Responsive image

Tuesday, 19 Mar 2024

LATEST NEWS

INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต

...

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) เผยว่าในวาระครบรอบ 75 ปี OCEAN LIFE ไทยสมุทร เดินหน้าก้าวสู่ยุคใหม่ที่จะสร้างโลกให้คนไทยจะมีชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้น ด้วยแนวคิด HEALTHIVERSE พร้อมกับให้ความสำคัญกับเรื่องการออมและการวางแผนการเงินควบคู่กันไปด้วย ทั้งยังคงมุ่งเน้นทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคนโดยเฉพาะกับกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่  ซึ่งล่าสุด! ได้ส่ง ประกันออมทรัพย์ไซซ์เล็ก “โอชิ สมอล เซฟไลฟ์ 18/10” ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ ที่เริ่มทำประกันชีวิตฉบับแรก ให้วางแผนการเงินได้เร็วกว่า เริ่มต้นง่ายเพียงแค่จ่ายเบี้ยฯ เดือนละ 500 บาท  และขอทำประกันได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์    “โอชิ สมอล เซฟไลฟ์ 18/10”  จ่ายเบี้ยสบายๆ เริ่มต้นแค่ 500 บาทต่อเดือน จ่ายเบี้ยฯ 10 ปี ให้ความคุ้มครอง 18 ปี และเมื่อครบกำหนดสัญญาในปีสุดท้ายรับเงินคืน 150%  ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ให้ความคุ้มครองชีวิตสูงสุดถึง 450% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย (กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ) รับประกันภัยบุคคลอายุตั้งแต่ 30 วัน – 55 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายเดือน ไม่ต้องตรวจสุขภาพ แต่แถลงสุขภาพในใบคำขอเอาประกันภัย  โดยเบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนด สนใจแบบประกันออนไลน์ คลิก https://oceanlifeth.co/Product-Ochi-Smallsafelife-18-10   OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรมายาวนาน 75 ปี โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติ เพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคม เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER  1503

18 Mar 2024


...

นายโกสนธ์ พิศภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายสินไหมทดแทน บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบเกียรติบัตรแก่ศูนย์ซ่อมมาตรฐานที่สร้างความพึงพอใจด้านบริการลูกค้าสูงสุด ประจำปี 2566 เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการพัฒนาคุณภาพการให้บริการ โดยเกณฑ์การคัดเลือกศูนย์ซ่อมมาตรฐานจะผ่านการประเมินความพึงพอใจจากลูกค้าที่เข้ารับบริการด้วยการให้คะแนนแก่ศูนย์ซ่อมฯ ในหัวข้อการประเมิน ประกอบด้วย - ด้านความสะอาดและสิ่งอำนวยความสะดวก - ด้านการดูแลเอาใจใส่ของพนักงานศูนย์ซ่อม - ด้านการให้คำแนะนำและการนัดหมายเข้าจัดซ่อม - ด้านคุณภาพในการจัดซ่อม - ความตรงต่อเวลาในการส่งมอบรถ   ซึ่งศูนย์ซ่อมที่ผ่านมาตรฐานนี้จะต้องได้รับคะแนนมากกว่า 90% ขึ้นไป โดยพิธีมอบเกียรติบัตรจัดขึ้น ณ อาคารทิพยประกันภัย พระราม 3 ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น มีตัวแทนจากศูนย์ซ่อมในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เข้าร่วมรับรางวัล ทิพยประกันภัย มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของศูนย์ซ่อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพ สร้างความอุ่นใจ ความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าที่เข้ารับบริการ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านธุรกิจประกันภัย

17 Mar 2024

...

แอกซ่าประกันภัย ผู้นำด้านธุรกิจประกันภัยระดับโลก ร่วมส่งเสริมให้ผู้หญิงใส่ใจและให้ความสำคัญด้านสุขภาพ รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ในเดือนแห่งสตรีสากล ประจำปี 2567 เพื่อสร้างเสริมการดูแลสุขภาวะของผู้หญิงอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะเรื่องการดูแลสุขภาพในแต่ละช่วงวัย รวมถึงการเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายแรง หลังพบอัตราความเสี่ยงด้านสุขภาพของผู้หญิงมีแนวโน้มสูงขึ้นโดยเฉพาะการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง พร้อมยกระดับการปกป้องที่เหนือกว่าด้วยประกันสุขภาพ “สมาร์ทแคร์ แคนเซอร์” (SmartCare Cancer) แผนประกันภัยโรคมะเร็งจากแอกซ่าประกันภัยที่พร้อมดูแลคุ้มครองโรคมะเร็งทุกชนิด ซึ่งเป็นภัยเงียบและโรคที่พบมากที่สุดของผู้หญิงไทย ทุกระยะ ทั้งลุกลามและไม่ลุกลาม จ่ายเงินก้อนทันทีที่แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง ด้วยวงเงินสูงสุดถึง 900,000 บาท มร. อเล็กซานเดอร์ แก้วศายวงศ์ ผู้อำนวยการบริหารสายงานประกันสุขภาพ บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สาเหตุหลักในการเสียชีวิตที่พบมากที่สุดของผู้หญิงไทย ได้แก่ โรคมะเร็ง ซึ่งโรงมะเร็งเต้านมพบสูงเป็นอันดับหนึ่ง และรองลงมาคือโรคมะเร็งปากมดลูก แอกซ่าพร้อมมอบความห่วงใยและขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ เพื่อสนับสนุนให้ผู้หญิงไทยตระหนักและให้ความสำคัญด้านการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ พร้อมเพิ่มตัวช่วยปกป้องให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรงด้วยประกันสุขภาพ “สมาร์ทแคร์ แคนเซอร์” (SmartCare Cancer) ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ความคุ้มครองอย่างครอบคลุม และลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้านสุขภาพในอนาคตสำหรับผู้หญิงในประเทศไทย” “สมาร์ทแคร์ แคนเซอร์” (SmartCare Cancer) แผนประกันภัยโรคมะเร็งที่มีความโดดเด่นเรื่องการดูแลคุ้มครองโรคมะเร็งทุกชนิด ทุกระยะ ทั้งลุกลามและไม่ลุกลาม ให้ความคุ้มครองคนไทยที่มีอายุตั้งแต่อายุ 15 วัน - 59 ปี ตรวจพบรับเงินก้อนทันที เจอจ่ายจบ ด้วยวงเงินสูงสุดถึง 900,000 บาท พร้อมเป็นตัวช่วยแบ่งเบาค่ารักษาพยาบาลที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างคุ้มค่า ด้วยราคาสบายกระเป๋า เริ่มต้นเพียง 3 บาท/วัน สมัครง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ทั้งนี้ เมื่อซื้อแผนครอบครัว ฟรีความคุ้มครองบุตรที่มีอายุตั้งแต่ 15 วัน - 22 ปี และยังไม่สมรส ไม่จำกัดจำนวน ลูกค้าที่สนใจแผนประกันภัยสุขภาพแอกซ่า สมาร์ทแคร์ แคนเซอร์ สามารถสอบถามได้ที่เว็บไซต์แอกซ่า  https://www.axa.co.th/axa-smartcare-cancer หรือติดตามข้อมูลและข่าวสารต่างๆ ของแอกซ่า ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้ -เว็บไซต์ของแอกซ่า https://www.axa.co.th/ -ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์แอกซ่า โทร 02-118-8111     -เฟซบุ๊กแอกซ่าประเทศไทย https://www.facebook.com/AXAThailand/   -ไลน์แอกซ่า @AXAThailand   

17 Mar 2024

...

กรุงเทพประกันชีวิต ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยภาพลักษณ์ทันสมัย เดินหน้าสร้าง The Most Caring Brand ผ่านการสำรวจมุมมองลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ พบจุดแข็งที่เหนือกว่าด้วย BLA Every Care บริการเสริมด้านสุขภาพที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดทุกช่วงเวลา จนได้รับการยอมรับให้เป็นแบรนด์ที่ “ใส่ใจ”  ดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต เตรียมสานต่อปี 2567 ด้วย 3 แคมเปญใหญ่และกิจกรรม CRM ตลอดปี   นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ได้กำหนดแผนกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนแบรนด์กรุงเทพประกันชีวิตให้ก้าวสู่ The Most Caring Brand หรือ แบรนด์ที่เข้าใจ จริงใจ ใส่ใจ และดูแลลูกค้ามากกว่าแค่การประกันชีวิต เพื่อเป้าหมายในการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้พันธกิจที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้นำในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับคนไทยทุกคน ด้วยการให้คำแนะนำด้านการวางแผนทางการเงิน และการบริการที่ประทับใจผ่านตัวแทน คู่ค้า และพนักงาน อย่างมืออาชีพ ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของการวางเป้าหมายเป็น The Most Caring Brand มาจากการทำ Brand Survey ผ่านกระบวนการ Focus Group คนหลายกลุ่ม โดยสิ่งที่ค้นพบคือผู้บริโภคมีความรู้สึกถึงความใส่ใจในการให้บริการของกรุงเทพประกันชีวิต โดยเฉพาะด้านสุขภาพ BLA Every Care บริการเสริมที่ดูแลลูกค้าได้มากกว่าและถือเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากประกันชีวิตรายอื่น “คำว่า ใส่ใจ หรือ caring มีความหมายที่ลึกซึ้งในมุมมองของผู้บริโภค เป็นสิ่งที่ลูกค้ารู้สึกว่าเราให้เกินความคาดหวัง ซึ่ง ใส่ใจ ต้องเริ่มจากคำว่า เข้าใจ และจริงใจก่อน เช่น เมื่อพูดถึงประกัน ลูกค้าจะมองที่เรื่องการเคลมเป็นหลัก เมื่อซื้อประกันแล้วไม่สบาย ต้องเคลมได้ ครบถ้วน รวดเร็ว จากการที่ทำสำรวจมา ทำให้เข้าใจได้ว่า ลูกค้ามองว่าเราสามารถดูแลได้มากกว่า เช่น บริการเสริมต่างๆ ที่ช่วยดูแลหลังจากออกจากโรงพยาบาล หรือการดูแลช่วงพักฟื้น ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจที่เราอยากให้เค้ามีสุขภาพที่แข็งแรง” นางสาวอรนาฏกล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า กรุงเทพประกันชีวิตต้องการสื่อสารแบรนด์ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและเป็นมิตรมากขึ้น โดยเชื่อว่าการเป็น The Most Caring Brand จะทำให้องค์กรเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนเพราะเป็นสิ่งที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งปีนี้ กรุงเทพประกันชีวิตยังเดินหน้าต่อยอดจุดแข็งที่ทำมาตลอดหลายปีด้วยการพัฒนาแบบประกันสุขภาพใหม่ๆที่ตอบโจทย์ และบริการเสริมใหม่ๆจาก  BLA Every Care ที่จะออกมาอย่างต่อเนื่อง     สำหรับกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อการสร้างแบรนด์ในปี 2024 ได้ตั้งเป้าหมายการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่  2 กลุ่ม คือ  1. กลุ่มคนอายุ 30-45 ปี ที่อยู่ในช่วงชีวิตที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง คือ กำลังสร้างครอบครัว แต่งงาน มีลูก จึงมีมุมมองเรื่องความมั่นคงทางการเงิน และมองหาหลักประกันในชีวิต  2. กลุ่มคนวัยเริ่มทำงานอายุ 25-35 ปีที่กำลังสร้างตัวและต้องการบริหารจัดการวางแผนทางการเงินตั้งแต่เริ่มต้น รวมทั้งมีความกังวลต่อการเจ็บป่วยซึ่งเริ่มปรากฎในกลุ่มคนอายุน้อยมากขึ้น โดยจะสื่อสารผ่านการทำ content ที่เป็นเรื่องราวดีๆและเป็นประโยชน์ รวมทั้งเรื่องราวความประทับใจจากลูกค้า “แคมเปญ “ใส่ใจ” ที่จะทำในปีนี้ มี 3 โครงการใหญ่ คือ ภาพยนตร์โฆษณาซึ่งน่าจะออกในช่วงครึ่งปีหลัง โครงการใส่ใจสตอรี่ คือ คลิปวีดีโอ เรื่องเล่าจากลูกค้าจริงที่ประทับใจในความใส่ใจที่กรุงเทพประกันชีวิตมีให้ เป็นโครงการต่อเนื่องจากที่ทำไปในปีที่แล้ว 4 ตอนจากทั้งหมด 12 ตอน  โดยได้ผลตอบรับที่ดีด้วยจำนวนผู้ชมรวมกว่า 6 ล้านวิว และ การ collaborations กับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ลูกค้ารับรู้เรื่องความใส่ใจจากแบรนด์ รวมถึงการที่ให้ลูกค้าเป็นส่วนหนึ่งของการใส่ใจ สังคม สิ่งแวดล้อม เด็กยากไร้ที่จะเป็นอนาคตของชาติ และผู้สูงอายุที่จะกลายเป็นคนกลุ่มใหญ่ในสังคมคนไทย ผ่านการทำ CSR มากขึ้น “เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เรายังเปิดตัวกิจกรรม CRM ใหม่เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ตาม Lifestyle ที่ลูกค้าชื่นชอบ 5 ด้าน ได้แก่ 1 Heath มอบ package ตรวจสุขภาพ และ บริการเสริมด้านสุขภาพบางตัวมาให้กับลูกค้าที่ไม่ได้ซื้อประกันสุขภาพด้วยเช่นกัน 2 Travel  ซึ่งอยู่ใน Lifestyle ของทุกคน 3 Personalized สิทธิพิเศษเฉพาะบุคคล ที่ออกแบบสิทธิประโยชน์มาเพื่อสร้างความประทับใจในโอกาสพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น วันเกิด วันแต่งงาน วันคลอดลูก วันที่ลูกรับปริญญา 4 Edutainment คอร์สสัมมนาเสริมความรู้ให้ลูกค้าเราในด้านสุขภาพกายใจและความมั่งคั่ง ด้วยรูปแบบที่น่าสนใจ และ 5 Exclusive Experience การสร้างประสบการณ์พิเศษเฉพาะลูกค้า โดยร่วมกับสยามพิวรรธน์จัดกิจกรรมพิเศษมากมายซึ่งอยากให้ทุกคนได้ติดตามตลอดปีนี้” นางสาวอรนาฏกล่าวในที่สุด    

17 Mar 2024

...

การศึกษาของลูกเป็นเป้าหมายสำคัญของครอบครัว พ่อแม่ควรจะวางแผนเตรียมแนวทางและความพร้อมไว้ให้ลูกแต่เนิ่นๆ การวางแผนการศึกษาให้ลูกเปรียบเหมือนบันไดที่จะนำลูกก้าวสู่อนาคตตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ บันได 4 ขั้นเพื่อการวางแผนการศึกษาของลูกรักทำได้ดังนี้ บันไดขั้นแรก: เป็นบันไดขั้นแรกเป็นขั้นที่สำคัญที่สุด เริ่มจากการเลือกแนวทางการศึกษาสำหรับอนาคตที่เหมาะสำหรับลูก ปัจจุบันการศึกษามีหลากหลายแนวทางให้เลือก ตั้งแต่ โรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน โรงเรียนสองภาษา โรงเรียนทางเลือก หรือ โรงเรียนนานาชาติ ซึ่งแต่ละแนวทางมีระบบการศึกษาที่แตกต่างกันออกไป แต่ละครอบครัวอาจเลือกแนวทางการศึกษาที่แตกต่างกันตามปัจจัยและองค์ประกอบของครอบครัว นอกจากนี้การวางแผนการศึกษาที่ดีควรวางแผนไปจนถึงการระดับการศึกษาสูงสุด  รวมถึงการเตรียมทักษะเพื่ออนาคตด้านอื่นๆ ทั้งทักษะด้านสารสนเทศและเทคโนโลยี ทักษะชีวิตและอาชีพ เช่น ความเป็นผู้นำ ความใช้ชีวิตในสังคม เป็นต้น  ขั้นที่สอง: ประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา เมื่อพ่อแม่เลือกแนวทางการศึกษาที่เหมาะสำหรับลูกได้แล้ว ลองวางแผนคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าวๆ ทั้งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแน่นอน เช่น ค่าเล่าเรียน ค่าชุดนักเรียน ค่าหนังสือและอุปกรณ์การเรียน ค่ากิจกรรมและการเรียน จึงควรหาข้อมูลของโรงเรียนที่เปิดการสอนในแนวทางที่เราสนใจเพื่อพิจารณาและนำรายละเอียดมาพิจารณา ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษายังปรับเพิ่มขึ้นตามช่วงเวลา จึงควรคำนวณอัตราเพิ่มขึ้นของการศึกษาไว้ด้วย อาจใช้ค่าเฉลี่ยการเพิ่มค่าใช้จ่าย 5% เป็นเกณฑ์เบื้องต้น เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเงินทุนเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายการศึกษา ขั้นที่สาม: วางแผนการออมเงินระยะยาว ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในช่วงแรกของการศึกษา มักเป็นเงินที่มาจากการบริหารรายรับรายจ่ายของครอบครัวเพื่อจัดสรรเงินสำหรับค่าใช้จ่ายของลูก เนื่องจากพ่อแม่มักมีเวลาการเตรียมพร้อมที่ค่อนข้างสั้น  การเก็บออมเงินเพื่อการศึกษาจึงมักเป็นการออมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในระดับการศึกษามัธยมศึกษา หรือระดับปริญญา แต่แม้เราจะมีการเก็บออมอยู่แล้ว  หากไม่ได้แยกเงินออมสำหรับเป้าหมายการศึกษาออกมากให้ชัดเจนก็อาจทำให้แผนการเงินไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ การออมเพื่อการศึกษาเป็นหนึ่งเป้าหมายการเงินที่สำคัญและมีระยะเวลาที่ยาวนานจึงควรกำหนดเป็นเป้าหมายเฉพาะและชัดเจน ที่สำคัญจะต้องมีวินัยในการออมและไม่นำเงินก้อนนี้ไปใช้เพื่อการอื่นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามก ขั้นที่สี่: ป้องกันความเสี่ยง แม้การออมเงินจะเป็นวิธีที่จะไปถึงเป้าหมายการออม  เราควรป้องกันความเสี่ยงหากเกิดอะไรขึ้นกับเราด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าแผนการศึกษาของลูกจะเป็นไปตามเป้าหมาย แม้จะเกิดอะไรขึ้นกับเราก่อนบรรลุเป้าหมายการเงิน      บันได 2 ขั้นแรกเป็นบันไดขั้นที่สำคัญมากในการวางแผนการศึกษา เพราะเป็นการเลือกเส้นทางในการเดินสู่อนาคตให้กับลูกของเรา  ที่สำคัญเราควรสังเกตว่าลูกของเรามีความถนัดหรือมีความเหมาะสมกับแนวทางการศึกษาที่เราเลือกด้วยหรือไม่  เราสามารถหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ รวมถึงการไปเยี่ยมชมโรงเรียนที่เราสนใจ หรือปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเพื่อให้ได้ข้อมูลสำหรับใช้วางแผน สำหรับบันไดขั้นที่ 3 และ 4  เป็นขั้นตอนที่จะทำให้ลูกของเราเดินไปบนเส้นทางที่เลือกและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจอย่างแน่นอน การวางแผนการเงินเป็นหัวใจสำคัญสำหรับบันไดสองขั้นนี้ เนื่องจากเป้าหมายการศึกษาเป็นเป้าหมายที่มีความสำคัญสำหรับครอบครัว การเลือกผลิตภัณฑ์การเงินสำหรับเป้าหมายที่สำคัญมักเน้นสัดส่วนของการออมไปทางผลิตภัณฑ์การเงินที่มีความเสี่ยงไม่สูงนักและได้รับผลตอบแทนที่เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้เงินที่ออมได้รับความเสี่ยงจากการลงทุนที่ไม่เป็นไปตามแผนจนส่งผลกระทบต่อเป้าหมายที่ตั้ง วินัยในการออมเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราออมไปตลอดระยะเวลาของแผนการเงินที่วางไว้เช่นเดียวกัน   ประกันชีวิตเป็นผลิตภัณฑ์การเงินที่สามารถป้องกันเงินออม ช่วยสร้างวินัยทางการเงินจากเบี้ยประกันที่ต้องชำระอย่างต่อเนื่อง และประกันชีวิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันความเสี่ยงระยะยาว แผนทางเลือกต่างๆ ที่มีทำให้เราสามารถเลือกระยะเวลาการออม ระยะเวลาความคุ้มครอง ให้เหมาะสมกับเป้าหมายการเงินและความพร้อมในการออมของเรา  ยังสามารถใช้ประโยชน์ด้านสิทธิลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย การเลือกประกันชีวิตเป็นส่วนหนึ่งในการออมเพื่อการศึกษาระยะยาวจึงช่วยสร้างความมั่นใจว่าแผนการเงินของเราสามารถไปถึงเป้าหมายได้อย่างมั่นคง กรุงเทพสมาร์ทคิดส์ จาก กรุงเทพประกันชีวิต เป็นแบบประกันสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 15 ปี 18 ปี และ 21 ปี มีระยะเวลาการออมที่ยาวถึง 15 ปี จึงช่วยให้เรามีวินัยการออมไปตลอดระยะเวลา และยังมีความคุ้มครองหากเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะและสายตาเนื่องจากอุบัติเหตุ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ จึงเป็นทางเลือกสำหรับการวางแผนการศึกษาของลูก ผู้ที่สนใจสามารถสมัครทำประกันได้ผ่านตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน กรุงเทพประกันชีวิต และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์กรุงเทพประกันชีวิต www.bangkoklife.com หรือติดต่อ Call Center โทร. 02-777-8888

15 Mar 2024

...

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านประกันวินาศภัยชั้นนำของประเทศไทย ผนึกกำลังกับ เต่าบิน คาเฟ่อัตโนมัติ 24 ชั่วโมง ร่วมกันมอบหลากหลายสิทธิประโยชน์ เพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้ายุคใหม่   ดร.สมพร สืบถวิลกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ทิพยประกันภัย มองหาโอกาสในการขยายฐานลูกค้ากลุ่ม New Gen  อย่างต่อเนื่อง โดยเล็งเห็นถึงศักยภาพของเต่าบินที่มีตู้กดเครื่องดื่มอยู่ทั่วประเทศ สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการผสานจุดแข็งของทั้งสองบริษัทเข้าด้วยกัน เพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และการบริการใหม่ๆ ให้เป็นมากกว่าการประกันภัย ด้วยการมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้าของทั้ง 2 บริษัท” นางสาววทันยา  อมตานนท์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟอร์ท เวนดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจประกันภัย โดยเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือการมองเห็นเทรนด์ของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวก สบาย ง่ายและรวดเร็ว ในการซื้อสินค้าและบริการ โดยความร่วมมือครั้งนี้ ได้ส่งมอบความสุขผ่านรสชาติความอร่อยจากเครื่องดื่มในตู้เต่าบินให้กับลูกค้าทิพยประกันภัยที่มีอยู่ทั่วประเทศ”   สำหรับแคมเปญเปิดตัวระหว่าง ทิพยประกันภัย และเต่าบิน มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า ทิพยประกันภัย ดังนี้  ฟรีเต่าบิน ฟินลดเบี้ยฯ เพียงลูกค้าซื้อประกันภัยเดินทางรายปีของทิพยประกันภัย ผ่านทาง www.tipinsure.com  รับฟรี! โค้ดแลกเครื่องดื่มเต่าบิน 5 แก้ว อร่อยฟินกับ TIP Coin สมาชิก TIP Coin ของทิพยประกันภัย  ใช้ 500 Coins แลกรับเครื่องดื่มเต่าบินฟรี ! 1 แก้ว แอ็กท่าดี ดื่มฟรี เต่าบิน ถ่ายรูปคู่เช็คอินกับตู้ InsurVerse จุดใดก็ได้ ที่ศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ และ Like & Share  รับฟรี! เครื่องดื่มเต่าบิน รางวัลละ 2 แก้ว จำนวน 150 รางวัล ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2567 ทั้งนี้ ทิพยประกันภัย และ เต่าบิน มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกันในอนาคตต่อไป

14 Mar 2024

...

บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย เดินหน้าขยายธุรกิจ บุกตลาดองค์กรขนาดกลางและใหญ่ในประเทศไทย มุ่งต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านประกันภัย เครือข่ายธุรกิจ และความแข็งแกร่งของสถานะการเงินระดับโลก มั่นใจเติบโตแบบก้าวกระโดด 20% ภายในสิ้นปี 2567 นี้   มร.ลาร์ส  ไฮบุทสกี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย กล่าวว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่บริษัทเติบโตได้เป็นอย่างดี โดยภาพรวม เติบโตเร็วกว่าตลาดถึงสองเท่า สำหรับปีนี้ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญ คือ ขยายธุรกิจประกันภัยองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับกับความเสี่ยงขององค์กรขนาดใหญ่ ทั้งจากเหตุการณ์ที่ทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก ความเสี่ยงด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติ ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ หรือ เทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงอันดับต้นของประเทศไทย จากผลสำรวจ Risk Barometer ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปี วันนี้ จึงได้มีการเปิดตัว Allianz Commercial ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจดูแลลูกค้าองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ภายใต้ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ทั้งยังได้รับการสนับสนุน ด้านองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ เครือข่ายของกลุ่มอลิอันซ์ ที่มีในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งความแข็งแกร่งทางการเงิน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโต และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กรข้ามชาติ มีธุรกิจในหลายประเทศ หรือ มีลักษณะธุรกิจที่พิเศษ ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางด้านการพิจารณาประกันภัย เพื่อดูแลความเสี่ยง   มร.คริสเตียน แซนดริก ผู้อำนวยการบริหารภูมิภาคเอเชีย Allianz Commercial กล่าวเสริมว่า แผนการเติบโตในไทย สอดคล้องกับการขยายธุรกิจอย่างแข็งแกร่งทั่วภูมิภาคเอเชีย ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของอลิอันซ์ ที่เราจะสามารถใช้ความเชี่ยวชาญด้านประกันภัยในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตต่อเนื่อง ในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจและการค้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กอปรกับความพร้อมของโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำให้ประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าดึงดูดในแง่ของการพัฒนาเศรษฐกิจ     สำหรับในประเทศไทย การดำเนินงานของธุรกิจองค์กร นำโดย นางเดือนฉาย โกศลเมธากุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานลูกค้าองค์กร ซึ่งจะเน้นขยายธุรกิจผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ประกันภัยสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่ครบวงจร หลากหลายสำหรับทุกธุรกิจ ต่อยอดความเชี่ยวชาญและเครือข่ายระดับโลกของอลิอันซ์ ที่จะทำให้อลิอันซ์ อยุธยา กลายเป็นศูนย์กลางของการให้บริการประกันภัยในเอเชีย สำหรับบริษัทข้ามชาติที่ดำเนินธุรกิจในเอเชีย โซลูชั่นประกันภัยที่ตอบโจทย์ทุกช่องทางการขาย ไม่ว่าจะช่องทางตัวแทน โบรกเกอร์ ช่องทางพันธมิตร และช่องทางขายตรง รวมทั้งการรับประกันภัยต่อ   สำหรับกลุ่มความเสี่ยงที่ อลิอันซ์ อยุธยา ให้ความสนใจ มี 5 กลุ่ม ด้วยกัน ได้แก่ กลุ่มประกันภัยสินทรัพย์ (Property) โดยมุ่งเน้นไปที่บริษัทข้ามชาติที่มีสำนักงานใหญ่ในประเทศไทยและมีเครือข่ายธุรกิจในประเทศอื่นๆทั่วโลก ที่มองหาความคุ้มครองที่ครอบคลุมจากบริษัทเดียวที่มีศักยภาพรอบด้าน กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง (Engineer) ที่ดำเนินโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ มีมูลค่าสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจก่อสร้างด้านพลังงานหมุนเวียนและโรงงานไฟฟ้า กลุ่มประกันความรับผิดชอบ (Liability) เช่น สินค้าส่งออก ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่สาม ความเสียหายของสินค้าในการดำเนินธุรกิจ กลุ่มธุรกิจที่อาศัยความเชี่ยวชาญพิเศษ เช่น ธุรกิจบันเทิง (Specialty eg entertainment) เช่น การจัดคอนเสิร์ตการแสดงขนาดใหญ่ระดับชาติ และ กลุ่มธุรกิจเดินเรือและการขนส่งทางทะเล (Marine) ทั้งเพื่อธุรกิจส่งออกและนำเข้า รวมถึงเรือยอร์ชและเรือเพื่อการท่องเที่ยวด้วย   “เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า การขับเคลื่อนที่มุ่งการประกันภัยสู่องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัยได้เป็นอย่างดี ด้วยการสนับสนุนจากกลุ่มอลิอันซ์ และความมั่นคงแข็งแกร่ง ในฐานะบริษัทประกันภัยระดับโลก เชื่อมั่นว่า จะสามารถเติบโตพอร์ทธุรกิจองค์กรได้ 20%” มร.ลาร์ส ไฮบุทสกี้ กล่าวสรุป

14 Mar 2024

ECONOMY-FINANCE / เศรษฐกิจ-การเงิน

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ร่วมกับ วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก จัดแคมเปญ “โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 กับกรุงศรี โดย วีซ่า” ชวนลูกค้าบัตร Krungsri Boarding Card และบัตรกรุงศรี เดบิต ร่วมลุ้นเปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ครั้งหนึ่งในชีวิตบินลัดฟ้าถึงประเทศฝรั่งเศส ชมมหกรรมกีฬานานาชาติโอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 พร้อมแพ็กเกจท่องเที่ยวสุดฟิน และรางวัลอื่น รวมมูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาท เพียงสมัครหรือใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไขที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2567 พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สมัครบัตร Krungsri Boarding Card ในช่วงเวลาดังกล่าวจะได้รับบัตรลาย โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 (Limited Edition) เพื่อต้อนรับและเฉลิมฉลองไปกับมหกรรมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ โดยวีซ่า     นางสาวดมิศา พิศิษฐวานิช ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดลูกค้ารายย่อย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นอกจากความมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตแล้ว กรุงศรีอยากเห็นลูกค้าของเราทุกคนมีชีวิตที่ง่าย และมีความหมายในทุกวัน โดยโอลิมปิก เกมส์ถือเป็นมหกรรมการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่ามกลางความสนใจจากผู้คนทั่วโลก และครั้งนี้จะจัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมืองแห่งศิลปะและไอเดียสร้างสรรค์ที่หลายคนอยากไปสัมผัส เราจึงได้ร่วมมือกับ วีซ่า จัดแคมเปญสุดพิเศษนี้ขึ้นเพื่อมอบความสุขและประสบการณ์ ‘ครั้งหนึ่งในชีวิต’ ให้กับลูกค้าของเรา พร้อมเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวเพื่อเก็บเกี่ยวความทรงจำที่ดีกลับมาอีกด้วย และเพื่อเป็นการต้อนรับพร้อมสร้างบรรยากาศความคึกคักให้กับมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมนี้ กรุงศรีได้ออกบัตร Krungsri Boarding Card ลายใหม่ โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 ซึ่งเป็น Limited Edition ออกแบบขึ้นมาพิเศษเฉพาะช่วงเวลานี้เท่านั้น ให้แฟนกีฬาชาวไทยหรือนักสะสมได้เก็บเป็นที่ระลึก ร่วมบันทึกอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของโลกด้านกีฬา” นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ในฐานะพันธมิตรด้านบริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก และผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในการจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมกับกรุงศรี จัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ในครั้งนี้เพื่อมอบสิทธิพิเศษที่เหนือระดับให้กับลูกค้าผู้ถือบัตรวีซ่า เรามุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการนำเสนอโซลูชันการชำระเงิน ที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และเชื่อมโยงทุกคนทั่วโลกเข้าด้วยกัน ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะเรื่องการใช้จ่ายเท่านั้น เรายังภูมิใจที่ได้ให้การสนับสนุนนักกีฬา และแฟนกีฬา ผ่านการแข่งขันปารีสโอลิมปิก 2024 ซึ่งมีชื่อเสียงทั่วโลก โดยหวังว่าการเป็นผู้สนับสนุนมหกรรมกีฬาโอลิมปิกของเราจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลก และช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ใกล้ชิดกับกีฬาโอลิมปิกมากยิ่งขึ้น”   แคมเปญ “โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 กับกรุงศรี โดย วีซ่า” มอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้สมัครหรือใช้จ่ายผ่านบัตร Krungsri Boarding Card และบัตรกรุงศรี เดบิต ทุกประเภท ร่วมลุ้นรับรางวัลใหญ่ 22 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาท ประกอบไปด้วย รางวัลที่หนึ่ง แพ็กเกจทริปชมกีฬาโอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 พร้อมตั๋วเครื่องบิน และที่พัก 5 วัน 4 คืน จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 2 ท่าน มูลค่ารางวัลละ 1,116,549.50 รวมมูลค่า 2,233,099 บาท สำหรับลูกค้าที่สมัครหรือทำรายการระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2567 – 30 เมษายน 2567 รางวัลที่สอง โทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy Z Flip5 256 GB จำนวน 20 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 37,900 บาท รวมมูลค่า 758,000 บาท สำหรับลูกค้าที่สมัครหรือทำรายการระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2567 – 31 กรกฎาคม 2567 ผู้สนใจสามารถรับสิทธิ์ลุ้นโชคได้ง่ายๆ โดยสำหรับลูกค้าใหม่ เพียงสมัครบัตร Krungsri Boarding Card หรือบัตรกรุงศรี เดบิต ทุกประเภท ผ่าน KMA krungsri app หรือ ผ่านสาขาธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา รับ 5 สิทธิ์เพื่อลุ้นชิงโชค สำหรับลูกค้าปัจจุบัน เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร Krungsri Boarding Card หรือบัตรกรุงศรี เดบิต ทุกประเภท ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือที่ร้านค้าผ่านเครื่องรับบัตร 700 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับ 1 สิทธิ์เพื่อลุ้นชิงโชค ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/promotions/cards/hot-promotion/debit-card-lucky-draw-olympic-2024 หรือที่ KRUNGSRI Call Center 1572 ตลอด 24 ชั่วโมง  

18 Mar 2024


...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารออมสินได้จัดทำมาตรการแก้หนี้และดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้ทุกกลุ่มมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มเริ่มค้างชำระ กลุ่มลูกหนี้ NPLs และลูกหนี้ในกระบวนการฟ้องร้อง แต่ด้วยขณะนี้ ยังมีลูกหนี้จำนวนหนึ่งยังประสบปัญหาเรื่องรายได้ไม่เพียงพอ ทำให้ส่งผลต่อการผ่อนชำระหนี้รายเดือน ทั้งนี้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระลูกหนี้ และช่วยไม่ให้ลูกหนี้เสียเครดิตทางการเงินในระยะยาว ธนาคารออมสินได้เตรียมแผนการชำระหนี้หลายแนวทางให้แก่ลูกหนี้แต่ละรายตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้เป็นรายบุคคล อาทิ พักชำระเงินต้น และจ่ายดอกเบี้ยเต็มจำนวนหรือจ่ายบางส่วน หรือเป็นไปตามแผนการชำระหนี้ที่ธนาคารอนุมัติให้ จึงขอชวนลูกหนี้ทุกประเภทสินเชื่อ ทุกสถานะที่ประสบปัญหาไม่ว่าจะเป็นรายย่อยหรือธุรกิจ SME ทั้งลูกหนี้ที่ค้างชำระไม่เกิน 90 วัน และสถานะยังไม่เป็น NPLs หรือ ลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPLs ณ วันที่ 31 ธ.ค.66 สามารถติดต่อขอคำปรึกษาและร่วมหาแนวทางแก้ไขหนี้ร่วมกัน ได้ที่ธนาคารออมสินสาขาเจ้าของบัญชีหรือสาขาที่สะดวกทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สำหรับมาตรการ 4 ไม่ เพื่อชะลอดำเนินการทางคดี ไม่ฟ้อง ไม่ยึดทรัพย์ ไม่ขายทอดตลาด และไม่ฟ้องล้มละลาย ซึ่งขยายระยะเวลาจากเดิมปี 2566 และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2567 นี้ เพื่อให้ลูกหนี้สามารถเข้าร่วมมาตรการแก้ไขหนี้กับธนาคารข้างต้นได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 และที่ facebook : GSB Society.  

17 Mar 2024

...

  (ซ้าย) เชิ้ง เหอไท่ กรรมการผู้จัดการ องค์กรรับประกันแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ,  (ขวา) ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ลงนามกับนายเชิ้ง เหอไท่ กรรมการผู้จัดการ องค์กรรับประกันแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Export & Credit Insurance Corporation : SINOSURE) ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการรับประกันเพื่อส่งเสริมการใช้บริการประกันการส่งออกและการลงทุนของ EXIM BANK เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงและรุกตลาดใหม่ของผู้ส่งออกและนักลงทุนไทย-จีน โดยเฉพาะในตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ของไทย โดยมีนายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อุปทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง เป็นสักขีพยานกิตติมศักดิ์ ณ SINOSURE สำนักงานใหญ่ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567   กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK และ SINOSUREครอบคลุมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการให้บริการทางการเงินในรูปแบบการรับประกันโดยตรงและการรับประกันต่อ เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงให้ผู้ประกอบการไทย-จีนมีความมั่นใจที่จะขยายธุรกิจส่งออกและโครงการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ทั้งในไทย จีน และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิต วัฒนธรรมองค์กร การพัฒนาทักษะแรงงาน โดยเฉพาะ SMEs เพื่อเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ อาทิ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความร่วมมือระหว่างทั้งสององค์กรเพื่อขยายบริการรับประกันร่วมกัน รวมทั้งการรับประกันต่อ จะช่วยให้การค้าและการลงทุนระหว่างไทยและจีนขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องกังวลความเสี่ยงจากผู้ซื้อ ประเทศผู้ซื้อ และประเทศเป้าหมายการลงทุน นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น เนื่องจากสามารถโอนสิทธิ์ในกรมธรรม์ประกันการส่งออกและประกันความเสี่ยงการลงทุนของ EXIM BANK เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ได้ โดย EXIM BANK และ SINOSURE จะร่วมกันบริหารความเสี่ยงในการทำธุรกิจประกันและขยายขอบเขตการให้บริการแก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทย-จีนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม “EXIM BANK ขยายความร่วมมือกับ SINOSURE ในครั้งนี้ ภายใต้บทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาที่มุ่งส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อยกระดับศักยภาพและเทคโนโลยีการผลิตของภาคอุตสาหกรรมและเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้ง EEC ของไทย กระตุ้นการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ส่งเสริมการขยายธุรกิจการค้าและการลงทุนไปสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ CLMV นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของภูมิภาคเอเชียและโลกโดยรวม” ดร. รักษ์ กล่าว

17 Mar 2024

...

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2566 โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการด้านการเงิน (Financial Inclusion) ผ่านธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกัน โดยผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการเติบโต ทำนิวไฮ ทั้งด้านรายได้รวม 18,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.2% และมีกำไรสุทธิ 3,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากปีก่อน โดยพอร์ตสินเชื่อคงค้างยังคงขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ มียอดสินเชื่อรวม 97,456 ล้านบาท ขยายตัว 19.9% (YoY) ซึ่งคุณภาพพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (%NPL) ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้าและยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 1.45% ในส่วนของธุรกิจนายหน้าประกันยังคงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขยายตัวตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยยอดเบี้ยประกันวินาศภัยรวมสำหรับปี 2566 มีมูลค่า 8,743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.3% (YoY)  นอกจากนี้ อัตราส่วน Cost to Income มีการปรับตัวดีขึ้น ลดลงมาอยู่ที่ 54.9% สะท้อนถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจมาจากกลยุทธ์การลงทุนและพัฒนาด้านเทคโนโลยี สะท้อนจากความสำเร็จของ “บัตรติดล้อ” (Tidlor Card) และ “แอปพลิเคชันเงินติดล้อ” ที่ปริมาณการใช้งานยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2566 ได้มีการส่งมอบบัตรติดล้อแล้วกว่า 644,000 ใบ มีจำนวนผู้ใช้บัตรเพิ่มขึ้น 29.6% (YoY) รวมถึงบริการ “โอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชี” ผ่านแอปพลิเคชันเงินติดล้อ ที่เพิ่งเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2566 ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการใช้งานของลูกค้า และยังมีช่องทางให้บริการลูกค้าที่หลากหลาย (Omni-Channel) ทั้งช่องทางออฟไลน์ผ่านช่องทางสาขากว่า 1,678 สาขา, ช่องทางออนไลน์ และแพลตฟอร์มดิจิทัล นอกจากนี้ ธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ ซึ่งถือเป็นเบอร์ 1 ในการให้คำปรึกษาและเสนอขายประกันอย่างมืออาชีพอย่างใกล้ชิด Face to Face และยังเป็นอีกธุรกิจหลักที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตด้านผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกด้วย โดยในปี 2566 ภาพรวมการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มียอดเบี้ยประกันวินาศภัยคิดเป็นมูลค่า 8,743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.3% (YoY) มีการเติบโตที่ดีจากทั้งช่องทางสาขา และแพลตฟอร์มอารีเกเตอร์ (Areegator) รวมถึงโบรกเกอร์ประกันออนไลน์ (heygoody) ที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งผ่านช่องทางการให้บริการที่ครอบคลุม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนาเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงประกันอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมีการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง มีการจัดการต้นทุนและการบริหารคุณภาพสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการตั้งสำรองในระดับที่เหมาะสมและเพียงพอเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงยังคงมุ่งเน้นการเติบโตพอร์ตอย่างมีคุณภาพ ภายใต้กรอบนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่มีความรัดกุมและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่ดี ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา บริษัทยังคงได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ที่ระดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง ซึ่งถือว่าเป็นอันดับสูงสุดในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน และยังได้รับการจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล มีมาตรฐาน โปร่งใส และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ   นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์ของกลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพอย่างธุรกิจนายหน้าประกัน และผลลัพธ์จากการลงทุนด้านเทคโนโลยีซึ่งสะท้อนผ่านความสำเร็จของบัตรติดล้อ และการพัฒนาฟีเจอร์การใช้งานในแอปพลิเคชันเงินติดล้อที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันเราเริ่มเห็นผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ผ่านประสบการณ์ที่ดีขึ้นของลูกค้าและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งแม้จะอยู่ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ก็ตาม และที่สำคัญมากไปกว่านั้น ในปีที่ผ่านมาเรายังคงเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องและยังได้ขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่างแบรนด์ “heygoody” โบรกเกอร์ประกันออนไลน์ รวมถึงการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจหลักของเราอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เรามีพอร์ตสินเชื่อคงค้างเฉลี่ยต่อสาขาสูงถึง 58 ล้านบาท นอกจากนี้เรายังเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) เพียงไม่กี่แห่งที่ยังคงมีวงเงินสินเชื่อที่เพียงพอ และมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงจากการตั้งสำรองที่เพียงพอ นั่นทำให้เรายังคงสามารถสร้างโอกาสทางการเงินและส่งเสริมการเข้าถึงประกันให้ประชาชน ตามเจตนาที่เรายึดมั่นได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2567 นี้ ตั้งเป้าการเติบโตที่ระดับ 10-20% ทั้งธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันวินาศภัย สำหรับท่านนักลงทุนและผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของ TIDLOR ได้ที่เว็บไซต์ www.tidlorinvestor.com

10 Mar 2024

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ในธุรกิจนำเข้าและส่งออก เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “Krungsri SME Trade Power Up” (กรุงศรี เอสเอ็มอี เทรด พาวเวอร์อัพ) สินเชื่อและบริการเพื่อการค้าระหว่างประเทศที่ช่วยเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อได้ ให้วงเงินสูงเต็มศักยภาพธุรกิจตามความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่มากเพียงพอแก่กิจการ พร้อมสิทธิประโยชน์จากบริการเสริมด้านธุรกรรมการค้าต่างประเทศ ช่วยลดต้นทุนและความเสี่ยงธุรกิจจากการนำเข้า-ส่งออก ให้ธุรกิจสามารถบริการจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมคว้าโอกาสธุรกิจเติบโตได้เต็มศักยภาพ โดยธนาคารตั้งเป้ายอดขอสินเชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อ SME ในปี 2567 อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากที่มีการคาดการณ์ว่าในปี 2567 ภาคการส่งออกไทยจะมีการกลับมาขยายตัวอันเป็นผลจากการฟื้นตัวของการค้าโลก โดยข้อมูลจากสภาพัฒน์ มีการคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2.9% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีมูลค่าการส่งออกลดลง 1.7% กรุงศรีเล็งเห็นถึงโอกาสในการสนับสนุนธุรกิจ SME โดยเฉพาะในภาคส่งออกของไทยให้มีเงินทุนที่เพียงพอต่อการเติบโต รับการขยายตัวของภาคส่งออกที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งสอดคล้องกับแนวนโยบายในการสนับสนุนโอกาสธุรกิจการค้าระหว่างประเทศให้กับลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ จึงเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “Krungsri SME Trade Power Up” มีจุดเด่นอยู่ที่วงเงินกู้ไม่จำกัด เพียงมีหลักฐานแสดงถึงศักยภาพของธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการนำเข้าและส่งออก เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้สามารถผลิตหรือจำหน่ายสินค้าได้อย่างคล่องตัว นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังมาพร้อมบริการและสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการค้าต่างประเทศมากมายที่ช่วยอำนวยความสะดวก ลดภาระค่าใช้จ่ายของค่าธรรมเนียม รวมถึงลดความเสี่ยงความผันผวนของค่าเงิน ช่วยยกระดับการบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ และสามารถคว้าโอกาสเติบโตได้ต่อไป” ทั้งนี้ “Krungsri SME Trade Power Up” เป็นสินเชื่อเพื่อการค้าต่างประเทศสำหรับการส่งออกและนำเข้า โดยพิจารณาอนุมัติวงเงินตามความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจและความสามารถในการชำระหนี้  ซึ่งจะทำให้ธุรกิจได้รับวงเงินมากเพียงพอตามศักยภาพของธุรกิจ พร้อมให้วงเงิน FX ตามวงเงิน Trade Finance และส่วนลด 7 สตางค์ สำหรับการโอนเงินต่างประเทศขาออก 9 สกุลเงิน ผ่านบริการ Krungsri Biz Online ได้แก่ USD, JPY, EUR, GBP, AUD, SGD, CAD, CHF และ NZD สำหรับลูกค้าที่สมัครใช้บริการ Krungsri Biz Online ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 31 ธันวาคม 2567 และสามารถรับสิทธิ์ได้จนถึง 31 มีนาคม 2568 เพิ่มความสะดวกในการรับ-จ่ายเงินได้ทั่วโลก นอกจากนี้ยังมาพร้อมสิทธิประโยชน์ด้านผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการค้าต่างประเทศ อาทิ ค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับบริการ LC Advising & Amendment, Collection under LC, Collection under BC/OA, Communication charge SWIFT/TELEX, Outward Transaction fee และ Inward Transaction fee ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2567 รวมถึงอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับบัญชีเงินฝากประจำสกุลเงิน USD ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม 2567 โดยผู้ขอสินเชื่อต้องเป็นนิติบุคคลธุรกิจนำเข้า และ/หรือส่งออกที่จดทะเบียนในประเทศไทย ประกอบกิจการในประเทศไทยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี มีผลประกอบการและประวัติการเงินดี มีรายได้ต่อปี 100 ล้านบาทขึ้นไป โดยจะต้องไม่มีสินเชื่อ Trade Finance และไม่มีธุรกรรม Trade กับธนาคารกรุงศรีอยุธยามาก่อน “กรุงศรีตั้งเป้ายอดการขอสินเชื่อดังกล่าวในปี 2567 ที่ 15,000 ล้านบาท โดยหวังว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นตัวช่วยเสริมทัพธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมที่จะช่วยขับเคลื่อนภาคการส่งออกและเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป ซึ่งนอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินแล้ว กรุงศรียังพร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจในต่างประเทศให้กับลูกค้าของธนาคารผ่านกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ ตลอดจนให้บริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจสำหรับลูกค้าที่ต้องการขยายธุรกิจสู่อาเซียนอีกด้วยเช่นกัน” นางสาวดวงกมล กล่าวสรุป สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สาขาของธนาคาร หรือติดต่อผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าของธนาคาร หรือศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจกรุงศรี โทร. 02-626-6262 โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด  

29 Feb 2024

...

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า นับเป็นประเด็นการเมืองและเศรษฐกิจที่น่าติดตาม ระหว่างรัฐบาลที่คาดหวังการลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจกับแบงก์ชาติที่ยังตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ความขัดแย้งด้านทิศทางดอกเบี้ยมีส่วนกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ โดยในช่วงสัปดาห์การประชุมกนง. เงินบาทอ่อนค่าที่สุดในภูมิภาค และโดยเฉพาะหลังตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2566 ขยายตัวต่ำจากปีก่อนหน้า และหดตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งย้ำถึงแรงกดดันในการลดดอกเบี้ยในวันที่ 10 เมษายนนี้ มากขึ้น อย่างไรก็ดี ดอกเบี้ยไม่ใช่ยารักษาทุกโรค หากหวังพึ่งพาดอกเบี้ยนโยบาย การลดดอกเบี้ยเพียง 0.25 หรือ 0.50% ไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องลดลงถึง 1.25% จึงจะมากพอ ซึ่งเป็นการปรับลดในระดับวิกฤติการเงิน และเป็นระดับเดียวกับก่อนเกิดวิกฤติโควิด ผลข้างเคียงของการลดดอกเบี้ยเช่นนี้ จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า และอาจเป็นการประกาศสงครามค่าเงินกับเพื่อนบ้าน เพราะบาทที่อ่อนจะแย่งชิงความสามารถในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง และอาจลามเป็นการอ่อนค่าของค่าเงินในภูมิภาคได้ในภายหลัง “ผมมองว่า หนทางแก้เกมที่ดีที่สุด คือ ประสานนโยบายการเงินและการคลัง ตอนนี้เหมือนเรากำลังดูทีมฟุตบอลที่กองหน้าเขี่ยบอลให้กองหลังวิ่งขึ้นมาทำประตู อาจเพราะมีผู้เล่นบาดเจ็บ (งบประมาณยังไม่ออกจนเดือนพฤษภาคม) แต่กองหลังก็ไม่ขยับมาเล่นกองกลาง ยังเตะบอลให้กองหน้า เพราะห่วงรักษาประตู (เน้นดูแลเสถียรภาพของตลาดเงินและเศรษฐกิจ) คนดูก็เชียร์กันไปคนละข้าง เศรษฐกิจไทยก็ยากที่จะเดินหน้าได้ คงต้องหาทางแก้เกมกันว่าจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อประสานผู้เล่นในทีมนี้” ดร. อมรเทพ กล่าว ทำไมยังไม่ถึงเวลาลดอัตราดอกเบี้ย หากพิจารณาถ้อยแถลงและการสื่อสารของคณะกรรมการนโยบายการเงิน จะพบหลากหลายปัจจัยที่บ่งบอกว่าทำไมยังไม่ถึงเวลาลดอัตราดอกเบี้ย ผมลองตีความได้สามปัจจัยดังนี้ 1. เศรษฐกิจไทยเติบโตช้า มาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ได้มาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไป ปัญหาเชิงโครงสร้างมาจากการขาดความเชื่อมโยงของภาคการผลิตไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก การส่งออกขยายตัวต่ำแม้อุปสงค์ตลาดโลกกำลังฟื้นตัวได้ดี การขาดความสามารถในการแข่งขันหรือขาดสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลก ยกตัวอย่าง ไทยเป็นแหล่งผลิต Hard Disk Drive (HDD) แต่โลกกำลังเปลี่ยนไปใช้ Solid State Drive (SSD) หรือ การนำเข้าสินค้าจากจีนทำให้ SME ไทยต้องทยอยปิดกิจการไป ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐก็น้อยและล่าช้า กระทบเศรษฐกิจไทยช่วงที่ผ่านมา 2. อัตราเงินเฟ้อต่ำ ไม่ได้มาจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการภาครัฐ ที่ส่งผลต่อราคาพลังงานในประเทศปรับลดลง แต่เป็นการบรรเทาปัญหาชั่วคราว และไม่ได้มาจากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ (อันนี้ผมเห็นต่าง ผมว่ามีส่วนบ้างที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอทำให้การปรับราคาขึ้นทำได้ยาก) ทางแบงก์ชาติยังย้ำว่าระดับราคาสินค้าและบริการที่ปรับลดลงมาแต่ยังสูงเมื่อเทียบช่วงก่อนโควิด และมองว่าหากอุปสงค์ในประเทศยังดี การใช้นโยบายการเงินมากระตุ้นก็อาจไม่ตรงจุด น่าไปแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างภาคการผลิตและการส่งออกมากกว่า 3. ผลข้างเคียงจากการลดดอกเบี้ยที่เร็วเกินไป การลดดอกเบี้ยช่วงที่อุปสงค์ในประเทศยังแข็งแรง การบริโภคยังเติบโตได้ อาจส่งผลข้างเคียงให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวขึ้นมารวดเร็วช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ปรับเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ส่งผลเสียต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว การคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน เพื่อรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย หรือเก็บ policy space ไว้ใช้ยามจำเป็น ดอกเบี้ยไม่ใช่ยารักษาทุกโรค ต่อให้ลดดอกเบี้ยลง ก็ทำได้เพียงพยุงเศรษฐกิจ ไม่ได้กระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเหนือ 4% และการลดดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25-0.50% ก็ไม่ช่วยลดรายจ่ายด้านดอกเบี้ยลงอย่างมีนัยะสำคัญ อาจพอลดความตึงเครียดได้บ้าง สร้างแรงจูงใจให้คนมาใช้จ่ายและลงทุนได้มากขึ้น แต่การส่งผ่านของการลดอัตราดอกเบี้ยต่อเศรษฐกิจจริงอาจใช้เวลาถึง 6 เดือน ต่างกับมาตรการทางการคลังที่อัดฉีดเงินเข้ากระเป๋าคนเพื่อนำไปใช้จ่ายได้ทันที และสามารถดูแลผู้เดือดร้อนได้ตรงกลุ่ม มากกว่านโยบายการเงินที่หว่านแหในวงกว้าง และการลดดอกเบี้ยก็มีผลข้างเคียงที่เปรียบเหมือนยา อาจทำให้เกิดอาการหนี้ครัวเรือนที่เพิ่ม สินทรัพย์ไทยขาดความน่าสนใจจนต่างชาติเทขาย ทำเงินบาทอ่อนค่า กระทบสินค้านำเข้าให้มีราคาสูงขึ้นได้ อย่าให้สงครามค่าเงินเป็นคำตอบ ผมกังวลว่า ผู้กำหนดนโยบายจะเห็นว่าหนทางที่เร็วที่สุด (quick win) อาจจะเป็นการปล่อยให้เงินบาทอ่อนค่า ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม การลดดอกเบี้ยในระด้บมากพอจะกระตุ้นเศรษฐกิจ กำลังซื้อ การลงทุน และทำให้บาทอ่อนค่าแรงพอจะสร้างความสามารถการแข่งขัน แต่ต้องระวังผลข้างเคียง ต้นทุนนำเข้าเพิ่มสูง โดยเฉพาะราคาน้ำมัน หรือกลุ่มที่มีสัดส่วนการนำเข้าเพื่อการผลิตสูง เช่น อาหารทะเลกระป๋อง เครื่องจักรอุตสาหกรรม และเครื่องมือแพทย์ แต่ก็พอจะมีกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากบาทอ่อน เช่น กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และกลุ่มส่งออก เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าเกษตรอื่นๆ ยานยนต์และส่วนประกอบ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ และนิคมอุตสาหกรรม การลดดอกเบี้ยของไทย จะเป็นการประกาศสงครามค่าเงินกับเพื่อนบ้านหรือไม่ และอาจลามเป็นการอ่อนค่าของค่าเงินในภูมิภาคได้ในภายหลัง แม้ไม่ได้รุนแรงเหมือนวิกฤติต้มยำกุ้ง แต่หากเงินบาทวิ่งไปที่ระดับ 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อาจมีคนบางกลุ่มได้รับผลกระทบ “ผมมองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอและปราศจากมาตรการทางการคลังในการสนับสนุนเช่นนี้ คงต้องอาศัยการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อสร้างความเชื่อมั่น เสริมสภาพคล่อง และกดดันเงินบาทให้อ่อนค่า แต่ก็หวังว่า แบงก์ชาติยังมีหนทางอื่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการทางการเงินอื่นๆ มาเสริมได้อีก เช่น การลดข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ ลดวงเงิน LTV และยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้สำหรับลูกหนี้ที่มีปัญหา อย่างไรก็ดี มาตรการเหล่านี้ก็ทำได้เพียงประคองเศรษฐกิจให้มีความหวังว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เหนือระดับ 2% แต่จะกระตุ้นให้ถึง 3% ได้หรือไม่ก็คงต้องรอดูมาตรการต่างๆ จากรัฐบาลอีกที” ดร.อมรเทพ กล่าว                

23 Feb 2024

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กำหนดให้การแก้ไขหนี้สินให้กับประชาชนทั้งระบบเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินดำเนินการร่วมขับเคลื่อนแก้ปัญหาหนี้ให้กับประชาชนผ่านมาตรการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเร่งช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐแก้ไขหนี้ ธนาคารจึงขอเชิญชวนสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ กู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ “สินเชื่อสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อแก้ไขหนี้บุคลากรภาครัฐ” เพื่อนำไปเป็นเงินทุนในการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับสมาชิก ได้แก่ ข้าราชการครู ตำรวจ ทหาร พนักงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อไถ่ถอน หรือรีไฟแนนซ์หนี้ดอกเบี้ยสูง มาไว้ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ของสมาชิกที่เดียว ซึ่งถือเป็นการช่วยลดภาระดอกเบี้ยแพง ให้กับกลุ่มลูกหนี้รายย่อยที่มีรายได้ประจำของหน่วยงานภาครัฐดังกล่าว เช่น หนี้บัตรเครดิต ดอกเบี้ย 16% ต่อปี หรือหนี้สินเชื่อบุคคลจากสถาบันการเงินอื่นหรือนอนแบงก์ที่คิดดอกเบี้ยสูงถึง 25% ต่อปี เป็นต้น สินเชื่อสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อแก้ไขหนี้บุคลากรภาครัฐ วงเงินโครงการ 5,000 ล้านบาท เป็นเงินกู้ระยะยาว โดยปล่อยกู้ให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยงานภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ เพื่อเป็นเงินทุนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกที่มีกับสถาบันการเงิน รวมถึงหนี้นอกระบบหรืออื่นๆ อัตราดอกเบี้ยต่ำปีแรกเพียง 2.99% ต่อปี ปลอดชำระเงินต้นนาน 2 ปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 7 ปี และยกเว้นค่าธรรมเนียมสินเชื่อต่างๆ จึงขอเชิญชวนสหกรณ์ออมทรัพย์หน่วยงานภาครัฐ ยื่นขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับสมาชิก ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 และที่ facebook : GSB Society.  

18 Feb 2024

SOCIETY - CSR / ภาพข่าว-กิจกรรมเพื่อสังคม

...

  นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) มอบเงินจำนวน 600,000 บาท แก่ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก ด้านค้นคว้าและอบรมโรคติดเชื้อไวรัสสัตว์สู่คน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานเว็บไซต์ www.trceid.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เผยแพร่ความรู้และข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ โดยสนับสนุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ณ อาคารไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่

17 Mar 2024


...

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย นายมิ่งขวัญ ประเสริฐศิวพร (ที่ 3 จากขวา แถวแรก) ผู้ช่วยผู้จัดการงานส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเงิน นำทีมงานอาสาชาวเงินติดล้อจัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านการเงินแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร วิทยาเขตเทเวศร์ คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน ชั้นปีที่ 4 จำนวนกว่า 50 คน ในหลักสูตร “รู้เรื่องเงินก่อนทำงาน” เพื่อบ่มเพาะความรู้พื้นฐานด้านการเงินสำหรับเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ช่วงชีวิตวัยทำงาน อาทิ การวางแผนการเงิน การบริหารรายได้และค่าใช้จ่าย การคำนวณภาษีเงินได้ส่วนบุคคล รวมถึงการทำความรู้จักประเภทของหนี้สินที่ผู้เริ่มทำงานควรรู้ เพื่อนำเอาความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เงินติดล้อได้ขยายโครงการ “นำความรู้สู่ชุมชน เพื่อชีวิตหมุนต่อได้” ไปยังกลุ่มนักศึกษา ภายในกิจกรรมได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร. ดลพร ศรีฟ้า (ที่ 4 จากขวา แถวแรก) อาจารย์ประจำสาขาเทคโนโลยีมัลติมีเดียมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร มาร่วมสังเกตุการณ์กิจกรรมอย่างใกล้ชิด ณ สำนักงานใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ อาคารอารีย์ ฮิลล์ เมื่อเร็วๆ นี้

14 Mar 2024

...

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม จับมือกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ จัดอบรม “โครงการการอบรมหลักสูตรดูแลผู้สูงอายุ Care Giver” รุ่นที่ 3  ซึ่งเป็นหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุขั้นเบื้องต้น จำนวน 18 ชั่วโมง  ให้แก่สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ให้มีความรู้และทักษะ ที่จำเป็น ในการดูแลผู้สูงอายุ ตอบรับสถานการณ์การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทย  โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม พร้อมด้วยนางสาวนิรัตน์ บูชาสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  นางพิตราภรณ์  บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม นายกฤษณะพงศ์ แสนยากร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ร่วมในงาน โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ณ เมืองไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่ ทั้งนี้การอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุดังกล่าว จะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่รับการอบรมและสำหรับชุมชนและสังคมในระยะยาว ในด้านการเพิ่มความรู้และทักษะ โดยหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุจะช่วยเพิ่มความรู้และทักษะในการดูแลผู้สูงอายุที่ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ ผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุสามารถปฏิบัติดูแลอย่างถูกต้องและสามารถจัดการกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของสุขและเพิ่มความปลอดภัย ตลอดจนยังเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจและความรับผิดชอบในการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน ช่วยส่งเสริมให้ชุมชน สามารถดูแลผู้สูงอายุที่ดีขึ้น และมีการสนับสนุนต่อกันในการดูแล.            

01 Mar 2024

...

พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย นายพงศ์พันธ์ ประภาศิริลักษณ์ รักษาการผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร ผู้แทนจาก บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ รวมถึงภาคีเครือข่าย จส.100 และสวพ.91 ร่วมแถลงผลการมอบรางวัล และเกียรติบัตร โครงการอาสาตาจราจร ประจำเดือน ธันวาคม 2566 ให้แก่ เจ้าของคลิปที่ได้รับการคัดเลือก รวมทั้งสิ้น 20 รางวัล เงินรางวัลสูงสุด 20,000 บาท เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 100,000 บาท ณ ห้องสารสิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ   สำหรับโครงการอาสาตาจราจร เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มูลนิธิเมาไม่ขับ และภาคีเครือข่าย เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมกันเป็นพลเมืองดี “อาสาตาจราจร” มุ่งหวังให้ผู้ใช้รถใช้ถนนตระหนักรู้ด้านการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่ยานพาหนะ ตลอดจนไม่สร้างความเดือดร้อนและมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง อันเป็นการเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้แก่ประชาชน ทั้งนี้ ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ “อาสาตาจราจร” สามารถแจ้งข้อมูลเบาะแสการกระทำความผิดทางจราจร ผ่านหลากหลายช่องทาง ได้แก่ เพจอาสาตาจราจร, เพจตำรวจทางหลวง, เพจกองบังคับการตำรวจจราจร, เพจภาคีเครือข่ายที่ร่วมโครงการ ทั้งเพจมูลนิธิเมาไม่ขับ, จส.100 และสวพ.91 โดยในแต่ละเดือนจะมีการพิจารณาคัดเลือกคลิปการกระทำผิดกฎหมายจราจร หรือคดีอุบัติเหตุจราจร และคลิปนั้นสามารถใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ตามกฎหมาย เดือนละ 10 รางวัล รางวัลที่ 1 จำนวน 20,000 บาท รางวัลที่ 2 จำนวน 10,000 บาท รางวัลที่ 3 จำนวน 6,000 บาท และรางวัลชมเชย 7 รางวัลๆ ละ 2,000 บาท รวม 50,000 บาทต่อเดือน ซึ่งวิริยะประกันภัย เป็นผู้สนับสนุนเงินรางวัลดังกล่าว  

01 Mar 2024

...

  ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขอแจ้งเตือนภัย กรณีมีมิจฉาชีพนำตราสัญลักษณ์ของธนาคารและปลอม Account ในสื่อโซเชียล โดยใช้ภาพของนายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธอส. เพื่อแอบอ้างปล่อยสินเชื่อบุคคลออนไลน์จากธนาคาร โดย ธอส. ขอยืนยันว่า ธนาคารและกรรมการผู้จัดการ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Account ปลอมดังกล่าว รวมถึงการแอบอ้างในสื่อโซเชียลต่าง ๆ  ที่อาจใช้รูปภาพและกระทำในลักษณะเดียวกัน เพื่อหลอกลวงเอาเงินจากประชาชน ซึ่ง ธอส.อยู่ระหว่างดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มมิจฉาชีพที่แอบอ้างแล้ว และขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อกลโกงของมิจฉาชีพอย่างเด็ดขาด พร้อมขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้อย่างครบถ้วน สามารถติดตามได้ที่ www.ghbank.co.th หรือ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์  

24 Feb 2024

...

  นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำหน่วยหนุมานทิพยจิตอาสา พร้อมกัลยาณมิตรธรรม จัดโครงการพลังบุญทิพยร่วมสร้าง ครั้งที่ 222  เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สืบสานพระพุทธศาสนา วันมาฆบูชาซึ่งเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยนิมนต์ ท่านพระครูสิทธิสังวรเจ้าคณะ 5 วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร และพระภิกษุสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์  พร้อมร่วมถวายจตุปัจจัยไทยธรรม บำรุงศาสนสถานและถวายภัตตาหารเพล  ณ วัดราชสิทธารามราชวรวิหาร กรุงเทพฯ

24 Feb 2024

...

เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เป็นตัวแทนมอบเงินบริจาคจำนวน 1,000,000 บาท แก่มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ภายใต้โครงการ "เอไอเอ เพื่อก้าวใหม่ ชีวิตใหม่ – AIA New Leg New Life" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 โดยมี ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต เลขาธิการมูลนิธิขาเทียม ฯ (ที่ 3 จากขวา) นายเกรียงฤทธิ์ สุขเจริญสิน กรรมการมูลนิธิขาเทียมฯ (ที่ 2 จากขวา) และรองศาสตราจารย์โรม จิรานุกรม รองเลขาธิการมูลนิธิขาเทียมฯ ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ (ขวาสุด) เป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อร่วมสนับสนุนมูลนิธิขาเทียมฯ สำหรับใช้จัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ในการผลิตขาเทียมให้แก่ผู้พิการยากไร้ทั่วประเทศ โดยที่ผ่านมาเอไอเอ ประเทศไทย ได้ร่วมมือกับมูลนิธิขาเทียมฯ เพื่อมอบขาเทียมให้ผู้พิการไปแล้วกว่า 5,100 ข้าง นับเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชนผู้พิการทางขาได้มีโอกาสกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ รวมถึงสามารถกลับมาประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลและตอบแทนสังคมไทย และสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา 'Healthier, Longer, Better Lives'

24 Feb 2024

BUSINESS - MARKETING / ธุรกิจ - การตลาด - ขายตรง - SME

...

บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ซูเลียน (Zhulian) ผู้ดำเนินธุรกิจตลาดเครือข่าย (Multi-Level Marketing) ประกาศจุดยืนความตั้งใจเป็นที่หนึ่งธุรกิจตลาดเครือข่าย เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เป็นไปได้มากที่สุด วางทิศทางการทำงานปี 2024 ปรับแผนการดำเนินธุรกิจ ให้ผู้จัดจำหน่ายของซูเลียน บรรลุถึงผลสำเร็จ สามารถขยายเครือข่ายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว มีรากฐานที่มั่นคง พร้อมมุ่งรักษาคุณภาพสินค้า และพัฒนาสินค้าใหม่ตอบโจทย์สุขภาพ เดินหน้าสร้างฐานสมาชิกใหม่เสริมเทคโนโลยี นำช่องทางการขาย “Zhulian Shopping Online”เชื่อมต่อการทำธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อยกระดับชีวิตที่มีคุณภาพ และโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวอย่างไม่หยุดยั้ง ก้าวสู่ปีที่ 27 พร้อมการเติบโตอย่างยั่งยืน   ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวย้อนถึงจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจตลาดเครือข่าย (Multi-Level Marketing) ของ ‘ซูเลียน’ ว่า เกิดจากความตั้งใจในการเสริมสร้างสังคมให้มีสุขภาพแข็งแรง ด้วยสินค้าดี มีคุณภาพ และตอบโจทย์กับชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน ทั้งยังมุ่งมั่นสร้างโอกาสสร้างงาน และกระจายรายได้ผ่านการจัดจำหน่ายสินค้าโดยผู้จัดจำหน่ายซูเลียน ปัจจุบัน ซูเลียนประสบความสำเร็จจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำธุรกิจขายตรง ที่มีสมาชิกรวมกันกว่า 5 ล้านรหัส และตัวแทนจำหน่ายร่วม 100 กว่าแห่งทั่วประเทศ   “ตลอดระยะเวลาการทำงานเข้าสู่ปีที่ 27 นี้ บุคลากรของซูเลียนทุกคนดำเนินงานภายใต้คำขวัญเดียวกัน นั่นคือ ‘ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม’ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า เราให้ความสำคัญ และจริงใจต่อทุกผลิตภัณฑ์ มีการคัดสรร สรรพคุณอันเป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสุขภาพที่ดีที่สุดภายใต้เครื่องหมายการค้าซูเลียน”   ดร.ปิยะวัฒน์  กล่าวเพิ่มเติมว่า  ในปัจจุบัน ซูเลียนมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% หลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤติโควิด ขณะนี้บริษัทมียอดขายโดยรวมอยู่ที่กว่า 4 พันล้านบาทต่อปี  และคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ  โดยซูเลียนได้ขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ลาว , กัมพูชา และเมียนมาร์   ซึ่ง นายณัฐชานนท์ จุลล์จักรวงศา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวสนับสนุนหลักคิดดังกล่าวว่า ซูเลียนวางทิศทางการทำธุรกิจในปี 2024 ไว้หลายด้าน ประการแรกเรายังมุ่งรักษาคุณภาพสินค้าด้วยมาตรฐานระดับสูง ไปพร้อมกับการพัฒนาสินค้าใหม่ อาทิ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Health Product) จากส่วนประกอบธรรมชาติ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้คนในปัจจุบันควบคู่กับสินค้าที่เป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว ทั้งผลิตภัณฑ์กลุ่มบ้านและที่อยู่อาศัย (Home Care), ผลิตภัณฑ์เพื่อร่างกาย (Personal Care), เข็มขัด M-belt ส่วนในด้านการสนับสนุนผู้จัดจำหน่ายซูเลียน ยังคงรักษาระบบการสร้างคุณค่าด้วยมูลค่าจากผลลัพธ์ของการทำงาน โดยมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อสรรสร้างผู้จัดจำหน่ายที่มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น มีการจัดฝึกอบรมในด้านทักษะการเป็นผู้นำ เพื่อยกระดับชีวิตที่มีคุณภาพ และโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรายได้ และโอกาสทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปอย่างยุติธรรม การันตีได้ว่าการเป็นผู้จัดจำหน่ายของซูเลียน คือโอกาสทางธุรกิจที่ให้หลักประกันความมั่นคงทางการเงินได้ในระยะยาว   “ซูเลียนมีการวางรากฐานระบบเครือข่ายที่แข็งแกร่งมาร่วม 2 ทศวรรษ ด้วยการกระจายความมั่นคงผ่านฐานผู้บริโภคที่มีตัวตนจริงในพื้นที่ดูแลของเอเจนซี่ทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน เราได้ให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในปัจจุบันเช่นกัน โดยมีโจทย์เพิ่มฐานนักธุรกิจรุ่นใหม่เข้ามารับช่วงต่อการเติบโตในอนาคต เป้าหมายที่เราวางไว้ มีทั้งสิทธิในการส่งต่อธุรกิจไปยังรุ่นลูก รวมถึงมีการปรับภาพลักษณ์ การลงทุนใหม่ ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพขององค์กร เช่น ลงทุนพัฒนาคนผ่านการอบรมทางวิชาชีพ การเสริมประสิทธิภาพระบบจัดส่งสินค้าที่ทันสมัย “หรือแม้แต่การนำเครื่องมือออนไลน์มาใช้ขับเคลื่อนให้นักธุรกิจทำงานง่ายและเป็นมืออาชีพมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y เปลี่ยนมุมมองว่างานขายตรงเป็นอีกแขนงอาชีพที่มีคุณค่า และช่วยให้ประสบความสำเร็จได้จริง” นายณัฐชานนท์ กล่าว   ซึ่งด้านของ นางสาวอรวรางค์ จุลล์จักรวงศา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ประเทศไทย บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยว่า ปัจจุบัน ซูเลียน ได้พัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายทางออนไลน์ หรือ ‘Zhulian shopping Online’ เพื่อรองรับกับการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล ทำให้นักธุรกิจของเราสามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย สะดวกสบาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ด้วยการจัดส่งที่ได้มาตรฐาน และยังเป็นโครงสร้างสำคัญที่ต่อยอดความมั่นคงของบริษัทฯ ให้พร้อมกับการทำตลาดในปี 2024 นี้ ผ่านเทรนด์การเชื่อมต่อธุรกิจแบบออฟไลน์และออนไลน์ “วิธีคิดของซูเลียนคือมองเป้าหมายว่าจะผลักดันองค์กรอย่างไร ให้การขายตรงสามารถเดินหน้าสอดคล้องไปกับโลกในยุคใหม่ เราจึงมีทั้งการประยุกต์นำเทคโนโลยีมาใช้ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถให้นักธุรกิจใช้เทคโนโลยีอย่างคล่องแคล่ว เพื่อโอกาส และประโยชน์สูงสุดของการทำงาน ก็คือเทคโนโลยีจะเข้าไปแทรกในหลาย ๆ กระบวนการทำงานของนักธุรกิจ สั่งของได้สะดวกขึ้น เร็วขึ้น วางแผนง่ายขึ้น แต่การขายไปถึงมือของ End-user จะยังเป็นลักษณะของการเผชิญหน้าเพื่อให้คำแนะนำ-บอกข้อดีของสินค้าโดยตรงอยู่เช่นเดิม”     ทั้งนี้ ปัจจุบันภาพรวมของ ซูเลียน (ประเทศไทย) ยังคงมีการเติบโตในตลาดขายตรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแบบชงดื่มเพื่อสุขภาพ ‘คอฟฟี่พลัส กาแฟผสมโสม’ สินค้าอันดับ 1 ของบริษัทฯ ที่มียอดขายมากกว่า 10 ล้านซองต่อปี และมียอดขายผลิตภัณฑ์รวม 2,000 ล้านบาทต่อปี มีการเดินหน้าขยายการเติบโตครอบคลุมในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถรองรับการเติบโตเป็นเครือข่ายที่สร้างโอกาสทางธุรกิจที่เป็นไปได้มากที่สุด   เพื่อสร้างสินค้าและสังคมที่มีคุณภาพ พร้อมสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้ทรงคุณค่าและดำรงอยู่ตลอดไป ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ  

12 Mar 2024


...

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ตามนโยบายภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค ดังนั้น SME D Bank  พร้อมเคียงข้างสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย คว้าโอกาสจากแนวโน้มการเติบโตของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะประเทศจีนที่เป็นตลาดใหญ่ มีกำลังซื้อสูง โดยร่วมกับ บริษัท ไบรท์สกาย เอวิเอชั่น จำกัด หรือ “Sky Vibe”  ผู้ให้บริการสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์บนเครื่องบินและจัดจำหน่ายสินค้าบนเครื่องบิน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยนำสินค้าวางจำหน่ายบนสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท แอร์” ในเส้นทางบินระหว่างประเทศ จากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิสู่ประเทศจีน รวม 9 เส้นทาง ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวจีน และต่างชาติ  ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพิ่มรายได้ ขยายตลาด คว้ากำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ และยังเป็นการขยายการรับรู้ Soft Power ไทย ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยด้วย      ทั้งนี้ SME D Bank จะส่งเสริมมอบความรู้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจนำสินค้าขายบนสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท แอร์”  ด้วยการจัดสัมมนาโครงการ “ติดปีกสินค้า SMEs ไทย สู่การขายบนสายการบิน” ในวันอังคารที่ 5 มีนาคม 2567 เวลา 13.00-18.00 น. ณ ห้องประชุมแก้ววิเชียร ชั้น 11 อาคาร SME Bank Tower สำนักงานใหญ่ SME D Bank เช่น แนะนำขั้นตอนการนำสินค้าจำหน่ายบนสายการบิน เทคนิคการทำตลาดโดยใช้ AI ผ่าน Chat GPT และ Google Bard  รวมถึง การเตรียมพร้อมเข้าถึงแหล่งทุน เป็นต้น สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจเข้างานโครงการ หรือใช้บริการด้านการพัฒนายกระดับกิจการ สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ และสมัครแจ้งความประสงค์ได้ที่แพลตฟอร์ม DX (dx.smebank.co.th) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357  

29 Feb 2024

...

SME D Bank แก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาลให้แก่เอสเอ็มอีไทยได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (รหัส 21) ภายใต้มาตรการ “3 ลดปลดหนี้” บรรเทาภาระการเงิน สร้างโอกาสเริ่มต้นใหม่ไปต่อได้ ทั้งพักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี ลดดอกเบี้ยให้ 1% และยกดอกเบี้ยค้างให้ทั้งหมด แจ้งความประสงค์ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิ.ย. 68 นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจ ดังนั้น SME D Bank  ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ พร้อมเคียงข้างช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลุ่มรหัส 21 (วงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 10 ล้านบาท และเป็น NPL ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566)  ซึ่งประสบความยากลำบากมายาวนาน และต่อเนื่อง  ธนาคารจึงดำเนินการช่วยเหลือต่อเนื่อง ผ่านมาตรการ “3 ลด ปลดหนี้” ทั้งลดผ่อน  ลดเงินต้น  และลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยบรรเทาภาระทางการเงิน และสร้างโอกาสเริ่มต้นใหม่ กลับมาเดินหน้าธุรกิจได้ดีอีกครั้ง โดยลูกหนี้รหัส 21 จะได้รับความช่วยเหลือเมื่อชำระตามเงื่อนไขของธนาคาร ได้แก่  พักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี  อีกทั้ง ระหว่างพักชำระเงินต้นได้ จะได้ลดดอกเบี้ย 1% ต่อปี นอกจากนั้น ยกดอกเบี้ยผิดนัดให้ทั้งหมด และหากปิดบัญชี ลดดอกเบี้ยค้างให้ 100%   สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2568 ณ สาขา SME D Bank ที่ใช้บริการสินเชื่อ  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357     นอกจากนั้น  SME D Bank ยังให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม  ด้าน “การพัฒนา” ผ่านโครงการ “SME D Coach” จัดทีมโค้ชมืออาชีพให้คำปรึกษาแนะนำและดูแลแก้ปัญหาให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างใกล้ชิด จนสามารถปรับตัว และก้าวผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี รวมถึง มีแพลตฟอร์มเสริมแกร่งธุรกิจครบวงจรเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชม. ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (https://dx.smebank.co.th/)  

09 Feb 2024

...

นางสาว ปริม ปัญญาเสรีพร ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เทศกาล “ตรุษจีน” เป็นช่วงเวลาสำคัญทางวัฒนธรรมและประเพณีของชาวจีนรวมถึงคนไทยเชื้อสายจีนที่จะได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์พร้อมหน้ากันภายในครอบครัวเพื่อความเป็นสิริมงคลรับปีใหม่ โดยทุกๆ ปีของช่วงเทศกาลดังกล่าว ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดห้องอาหารจีนในโรงแรมจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ เคทีซีจึงได้จับมือกับ 18 ห้องอาหารจีนจากพันธมิตรโรงแรมชั้นนำในกรุงเทพมหานคร มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกได้เฉลิมฉลองกับเทศกาลสำคัญอย่างคุ้มค่า เพียงสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี รับส่วนลดสูงสุด 30% โดยไม่ต้องใช้คะแนน KTC FOREVER ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567  สำหรับ 18 โรงแรมชั้นนำที่ร่วมรายการ ได้แก่ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท / โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค / โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ / โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ / โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพ สุขุมวิท / โรงแรมคอนราด กรุงเทพ / โรงแรม ดุสิต ปริ้นเซส ศรีนครินทร์ / โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ บางนา / โรงแรมโนโวเทลกรุงเทพ สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต / โรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพ /โรงแรมเรดิสัน บลู พลาซ่า กรุงเทพ / โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ / โรงแรมเอสซี ปาร์ค / โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล / โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ / โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ / โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ และเดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ KTC PHONE  02 123 5000 หรือที่เว็บไซต์ https://www.ktc.co.th/promotion/dining/hotel-dining สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก เคทีซี ทัช ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์  https://ktc.today/apply-card     หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% 

04 Feb 2024

...

เพราะทุกคนมีภาพความงดงามของกรุงเทพฯ ในใจที่แตกต่างกัน ครั้งแรกกับเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 (Bangkok Design Week 2024) ที่กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายไอเดียสร้างสรรค์ ภายใต้คอนเซปต์ “กรุงสี by กรุงศรี” (The City of Colours) ชวนทุกคนมาออกแบบและแชร์ไอเดียสีสันของกรุงเทพฯในแบบที่คุณอยากเห็น ให้กรุงเทพฯสดใสและน่าอยู่ยิ่งขึ้นและสามารถตอบโจทย์กับทุก ๆ รูปแบบของการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงวัยได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสม เพื่อให้ทุกคนได้มีชีวิตง่ายได้ทุกวัน พบกันได้ตั้งแต่ 27 มกราคม ถึง 4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก กรุงเทพฯ   นางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารแบรนด์และการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงเทพฯไม่เพียงเป็นเมืองหลวง แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของโมเดลการพัฒนาในหลายมิติ รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยกรุงศรีพร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนกรุงเทพฯให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ มีศักยภาพสำหรับการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงวัยอย่างแท้จริง ซึ่งเทศกาล Bangkok Design Week 2024 ครั้งนี้ก็มีโจทย์สนุก ๆ กับแนวคิดที่อยากให้กรุงเทพฯ เป็น Livable scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดีที่น่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของแบรนด์กรุงศรีที่อยากเห็นทุกคนมี “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” เราไม่เพียงดูแลในเรื่องทางการเงิน แต่ยังอยากเห็นทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิตในทุกๆ วันมากยิ่งขึ้น”   “กรุงสี by กรุงศรี” (The City of Colours) ออกแบบผลงานดังกล่าวเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วม โดยการให้คนนึกถึงกรุงเทพฯ เชิญชวนให้ผู้เข้าชมงานได้ฉุกคิดกับคำถาม “อยากเห็นกรุงเทพฯสีอะไร” และนำทุกคนเข้าไปอยู่ในกรุงเทพฯในสีที่อยากเห็นผ่านกิจกรรมการถ่ายภาพ พร้อมสรุปผลของผู้เข้าร่วมชมงานกับสีของกรุงเทพฯที่ทุกคนอยากเห็น ซึ่งเชื่อว่าจุดเล็ก ๆ ที่จุดประกายให้เกิดการต่อยอด เพื่อสร้างสรรค์กรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่สดใสและน่าอยู่ยิ่งขึ้น เป็นเมืองที่จะส่งเสริมให้เราได้ใช้ชีวิตง่าย ๆ ในแบบของทุกคนเอง นอกจากนี้ เพื่อช่วยสนับสนุนกรุงเทพฯ น่าอยู่ขึ้น กรุงศรีจะนำเชือก ซึ่งเป็นวัสดุหลักในงานออกแบบครั้งนี้ นำกลับไปใช้ซ้ำ (Reuse)     พบกับ “กรุงสี by กรุงศรี” (The City of Colours) พร้อมโซนกิจกรรมถ่ายภาพ เลือกกรุงเทพฯที่คุณอยากเห็น รับภาพถ่าย ทั้งตัวพรินต์ (Print) และไฟล์ที่ทุกคนสามารถแชร์กรุงเทพฯที่คุณอยากเห็น ผ่านโลกโซเชียลได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก กรุงเทพฯ  

28 Jan 2024

...

เคทีซีมอบสิทธิพิเศษเอาใจนักช้อปออกแคมเปญ “KTC New Year Shopping 2024 at Department Stores” ช้อปคุ้มกว่ากับสิทธิ์แลกรับส่วนลดเพิ่มหรือเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% ทุกวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ที่ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 35% เมื่อใช้จ่ายพร้อมรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์สูงสุด 50,000 บาท ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 จากมาตรการ “อีซี่ อี - รีซีท” หวังช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ 70,000 ล้านบาทตามความคาดหมายของรัฐบาล นายสรชัช ศรีลมูล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการ “อีซี่ อี – รีซีท” (Easy E-Receipt) โดยให้สิทธิ์กับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ยกเว้นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาทเพื่อกระตุ้นบริโภคภายในประเทศและคาดหวังมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้เกิดเม็ดเงินสะพัดสู่ระบบเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า70,000 ล้านบาท เคทีซีจึงได้ออกแคมเปญ “KTC New Year Shopping 2024 at Department Stores” ร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ร่วมรายการซึ่งสามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อเป็นการสนับสนุนมาตรการของภาครัฐและกระตุ้นให้เกิดการบริโภคในประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้ สิทธิพิเศษ แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 18% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตฯ ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ร่วมรายการได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขา / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์และเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ทุกสาขา /  ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม / เอ็มควอเธียร์และดิเอ็มสเฟียร์ เฉพาะโซนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ / ห้างสรรพสินค้าพารากอน / ห้างสรรพสินค้าบลูพอร์ต หัวหิน / ห้างสรรพสินค้าสยามทาคาชิมายะ / สยามดิสคัฟเวอรี่เฉพาะในส่วนของพื้นที่โอเพ่น สเปซ (เคาน์เตอร์แบรนด์สินค้าที่ร่วมรายการ) และไอคอนสยามเฉพาะในส่วนของพื้นที่โอเพ่น สเปซ (เคาน์เตอร์แบรนด์สินค้าที่ร่วมรายการ) โดยมีรายละเอียดดังนี้ แลกรับส่วนลดเพิ่ม 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ต่อเซลส์สลิป 5,000 บาทขึ้นไป และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกรับส่วนลดเพิ่ม 15%  (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ต่อเซลส์สลิป 1 - 4,999 บาท และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกรับส่วนลดเพิ่ม 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี) ไม่กำหนดยอดการใช้จ่ายขั้นต่ำ และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป ห้างสรรพสินค้าโรบินสันทุกสาขา มีรายละเอียดดังนี้ แลกรับส่วนลดเพิ่ม 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)ยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป 4,000 บาทขึ้นไป และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกรับส่วนลดเพิ่ม 15%  (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)ยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป 1 - 3,999 บาท และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกรับส่วนลดเพิ่ม 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี) ไม่กำหนดยอดการใช้จ่ายขั้นต่ำ และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป   สิทธิพิเศษ แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% เมื่อมียอดใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตฯ บนช่องทางบริการสั่งซื้อสินค้าของห้างสรรพสินค้า ได้แก่  Line Chat & Shop / Facebook Live และ Personal Shopper 1425 / Central Online Application และ www.central.co.th  ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หรือ ช่องทาง M Chat & Shop / Call To Order และ Live Personal Shopper / M Online Application และ www.monline.com ของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์กรุ๊ป  โดยมีรายละเอียดดังนี้ แลกรับเครดิตเงินคืน 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 5,000 บาทขึ้นไป และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืน 15% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 1 - 4,999 บาท และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืน 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี) และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ   เมื่อมียอดใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตฯ บนช่องทาง Line Chat & Shop / Facebook Live และ Personal Shopper 1425 ของห้างสรรพสินค้าโรบินสัน โดยมีรายละเอียดดังนี้ แลกรับเครดิตเงินคืน 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 4,000 บาทขึ้นไป และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืน 15% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 1 - 3,999 บาท และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืน 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี) และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ   ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/shopping/department-store-shopping-complex/year-end-new-year สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี

10 Jan 2024

...

  คุณอัยรินทร์  จุลล์จักรวงศา  กรรมการผู้จัดการ   บริษัท  ซูเลียน (ประเทศไทย)  จำกัด  มอบเงินบริจาค จำนวน 100,000 บาท ให้แก่ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เพื่อนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับใช้ในโรงพยาบาล โดยมี พญ.ณิชาภา สวัสดิกานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เป็นผู้รับมอบ ณ อาคารศรีสุราลัย  โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เมื่อเร็ว ๆ นี้

06 Jan 2024

ราชการ - รัฐวิสาหกิจ / ENERGY - พลังงาน

...

รัฐมนตรีฯ กระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจเยี่ยมและมอบโยบายการทำงานแก่ SME D Bank แนะใช้แนวทาง “รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง” ยกระดับองค์กร เพื่อเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย ด้าน SME D Bank ขานรับ ชูเรือธง  “เติมทุนคู่พัฒนา” สนับสนุนเอสเอ็มอีสู่ความสำเร็จ ส่งต่อคุณประโยชน์สู่ทุกภาคส่วน พาเศรษฐกิจและสังคมไทยเติบโตเข้มแข็งยั่งยืน   นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลัง ว่า ได้มอบนโยบายการทำงานแก่คณะกรรมการ และคณะผู้บริหาร SME D Bank  ให้เดินหน้าสนับสนุนเอสเอ็มอีกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง สอดคล้องกับ Thailand Vision ที่ตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใน 8 ด้าน ได้แก่ การท่องเที่ยว การแพทย์-สุขภาพ อาหาร การบิน การขนส่ง ยานยนต์อนาคต ดิจิทัล และการเงิน โดยให้บริการด้านการพัฒนาควบคู่กับการให้สินเชื่อ พร้อมเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายพันธมิตรภายในและภายนอกกระทรวงอุตสาหกรรม   ทั้งนี้ ขอให้ SME D Bank นำแนวทาง “รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง” มายกระดับขั้นตอนการทำงาน หมายถึง รื้อ ลด และปลด สิ่งที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี พร้อมกับสร้างสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนเอสเอ็มอี  เช่น การพัฒนาศูนย์ One Stop Service สำหรับให้บริการกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกระบวนการ และมุ่งสู่การเป็น Digital Banking โดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ ธนาคารจะต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูล Data Warehouse และระบบ Core Banking System (CBS) ที่ธนาคารพัฒนาขึ้น เพื่อนำไปวิเคราะห์ วิจัย และประมวลผลให้ได้ข้อมูลเชิงลึก (SME Insight) สำหรับกำหนดเป็นนโยบายสนับสนุนเอสเอ็มอีต่อไป นอกจากนั้น SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ จะต้องวางภาพลักษณ์องค์กรเป็น Professional Banking มีวัฒนธรรมการทำงานที่โปร่งใส เป็นธรรม และเป็นมืออาชีพ   “ดิฉันมั่นใจในศักยภาพของ SME D Bank และยินดีที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของ SME D Bank ในทุกมิติ เพื่อให้ SME D Bank เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล สามารถช่วยเหลือและเพิ่มศักยภาพแก่เอสเอ็มอีไทย ซึ่งจะสร้างประโยชน์ ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ ประชาชนมีรายได้ คุณภาพชีวิตดีขึ้น ส่งต่อประโยชน์ไปยังทุกภาคส่วน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้ประเทศไทยเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน” นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว   นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานกรรมการ SME D Bank กล่าวว่า  SME D Bank พร้อมขานรับดำเนินการตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านกระบวนการ “เติมทุนคู่พัฒนา” ช่วยเอสเอ็มอีเติบโตอย่างเข้มแข็ง  โดยด้าน “การเงิน” จัดเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่มเอสเอ็มอี วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังเป็นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ผ่อนนานพิเศษสูงสุด 15 ปี และปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 24 เดือน ช่วยลดภาระทางการเงิน อีกทั้ง ใช้กลไกบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สนับสนุนกลุ่มที่ไม่มีหลักประกันให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ ขณะเดียวกัน พิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา SME D Bank ดูแลช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง สามารถพาเข้าถึงแหล่งเงินทุนกว่า 231,250 ล้านบาท ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยกว่า  1 ล้านล้านบาท และช่วยรักษาการจ้างงานได้กว่า 752,345 ราย ควบคู่กับช่วยพัฒนาเสริมศักยภาพเอสเอ็มอีกว่า 75,000 ราย อีกทั้ง ช่วยเหลือผ่านมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน (ฟ้า-ส้ม) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กว่า 83,520 ราย วงเงินรวมกว่า 145,240 ล้านบาท   ส่วนด้าน “การพัฒนา” ยกระดับศักยภาพเอสเอ็มอี ผ่านโครงการ SME D Coach ที่เชื่อมโยงการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 50 แห่งมาไว้ในจุดเดียว เน้นเติมความรู้ใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.การตลาด  2.มาตรฐาน พัฒนาผลิตภัณฑ์  3. เทคโนโลยีและนวัตกรรม 4. การเงิน เขียนแผนธุรกิจ บัญชี ภาษี 5.การผลิต และ  6.บ่มเพาะเตรียมพร้อมเข้าสู่แหล่งทุน ทั้งนี้ SME D Bank ยังดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล แก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบให้แก่ประชาชนและเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลุ่มรหัส 21 (วงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 10 ล้านบาท และเป็น NPL  ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566) ผ่านมาตรการต่าง ๆ  เช่น พักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี อีกทั้ง ระหว่างพักชำระเงินต้นจะได้ลดดอกเบี้ย 1% ต่อปี นอกจากนั้น ยกดอกเบี้ยผิดนัดให้ทั้งหมด และหากปิดบัญชี ลดดอกเบี้ยค้างให้ 100% เป็นต้น สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2568 ณ สาขา SME D Bank ที่ใช้บริการสินเชื่อ   สำหรับปีนี้ (2567) SME D Bank ยังเดินหน้ากระบวนการ “เติมทุนคู่พัฒนา” พร้อมยกระดับนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการเอสเอ็มอีได้คลอบคลุม และกว้างขวางยิ่งขึ้น ได้แก่ ระบบ Core Banking System (CBS) ที่สามารถให้บริการทางการเงินได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง และแพลตฟอร์ม DX  (Development Excellent) ระบบพัฒนาผู้ประกอบการอัจฉริยะ สร้างสังคมของการเรียนรู้  e-Learning ศึกษาได้ด้วยตัวเอง 24 ชม. ช่วยเติมศักยภาพให้เอสเอ็มอีสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน  

14 Mar 2024


...

เลขาธิการ กบข. คนใหม่ “ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์” พร้อมเริ่มงานรับตำแหน่ง มีเป้าหมายพัฒนา กบข.เป็นกองทุนที่มีความมั่งคั่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่สมาชิก และสร้างฐานการคลังไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เข้ามาปฏิบัติหน้าที่วันแรก โดยมีผู้บริหารและพนักงาน กบข. ให้การต้อนรับ หลังจากได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการ กบข. ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญการบริหารการเงิน การคลัง และการลงทุน มีวิสัยทัศน์ที่ตรงกับภารกิจของ กบข. และมีเป้าหมายการดำเนินงานที่จะพัฒนาองค์กรให้เป็นกองทุนที่มีความมั่งคั่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่สมาชิก และสร้างฐานการคลังไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน   ทั้งนี้ นายทรงพล มีประสบการณ์การทำงานด้านการบริหารการเงิน การคลัง และการลงทุนในตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด กรรมการบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์จำกัด (มหาชน) กรรมการองค์การเภสัชกรรม กรรมการบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน)   ด้านการศึกษา นายทรงพล จบการศึกษา ระดับปริญญาโทจาก Master of Business Administration with Finance, Case Western Reserve University ระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต B.S. Finance, University of Findlay นอกจากนี้ ยังผ่านหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงอื่น ๆ อาทิ นักบริหารการเงินการคลังระดับสูง รุ่นที่ 3 กรมบัญชีกลาง และหลักสูตรต่าง ๆ ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ดังนี้ หลักสูตร Corporate Governance for Capital Market Intermediaries (CGI) รุ่นที่ 7/2015 หลักสูตร Director Certification Program (DCP) รุ่นที่ 231/2016 และหลักสูตร IT Governance and Cyber Resilience Program (ITG) รุ่นที่ 15/2020

13 Mar 2024

...

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 นายรณชัย วินทวามร ผู้ช่วยเลขาธิการกลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เป็นตัวแทน กบข. เข้ารับประกาศนียบัตรรางวัลชุดข้อมูลเปิดทรงคุณค่า จาก ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายในงานวันข้อมูลเปิดนานาชาติ (International Open Data Day 2024) ณ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย     โดย กบข. ได้ให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เหมาะสม และเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้ใช้หลักธรรมาภิบาล เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก และผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดมาโดยตลอด ทั้งนี้ งานวันข้อมูลเปิดนานาชาติ (International Open Data Day 2024) จัดขึ้นโดย สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ภายใต้หัวข้อ “Data-Driven for Sustainability: การขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อส่งเสริมการใช้งานระบบข้อมูลแบบเปิด (Open Data) ที่เป็นกุญแจสำคัญในการเดินหน้าประเทศสู่การเป็นรัฐบาลเปิดได้อย่างยั่งยืน    

10 Mar 2024

...

กบข. จัดส่งเอกสารใบแจ้งยอดเงินประจำปี พร้อมเปิดให้สมาชิกดาวน์โหลด e-Statement แล้ว พร้อมประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกเลือกรับ e-Statement ในปีถัดไป เพื่อร่วมกันรักษ์โลก ลดการใช้กระดาษ   นายอาสา อินทรวิชัย รองเลขาธิการกลุ่มงานลงทุนและค้าตราสาร รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข. ) เปิดเผยว่า กบข. ได้ดำเนินการจัดส่งเอกสารใบแจ้งยอดเงินสมาชิกประจำปี 2566 ให้กับสมาชิกทั่วประเทศแล้ว ทั้งในรูปแบบเอกสารผ่านหน่วยงานต้นสังกัด และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Statement) ตามที่อยู่อีเมลของสมาชิกที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับ e-Statement ไว้ โดยใบแจ้งยอดเงินสมาชิก จะแสดงข้อมูลรายละเอียดยอดเงิน ณ สิ้นปี 2566 ทั้งเงินสะสมที่สมาชิกนำส่ง เงินที่รัฐสมทบให้ และผลตอบแทนที่ กบข. บริหารให้ แจกแจงตามประเภทของเงินและตามแผนการลงทุน สำหรับยอดเงิน กบข. ที่สมาชิกจะนำไปใช้ในประกอบการยื่นภาษีประจำปี จะอยู่ในส่วน “เอกสารรับรองการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อกรมสรรพากร” บริเวณด้านล่างของใบแจ้งยอดเงินหน้าแรก ทั้งนี้ กบข. ได้อำนวยความสะดวกให้แก่สมาชิก ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลการนำส่งเงินสะสมเข้ากองทุนกับทางกรมสรรพากร เมื่อยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ จะแสดงข้อมูลเงินสะสม กบข. อัตโนมัติ โดยสมาชิกจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนของยอดเงินสะสมระหว่างปี 2566 ซึ่งเมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท     ทั้งนี้ สมาชิก กบข. สามารถดาวน์โหลด e-Statement ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ดังนี้ 1. My GPF Application ที่เมนู "ดาวน์โหลด e-Statement" 2. My GPF Website ที่เมนู "บัญชีของฉัน" และเลือก "ดาวน์โหลด e-Statement" และ 3. LINE กบข. @gpfcommunity เข้าผ่านสมาร์ตโฟน ที่เมนู "ดาวน์โหลดใบแจ้งยอดเงินประจำปี 2566" ในเมนูหน้าแชท ซึ่งสมาชิกจะได้รับใบแจ้งยอดเงินเป็นไฟล์สกุล .pdf ที่มีรหัสผ่านเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลสมาชิก นาย อาสา กล่าวเพิ่มเติมว่า ใบแจ้งยอดเงินสมาชิก ถือเป็นเอกสารสำคัญ ที่ กบข. ต้องแจ้งความเคลื่อนไหวเงินในบัญชีให้สมาชิกได้รับทราบ โดยในแต่ละปี กบข. ต้องผลิตใบแจ้งยอดเงิน เฉลี่ย 5 ล้านแผ่น จึงขอเชิญชวนให้สมาชิกลงทะเบียนรับ e-Statement นอกจากจะทำให้สมาชิกสามารถดูใบแจ้งยอดเงินได้ตลอดผ่านช่องทางออนไลน์ของ กบข. ที่สะดวกรวดเร็ว ยังได้มีส่วนช่วยในการลดการใช้กระดาษ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร 1179

06 Feb 2024

...

ธ.ก.ส. โอนเงินตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ไร่ละพัน) ปีการผลิต 2566/67 รอบที่ 5 จำนวนกว่า 5 หมื่นครัวเรือน เป็นเงินกว่า 345 ล้านบาททั่วประเทศ นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า วันนี้ ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการโอนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุด     ไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาท กรอบวงเงินรวม 54,336 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 4.68 ล้านครัวเรือน โดยมีกำหนดจ่ายรอบที่ 5 จำนวน 5 หมื่นครัวเรือน เป็นเงิน 345 ล้านบาท ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ไปแล้ว 4 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. - 2 ธ.ค. 2566 รอบที่ 2 เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2566 รอบที่ 3 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2566 และรอบที่ 4 เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2567 โดยจากการโอนเงินดังกล่าว สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้แล้วกว่า 4.62 ล้านครัวเรือน เป็นเงินจำนวน 52,941 ล้านบาท ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง จะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่านบริการ BAAC Connect ทาง Line: BAAC Family ด้วย หรือผ่านทาง https://chongkho.inbaac.com      

04 Feb 2024

...

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยเทรนด์การผลิตเฟอร์นิเจอร์ โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติมาแรงในกลุ่มประเทศนอร์ดิก หลังมีส่วนช่วยในการปกป้องสิ่งแวดล้อม แนะผู้ประกอบการไทยศึกษา และนำมาปรับใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ มั่นใจมีโอกาสทำตลาดได้เพิ่มขึ้น   นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวณิชพร วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโคเปเฮเกน เดนมาร์ก ถึงผลการสำรวจตลาดเฟอร์นิเจอร์ ที่มีการพัฒนานวัตกรรมวัตถุดิบจากธรรมชาติ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม ทำให้ตลาดมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และโอกาสในการขยายตลาดเฟอร์นิเจอร์ของไทย โดยทูตพาณิชย์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทผู้ประกอบการนอร์เวย์ ได้มีการพัฒนานวัตกรรมวัตุดิบเฟอร์นิเจอร์จากธรรมชาติเพิ่มขึ้น เช่น บริษัท Agoprene จากกรุงออสโล พัฒนานวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า Biofoam ที่เข้ามาทดแทนโฟมดั้งเดิมที่ผลิตจากพลาสติก เพื่อนำมาใช้เป็นวัสดุบุในเฟอร์นิเจอร์ โดยเริ่มต้นการวิจัยและทดลองจากการใช้เปลือกหอยนางรม บดเป็นผง และเปลี่ยนเป็นวัสดุฟอง ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับที่ใช้กับขยะเกษตรกรรม (Agricultural waste) และเส้นใยไม้ (wood fibres) ที่ใช้ในปัจจุบัน แต่พบปัญหาว่า หลังจากได้ลองใช้วัสดุต่าง ๆ มากมาย ส่วนใหญ่กลับกลายเป็นโฟมแข็ง ไม่สามารถสร้างความยืดหยุ่นได้ จนในที่สุด ได้ค้นพบวิธีที่สามารถทำให้โฟมยืดหยุ่นได้ คือ การใช้สาหร่ายมาเป็นวัตถุดิบการผลิต โดยแปลงเป็นผงและอบในเตาอบแบบพิเศษ โดยจะสร้างโฟมเป็นลักษณะบล็อก ซึ่งมีความนุ่มเพียงพอสำหรับใช้กับเบาะรองนั่งและเก้าอี้ โดยเป้าหมายของบริษัท คือ การลดการใช้พลาสติกโพลีเมอร์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในชิ้นส่วนการผลิตเฟอร์นิเจอร์ กล่าวคือ การพัฒนาวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นชิ้นส่วนในหมอน โซฟา และเบาะเก้าอี้ ทั้งนี้ โฟมจากสาหร่าย สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ 100% ลูกค้าสามารถทิ้งโฟมนี้ไว้ในดิน และโฟมจะย่อยสลายตามธรรมชาติภายในเวลา 8 เดือน หรือเร็วกว่านั้น หากหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาโอกาสในการขยายปริมาณการผลิตโดยการย้ายไปยังโรงงานผลิตที่ใหญ่ขึ้นในปีหน้า ขณะเดียวกัน มีข้อมูลอีกว่า บริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์จากเดนมาร์ก คือ Mater ได้ผลิตเก้าอี้และพนักพิงที่ทำจากวัสดุเปลือกเมล็ดกาแฟ และขี้เลื่อยที่เหลือจากการผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่อื่น และผลิตเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งที่ทำจากขยะจากมหาสมุทร ส่วนบริษัทเฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่ของโลก IKEA จากสวีเดน ได้วางนโยบายการใช้เฉพาะวัสดุหมุนเวียนและรีไซเคิลมาใช้เป็นวัตถุดิบในผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์เท่านั้นภายในปี 2573 นายภูสิตกล่าวว่า จากแนวโน้มเฟอร์นิเจอร์ในกลุ่มประเทศนอร์ดิกที่ให้ความสำคัญกับวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การออกแบบที่เรียบง่าย และความมุ่งมั่นต่อความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการเลือกใช้วัสดุธรรมชาติและอินทรีย์ เช่น สาหร่าย เปลือกเมล็ดกาแฟ และขี้เลื่อย รวมถึงการนำวัสดุอื่น ๆ จากธรรมชาติมาใช้ เช่น ผ้าลินิน ขนสัตว์ และปอ โดยวัสดุเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศสบาย ๆ กับผู้ใช้ด้วย ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการมากขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่า ในการออกแบบมีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ถอดส่วนประกอบได้ รีไซเคิลได้ ออกแบบที่เรียบง่าย มีการผลิตแบบประหยัดพลังงาน การใช้ไม้จากแหล่งที่ยั่งยืน และไม้ที่ได้รับการรับรอง และนิยมเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับแต่งเข้ากับห้องได้หลายรูปแบบ (Modular Furniture) ซึ่งผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ของไทย หากต้องการเจาะตลาดในกลุ่มประเทศนอร์ดิก ควรจะศึกษารูปแบบการผลิตที่เน้นการใช้วัสดุที่ปกป้องสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรม หากทำได้ตามนี้ ก็จะมีโอกาสในการส่งออกและทำตลาดได้มากขึ้น สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169  

21 Jan 2024

...

  นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  พร้อมคณะผู้บริหารธนาคาร เข้าพบ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง  นางวรนุช ภู่อิ่ม รองปลัดกระทรวงการคลัง  และนายชาญวิทย์ นาคบุรี รองปลัดกระทรวงการคลัง  เพื่อสวัสดีปีใหม่  2567     พร้อมรับมอบคำอวยพร เพื่อความเป็นสิริมงคลในการทำงานของ SME D Bank ในการเดินหน้าภารกิจ “ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย” ณ กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567  

12 Jan 2024

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) เผยว่าในวาระครบรอบ 75 ปี OCEAN LIFE ไทยสมุทร เดินหน้าก้าวสู่ยุคใหม่ที่จะสร้างโลกให้คนไทยจะมีชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้น ด้วยแนวคิด HEALTHIVERSE พร้อมกับให้ความสำคัญกับเรื่องการออมและการวางแผนการเงินควบคู่กันไปด้วย ทั้งยังคงมุ่งเน้นทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคนโดยเฉพาะกับกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่  ซึ่งล่าสุด! ได้ส่ง ประกันออมทรัพย์ไซซ์เล็ก “โอชิ สมอล เซฟไลฟ์ 18/10” ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ ที่เริ่มทำประกันชีวิตฉบับแรก ให้วางแผนการเงินได้เร็วกว่า เริ่มต้นง่ายเพียงแค่จ่ายเบี้ยฯ เดือนละ 500 บาท  และขอทำประกันได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์    “โอชิ สมอล เซฟไลฟ์ 18/10”  จ่ายเบี้ยสบายๆ เริ่มต้นแค่ 500 บาทต่อเดือน จ่ายเบี้ยฯ 10 ปี ให้ความคุ้มครอง 18 ปี และเมื่อครบกำหนดสัญญาในปีสุดท้ายรับเงินคืน 150%  ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ให้ความคุ้มครองชีวิตสูงสุดถึง 450% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย (กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ) รับประกันภัยบุคคลอายุตั้งแต่ 30 วัน – 55 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายเดือน ไม่ต้องตรวจสุขภาพ แต่แถลงสุขภาพในใบคำขอเอาประกันภัย  โดยเบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนด สนใจแบบประกันออนไลน์ คลิก https://oceanlifeth.co/Product-Ochi-Smallsafelife-18-10   OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรมายาวนาน 75 ปี โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติ เพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคม เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER  1503

18 Mar 2024

...

  นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) มอบเงินจำนวน 600,000 บาท แก่ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก ด้านค้นคว้าและอบรมโรคติดเชื้อไวรัสสัตว์สู่คน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานเว็บไซต์ www.trceid.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เผยแพร่ความรู้และข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ โดยสนับสนุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ณ อาคารไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่

17 Mar 2024

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารออมสินได้จัดทำมาตรการแก้หนี้และดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้ทุกกลุ่มมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มเริ่มค้างชำระ กลุ่มลูกหนี้ NPLs และลูกหนี้ในกระบวนการฟ้องร้อง แต่ด้วยขณะนี้ ยังมีลูกหนี้จำนวนหนึ่งยังประสบปัญหาเรื่องรายได้ไม่เพียงพอ ทำให้ส่งผลต่อการผ่อนชำระหนี้รายเดือน ทั้งนี้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระลูกหนี้ และช่วยไม่ให้ลูกหนี้เสียเครดิตทางการเงินในระยะยาว ธนาคารออมสินได้เตรียมแผนการชำระหนี้หลายแนวทางให้แก่ลูกหนี้แต่ละรายตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้เป็นรายบุคคล อาทิ พักชำระเงินต้น และจ่ายดอกเบี้ยเต็มจำนวนหรือจ่ายบางส่วน หรือเป็นไปตามแผนการชำระหนี้ที่ธนาคารอนุมัติให้ จึงขอชวนลูกหนี้ทุกประเภทสินเชื่อ ทุกสถานะที่ประสบปัญหาไม่ว่าจะเป็นรายย่อยหรือธุรกิจ SME ทั้งลูกหนี้ที่ค้างชำระไม่เกิน 90 วัน และสถานะยังไม่เป็น NPLs หรือ ลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPLs ณ วันที่ 31 ธ.ค.66 สามารถติดต่อขอคำปรึกษาและร่วมหาแนวทางแก้ไขหนี้ร่วมกัน ได้ที่ธนาคารออมสินสาขาเจ้าของบัญชีหรือสาขาที่สะดวกทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สำหรับมาตรการ 4 ไม่ เพื่อชะลอดำเนินการทางคดี ไม่ฟ้อง ไม่ยึดทรัพย์ ไม่ขายทอดตลาด และไม่ฟ้องล้มละลาย ซึ่งขยายระยะเวลาจากเดิมปี 2566 และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2567 นี้ เพื่อให้ลูกหนี้สามารถเข้าร่วมมาตรการแก้ไขหนี้กับธนาคารข้างต้นได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 และที่ facebook : GSB Society.  

17 Mar 2024

...

เลขาธิการ กบข. คนใหม่ “ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์” พร้อมเริ่มงานรับตำแหน่ง มีเป้าหมายพัฒนา กบข.เป็นกองทุนที่มีความมั่งคั่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่สมาชิก และสร้างฐานการคลังไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เข้ามาปฏิบัติหน้าที่วันแรก โดยมีผู้บริหารและพนักงาน กบข. ให้การต้อนรับ หลังจากได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการ กบข. ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญการบริหารการเงิน การคลัง และการลงทุน มีวิสัยทัศน์ที่ตรงกับภารกิจของ กบข. และมีเป้าหมายการดำเนินงานที่จะพัฒนาองค์กรให้เป็นกองทุนที่มีความมั่งคั่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่สมาชิก และสร้างฐานการคลังไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน   ทั้งนี้ นายทรงพล มีประสบการณ์การทำงานด้านการบริหารการเงิน การคลัง และการลงทุนในตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด กรรมการบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์จำกัด (มหาชน) กรรมการองค์การเภสัชกรรม กรรมการบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน)   ด้านการศึกษา นายทรงพล จบการศึกษา ระดับปริญญาโทจาก Master of Business Administration with Finance, Case Western Reserve University ระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต B.S. Finance, University of Findlay นอกจากนี้ ยังผ่านหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงอื่น ๆ อาทิ นักบริหารการเงินการคลังระดับสูง รุ่นที่ 3 กรมบัญชีกลาง และหลักสูตรต่าง ๆ ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ดังนี้ หลักสูตร Corporate Governance for Capital Market Intermediaries (CGI) รุ่นที่ 7/2015 หลักสูตร Director Certification Program (DCP) รุ่นที่ 231/2016 และหลักสูตร IT Governance and Cyber Resilience Program (ITG) รุ่นที่ 15/2020

13 Mar 2024

Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner