Responsive image

Thursday, 28 Sep 2023

หน้าแรก > ECONOMY-FINANCE / เศรษฐกิจ-การเงิน


เคทีซีเผยแนวทางช่วยเหลือสังคมรับวิถีโควิด-19 ปรับตัวใช้ช่องทางออนไลน์ พร้อมผนึกความร่วมมือกับสมาชิกและ 60 องค์กรการกุศล

Fri 27/08/2564


เคทีซีปรับแผนธุรกิจหมวดบริจาครับวิถีใหม่ วางตัวเป็นสื่อกลางระหว่างสมาชิกบัตรเครดิต   เคทีซีและพันธมิตรองค์กรการกุศลกว่า 60 แห่ง เพื่อร่วมกันช่วยเหลือสังคมในหลากหลายมิติ พร้อมเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มช่องทางการบริจาค ออฟไลน์ ออนไลน์ และโมบายแอปพลิเคชั่น “KTC Mobile” ล่าสุดเปิดรับบริจาคด้วยบัตรเครดิตผ่าน QR Pay และแลกคะแนนผ่าน QR Point ทางแอปฯ KTC Mobile เพื่อให้สมาชิกเข้าถึงการบริจาคได้ง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น หลีกเลี่ยงการเดินทางและลดการแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด-19”

นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช ผู้อำนวยการ – ธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เคทีซีเข้าใจและตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยหวังว่าจะมีส่วนช่วยสร้างสังคมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดยได้ดำเนินการช่วยเหลือสังคมในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการร่วมเป็นจิตอาสา หรือการสบทบทุนในโครงการต่างๆ ซึ่งตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เคทีซีได้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์สนับสนุนโครงการและกิจกรรมต่างๆ ระหว่างมูลนิธิกับสมาชิก พร้อมทั้งเปิดช่องทางรับบริจาคผ่านบัตรเครดิตให้กับสมาชิกเคทีซี เพื่อส่งต่อให้กับมูลนิธิหรือองค์กรการกุศลต่างๆ กว่า 60 แห่ง โดยปี 2563 มียอดบริจาคผ่านบัตรเครดิตเคทีซีด้วยคะแนน KTC FOREVER กว่า 50 ล้านคะแนน ยอดเงินบริจาครวม 300 ล้านบาท”

“สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่รุนแรงและขยายวงกว้างขณะนี้ ภารกิจสำคัญที่สุดที่เคทีซีต้องดำเนินการ คือให้ความร่วมมือกับมูลนิธิต่างๆ ด้วยความกระตือรือร้นและรวดเร็ว เพื่อให้เข้าถึงผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในหลากหลายรูปแบบได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยติดเชื้อ ผู้กักกันตน โรงพยาบาลที่ขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือการสร้างศูนย์พักคอยรองรับผู้ป่วยสีเขียวในต่างจังหวัด โดยถือเป็นภาระเร่งด่วนที่สุดในการประสานกับมูลนิธิต่างๆ  ที่เกี่ยวข้อง และเปิดช่องทางให้สมาชิกเคทีซีสามารถเข้าถึง เพื่อเสริมแรงสนับสนุน และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม”

ดร. บรรจงเศก ทรัพย์โสภา ผู้อำนวยการมูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชนฯ กล่าวว่า “มูลนิธิได้ทำงานช่วยเหลือเด็กและเยาวชนในประเทศไทยมา 64 ปี ใน 3 รูปแบบ  คือ 1. พัฒนาเด็กและเยาวชนไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี  2. พัฒนาเด็กและเยาวชนในชุมชนให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพเพื่อเป็นอนาคตของประเทศ 3. เน้นทำงานควบคู่กับเครือข่ายภาคี เช่น เคทีซี ภาครัฐและเอกชน รวมถึงองค์กรการกุศล 4. ปรับการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น โควิด-19”

“ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้มูลนิธิต้องปรับตัวหลายด้าน ทั้งการทำงานที่ต้องปรับเปลี่ยนจากรูปแบบเดิมมาใช้รูปแบบออนไลน์มากขึ้น เช่น การเยี่ยมเด็ก และการทำกิจกรรมร่วมกับผู้นำชุมชน หรือโรงเรียน เพื่อรักษาระยะห่าง ที่ผ่านมามูลนิธิได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิกเคทีซีค่อนข้างมาก ในรูปแบบของเงินบริจาคผ่านบัตรเครดิต และการบริจาคผ่านการแลกคะแนน และในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 นี้ มูลนิธิฯ อยากผลักดันการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายต่างๆ และอาสาสมัครเพื่อร่วมกันบรรเทาผลกระทบของการแพร่ระบาดครั้งนี้ มูลนิธิฯ ซี.ซี.เอฟ. ฯ ได้จัดตั้งศูนย์พักคอยชุมชนและแยกกักกันในต่างจังหวัดเพื่อให้การดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียว ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นมาก เพราะส่วนใหญ่ศูนย์พักคอยมักจะอยู่ในเขตกรุงเทพฯ หรือในเขตเมือง ปัจจุบันเรามีศูนย์ฯ ที่สนับสนุนอยู่ในต่างจังหวัดทั้งหมด 37 แห่ง และกำลังจะสนับสนุนเพิ่ม 16 แห่ง แต่ยังขาดแคลนด้าน เวชภัณฑ์ อาหาร และสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นในการดูแลผู้ป่วยมาก”

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย กล่าวว่า “สภากาชาดไทยเป็นองค์กรสาธารณกุศล เพื่อบรรเทาทุกข์ช่วยเหลือประชาชนผู้ตกทุกข์ได้ยากในสังคม ซึ่งจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 สภากาชาดไทยก็ได้รับผลกระทบในหลายด้านเช่นกัน ได้แก่ 1.บริการทางการแพทย์ บุคลากรและอุปกรณ์การแพทย์ไม่เพียงพอ กับจำนวนผู้ป่วยที่ต้องการเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มสูงขึ้น 2. บริการโลหิต เกิดภาวะวิกฤตประชาชนไม่มั่นใจที่จะมาบริจาคเพราะห่วงความปลอดภัย 3. การหารายได้เข้ามูลนิธิ เพื่อใช้บริหารความช่วยเหลือไม่เป็นไปตามแผน เนื่องจากประชาชนมีกําลังในการบริจาคลดลง ซึ่งการที่เคทีซีเป็นพันธมิตรในการเผยแพร่ข่าวสารและจัดแคมเปญต่างๆ เพื่อเพิ่มยอดรับบริจาคผ่านช่องทางของเคทีซี ถือเป็นการขยายโอกาสให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการแบ่งปันและการช่วยเหลืออย่างมาก ซึ่งรายได้จากการบริจาคจะนําไปใช้ช่วยเหลือประชาชนตามภารกิจต่างๆ ทั้งการรักษาพยาบาล บรรเทาทุกข์ ผู้ประสบภัย บริการโลหิต และการส่งเสริมคุณภาพชีวิต รวมไปถึงสถานการณ์เร่งด่วนในขณะนี้คือ การช่วยเหลือและเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19”

“ปัจจุบันสภากาชาดไทยยังมีโครงการจัดครัวเคลื่อนที่ ทําอาหารปรุงสุกให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การแจกชุดธารน้ำใจให้ผู้กักตน ผู้สูงวัยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ผู้ติดเชื้อโควิด และดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิดของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รวมถึง Hospitel และ Home Isolation เฉลี่ยวันละ 800-900 ราย รวมถึงสร้างหอผู้ป่วยสนามเร่งด่วนและจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด ทั้งนี้สมาชิกเคทีซีสามารถร่วมบริจาคด้วยการแลกคะแนนสะสมเป็นเงินบริจาค นอกเหนือจากการบริจาคด้วยบัตรเครดิต เพื่อร่วมสมทบทุนเข้าโครงการต่างๆ ของสภากาชาดไทย โดยสามารถติดตามข่าวสารของสภากาชาดไทยผ่านเคทีซีในทุกๆ ช่องทางได้อีกด้วย”

นางสาวจุฑารัตน์ วิบูลสมัย ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาแหล่งทุน มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม กล่าวว่า “มูลนิธิเป็นองค์กรการกุศลทางการแพทย์ที่ไม่แสวงหาผลกำไร ก่อตั้งที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในพ.ศ. 2525 และก่อตั้งในไทยเมื่อพ.ศ. 2540 มีภารกิจหลักในการช่วยเหลือผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ รวมถึงแผลจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก นิ้วติด นิ้วเกิน หรือใบหน้าที่ผิดรูป โดยมูลนิธิได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับเคทีซี ในการรับบริจาคผ่านบัตรเครดิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่พ.ศ. 2557 รวมทั้งพนักงานเคทีซียังได้ร่วมเป็นจิตอาสาประกอบแฟ้มผู้ป่วย เพื่อใช้เก็บประวัติข้อมูลผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ที่จะเข้ารับการผ่าตัด” 

“ในช่วงสถานการณ์โควิดทำให้มูลนิธิไม่สามารถปฏิบัติการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ให้การผ่าตัดที่ต่างจังหวัดได้ ซึ่งโดยปกติปีหนึ่งจะมีการวางแผนออกหน่วย 4 ครั้งต่อปี ใน 4 จังหวัด ครั้งหนึ่งประมาณ 7 วัน โดยไปทำการผ่าตัดให้ผู้ป่วยเด็กเฉลี่ย 80 - 100 คน อย่างไรก็ตาม มูลนิธิฯ ยังดำเนินการ “โครงการผ่าตัดแบบต่อเนื่อง” โดยให้งบสนับสนุนกับโรงพยาบาลในจังหวัดต่างๆ ที่มีศัลยแพทย์ จึงยังคงสามารถผ่าตัดผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ได้ต่อเนื่อง ซึ่งการรักษาเด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ต้องได้รับการผ่าตัดมากกว่า 1 ครั้ง บางคนต้องผ่าตัด 3 - 5 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีโครงการ “Smile Box” กล่องแห่งรอยยิ้ม ซึ่งบรรจุผ้าอ้อมเด็ก นมผง หน้ากากอนามัย อุปกรณ์การเรียน แผ่นพับที่ให้ความรู้ในการดูแลเด็ก และขวดนมที่มีลักษณะยาวพิเศษสำหรับเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ เพื่อส่งให้กับผู้ป่วยเด็กที่เราเคยผ่าตัดไปแล้ว กับผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับการผ่าตัด โดยส่งไปแล้วประมาณ 200 กล่อง และสำหรับแผนงานในปีหน้า เมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้น ทางมูลนิธิหวังว่าจะสามารถออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ผ่าตัดที่ต่างจังหวัดได้ตามเดิม”

นางสาวอรุณี อัชชะกุลวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการแผนกส่งเสริมความร่วมมือภาคเอกชน UNHCR กล่าวว่า “สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติก่อตั้งมายาวนานถึง 70 ปี โดยมีบทบาทให้ความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่มีเหตุการณ์ในประเทศ เช่น สงคราม หรือความขัดแย้งทำให้ไม่สามารถอยู่ในประเทศตนเองได้ ซึ่งตอนนี้มีจำนวนถึง 82.4 ล้านคนทั่วโลก ปัจจุบันเราทำงานใน 135 ประเทศ และร่วมงานกับประเทศไทยมานาน 46 ปี”

“ไวรัสโควิด-19 พิสูจน์แล้วว่าไวรัสไม่ได้แบ่งเชื้อชาติ ศาสนา หรือกลุ่มคน กลุ่มผู้ลี้ภัยก็มีการแพร่ระบาดของไวรัสเช่นกัน และอยู่ในความเสี่ยงสูงมากจากข้อจำกัดต่างๆ UNHCR ได้ระดมกำลังเพื่อเข้าช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและบุคคลในความห่วงใยทั้งในและนอกค่ายทั่วโลกให้ได้รับความเท่าเทียม โดยไม่เลือกปฏิบัติ เพิ่มจุดแจกจ่ายน้ำให้มากขึ้น จุดล้างมือ จุดแจกจ่ายสบู่ หรือหน้ากากอนามัย และสิ่งสำคัญที่สุดคือ การอบรมให้ทราบถึงการเว้นระยะห่าง การรักษาพยาบาลเพิ่มเติม กรณีมีเคสผู้ป่วย กลุ่มแพทย์และพยาบาลต้องรับรู้เคสและสามารถรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ รวมทั้งสร้างพื้นที่ในการคัดแยกผู้ป่วยอีกด้วย”

 “ความช่วยเหลือจากทุกๆ ฝ่ายเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับ UNHCR มีผู้บริจาคที่มีคุณภาพผ่านบัตรเครดิตแบบต่อเนื่องค่อนข้างมาก จากสถิติผู้ลี้ภัยตกอยู่ในสถานะนี้โดยเฉลี่ยถึง 17 ปี ดังนั้นการบริจาคต่อเนื่องจะช่วยให้เรามีงบประมาณในการช่วยชีวิตผู้ลี้ภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเรามุ่งเน้นช่วยกลุ่มที่เปราะบางเพราะ 80% ของผู้ลี้ภัยคือ ผู้หญิงและเด็ก ช่องทางการบริจาคผ่านบัตรเครดิตเคทีซีเป็นวิธีที่ง่าย แต่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างยั่งยืน ในอนาคตจะมีโครงการมอบทุนให้กับผู้ลี้ภัยทั่วโลก เพราะผู้ลี้ภัยเพียง 3% ที่ได้รับการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย รวมถึงวิกฤติด้านมนุษยธรรมล่าสุดในอัฟกานิสถาน เราจึงอยากมอบโอกาสและอนาคตที่ดีให้กับผู้ลี้ภัยด้วยกัน”

นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช ผู้อำนวยการ – ธุรกิจบัตรเครดิต “เคทีซี” กล่าวทิ้งท้าย “ยุคที่ต้องเว้นระยะห่างและหลีกเลี่ยงการเดินทาง เพื่อลดการติดเชื้อโควิด-19 นั้น เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มูลนิธิและองค์กรการกุศลต่างๆ ต้องเผชิญกับภาวะที่ได้รับการสนับสนุนจากสังคมลดน้อยลง ดังนั้นเคทีซีจึงตั้งใจพัฒนาแพลตฟอร์มช่องทางการบริจาค ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ และโมบายแอปพลิเคชั่น โดยล่าสุดได้พัฒนาช่องทางออนไลน์ ด้วยฟังก์ชันการบริจาคผ่านบัตรเครดิตด้วย QR Pay การบริจาคด้วยคะแนนผ่าน QR Point โดยแลกคะแนนผ่านแอปฯ “KTC Mobile” เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกเคทีซีสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมได้ง่ายขึ้น”


Tags : เคทีซี KTC โควิด-19 COVID-19 บัตรกรุงไทย สิรีรัตน์ คอวนิช


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

กบข. เตรียมเงินจ่ายคืนสมาชิกเกษียณอายุราชการปีนี้ 2.7 หมื่นล้านบาท พร้อมจ่ายเงินคืนได้ภายใน 7 วันทำการหลังเอกสารถูกต้องครบถ้วน พร้อมเสนอทางเลือก “ออมต่อ” ให้ กบข. บริหารเงินลงทุนให้ต่อเนื่องหลังจากเกษียณอายุราชการ โดยมีสมาชิกให้ความสนใจเพิ่มขึ้นทุกปี ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)  เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 กันยายน 2566 มีสมาชิก กบข. ที่จะเกษียณอายุราชการ จำนวน 21,223 ราย และ กบข. ได้เตรียมเงินสำหรับจ่ายคืนให้กับสมาชิกที่สิ้นสุดสมาชิกภาพและทำเรื่องขอรับเงินคืน ประมาณ 27,000 ล้านบาท โดย กบข. ได้คาดการณ์ยอดเงินที่สมาชิกจะได้รับเฉลี่ยประมาณ 1.3 ล้านบาทต่อราย ซึ่งจะสามารถดำเนินการจ่ายเงินคืนสมาชิกภายใน 7 วันทำการ หลังจากที่ กบข. ได้รับเอกสารที่ครบถ้วนถูกต้อง และประกาศเกษียณอายุราชการมีผลบังคับใช้ ดร.ศรีกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า  สมาชิก กบข. ที่จะเกษียณอายุราชการ หากยังไม่มีแผนใช้เงินก้อน สามารถพิจารณาใช้บริการออมต่อกับ กบข. ได้ เพื่อให้ กบข. บริหารเงินลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้อย่างต่อเนื่อง โดยจากสถิติมีจำนวนอดีตสมาชิกสนใจใช้บริการออมต่อเพิ่มขึ้นทุกปี ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 66 มีอดีตสมาชิกที่ยังใช้บริการออมต่อจำนวน 6,230 ราย และมีการออมต่อนานสุดอยู่ที่ 15 ปี สมาชิกที่สนใจบริการออมต่อ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ 2 ช่องทาง คือ 1) แจ้งความประสงค์ทางระบบบำเหน็จบำนาญและสวัสดิการรักษาพยาบาล (Digital Pension) ของกรมบัญชีกลาง และ 2) แจ้งความประสงค์ผ่านหน่วยงานต้นสังกัด พร้อมกรอกแบบ กบข. รง 008/1/2555 อนึ่ง บริการออมต่อมี 4 รูปแบบ คือ 1. ออมต่อทั้งจำนวน 2. ทยอยรับเงินเป็นงวด ๆ อาทิ รายเดือน รายสามเดือน รายหกเดือน หรือรายปี 3. ขอรับเงินบางส่วน ที่เหลือให้ กบข. บริหารต่อ และ 4. ขอรับเงินบางส่วน ที่เหลือทยอยรับเงินเป็นงวด ๆ โดยสมาชิกสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความจำเป็นและรูปแบบที่เหมาะสมตามความต้องการของสมาชิก พร้อมทั้งสามารถแจ้งเปลี่ยนรูปแบบการออมต่อได้ปีละ 2 ครั้ง ผ่าน My GPF Application เมนู “ออมต่อ” สมาชิกสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร. 1179  

26 Sep 2023

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินยังคงตอกย้ำบทบาทในการส่งเสริมการออม ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากจูงใจให้คนไทยเก็บออมอย่างต่อเนื่อง และดูแลด้านผลตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อสร้างความมั่นคงในการดำเนินชีวิตและสังคมที่ยั่งยืนให้กับประเทศ ล่าสุดธนาคารได้จัดแคมเปญสลากออมสินเงินฝากยอดนิยมสูงสุด สลากออมสินพิเศษ 2 ปี ด้วยการเพิ่มรางวัลพิเศษมูลค่า 50 ล้านบาท 1 รางวัล สำหรับผู้ที่ฝากสลากออมสินพิเศษ 2 ปี แบบใบสลากและดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. - 30 พ.ย.2566 แคมเปญพิเศษนี้จะทำการออกรางวัลในวันที่ 1 ธ.ค.2566 และผู้ฝากยังมีสิทธิ์ลุ้นถูกรางวัลที่ 1 อีก 30 ล้านบาท รวมเป็นเงินรางวัล 80 ล้านบาท โดยผู้สนใจสามารถฝากสลากออมสินพิเศษ 2 ปี ได้ 2 ช่องทาง คือ ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ และ แอป MyMo ทั้งนี้ สำหรับผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลพิเศษ 50 ล้านบาท จะมีการมอบเงินรางวัล ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่     สลากออมสินพิเศษ 2 ปี ทั้งแบบใบสลาก และสลากดิจิทัล รับฝากบุคคลธรรมดาอายุ 7 ปีขึ้นไป และนิติบุคคลทุกประเภท หน่วยละ 100 บาท ระยะเวลาฝาก 2 ปี ฝากครบ 2 ปี ได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.80 บาท พร้อมกับเงินต้นที่ฝาก ในช่วงเวลาฝาก 2 ปี มีสิทธิ์ถูกรางวัลที่ 1 เงินรางวัล 30 ล้านบาท รวมถึงรางวัลอื่น ๆ และรางวัลเลขท้าย รวมจำนวน 24 ครั้ง กำหนดการออกรางวัลทุกวันที่ 1 ของเดือน ทั้งนี้ ธนาคารไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด พร้อมกับสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ฝากบุคคลธรรมดา ดอกเบี้ยและเงินรางวัลที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี ติดตามรายละเอียดที่ www.gsb.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115.  

23 Sep 2023

...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ฉลองครบรอบ 70 ปี เพิ่มโอกาสพิเศษเอาใจคนอยากมีบ้าน นำทรัพย์เด่นกว่า 500 รายการทั่วประเทศ มาลดสูงสุดถึง 50% ของราคาประเมิน ในงานมหกรรมบ้านมือสอง ธอส. ออนไลน์ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566 (GHB ALL HOME ONLINE 2023) โดยธนาคารจัดโปรโมชันเด็ด โดนใจ สำหรับลูกค้าที่จองซื้อทรัพย์บ้านมือสอง ธอส. ผ่านทาง Application : GHB ALL HOME หรือ www.ghbhomecenter.com ระหว่างวันที่ 22 - 26 กันยายน 2566 จะได้รับบัตรกำนัลแทนเงินสดมูลค่า 7,000 บาท จำนวน 14 รายแรก แบ่งเป็น ซื้อทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 7 รายแรก และทรัพย์ในเขตภูมิภาค 7 รายแรก ทั้งนี้ ภายในงานยังมีทรัพย์ราคาจำหน่ายต่ำสุดเพียง 80,000 บาท เท่านั้น ได้แก่ ทรัพย์ประเภทห้องชุด ขนาดเนื้อที่ 23.63 ตารางเมตร ใน อ.บางพลี  จ.สมุทรปราการ พิเศษต่อที่ 2!! ผู้ที่จองซื้อทรัพย์จะได้รับสิทธิ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำสุด นานสูงสุดถึง 24 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 กด 5 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือดูข้อมูลบ้านมือสอง ธอส. ได้ที่ www.ghbhomecenter.com, Application : GHB ALL HOME และ Line Official Account : @GHBALLHOME  

20 Sep 2023

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ก่อนหน้านี้ธนาคารออมสินได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายใต้โครงการ “สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19” วงเงินรายละไม่เกิน 10,000 บาท วงเงินสินเชื่อรวม 20,000 ล้านบาท และสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 วงเงินไม่เกินรายละ 10,000 บาท วงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องชั่วคราวให้กับประชาชนที่ขาดรายได้ช่วงวิกฤติที่ผ่านมา ซึ่งในเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ขยายระยะเวลาเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถึงเดือนตุลาคม 2567 อย่างไรก็ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในระยะเพิ่งเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับค่าครองชีพมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือแก้ไขเครดิตแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ลูกหนี้บัญชี 21) ที่มีสถานะเป็น NPL ให้กลับมามีสถานะหนี้ปกติ ธนาคารออมสินจึงออกมาตรการ “ไม่คิดดอกเบี้ย ลดดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมด และนำเงินที่ชำระไปตัดเงินต้นทั้งจำนวน” สำหรับโครงการสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 โดยให้ลูกหนี้เริ่มผ่อนชำระเพียง 100 บาทต่อเดือนสำหรับงวดที่ 1-6 หลังจากนั้นงวดที่ 7-12 ผ่อนชำระ 300 บาทต่อเดือน และขยายระยะเวลาการชำระจนถึงเดือนตุลาคม 2567 จึงขอเชิญชวนลูกหนี้สินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 ลงทะเบียนสมัครเข้ามาตรการช่วยเหลือดังกล่าวได้ที่ช่องทาง MyMo หรือ www.gsb.or.th สำหรับลูกหนี้ที่ไม่มี MyMo สามารถลงทะเบียนผ่านช่องทางเว็บไซต์ธนาคาร www.gsb.or.th ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 สามารถสอบถามเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115.  

19 Sep 2023

Banner Banner Banner Banner

Banner
    ปี 2566 “ประกันภัย-การเงิน-สินเชื่อ” ยังคงมาแรง ธุรกิจที่ยังต้องรอรัฐบาลฟื้นฟู “ขายตรง-อสังหาฯ-SME”    หลังจากที่ประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายจากไวรัสโควิด-19 ในปี 2566 ธุรกิจประกันภัย-การเงิน-สินเชื่อ ยังคงเป็นธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องในปี 2566 เพราะในช่วงวิกฤตโควิด ธุรกิจทั้ง 3 สาขาแม้จะได้รับผลกระทบ แต่ก็ยังยืนยงอยู่รอดปลอดภัย และเป็นธุรกิจที่ยังน่าสนใจลงทุนเป็นอันดับต้น ๆ ของธุรกิจในประเทศไทย และในต่างประเทศ ตราบใดที่ระบบสาธารณสุข และรัฐสวัสดิการของประเทศไทย ยังเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้  ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในสองสิ่งนี้ การประกันชีวิตและการประกันภัยจึงยังเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากสำหรับคนไทย ที่อยากซื้อความคุ้มครองซื้ออนาคต และอยากมีสวัสดิการที่ขาดหายไปจากภาครัฐ ส่วนธุรกิจการเงินและธุรกิจสินเชื่อนั้น นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ตราบใดที่ประเทศไทยยังอยู่กับคำว่า “รวยเป็นกระจุก จนเป็นกระจาย” คนไทยยังต้องหวังพึ่งพาเงินในอนาคต เพื่อมาอุปโภคบริโภค ตราบนั้นทั้งธุรกิจการเงิน และสินเชื่อ ก็ยิ่งจะมีความสำคัญ เป็นธุรกิจที่เล็งเห็นกำไรและการเติบโต และน่าลงทุนมากขึ้นตามไปด้วย นี่คือธุรกิจยอดเยี่ยมในปี 2566 ที่ผมขอยกให้เป็นธุรกิจที่น่าลงทุน และน่าเข้าไปเกี่ยวข้อง สำหรับธุรกิจที่ยังต้องเร่งฟื้นฟู คือ ธุรกิจขายตรง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจSME ที่ยังคงสะบักสะบอมมาตั้งแต่ก่อนยุคโควิด-19 มาถึงวันนี้ก็ยังนิ่ง ๆ อยู่ ก็คงต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่มาบูรณะ คงต้องรอดูฝีมือของทีมงานเศรษฐกิจชุดใหม่ ที่ต้องทำงานได้ดีกว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันหลายเท่าตัวในการกอบกู้ธุรกิจไทย  และ 3 สาขาธุรกิจที่ยังคงรอให้รัฐบาลชุดใหม่มาเร่งฟื้นฟูในปี 2566 นี้  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner