Responsive image

Sunday, 11 May 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


"ทิพยประกันภัย" เผยกำไรครึ่งปีแรกกว่า 1,052 ล้านบาท ยกฐานะเป็นโฮลดิ้งส์ขยายการลงทุน-รุกต่างประเทศ

Fri 21/08/2563


บมจ.ทิพยประกันภัย โชว์ผลงาน 6 เดือนแรก ปี 63 สวนกระแสเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำกำไรสุทธิทะลุ 1,052.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% โดยเบี้ยประกันภัยรับรวม 11,615.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.86 % “ดร.สมพร” เผยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ผลักดันให้เบี้ยประกันภัยโตทุกประเภท พร้อมปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ ยกฐานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน รุกขยายธุรกิจต่างประเทศ หวังก้าวสู่บริษัทประกันภัยชั้นนำในภูมิภาค

 ดร.สมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานประจำงวด 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2563 ว่า บริษัทฯมีอัตราการขยายตัวของกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนกระแสกับภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างชัดเจนหลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีกำไรสุทธิรวมกว่า 1,052.57 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.75 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 953.33 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.59 บาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 99.24 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 10.41%

สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2563 บมจ.ทิพยประกันภัย สามารถทำเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 11,615.54 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 9,302.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 2,312.97 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.86%

ดร.สมพร กล่าวเพิ่มเติมว่า เบี้ยประกันภัยรับรวมที่เพิ่มขึ้นเกือบ 25% สืบเนื่องจากบริษัทฯ ได้พัฒนาศักยภาพการให้บริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรับทุกประเภทขยายตัวเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเบี้ยประกันอัคคีภัย เพิ่มขึ้น 7.23% เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง เพิ่มขึ้น 34.07% เบี้ยประกันภัยรถยนต์ เพิ่มขึ้น 35.32% และเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด เพิ่มขึ้น 24.45%

ขณะที่ฐานะการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 บมจ.ทิพยประกันภัย มีสินทรัพย์รวม 42,503.89 ล้านบาท หนี้สินรวม 34,695.70 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 7,808.19 ล้านบาท

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ที่ลุกลามและขยายวงกว้างไปทั่วโลกนั้น ดร.สมพร กล่าวว่า บมจ.ทิพยประกันภัย ได้ตระหนักถึงความวิตกกังวลของประชาชนคนไทย จึงได้นำเสนอกรมธรรม์ประกันภัยความคุ้มครองการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ที่ครอบคลุมทั้งการดูแลค่ารักษาพยาบาล รวมถึงจะได้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคโควิด - 19 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนทั่วไป

ขณะเดียวกันยังได้นำนวัตกรรมใหม่มาให้บริการแก่ลูกค้าของบริษัทฯ ด้วยการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเปิดตัวแอปพลิเคชัน Doctor Anywhere เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถรับการตรวจหาเชื้อ หรือรับคำปรึกษาผ่านระบบออนไลน์ โดยจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา วินิจฉัยอาการในเบื้องต้น รวมถึงบริการนำส่งยาถึงบ้านอีกด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) โดยลูกค้าไม่ต้องออกจากบ้าน สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าอีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ บมจ.ทิพยประกันภัย ได้ยึดนโยบายการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สอดรับกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมารองรับหลังวิกฤตโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ด้วยการเปิดตัว โครงการ “TIP ปันสุข” รวมทั้งสิ้น 4 ซีรี่ส์หลัก คือ เที่ยวปันสุข , TIP อิ่มสุข , เกษตรเป็นสุข และTIP เติมสุข โดยเปิดตัวด้วยซีรี่ส์แรก เที่ยวปันสุข ที่จะรองรับโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ “เราเที่ยวด้วยกัน” ประชาชนสามารถเลือกซื้อกรมธรรม์ประกันภัยราคาประหยัดที่สามารถสร้างหลักประกันและความมั่นใจในการเดินทางท่องเที่ยว ขณะที่อีก 3 ซีรี่ส์จะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องเร็วๆ นี้

“ทุกโครงการที่ออกแบบขึ้น ทิพยประกันภัยตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือให้พี่น้องคนไทยที่ได้รับผลกระทบให้มีความสุข ความมั่นใจ ความอุ่นใจ มีโอกาสที่ดี ให้สามารถก้าวข้ามผ่านและผ่านพ้นภาวะวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกันอย่างรวดเร็ว” ดร.สมพร กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคตนั้น ดร.สมพร กล่าวว่า ปัจจุบัน บมจ.ทิพยประกันภัย กำลังอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ เป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ ภายใต้ชื่อบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นในการจัดการองค์กร ให้ก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดประกันภัยในยุคดิจิทัล (Digital Insurance) โดยบริษัทโฮลดิ้งส์จะเพิ่มโอกาสในการลงทุนในธุรกิจที่สามารถสนับสนุนธุรกิจประกันภัยที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ เพื่อสร้าง Ecosystem การให้บริการผู้บริโภคอย่างครบวงจร นอกจากนั้น บริษัทโฮลดิ้งส์จะเน้นการขยายธุรกิจไปที่กลุ่มประเทศในอาเซียน และจะลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย (Insurance Related) เพื่อสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทฯให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น สำหรับขั้นตอนการดำเนินการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปี 2563 หรือประมาณต้นปี 2564 ซึ่งภายหลังการปรับโครงสร้าง หุ้นสามัญของบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จะเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทนที่หุ้นสามัญของ บมจ. ทิพยประกันภัย

“การปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการของ บมจ. ทิพยประกันภัย เป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ ภายใต้ชื่อ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จะทำให้มีความยืดหยุ่นในการลงทุนขยายธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานในอนาคตที่ตั้งเป้าจะก้าวสู่บริษัทประกันภัยชั้นนำในภูมิภาค” ดร.สมพร กล่าว

 


Tags : ทิพยประกันภัย ดร.สมพรสืบถวิลกุล "ทิพยประกันภัย"เผยกำไรครึ่งปีแรกกว่า1052ล้านบาท


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  ตามที่รัฐบาลโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้สถาบันการเงินเข้าช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะ กลุ่มผู้ปกครองที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ทั้งค่าชุดเครื่องแบบนักเรียน หนังสือ อุปกรณ์การเรียน และอื่น ๆ ด้วยการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยได้เข้าถึงการศึกษาอย่างต่อเนื่อง นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกมาตรการ “สินเชื่อธนาคารประชาชนต้อนรับเปิดเทอม” ที่ผ่อนเกณฑ์อนุมัติให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และเป็นการเดินหน้าภารกิจเชิงสังคมในการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม สำหรับผู้ปกครองที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนในการเตรียมความพร้อมแก่บุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่เพียง 0.60% ต่อเดือน วงเงินกู้ตามความจำเป็นสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อราย ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 1 ปี (12 งวด) ผ่อนชำระประมาณ 894 บาทต่อเดือน (รวมเงินต้นและดอกเบี้ย) ทั้งนี้ สำหรับผู้มีอาชีพ รายได้ และที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถยื่นขอสินเชื่อโดยไม่ต้องมีหลักประกัน ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo หรือติดต่อธนาคารออมสินสาขาเพื่อขอคำแนะนำในการสมัครสินเชื่อ ได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2568  

08 May 2025

...

SME D Bank ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ดูแลกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีสิทธิ์กว่า 17,200 ราย อย่างใกล้ชิด พาเข้าร่วมแล้ว ณ วันที่ 23 เม.ย. 68 กว่า 7,200 ราย หรือคิดเป็นกว่า 40% จากลูกหนี้ทั้งหมดที่มีสิทธิ์ ประกาศข่าวดี ขยายระยะเวลาสมัครลงทะเบียนสมัครถึงวันที่ 30 มิ.ย. 68 นี้ เพื่อรับประโยชน์ช่วยลดภาระ สร้างโอกาสกลับมาเริ่มต้นธุรกิจอีกครั้ง นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า จากที่รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย มีนโยบายแก้หนี้ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่ง SME D Bank ขานรับนโยบายเข้าร่วมโครงการ ด้วยการเปิดให้ลูกหนี้ของธนาคารที่เข้าเกณฑ์จำนวนกว่า  17,200 ราย มูลหนี้ประมาณ  16,800  ล้านบาท   ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคาร (www.smebank.co.th)   รวมถึง ทำงานเชิงรุกด้วยการส่งจดหมายแนะนำโครงการไปถึงลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ ควบคู่กับให้ทีมงานธนาคารติดต่อลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ เพื่อให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด แนะนำถึงประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการ อีกทั้งเปิด Call Center สายพิเศษ รองรับให้บริการในโครงการนี้โดยเฉพาะผ่านเลขหมาย 1357 กด 99 ทั้งนี้  นับตั้งแต่เปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 จนถึงวันที่ 23 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มีลูกหนี้ลงทะเบียนเข้าโครงการแล้วกว่า 7,200 ราย หรือคิดเป็นกว่า 40% ของลูกหนี้ทั้งหมดของธนาคารที่มีสิทธิ์ ผ่านเกณฑ์โครงการกว่า 4,650 ราย  แยกตามประเภทอุตสาหกรรม  ภาคการค้า ประมาณ 38% ภาคบริการ ประมาณ 34% และภาคการผลิต ประมาณ 28%  โดยเป็นสัดส่วนกลุ่มธุรกิจที่ผ่านมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” และทำสัญญาแล้ว จำนวนกว่า 2,900 ราย มูลหนี้กว่า 3,800 ล้านบาท   สำหรับกลุ่มที่ลงทะเบียนแบ่งเป็นกลุ่ม Lower SE (รายได้เกิน 1.8 ถึง 15  ล้านบาทต่อปี) จำนวน 58%  กลุ่ม Micro (รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี)  จำนวน 24%  กลุ่ม Upper SE (รายได้เกิน 15 ถึง 100  ล้านบาทต่อปี) จำนวน  16% และกลุ่ม ME (รายได้เกิน  100  ล้านบาทต่อปี) จำนวน 2%  เมื่อรวมกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นรายเล็กกับรายย่อย ( Lower SE , Micro ) จำนวนรวมถึงกว่า 82% สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการรายเล็กของไทยมีศักยภาพเปราะบาง ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด  นอกจากนั้น ธนาคารยังช่วยเหลือด้านการพัฒนา เน้นการเพิ่มรายได้ขยายตลาด เช่น เชิญร่วมโครงการ  “SME D Market”  ซึ่งธนาคารจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน เปิดโอกาสให้มาออกบูธจำหน่ายสินค้า  ณ  สำนักงานใหญ่ SME D Bank โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เชิญร่วมกิจกรรมคาราวานสินค้า สร้างโอกาสทางการตลาด และจับคู่ธุรกิจ  นอกจากนั้น เชิญร่วมโครงการไลฟ์คอมเมิร์ซ เวิร์คช้อปการทำตลาดยุคดิจิทัล พร้อมโอกาสเพิ่มรายได้ด้วยการให้คนดังบนโลกออนไลน์ช่วยบอกต่อ เป็นต้น   ทั้งนี้ จากที่โครงการดังกล่าว ได้ขยายเวลาลงทะเบียนออกไปถึงวันที่ 30 มิถุนายน  2568  นับเป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือลดค่างวดชำระ  3 ปี  เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่อง โดยปีแรกชำระเพียง 50% เท่านั้น    โดยค่างวดที่ชำระนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด อีกทั้ง ไม่เก็บดอกเบี้ย  3 ปี  เมื่อทำตามเงื่อนไข และหากชำระค่างวดมากกว่าขั้นต่ำ ตัดเงินต้นเพิ่ม ปิดหนี้จบได้อย่างรวดเร็ว   จึงขอเชิญชวนลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ รีบแจ้งความประสงค์ เพื่อรับผลประโยชน์ในการช่วยเหลือ  ลดภาระหนี้ และสร้างโอกาสให้กลับมาเริ่มต้นดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง  สามารถแจ้งความประสงค์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคาร (www.smebank.co.th)   หรือเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (www.bot.or.th/khunsoo) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357 กด 99   

05 May 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์การเงินการคลังของไทย ในงาน MOF Journey: 150 ปี เส้นทางการคลังไทย ในโอกาสครบรอบ 150 ปี กระทรวงการคลัง โดยจัดโปรโมชันเงินฝากเพื่อส่งเสริมการออมสำหรับงานนี้เท่านั้น เริ่มต้นด้วยเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 150 วัน อัตราดอกเบี้ยแบบ Step up เฉลี่ย 2.55% ต่อปี หรือเทียบเท่าเงินฝากประจำ 3.00% ต่อปี จองสิทธิ์ภายในงาน จำนวนจำกัด วันละ 150 สิทธิ์ และ 1 คนต่อ 1 สิทธิ์ และพลาดไม่ได้กับแคมเปญแห่งปี “ออมร้อย ชิงร้อยล้าน” ฝากสลากออมสินพิเศษ 1 ปี ลุ้นรับรางวัลพิเศษมูลค่ารวม 100 ล้านบาท แบ่งเป็น รางวัลพิเศษ มูลค่า 1 ล้านบาท งวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 จำนวน 30 รางวัล และรางวัลพิเศษ มูลค่า 70 ล้านบาท งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เพียง 1 รางวัลเท่านั้น สำหรับผู้ฝากสลากตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 15 กรกฎาคม 2568 หรือเลือกฝากสลากออมสินพิเศษ / สลากดิจิทัล แบบ 2 ปี พร้อมรับของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมี เงินฝาก Smart Junior เพื่อเด็กและเยาวชนที่มีอายุ 7 – 23 ปีบริบูรณ์ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.50% ต่อปี และได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 2.10% ต่อปี เมื่อมียอดเงินฝากคงเหลือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอย่างต่อเนื่อง โดย 24 เดือนแรก รับดอกเบี้ยพิเศษเพิ่มขึ้น 0.10% ทุก 2 เดือน สูงสุดไม่เกิน 1.60% ต่อปี และรับดอกเบี้ยโบนัสเพิ่มขึ้น 0.50% ใน 6 เดือนสุดท้าย ระยะเวลาฝากรวม 30 เดือน เปิดบัญชีขั้นต่ำ 1 บาท และเปิดบัญชีเงินฝาก 100 บาทขึ้นไป รับกระปุกออมสินคอลเลกชันพิเศษ GSB Love Earth ภายในบูธยังมีกิจกรรมพิเศษและรับกระปุกออมสิน รวมถึงการแนะนำการลงทะเบียนสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส นวัตกรรมสินเชื่อสำหรับคนที่ไม่เคยกู้แบงก์ได้มาก่อนอีกด้วย   งานครบรอบ 150 ปี วันสถาปนากระทรวงการคลัง จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “อดีต–ปัจจุบัน-อนาคต” เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้เรียนรู้ถึงวิวัฒนาการด้านการคลังของไทยที่มีบทบาทในการพัฒนาประเทศตั้งแต่อดีตสู่ภารกิจการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มั่งคงและยั่งยืนในอนาคต ภายในงานยังเป็นการร่วมแสดงพลังความสามัคคี การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อการบริการประชาชนและการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมของหน่วยงานในสังกัด จึงขอเชิญชวนร่วมสัมผัสนวัตกรรมและบริการทางการเงินที่น่าสนใจ ทั้งจากบูธธนาคารออมสิน และหน่วยงานต่าง ๆ ในระหว่างวันที่ 1 - 3 พฤษภาคม 2568 ณ Hall 3 – 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  

30 Apr 2025

...

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ก้าวสู่ผู้นำด้านความโปร่งใสและจริยธรรมทางธุรกิจ โดยได้รับการเลื่อนสถานะเป็น CAC Change Agent จากองค์กรแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ แสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม โปร่งใส ปกป้องผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเผยแพร่ไปยังคู่ค้าให้มีห่วงโซ่อุปทานที่ใสสะอาด กรุงเทพประกันชีวิต เชื่อมั่นในพลังความใส่ใจและมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืน โดยเข้าร่วมเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านการคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) เป็นระยะเวลากว่า 3 ปี ความสำเร็จครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมหลักธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อองค์กรรวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจ โดยกรุงเทพประกันชีวิตจะยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านความโปร่งใสและจริยธรรมทางธุรกิจต่อไป

30 Apr 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner