Responsive image

Saturday, 27 Dec 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


เลขาธิการ คปภ. นำทัพประกันภัยลงพื้นที่ “ชุมชนเกาะเกร็ด” จังหวัดนนทบุรี เปิดตัวโครงการ คปภ. เพื่อชุมชนปี 5 เพื่อเชื่อมโยงและเสิร์ฟความรู้ด้านการประกันภัยแบบเคาะประตูบ้านประชาชน

Thu 23/12/2564


เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564  ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดโครงการ “คปภ. เพื่อชุมชน ปี 5” ณ ชุมชนเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัยเชิงรุกสู่ชุมชนผ่านการถอดบทเรียน และเชื่อมโยงโครงการต่าง ๆ ของสำนักงาน คปภ. ให้สามารถตอบโจทย์ตรงกับความต้องการของชุมชน พร้อมจัดให้มีการเสวนา “ประกันภัยน่ารู้สู่ชุมชน” โดยมี ประธานสภาธุรกิจประกันภัยไทย นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย นายกสมาคมประกันชีวิตไทย นายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย นายกสมาคมการค้าผู้สำรวจภัยไทย และผู้จัดการกองทุนประกันชีวิต ร่วมเปิดโครงการ พร้อมทั้ง ได้รับเกียรติจากนางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และนายไพรัตน์ ขีดเขียน ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะเกร็ด ร่วมเปิดโครงการและกล่าวต้อนรับ

ในโอกาสนี้ เลขาธิการ คปภ. ได้กล่าวเปิดโครงการ ในตอนหนึ่งว่า โครงการ คปภ. เพื่อชุมชน ได้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2560 โดยสำนักงาน คปภ. ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัยลงพื้นที่ เรียนรู้วิถีชีวิต รับทราบสภาพปัญหาของชาวชุมชน รณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจเชิงรุกเพื่อส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจด้านการประกันภัยและแนะนำให้ชุมชนทราบถึงบทบาทหน้าที่ และภารกิจของสำนักงาน คปภ. ตลอดจนช่วยพัฒนาและส่งเสริมการทำประกันภัยรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) และประกันภัยประเภทต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับบริบทของชุมชน รวมทั้งได้ถ่ายทอดวิถีชีวิตของชุมชนและการเรียนรู้ด้านประกันภัยออกสู่สาธารณชน โดยจัดทำเป็นรายการ คปภ. เพื่อชุมชนเผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ ทำให้เกิดการเรียนรู้ด้านการประกันภัยในชุมชนและในวงกว้าง รวมทั้งทำให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เหมาะสมกับความต้องการของชุมชนต่าง ๆ

จากความสำเร็จข้างต้นทำให้มีการจัดโครงการ คปภ. เพื่อชุมชน ในปีนี้ เป็นปีที่ 5 ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี จากภาคอุตสาหกรรมประกันภัย และกลุ่มเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยปีนี้โครงการ คปภ. เพื่อชุมชน จะเน้นการเข้าไปสัมผัสกับบริบทและวิถีชีวิตของชุมชนในพื้นที่ เพื่อนำระบบประกันภัยเข้าไปช่วยเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนอย่างตรงจุดให้กับชุมชน นอกจากนี้ ยังมีความพิเศษเพิ่มเติม คือการเชื่อมโยงกับโครงการ 1 ภาค 1 ผลิตภัณฑ์ประกันภัย ของสำนักงาน คปภ. เพื่อให้การส่งเสริมด้านการประกันภัยตรงตามความต้องการของชุมชน ตลอดจนพิจารณาประเภทภัยหรือความเสี่ยงที่ประชาชนในชุมชนให้ความสนใจในช่วงเวลานั้น ๆ เช่น การประกันภัยอัคคีภัย การประกันอุทกภัย การประกันภัยผลผลิตทางการเกษตร เป็นต้น ขณะเดียวกันการลงพื้นที่ “คปภ. เพื่อชุมชน” ยังมีรูปแบบของการสร้างการรับรู้จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ผ่านการถอดบทเรียนจาก Case Study เป็นตัวเดินเรื่อง เพื่อถ่ายทอดให้กับคนในชุมชนได้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัยที่ถูกต้อง และเป็นการส่งเสริมให้คนในชุมชนได้มีส่วนร่วมในการคิด พัฒนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบบส่งต่อองค์ความรู้ภายในชุมชนด้วยกันเอง เพื่อร่วมเสริมสร้างชุมชนให้เข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งเป็นการสร้างความสมดุลระหว่างความต้องการในระดับพื้นที่ และทิศทางในภาพรวมของระดับประเทศให้เป็นความสมดุลแบบ “เติมเต็มซึ่งกันและกัน” ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน ได้อย่างเป็นระบบ

ทั้งนี้ โครงการ คปภ. เพื่อชุมชน ปี 5 ได้กำหนดลงพื้นที่ทำกิจกรรมรวม 5 ครั้ง 5 ชุมชน พร้อมมีการเสวนา “ประกันภัยน่ารู้  สู่ชุมชน” ได้แก่ ครั้งที่ 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ ชุมชนวัดจันทึก อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้ลงพื้นที่ไปเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 เป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งระหว่างบ้านกับวัด มีวัดอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมากและมีวัดที่ได้รับความเสียหายจากไฟไหม้แต่ไม่ได้มีประกัน จึงเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับการประกันภัยศาสนสถาน โดยบูรณาการร่วมกับโครงการ 1 ภาค 1 ผลิตภัณฑ์ประกันภัยของสำนักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) ครั้งที่ 2 ภาคเหนือ ณ ชุมชนบ้านนาคูหา อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ (24 มกราคม 2565) ซึ่งเป็นชุมชนวิถีชีวิตของชาวนาคูหาใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ปลูกชา ใบเมี่ยงและกาแฟ และเป็นแหล่งปลูกฮ่อม   และผลิตฮ่อมครบวงจรของจังหวัด อีกทั้ง มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความงดงามของธรรมชาติและชุมชน จึงเน้นให้ความรู้การประกันภัยอุบัติเหตุสำหรับการท่องเที่ยว และศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยชา-กาแฟ ครั้งที่ 3 ภาคกลาง ณ ชุมชนหมู่บ้านวัฒนธรรมชาวเขาบ้านเข็กน้อย อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ (28 กุมภาพันธ์ 2565) ซึ่งเป็นชุมชนม้งใหญ่ที่สุดในประเทศ และมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี โดยชาวชุมชนมีอาชีพหลัก คือ การทำสวนทำไร่ และอาชีพเสริม คือ การค้าขาย และหัตถกรรม จึงเน้นให้ความรู้การประกันภัยพืชผล

ครั้งที่ 4 ภาคใต้ ณ ชุมชนเกาะมะพร้าว อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต (21 มีนาคม 2565) ซึ่งเป็นชุมชนที่มีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวทางกสิกรรมธรรมชาติสู่ “เกาะมะพร้าวโมเดล” เพื่อยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตคนบนเกาะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิมให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยการส่งเสริมพัฒนาอาชีพที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทำให้มีผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง ขณะที่พบว่ามีปัญหาเรื่องประกันชีวิต จึงเน้นการช่วยเหลือเรื่องประกันชีวิตและการช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยประมง และครั้งที่ 5 ภาคตะวันออก วิสาหกิจชุมชนรักษ์เขาบายศรี อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี (23 พฤษภาคม 2565) ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่มีความโดดเด่นเรื่องสวนผลไม้ที่มีปลอดภัย รสชาติดี และมีผลไม้พื้นบ้านที่มีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี เช่น มังคุดโบราณ ทุเรียนโบราณ ที่มีขนาดสูงและใหญ่ที่สุด อีกทั้ง มีการแปรรูปผลไม้เป็นสินค้าของฝากของที่ระลึก จึงเน้นให้ความรู้การประกันภัยผลไม้รวมถึงทุเรียน

“สำนักงาน คปภ. หวังว่าโครงการ คปภ. เพื่อชุมชน ปี 5 จะเป็นโครงการข้ามปีที่จะทำให้สำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย ได้ลงพื้นที่ เรียนรู้ เกี่ยวกับสภาพปัญหาและความต้องการมีการประกันภัยของชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตลอดจนได้ช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัย และเกิดความตระหนักถึงคุณค่าและประโยชน์ของการประกันภัย สามารถใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงในชีวิต และทรัพย์สินให้กับตนเองและครอบครัวแบบยั่งยืนและเหมาะสมกับบริบทของชุมชนยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย


Tags : ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ คปภ. เลขาธิการ คปภ. เปิดตัวโครงการ คปภ.เพื่อชุมชนที่ 5 ชุมชนเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Awards) ประจำปี 2568 ให้แก่ธนาคารออมสิน โดยมีผู้แทนรับมอบรางวัลได้แก่ รศ.ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการธนาคารออมสิน พร้อมด้วย นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหาร ซึ่งเป็นปีที่ธนาคารออมสินได้รางวัลในระดับดีเด่นและเกียรติยศ ครบทั้ง 8 ประเภทรางวัลที่ธนาคารได้รับ จัดขึ้นโดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568     นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ได้พิจารณามอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นแก่ธนาคารออมสิน จำนวน 8 รางวัล ประกอบด้วย 1) รางวัลเกียรติยศรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม ธนาคารได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง โดยเป็นรางวัลที่มอบให้กับรัฐวิสาหกิจที่มีความโดดเด่นและมีมาตรฐานการดำเนินงานทุก ๆ ด้าน สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชน     2) รางวัลเกียรติยศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง จากการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ และผลักดันการบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 3) รางวัลเกียรติยศการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 7 ต่อเนื่อง จากการรักษามาตรฐาน การบริหารจัดการเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำพาองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ   4) รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น ที่มอบให้แก่นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผลงานเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 5) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจดิจิทัล จากการสร้างสรรค์และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาองค์กร ในมิติต่าง ๆ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล 6) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน จากการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ จนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม     7) รางวัลการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น โดยได้รับจากผลงานความสำเร็จของโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-Based Development) - โครงการลิบงสุขใจ ออมสินพัฒนา อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 8) รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น จากโครงการ GEN AI Branch Assistant : ผู้ช่วยสาขาอัจฉริยะ ที่ธนาคารพัฒนาขึ้นโดยการนำ AI มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของสาขา   นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของบุคลากรธนาคารออมสินทุกคนในการรักษามาตรฐานการบริหารจัดการองค์กรในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล ควบคู่กับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ธนาคารเพื่อสังคม” เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว    

26 Dec 2025

...

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ เอ ไลฟ์ (ALive Powered by AIA) โดยบริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด ส่งความห่วงใยถึงคนไทยทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 มอบแคมเปญ “ฟรี!!! ประกันอุบัติเหตุ กรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจข้ามปี” โดยมอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ (ไมโครอินชัวรันส์) ฟรีให้แก่ประชาชนทั่วไป ระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วัน ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท* เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเพิ่มความอุ่นใจสำหรับการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองกับครอบครัว ซึ่งแคมเปญดังกล่าวยังเป็นการขานรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกทั้งยังสานต่อพันธกิจของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives ทั้งนี้ สำหรับประชาชนทุกคนที่สนใจขอรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มฟรี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงไปที่เว็บไซต์ https://aiathailand.info/panyPR  ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569   หมายเหตุ: *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด กำหนด

20 Dec 2025

...

รายงานข่าวจากธนาคารออมสิน ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า ประเภทบุคคลธรรมดา ที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill ขอให้เร่งสมัครผ่านเว็บไซต์ของธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนี้เหลือเวลาเพียง 4 วันสุดท้าย ที่สามารถลงทะเบียนและเรียนให้จบหลักสูตร เพื่อรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ นับจากวันที่พัฒนาทักษะสำเร็จจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 สูงสุดไม่เกินรายละ 2,000 บาท หลักสูตร Smart Finance Upskill การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัสเป็นการเรียนออนไลน์กับธนาคารออมสิน ภายใต้โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย ประเภทบุคคลธรรมดา มุ่งเสริมทักษะทางการเงินที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ ครอบคลุมการทำบัญชี การคิดต้นทุน การตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ ผู้ที่เรียนจบและผ่านเกณฑ์ จะได้รับประกาศนียบัตรและรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 กด 7

19 Dec 2025

...

ธ.ก.ส. เร่งให้ความช่วยเหลือทหาร และ ตชด. วีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา โดยให้ความช่วยเหลือกับทหาร และ ตชด. ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือบิดา - มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชาได้กลับมาตึงเครียดในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี ตราด และสระแก้ว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร โดยปัจจุบันมีทหารที่เป็นสมาชิกครอบครัวของลูกค้า ธ.ก.ส. เสียชีวิต และเพื่อให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกค้า ธ.ก.ส. และเป็นการลดภาระเพื่อให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง คณะกรรมการธนาคาร โดย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. ได้มีมติในการประชุมวันนี้ (9 ธันวาคม 2568) ให้ความช่วยเหลือลูกค้า กรณีทหาร หรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่บิดา มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหารไปแล้ว จำนวน 7 ราย ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง  

14 Dec 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner