Responsive image

Wednesday, 15 Oct 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME / ธุรกิจ - การตลาด - เอสเอ็มอี


W9 Wellness Center ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ครบรอบ 1 ปี เผย 4 เทรนด์ กระตุ้นตลาด Wellness ไทย เปิด 6 ปัญหาสุขภาพฮิตคนไทย

Tue 08/09/2563


W9 Wellness Center ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic)ในโรงพยาบาลพระรามเก้า มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันก่อนการเกิดโรค โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน ครบรอบ 1 ปี เผย 4 เทรนด์กระตุ้น Wellness ในประเทศไทย จากสถิติผู้เข้ารับการปรึกษาส่วนใหญ่กว่า 80-90% มาใช้บริการเมื่อมีปัญหาสุขภาพแล้ว เปิด 6 ปัญหาสุขภาพฮิต พบหลังเกิดภาวะวิกฤตโควิด-19 ระบาดมีจำนวนผู้มาปรึกษาปัญหาเรื่องการเร่งสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ชูแนวคิด “Healthitude” มีสุขภาพดีได้ง่าย ๆ เมื่อรู้จักตัวเอง พร้อมสร้างทัศนคติในการดูแลสุขภาพ เปิดกลยุทธ์รุกตลาดสุขภาพครึ่งปีหลัง มุ่งสื่อสารสร้างความตระหนักรู้และให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมเชิงป้องกัน เพื่อขานรับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุค New normal คาดตลาดรวมเติบโต 6.30% ทั้งนี้ W9 ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปีนี้

นายแพทย์พิจักษณ์ วงศ์วิศิษฎ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม W9 Wellness Center เปิดเผยเกี่ยวกับ 4 เทรนด์ Wellness หรือ เทรนด์การสร้างสมดุลความสุขชีวิตทุกด้าน ประกอบด้วย เทรนด์สังคมสูงวัย ปัจจุบันประเทศไทยกำลังจะก้าวสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ โดยคาดว่าในปี 2564 จะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเป็นจำนวนถึง 20% ของจำนวนประชากรในประเทศ ในขณะที่ประชากรวัยทำงานมีอัตราลดลงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับอัตราการเกิดใหม่  เทรนด์อายุยืนด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี  ผู้คนสุขภาพดีอายุยืน สามารถใช้ร่างกายได้ดีตามวัย สามารถทำงาน และช่วยเหลือตัวเองได้ โดยได้หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ความเป็นอยู่ และจิตใจของตัวเอง เนื่องจากตระหนักว่า การมีอายุยืนแต่อุดมไปด้วยโรคเป็นสิ่งไม่พึงปรารถนา  เพราะจะเป็นภาระต่อครอบครัวและสังคม  เทรนด์โภชนาการเฉพาะบุคคล คนสมัยนี้สนใจหาความรู้และให้ความสำคัญกับการดูแลโภชนาการเพิ่มมากขึ้น เลือกรับประทานอาหาร สร้างความสมดุลเฉพาะบุคคลมากขึ้น และ ผู้บริโภคสนใจและใส่ใจสุขภาพเชิงรุก โดยเฉพาะคนยุคใหม่กลุ่มยุคมิลเลนเนียล และเจเนอเรชั่นวาย มีการหาข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเชิงลึก ทั้งในเรื่องการบริโภคอาหาร การออกกำลังกาย การควบคุมน้ำหนัก ฯลฯ มากขึ้น ประกอบกับปัญหามลภาวะฝุ่น PM 2.5 และการเกิดโรคอุบัติใหม่เชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เป็นอีกตัวแปรสำคัญที่เข้ามากระตุ้นผู้คนให้หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมากยิ่งขึ้น

“จากเทรนด์ข้างต้น W9 Wellness มองเห็นว่าการสร้างชีวิตที่สุขสมดุล เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีจำเป็นต้องมีการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับทางเลือกของการมีสุขภาพที่ดี เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตที่หลายหลาย การมุ่งเน้นดูแลสุขภาพในภาพรวมของแต่ละบุคคล โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทางการแพทย์มาประยุกต์ใช้กับการป้องกันสุขภาพเชิงรุก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลสุขภาพ รวมไปถึงการรักษาและฟื้นฟูสุขภาพที่ได้ผลดียิ่งขึ้น เพื่อลดโอกาสเจ็บป่วยและลดการใช้ยา รวมทั้งการดูแลที่ออกแบบเฉพาะบุคคลตามความจำเป็น ทั้งนี้ ในช่วง 1 ปีที่ W9 Wellness Center ได้ใกล้ชิดสุขภาพผู้บริโภค พบว่าผู้ที่มาใช้บริการกว่า 80% มาใช้บริการเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ โดยเบื้องต้นพบสาเหตุจากการใช้ชีวิตที่ไม่สมดุล ทั้งจากการรับประทานอาหาร การทำงานหนัก การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดสะสม ฯลฯ ซึ่งล้วนส่งผลต่อการทำงานที่ผิดปกติของระบบการทำงานพื้นฐานต่าง ๆ ของร่างกาย จนอาจเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร ในทางการแพทย์มีการดูแลสุขภาพ 2 รูปแบบ คือ การดูแลสุขภาพเชิงรับ คือเมื่อมีอาการป่วยแล้วจึงเข้ามาปรึกษาและทำการรักษา และการดูแลสุขภาพเชิงรุก หรือเชิงป้องกันโรค ด้วยการดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ และก่อนที่ร่างกายจะส่งสัญญาณหรือก่อนที่จะเริ่มมีปัญหาสุขภาพ”  นายแพทย์พิจักษณ์ กล่าว

ทั้งนี้ จากสถิติของศูนย์ฯ ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 พบผู้มีปัญหาสุขภาพที่มาใช้บริการศูนย์ฯ W9 ด้วย 6 ปัญหาสุขภาพ ได้แก่ 1. ปัญหานอนไม่หลับและมีความเครียด 19.34% 2. ปัญหาผิวและริ้วรอย 19.34% 3. ปัญหาน้ำหนักตัว 18.4% 4. การเสริมภูมิคุ้มกัน 15.57% 5. ปัญหาฮอร์โมน 14.62% และ 6. ความกังวลเกี่ยวกับมะเร็ง 12.73%  นอกจากนี้ ในช่วงที่ไวรัสโควิด–19 แพร่ระบาด พบสถิติคนไทยมาปรึกษาเกี่ยวกับการเสริมภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นเป็น 20.65% แสดงให้เห็นว่าคนไทยตระหนักถึงการดูแลสุขภาพมากขึ้น และมาปรึกษาด้วยปัญหานอนไม่หลับและมีความเครียดเพิ่มขึ้นเป็น20.05% สองปัญหาสุขภาพขยับขึ้นมาเป็น 2 อันดับแรกที่ผู้มาใช้บริการเข้ามารับคำปรึกษาในช่วงนี้ ทั้งนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมด้านสุขภาพของคนไทยเปลี่ยนไป และเป็นปัจจัยเร่งให้ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้น จากข้อมูลจีไอเอสคาดว่าตลาด Health and Wellness จะโตถึง 6.30% ทั้งนี้ W9 ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปี 2563 นี้

อย่างไรก็ดี W9 มุ่งสร้างความสมดุลให้สุขภาพของผู้มาใช้บริการ ภายใต้แนวคิด “Healthitude” ยกระดับ “การป้องกัน” และดูแลสุขภาพผ่านการตรวจสุขภาพเชิงลึก ให้ทราบถึงความสมดุลระบบพื้นฐานที่สำคัญของร่างกาย และจัดโปรแกรมการดูแลสุขภาพองค์รวมแบบเฉพาะบุคคลเพื่อร่วมรักษาโรค ลดความเสี่ยงของการเกิดโรค ชะลอวัย และเพื่อการมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

 

นายขันธ์พลร์ ซื่อภาคย์ กรรมการบริหาร ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม W9 Wellness Center กล่าวว่า ในปีนี้ทิศทางธุรกิจ Wellness โตไปพร้อมกับกระแสสังคมผู้สูงอายุ สอดรับกับการใช้ชีวิตแบบ New normal ที่ต้องดูแลรักษาสุขภาพ นอกจากการดูแลลูกค้ากลุ่มเดิมแล้ว ยังมุ่งขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเจนเนอเรชั่นวาย และเน้นการเข้าถึงคนในสังคมมากขึ้นด้วยราคาสมเหตุสมผล จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล ผ่านการตรวจสุขภาพเชิงลึก ทั้งด้านพันธุกรรม ฮอร์โมน วิตามิน และสารพิษ พร้อมให้คำแนะนำในการช่วยหาสมดุลการใช้ชีวิตเฉพาะบุคคล ปรับเปลี่ยนทัศนคติว่าการดูแลสุขภาพก่อนเกิดโรคเป็นเรื่องที่ทำได้เอง ทำได้ง่าย และทำได้จริง เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนทั้งร่างกายและจิตใจ

“จากผลสำรวจสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ชี้ว่าคนไทย 45.39% หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ เพื่อดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงและปรึกษาแพทย์อยู่เสมอ ทำให้เห็นถึงโอกาสการเติบโตในตลาด โดยในช่วงครึ่งปีหลังจะมุ่งเน้นแนวทางของการบริหารงานด้านสุขภาพในแง่สร้างการรับรู้ให้คนไทยได้ตระหนักถึงเรื่องของแนวคิดการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันเพิ่มมากขึ้น ด้วยกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก การให้ความรู้ เสริมสร้างความเข้าใจด้านสุขภาพเชิงลึกที่เข้าใจง่าย นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ และคิดค้นนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาเพื่อขานรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุค New normal ในปัจจุบันและอนาคต ควบคู่กับการให้บริการ Wellness ที่ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic) ที่ประกอบด้วย 4 Ps คือ Preventive มุ่งเน้นที่การป้องกันก่อนการเกิดโรค Predictive ใช้การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการที่แม่นยำในระดับเซลล์ โดยคำนึงถึงปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน นำมาวิเคราะห์หาต้นตอปัญหาที่แท้จริง Personalized ออกแบบสุขภาพเฉพาะบุคคล โดยใช้ข้อมูลเชิงลึก และ Participatory ประกอบกับการให้คำปรึกษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน ที่เน้นการมีส่วนร่วมระหว่างแพทย์กับคนไข้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการดูแลรักษาสูงสุด”  นายขันธ์พลร์ กล่าวทิ้งท้าย


Tags : W9WellnessCenter นายแพทย์พิจักษณ์วงศ์วิศิษฎ์ นายขันธ์พลร์ซื่อภาคย์ ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม(Holistic)ในโรงพยาบาลพระรามเก้า


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายธีรลักษ์ แสงสนิท รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการสรรหาผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ได้มีมติเห็นชอบให้ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน โดยผู้ที่สนใจสามารถยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครได้ตั้งแต่วันอังคารที่ 14 ตุลาคม - วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568 สำหรับคุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร กำหนดให้ต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 58 ปีบริบูรณ์ในวันยื่นใบสมัคร สามารถทำงานให้ธนาคารได้เต็มเวลา และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามประกาศคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สำหรับคุณสมบัติเฉพาะต้องมีความรู้ ความสามารถ ด้านเศรษฐกิจ การเงิน การตลาด และการธนาคารเป็นอย่างดี มีวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการองค์กร มีภาวะความเป็นผู้นำสูง มีความรอบรู้และประสบการณ์ในการบริหารจัดการองค์กร กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กร และมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งนั้นรวมกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันยื่นใบสมัคร หรือกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากหน่วยงานภาคเอกชน ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่มีรายได้ขององค์กรไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี หรือเคยบริหารกิจการที่มีสินทรัพย์ขององค์กรไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ต้องมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่า รองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั้นต่อเนื่องกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันยื่นใบสมัคร สามารถดาวน์โหลดใบสมัครและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsb.or.th โดยยื่นใบสมัครด้วยตนเอง หรือมอบให้ตัวแทนเป็นผู้ยื่น โดยมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครได้ที่ ส่วนสรรหาและแต่งตั้งโยกย้าย ฝ่ายบริหารงานทรัพยากรบุคคล อาคาร 32 ชั้น ชั้น 15 ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันอังคารที่ 14 ตุลาคม - วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568 ระหว่างเวลา 09.00 – 16.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2299-8000 ต่อ 810371 - 74          

11 Oct 2025

...

ธนาคารออมสิน เตรียมจัดงานใหญ่ GSB SAVINGS FORUM 2025 เนื่องในวันออมแห่งชาติ 31 ตุลาคม 2568 ภายใต้แนวคิด “AI & AOM ออมยุคใหม่ สร้างสังคมไทยให้ยั่งยืน” เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ด้านการออมในโลกดิจิทัล สะท้อนการผสานพลัง “AI” (Artificial Intelligence) เข้ากับ “AOM” (การออม) ในการสร้างวินัยทางการเงินและสังคมแห่งการออมที่ยั่งยืน หนึ่งในไฮไลท์สำคัญคือ กิจกรรมประกวดออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” เชิญชวนคนรุ่นใหม่ร่วมสร้างสรรค์งานออกแบบผ่าน AI Generative Tools ถ่ายทอดแนวคิดการออมในมิติใหม่ พร้อมชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 110,000 บาท ตอกย้ำภารกิจสำคัญของธนาคารในการส่งเสริมการออมและสร้างวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมประกวดออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” เปิดรับผลงานจากผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานออกแบบชิ้นงานใดก็ได้ ที่สร้างสรรค์ด้วย AI Generative Tools คนละ 1 ชิ้น ขนาดไฟล์ไม่เกิน 5MB ในรูปแบบ JPEG หรือ PNG ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 15 ตุลาคม 2568 โดยธนาคารจะคัดเลือกและประกาศรายชื่อผู้ที่จะได้เข้าร่วมแข่งขันในวันที่ 21 ตุลาคม 2568 จากนั้นจะจัดการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาผู้ชนะเลิศ ในงาน GSB SAVINGS FORUM วันที่ 31 ตุลาคม 2568 (วันออมแห่งชาติ) ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ซึ่งผู้ร่วมแข่งขันจะต้องออกแบบ “กระปุกออมสิน” ภายใต้โจทย์และเวลาที่กำหนดโดยใช้ AI Generative Tools โดยการตัดสินได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากธนาคารออมสิน และผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าจากวงการ AI และโฆษณา อาทิ คุณเมธากวี สีตบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้าน Generative AI และ Trainer ของ MidJourney และ คุณวีรยุทธ์ คุณวิทยไพศาล Executive Producer บริษัท Montage Studio และกรรมการตัดสิน Adman Awards 2023 ทั้งนี้ ผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล จำนวน 50,000 บาท รางวัลที่ 2 จำนวน 30,000 บาท รางวัลที่ 3 จำนวน 20,000 บาท และรางวัล Popular Vote จำนวน 10,000 บาท รวมมูลค่ารางวัลทั้งสิ้น 110,000 บาท ผู้สนใจสามารถสมัครและดูรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านลิงก์หรือสแกนคิวอาร์โค้ด (QR Code) ที่กำหนด   สมัครพร้อมติดตามรายละเอียดและกติกาการแข่งขันเพิ่มเติมได้ที่ Link https://forms.gle/1wHqR8V8e337M8wg8  หรือ QR Code  

06 Oct 2025

...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้รับใบประกาศเกียรติคุณชั้นที่ 2 จากสภากาชาดไทย ในฐานะองค์กรที่ให้การสนับสนุนและความร่วมมือในการจัดหาผู้บริจาคโลหิตเป็นหมู่คณะอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการบริจาคโลหิตมาตั้งแต่ปี 2531 และจัดกิจกรรมทุก 3 เดือน เพื่อสนับสนุนการสำรองโลหิตให้เพียงพอสำหรับการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ถือเป็นการต่อชีวิตและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในสังคม ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ด้วยการเชิญชวนผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า ตลอดจนประชาชนทั่วไป เข้าร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต รวมถึงการบริจาคอวัยวะและดวงตา เพื่อสนับสนุนภารกิจของสภากาชาดไทย อันเป็นการสืบสานเจตนารมณ์แห่งการให้และการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง

06 Oct 2025

...

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดโครงการ “Responsible Voices สำหรับ Finfluencer รุ่นที่ 2” ณ สำนักงาน ก.ล.ต. โดยมีศาสตราจารย์ ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. เป็นประธานในพิธี และได้รับเกียรติจากผู้แทนหน่วยงานกำกับทั้ง 3 หน่วยงานเข้าร่วม ซึ่งเป็นการจัดต่อเนื่องจากความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของรุ่นที่ 1 ที่สิ้นสุดไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยได้คัดเลือก Financial Influencer (Finfluencer) จำนวน 40 คน จากหลากหลายแพลตฟอร์ม เข้าร่วมอบรมในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการให้ข้อมูลด้านการเงิน การลงทุน และการประกันภัย   นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญในการสร้าง “Finfluencer เชิงบวก”  ที่สามารถนำเสนอข้อมูลด้านประกันภัย การเงิน และการลงทุนได้อย่างถูกต้อง เข้าใจง่าย และตระหนักถึงผลกระทบต่อสังคม  โดยสำนักงาน คปภ. ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบ่มเพาะผู้สร้างสรรค์ Content ที่มีความรู้ด้านการประกันภัย เพื่อถ่ายทอดต่อไปยังประชาชนในวงกว้าง ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ผู้แทนสายกลยุทธ์องค์กร เข้าร่วมในพิธีเปิดและกิจกรรมการบรรยาย โดยสำนักงาน คปภ. ยังได้ร่วมจัด Workshop เชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “การสื่อสารด้านการประกันภัยอย่างมีความรับผิดชอบ” เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการผลิตคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน   โครงการ Responsible Voices สำหรับ Finfluencer รุ่นที่ 2 จัดขึ้นภายใต้การร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงานกำกับดูแล โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ Financial Influencer (Finfluencer) จากภาคการเงิน การลงทุน และประกันภัย มีความรู้ความเข้าใจ และสามารถเผยแพร่ข้อมูลให้แก่ผู้ติดตามได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ยกระดับสู่การเป็น Finfluencer ที่นำเสนอข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ และคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อผู้ติดตามและสังคม รวมทั้งขยายผลสู่การสร้างความตระหนักต่อผู้ประกอบธุรกิจที่มีการสื่อสารผ่าน Finfluencer ซึ่งจากความสำเร็จในรุ่นที่ 1 กลุ่ม Finfluencer ได้ระดมความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ และร่วมกันจัดทำเนื้อหาด้านการเงิน การลงทุน และประกันภัยในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย   โดยผู้ที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการฯ ในรุ่นที่ 1 มีผู้ติดตาม (followers) จำนวนรวมมากกว่า 14 ล้านคน ซึ่งสะท้อนถึงพลังของการสื่อสารและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ Finfluencer ให้ตระหนักถึงบทบาทของตนเองในการให้ข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ และมีการช่วยเหลือกันภายในเครือข่าย เพื่อส่งเสริมให้เกิดสังคมการให้ข้อมูลที่มีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่กระจายข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์จากหน่วยงานกำกับดูแลทั้ง 3 แห่ง ไปสู่ประชาชนในวงกว้าง จึงเป็นที่มาของการดำเนินการต่อเนื่องในรุ่นที่ 2 โดยยังคงยึดเป้าหมายในการส่งเสริมการสื่อสารด้วยเสียงที่สร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบ เพื่อเสริมสร้างกลไกการคุ้มครองผู้ลงทุนและประชาชนให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน   ทั้งนี้ โครงการ Responsible Voices สำหรับ Finfluencer รุ่นที่ 2 จะจัดขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคม และวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ณ สำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งเนื้อหาการอบรมแต่ละครั้งจะเป็นการบรรยาย การระดมความคิด และการทำ Workshop โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากทั้ง 3 หน่วยงานกำกับดูแล ครอบคลุมหัวข้อความรู้เกี่ยวกับการสื่อสารด้านการเงิน การลงทุน และการประกันภัยที่เหมาะสม การอัปเดตสถานการณ์ทางการเงิน การลงทุน และประกันภัย เพื่อนำความรู้ความเข้าใจที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในการจัดทำและนำเสนอ Content ที่ถูกต้อง รวมทั้งสร้างหลักคิดที่ชวนให้ตระหนักรู้เกี่ยวกับการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย  ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการตามเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับประกาศนียบัตรเพื่อรับรองการเข้าร่วมโครงการ  

06 Oct 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner