Responsive image

Monday, 29 Dec 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME / ธุรกิจ - การตลาด - เอสเอ็มอี


6-7 ต.ค. นี้ ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมสมาพันธ์การขายตรงโลก ครั้งที่ 16 มุ่งเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการขายตรงและนักธุรกิจอิสระ สู่ความสำเร็จโลกยุคใหม่

Sun 19/09/2564


สมาคมการขายตรงไทย (TDSA) หนึ่งในสมาชิกของสมาพันธ์การขายตรงโลก (WFDSA) เตรียมพร้อมจัดงานประชุมสมาพันธ์การขายตรงโลก ครั้งที่ 16 ในรูปแบบออนไลน์ (WFDSA World Congress XVI – Virtual Edition)ระหว่างวันที่ 6-7 ตุลาคม 2564 หลังโชว์ศักยภาพจนได้รับเลือกจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานในครั้งนี้ รวมเหล่าวิทยากรพิเศษทั้งผู้บริหารระดับซีอีโอ นักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ และนักกฎหมาย มาร่วมแชร์มุมมองเปิดรหัสสู่ความสำเร็จร่วมกันของผู้ประกอบการขายตรงและนักธุรกิจอิสระจากทั่วทุกมุมโลกมั่นใจธุรกิจขายตรงมีความพร้อมสู่การเติบโตในอนาคต

นายกิจธวัช  ฤทธีราวี ​นายกสมาคมการขายตรงไทย เปิดเผยภาพรวมธุรกิจขายตรงโลกว่า ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงทั่วโลกในช่วงสองปีที่ผ่านมา คือ Digital Disruption และการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ในปี 2563 ธุรกิจขายตรงทั่วโลกยังคงมีอัตราการเติบโตด้วยมูลค่าตลาดรวม 179.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเติบโต 5.8% และมีจำนวนนักธุรกิจอิสระทั่วโลกมากกว่า 125 ล้านคนหรือเติบโต 4.3% โดยภูมิภาคเอเชียยังครองสัดส่วนสูงสุด ทั้งในด้านยอดขายที่สูงถึง 43% และจำนวนของนักธุรกิจอิสระที่มีส่วนแบ่งกว่าครึ่งอยู่ที่ 55% ของขายตรงโลก ซึ่งกล่าวได้ว่าเอเชียกลายเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนหลักของธุรกิจขายตรงในปัจจุบัน

​ในส่วนของประเทศไทย ยอดขายปี 2563 ติดลบประมาณ 1% และในช่วงครึ่งปี 2564 ที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายตรงไทยติดลบมากกว่า 5% เนื่องมาจากกำลังซื้อที่ลดลง แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลัง หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายและมาตรการต่างๆ เช่น การจัดสรรวัคซีนให้ครอบคลุมได้มากขึ้น การผ่อนคลายล็อคดาวน์ ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ จะช่วยให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น และคาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้ ธุรกิจขายตรงจะมียอดขายกลับมาดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรกได้ไม่ยาก

“สาเหตุที่เชื่อว่าธุรกิจขายตรงไทยจะฟื้นตัวได้ในไม่ช้า เพราะสินค้าในธุรกิจขายตรงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันและลูกค้ามีความจงรักภักดีในแบรนด์สูง รวมถึงเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น จะเป็นโอกาสของบริษัทขายตรงที่มีศักยภาพด้านงานวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้ นอกจากนั้น ผลกระทบจากโควิด-19 ยังส่งผลให้

คนมองหาอาชีพเสริมมากขึ้น ธุรกิจขายตรงจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถเติมเต็มความต้องการดังกล่าวได้อย่างลงตัวในสถานการณ์ปัจจุบัน” นายกิจธวัช กล่าวเสริม

​สมาคมการขายตรงไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาพันธ์การขายตรงโลก ทำงานร่วมกับสมาคมขายตรงจาก 60 ประเทศทั่วโลกในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมขายตรงให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากลและส่งเสริมการทำธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณเพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค  จากความทุ่มเทของสมาคมการขายตรงไทยและความแข็งแกร่งของธุรกิจขายตรงของไทย จึงทำให้ประเทศไทยได้รับความไว้วางใจให้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมสมาพันธ์การขายตรงโลก ครั้งที่ 16 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการขายตรงไทย

นางสุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานจัดงานประชุมสมาพันธ์การขายตรงโลก ครั้งที่ 16 เปิดเผยถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า งานประชุมสมาพันธ์การขายตรงโลกจัดขึ้นเป็นประจำทุกๆ 3 ปี โดยหมุนเวียนการเป็นเจ้าภาพไปในแต่ละประเทศสมาชิกของสมาพันธ์ขายตรง  ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ และแลกเปลี่ยนมุมมอง รวมถึงแบ่งปันข้อมูลด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจและพัฒนาศักยภาพให้กับผู้ประกอบการขายตรงและนักธุรกิจอิสระทั่วโลก โดยมีทั้งนักวิชาการ นักกฎหมาย นักเศรษฐศาสตร์ นักวิจัย รวมถึงนักธุรกิจและผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทชั้นนำระดับโลกมาร่วมเปิดประสบการณ์บนเวทีการประชุม

​“ปัจจัยที่สนับสนุนให้ประเทศไทยเราได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพนั้น ก็คือ ความเข้มแข็งและความพร้อมในทุกด้านของสมาคมการขายตรงไทย สมาคมฯ ก่อตั้งมาตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2526 เป็นสมาคมการค้าแห่งเดียวที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายตรงในประเทศไทยที่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์การขายตรงโลก โดยมีบริษัทสมาชิกขายตรงรวม 32 บริษัท รวมถึงประเทศไทยเราก็มีศักยภาพในทุกด้าน และเป็นตลาดที่แข็งแกร่งมากแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ธุรกิจขายตรงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดยการจัดงานประชุมสมาพันธ์การขายตรงโลก ครั้งที่ 16 ในรูปแบบออนไลน์จัดขึ้นภายใต้ธีม "Tomorrow is Now" ที่มุ่งเน้นในการรวมเนื้อหาข้อมูลที่สำคัญทันยุคทันสมัยและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจขายตรงยุคดิจิทัลมารวมไว้ภายในงาน ทั้งยังเป็นการแสดงศักยภาพและรวมพลังครั้งสำคัญของบริษัทขายตรงที่เป็นสมาชิกของสมาพันธ์ฯ รวมถึงเป็นครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้นักธุรกิจอิสระในแต่ละประเทศทั่วโลก ได้มาร่วมเปิดรับประสบการณ์ใหม่พร้อมกัน โดยในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการจัดงานประชุมขายตรงระดับโลกในรูปแบบผ่านทางออนไลน์ โดยนำเทคโนโลยีที่ทันยุคทันสมัยมาใช้ในการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อความสะดวกของผู้ร่วมเข้าประชุมในแต่ละประเทศทั่วโลกและสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะนี้” นางสุชาดา กล่าวเสริมถึงจุดมุ่งหมายของการจัดงาน

​​​ทั้งนี้ งานประชุมสมาพันธ์การขายตรงโลก ครั้งที่ 16 ในรูปแบบออนไลน์ ได้รับเกียรติจากเหล่าวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายวงการและในวงการขายตรงเอง มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ที่เป็นประโยชน์อย่างคับคั่ง “วิทยากรทุกท่านล้วนอยู่ในแวดวงธุรกิจระดับโลกมาอย่างยาวนาน มีทั้งวิทยากรที่มีประสบการณ์คร่ำหวอดในธุรกิจขายตรง และวิทยากรจากสาขาอาชีพธุรกิจอื่นๆมากมาย ทั้งท่านที่เป็นผู้ประกอบการมีธุรกิจของตนเอง และเป็นผู้บริหารระดับสูงมืออาชีพ อาทิ Keynote Speaker มร.มาร์ค เบนิออฟ (Mr. Marc Benioff) ซีอีโอจาก Salesforce ที่เป็นบริษัทซอฟท์แวร์ระดับโลก, คุณเฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย ผู้บริหารจาก DHL บริษัทขนส่งระดับอินเตอร์ และคุณมุกพิม อนันตชัย ผู้บริหารจาก YouTube แพลตฟอร์มดิจิทัลยักษ์ใหญ่ เป็นต้น ซึ่งแต่ละหัวข้อในการประชุมในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการขายตรงและนักธุรกิจอิสระในแต่ละประเทศทั่วโลก โดยผู้เข้าร่วมงานสามารถนำข้อมูลต่างๆที่ได้รับไปเป็นแนวทางในการปรับใช้กับธุรกิจขายตรงของตนเองในโลกยุคดิจิทัลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลแนวโน้มของผู้บริโภค  การพัฒนารูปแบบและช่องทางในการทำธุรกิจ รวมถึงโอกาสและความท้าทายของธุรกิจขายตรงช่วงหลังโควิด-19 เป็นต้น” นางสุชาดา กล่าวสรุป

งานประชุมสมาพันธ์การขายตรงโลก ครั้งที่ 16 ในรูปแบบออนไลน์ จะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 6-7 ตุลาคม 2564 พร้อมเปิดลงทะเบียนเข้าร่วมงานแล้ววันนี้ – 30 กันยายน 2564 สำหรับนักธุรกิจอิสระ ท่านละ 600 บาท สามารถร่วมงานได้วันที่ 6ตุลาคม 2564 และผู้ประกอบการขายตรง ท่านละ 1,500 บาท สามารถร่วมงานได้ 2 วัน วันที่ 6-7ตุลาคม 2564 ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่www.wfdsa2020bangkok.com

 

 


Tags : สมาคมการขายตรงไทย TDSA กิจธวัช ฤทธีราวี สุชาดา ธีรวชิรกุล


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Awards) ประจำปี 2568 ให้แก่ธนาคารออมสิน โดยมีผู้แทนรับมอบรางวัลได้แก่ รศ.ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการธนาคารออมสิน พร้อมด้วย นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหาร ซึ่งเป็นปีที่ธนาคารออมสินได้รางวัลในระดับดีเด่นและเกียรติยศ ครบทั้ง 8 ประเภทรางวัลที่ธนาคารได้รับ จัดขึ้นโดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568     นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ได้พิจารณามอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นแก่ธนาคารออมสิน จำนวน 8 รางวัล ประกอบด้วย 1) รางวัลเกียรติยศรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม ธนาคารได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง โดยเป็นรางวัลที่มอบให้กับรัฐวิสาหกิจที่มีความโดดเด่นและมีมาตรฐานการดำเนินงานทุก ๆ ด้าน สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชน     2) รางวัลเกียรติยศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง จากการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ และผลักดันการบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 3) รางวัลเกียรติยศการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 7 ต่อเนื่อง จากการรักษามาตรฐาน การบริหารจัดการเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำพาองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ   4) รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น ที่มอบให้แก่นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผลงานเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 5) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจดิจิทัล จากการสร้างสรรค์และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาองค์กร ในมิติต่าง ๆ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล 6) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน จากการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ จนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม     7) รางวัลการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น โดยได้รับจากผลงานความสำเร็จของโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-Based Development) - โครงการลิบงสุขใจ ออมสินพัฒนา อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 8) รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น จากโครงการ GEN AI Branch Assistant : ผู้ช่วยสาขาอัจฉริยะ ที่ธนาคารพัฒนาขึ้นโดยการนำ AI มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของสาขา   นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของบุคลากรธนาคารออมสินทุกคนในการรักษามาตรฐานการบริหารจัดการองค์กรในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล ควบคู่กับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ธนาคารเพื่อสังคม” เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว    

26 Dec 2025

...

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ เอ ไลฟ์ (ALive Powered by AIA) โดยบริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด ส่งความห่วงใยถึงคนไทยทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 มอบแคมเปญ “ฟรี!!! ประกันอุบัติเหตุ กรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจข้ามปี” โดยมอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ (ไมโครอินชัวรันส์) ฟรีให้แก่ประชาชนทั่วไป ระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วัน ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท* เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเพิ่มความอุ่นใจสำหรับการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองกับครอบครัว ซึ่งแคมเปญดังกล่าวยังเป็นการขานรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกทั้งยังสานต่อพันธกิจของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives ทั้งนี้ สำหรับประชาชนทุกคนที่สนใจขอรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มฟรี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงไปที่เว็บไซต์ https://aiathailand.info/panyPR  ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569   หมายเหตุ: *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด กำหนด

20 Dec 2025

...

รายงานข่าวจากธนาคารออมสิน ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า ประเภทบุคคลธรรมดา ที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill ขอให้เร่งสมัครผ่านเว็บไซต์ของธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนี้เหลือเวลาเพียง 4 วันสุดท้าย ที่สามารถลงทะเบียนและเรียนให้จบหลักสูตร เพื่อรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ นับจากวันที่พัฒนาทักษะสำเร็จจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 สูงสุดไม่เกินรายละ 2,000 บาท หลักสูตร Smart Finance Upskill การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัสเป็นการเรียนออนไลน์กับธนาคารออมสิน ภายใต้โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย ประเภทบุคคลธรรมดา มุ่งเสริมทักษะทางการเงินที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ ครอบคลุมการทำบัญชี การคิดต้นทุน การตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ ผู้ที่เรียนจบและผ่านเกณฑ์ จะได้รับประกาศนียบัตรและรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 กด 7

19 Dec 2025

...

ธ.ก.ส. เร่งให้ความช่วยเหลือทหาร และ ตชด. วีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา โดยให้ความช่วยเหลือกับทหาร และ ตชด. ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือบิดา - มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชาได้กลับมาตึงเครียดในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี ตราด และสระแก้ว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร โดยปัจจุบันมีทหารที่เป็นสมาชิกครอบครัวของลูกค้า ธ.ก.ส. เสียชีวิต และเพื่อให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกค้า ธ.ก.ส. และเป็นการลดภาระเพื่อให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง คณะกรรมการธนาคาร โดย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. ได้มีมติในการประชุมวันนี้ (9 ธันวาคม 2568) ให้ความช่วยเหลือลูกค้า กรณีทหาร หรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่บิดา มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหารไปแล้ว จำนวน 7 ราย ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง  

14 Dec 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner