรพล ศรีประทุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ อมิตา ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ EA  ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) กับ บริษัท โตโยต้า แมททีเรียล แฮนด์ลิ่ง แวร์เฮ้าส์ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TMHWST เพื่อร่วมมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ (Business Partner) โดยอมิตาดำเนินการพัฒนาแบตเตอรี่ต้นแบบ (Battery Prototype) พร้อมกับการออกแบบ การประกอบ การทดสอบแบตเตอรี่และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการศึกษาด้านเครื่องชาร์จประจุไฟฟ้า (Battery Charger) และระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) สำหรับใช้งานกับรถฟอร์คลิฟต์ไฟฟ้า นำไปสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทดแทนการใช้แบตเตอรี่ตะกั่วกรดแบบดั้งเดิม TMHWST เป็นผู้พัฒนาตลาดสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ภายใต้แบรนด์ TerraXell เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และคลังสินค้าที่ต้องการเพิ่มผลิตภาพ ลดต้นทุนการใช้พลังงาน และเพิ่มความปลอดภัยในกระบวนการขนย้ายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีกำหนดส่งมอบลอตแรกกว่า 100 ลูก ภายในเดือนมีนาคม 2568 พร้อมจำหน่าย-ให้เช่า และบริการหลังการขาย ด้วยแนวคิด "Lithium-ion Battery: The Key to More Productive Operations”   แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนคุณภาพสูง แบรนด์ TerraXell สำหรับรถฟอร์คลิฟต์ไฟฟ้า   นายจามีกร เผือกสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้า แมททีเรียล แฮนด์ลิ่ง แวร์เฮ้าส์ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด (TMHWST) กล่าวว่า ปัจจุบัน พลังงานสะอาดไม่ได้เป็นเพียงทางเลือก แต่เป็นพันธกิจสำคัญที่บริษัทชั้นนำให้ความสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม TMHWST ในฐานะผู้นำด้านโซลูชันอินทราโลจิสติกส์และการจัดการคลังสินค้า ได้นำเสนอแบรนด์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน TerraXell เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความคุ้มค่าระยะยาว เสริมศักยภาพให้เครือข่ายธุรกิจเดินหน้าสู่อนาคตอย่างมั่นคง นายฉัตรพล ศรีประทุม กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำอย่าง บริษัท โตโยต้า แมททีเรียล แฮนด์ลิ่ง แวร์เฮ้าส์ โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ความร่วมมือครั้งนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพที่มีมาตรฐานระดับโลกของแบตเตอรี่ Amita ที่สามารถตอบโจทย์สำคัญในการขับเคลื่อนการใช้พลังงานสะอาดในอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ พร้อมความเป็นไปได้ในการรีไซเคิลแบตเตอรี่  และการเตรียมความพร้อมด้านคาร์บอนเครดิต”

28 Mar 2025

...

บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า SAM ได้คัดสรรทรัพย์มือสองหรือทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ในส่วนของทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยบนทำเลดีทั่วประเทศ พร้อมปรับลดราคาพิเศษ จำนวน 18 รายการ มูลค่ารวม 60 ลบ.ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ห้องชุดพักอาศัย อาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่า เพื่อให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลได้ในวันที่ 7 ม.ค. 2568 ทั้งนี้ ยังได้จัดโปรโมชัน “SAM ทรัพย์มือสองต้องบอกต่อ” เพียงแนะนำทรัพย์ SAM ให้กับเพื่อนหรือคนรู้จัก รับค่าแนะนำสูงสุดถึง 3 ล้านบาทต่อ 1 รายการ (เฉพาะทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข) และ SAM ยังร่วมกับธนาคารชั้นนำ ทั้งธนาคารกรุงเทพ ธนาคารยูโอบี ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (ttb) ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด ตัวอย่างทรัพย์เด่นราคาพิเศษ 1.ทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ เนื้อที่ 27.7 ตร.ว. โครงการบ้านธรรมชาติ ถ.เพชรเกษม (ทล.4) แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย ใกล้โรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า โรงพยาบาลบุญญาเวช ห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เพชรเกษม 1 ห้างเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เพชรเกษม และห้างโฮมโปร เพชรเกษม ราคาเริ่มต้น 3 ลบ. 2.อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น มีชั้นลอย เนื้อที่ 25.3 ตร.ว. ถ.ติวานนท์ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรม การคมนาคมสะดวก สาธารณูปโภคครบครัน ใกล้โรงเรียนพระหฤทัยนนทบุรี โรงเรียนอนุบาลปาลินา ติวานนท์ และห้างโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ศรีสมาน จากราคา 6.3 ลบ.  ปรับลดลงมาประมาณ 6.7% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 5.9 ลบ. 3.อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 3 ห้องนอน 2 นอน เนื้อที่ 39.6 ตร.ว. ถ.เทศบาลบำรุง ต.ท้ายช้าง อ.เมืองพังงา จ.พังงา ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรม ใกล้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพังงา สหกรณ์ออมทรัพย์ครูพังงา สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดพังงา จากราคา 4.78 ลบ. ปรับลดลงมาประมาณ 12% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 4.23 ลบ. 4.อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เนื้อที่ 24.3 ตร.ว. จากราคา 8.33 ลบ. ปรับลดลงมาประมาณ  9% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 7.64 ลบ. และอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เนื้อที่ 20 ตร.ว.  จากราคา 8.5 ลบ. ปรับลดลงมาประมาณ 7.8% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 7.88 ลบ. ทั้งสองทรัพย์ตั้งอยู่ในโครงการทรัพย์แสนล้าน ถ.ราชปาทานุสรณ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต  ใกล้สำนักงานเทศบาลเมืองป่าตอง โรงเรียนเทศบาลเมืองป่าตอง โรงพยาบาลป่าตอง สถานีตำรวจภูธรกระทู้  ห่างจากชายหาดป่าตองเพียง 2 กม. เท่านั้น การจัดประมูลครั้งนี้มีทรัพย์เด่นที่น่าสนใจในทำเลทั่วประเทศอีกหลายรายการ ผู้สนใจเข้าร่วมประมูล ลงทะเบียนและยื่นซองประมูล พร้อมเอกสารประกอบการประมูล ครั้งที่ 14 ภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2567 และ กำหนดเปิดซองประมูลวันที่ 7 ม.ค. 2568 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ที่สำนักงานใหญ่ SAM อาคารซันทาวเวอร์ส ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ  หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1443 / 02-686-1888 และดูรายละเอียดทรัพย์สินได้ทางเว็บไซต์ที่ www.sam.or.th  รวมทั้งช่องทางออนไลน์ที่หลากหลายและสะดวกรวดเร็ว โดยแอด ID Line @Samline ติดตาม Facebook Fanpage ทรัพย์มือสองต้อง SAM หรือ SAM NPA Channel บน YouTube เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารดี ๆ จาก SAM

26 Dec 2024

...

บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า SAM ได้จัดให้มีการประมูลครั้งที่ 13 ขึ้นในเดือน ธ.ค.นี้ และเดือน ม.ค. 2568 โดยนำทรัพย์มือสองหรือทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ทำเลดีทั่วประเทศ พร้อมปรับลดราคาพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและทรัพย์เพื่อการลงทุน อาทิ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ห้องชุดพักอาศัย อาคารพาณิชย์ ที่ดินเปล่า โรงงาน โกดัง ฯลฯ รวมทั้งสิ้น 55 รายการ มูลค่ารวม 297 ล้านบาท จัดประมูล 2 รอบ ในวันที่ 24 ธ.ค. 67 และ 7 ม.ค. 68       ทั้งนี้ ยังได้จัดโปรโมชัน “SAM ทรัพย์มือสองต้องบอกต่อ” เพียงแนะนำทรัพย์ SAM ให้กับเพื่อนหรือคนรู้จัก รับค่าแนะนำสูงสุดถึง 3 ล้านบาทต่อ 1 รายการ (เฉพาะทรัพย์ที่เข้าเงื่อนไข) และ SAM ยังร่วมกับธนาคารชั้นนำ ทั้งธนาคารกรุงเทพ ธนาคารยูโอบี ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต (ttb) ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยล่าสุด ธอส. จัดโปรโมชันพิเศษสุดสำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์ SAM และยื่นขอสินเชื่อภายใน 30 ธันวาคมนี้  รับ “สินเชื่อบ้าน ดอกเบี้ยต่ำ ฉลองครบรอบ 71 ปี ธอส. ” ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ 6 เดือนแรก เพียง 0.71% ผ่อนได้นานสูงสุด 40 ปี  เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด ตัวอย่างทรัพย์เด่นลดราคาพิเศษ 1.บ้านเดี่ยว 2 ชั้น 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ เนื้อที่ 104.4 ตร.ว. โครงการเพอร์เฟคเพลส ถ.รามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ การเดินทางสะดวกสบาย ด้วยถนนสายหลักทั้ง ถ.รามคำแหง ถ.กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ถ.กาญจนาภิเษก มอเตอร์เวย์ รถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีสัมมากร และห้างThe Paseo และ The Nine จากราคา 11.32 ลบ. ปรับลดลงมาประมาณ 18% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 9.66 ลบ. 2.บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 61.2 ตร.ว. โครงการคาซ่า เลเจ้นด์ ศรีราชา ถ.ศรีราชา-หนองค้อ (ทล.3241) ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยใกล้ศูนย์การค้าเจปาร์ค จากราคา 6.4 ลบ. ปรับลดลงมา 7% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 5.96 ลบ. 3.อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เนื้อที่ 1 ไร่ 281 ตร.ว.ถ.สืบสิริ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม การคมนาคมสะดวก สามารถ เข้า-ออกได้ทั้ง ถ.มิตรภาพ (ทล.2) และถ.สืบศิริ เป็นทรัพย์สินประกอบกิจการประเภทสถานบริการที่ต้องมีใบอนุญาตประกอบการ ลักษณะทรัพย์สินมีการแบ่งพื้นที่เป็นห้องพักสำหรับบริการ ห้องคาราโอเกะ ร้านอาหาร จากราคา 49.66 ลบ. ปรับลดลงมาประมาณ 7% เหลือราคาพิเศษเริ่มต้น 46.07 ลบ.  ตัวอย่างทรัพย์เด่นที่น่าสนใจ 1.อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น มีชั้นลอยและชั้นดาดฟ้า เนื้อที่ 30 ตร.ว. ถ.เจริญนคร แขวงคลองต้นไทร   เขตคลองสาน กรุงเทพฯ  ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรม การคมนาคมสะดวก ใกล้ห้าง ไอคอนสยาม วงเวียนใหญ่ วัดทองเพลง และรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีกรุงธนบุรี   เดินทางเข้าสู่ใจกลางสีลมและสาทร ด้วยระยะทางเพียง 5 กม.เท่านั้น ราคาเริ่มต้น 9 ลบ. 2.บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 50.8 ตร.ว. โครงการเนเชอร่า (ประชาอุทิศ 76-วงแหวน) ถ.เลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคครบครัน การคมนาคมสะดวก ใกล้โรงเรียนบูรณะศึกษา และวัดทุ่งครุ ราคาเริ่มต้น  3.92 ลบ. 3.อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น พร้อมชั้นลอย จำนวน 2 คูหา ทะลุถึงกัน มี 14 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ เนื้อที่ 112 ตร.ว. ถ.บางกรวย-ไทรน้อย (ทล.3215)  ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรม การคมนาคมสะดวก ใกล้โรงพยาบาลชลลดา เทศบาลเมืองบางบัวทอง ที่ทำการไปรษณียบางบัวทอง ราคาเริ่มต้น 8.69 ลบ. 4. บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 55.5 ตร.ว. โครงการเพอร์เฟคเพลส แจ้งวัฒนะ ถ.หอการค้าไทย ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย การคมนาคมสะดวก ใกล้โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์นนทบุรี องค์การบริหารส่วนตําบลคลองพระอุดม โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นนทบุรี  ราคาเริ่มต้น  5.69 ลบ. 5.โรงงาน/โกดัง 2 หลัง เนื้อที่ 198 ตร.ว. โครงการ บิ๊กแลนด์ แฟคตอรี่ ถ.พหลโยธิน (ทล. 1)  ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านอุตสาหกรรม ใกล้โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โรงพยาบาลการุญ-เวช ราคาเริ่มต้น 14.12 ลบ. 6.ที่ดินเปล่า เนื้อที่ 20 ไร่ 29.7 ตร.ว. ถ.สุขุมวิท (ทล.3) ต.พลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และเกษตรกรรม ใกล้โรงพยาบาลบ้านฉาง การประปาส่วนภูมิภาค สาขาบ้านฉาง และโรงเรียนสัจจศึกษา ราคาเริ่มต้น 4.67 ลบ. 7.ที่ดินเปล่า เนื้อที่ 6 ไร่ 344 ตร.ว. ซ.บางคูวัด-บางบัวทอง 7 ถ.สะพานนนทบุรี-บางบัวทอง (ทล.345) ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ทรัพย์ตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย และเกษตรกรรม การคมนาคมสะดวก ใกล้โรงเรียนวัดบางคูวัด โรงเรียนสาธิตปทุม ราคาเริ่มต้น 32 ลบ. การจัดประมูลครั้งนี้มีทรัพย์เด่นที่น่าสนใจในทำเลทั่วประเทศอีกหลายรายการ ผู้สนใจเข้าร่วมประมูล ลงทะเบียนและยื่นซองประมูล พร้อมเอกสารประกอบการประมูล ครั้งที่ 13.1 ภายในวันที่ 16 ธ.ค. 2567 และ กำหนดเปิดซองประมูลวันที่ 24 ธ.ค. 2567 และการประมูล ครั้งที่ 13.2  ลงทะเบียนและยื่นซองประมูล พร้อมเอกสารประกอบการประมูล ภายในวันที่ 30 ธ.ค. 2567 กำหนดเปิดซองประมูลวันที่ 7 ม.ค. 2568 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ที่สำนักงานใหญ่ SAM อาคารซันทาวเวอร์ส ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ  หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1443 / 02-686-1888 และดูรายละเอียดทรัพย์สินได้ทางเว็บไซต์ที่ www.sam.or.th  รวมทั้งช่องทางออนไลน์ที่หลากหลายและสะดวกรวดเร็ว โดยแอด ID Line @Samline ติดตาม Facebook Fanpage ทรัพย์มือสองต้อง SAM หรือ SAM NPA Channel บน YouTube เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารดี ๆ จาก SAM

15 Dec 2024

...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการคลัง สนับสนุนผู้สูงอายุให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อและมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุด้วยการจัดทำสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ประกอบด้วย (1) โครงการบ้าน ธอส. สร้างสุข เพื่อผู้สูงวัย ปี 2567 อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือนแรก เฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 2.75% ระยะเวลา 40 ปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้น 4,300 บาทต่อเดือน เท่านั้น, (2) โครงการสินเชื่อ Senior Home 4U ปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 2.90% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรก 3.30% ระยะเวลา 20 ปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้น 6,300 บาทต่อเดือน, (3) โครงการสินเชื่อ Senior Home 2U ปี 2567 อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีแรก 3.00% ต่อปี เฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 3.416% ระยะเวลา 40 ปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้น 4,400 บาทต่อเดือน และ (4) โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage : RM) พิเศษ! ยกเว้นค่าประเมินราคาหลักประกันและค่าจดทะเบียนการจำนอง ลูกค้าที่สนใจสามารถยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป     นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงิน ของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการคลัง ในการสนับสนุนผู้สูงอายุให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อและมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุให้ดีขึ้น ด้วยการจัดทำสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ รองรับความต้องการของผู้สูงอายุมากขึ้น โดยสินเชื่อดังกล่าว ประกอบด้วย โครงการบ้าน ธอส. สร้างสุขเพื่อผู้สูงวัย ปี 2567 : สำหรับผู้ที่ต้องการกู้เพื่อต่อเติม ขยาย หรือซ่อมแซมบ้านตามแบบบ้านผู้สูงอายุและผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป และกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 – 3 เท่ากับ 0% ต่อปี, เดือนที่ 4-60 เท่ากับ 3.00% ต่อปี เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกเพียง 2.75% ปีที่ 6-7 เท่ากับ MRR-3.00% ต่อปี (3.545% ต่อปี), ปีที่ 8-9 เท่ากับ MRR-2.25% ต่อปี (4.295% ต่อปี) และปีที่ 10 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยสำหรับซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบันอยู่ที่ 6.545% ต่อปี) กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลา 40 ปี ผ่อนชำระเพียง 4,300 บาทต่อเดือน พิเศษ!! ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900 – 3,100 บาท) โครงการสินเชื่อ Senior Home 4U ปี 2567 : สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่ต้องการกู้ซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย ซ่อมแซม ไถ่ถอนจากสถาบันการเงินอื่น (รีไฟแนนซ์) ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ 2.90% ต่อปี, ปีที่ 2-3 เท่ากับ 3.50% ต่อปี เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรก 3.30% ปีที่ 4-5 เท่ากับ MRR-2.75% ต่อปี (3.795% ต่อปี), ปีที่ 6-7 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี (4.545% ต่อปี) และปีที่ 8 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี กรณีชำระหนี้และซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลา 20 ปี ผ่อนชำระเพียง  6,300  บาทต่อเดือน พิเศษ!! ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900 – 3,100 บาท) และค่าจดทะเบียนการจำนอง 1% ของวงเงินจำนอง โครงการสินเชื่อ Senior Home 2U ปี 2567 : สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจากผู้ที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป เป็นสัญญาแรก โดยไม่มีประวัติการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับ ธอส.และสถาบันการเงินอื่น อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 เท่ากับ 3.00% ต่อปี, ปีที่ 2 เท่ากับ 3.50% ต่อปี, ปีที่ 3 เท่ากับ 3.75% ต่อปี เฉลี่ยอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกเพียง 3.416% ปีที่ 4 - 5 เท่ากับ MRR-2.00% ต่อปี (4.545% ต่อปี) และปีที่ 6 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR-1.00% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR-0.75% ต่อปี และซื้ออุปกรณ์ฯ เท่ากับ MRR กรณีกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลา 40 ปี ผ่อนชำระเพียง 4,400 บาทต่อเดือน พิเศษ!! ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900 – 3,100 บาท) โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage : RM) :  สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป สามารถนำที่อยู่อาศัยของตนเองที่ปลอดจำนองมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ โดยไม่พิจารณารายได้ของผู้กู้ วงเงินให้กู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 10 ล้านบาท กรณีที่ดินพร้อมอาคาร ให้กู้ไม่เกิน 50% ของราคาประเมินที่ดินและอาคาร กรณีห้องชุด ให้กู้ไม่เกิน 30% ของราคาประเมินห้องชุด อัตราดอกเบี้ย 6.25% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา ระยะเวลาการให้กู้สูงสุดไม่เกิน 25 ปี โดยผู้กู้จะได้รับเงินกู้เป็นรายเดือน จากธนาคารทุกเดือนด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ของลูกค้าที่เปิดไว้กับธนาคาร เพื่อนำเงินที่ได้รับมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดอายุสัญญากู้เงิน ผู้กู้สามารถอยู่อาศัยในหลักประกันดังกล่าวได้จนกว่าจะสิ้นอายุขัย พิเศษ!! ฟรีค่าประเมินราคาหลักประกัน (1,900 – 3,100 บาท) และค่าจดทะเบียนการจำนอง 1% ของวงเงินจำนอง ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสินเชื่อดังกล่าว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank  Call Center โทร.0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ  www.ghbank.co.th  

23 Nov 2024

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ตามที่รัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบนโยบายให้สถาบันการเงินของรัฐ ช่วยเหลือภาคธุรกิจไทยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ผ่านการลดเป้าหมายกำไรทางธุรกิจเพื่อนำเม็ดเงินงบประมาณมาจัดทำโครงการ/มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการนั้น   นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารจึงได้เร่งรัดดำเนินการ ประกาศลดดอกเบี้ยให้แก่ผู้ประกอบการกลุ่มสินเชื่อธุรกิจที่เป็นลูกค้าปัจจุบันของธนาคาร ในอัตรา 2 - 3% ต่อปี สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจส่งออกธุรกิจ Supply Chain และผู้ผลิตสินค้าที่ต้องมีการแข่งขันสูงกับสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ เนื่องจากนโยบายกำแพงภาษีฯ ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนสินค้าไทยเพิ่มขึ้น การส่งออกชะลอตัว และอาจทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันลดลงจนนำไปสู่ปัญหาการขาดสภาพคล่อง และกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระต้นทุนทางการเงิน เสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจสามารถประคองตัวและดำเนินกิจการต่อไปได้ในช่วงเวลาที่ท้าทาย มาตรการลดดอกเบี้ยสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ครอบคลุมลูกค้าปัจจุบันกลุ่มสินเชื่อธุรกิจธนาคารออมสินทุกประเภทที่มีสถานะบัญชีปกติ โดยเฉพาะธุรกิจส่งออกที่ได้รับผลกระทบ ธุรกิจ Supply Chain และผู้ผลิตที่ต้องแข่งขันกับสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศ ลดดอกเบี้ยสูงสุดไม่เกิน 3% ต่อปี จากอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาเดิม ระยะเวลาการลดดอกเบี้ย ไม่เกิน 1 ปี นับจากวันที่จัดทำนิติกรรมสัญญา ทั้งนี้ เป็นไปตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ลูกค้าที่เข้าหลักเกณฑ์สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ สาขาธนาคารออมสินที่มีบัญชีเงินกู้ ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2568 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115  

25 May 2025

...

SME D Bank เผยผลตรวจสุขภาพธุรกิจผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านระบบ Business Health Check ในแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   พบจุดอ่อนสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านบริหารการเงิน  ด้านจัดการนวัตกรรม-เทคโนโลยี และด้านการตลาด  ประกาศเดินหน้าช่วย “เติมความรู้คู่เงินทุน” เสริมศักยภาพให้เข้มแข็ง ปิดจุดอ่อน สามารถก้าวผ่านอุปสรรคได้ในทุกสถานการณ์   นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากที่ SME D Bank มีบริการ “ตรวจสุขภาพทางธุรกิจ” หรือ “Business Health Check”  แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th)  เพื่อให้รับรู้ข้อมูลและเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนในกิจการตัวเอง ก่อนนำไปสู่การเติมทักษะ ปิดจุดอ่อน เสริมจุดแข็งได้ตรงกับความต้องการของแต่ละกิจการ  ทั้งนี้  ระยะเวลาประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้ารับบริการตรวจสุขภาพทางธุรกิจ รวมกว่า 9,200 กิจการ  พบทักษะ 3 ด้านที่เป็นจุดอ่อนสำคัญ ได้แก่  อันดับ 1  ด้านการบริหารจัดการเงิน  ระดับคะแนนประเมินผลอยู่ที่ 1.8 จากคะแนนเต็ม 5 ตามด้วย อันดับ 2  ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี (2.6 คะแนน) และอันดับ 3 ด้านการสื่อสารการตลาด (3.6 คะแนน) โดยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในทุกขนาดธุรกิจ ล้วนมีจุดอ่อนใน 3 ด้านนี้เหมือนกัน แตกต่างกันในรายละเอียดและความซับซ้อนในทักษะที่ต้องพัฒนา   สำหรับด้านการบริหารจัดการเงิน กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (Micro) มีคะแนนต่ำที่สุด ส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญของการทำบัญชี ไม่แยกเงินส่วนตัวกับธุรกิจ ไม่เข้าใจหลักการบัญชีเบื้องต้น ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการคำนวณกำไรขาดทุน รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งทุน  ส่วนกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็ก (Small) มีการบันทึกข้อมูลทางการเงิน แต่ขาดเครื่องมือหรือการลงทุนในระบบบัญชีที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงขาดการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อวางแผนระยะยาว ขณะที่ ผู้ประกอบการขนาดกลาง (Medium) ต้องการทักษะการวิเคราะห์ทางการเงินที่ซับซ้อนขึ้น และในหลายกิจการขาดการบูรณาการข้อมูล ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ผู้ประกอบการรายย่อย ไม่รู้ว่ามีเทคโนโลยีอะไรที่ช่วยธุรกิจเล็กๆ ได้บ้าง และยังไม่สามารถเชื่อมโยงการใช้เทคโนโลยีด้านการตลาดได้อย่างเต็มศักยภาพ ส่วนผู้ประกอบการขนาดเล็ก ไม่รู้ว่าเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมรูปแบบใดเหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง และไม่มีแผนหรือนโยบายที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของธุรกิจ รวมถึงไม่กล้ารับความเสี่ยงที่จะล้มเหลวจากการลงทุนในนวัตกรรม  สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง ไม่สามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมนวัตกรรมได้อย่างแท้จริง ด้านการสื่อสารการตลาด ผู้ประกอบการรายย่อย  ขาดทักษะในการใช้ Social Media ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับการตลาด รวมถึงไม่เข้าใจการตลาดพื้นฐาน ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดเล็ก  ขาดทักษะในการใช้เครื่องมือและการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด ไม่รู้วิธีวัดผลลัพธ์จากการทำการตลาด ทำให้กระทบต่อการวางแผนการตลาดอย่างเป็นระบบ ส่วนผู้ประกอบการขนาดกลาง ขาดการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดเชิงลึกและการบูรณาการข้อมูลจากทุกช่องทาง ทั้งนี้ ผลการตรวจสุขภาพทางธุรกิจ พบว่า ในภาพรวม ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยมีทักษะที่เข้มแข็ง  2 ด้าน ได้แก่ การบริหารประสิทธิภาพการผลิตหรือบริการ และการบริหารจัดการองค์กร ซึ่งเป็นศักยภาพที่ควรเสริมให้แกร่งขึ้นในยุคที่ความไม่แน่นอนสูง การบริหารจัดการต้นทุนทำได้ยากขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการประสิทธิภาพตามแนวทางธุรกิจสีเขียว เพื่อให้กำไรสูงสุดภายใต้เงื่อนไขการปล่อยคาร์บอนต่ำสุด   นายพิชิต กล่าวต่อว่า  จากที่เห็นจุดอ่อนสำคัญของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย  SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐเดินหน้ายกระดับพัฒนาศักยภาพให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ผ่านบริการ “เติมความรู้คู่เงินทุน” ช่วยเสริมศักยภาพในหลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ปิดจุดอ่อนใน 3 ด้านดังกล่าว สำหรับด้านการพัฒนาผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน จัดโครงการพัฒนาทั้งออนไซต์ควบคู่ออนไลน์ เช่น โครงการ “ทุนก็มี ภาษีก็รู้ ก้าวสู่ความยั่งยืน” จับมือกรมสรรพากร   ให้ความรู้ด้านการเงิน ในรูปแบบ One Stop Service ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โครงการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยี โครงการสนับสนุนด้านการตลาด เช่น สอนการสร้างคอนเทนต์ด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ กิจการ SME D Market รวมถึง Business Matching ช่วยเพิ่มรายได้ขยายตลาด เป็นต้น อีกทั้ง มีบริการแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ช่วยเพิ่มศักยภาพธุรกิจครบวงจร ใช้บริการได้สะดวกสบาย ตลอด 24 ชม. เช่น  E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้เพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจ ทั้งการบริหารจัดการธุรกิจ นวัตกรรม เทคโนโลยี มาตรฐาน การตลาด การเงิน และเตรียมพร้อมเข้าถึงแหล่งเงินทุน  , SME D Coach ที่ปรึกษาและให้คำแนะนำธุรกิจจากโค้ชมืออาชีพ  , E-marketplace ช่วยขยายช่องทางขยายตลาด และเชื่อมโยงจับคู่ธุรกิจ และ Privilege สิทธิประโยชน์เพื่อยกระดับธุรกิจ เป็นต้น ควบคู่กับให้บริการด้านการเงิน ช่วยให้มีสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อลงทุน ปรับปรุง ขยายกิจการ  หมุนเวียน หรือลดต้นทุนทางการเงิน เป็นต้น  จุดเด่นอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3%ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน  ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถแจ้งความประสงค์ใช้บริการด้านการพัฒนาและการเงินได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น  แพลตฟอร์ม DX by SME D Bank , LINE Official Account : SME Development Bank และเว็บไซต์ www.smebank.co.th  เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357   

24 May 2025

...

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดย นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ (ที่ 4 จากขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า พร้อมด้วยนายแพทย์วิรุณ เกียรติคุณรัตน์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์บริการการแพทย์ ร่วมงานแถลงข่าว “BDMS Preventive Vaccine” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลในเครือ BDMS กับบริษัทประกันชีวิตชั้นนำในการจัด “โครงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคในราคาพิเศษ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันอย่างยั่งยืนในกลุ่มผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ณ ห้องประชุมเรเดียน โรงแรมเมอวินพิค บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรุงเทพประกันชีวิต ใส่ใจและมีเป้าหมายในการสนับสนุนให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนเพื่อลดความรุนแรงของโรค ภาวะแทรกซ้อน และลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในระยะยาว จึงเข้าร่วม “โครงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคในราคาพิเศษ” โดยลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพของกรุงเทพประกันชีวิต สามารถขอรับการบริการฉีดวัคซีนจากโรงพยาบาลเครือบีดีเอ็มเอสได้ในราคาเดียวทั่วประเทศ ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบีเอ็นเอช กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล โดยวัคซีนที่ให้บริการประกอบด้วย วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์  สำหรับผู้ใหญ่อายุ 15 ปีขึ้นไป             ราคา      500       บาท วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์  สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 15 ปี         ราคา      700       บาท วัคซีนงูสวัด (2 เข็ม)                                                                             ราคา  11,500      บาท วัคซีนปอดอักเสบ 1 เข็ม (Prevnar20)                                                 ราคา    3,500      บาท วัคซีนไข้เลือดออก 4 สายพันธุ์ (2 เข็ม) สำหรับผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป    ราคา    3,900     บาท ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวรวมค่าแพทย์ และค่าบริการโรงพยาบาล แต่ไม่รวมค่ายาอื่นๆ และค่ารักษาพยาบาล หรือค่าบริการปรึกษาทางการแพทย์เพิ่มเติม ผู้สนใจสามารถรับบริการได้ที่โรงพยาบาลในเครือ BDMS โดยโทรนัดหมายที่โรงพยาบาลที่ต้องการรับบริการล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน และแสดงหลักฐานกรมธรรมประกันสุขภาพ หรือ บัตรผู้เอาประกันภัยแก่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก่อนรับบริการ โดยมีระยะเวลาการรับสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568

16 May 2025

...

  ตามที่รัฐบาลโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้สถาบันการเงินเข้าช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะ กลุ่มผู้ปกครองที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ทั้งค่าชุดเครื่องแบบนักเรียน หนังสือ อุปกรณ์การเรียน และอื่น ๆ ด้วยการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยได้เข้าถึงการศึกษาอย่างต่อเนื่อง นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกมาตรการ “สินเชื่อธนาคารประชาชนต้อนรับเปิดเทอม” ที่ผ่อนเกณฑ์อนุมัติให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และเป็นการเดินหน้าภารกิจเชิงสังคมในการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม สำหรับผู้ปกครองที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนในการเตรียมความพร้อมแก่บุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่เพียง 0.60% ต่อเดือน วงเงินกู้ตามความจำเป็นสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อราย ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 1 ปี (12 งวด) ผ่อนชำระประมาณ 894 บาทต่อเดือน (รวมเงินต้นและดอกเบี้ย) ทั้งนี้ สำหรับผู้มีอาชีพ รายได้ และที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถยื่นขอสินเชื่อโดยไม่ต้องมีหลักประกัน ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo หรือติดต่อธนาคารออมสินสาขาเพื่อขอคำแนะนำในการสมัครสินเชื่อ ได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2568  

08 May 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner