Responsive image

Thursday, 18 Dec 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME / ธุรกิจ - การตลาด - เอสเอ็มอี


เอสซีจี เปิด 3 เกมรุกสู่ “ธุรกิจปิโตรเคมีเพื่อความยั่งยืน” ตอบโจทย์ความต้องการตลาดโลก ขับเคลื่อน HVA พร้อมใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ

Fri 05/03/2564


      ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี แถลงทิศทางธุรกิจปี 2564 มุ่งสู่ “ธุรกิจปิโตรเคมีเพื่อความยั่งยืน” (Chemical Business for Sustainability) ตามแนวทาง SDGs (Sustainable Development Goals) และ ESG (Environmental, Social, Governance) ตั้งเป้าเพิ่มการขายผลิตภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง หรือ Green Polymer 2 แสนตัน ภายในปี 2568  และขยายการขายสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง (High Value-Added HVA) เป็น 50% ภายในปี 2573  พร้อมใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ เร่งเดินหน้า 3 กลยุทธ์เชิงรุก ได้แก่ 1. เร่งการขยายเข้าสู่ธุรกิจเศรษฐกิจหมุนเวียน (Accelerate Circularity) 2. เร่งการขับเคลื่อนธุรกิจมูลค่าเพิ่มสูง หรือ HVA (Accelerate Innovation)  และ 3. เร่งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ (Accelerate Digital Technology) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลก และสร้างการเติบโตระยะยาว พร้อมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน    

 

นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล กรรมการผู้จัดใหญ่ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี แถลงทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2564 ว่า “ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี มีการปรับตัวในหลาย ๆ ด้าน เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  ซึ่งธุรกิจสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย โดยโครงการสำคัญ ๆ  อย่างเช่น โครงการขยายกำลังการผลิตของโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ หรือ MOCD มีความคืบหน้าตามแผนที่วางไว้ และพร้อมดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ภายในต้นไตรมาสที่ 2 นี้ โดยจะมีกำลังการผลิตโอเลฟินส์เพิ่มอีก 350,000 ตันต่อปี”

 “สำหรับปี 2564 นี้ ธุรกิจปิโตรเคมี มีความท้าทายใหม่ ๆ ทางธุรกิจ ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยมีความท้าทาย 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy for Plastics) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการพลาสติกใช้แล้วที่เจ้าของแบรนด์สินค้าและผู้บริโภคให้ความสำคัญ เกิดเป็นพฤติกรรม Sustainable Consumption รวมถึงมีกฎระเบียบและเป้าหมายของประเทศต่าง ๆ  อีกหนึ่งความท้าทาย คือ การเปลี่ยนแปลงของตลาดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 (Shifting demand) ทำให้เกิดปัจจัยบวกต่อตลาดบางประเภท เช่น บรรจุภัณฑ์สำหรับการขนส่ง พลาสติกสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น ซึ่งคาดว่าในช่วงฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ตลาดที่อุปสงค์เคยลดลงไป เช่น กลุ่มสินค้าคงทน ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้า น่าจะกลับมาดีขึ้น ในขณะที่สินค้ากลุ่ม Medical and Healthcare จะเป็นกลุ่มที่มีการใช้งานสูงขึ้นในระยะยาว ในขณะที่การแข่งขันในภูมิภาคสูงขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการ Supply Chain (Competition & Supply Chain Realignment) ซึ่งบางส่วนเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลง Trade Flow จาก Trade War”  

 “เพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ทางธุรกิจ รวมทั้งตอบโจทย์ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ และแนวทาง ESG  (Environmental, Social, Governance) ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี จึงเดินหน้าสู่การเป็น “ธุรกิจปิโตรเคมีเพื่อความยั่งยืน” (Chemical Business for Sustainability) โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ  เพิ่มการขายผลิตภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง หรือ Green Polymer 2 แสนตัน ภายในปี 2568 ขยายการขายสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง (HVA) เป็น 50% ภายในปี 2573 และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ขับเคลื่อนด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่

1. เร่งการขยายเข้าสู่ธุรกิจ Circular Economy (Accelerate Circularity) เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดภาวะโลกร้อน พร้อมตอบโจทย์ลูกค้า เจ้าของแบรนด์สินค้า และผู้บริโภคที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีโรดแมปขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน 4 ด้าน ครอบคลุมตลอดทั้ง Supply Chain  ได้แก่  

1)    การพัฒนานวัตกรรมเม็ดพลาสติกและโซลูชัน โดยออกแบบให้รีไซเคิลได้ง่าย (Design for Recyclability) และคงคุณสมบัติด้านอื่น ๆ ไว้อย่างครบถ้วน เป็นขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบเพื่อให้พลาสติกสามารถรีไซเคิลได้ 100% เช่น การพัฒนาโซลูชันสำหรับบรรจุภัณฑ์แบบ Mono-material ออกแบบให้ชั้นแผ่นฟิล์มในการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกเป็นวัสดุชนิดเดียวกันทั้งหมด จึงนำกลับมารีไซเคิลได้ง่าย โดยเบื้องต้น  เอสซีจีได้คิดค้นโซลูชันสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันการซึมผ่านระดับปานกลาง หรือ Medium Barrier Packaging สามารถใช้ทดแทนวัสดุไนลอนชั้นกลางในบรรจุภัณฑ์จำพวก ถุงน้ำยาล้างจาน สบู่เหลว ถุงข้าวสาร หรือบรรจุภัณฑ์แบบสุญญากาศ เช่น ถุงไส้กรอก ซึ่งโซลูชันนี้ช่วยให้บรรจุภัณฑ์พลาสติกรีไซเคิลได้ 100% ส่งผลให้การจัดการหลังการใช้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ร่วมกับเจ้าของแบรนด์สินค้าหลายราย

2)    การนำพลาสติกใช้แล้วมาผลิตเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง หรือ PCR (Post-Consumer Recycled Resin) โดยขณะนี้ เอสซีจี ได้วิจัยพัฒนาสูตรการผลิต เม็ดพลาสติกรีไซเคิล PCR ชนิด HDPE ภายใต้แบรนด์ SCG Green PolymerTM สำหรับบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าที่ใช้ภายในบ้าน ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาต้นแบบ PCR Booster สารปรับแต่งเพื่อยกระดับคุณภาพบรรจุภัณฑ์ให้สามารถมีส่วนผสมของเม็ดพลาสติกชนิด PCR เพิ่มขึ้นได้ โดยยังคงประสิทธิภาพของบรรจุภัณฑ์ไว้เช่นเดิม

3)    การนำพลาสติกใช้แล้วมาผลิตเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับธุรกิจปิโตรเคมี (Chemical Recycling) โดยพัฒนาเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตที่ทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเปลี่ยนพลาสติกใช้แล้วกลับมาเป็นวัตถุดิบตั้งต้น หรือ Recycled Feedstock สำหรับโรงงานปิโตรเคมีเพื่อนำกลับมาผลิตเป็นเม็ดพลาสติกใหม่ รวมถึงสามารถผลิตเป็น food grade ได้ด้วย โดยได้ก่อสร้างโรงงานทดสอบการผลิต หรือ Demonstration Plant แห่งแรกในประเทศไทย ในพื้นที่บริเวณโรงงาน จังหวัดระยอง ด้วยกำลังการผลิต Recycled Feedstock ประมาณ 4,000 ตันต่อปี และพร้อมที่จะขยายกำลังผลิตในอนาคต เมื่อเทียบกับการนำขยะไปเผาหรือฝังกลบ กระบวนการรีไซเคิลในรูปแบบนี้ มี Carbon Footprint น้อยกว่ามาก

4)    การพัฒนานวัตกรรมพลาสติกชีวภาพ (Bioplastics) ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาความร่วมมือกับ partners

 

2.   เร่งการขับเคลื่อนธุรกิจ HVA (Accelerate Innovation) ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ได้พัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการมูลค่าเพิ่มสูง หรือ HVA มาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้น 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ บรรจุภัณฑ์  สุขภาพ ยานยนต์ และการก่อสร้าง ทั้งนี้ได้วิจัยพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบ In-house และ Open Innovation โดยร่วมมือกับเครือข่ายด้านวิจัยพัฒนา  สถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัยต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งในประเทศไทย เอเชียและยุโรป  ซึ่งในปีนี้ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ได้ตั้งงบประมาณด้าน R&D เป็นเงินกว่า 1,600 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ก่อตั้งศูนย์นวัตกรรมและพัฒนาต้นแบบสินค้า หรือ “i2P Center” (Ideas to Products) แห่งแรกและแห่งเดียวในภูมิภาคอาเซียนตั้งแต่ปี 2562 เพื่อเป็นโซลูชันด้าน Material Selection, Design และ Process  นอกจากนี้ยังมีศูนย์พัฒนาต้นแบบสินค้า จึงช่วยจุดประกายความคิดให้กับลูกค้าและเจ้าของแบรนด์สินค้า รวมทั้งมีกระบวนการเร่งให้เกิดนวัตกรรมและการพัฒนาสินค้าต้นแบบได้รวดเร็วขึ้นเป็น 3 เท่าจากที่ผ่านมา  

 

 3. เร่งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ (Accelerate Digital Technology) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจ ทั้งด้านความเร็วและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยเอสซีจีได้เสริมความแข็งแกร่งภายในองค์กรด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ดำเนินธุรกิจตลอดห่วงโซ่อุปทาน  สร้าง Single Data Platform ทำให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเห็นข้อมูลชุดเดียวกันแบบ Real-time เช่น การใช้ดิจิทัลในการขั้นตอนการจัดหาวัตถุดิบ ให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมตามสถานการณ์ตลาดมากขึ้น การใช้ดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและป้องกันปัญหาในกระบวนการผลิต (Reliability) ใช้ Predictive Model เพื่อแจ้งเตือนความผิดปกติของเครื่องจักรล่วงหน้าก่อนเกิดความเสียหาย และการนำ AI Simulation เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต นอกจากนี้ ยังได้จัดทำ Digital Commerce Platform หรือ DCP เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลจากคำสั่งซื้อของลูกค้าเข้ากับข้อมูลการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะคำสั่งซื้อได้ทุกที่ทุกเวลา และสามารถลดเวลาได้ถึง 70%”

ทั้งนี้ กลยุทธ์เชิงรุกทั้ง 3 ด้านของธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี  ได้แก่ 1. เร่งการขยายเข้าสู่ธุรกิจ Circular Economy  2. เร่งการขับเคลื่อนธุรกิจ HVA และ 3. เร่งการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้  นอกจากจะส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนแล้ว ยังตอบโจทย์ SDGs และ ESG ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน ชุมชน สังคม และดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ผ่านนวัตกรรมและโซลูชันที่เอสซีจีมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง และพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความยั่งยืนไปด้วยกัน

 


Tags : เอสซีจี ธุรกิจเคมิคอลส์ ธุรกิจปิโตรเคมีเพื่อความยั่งยืน ขับเคลื่อนHVA ธนวงษ์อารีรัชชกุลกรรมการผู้จัดใหญ่ธุรกิจเคมิคอลส์เอสซีจี


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ธ.ก.ส. เร่งให้ความช่วยเหลือทหาร และ ตชด. วีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา โดยให้ความช่วยเหลือกับทหาร และ ตชด. ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือบิดา - มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชาได้กลับมาตึงเครียดในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี ตราด และสระแก้ว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร โดยปัจจุบันมีทหารที่เป็นสมาชิกครอบครัวของลูกค้า ธ.ก.ส. เสียชีวิต และเพื่อให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกค้า ธ.ก.ส. และเป็นการลดภาระเพื่อให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง คณะกรรมการธนาคาร โดย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. ได้มีมติในการประชุมวันนี้ (9 ธันวาคม 2568) ให้ความช่วยเหลือลูกค้า กรณีทหาร หรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่บิดา มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหารไปแล้ว จำนวน 7 ราย ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง  

14 Dec 2025

...

บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รักคือพลังของชีวิต นำโดย คุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวคอนเสิร์ตใหญ่แห่งปี OCEAN LIFE ไทยสมุทร Presents “NONTIVERSE of LOVE” โดยมี นนท์ ธนนท์ Brand Ambassador  ร่วมถ่ายทอดพลังแห่งความรัก ผ่านคอนเสิร์ตสุดอบอุ่นที่ผสาน โลกความรักของนนท์ ธนนท์ และ โลกความรักของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร เข้าด้วยกัน เพื่อมอบเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณสำหรับลูกค้า OCEAN LIFE ไทยสมุทร และ  NONTFAM ที่เป็นสมาชิก Ocean Club ในโอกาสครบรอบปีที่ 77 OCEAN LIFE ไทยสมุทร   รักตัวเอง คือจุดเริ่มต้นของทุกความรัก คอนเสิร์ต “NONTIVERSE of LOVE” ต่อยอดจากแนวคิด Love Mindset  รักตัวเอง คือจุดเริ่มต้นของทุกความรัก ซึ่งเป็นหัวใจในการดำเนินงานของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ที่มุ่งส่งต่อพลังแห่งความรักให้กับทุกคน ผ่าน 3 มิติสำคัญ ได้แก่ Love Your Health รักสุขภาพ ดูแลกายใจให้แข็งแรง ทั้งตัวเองและคนที่รัก Love Your Wealth รักการเงิน วางแผนชีวิตและปิดความเสี่ยงเพื่อความมั่นคงในอนาคต Love the World รักโลกและสังคม ส่งต่อความดี สร้างความยั่งยืนร่วมกัน    NONTIVERSE of LOVE คอนเสิร์ตอบอุ่นแห่งปี 2026 ที่รวม “สองโลกแห่งความรัก” ไว้ในจักรวาลเดียวกัน NONTIVERSE of LOVE ออกแบบบรรยากาศให้ผู้ชมเสมือนหลุดเข้าสู่ “จักรวาลแห่งความรัก” ที่เต็มไปด้วยบทเพลงและเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนกลับมารักและดูแลตัวเองอีกครั้ง พร้อมแขกรับเชิญสุดพิเศษที่จะมาร่วมถ่ายทอดพลังบวกแห่งความรัก จัดขึ้นในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2569 ณ One Bangkok Forum คอนเสิร์ตที่ตั้งใจให้ทุกคนได้รู้สึกถึงความรัก ประทับใจกับช่วงเวลาพิเศษและแขกรับเชิญสุดเซอร์ไพรส์ที่อยากให้รอติดตาม และไม่พลาดไปดูว่าโลกความรักของ “นนท์ ธนนท์” และ โลกความรักของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร จะหลอมรวมกันได้ลงตัวอย่างไร เลือกแบบประกันที่ใช่ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของตัวเอง OCEAN LIFE ไทยสมุทร เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการของคน Gen Y และพร้อมเป็นตัวช่วยปิดความเสี่ยงที่คน Gen Y อาจมองข้ามไป ในครั้งนี้ เรามอบประกันที่ตอบโจทย์ Gen Y ทั้งออมเงิน คุ้มครองชีวิต คุ้มครองอุบัติเหตุ คุ้มครองสุขภาพ โรคร้ายแรง รวมไปถึงประกันลดหย่อนภาษี ที่ให้เลือกสรรได้อย่างครอบคลุมในทุกมิติ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/nontiverseoflove 1. โอเชี่ยนไลฟ์ เฟิร์ส เลิฟ 18/10 ประกันสะสมทรัพย์ออนไลน์ไซซ์เล็ก ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่เริ่มทำประกันชีวิตฉบับแรก วางแผนการเงินได้เร็วกว่า เริ่มต้นง่ายเพียงแค่ปีละ 6,000 บาท ชำระเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิตได้ คุ้มครองยาว 18 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยเพียง 10 ปี ซื้อง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ รับประกันภัยอายุตั้งแต่ 30 วัน – 45 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยรายปี โอเชี่ยนไลฟ์ เฟิร์ส เลิฟ 18/10 ตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ต จำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ และผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ตโซน VIP จำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/savings/first-love1810 2. ประกันอุบัติเหตุ PA ดีชัวร์ แบบประกันอุบัติเหตุ สำหรับอาชีพอิสระ สบายใจคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ รวมถึงมีเงินชดเชยรายได้เมื่อนอนโรงพยาบาล รับประกันภัยบุคคลอายุตั้งแต่ 5 – 60 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยรายปี เป็นเวลา 5 ปี ประกันอุบัติเหตุ PA ดีชัวร์ ผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ต จำนวน 1 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/personal-accident/oceanlife-pa-d-sure 3. โครงการ โอชิ สมอล เฮลท์ ประกันสุขภาพไซซ์เล็ก ที่คุ้มครองครบในหนึ่งเดียว ครอบคลุมทุกความต้องการ ทั้งความคุ้มครองชีวิตและความคุ้มครองด้านสุขภาพ จะป่วยเล็กป่วยใหญ่ก็สบายใจหมดห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาล ค่าเบี้ยประกันภัยราคาสบายกระเป๋า รับประกันภัยบุคคลที่มีอายุ 16 - 70 ปี โครงการ โอชิ สมอล เฮลท์ ผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยรายปีตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ตจำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/health-insurance/ochi-small-health-package 4. ซีไอ ท็อปทรี เอ็กซ์ตร้า แบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง ที่คุ้มครองโรคร้ายแรงที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทย ให้คนทำงานใช้ชีวิตสบายใจแบบ Extra รับประกันภัยบุคคลที่มีอายุ  35 - 60 ปีให้ความคุ้มครอง 7 โรคร้ายแรงที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนไทยสูงสุด 1,000,000 บาท คุ้มครองกรณีเสียชีวิต 50,000 บาท หากเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรับเพิ่มอีก 500,000 บาท หากไม่เคลมตลอด 3 ปี รับเงินคืน 10% ของเบี้ยประกันภัยที่ชำระสะสม ในวันครบกำหนดสัญญา ซีไอ ท็อปทรี เอ็กซ์ตร้า ผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 3,000 - 5,999 บาท  จะได้รับบัตรคอนเสิร์ต 1 ใบต่อกรมธรรม์ และผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ตจำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/health-insurance/ci-small-package 5. โอเชี่ยนไลฟ์ อีซี่ เซฟวิ่ง 11/4 ตัวช่วยในการเก็บออม(1) พร้อมลดหย่อนภาษี โดยมอบความคุ้มครองชีวิต สูงสุด 405% (ระหว่างปีกรมธรรม์ที่ 4 - 11) พร้อมรับเงินคืน 2% ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1 – 10  หากมีชีวิตอยู่จนครบสัญญาจะได้รับเงินครบกำหนดสัญญาอีก 422% รวมรับผลประโยชน์ตลอดอายุสัญญาสูงสุด 442% “โอเชี่ยนไลฟ์ อีซี่ เซฟวิ่ง 11/4”  รับประกันภัยบุคคลอายุตั้งแต่ 30 วัน – 65 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยสั้นเพียง 4 ปี รับความคุ้มครองชีวิตยาว 11 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยรายปี โอเชี่ยนไลฟ์ อีซี่ เซฟวิ่ง 11/4 ผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 60,000 – 99,999 บาท จะได้รับบัตรคอนเสิร์ต 1 ใบต่อกรมธรรม์ และผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัย 100,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ตจำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/tax-saving/oceanlife-easy-saving114 โดยสมาชิก Ocean Club ทุกท่านต้องลงทะเบียน Ocean Connect เพื่อสามารถตรวจสอบกรมธรรม์ได้ด้วยตนเอง และรับการแจ้งเตือนชำระเบี้ยประกันภัยปีต่อ ผ่าน LINE Official: @OceanLife หรือ Ocean Club App พร้อมชำระเบี้ยผ่านช่องทางดังกล่าวได้ทันที ทั้งนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษจากพันธมิตรชั้นนำและสิทธิเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท NONTIVERSE of LOVE คอนเสิร์ตสำหรับลูกค้าและ NONTFAM ที่เลือกรับบัตรได้ 2 ทาง  ลูกค้า OCEAN LIFE ไทยสมุทร และ NONTFAM ที่เป็นสมาชิก Ocean Club สามารถเข้าร่วมคอนเสิร์ตได้ 2 ช่องทางพิเศษ ได้แก่   1. LOVE FAST TRACK สำหรับผู้ที่รักตัวเองและพร้อมวางแผนอนาคตด้วยแบบประกันชีวิต เช่น OCEAN LIFE First Love 18/10 และแบบประกันอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ จะได้สิทธิ์รับบัตรคอนเสิร์ตแบบไม่ต้องลุ้น พร้อมรับของที่ระลึกและสิทธิพิเศษ NONTFAM BENEFITS จำนวนจำกัด 2. LOVE CHALLENGE สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการร่วมกิจกรรม เพียงเข้าร่วมชาเลนจ์ “รักตัวเอง ด้วย LOVE Mindset Challenge” ผ่าน OCEAN CLUB APP และช่องทางโซเชียลของบริษัท เพื่อสะสมเหรียญ OCHI Coin แลกลุ้นบัตรคอนเสิร์ตและของรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก “นนท์ ธนนท์” รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมกิจกรรมเปิดให้ติดตามได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ทางเว็บไซต์และทุกช่องทางโซเชียลของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร NONTIVERSE of LOVE - NONTFAM BENEFITS OCEAN LIFE ไทยสมุทร มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า และ NONTFAM ซึ่งเป็นสมาชิก Ocean Club ที่เข้าร่วมกิจกรรม อาทิ Lanyard รักตัวเอง x NONT TANONT, บัตรแข็งและโปสเตอร์ NONTIVERSE of LOVE, ปฏิทิน 12 ways to love yourself, ผ้าห่มรักตัวเอง x NONT TANONT และสิทธิ์ถ่ายภาพกับ นนท์ ธนนท์ สำหรับโซน VIP เท่านั้น สิทธิพิเศษทั้งหมดนี้คือการขอบคุณจากใจ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ที่อยากส่งต่อพลังแห่งความรัก ให้ทุกคนได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งความสุข ความประทับใจ และแรงบันดาลใจที่จะกลับมารักและดูแลตัวเอง เพื่ออยู่กับคนที่คุณรักไปได้นานที่สุด ก้าวสู่ปีที่ 77 ด้วยพลังแห่งความรัก นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ในโอกาสที่กำลังก้าวสู่ปีที่ 77 ของการดำเนินธุรกิจภายใต้พลังความรัก เรายังคงมุ่งมั่นใช้ความรักเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ เพื่อให้ทุกคนได้อยู่กับคนที่รัก และทำสิ่งที่รักไปได้นานที่สุด และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งดี ๆ อีกมากมาย ที่ OCEAN LIFE ไทยสมุทร เตรียมมอบให้คนไทยตลอดปีแห่งการเฉลิมฉลองนี้ OCEAN LIFE ไทยสมุทรประกันชีวิต ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กร โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติ เพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคม เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Ocean Life ไทยสมุทรประกันชีวิต LINE Official: @OceanLife  เว็บไซต์ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER  1503  ข้อควรทราบ :  (1) เป็นการออมเงินในรูปแบบประกันชีวิต • โอเชี่ยนไลฟ์ เฟิร์ส เลิฟ 18/10 และ OCEAN LIFE First Love 18/10 เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันโอเชี่ยนไลฟ์ โอชิ แพลน 18/10 • โครงการโอชิ สมอล เฮลท์ (Ochi Small Health Package) เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันโอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท โพรเทคชั่น 99/99 แนบสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ สมอล เฮลท์ (Small Health) และบันทึกสลักหลังค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก (OPD) • ซีไอ ท็อปทรีเอ็กซ์ตร้า เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันโรคร้าย ท็อปทรี เอ็กซ์ตร้า • % หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินเอาประกันภัย • การคำนวณเบี้ยประกันภัยไม่คำนวณเศษเกิน และจะนำเศษเกินไปคำนวณรวมกับกรมธรรม์อื่นไม่ได้ • การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด • ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ • เบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ สามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด • ผู้เอาประกันภัยที่ประสงค์จะนำเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องแจ้งความประสงค์และยินยอมให้บริษัทนำส่งข้อมูลเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพให้กรมสรรพากร • ข้อมูลในเอกสารนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัย/ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครอง ผลประโยชน์ และข้อยกเว้น ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เมื่อได้รับกรมธรรม์แล้วโปรดศึกษาเพิ่มเติม

07 Dec 2025

...

บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย นายพุทธรักษ์ ทิพชัชวาลวงศ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานคณิตศาสตร์ประกันภัย (ลำดับที่ 5 จากขวา) นางสาวนัทธกัญญ์ แซ่ก้วย ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ (ลำดับที่ 4 จากขวา) ร่วมมอบผ้าห่มและน้ำดื่มให้แก่ นายฉันทพัฒน์ ทิวทิพย์สกุล หัวหน้าอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จุดสน.สมเด็จเจ้าพระยา (ลำดับที่ 5 จากซ้าย) เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องชาวหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ณ สำนักงานใหญ่ บมจ.ทิพยประกันชีวิต

07 Dec 2025

...

ทิพยประกันภัยเดินหน้าต่อยอดประสบการณ์ด้านประกันภัยรถยนต์ เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “TIP MOTOR EXTRA PRO ประกันรถสุดปัง อลังการสุดโปร” ในงาน Motor Expo 2025 เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ครบวงจร พร้อมคัดสรรผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์หลากหลาย อาทิ TIP Premium Garage Plus, TIP Lady, TIP Rainbow, TIP Up to Mile และประกันรถยนต์ 2+ คุ้มทุน พร้อมทีมให้คำปรึกษา คำนวณเบี้ย และบริการต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน แคมเปญ “TIP MOTOR EXTRA PRO” มอบข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับลูกค้า อาทิ • ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูงสุด 15% สำหรับลูกค้าใหม่ • รับของสมนาคุณ รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท • ลุ้นรับรถยนต์ MITSUBISHI XFORCE รุ่น ULTIMATE มูลค่า 1,059,000 บาท • ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน • พิเศษ! ลูกค้าที่ต่ออายุประกันภัยรถยนต์ภายในงาน รับ บัตร Lotus’s มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ทิพยประกันภัยขอเชิญทุกท่านร่วมรับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะงาน Motor Expo 2025 ได้ที่บูธ V07–V08 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568

30 Nov 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner