Responsive image

Friday, 14 Nov 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME / ธุรกิจ - การตลาด - เอสเอ็มอี


เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาส 3/2563 แข็งแกร่ง อานิสงค์ตลาดเคมีภัณฑ์ฟื้นตัว ธุรกิจแพคเกจจิ้งเติบโต

Wed 04/11/2563


เอสซีจีเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2563 มีกำไรมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 57 จากการฟื้นตัวของตลาดเคมีภัณฑ์โลก และการเพิ่มสัดส่วนสินค้า HVA โมเดลธุรกิจแพคเกจจิ้งที่แข็งแกร่ง และการทรานฟอร์มธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า มั่นใจมาถูกทาง แม้ต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมสินค้า HVA โซลูชัน และบริการครบวงจร รอโอกาสตลาดฟื้นตัว และสร้างการเติบโตระยะยาว

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจี ในไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2563 มีรายได้จากการขาย 100,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากไตรมาสก่อน และมีกำไรสำหรับงวด 9,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อน จากผลการดำเนินงานของธุรกิจเคมิคอลส์ที่ดีขึ้น ตามความต้องการสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในประเทศจีนและภูมิภาคเอเชีย และธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายลดลงร้อยละ 9 ในขณะที่กำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดถึงร้อยละ 57 จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมิคอลส์  นวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services - HVA) ตลอดจนการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง

สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2563 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 302,689 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง ตามราคาน้ำมันที่ลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวด 26,096 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และธุรกิจแพคเกจจิ้ง ทั้งนี้ ภาพรวมของธุรกิจมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว นำเทคโนโลยีมาใช้ตลอด Supply Chain แบบครบวงจร เอสซีจีมีการปรับกลยุทธ์นวัตกรรมสินค้าและบริการ HVA โดยได้ยกระดับเกณฑ์การพิจารณาให้เข้มข้นขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก เน้นการปรับตัวให้ทันต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างผลกำไรให้สูงขึ้น ภายใต้เกณฑ์ใหม่ เอสซีจีมียอดขายสินค้าและบริการ HVA ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 อยู่ที่ 93,593 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31 ของยอดขายรวม

นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทย ใน 9 เดือนแรกของปี 2563 ทั้งสิ้น 128,937 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 43 ของยอดขายรวม ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 30 กันยายน 2563 มีมูลค่า 723,147 ล้านบาท โดยร้อยละ 38 เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน

ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2563 แยกตามรายธุรกิจ ดังนี้

ธุรกิจเคมิคอลส์ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 มีรายได้จากการขาย 37,748 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวลง แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีกำไรสำหรับงวด 5,488 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 80 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง และเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และส่วนต่างราคา PVC-EDC/C2 ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีกำไรจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ

สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2563 ธุรกิจเคมิคอลส์มีรายได้จากการขาย 110,835 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 19 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง โดยมีกำไรสำหรับงวด 11,830 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลงธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 มีรายได้จากการขาย 42,685 ล้านบาท ลดลงร้อยละ6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการของตลาดยังคงลดลงจากมาตรการปิดเมือง แต่คงที่เมื่อเทียบไตรมาสก่อน โดยมีกำไรสำหรับงวด 1,894 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 176 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ขณะที่ลดลงร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปัจจัยตามฤดูกาล

สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2563 ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีรายได้จากการขาย 131,436 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการของตลาดที่ยังคงลดลงจากมาตรการปิดเมือง โดยมีกำไรสำหรับงวด 6,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 59 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่องและต้นทุนพลังงานที่ลดลง ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ในไตรมาสที่ 3 ปี 2563 มีรายได้จากการขาย 23,287 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคระบาด COVID-19 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากไตรมาสก่อน จากปริมาณความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังเติบโต ปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขี้น และการเริ่มฟื้นตัวของสินค้าคงทนในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและยานยนต์ โดยมีกำไรสำหรับงวด 1,335 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 30 จากไตรมาสก่อน จากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในสกุลรูเปียห์ อินโดนีเซีย ส่งผลให้เกิดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนทางบัญชี (หลังหักภาษีและส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม) 111 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2563 ธุรกิจแพคเกจจิ้งมีรายได้จากการขาย 69,190 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของความต้องการใช้สินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน และการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะจากการซื้อกิจการกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซีย และบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ในประเทศไทย โดยมีกำไรสำหรับงวด 4,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 และ 9 เดือนแรกของปี 2563 เติบโตเป็นที่น่าพอใจ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในไตรมาสที่ผ่านมา ตลาดเคมีภัณฑ์โลกปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสินค้า HVA ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร ยานยนต์ และสินค้าคงทน ด้านธุรกิจแพคเกจจิ้งมีการปรับโมเดลธุรกิจ มุ่งเสนอโซลูชันครบวงจร จึงเติบโตอย่างมีคุณภาพ รวมถึงความสามารถในการปรับตัวทางธุรกิจ  (Business Transformation) ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการ พร้อมโซลูชันครบวงจร ช่องทางค้าปลีกในรูปแบบ Active Omni-Channel นวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม สินค้าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) นอกจากนี้ เอสซีจียังมีการเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจ รอการฟื้นตัวของตลาด เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว วิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง เอสซีจีได้ร่วมช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด โดยล่าสุดเป็นผู้ประสานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับมหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด และแอสตร้าเซนเนก้า ในการผลิตวัคซีนวิจัยป้องกันโควิด-19 เพื่อให้คนไทยได้ใช้วัคซีนเป็นกลุ่มแรก ๆ ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและฟื้นเศรษฐกิจไทย โดยมูลนิธิเอสซีจีได้ร่วมสนับสนุนทุนวิจัยพัฒนาวัคซีนในประเทศ 100 ล้านบาท ตลอดจนยังคงร่วมมือกับเครือข่ายดูแลความปลอดภัยของแพทย์และประชาชน ด้วยการกระจายอุปกรณ์ทางการแพทย์ป้องกันเชื้อโควิด-19 อาทิ ห้องตรวจหาเชื้อ แคปซูลเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ให้แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานเกือบ 1,000 แห่งทั่วประเทศเพื่อสู้วิกฤตเศรษฐกิจ เอสซีจีได้ส่งเสริมพัฒนาอาชีพที่เป็นที่ต้องการของตลาด ด้วยการจัดอบรมช่างก่อสร้างมืออาชีพ โดยสถาบัน PROBUILD รวมถึงพัฒนาอาชีพการเกษตรครบวงจร เพื่อสร้างรายได้มั่นคงให้แก่เกษตรกร โดยสยามคูโบต้า อีกทั้งส่งเสริมเยาวชนให้มีทักษะด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี โดยมูลนิธิเอสซีจี”

สำหรับธุรกิจเคมิคอลส์ ฟื้นตัวดีขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย เป็นผลมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร ยานยนต์ และสินค้าคงทนกลับมาดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 โดยธุรกิจเร่งพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูงให้มีสัดส่วนที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่ฟื้นตัว ตลอดจนเร่งพัฒนาออกแบบสินค้าให้ตอบโจทย์เศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น เม็ดพลาสติกสำหรับบรรจุภัณฑ์ Flexible Packaging ที่ทำจากเม็ดพลาสติกชนิดเดียว (Mono-material) เม็ดพลาสติกคุณภาพสูงที่ใช้ในการเพิ่มคุณภาพของพลาสติกรีไซเคิล และเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (Post-Consumer Recycled Resin) คุณภาพสูง เป็นต้น เพื่อส่งเสริมการรีไซเคิลและตอบโจทย์เจ้าของแบรนด์สินค้า ขณะที่ยังคงความสามารถในการบริหารจัดการธุรกิจที่ยืดหยุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ควบคู่กับดำเนินการบริหารความต่อเนื่องของธุรกิจ ด้วยมาตรการที่เข้มแข็ง ส่งผลให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องทั้งในไทยและต่างประเทศ ในส่วนของโครงการ MOC Debottleneck มีความคืบหน้าตามแผนร้อยละ 97 ซึ่งจะมีกำลังการผลิตโอเลฟินส์เพิ่มขึ้น 350,000 ตันต่อปี และโครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) ที่เวียดนาม มีความคืบหน้าตามแผน โดยดำเนินโครงการไปแล้วกว่าร้อยละ 55

ส่วนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ยังสามารถสร้างรายได้และเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยสินค้าและบริการ พร้อมโซลูชันครบวงจร (End-to-End Service Solution) ที่ยังคงเติบโต เช่น CPAC Construction Solution ที่ร่วมกับเครือข่าย นำเทคโนโลยีล้ำสมัย ผนวกกับสินค้าคุณภาพสูงและความเชี่ยวชาญของเอสซีจี มาให้บริการงานก่อสร้างครบวงจรที่ตรงความต้องการลูกค้า อาทิ การเทคอนกรีตฐานรากแบบต่อเนื่องในโครงการ One Bangkok ด้วยปริมาณคอนกรีต 27,300 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นสถิติการเทคอนกรีตฐานรากต่อเนื่องสูงที่สุดในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  และการดำเนินธุรกิจ Lifetime Solution ที่ให้บริการซ่อมแซมอาคารและกลุ่มงานโครงสร้างขนาดใหญ่แบบครบวงจร พร้อมยกระดับความสามารถในการแข่งขันและขยายบริการไปยังภูมิภาคอาเซียน เป็นต้น ขณะที่ SCG Solar Roof Solutions ระบบหลังคาโซลาร์จากเอสซีจี มียอดขายเติบโต 4 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะช่วยประหยัดค่าไฟให้กับเจ้าของบ้านได้สูงสุดถึงร้อยละ 60 ธุรกิจยังเดินหน้าพัฒนาช่องทางค้าปลีกในรูปแบบ Active Omni-Channel ที่เชื่อมต่อช่องทางออนไลน์ SCGHOME.com กับเครือข่ายร้านค้าปลีกรูปแบบแฟรนไชส์ของ SCG HOME 17 แห่งทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ต้องการปรับปรุงบ้านด้วยสินค้าพร้อมการบริการติดตั้ง ล่าสุดได้ร่วมมือกับบุญถาวร เพื่อเสริมศักยภาพการให้บริการในสินค้ากลุ่มตกแต่ง การปรับปรุงบ้าน การบริหาร Supply Chain และการขยายธุรกิจไปในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงร่วมกับเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายที่มีความเข้าใจตลาดในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้สามารถขยายส่วนแบ่งทางการตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจค้าปลีกและการจัดจำหน่ายมียอดขายเติบโตขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน   

นอกจากนี้ ธุรกิจยังมุ่งขับเคลื่อนหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยการรับซื้อวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบอ้อย ซังข้าวโพด ฯลฯ มาบีบอัดและนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนในการผลิตปูนซีเมนต์ ช่วยลดปัญหาฝุ่น PM2.5 การปล่อยก๊าซเรือนกระจก การนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลจากต่างประเทศ และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ในส่วนของโรงงานปูนซีเมนต์ Mawlamyine Cement Limited (MCL) ที่เมียนมา ได้หยุดการผลิตปูนซีเมนต์ชั่วคราว เนื่องจากอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาทกับหุ้นส่วนท้องถิ่นเกี่ยวกับการจัดหาวัตถุดิบ ซึ่งแทบจะไม่มีผลกระทบต่อสถานะทางเงินและการดำเนินธุรกิจของเอสซีจี

ขณะที่ ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2563 SCGP ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้น IPO ที่ 35.00 บาทต่อหุ้น นับเป็นก้าวสำคัญของ SCGP ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจจากการมีฐานะการเงินที่เข้มแข็งขึ้น เพื่อรองรับแผนงานการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต ขณะเดียวกัน กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเข้าซื้อ Bien Hoa Packaging Joint Stock Company หรือ SOVI ในเวียดนาม คาดว่าการทำธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้  ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ธุรกิจครอบคลุมทั้งภูมิภาคอาเซียน  รวมถึงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบวงจร นอกจากนี้ ธุรกิจก็มุ่งพัฒนาบรรจุภัณฑ์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น บรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว OptiSorb-X ที่ช่วยคงคุณภาพของสินค้า และยืดอายุการเก็บสินค้าให้ยาวนานขึ้น

ทั้งนี้ เอสซีจี และพันธมิตรได้ร่วมกันจัดงาน งาน SD Symposium 2020 Circular Economy: Action for Sustainable Future เพื่อขับเคลื่อนหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าสูงสุดใน 4 ด้าน 1.) ใช้น้ำหมุนเวียน 2.) เทคโนโลยีเพิ่มผลผลิตการเกษตร 3.) การจัดการขยะ และ 4.) อุตสาหกรรมก่อสร้าง ซึ่งจะมีการนำเสนอแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมในวันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563 เวลา 13.30-15.30 น. ในรูปแบบ Online Symposium ที่ www.sdsymposium2020.com


Tags : เอสซีจี ผลประกอบการไตรมาส3/2563 รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นางสาววชิรา การสุทธิ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มการตลาดเพื่อความยั่งยืน เป็นประธานเปิดกิจกรรม School Trip ในโครงการธนาคารโรงเรียน ธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ธนาคารจัดขึ้นเพื่อมอบเป็นสิทธิพิเศษสำหรับสถานศึกษาที่มีผลการดำเนินงานส่งเสริมการออมดีเด่น สามารถจูงใจให้นักเรียนนักศึกษามีปริมาณการออมเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2568 นี้ ธนาคารจัดเส้นทางทัศนศึกษาโดยรถไฟขบวนพิเศษจากกรุงเทพฯ สู่แหล่งท่องเที่ยว อำเภอหัวหิน เพื่อให้นักเรียนและอาจารย์ของสถานศึกษาได้ร่วมกิจกรรมสันทนาการ เสริมทักษะทางสังคม และการทำงานเป็นทีม ผ่านฐานกิจกรรมสุดสนุกและสร้างสรรค์   พร้อมทั้งเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ทางการเงิน GSB Learning Center ที่ธนาคารออมสินริเริ่มจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจด้านการเงินและการออมแก่เยาวชน โดยมี "โค้ชการเงินมืออาชีพ" (Certified Money Coach by GSB หรือ CMC by GSB) จากธนาคารออมสิน มาร่วมถ่ายทอดความรู้และสร้างสีสันการเรียนรู้ด้านการเงินและการออมตลอดทริป ณ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ ธนาคารออมสินมุ่งสานต่อภารกิจส่งเสริมการออมด้วยการสร้างเยาวชนนักออมอย่างต่อเนื่อง เพื่อปลูกฝังวินัยการเงินตั้งแต่วัยเรียนและสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนเป็นต้นแบบสู่สังคมแห่งการออมในอนาคต   สถานศึกษาใดสนใจเข้าร่วมโครงการธนาคารโรงเรียน ธนาคารออมสิน สามารถสมัครได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายส่งเสริมการออมและ CSR ธนาคารออมสิน โทร. 0 2299 8000 ต่อ 810712-3    

09 Nov 2025

...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ขอเชิญร่วมงาน YWCA Diplomatic Charity Bazaar ครั้งที่ 70 งานชอปสินค้านานาชาติเพื่อการกุศลที่รวมกว่า 200 ร้านค้า และกว่า 40 สถานทูตจากทั่วโลก พบกับบูทกรุงเทพประกันภัย (บูท D46) ที่นำเสนอหลากหลายแผนประกันภัยให้เลือกตามความต้องการ พร้อมรับโปรโมชันสุดพิเศษ ได้ที่ CentralWorld Pulse ชั้น 7 ในวันที่ 6 – 9 พฤศจิกายน 2568   นอกจากนี้ บริษัทฯ ขอเชิญร่วมงานไทยเที่ยวนอก ครั้งที่ 5 งานท่องเที่ยวสุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี พบกับโปรโมชัน “3 ต่อสุดคุ้ม” สำหรับนักเดินทางที่รักการท่องเที่ยว - ลดสูงสุด 18% สำหรับประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ - รับฟรี Starbucks Card มูลค่า 100 บาท เมื่อซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ ครบทุก 500 บาท (สูงสุด 800 บาท) - พร้อมของสมนาคุณเพิ่มเติมภายในงาน พิเศษสำหรับผู้รักการดำน้ำ บริษัทฯ นำเสนอแผนประกันภัยนักดำน้ำ — ประกันภัยเพื่อการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ออกแบบสำหรับนักดำน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งกรุงเทพประกันภัยเป็นรายแรกในประเทศไทยที่เสนอผลิตภัณฑ์นี้ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยใต้ท้องทะเล โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาด้านประกันภัยอย่างใกล้ชิด พบกับกรุงเทพประกันภัยได้ที่บูท M44 – M45 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 5 – 6 ชั้น LG ในวันที่ 6 – 9 พฤศจิกายน 2568  

08 Nov 2025

...

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดย นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ประธานกรรมการ  นางยุพา ล่ำซำ  นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นางสลิล ล่ำซำ  นางจันทรา บูรณฤกษ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท นายกนิช บุณยัษฐิติ กรรมการบริษัท  ดร.ณฐพร พันธุ์อุดม กรรมการบริษัท นายภูมิชาย ล่ำซำ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ดร.สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ  พร้อมด้วยนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย นางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย นางสาวพิมพ์จุฑา สกุนสิทธิ์ธาดา ผู้อำนวยการเขตวัฒนา คณะผู้บริหารเขตวัฒนา  รวมทั้งคณะผู้บริหาร และพนักงาน  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัทคู่ค้า ลูกค้า และผู้มีจิตศรัทธา ร่วมน้อมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน  ประจำปี 2568  แด่พระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดธาตุทอง กรุงเทพมหานคร   ในโอกาสนี้  เมืองไทยประกันชีวิต  ได้มอบเงินบริจาค “ผ้าป่าการศึกษา” ให้แก่ โรงเรียนในพระอุปถัมภ์ของวัดธาตุทอง โดยมี  นางธนาลัย ลิมปรัตนคีรี  ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวัดธาตุทอง  นายพงศ์พิษณุ สุพรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนดาราคาม  นายธีระยุทธ สมบูรณ์สุข ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดธาตุทอง  (เรือนเขียวสะอาด)  นายเจษฎา ศรีนวล ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง  ว่าที่พันตรี ดร.ณัฏฐกิตติ์ ชัยเฉลิมมงคล กรรมการบริหารและไวยาวัจกรวัดธาตุทอง ผู้แทนโรงเรียน พระปริยัติธรรมวัดธาตุทอง ร่วมในพิธี  ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมในทุกด้าน ให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน.    

05 Nov 2025

...

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินในฐานะสถาบันการออมของคนไทย ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการส่งเสริมการออมและให้ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน ธนาคารจึงถือโอกาสในการจัดงานวันออมแห่งชาติ วันที่ 31 ตุลาคม 2568 ยกระดับสู่ GSB SAVINGS FORUM 2025 ภายใต้แนวคิด “AI & AOM ออมยุคใหม่ สร้างสังคมไทยให้ยั่งยืน” เพื่อให้เป็นเวทีในการสื่อสารด้านการออมและจุดประกายการผสานพลังเทคโนโลยี “AI” (Artificial Intelligence) เข้ากับ “AOM” (การออม) อย่างสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมสำคัญ อาทิ มินิทอล์ก “ออมยุคใหม่ สร้างสังคมไทยให้ยั่งยืน” โดยกูรูและเซเลบริตี้ชื่อดัง การประกวดออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” ด้วย AI รอบชิงชนะเลิศ ตลอดจนการเปิดตัว “โค้ชการเงินมืออาชีพ” หรือ CMC by GSB โดยงาน GSB SAVINGS FORUM 2025 ในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีแรก และธนาคารตั้งเป้าจัดเป็นงานประจำทุกปีในวันออมแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจหลักของธนาคารในการให้ความรู้ทางการเงินและเป็นเวทีหลักด้านการส่งเสริมการออมแก่สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง ภายในงานพบกับไฮไลท์ เวทีมินิทอล์ก “ออมยุคใหม่ สร้างสังคมไทยให้ยั่งยืน” เวทีแห่งแรงบันดาลใจจากคนดังหลากหลายเจน ที่จะมาแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์วางแผนการออมและการเงินส่วนบุคคลในโลกดิจิทัล อาทิ คุณหนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ คุณตั๊ก-มยุรา เศวตศิลา และ คุณธนัชภรณ์ นิชิยาม่า ร่วมสร้างสีสันการเสวนาโดย คุณป๋อมแป๋ม-นิติ ชัยชิตาทร พร้อมรับชมการแข่งขันพรอมพ์ AI เพื่อออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นการแข่งขันของผู้ผ่านเข้ารอบ 50 คน จากผู้ส่งผลงานกว่า 700 ผลงาน โดยธนาคารจัดการประกวดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีในการสร้างแรงบันดาลใจด้านการออม ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 100,000 บาท ตัดสินโดยกูรูวงการ AI และผู้เชี่ยวชาญจากแวดวงโฆษณาชั้นนำของประเทศ อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัว “โค้ชการเงินมืออาชีพ” หรือ CMC by GSB ที่ธนาคารออมสินได้ริเริ่มจัดทำโปรแกรมสร้างผู้เชี่ยวชาญวางแผนการเงิน ร่วมพัฒนาหลักสูตรโดยผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการให้ความรู้ทางการเงิน การออม การลงทุน และการวางแผนเกษียณ โดยมีพนักงานออมสินที่ผ่านเกณฑ์การทดสอบทั้งข้อเขียนและภาคปฏิบัติ ได้รับการรับรองคุณวุฒิเป็น “โค้ชการเงินมืออาชีพ” หรือ CMC by GSB รุ่นแรก รวม 44 ราย ที่จะทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ทางการเงิน และส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมอย่างมีเป้าหมาย ซึ่งพนักงานที่ผ่านการทดสอบในโปรแกรมนี้ จะได้รับการติดเข็มวิทยฐานะ CMC สำหรับใช้แสดงตนเพื่อเป็นการรับรองความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป  นอกจากนี้ ธนาคารยังเปิดตัวกระปุกออมสิน “แสงแห่งการออม” ในวาระวันออมแห่งชาติ ดีไซน์ล้ำด้วยลูกเล่นมีไฟส่องสว่างในตัว สำหรับผู้ฝากเงิน 500 บาทขึ้นไป ลงทะเบียนจองสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.gsb.or.th, Line Official : GSB Society หรือ แอปพลิเคชัน MyMo ตั้งแต่วันที่ 27 – 30 ตุลาคม 2568 และเปิดให้ฝากเงินได้ที่ธนาคารออมสินสาขา แอปพลิเคชัน MyMo หรือเครื่องรับฝากเงิน ADM พร้อมรับกระปุกออมสิน ณ ธนาคารออมสินสาขาที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ไว้ ในวันที่ 31 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2568 (จำกัด 1 คน ต่อ 1 สิทธิ์) ของมีจำนวนจำกัด สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน GSB SAVINGS FORUM 2025 ในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 6 อาคาร 32 ชั้น ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ สามารถลงทะเบียนได้ทางระบบออนไลน์ https://www.zipeventapp.com/e/GSB-Savings-Forum-2025 ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2568 โดยผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าจะได้รับกระปุกออมสิน “แสงแห่งการออม” (จำนวนจำกัด) หรือรับชมการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางเพจเฟซบุ๊ก GSB Society

23 Oct 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner