Responsive image

Saturday, 08 Nov 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME / ธุรกิจ - การตลาด - เอสเอ็มอี


ถกประเด็นสำคัญเกี่ยวกับความท้าทายที่แบรนด์ต้องเผชิญในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ขององค์กรต่างประเทศในตลาดประเทศไทย

Thu 15/10/2563


คาริณ โลหิตนาวี ซีอีโอ มิดัส คอมมิวนิเคชั่น ในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างมาก ในด้านการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ โดยเปลี่ยนจากประเทศที่มีรายได้ต่ำไปสู่ประเทศที่มีรายได้ปานกลางจนถึงระดับบน โดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วอายุคนการเติบโตทางเศรษฐกิจและโอกาสทั่วประเทศมีให้เห็นมากมาย จากข้อมูลของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไทยจะเติบโต 3.0% ในปี 2020 รายได้ที่เพิ่มขึ้นในประเทศทำให้ประชากรมีความเชื่อมั่นแง่ดี และความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย จากการเพิ่มขึ้นของผู้บริโภคที่มีรายได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีฐานะร่ำรวยได้ใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อซื้อประสบการณ์ต่างๆ อาทิ การรับประทานอาหารนอกบ้านและการเดินทางท่องเที่ยว

สถิติข้างต้นพิสูจน์ให้เห็นว่ามีโอกาสมากมายสำหรับแบรนด์ต่างประเทศในประเทศไทย แบรนด์จากต่างประเทศหลายแบรนด์ได้เข้าสู่ตลาดในประเทศไทยแล้ว หรือบางส่วนกำลังพิจารณาที่จะขยายมาสู่ประเทศไทย อาทิ foodpanda Grab Tim Hortons และ Lazada เป็นเพียงชื่อไม่กี่แห่งที่เป็นที่รู้จักในประเทศไทย อย่างไรก็ตามการมีอยู่ของโอกาสที่หลากหลายไม่ได้หมายความว่าการเข้าสู่ตลาดในประเทศไทยนั้นเป็นเรื่องง่ายเสมอไป ตลาดส่วนใหญ่ได้รับการพัฒนาโดยมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคทางวัฒนธรรม การเมือง เทคโนโลยี และภาษา ที่ผู้มาใหม่ทุกคนจะต้องรับมือ

มาดูความท้าทายบางประการที่แบรนด์ต่างประเทศต้องเผชิญกับการขยายตัวในประเทศไทย ดังนี้

1. หากคนไทยไม่รู้จักแบรนด์ ก็ไม่ต้องการแบรนด์นั้นเช่นกัน : จากรายงานของ Santander Trade Report 2019 พบว่าผู้บริโภคชาวไทยเป็นกลุ่มที่ใส่ใจในแบรนด์และภักดีต่อแบรนด์มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยพวกเขายินดีที่จ่ายมากขึ้นสำหรับแบรนด์โปรด แม้ว่าจะมีทางเลือกอื่นที่ถูกกว่ารวมถึงหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงแบรนด์ด้วย พวกเขาภักดีต่อแบรนด์ในประเภทต่างๆ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ สบู่ เครื่องสำอาง ไปจนถึงอาหาร เบียร์ ของว่าง และ อื่นๆ บริษัทที่ตระหนักถึงคุณลักษณะเหล่านี้ สามารถสร้างและใช้ประโยชน์จากตราสินค้าเพื่อสร้างแรงดึงดูดและความภักดีของผู้บริโภคให้มีความแข็งแกร่งได้ แต่ในขณะเดียวกันแบรนด์ก็ต้องครองอันดับหนึ่งหรือสองในหมวดหมู่ของตนเอง เพื่อให้ได้มาซึ่งความภักดีที่แข็งแกร่ง ทัศนคติของผู้บริโภคชาวไทยมักสร้างความท้าทายในการสื่อสารสำหรับแบรนด์ต่างประเทศใหม่ ๆ ที่มีการยอมรับในตลาดไทยต่ำ เนื่องจากผู้ชมชาวไทยจะลังเลที่จะลองแบรนด์ใหม่หากพวกเขาไม่ทราบรายละเอียด หรือมีรายละเอียดที่น่าสนใจมากพอ นอกจากนี้ยังเป็นความท้าทายด้านการประชาสัมพันธ์ ด้วยสื่อมีโอกาสน้อยที่จะครอบคลุมหัวข้อที่พวกเขาไม่เห็นว่าโดดเด่นหรือน่าสนใจสำหรับผู้ชม

2. หากคุณไม่รู้จักคนที่ใช่ คุณจะไปไม่ถึงไหน : สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการทำการประชาสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติงานด้านประชาสัมพันธ์ และผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเน้นย้ำเพื่อสร้างความผูกพันระหว่างทั้งสองฝ่าย ความสัมพันธ์ของผู้ปฏิบัติงานกับสื่อไทยนั้นมีความใกล้ชิดและเป็นปฏิปักษ์น้อยกว่าในประเทศแถบตะวันตก โดยสื่อมีความกังขาน้อยกว่า เนื้อหาที่ดียังคงผลักดันการรายงานข่าว แต่โดยรวมแล้วสื่อในประเทศไทยดูเหมือนจะเปิดกว้างมากขึ้นสำหรับกิจกรรมทางการประชาสัมพันธ์ในทุกประเภท และพวกเขาไม่โจมตีแบรนด์มากนัก โดยภาพรวมประเทศไทยให้ค่ากับวัฒนธรรมสำหรับผู้หญิง และด้วยเหตุนี้จึงมีแนวโน้มที่จะให้คุณค่ากับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีบทบาทสำคัญในความสัมพันธ์กับสื่อในประเทศไทยมากกว่าในประเทศแถบตะวันตก ในความเป็นจริงเรียกว่าแตกต่างกันอย่างมาก ในประเทศไทยการประชาสัมพันธ์ส่วนใหญ่นั้นขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ส่วนบุคคลกับสื่อและต้องทำให้แน่ใจว่านักข่าวเหล่านี้มีความสุขและได้สิ่งที่ร้องขอ หมายความว่าหากไม่มีความสัมพันธ์ที่มีอยู่เหล่านี้ การเชื่อมต่อกับแบรนด์ใหม่ ๆ จะพบว่าเป็นการยากมากที่จะสร้างการประชาสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดขึ้นได้

3. หากคุณไม่ได้รับการยอมรับบน Facebook ของไทยก็ถือว่าคุณก็ไม่มีตัวตนอยู่จริง : การศึกษาของ Statcounter 2019 พบว่าคนไทยมีใช้โซเชียลมีเดียมาก คนไทยมากกว่า 63% ใช้ Facebook การบริโภคโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้นนี้ ทำให้เกิดกระแสใหม่ในประเทศ นั่นคือ micro-influencers ขณะนี้ผู้ชมชาวไทยให้ความไว้วางใจ influencers เหล่านี้ เนื่องจากดูเป็นเรื่องราวส่วนตัวที่พวกเขาเหล่านั้นต้องการแบ่งปันเกี่ยวกับแบรนด์ พวกเขาไว้วางใจและมองหาคำแนะนำรวมถึงบทวิจารณ์ต่างๆ จากคนเหล่านี้ อุตสาหกรรมปัจจุบันได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบันประเทศไทยมี influencers เกิดขึ้นในหลากหลายหัวข้อต่างๆ เช่น อาหาร ไลฟ์สไตล์ การเดินทาง แฟชั่นการเลี้ยงดู แต่การทำงานร่วมกับ influencers เหล่านี้ จำเป็นต้องมีความรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดและความสามารถในการจัดการแคมเปญในหลากหลายช่องทางเป็นภาษาไทย การรุกเข้าสู่โลกของ influencers และการสร้างสถานะที่มั่นคงไม่ใช่เรื่องง่าย

4. หากคุณได้รับการรับรองจากดาราฮอลลีวูด หรือผู้คนระดับแนวหน้า ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณพร้อมแล้ว : Micro-influencers อาจมีอิทธิพล แต่คนดังรายใหญ่ก็ยังถือว่าครองใจผู้บริโภคชาวไทยอยู่ แบรนด์ต่างประเทศที่ต้องการวางรากฐานในประเทศไทย ควรพิจารณาการรับรองของคนดังเป็นเครื่องหมายของการยอมรับในประเทศท้องถิ่น แต่มีสิ่งที่น่าสนใจคือผู้ชมชาวไทยมีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับ influencers ในท้องถิ่นมากกว่าคนดังระดับโลก นี่คือเหตุผลที่แบรนด์ระดับโลกที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติที่ได้รับการรับรองอยู่แล้ว อาจต้องคิดถึงกลยุทธ์และข้อความที่จะสื่อสารในระดับท้องถิ่น ดาราท้องถิ่นมีอิทธิพลมากกว่าดาราฮอลลีวูด อาทิ ในเมืองไทย ญาญ่า (อุรัสยาสเปอร์บันด์) ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากกว่าเลดี้กาก้า เป็นต้น

นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของความท้าทายที่แบรนด์ต่างประเทศต้องเผชิญในตลาดไทย มีรายการอื่น ๆ อีกมากมายนอกจากนี้ในเรื่องของความท้าทายโดยบางอย่างยังเป็นเรื่องเฉพาะ อุตสาหกรรมบริษัทขายขนมขบเคี้ยวจะประสบปัญหาที่แตกต่างจากบริษัทหรือร้านค้าปลีกแฟชั่น แต่ความจริงที่ว่ามีความท้าทายอยู่ ไม่ได้หมายความว่าการเข้าสู่ตลาดไทยจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ความท้าทายใด ๆ สามารถแปรเปลี่ยนเป็นโอกาสได้ สิ่งที่คุณต้องมีคือพันธมิตรในท้องถื่นที่เหมาะสมนั่นเอง

 


Tags : MidasPR คาริณโลหิตนาวีซีอีโอมิดัสคอมมิวนิเคชั่น


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ขอเชิญร่วมงาน YWCA Diplomatic Charity Bazaar ครั้งที่ 70 งานชอปสินค้านานาชาติเพื่อการกุศลที่รวมกว่า 200 ร้านค้า และกว่า 40 สถานทูตจากทั่วโลก พบกับบูทกรุงเทพประกันภัย (บูท D46) ที่นำเสนอหลากหลายแผนประกันภัยให้เลือกตามความต้องการ พร้อมรับโปรโมชันสุดพิเศษ ได้ที่ CentralWorld Pulse ชั้น 7 ในวันที่ 6 – 9 พฤศจิกายน 2568   นอกจากนี้ บริษัทฯ ขอเชิญร่วมงานไทยเที่ยวนอก ครั้งที่ 5 งานท่องเที่ยวสุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี พบกับโปรโมชัน “3 ต่อสุดคุ้ม” สำหรับนักเดินทางที่รักการท่องเที่ยว - ลดสูงสุด 18% สำหรับประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ - รับฟรี Starbucks Card มูลค่า 100 บาท เมื่อซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ ครบทุก 500 บาท (สูงสุด 800 บาท) - พร้อมของสมนาคุณเพิ่มเติมภายในงาน พิเศษสำหรับผู้รักการดำน้ำ บริษัทฯ นำเสนอแผนประกันภัยนักดำน้ำ — ประกันภัยเพื่อการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ออกแบบสำหรับนักดำน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งกรุงเทพประกันภัยเป็นรายแรกในประเทศไทยที่เสนอผลิตภัณฑ์นี้ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยใต้ท้องทะเล โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาด้านประกันภัยอย่างใกล้ชิด พบกับกรุงเทพประกันภัยได้ที่บูท M44 – M45 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 5 – 6 ชั้น LG ในวันที่ 6 – 9 พฤศจิกายน 2568  

08 Nov 2025

...

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดย นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ประธานกรรมการ  นางยุพา ล่ำซำ  นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นางสลิล ล่ำซำ  นางจันทรา บูรณฤกษ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท นายกนิช บุณยัษฐิติ กรรมการบริษัท  ดร.ณฐพร พันธุ์อุดม กรรมการบริษัท นายภูมิชาย ล่ำซำ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ดร.สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ  พร้อมด้วยนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย นางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย นางสาวพิมพ์จุฑา สกุนสิทธิ์ธาดา ผู้อำนวยการเขตวัฒนา คณะผู้บริหารเขตวัฒนา  รวมทั้งคณะผู้บริหาร และพนักงาน  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัทคู่ค้า ลูกค้า และผู้มีจิตศรัทธา ร่วมน้อมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน  ประจำปี 2568  แด่พระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดธาตุทอง กรุงเทพมหานคร   ในโอกาสนี้  เมืองไทยประกันชีวิต  ได้มอบเงินบริจาค “ผ้าป่าการศึกษา” ให้แก่ โรงเรียนในพระอุปถัมภ์ของวัดธาตุทอง โดยมี  นางธนาลัย ลิมปรัตนคีรี  ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวัดธาตุทอง  นายพงศ์พิษณุ สุพรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนดาราคาม  นายธีระยุทธ สมบูรณ์สุข ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดธาตุทอง  (เรือนเขียวสะอาด)  นายเจษฎา ศรีนวล ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง  ว่าที่พันตรี ดร.ณัฏฐกิตติ์ ชัยเฉลิมมงคล กรรมการบริหารและไวยาวัจกรวัดธาตุทอง ผู้แทนโรงเรียน พระปริยัติธรรมวัดธาตุทอง ร่วมในพิธี  ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมในทุกด้าน ให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน.    

05 Nov 2025

...

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินในฐานะสถาบันการออมของคนไทย ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการส่งเสริมการออมและให้ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน ธนาคารจึงถือโอกาสในการจัดงานวันออมแห่งชาติ วันที่ 31 ตุลาคม 2568 ยกระดับสู่ GSB SAVINGS FORUM 2025 ภายใต้แนวคิด “AI & AOM ออมยุคใหม่ สร้างสังคมไทยให้ยั่งยืน” เพื่อให้เป็นเวทีในการสื่อสารด้านการออมและจุดประกายการผสานพลังเทคโนโลยี “AI” (Artificial Intelligence) เข้ากับ “AOM” (การออม) อย่างสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมสำคัญ อาทิ มินิทอล์ก “ออมยุคใหม่ สร้างสังคมไทยให้ยั่งยืน” โดยกูรูและเซเลบริตี้ชื่อดัง การประกวดออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” ด้วย AI รอบชิงชนะเลิศ ตลอดจนการเปิดตัว “โค้ชการเงินมืออาชีพ” หรือ CMC by GSB โดยงาน GSB SAVINGS FORUM 2025 ในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีแรก และธนาคารตั้งเป้าจัดเป็นงานประจำทุกปีในวันออมแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจหลักของธนาคารในการให้ความรู้ทางการเงินและเป็นเวทีหลักด้านการส่งเสริมการออมแก่สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง ภายในงานพบกับไฮไลท์ เวทีมินิทอล์ก “ออมยุคใหม่ สร้างสังคมไทยให้ยั่งยืน” เวทีแห่งแรงบันดาลใจจากคนดังหลากหลายเจน ที่จะมาแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์วางแผนการออมและการเงินส่วนบุคคลในโลกดิจิทัล อาทิ คุณหนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ คุณตั๊ก-มยุรา เศวตศิลา และ คุณธนัชภรณ์ นิชิยาม่า ร่วมสร้างสีสันการเสวนาโดย คุณป๋อมแป๋ม-นิติ ชัยชิตาทร พร้อมรับชมการแข่งขันพรอมพ์ AI เพื่อออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นการแข่งขันของผู้ผ่านเข้ารอบ 50 คน จากผู้ส่งผลงานกว่า 700 ผลงาน โดยธนาคารจัดการประกวดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีในการสร้างแรงบันดาลใจด้านการออม ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 100,000 บาท ตัดสินโดยกูรูวงการ AI และผู้เชี่ยวชาญจากแวดวงโฆษณาชั้นนำของประเทศ อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัว “โค้ชการเงินมืออาชีพ” หรือ CMC by GSB ที่ธนาคารออมสินได้ริเริ่มจัดทำโปรแกรมสร้างผู้เชี่ยวชาญวางแผนการเงิน ร่วมพัฒนาหลักสูตรโดยผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการให้ความรู้ทางการเงิน การออม การลงทุน และการวางแผนเกษียณ โดยมีพนักงานออมสินที่ผ่านเกณฑ์การทดสอบทั้งข้อเขียนและภาคปฏิบัติ ได้รับการรับรองคุณวุฒิเป็น “โค้ชการเงินมืออาชีพ” หรือ CMC by GSB รุ่นแรก รวม 44 ราย ที่จะทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ทางการเงิน และส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมอย่างมีเป้าหมาย ซึ่งพนักงานที่ผ่านการทดสอบในโปรแกรมนี้ จะได้รับการติดเข็มวิทยฐานะ CMC สำหรับใช้แสดงตนเพื่อเป็นการรับรองความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป  นอกจากนี้ ธนาคารยังเปิดตัวกระปุกออมสิน “แสงแห่งการออม” ในวาระวันออมแห่งชาติ ดีไซน์ล้ำด้วยลูกเล่นมีไฟส่องสว่างในตัว สำหรับผู้ฝากเงิน 500 บาทขึ้นไป ลงทะเบียนจองสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.gsb.or.th, Line Official : GSB Society หรือ แอปพลิเคชัน MyMo ตั้งแต่วันที่ 27 – 30 ตุลาคม 2568 และเปิดให้ฝากเงินได้ที่ธนาคารออมสินสาขา แอปพลิเคชัน MyMo หรือเครื่องรับฝากเงิน ADM พร้อมรับกระปุกออมสิน ณ ธนาคารออมสินสาขาที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ไว้ ในวันที่ 31 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2568 (จำกัด 1 คน ต่อ 1 สิทธิ์) ของมีจำนวนจำกัด สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน GSB SAVINGS FORUM 2025 ในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 6 อาคาร 32 ชั้น ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ สามารถลงทะเบียนได้ทางระบบออนไลน์ https://www.zipeventapp.com/e/GSB-Savings-Forum-2025 ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2568 โดยผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าจะได้รับกระปุกออมสิน “แสงแห่งการออม” (จำนวนจำกัด) หรือรับชมการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางเพจเฟซบุ๊ก GSB Society

23 Oct 2025

...

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด จับรายชื่อลูกค้าผู้โชคดีครั้งที่ 1 ภายใต้แคมเปญพิเศษ ฉลองครบรอบ 28 ปี กรุงไทย-แอกซ่า “แจกใหญ่ แจกเต็ม” เพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้าคนสำคัญที่ไว้วางใจให้บริษัทฯ ได้ดูแลให้ความคุ้มครองตลอดมา โดยลูกค้าที่เข้าร่วมแคมเปญเป็นไปตามเงื่อนไขใน ช่วงวันที่ 25 กรกฎาคม – 17 กันยายน 2568  ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ประกาศรายชื่อผู้โชคดีผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ https://www.krungthai-axa.co.th/th/luckydraw-2025-r1-announcement  ซึ่งผู้โชคดีจากแคมเปญดังกล่าวจะได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากผู้แทนบริษัทฯ เพื่อแจ้งรายละเอียดและยืนยันการรับสิทธิ์ สำหรับแคมเปญ “แจกใหญ่ แจกเต็ม” เปิดโอกาสให้ลูกค้าสะสมสิทธิ์และลุ้นรับรางวัลใหญ่จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยกำหนดการจับรางวัลอีก 3 รอบ  ตามรายละเอียดด้านล่างนี้ ครั้งที่ 2: จับรางวัลในวันที่ 24 ตุลาคม 2568          ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ครั้งที่ 3: จับรางวัลในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568   ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ครั้งที่ 4: จับรางวัลในวันที่ 23 มกราคม 2569        ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 1 กุมภาพันธ์  2569 หมายเหตุ: ชิ้นส่วนที่เหลือจากการจับรางวัลในแต่ละครั้ง จะถูกนำมารวบรวมเพื่อจับรางวัลในรอบถัดไป ทั้งนี้ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรม การบริการ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้ที่ www.krungthai-axa.co.th และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร.1159

17 Oct 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner