Responsive image

Monday, 22 Dec 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME / ธุรกิจ - การตลาด - เอสเอ็มอี


เอสซีจีเผยผลประกอบการไตรมาส 1/2564 กำไรเพิ่ม รุกตลาดเคมีภัณฑ์-โซลูชันบ้าน-บรรจุภัณฑ์ครบวงจร มุ่งเป็นต้นแบบธุรกิจ ESG เติบโตระยะยาว

Sun 09/05/2564


เอสซีจีเผยผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2564 กำไรเพิ่มขึ้น จากนวัตกรรมเคมีภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มรับตลาดโลกฟื้น การเริ่มผลิตของโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ เฟส 2 และการส่งมอบโซลูชันที่อยู่อาศัย ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการปรับปรุงบ้านในช่วง Work from Home ขณะที่บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหาร-เครื่องดื่ม และอีคอมเมิร์ซเติบโตต่อเนื่อง ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยีบริหารจัดการกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุน พร้อมมุ่งขับเคลื่อนองค์กรสู่ต้นแบบธุรกิจ ESG ด้วยการลงนามในสัญญาซื้อหุ้นในบริษัทรีไซเคิลพลาสติก ในโปรตุเกส พัฒนาโซลูชัน Medical & Healthcare และ EV รับเทรนด์โลก เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า “งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจีไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2564 มีรายได้จากการขาย 122,066 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากไตรมาสก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจ และมีกำไรสำหรับงวด 14,914 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 85 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยธุรกิจเคมิคอลส์มีปริมาณขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงของโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์
(MOC) ในไตรมาสก่อน การเริ่มผลิตของโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ เฟส 2 (MOC Debottleneck) และอุปสงค์ทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างดีขึ้นจากปัจจัยตามฤดูกาล ด้านธุรกิจแพคเกจจิ้งมีการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำ (Downstream) ในภูมิภาคอาเซียนให้เติบโตยิ่งขึ้น และกระจายฐานลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และกำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้นร้อยละ 114 สาเหตุหลักจากธุรกิจเคมิคอลส์มีส่วนต่างราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น

ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 เอสซีจีมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products & Services – HVA) 41,475 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 ของรายได้จากการขายรวม ทั้งนี้ ยังมีสัดส่วนของการพัฒนาสินค้าใหม่ (New Products Development – NPD) และ Service Solution เช่น โซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy Solution) โซลูชันบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ (Smart and Functional Solutions) คิดเป็นร้อยละ 13 และ 5 ของรายได้จากการขายรวม

นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทย ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ทั้งสิ้น 51,104 ล้านบาท โดยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 42 ของรายได้จากการขายรวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 มีมูลค่า 800,932 ล้านบาท โดยร้อยละ 38 เป็นสินทรัพย์ในอาเซียน ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2564 แยกตามรายธุรกิจ ดังนี้

ธุรกิจเคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย 51,607 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงของโรงงาน MOC ในไตรมาสก่อน และการเริ่มผลิตของโครงการ MOC Debottleneck ในไตรมาสนี้ และเพิ่มขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสำหรับงวด 8,829 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 51 จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นร้อยละ 397 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากส่วนต่างราคาสินค้าและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากบริษัทกรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด หรือ BST ที่เป็นผู้ผลิตน้ำยางสังเคราะห์ไนไตรล์รายเดียวในประเทศไทย เพื่อการผลิตถุงมือยางไนไตรล์สำหรับแพทย์

ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขาย 46,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการสินค้าและบริการในภูมิภาคที่ลดลง และการซ่อมบำรุงตามแผนของโรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศกัมพูชา โดยมีกำไรสำหรับงวด 2,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน จากปัจจัยตามฤดูกาล

ธุรกิจแพคเกจจิ้ง มีรายได้จากการขาย 27,253 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสำหรับงวด 2,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของความต้องการซื้อสินค้าของผู้บริโภคในอาเซียน ราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคปรับตัวสูงขึ้น การรุกขยายพอร์ตสินค้าบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำ และบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าเพื่อสุขอนามัย ฯลฯ การปรับตัวอย่างรวดเร็วด้วยการกระจายฐานลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงกลยุทธ์ Merger & Partnership หรือ M&P ได้แก่ การเข้าลงทุนใน Bien Hoa Packaging Joint Stock Company (SOVI) ประเทศเวียดนาม และการเข้าลงทุนใน Go-Pak UK Limited เพื่อขยายฐานตลาดบรรจุภัณฑ์อาหารในภูมิภาคต่าง ๆ รองรับเมกะเทรนด์

นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า “ผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง เอสซีจีจึงเตรียมความพร้อมด้วยการปรับตัวให้มีความยืดหยุ่น (Resiliency) เช่น เพิ่มสัดส่วนการขายนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตและการบริหารจัดการต้นทุน โดยยังคงรักษาความปลอดภัยด้วยการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 อย่างเคร่งครัด ทั้งกับพนักงาน ลูกค้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตลอดกระบวนการทำงาน เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจ ส่งมอบสินค้า บริการ และโซลูชันครบวงจรต่าง ๆ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง (Business Continuity Management หรือ BCM)

ขณะเดียวกัน เอสซีจีได้มุ่งดำเนินทุกธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวคิด ESG (Environmental, Social and Governance - ESG) โดยเร่งพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการ พร้อมโซลูชันครบวงจรด้าน Circular Economy, Medical & Healthcare และยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) ที่กำลังเติบโตสูง โดยล่าสุดได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นในบริษัท Recycled Plastic ในประเทศโปรตุเกส เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและการเติบโตในระยะยาว

ปัจจุบัน เอสซีจีมีสินค้าในกลุ่ม SCG Green Choice ที่ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ลดการใช้พลังงาน และยืดอายุ การใช้งานสินค้า เพื่อเป็นทางเลือกในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับผู้บริโภค จำนวนสินค้า 103 รายการ และมุ่งขยายเป็น 135 รายการ ภายในปีนี้ โดยในไตรมาสที่ 1 มีรายได้จากการขายสินค้า SCG Green Choice เท่ากับ 45,635 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37 ของรายได้จากการขายรวม

นอกจากนี้ เอสซีจีได้เพิ่มการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) สำหรับกระบวนการผลิต โดยในปี 2563 มีสัดส่วนการใช้เท่ากับ 88,125 เมกะวัตต์-ชั่วโมง และในช่วงสองเดือนแรกของไตรมาสที่ 1 ปี 2564 เท่ากับ 14,769 เมกะวัตต์–ชั่วโมง เช่นเดียวกับพลังงานทางเลือก (Alternative Fuel) ที่มีสัดส่วนการใช้เพิ่มขึ้น เพื่อให้บรรลุนโยบายลดสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล (Zero Coal Initiative) โดยในปี 2563 มีสัดส่วนการใช้เท่ากับร้อยละ 14.3 ในขณะที่ในช่วงสองเดือนแรกของไตรมาสที่ 1 ปี 2564 มีสัดส่วนการใช้เท่ากับร้อยละ 16.0

สำหรับธุรกิจเคมิคอลส์ ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวคิด ESG เพื่อมุ่งสู่การเป็น “ธุรกิจปิโตรเคมีเพื่อความยั่งยืน” ซึ่งนอกจากจะเน้นการขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) อาทิ  SMX™ HDPE และ HDPE Pipe PE112 แล้ว ยังเร่งการเข้าสู่ธุรกิจที่ตลาดมีการเติบโตสูง เช่น ธุรกิจด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ล่าสุด ได้เข้าสู่ธุรกิจด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในยุโรป ด้วยการลงนามในสัญญาซื้อหุ้นบริษัท ซีพลาสต์ (Sirplaste) ผู้ประกอบธุรกิจและผู้นำด้านพลาสติกรีไซเคิลในประเทศโปรตุเกส ซึ่งนอกจากจะส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนแล้ว ยังสามารถนำความได้เปรียบนี้ไปพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีรีไซเคิลในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งขยายช่องทางการขายในตลาดยุโรปได้

นอกจากนี้ โครงการขยายกำลังการผลิตของโรงงาน MOC Debottleneck ซึ่งธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี และ DOW ได้ร่วมมือกันดำเนินโครงการ ก่อสร้างแล้วเสร็จเร็วกว่าแผนและเริ่มทดลองดำเนินการผลิตแล้ว คาดว่าจะผลิตได้เต็มกำลังภายในเดือนพฤษภาคม 2564 จะทำให้มีกำลังการผลิตโอเลฟินส์เพิ่มขึ้น 350,000 ตันต่อปี ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ทำให้กระบวนการผลิตมีต้นทุนการลงทุนที่ต่ำลง และยังทำให้ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Process)

ในส่วนของโครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) ที่เวียดนามคืบหน้าตามแผนร้อยละ 76 โดยจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในครึ่งปีแรกของปี 2566

นอกจากนี้ เอสซีจีอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างธุรกิจเคมิคอลส์ รวมถึงการเสนอขายหุ้น SCG Chemicals ต่อประชาชนทั่วไป เพื่อรองรับโอกาสในการขยายธุรกิจเคมิคอลส์ในอนาคต เช่น ความเป็นไปได้ในการขยายกำลังการผลิตในภูมิภาคอาเซียน และการลงทุนอื่น ๆ ซึ่งคาดว่าการศึกษาและการปรับโครงสร้างดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2565

ส่วนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ยังคงเติบโตอย่างมีคุณภาพ ผ่านการนำเสนอสินค้า บริการ และโซลูชันครบวงจร ตอบโจทย์การก่อสร้างและการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง ESG อาทิ โซลูชัน Green Construction ของ CPAC ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยยกระดับมาตรฐานงานก่อสร้างของไทยให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการด้วย CPAC Construction Solution เช่น CPAC BIM, CPAC Drone, CPAC 3D Printing และ CPAC Smart Structure ตั้งเป้าเปลี่ยนของเสียจากงานก่อสร้างให้เกิดประโยชน์คืนกลับสู่สังคม (Waste to Wealth) ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ประมาณร้อยละ 10-20

นอกจากนี้ ธุรกิจได้ขยายตลาด SCG Solar Roof Solution ทั้งลูกค้ากลุ่มเจ้าของบ้าน (Residential) และกลุ่มผู้ประกอบการ (Non- Residential) ที่ใช้ไฟในตอนกลางวันต่อเนื่อง ตอบโจทย์ความต้องการลดรายจ่ายค่าไฟฟ้า และเพิ่มการใช้พลังงานสะอาดในภาคประชาชนให้สูงขึ้น โดยตั้งเป้ายอดขายรวม 600 ล้านบาท ในปี 2564 และล่าสุดได้เปิดตัว EV Solution Platform โซลูชันที่ให้บริการด้านยานยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาดครบวงจร เพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม

ขณะเดียวกัน ธุรกิจได้เปิดตัว SCG D’COR (เอสซีจี เดคคอร์) วัสดุตกแต่งทางเลือกใหม่ พร้อมบริการ SCG D’COR Facade Solution ตอบรับการก่อสร้างที่ต้องการทั้งความสวยงามและประสิทธิภาพการใช้งาน และจะขยายสาขา SCG HOME เพิ่มอีก 33 สาขา รวมเป็น 50 สาขา ภายในปีนี้ ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ รวมทั้งพัฒนา SCGHOME.com ให้เป็น Super Platform ของการทำบ้านที่ครบวงจรที่สุด เชื่อมต่อระหว่างหน้าร้านและระบบออนไลน์ ตามแนวคิด Active Omni-channel เป็นเพื่อนคู่คิดให้ลูกค้าตั้งแต่การวางแผน การปรับปรุงบ้าน จนถึงการเข้าอยู่อาศัย

ขณะที่ ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ยังคงเติบโตได้ดี ด้วยการนำเสนอโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน โดยดำเนินงานตามโมเดลธุรกิจที่มุ่งขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำ (Downstream) สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคในภูมิภาคอาเซียนรุกขยายกำลังการผลิตและผนึกกำลังระหว่างฐานการผลิตต่าง ๆ ซึ่งได้เปิดดำเนินการโรงงานผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์กำลังผลิตส่วนเพิ่ม 400,000 ตันต่อปี ของ Fajar ในประเทศอินโดนีเซีย และการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์อีกกว่า 347 ล้านชิ้นต่อปี ในบริษัทวีซี่ แพ็คเกจิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงด้านต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งสินค้าทางเรือได้ดี ทำให้สามารถรองรับความต้องการของตลาดที่ฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกัน ธุรกิจได้พัฒนานวัตกรรมโซลูชันด้านบรรจุภัณฑ์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ล่าสุดได้พัฒนา OptiBreath® บรรจุภัณฑ์ที่ช่วยคงความสดของผักผลไม้ให้นานขึ้น ลดการเน่าเสียและข้อจำกัดทางการขนส่ง ด้วยเทคโนโลยีของฟิล์มที่ช่วยควบคุมการผ่านเข้าออกของก๊าซและไอน้ำ และ Odor LockTM บรรจุภัณฑ์ที่ช่วยเก็บกลิ่นอาหาร สะดวกต่อการขนส่งและวางจำหน่ายร่วมกับสินค้าอื่น โดยวางจำหน่ายแล้วในร้านค้าออนไลน์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการและผู้บริโภคในฤดูกาลผลไม้นี้

สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ระลอกสามนี้ ค่อนข้างรุนแรง และส่งผลกระทบด้านสุขภาพและเศรษฐกิจในวงกว้าง ที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามเต็มที่ในการดูแลสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัปดาห์นี้ ที่ภาครัฐได้ยกระดับมาตรการให้เข้มงวดยิ่งขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดี และเชื่อว่า หากพวกเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลอย่างเคร่งครัด เช่น ช่วยกัน Work from Home ให้มากที่สุด สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือให้สะอาด และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ฯลฯ ก็จะช่วยให้เราผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ 

สำหรับการผลิตวัคซีนป้องกันโควิค 19 “แอสตราเซเนก้า” โดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด มีความคืบหน้าด้วยดี ล่าสุด อย. ได้อนุมัติให้บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นฐานการผลิตวัคซีนที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตและกระจายวัคซีนไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้สามารถเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยจะเริ่มทยอยฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ 

ขณะเดียวกัน มูลนิธิเอสซีจี เอสซีจี และเอสซีจีพี ได้กระจายความช่วยเหลือไปยัง 270 หน่วยงานใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในระยะเร่งด่วนให้กับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ด้วยนวัตกรรม “เตียงสนามกระดาษเอสซีจีพี (SCGP Paper Field Hospital Bed)” จำนวน 22,000 ชุด ที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล ออกแบบตามหลักการยศาสตร์ รองรับการใช้งานตามสรีระของคนเอเชีย รับน้ำหนักได้ 100 กิโลกรัม ขนส่งและประกอบได้ง่าย รวมถึงนวัตกรรม “ห้องน้ำสำเร็จรูป (Bathroom Mobile Unit)” นวัตกรรม “ห้องความดันอากาศบวก (Positive Pressure Room)” และอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ

นอกจากนี้ เอสซีจี หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และบริษัทชั้นนำ จะช่วยสนับสนุนภาครัฐในการกระจายวัคซีนให้รวดเร็ว เกิดประสิทธิภาพ และทั่วถึงมากที่สุด ทั้งด้านอุปกรณ์ บุคลากร งบประมาณ และสถานที่ โดยเอสซีจีได้จัดเตรียมพื้นที่บริเวณสำนักงานใหญ่เอสซีจี บางซื่อ ให้เป็น “สถานีฉีดวัคซีน” สำหรับประชาชน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมิถุนายนนี้ ผมหวังว่า ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการดูแลตนเองของเราทุกคน จะช่วยให้เราผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยกัน ขณะเดียวกัน ก็จะนำไปสู่การฟื้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาคึกคักได้โดยเร็ว”


Tags : เอสซีจี รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส เอสซีจีเผยผลประกอบการไตรมาส1/2564


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ เอ ไลฟ์ (ALive Powered by AIA) โดยบริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด ส่งความห่วงใยถึงคนไทยทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 มอบแคมเปญ “ฟรี!!! ประกันอุบัติเหตุ กรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจข้ามปี” โดยมอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ (ไมโครอินชัวรันส์) ฟรีให้แก่ประชาชนทั่วไป ระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วัน ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท* เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเพิ่มความอุ่นใจสำหรับการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองกับครอบครัว ซึ่งแคมเปญดังกล่าวยังเป็นการขานรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกทั้งยังสานต่อพันธกิจของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives ทั้งนี้ สำหรับประชาชนทุกคนที่สนใจขอรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มฟรี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงไปที่เว็บไซต์ https://aiathailand.info/panyPR  ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569   หมายเหตุ: *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด กำหนด

20 Dec 2025

...

รายงานข่าวจากธนาคารออมสิน ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า ประเภทบุคคลธรรมดา ที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill ขอให้เร่งสมัครผ่านเว็บไซต์ของธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนี้เหลือเวลาเพียง 4 วันสุดท้าย ที่สามารถลงทะเบียนและเรียนให้จบหลักสูตร เพื่อรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ นับจากวันที่พัฒนาทักษะสำเร็จจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 สูงสุดไม่เกินรายละ 2,000 บาท หลักสูตร Smart Finance Upskill การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัสเป็นการเรียนออนไลน์กับธนาคารออมสิน ภายใต้โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย ประเภทบุคคลธรรมดา มุ่งเสริมทักษะทางการเงินที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ ครอบคลุมการทำบัญชี การคิดต้นทุน การตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ ผู้ที่เรียนจบและผ่านเกณฑ์ จะได้รับประกาศนียบัตรและรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 กด 7

19 Dec 2025

...

ธ.ก.ส. เร่งให้ความช่วยเหลือทหาร และ ตชด. วีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา โดยให้ความช่วยเหลือกับทหาร และ ตชด. ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือบิดา - มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชาได้กลับมาตึงเครียดในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี ตราด และสระแก้ว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร โดยปัจจุบันมีทหารที่เป็นสมาชิกครอบครัวของลูกค้า ธ.ก.ส. เสียชีวิต และเพื่อให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกค้า ธ.ก.ส. และเป็นการลดภาระเพื่อให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง คณะกรรมการธนาคาร โดย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. ได้มีมติในการประชุมวันนี้ (9 ธันวาคม 2568) ให้ความช่วยเหลือลูกค้า กรณีทหาร หรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่บิดา มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหารไปแล้ว จำนวน 7 ราย ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง  

14 Dec 2025

...

บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รักคือพลังของชีวิต นำโดย คุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวคอนเสิร์ตใหญ่แห่งปี OCEAN LIFE ไทยสมุทร Presents “NONTIVERSE of LOVE” โดยมี นนท์ ธนนท์ Brand Ambassador  ร่วมถ่ายทอดพลังแห่งความรัก ผ่านคอนเสิร์ตสุดอบอุ่นที่ผสาน โลกความรักของนนท์ ธนนท์ และ โลกความรักของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร เข้าด้วยกัน เพื่อมอบเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณสำหรับลูกค้า OCEAN LIFE ไทยสมุทร และ  NONTFAM ที่เป็นสมาชิก Ocean Club ในโอกาสครบรอบปีที่ 77 OCEAN LIFE ไทยสมุทร   รักตัวเอง คือจุดเริ่มต้นของทุกความรัก คอนเสิร์ต “NONTIVERSE of LOVE” ต่อยอดจากแนวคิด Love Mindset  รักตัวเอง คือจุดเริ่มต้นของทุกความรัก ซึ่งเป็นหัวใจในการดำเนินงานของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ที่มุ่งส่งต่อพลังแห่งความรักให้กับทุกคน ผ่าน 3 มิติสำคัญ ได้แก่ Love Your Health รักสุขภาพ ดูแลกายใจให้แข็งแรง ทั้งตัวเองและคนที่รัก Love Your Wealth รักการเงิน วางแผนชีวิตและปิดความเสี่ยงเพื่อความมั่นคงในอนาคต Love the World รักโลกและสังคม ส่งต่อความดี สร้างความยั่งยืนร่วมกัน    NONTIVERSE of LOVE คอนเสิร์ตอบอุ่นแห่งปี 2026 ที่รวม “สองโลกแห่งความรัก” ไว้ในจักรวาลเดียวกัน NONTIVERSE of LOVE ออกแบบบรรยากาศให้ผู้ชมเสมือนหลุดเข้าสู่ “จักรวาลแห่งความรัก” ที่เต็มไปด้วยบทเพลงและเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนกลับมารักและดูแลตัวเองอีกครั้ง พร้อมแขกรับเชิญสุดพิเศษที่จะมาร่วมถ่ายทอดพลังบวกแห่งความรัก จัดขึ้นในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2569 ณ One Bangkok Forum คอนเสิร์ตที่ตั้งใจให้ทุกคนได้รู้สึกถึงความรัก ประทับใจกับช่วงเวลาพิเศษและแขกรับเชิญสุดเซอร์ไพรส์ที่อยากให้รอติดตาม และไม่พลาดไปดูว่าโลกความรักของ “นนท์ ธนนท์” และ โลกความรักของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร จะหลอมรวมกันได้ลงตัวอย่างไร เลือกแบบประกันที่ใช่ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของตัวเอง OCEAN LIFE ไทยสมุทร เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการของคน Gen Y และพร้อมเป็นตัวช่วยปิดความเสี่ยงที่คน Gen Y อาจมองข้ามไป ในครั้งนี้ เรามอบประกันที่ตอบโจทย์ Gen Y ทั้งออมเงิน คุ้มครองชีวิต คุ้มครองอุบัติเหตุ คุ้มครองสุขภาพ โรคร้ายแรง รวมไปถึงประกันลดหย่อนภาษี ที่ให้เลือกสรรได้อย่างครอบคลุมในทุกมิติ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/nontiverseoflove 1. โอเชี่ยนไลฟ์ เฟิร์ส เลิฟ 18/10 ประกันสะสมทรัพย์ออนไลน์ไซซ์เล็ก ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่เริ่มทำประกันชีวิตฉบับแรก วางแผนการเงินได้เร็วกว่า เริ่มต้นง่ายเพียงแค่ปีละ 6,000 บาท ชำระเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิตได้ คุ้มครองยาว 18 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยเพียง 10 ปี ซื้อง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ รับประกันภัยอายุตั้งแต่ 30 วัน – 45 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยรายปี โอเชี่ยนไลฟ์ เฟิร์ส เลิฟ 18/10 ตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ต จำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ และผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ตโซน VIP จำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/savings/first-love1810 2. ประกันอุบัติเหตุ PA ดีชัวร์ แบบประกันอุบัติเหตุ สำหรับอาชีพอิสระ สบายใจคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ รวมถึงมีเงินชดเชยรายได้เมื่อนอนโรงพยาบาล รับประกันภัยบุคคลอายุตั้งแต่ 5 – 60 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยรายปี เป็นเวลา 5 ปี ประกันอุบัติเหตุ PA ดีชัวร์ ผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ต จำนวน 1 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/personal-accident/oceanlife-pa-d-sure 3. โครงการ โอชิ สมอล เฮลท์ ประกันสุขภาพไซซ์เล็ก ที่คุ้มครองครบในหนึ่งเดียว ครอบคลุมทุกความต้องการ ทั้งความคุ้มครองชีวิตและความคุ้มครองด้านสุขภาพ จะป่วยเล็กป่วยใหญ่ก็สบายใจหมดห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาล ค่าเบี้ยประกันภัยราคาสบายกระเป๋า รับประกันภัยบุคคลที่มีอายุ 16 - 70 ปี โครงการ โอชิ สมอล เฮลท์ ผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยรายปีตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ตจำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/health-insurance/ochi-small-health-package 4. ซีไอ ท็อปทรี เอ็กซ์ตร้า แบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง ที่คุ้มครองโรคร้ายแรงที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทย ให้คนทำงานใช้ชีวิตสบายใจแบบ Extra รับประกันภัยบุคคลที่มีอายุ  35 - 60 ปีให้ความคุ้มครอง 7 โรคร้ายแรงที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนไทยสูงสุด 1,000,000 บาท คุ้มครองกรณีเสียชีวิต 50,000 บาท หากเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรับเพิ่มอีก 500,000 บาท หากไม่เคลมตลอด 3 ปี รับเงินคืน 10% ของเบี้ยประกันภัยที่ชำระสะสม ในวันครบกำหนดสัญญา ซีไอ ท็อปทรี เอ็กซ์ตร้า ผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 3,000 - 5,999 บาท  จะได้รับบัตรคอนเสิร์ต 1 ใบต่อกรมธรรม์ และผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ตจำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/health-insurance/ci-small-package 5. โอเชี่ยนไลฟ์ อีซี่ เซฟวิ่ง 11/4 ตัวช่วยในการเก็บออม(1) พร้อมลดหย่อนภาษี โดยมอบความคุ้มครองชีวิต สูงสุด 405% (ระหว่างปีกรมธรรม์ที่ 4 - 11) พร้อมรับเงินคืน 2% ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1 – 10  หากมีชีวิตอยู่จนครบสัญญาจะได้รับเงินครบกำหนดสัญญาอีก 422% รวมรับผลประโยชน์ตลอดอายุสัญญาสูงสุด 442% “โอเชี่ยนไลฟ์ อีซี่ เซฟวิ่ง 11/4”  รับประกันภัยบุคคลอายุตั้งแต่ 30 วัน – 65 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยสั้นเพียง 4 ปี รับความคุ้มครองชีวิตยาว 11 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยรายปี โอเชี่ยนไลฟ์ อีซี่ เซฟวิ่ง 11/4 ผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 60,000 – 99,999 บาท จะได้รับบัตรคอนเสิร์ต 1 ใบต่อกรมธรรม์ และผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัย 100,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ตจำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/tax-saving/oceanlife-easy-saving114 โดยสมาชิก Ocean Club ทุกท่านต้องลงทะเบียน Ocean Connect เพื่อสามารถตรวจสอบกรมธรรม์ได้ด้วยตนเอง และรับการแจ้งเตือนชำระเบี้ยประกันภัยปีต่อ ผ่าน LINE Official: @OceanLife หรือ Ocean Club App พร้อมชำระเบี้ยผ่านช่องทางดังกล่าวได้ทันที ทั้งนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษจากพันธมิตรชั้นนำและสิทธิเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท NONTIVERSE of LOVE คอนเสิร์ตสำหรับลูกค้าและ NONTFAM ที่เลือกรับบัตรได้ 2 ทาง  ลูกค้า OCEAN LIFE ไทยสมุทร และ NONTFAM ที่เป็นสมาชิก Ocean Club สามารถเข้าร่วมคอนเสิร์ตได้ 2 ช่องทางพิเศษ ได้แก่   1. LOVE FAST TRACK สำหรับผู้ที่รักตัวเองและพร้อมวางแผนอนาคตด้วยแบบประกันชีวิต เช่น OCEAN LIFE First Love 18/10 และแบบประกันอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ จะได้สิทธิ์รับบัตรคอนเสิร์ตแบบไม่ต้องลุ้น พร้อมรับของที่ระลึกและสิทธิพิเศษ NONTFAM BENEFITS จำนวนจำกัด 2. LOVE CHALLENGE สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการร่วมกิจกรรม เพียงเข้าร่วมชาเลนจ์ “รักตัวเอง ด้วย LOVE Mindset Challenge” ผ่าน OCEAN CLUB APP และช่องทางโซเชียลของบริษัท เพื่อสะสมเหรียญ OCHI Coin แลกลุ้นบัตรคอนเสิร์ตและของรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก “นนท์ ธนนท์” รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมกิจกรรมเปิดให้ติดตามได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ทางเว็บไซต์และทุกช่องทางโซเชียลของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร NONTIVERSE of LOVE - NONTFAM BENEFITS OCEAN LIFE ไทยสมุทร มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า และ NONTFAM ซึ่งเป็นสมาชิก Ocean Club ที่เข้าร่วมกิจกรรม อาทิ Lanyard รักตัวเอง x NONT TANONT, บัตรแข็งและโปสเตอร์ NONTIVERSE of LOVE, ปฏิทิน 12 ways to love yourself, ผ้าห่มรักตัวเอง x NONT TANONT และสิทธิ์ถ่ายภาพกับ นนท์ ธนนท์ สำหรับโซน VIP เท่านั้น สิทธิพิเศษทั้งหมดนี้คือการขอบคุณจากใจ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ที่อยากส่งต่อพลังแห่งความรัก ให้ทุกคนได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งความสุข ความประทับใจ และแรงบันดาลใจที่จะกลับมารักและดูแลตัวเอง เพื่ออยู่กับคนที่คุณรักไปได้นานที่สุด ก้าวสู่ปีที่ 77 ด้วยพลังแห่งความรัก นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ในโอกาสที่กำลังก้าวสู่ปีที่ 77 ของการดำเนินธุรกิจภายใต้พลังความรัก เรายังคงมุ่งมั่นใช้ความรักเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ เพื่อให้ทุกคนได้อยู่กับคนที่รัก และทำสิ่งที่รักไปได้นานที่สุด และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งดี ๆ อีกมากมาย ที่ OCEAN LIFE ไทยสมุทร เตรียมมอบให้คนไทยตลอดปีแห่งการเฉลิมฉลองนี้ OCEAN LIFE ไทยสมุทรประกันชีวิต ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กร โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติ เพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคม เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Ocean Life ไทยสมุทรประกันชีวิต LINE Official: @OceanLife  เว็บไซต์ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER  1503  ข้อควรทราบ :  (1) เป็นการออมเงินในรูปแบบประกันชีวิต • โอเชี่ยนไลฟ์ เฟิร์ส เลิฟ 18/10 และ OCEAN LIFE First Love 18/10 เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันโอเชี่ยนไลฟ์ โอชิ แพลน 18/10 • โครงการโอชิ สมอล เฮลท์ (Ochi Small Health Package) เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันโอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท โพรเทคชั่น 99/99 แนบสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ สมอล เฮลท์ (Small Health) และบันทึกสลักหลังค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก (OPD) • ซีไอ ท็อปทรีเอ็กซ์ตร้า เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันโรคร้าย ท็อปทรี เอ็กซ์ตร้า • % หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินเอาประกันภัย • การคำนวณเบี้ยประกันภัยไม่คำนวณเศษเกิน และจะนำเศษเกินไปคำนวณรวมกับกรมธรรม์อื่นไม่ได้ • การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด • ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ • เบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ สามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด • ผู้เอาประกันภัยที่ประสงค์จะนำเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องแจ้งความประสงค์และยินยอมให้บริษัทนำส่งข้อมูลเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพให้กรมสรรพากร • ข้อมูลในเอกสารนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัย/ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครอง ผลประโยชน์ และข้อยกเว้น ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เมื่อได้รับกรมธรรม์แล้วโปรดศึกษาเพิ่มเติม

07 Dec 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner