Responsive image

Tuesday, 20 May 2025

หน้าแรก > ECONOMY- FINANCE / เศรษฐกิจ - การเงิน


“THE CHANGE MASTER” เปิดมุมคิด 4 ซีอีโอแถวหน้าเมืองไทย กับโปรเจคถอดรหัส “บริหารธุรกิจภายใต้ความไม่แน่นอน” โดยกรุงศรี

Sun 18/04/2564


เพราะความรู้เปลี่ยนโลกได้ และผู้ที่จะอยู่รอดได้คือผู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุด...กรุงศรี ด้วยเป้าหมายสู่การเป็นธนาคารพันธมิตรที่ลูกค้าไว้วางใจจึงผุดไอเดียส่งต่อความรู้สู้กระแสดิสรัปชั่นและความไม่แน่นอน กับโปรเจค “THE CHANGE MASTER หนึ่งในโครงการภายใต้บริการ Krungsri Business Empowerment ในการให้ความรู้ มุมมอง และแรงบันดาลใจให้กับนักธุรกิจ ซึ่งได้ออกอากาศไปแล้วในรายการ Business Watch จับกระแสธุรกิจ ทางช่อง TNN 16 เมื่อเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา จับมือ 4 ผู้บริหารระดับซีอีโอจาก 4 องค์กรธุรกิจแถวหน้าของไทยมาแบ่งปันประสบการณ์ฝ่าวิกฤต เพื่อเป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนให้ลูกค้าและนักธุรกิจสร้างความเปลี่ยนแปลง รับกระแสดิสรัปชั่นและความไม่แน่นอน โดยผู้นำทั้ง 4 ท่าน ต่างก็ให้ข้อคิดสำคัญในการ “บริหารธุรกิจภายใต้ความไม่แน่นอน”

ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) แนะนำว่า ในวิกฤตเราต้องเปลี่ยนโหมดให้เป็น High Speed ไม่อย่างนั้น แก้ปัญหาไม่ทันแน่นอน ซึ่งอะไรคือ การทำงานแบบ High Speed นั้น ต้องเอา End Game เป็นตัวตั้ง โดยดูว่าหากต้องการความสำเร็จแบบนี้ ต้องวางแนวทางแบบไหน และต้องแก้ปัญหาอย่างไรบ้าง นอกจากนั้นต้องทำให้คนที่อยู่หน้างานสามารถมี Authorize มากขึ้น มีอำนาจในการตัดสินใจมากขึ้นและลดขั้นตอนการขออนุมัติ เพื่อให้สามารถตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น”

อีกทั้งพยายามมองหาโอกาส อย่างเช่นสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา สิ่งที่เราทำเพิ่มในเรื่องส่งออก ก็คือไปดูประเทศที่เรามีคู่ค้า และประเทศเหล่านั้นได้รับผลกระทบอะไรบ้าง และผลที่เกิดขึ้น คือ เราได้โอกาสส่งออกเนื้อไก่หลายพันตันไปยังสิงคโปร์ สานต่อสู่โปรเจคใหญ่ที่จะมีส่วนช่วยซัพพลายเชนให้สิงคโปร์มีความปลอดภัยด้านอาหาร หรือโรงงานตั้งอยู่ที่อู่ฮั่น แต่รัฐให้ซีพีเป็นเจ้าเดียวที่กระจายอาหารในมณฑลได้ เกิดเป็นเรียนรู้โลจิสติกส์ และได้องค์ความรู้กลับมา อีกทั้งยังทำให้คนทำงานทุกเจเนอเรชันยอมรับและใช้ไอที ส่งผลให้จัดการงานเร็วขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลง มีการใช้ AI เชื่อมโยงกับกระบวนการผลิต เช่น การใช้ Voice Technology เช็คคุณภาพหมู ใช้กล้องประเมินน้ำหนักไก่ ซึ่งเป็นไอเดียให้ทุกคนควรเลือกใช้เทคโนโลยีและหาวิธีการใช้ให้เหมาะกับธุรกิจแต่ละคน

“ผมไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ ไม่เคยหยุดที่จะปรับปรุง ไม่เคยหยุดที่จะแสวงหาโอกาสใหม่ๆ” นี่คือคีย์เวิร์ดสำคัญของ ‘เฮียฮ้อ’ ที่กลายเป็นคำแนะนำเปรียบดั่งขุมทรัพย์ ซึ่ง สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผู้นำไม่หยุดเรียนรู้ แต่ต้องแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เสมอ แล้วส่งต่อ Passion ไปยังคนในองค์กรให้ได้

“พรุ่งนี้ คือวันนี้ของเรา เราอยู่กับการเปลี่ยนแปลงมาตลอด เป็นธุรกิจที่ต้องคอยติดตามเทรนด์ เป็นเรื่องที่เราต้องปรับตัวตลอด โลกซับซ้อนกว่าอดีต คาดการณ์ยาก ต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม อะไรที่ยังไม่ชัดเจนให้ทำไป แก้ไป เรียนรู้ไป ต้องเร็ว กล้าคิด กล้าทำ คิดเร็ว ทำเร็ว แก้ไขเร็ว แก้ไม่ได้ก็ต้องเลิกให้เร็ว และหน้าที่ของผู้นำต้องเป็นซีอีโอที่ติดตาม พยายามทำองค์กรให้ไปในทิศทางที่เราวางไว้ อย่าให้สปีดลดลง ต้องมีความเข้มข้นในการหาสิ่งท้าทายใหม่เสมอ ใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงตามเทคโนโลยี เตรียมความพร้อม ไม่ประมาท และรู้จักลูกค้าให้มากที่สุด”

สิ่งที่สะท้อนกระบวนทัศน์ของอาร์เอสมากที่สุด คือการเปลี่ยนตัวเองมาเป็น “Entertainmerce” ธุรกิจบันเทิงบวกคอมเมิร์สเต็มตัว จากแนวคิดจะทำธุรกิจแบบ B to C เปลี่ยนคนดูให้เป็นลูกค้าให้ได้ เกิดเป็น RS Mall ที่ไม่ใช่โฮมชอปปิ้ง แต่เป็นการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนแล้วนำมาสร้างจุดแตกต่างให้ได้ เน้นไปที่การเชื่อมโยงกับลูกค้า สะสม DATABASE 1.5 ล้านคน และใช้กลยุทธ์เก้าอี้ 4 ขา กลยุทธ์กระจายรายได้มากกว่า 2 ขา ลดความเสี่ยง เปลี่ยนบทบาทตัวเอง เปลี่ยนคนฟังให้เป็นลูกค้าผ่าน COOLanything สร้างศิลปินเป็น influencer มองหาธุรกิจใหม่เสริม Ecosystem ของอาร์เอส

“ถึงแม้เราจะยังว่ายน้ำไม่ไหวในวันนี้ แต่เราจะลอยคอไปด้วยกัน” คำกล่าวนี้สะท้อนปรัชญาองค์กรและยังสอดแทรกด้วยสปิริตนักสู้เต็มเปี่ยมของผู้นำไทยแอร์เอเชีย อย่าง ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) เผยความรู้สึกถึงการท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่เปราะบางที่สุด แม้จะเผชิญกับทุกความเสี่ยงมาตลอด แต่ทุกวิกฤตมัดรวมกันยังไม่เท่าโควิด-19 เพียงครั้งเดียว

แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคที่แอร์เอเชียต้องยอมจำนน หนทางรอดคือต้องปรับตัว ทั้งจัดการต้นทุน ปรับลดค่าใช้จ่ายโดยการพิจารณาแต่ละส่วน แล้วประเมินความเป็นไปได้อย่างรอบคอบ แม้ค่าใช้จ่ายจะหนักหนา แต่หัวใจสำคัญของจัดการคือ พนักงาน ทุกคนจะลอยคอไปด้วยกันจนกว่าวิกฤตโควิดจะผ่านไป พร้อมเผยแพลตฟอร์ม Our Market แนวคิดเปิดพื้นที่ขายของระหว่างพนักงานกันเองกว่า 8,000 คน ซึ่งผลลัพธ์เกินคาดหมายสามารถเลี้ยงตัวเองได้ จึงเป็นแรงขับเคลื่อนต่อในการหาอาชีพเสริมให้พนักงาน และไม่ลืมที่จะสื่อสารให้กำลังใจกัน

“สิ่งที่ผู้นำควรทำคือการสื่อสารกับคนในองค์กรในช่วงวิกฤตเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายคนในองค์กรต้องรู้ก่อน ต้องมีความชัดเจนในการประชาสัมพันธ์ และต้องห้ามท้อ ห้ามถอดใจ ต้องสู้ให้ถึงที่สุด เราจะเป็น Last Man Standing เราควรจะได้รับประโยชน์จากการยืนหยัดที่ผ่านมา รายได้ที่จะมาในอนาคตจะต้องมาจุนเจือส่วนที่ขาดหายไปในตอนนี้ให้ได้”

สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เห็นพ้องกับกระแสดิสรัปชั่นและการทำ Business Transformation ว่า “การเปลี่ยนแปลงจะมาเร็วขึ้นเรื่อยๆ ต้องไม่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง และต้องปรับตัวให้เร็วขึ้น

ถึงแม้ว่าธุรกิจด้านพลังงานบริสุทธิ์จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่มากเท่าธุรกิจอื่น แต่วิกฤตคือการเปลี่ยนแปลง มีทั้งคนที่ได้และเสียประโยชน์ นี่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ไทยแข็งแกร่งจากการคิดบวก และเอาผลกระทบมาเป็นประสบการณ์ในอนาคต นี่คือตัวผลักดันที่ช่วยยกระดับมาตรการป้องกันธุรกิจที่เคยวางแผนไว้ ทำให้ผู้นำองค์กรต้องจินตนาการถึงเหตุการณ์ไม่คาดคิด แล้วคิดแผนเพื่อเดินต่ออย่างมั่นคง คิดได้ครบ รอบคอบ

“การมาของโควิด-19 ทำให้โลกแห่งพลังงานทดแทน พลังงานสะอาดเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด แล้วยังกระตุกให้เราต้องคิดทำอะไรก่อนหลัง อย่างกรณีรถ EV เราคิดถึงรถใหญ่ที่ยังไม่มีผู้นำตลาด เพราะต้องการให้เกิด New S-Curve ต่อยอดจากสิ่งที่เราทำ และตระหนักถึงการคืนกลับสู่สังคมและสิ่งแวดล้อม การนำความรู้ความสามารถไปเติมหรือทำของที่มีคุณค่าออกมาสู่ตลาด ทำพลังงานไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ที่สำคัญต้องไม่ให้ธุรกิจ Disturb กันเอง และอย่าให้กระทบกับคนอื่น ยกตัวอย่างธุรกิจไบโอดีเซล อีกหนึ่งธุรกิจของพลังงานบริสุทธิ์ เราต้องพัฒนาเทคโนโลยี เปลี่ยนเป็นกรีนดีเซล รวมทั้งเพิ่มมูลค่าน้ำมันปาล์ม ขายในโปรดักส์อื่น เพื่อทำให้เกษตรกรยังสามารถขายปาล์มและอยู่รอดได้ด้วยเช่นกัน” 

นับเป็นโอกาสยอดเยี่ยมที่หาได้ยาก กับการรวมตัวผู้บริหารระดับสูงทั้งสี่ ซึ่งเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงองค์กรใหญ่ระดับประเทศ ที่นำพาองค์กรผ่านทุกสถานการณ์รอดพ้นทุกวิกฤตมาแล้ว พวกเขาตอบรับคำเชิญจากโปรเจค THE CHANGE MASTER” ผนึกกำลังกันมาถ่ายทอดมุมมองต่อการปรับตัวทางธุรกิจผ่านวิธีคิดอันแยบยลและประสบการณ์ของแต่ละท่าน ซึ่งสามารถกระตุกต่อมคิด สร้างกลไกการเปลี่ยนแปลงให้กับผู้ชมได้อย่างมาก

ยังมีเรื่องราวน่าสนใจอีกมากมายจากซีอีโอทั้งสี่ที่จะเปลี่ยนแง่คิดและช่วยชี้ทางให้นักธุรกิจไทยเดินออกจากปัญหาที่รุมเร้าได้ทุกสถานการณ์ ผู้สนใจสามารถติดตามย้อนหลังได้ที่เฟซบุ๊ก Krungsri Business Empowerment


Tags : ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ สมโภชน์ อาหุนัย ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดย นางสาวอรนาฎ นชะพงษ์ (ที่ 4 จากขวา) ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายกลยุทธ์การตลาดและบริหารจัดการลูกค้า พร้อมด้วยนายแพทย์วิรุณ เกียรติคุณรัตน์ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศูนย์บริการการแพทย์ ร่วมงานแถลงข่าว “BDMS Preventive Vaccine” ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลในเครือ BDMS กับบริษัทประกันชีวิตชั้นนำในการจัด “โครงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคในราคาพิเศษ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันอย่างยั่งยืนในกลุ่มผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพ ณ ห้องประชุมเรเดียน โรงแรมเมอวินพิค บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรุงเทพประกันชีวิต ใส่ใจและมีเป้าหมายในการสนับสนุนให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีนเพื่อลดความรุนแรงของโรค ภาวะแทรกซ้อน และลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในระยะยาว จึงเข้าร่วม “โครงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคในราคาพิเศษ” โดยลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพของกรุงเทพประกันชีวิต สามารถขอรับการบริการฉีดวัคซีนจากโรงพยาบาลเครือบีดีเอ็มเอสได้ในราคาเดียวทั่วประเทศ ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบีเอ็นเอช กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล โดยวัคซีนที่ให้บริการประกอบด้วย วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์  สำหรับผู้ใหญ่อายุ 15 ปีขึ้นไป             ราคา      500       บาท วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์  สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 15 ปี         ราคา      700       บาท วัคซีนงูสวัด (2 เข็ม)                                                                             ราคา  11,500      บาท วัคซีนปอดอักเสบ 1 เข็ม (Prevnar20)                                                 ราคา    3,500      บาท วัคซีนไข้เลือดออก 4 สายพันธุ์ (2 เข็ม) สำหรับผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป    ราคา    3,900     บาท ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวรวมค่าแพทย์ และค่าบริการโรงพยาบาล แต่ไม่รวมค่ายาอื่นๆ และค่ารักษาพยาบาล หรือค่าบริการปรึกษาทางการแพทย์เพิ่มเติม ผู้สนใจสามารถรับบริการได้ที่โรงพยาบาลในเครือ BDMS โดยโทรนัดหมายที่โรงพยาบาลที่ต้องการรับบริการล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน และแสดงหลักฐานกรมธรรมประกันสุขภาพ หรือ บัตรผู้เอาประกันภัยแก่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลก่อนรับบริการ โดยมีระยะเวลาการรับสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568

16 May 2025

...

  ตามที่รัฐบาลโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้สถาบันการเงินเข้าช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะ กลุ่มผู้ปกครองที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ทั้งค่าชุดเครื่องแบบนักเรียน หนังสือ อุปกรณ์การเรียน และอื่น ๆ ด้วยการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยได้เข้าถึงการศึกษาอย่างต่อเนื่อง นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกมาตรการ “สินเชื่อธนาคารประชาชนต้อนรับเปิดเทอม” ที่ผ่อนเกณฑ์อนุมัติให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และเป็นการเดินหน้าภารกิจเชิงสังคมในการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม สำหรับผู้ปกครองที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนในการเตรียมความพร้อมแก่บุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่เพียง 0.60% ต่อเดือน วงเงินกู้ตามความจำเป็นสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อราย ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 1 ปี (12 งวด) ผ่อนชำระประมาณ 894 บาทต่อเดือน (รวมเงินต้นและดอกเบี้ย) ทั้งนี้ สำหรับผู้มีอาชีพ รายได้ และที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถยื่นขอสินเชื่อโดยไม่ต้องมีหลักประกัน ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo หรือติดต่อธนาคารออมสินสาขาเพื่อขอคำแนะนำในการสมัครสินเชื่อ ได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2568  

08 May 2025

...

SME D Bank ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ดูแลกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีสิทธิ์กว่า 17,200 ราย อย่างใกล้ชิด พาเข้าร่วมแล้ว ณ วันที่ 23 เม.ย. 68 กว่า 7,200 ราย หรือคิดเป็นกว่า 40% จากลูกหนี้ทั้งหมดที่มีสิทธิ์ ประกาศข่าวดี ขยายระยะเวลาสมัครลงทะเบียนสมัครถึงวันที่ 30 มิ.ย. 68 นี้ เพื่อรับประโยชน์ช่วยลดภาระ สร้างโอกาสกลับมาเริ่มต้นธุรกิจอีกครั้ง นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า จากที่รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย มีนโยบายแก้หนี้ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่ง SME D Bank ขานรับนโยบายเข้าร่วมโครงการ ด้วยการเปิดให้ลูกหนี้ของธนาคารที่เข้าเกณฑ์จำนวนกว่า  17,200 ราย มูลหนี้ประมาณ  16,800  ล้านบาท   ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคาร (www.smebank.co.th)   รวมถึง ทำงานเชิงรุกด้วยการส่งจดหมายแนะนำโครงการไปถึงลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ ควบคู่กับให้ทีมงานธนาคารติดต่อลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ เพื่อให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด แนะนำถึงประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการ อีกทั้งเปิด Call Center สายพิเศษ รองรับให้บริการในโครงการนี้โดยเฉพาะผ่านเลขหมาย 1357 กด 99 ทั้งนี้  นับตั้งแต่เปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 จนถึงวันที่ 23 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มีลูกหนี้ลงทะเบียนเข้าโครงการแล้วกว่า 7,200 ราย หรือคิดเป็นกว่า 40% ของลูกหนี้ทั้งหมดของธนาคารที่มีสิทธิ์ ผ่านเกณฑ์โครงการกว่า 4,650 ราย  แยกตามประเภทอุตสาหกรรม  ภาคการค้า ประมาณ 38% ภาคบริการ ประมาณ 34% และภาคการผลิต ประมาณ 28%  โดยเป็นสัดส่วนกลุ่มธุรกิจที่ผ่านมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” และทำสัญญาแล้ว จำนวนกว่า 2,900 ราย มูลหนี้กว่า 3,800 ล้านบาท   สำหรับกลุ่มที่ลงทะเบียนแบ่งเป็นกลุ่ม Lower SE (รายได้เกิน 1.8 ถึง 15  ล้านบาทต่อปี) จำนวน 58%  กลุ่ม Micro (รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี)  จำนวน 24%  กลุ่ม Upper SE (รายได้เกิน 15 ถึง 100  ล้านบาทต่อปี) จำนวน  16% และกลุ่ม ME (รายได้เกิน  100  ล้านบาทต่อปี) จำนวน 2%  เมื่อรวมกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นรายเล็กกับรายย่อย ( Lower SE , Micro ) จำนวนรวมถึงกว่า 82% สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการรายเล็กของไทยมีศักยภาพเปราะบาง ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด  นอกจากนั้น ธนาคารยังช่วยเหลือด้านการพัฒนา เน้นการเพิ่มรายได้ขยายตลาด เช่น เชิญร่วมโครงการ  “SME D Market”  ซึ่งธนาคารจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน เปิดโอกาสให้มาออกบูธจำหน่ายสินค้า  ณ  สำนักงานใหญ่ SME D Bank โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เชิญร่วมกิจกรรมคาราวานสินค้า สร้างโอกาสทางการตลาด และจับคู่ธุรกิจ  นอกจากนั้น เชิญร่วมโครงการไลฟ์คอมเมิร์ซ เวิร์คช้อปการทำตลาดยุคดิจิทัล พร้อมโอกาสเพิ่มรายได้ด้วยการให้คนดังบนโลกออนไลน์ช่วยบอกต่อ เป็นต้น   ทั้งนี้ จากที่โครงการดังกล่าว ได้ขยายเวลาลงทะเบียนออกไปถึงวันที่ 30 มิถุนายน  2568  นับเป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือลดค่างวดชำระ  3 ปี  เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่อง โดยปีแรกชำระเพียง 50% เท่านั้น    โดยค่างวดที่ชำระนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด อีกทั้ง ไม่เก็บดอกเบี้ย  3 ปี  เมื่อทำตามเงื่อนไข และหากชำระค่างวดมากกว่าขั้นต่ำ ตัดเงินต้นเพิ่ม ปิดหนี้จบได้อย่างรวดเร็ว   จึงขอเชิญชวนลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ รีบแจ้งความประสงค์ เพื่อรับผลประโยชน์ในการช่วยเหลือ  ลดภาระหนี้ และสร้างโอกาสให้กลับมาเริ่มต้นดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง  สามารถแจ้งความประสงค์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคาร (www.smebank.co.th)   หรือเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (www.bot.or.th/khunsoo) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357 กด 99   

05 May 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์การเงินการคลังของไทย ในงาน MOF Journey: 150 ปี เส้นทางการคลังไทย ในโอกาสครบรอบ 150 ปี กระทรวงการคลัง โดยจัดโปรโมชันเงินฝากเพื่อส่งเสริมการออมสำหรับงานนี้เท่านั้น เริ่มต้นด้วยเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 150 วัน อัตราดอกเบี้ยแบบ Step up เฉลี่ย 2.55% ต่อปี หรือเทียบเท่าเงินฝากประจำ 3.00% ต่อปี จองสิทธิ์ภายในงาน จำนวนจำกัด วันละ 150 สิทธิ์ และ 1 คนต่อ 1 สิทธิ์ และพลาดไม่ได้กับแคมเปญแห่งปี “ออมร้อย ชิงร้อยล้าน” ฝากสลากออมสินพิเศษ 1 ปี ลุ้นรับรางวัลพิเศษมูลค่ารวม 100 ล้านบาท แบ่งเป็น รางวัลพิเศษ มูลค่า 1 ล้านบาท งวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 จำนวน 30 รางวัล และรางวัลพิเศษ มูลค่า 70 ล้านบาท งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เพียง 1 รางวัลเท่านั้น สำหรับผู้ฝากสลากตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 15 กรกฎาคม 2568 หรือเลือกฝากสลากออมสินพิเศษ / สลากดิจิทัล แบบ 2 ปี พร้อมรับของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมี เงินฝาก Smart Junior เพื่อเด็กและเยาวชนที่มีอายุ 7 – 23 ปีบริบูรณ์ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.50% ต่อปี และได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 2.10% ต่อปี เมื่อมียอดเงินฝากคงเหลือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอย่างต่อเนื่อง โดย 24 เดือนแรก รับดอกเบี้ยพิเศษเพิ่มขึ้น 0.10% ทุก 2 เดือน สูงสุดไม่เกิน 1.60% ต่อปี และรับดอกเบี้ยโบนัสเพิ่มขึ้น 0.50% ใน 6 เดือนสุดท้าย ระยะเวลาฝากรวม 30 เดือน เปิดบัญชีขั้นต่ำ 1 บาท และเปิดบัญชีเงินฝาก 100 บาทขึ้นไป รับกระปุกออมสินคอลเลกชันพิเศษ GSB Love Earth ภายในบูธยังมีกิจกรรมพิเศษและรับกระปุกออมสิน รวมถึงการแนะนำการลงทะเบียนสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส นวัตกรรมสินเชื่อสำหรับคนที่ไม่เคยกู้แบงก์ได้มาก่อนอีกด้วย   งานครบรอบ 150 ปี วันสถาปนากระทรวงการคลัง จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “อดีต–ปัจจุบัน-อนาคต” เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้เรียนรู้ถึงวิวัฒนาการด้านการคลังของไทยที่มีบทบาทในการพัฒนาประเทศตั้งแต่อดีตสู่ภารกิจการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มั่งคงและยั่งยืนในอนาคต ภายในงานยังเป็นการร่วมแสดงพลังความสามัคคี การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อการบริการประชาชนและการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมของหน่วยงานในสังกัด จึงขอเชิญชวนร่วมสัมผัสนวัตกรรมและบริการทางการเงินที่น่าสนใจ ทั้งจากบูธธนาคารออมสิน และหน่วยงานต่าง ๆ ในระหว่างวันที่ 1 - 3 พฤษภาคม 2568 ณ Hall 3 – 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  

30 Apr 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner