Responsive image

Sunday, 08 Sep 2024

หน้าแรก > TECHNOLOGY-AUTO-PROPERTY


จีเอเบิล เผยแผนปี 65 เร่งสปีดมุ่งสู่ผู้นำ “Tech Enabler" ช่วยลูกค้าเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และปลอดภัยจากภัยไซเบอร์ในยุคดิจิทัล พร้อมตั้งเป้ายอดขายสู่ 10,000 ล้านบาทใน 5 ปี

Fri 11/03/2565


กลุ่มบริษัทจีเอเบิล (G-Able) ผู้นำด้าน "Tech Enabler" ที่ช่วยยกระดับธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลในทุกมิติ ประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2565 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะ “Reshaping The Next” ยกระดับจาก System Integration Plus Plus: SI++ ก้าวสู่การเป็น "Tech Enabler" ผู้นำศักยภาพความพร้อมทางเทคโนโลยีทุกด้านเพื่อช่วยให้องค์กรธุรกิจเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและมีความปลอดภัยจากภัยไซเบอร์ในโลกยุคดิจิทัล พร้อมตอกย้ำความสำเร็จที่ผ่านมาด้วยตัวเลขยอดขาย รายได้ และกำไรที่เติบโตต่อเนื่องกว่าเท่าตัว พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 10,000 ล้านบาทใน 5 ปี  

ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทจีเอเบิล กล่าวว่า “ปี 2564 เป็นปีที่จีเอเบิลประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งยอดขายและรายได้ในทุกพอร์ตฟอลิโอโดยกลุ่มโซลูชัน G Security ของบริษัทฯ ขยายตัวเกินความคาดหมาย ด้วยยอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) 42% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการตอกย้ำจุดยืนของจีเอเบิลในฐานะผู้นำทางด้าน Cybersecurity ของประเทศไทย ส่วนกลุ่มโซลูชัน G Cloud มีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ถึง 33% ในช่วง 3 ปีเช่นกัน และกลุ่มโซลูชัน G Big Data เติบโตขึ้น 33% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ G Digital Product ก็เติบโตขึ้นถึง 76% ในระยะเวลาเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ ส่งผลให้กำไรของจีเอเบิลสูงขึ้น และมีกำไรขั้นต้น (GP) สูงขึ้นถึงเกือบ 200 BPS ในปี 2564 นี่คือความสำเร็จในส่วนของธุรกิจหลักของจีเอเบิล ซึ่งถือว่าเป็น cash cow และฐานรากที่สำคัญ”

“ความสำเร็จและการเติบโตดังกล่าวเป็นไปตามแผนธุรกิจตามกลยุทธ์ G-Able Tree ที่เราได้ประกาศไว้ในปีที่แล้ว ซึ่งเราเปรียบธุรกิจของจีเอเบิลเหมือนต้นไม้ที่มีธุรกิจหลักเป็นรากอันมั่นคง และแตกแขนงกิ่งก้านอย่างแข็งแรงเป็นธุรกิจ Startup นอกจากนี้ ความมุ่งมั่นของเราที่จะ “Reshaping the Next” หรือการสร้างการเติบโตจากโอกาสที่มีอยู่ในตลาดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ประกอบกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่ชัดเจน พร้อมกับการมีผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี ทำให้เราสามารถช่วยยกระดับลูกค้าในหลายอุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจดิจิทัลที่พร้อมสำหรับอนาคต” ดร.ชัยยุทธกล่าว

จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมาและเทรนด์ของธุรกิจไอทีทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น จีเอเบิลยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ G-Able Tree อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างจุดเด่นและความแตกต่างในการให้บริการ ภายใต้วิสัยทัศน์ในการดำเนินงานดังนี้

กลยุทธ์ที่ 1 ซึ่งเป็น Core business ที่เปรียบเหมือนฐานรากของต้นไม้ โดยบริษัทฯ ได้ยกระดับจากการเป็น SI++ สู่ "Tech Enabler" ซึ่งจะนำศักยภาพความพร้อมทางเทคโนโลยีในทุกด้าน ไปช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและต่อยอดโอกาสทางธุรกิจในโลกดิจิทัลให้กับลูกค้า อีกทั้งความสามารถในรับมือกับวิกฤติในอนาคตด้วยเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและยืดหยุ่น ซึ่งในปีนี้ จีเอเบิล จะมุ่งเน้นกลุ่มโซลูชัน G Securityและ G Cloud

  • กลุ่มโซลูชัน G Security มุ่งเน้นคอนเซ็ปต์และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอย่าง Cybersecurity Mesh Architecture และ Zero Trust Network Access โดยบริษัทฯ วางแผนเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าทุกระดับตั้งแต่ขนาดกลางถึงขนาดเล็ก สามารถเข้าถึง โซลูชันที่ล้ำสมัย เพื่อปกป้องระบบและข้อมูลจากภัยไซเบอร์ ด้วยต้นทุนที่จับต้องได้  พร้อมกันนี้
    จีเอเบิลมีแผนการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อร่วมพัฒนาโซลูชันให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น พร้อมขึ้นเป็นผู้นำด้าน Cybersecurity อันดับ1 ของประเทศไทยที่มียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาท และคาดว่าจะขยายธุรกิจให้เติบโตกว่าเท่าตัว ภายใน 3 ปี
  • กลุ่มโซลูชัน G Cloud ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของธุรกิจใน  VUCA World โลกยุคใหม่ที่มี ความผันผวน (Volatility) ความไม่แน่นอน (Uncertainty) ความซับซ้อน (Complexity) และคลุมเครือ (Ambiguity) ซึ่ง Cloud Technology จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นมากขึ้น มีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมให้พนักงานของทุกองค์กรธุรกิจทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา โดย จีเอเบิล เป็นหนึ่งในผู้นำด้านคลาวด์เทคโนโลยีรายใหญ่ในประเทศไทย และตั้งเป้าการเติบโตประมาณ 400 ล้านบาทในปี 2565
  • กลุ่ม Advance Integration Solution เป็นการนำเอาโซลูชันต่างๆ เช่น Digital Product Development Solution, Business Intelligence, Data Analytics และเทคโนโลยีอื่น ๆ มาเสริมแกร่งซึ่งกันและกันเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้แก่ลูกค้า โดยคาดการเติบโตเป็นเลข 2 หลัก

กลยุทธ์ที่ 2 เป็นส่วนของลำต้นไม้ จีเอเบิลจะทำงานควบคู่กับลูกค้าในฐานะ Business Enabler โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง Data Modernization ที่บริษัทฯ จะผสานจุดแข็งของธุรกิจลูกค้าเข้ากับจุดแข็งทางเทคโนโลยีของจีเอเบิล เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกัน  

กลยุทธ์ที่ 3 เปรียบเสมือนกิ่งก้านของต้นไม้ บริษัทฯ มุ่งเสริมแกร่งด้วยกลุ่มธุรกิจ Tech Spin-off  ซึ่งเป็นกลุ่ม Startup
ของจีเอเบิลที่ต่อยอดมาจากกลยุทธ์ Own IP Platform หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์ของจีเอเบิล ในปีที่แล้ว ควบคู่ไปกับการเพิ่มมูลค่าธุรกิจสูงสุดในแต่ละ Startup รวมถึงเป็นการสร้าง new S-Curve ให้กับจีเอเบิลด้วย โดยทั้ง 3 บริษัทสตาร์ทอัพหลัก ได้แก่ Blendata, InsightEra และ MVerge จะเป็นตัวช่วยเร่งการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้แก่กลุ่มบริษัท

  • Blendata (เบลนเดต้า) มุ่งพัฒนา Blendata platform ที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลทั้งหมดขององค์กรมาไว้ที่เดียว เพื่อให้การใช้งานและจัดการกับข้อมูลมีประสิทธิภาพสูงสุด นำมาประมวลผลและวิเคราะห์สำหรับต่อยอดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ในอนาคต และในปี 2565 เบลนเดต้ามุ่งพัฒนา Ready to use Artificial Intelligence (AI) และ Machine Learning Solution ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถใช้ Big Data ได้มีประสิทธิผลมากขึ้น พร้อมทั้งยกระดับความเร็วเหนือกว่าคู่แข่งและการใช้ง่ายที่เข้าถึงได้ทุกเวลาที่ต้องการ นอกจากนี้ยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก
    2 ตัว ซึ่งตั้งเป้าการเติบโตกว่าเท่าตัวในปีนี้
  • InsightEra (อินไซท์เอรา) นำเสนอ MARTECH ( Marketing Technology) ซึ่งเป็น platform ใหม่ของการตลาดที่ช่วยให้องค์กรแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล ช่วยให้ลูกค้าสามารถจับพฤติกรรมใหม่ ๆ ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปโดยให้ความสำคัญที่ “ความเร็ว” และ “ความแม่นยำ” เป็นหลัก ทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองตลาดได้แบบ real-time และตรงความต้องการผู้บริโภคอย่างแท้จริง ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถกำหนดและปรับกลยุทธ์การตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ลูกค้าเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ทั้งนี้ InsightEra ตั้งเป้าการเติบโตมากกว่า 100% ในปีนี้
  • MVerge (เอ็มเวิร์จ) มุ่งพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการและเทรนด์ของตลาดในยุคดิจิทัล โดย MVerge ได้พัฒนา platform ตัวใหม่ชื่อว่า “SPACE” ซึ่งเป็นการนำ Advance Technology มาช่วยในการบริหารจัดการพื้นที่ทั้งในโลกจริงและโลกเสมือน โดยช่วยจำลองสถานที่ กำหนดพื้นที่ให้ผู้เช่า ออกแบบร้านค้าและโฆษณา อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสให้ร้านค้าเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์ Omnichannel ที่เชื่อมร้านค้าทั้งโลกจริงและโลกเสมือนอย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ยังสามารถนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เพื่อให้เห็นแนวทางการตัดสินใจและความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ โดยคาดว่า MVerge จะเติบโตได้มากกว่าเท่าตัวและเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในตลาด

นอกจาก 3 กลยุทธ์หลักที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มบริษัทจีเอเบิลแล้ว บริษัทฯ ยังมีแบ็คล็อก (backlog) หรือยอดขายที่รอการรับรู้รายได้มากกว่า 3,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าเติบโตยอดขายหนึ่งเท่าตัว จาก 5,000 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี

“ด้วยกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจ Tech Spin-off เรามั่นใจว่าจีเอเบิลจะเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน พร้อม “Reshaping the Next” เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ และสนับสนุนลูกค้าของเราให้สามารถแข่งขันในโลกดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งได้รับการป้องกันจากภัยไซเบอร์และมีความยืดหยุ่นในธุรกิจ ซึ่งทั้งหมดคือเป้าหมายที่เราจะไป
ให้สำเร็จใน 5 ปี” ดร.ชัยยุทธ กล่าว


Tags : จีเอเบิล กลุ่มบริษัทจีเอเบิล (G-Able) Tech Enabler ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

เอไอเอ ประเทศไทย จับมือกับ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด ในเครือบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ร่วมมอบประกันอุบัติเหตุฟรี ผลประโยชน์ความคุ้มครองสูงถึง 100,000 บาท พร้อมค่าชดเชยรายได้เมื่อนอนโรงพยาบาลจากอุบัติเหตุวันละ 500 บาท* คุ้มครองนาน 30 วันนับจากวันลงทะเบียน พิเศษสำหรับสมาชิก แอปพลิเคชัน Max Me โดยสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน  ถึง 31 ตุลาคม 2567 เพื่อสนับสนุนให้ผู้ขับขี่บนท้องถนนได้มีประกันอุบัติเหตุเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจขึ้นได้แบบไม่คาดคิด นอกจากนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้มอบสิทธิพิเศษ กรมธรรม์ประกันชีวิตวงเงินคุ้มครอง 50,000 บาท ให้แก่สมาชิก PT Max Card Plus อีกด้วย สอดคล้องกับพันธกิจของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในนามของเอไอเอ ประเทศไทย เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันอย่าง กลุ่มบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี ในการมอบสิทธิประโยชน์ด้านประกันอุบัติเหตุให้แก่สมาชิก แอปพลิเคชัน Max Me รวมทั้งมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตแก่สมาชิก PT Max Card Plus โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และนอกเหนือจากนี้ เรายังร่วมกันอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก PT Max Card ได้เข้าถึงข้อมูลประกันชีวิตและประกันสุขภาพได้ง่าย ๆ ผ่าน แอปพลิเคชัน Max Me อีกทั้งเพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้มีประกันเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการขับขี่บนท้องถนน เรายังได้นำเสนอแบบประกันออนไลน์  อาทิ แบบประกันอุบัติเหตุ Micro100 ให้แก่สมาชิก PT Max Card ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลประกันต่าง ๆ ผ่านช่องทางของ แอปพลิเคชัน Max Me ได้ และในอนาคตอันใกล้นี้  เอไอเอ และ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส ยังมีแผนร่วมกันนำเสนอสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่น่าสนใจแก่สมาชิก PT Max Card อีกมากมาย เพื่อเดินหน้าส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น” นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด เปิดเผยว่า “ความร่วมมือกับ เอไอเอ เป็นการต่อยอดความสำเร็จของการให้บริการเงินแก่สมาชิก PT Max Card ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me นอกเหนือจากบริการสินเชื่อ และประกันวินาศภัย ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ของ กลุ่ม บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี ที่ต้องการเชื่อมให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงชีวิตที่ “อยู่ดี มีสุข" ในทุกด้านของช่วงชีวิต โดยเรามองว่า ประกันชีวิตเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญกับคนไทยทุกคน เป็นทั้งหลักประกันความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและสมาชิก PT Max Card เข้าถึงข้อมูล ความรู้ และเข้าใจถึงความสำคัญของประกันชีวิตผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน Max Me พร้อมรับสิทธิประโยชน์มากมาย เพื่อตอบแทนลูกค้าและสมาชิกผู้มีอุปการะคุณเสมอมา จึงได้เกิดความร่วมมือกับ เอไอเอ ในครั้งนี้ขึ้น” นอกจากนี้เรายังมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในกรณี สมาชิก PT Max Card ซื้อประกันเอไอเอที่ร่วมรายการ โดยมีเบี้ยประกันภัยรวมต่อปีขั้นต่ำ 10,000 บาท รับ Max Point สุดคุ้ม สูงสุด 1,000 แต้ม* เมื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านช่องทางที่กำหนด ผู้ที่สนใจรับสิทธิ์ประกันอุบัติเหตุฟรี สามารถลงทะเบียนได้ที่ แอปพลิเคชัน Max Me ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน  ถึง 31 ตุลาคม 2567 สำหรับสมาชิก PT Max Card Plus สามารถลงทะเบียนรับกรมธรรม์ประกันชีวิตวงเงินคุ้มครอง 50,000 บาท ได้ที่ website : https://crmpartner.pt.co.th/maxplus  ตั้งแต่ วันที่ 1 กันยายน ถึง 31 ธันวาคม 2567 หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนรับสิทธิ์สามารถติดต่อ PT Call Center โทร 1614 หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคุ้มครอง กรุณาติดต่อ เอไอเอ คอลเซ็นเตอร์ โทร. 1581   หมายเหตุ: *ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์ **เงื่อนไขโปรโมชันเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด เอไอเอขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง ยกเลิก แก้ไขรายละเอียดหรือเงื่อนไขต่างๆ โดยแจ้งให้ทราบล่วงหน้าผ่านช่องทางสื่อสารของบริษัท ****ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครอง รวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครอง ของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง  

07 Sep 2024

...

  เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกกำลังพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำ จัดแคมเปญ ผ่อนชิล รับเงินคืนฉ่ำ ๆ โปรโมชันผ่อนค่าเบี้ยสบาย ๆ 0% หรือรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 13% กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ตอบโจทย์ความต้องการ และเพิ่มความสะดวกแก่ลูกค้าในการชำระเบี้ยประกันภัย     นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  เมืองไทยประกันชีวิต ยังคงเดินหน้าส่งมอบความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าอย่าง       ไม่หยุดยั้งผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ นวัตกรรม และเครือข่ายพันธมิตรที่ครอบคลุมทุกรูปแบบ     การใช้ชีวิต ล่าสุด บริษัทฯ ได้ผนึกกำลังพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำ ประกอบด้วย บัตรเครดิตกสิกรไทย    บัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์  บัตรเครดิตยูโอบี  และบัตรเครดิต KTC  จัดโปรโมชันสุดพิเศษ         เพื่อตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่ต้องการชำระค่าเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิต ให้สะดวกสบายและปลอดภัยในการทำธุรกรรมการเงิน โดยมีโปรโมชันให้เลือก ดังนี้ โปรโมชันผ่อนชิล ผ่อน 0% นาน 6 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ และชำระค่าเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น  ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์สลิปผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย บัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท หรือบัตรเครดิตยูโอบี  โปรโมชันผ่อน 0% นาน 4 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ชำระค่าเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น  ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์ สลิป ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย หรือบัตรเครดิตเครือกรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท หรือโปรโมชันผ่อนสั้น ๆ  0%  นาน 3 เดือน สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่และชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปีเท่านั้น ยอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป/กรมธรรม์/เซลล์สลิปผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย     บัตรเครดิตเครือ กรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท บัตรเครดิตยูโอบี และบัตรเครดิต KTC ที่มียอดชำระเบี้ยประกันภัย 10,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และต่อเซลส์สลิป  ทั้งนี้จะต้องเป็นแบบประกันภัยที่สามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ ยกเว้นแบบประกันชีวิตชำระเบี้ยประกันภัยครั้งเดียว หรือชำระเบี้ยประกันภัยต่ำกว่า 5 ปี, แบบประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA), แบบประกันชีวิตควบการลงทุนทั้งแบบยูนิต ลิงค์ (Unit-Linked) และแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life) การชำระเบี้ยประกันภัยนั้นต้องเป็นเบี้ยประกันภัยปีแรกและชำระแบบรายปี โดยแนบสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพหรือโรคร้ายแรงแบบใดก็ได้ รวมถึงกรมธรรม์แบบบำนาญสามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ โดยไม่จำเป็นต้องแนบสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพและโรคร้ายแรง สำหรับการซื้อประกันภัยใหม่ในทุกช่องทางการขายของบริษัท ยกเว้น การขายผ่านธนาคารกสิกรไทย โปรดตรวจสอบ  โปรโมชันการชำระผ่านบัตรเครดิตเพิ่มเติมที่สาขาธนาคารกสิกรไทยทั่วประเทศ สิทธิพิเศษ...สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ แบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life)       รับสิทธิผ่อนชำระ 0% นาน 6 เดือน  เมื่อเลือกชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปี ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย และมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 40,000 บาทขึ้นไป (เบี้ยประกันภัยหลักรวมเงินออมเพิ่มเติม)    ต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป หรือโปรโมชันผ่อนสั้นๆ  0%  นาน 3 เดือน เมื่อเลือกชำระด้วยบัตรเครดิตแบบรายปี ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย และมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป  (เบี้ยประกันภัยหลักรวมเงินออมเพิ่มเติม) ต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป และสำหรับลูกค้าต่ออายุกรมธรรม์ รับสิทธิผ่อนชำระค่าเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ 0% นาน 3 เดือน ช่องทางแอปพลิเคชัน MTL Click ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย และบัตรเครดิตเครือ   กรุงศรีคอนซูมเมอร์ทุกประเภท  โดยมียอดชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และ  ต่อเซลล์สลิป และทุกโหมดการชำระเบี้ยประกันภัย  โดยโปรโมชันผ่อนชำระ 0% ผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ สามารถใช้โปรโมชันได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2567 นี้ และยังมีโปรโมชันสุดคุ้ม รับเงินคืนฉ่ำ ๆ  สำหรับการชำระผ่านบัตรเครดิต KTC รับเครดิต     เงินคืนสูงสุด 13% และสิทธิพิเศษ 2 ต่อ โดยต่อที่ 1 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 1% (รับสิทธิ์ทันทีโดยไม่ต้องแลกคะแนน) เมื่อชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกและเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ สำหรับทุกโหมดชำระเบี้ยประกันภัย เฉพาะการชำระเบี้ยประกันภัยเต็มจำนวนเท่านั้น สำหรับแบบประกันภัยที่สามารถชำระเบี้ยประกันภัยด้วยบัตรเครดิตได้ ยกเว้นแบบประกันชีวิตควบการลงทุน Unit-linked  และต่อที่ 2  คะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนน แลกรับเครดิตเงินคืน 12% หรือ 120 บาทเมื่อชําระค่าเบี้ยประกันภัยของเมืองไทยประกันชีวิต ทั้งเบี้ยประกันภัยปีแรกและ/หรือเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุ โปรโมชันเริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคม –  31 ธันวาคม 2567 สำหรับการชำระผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย เมื่อแบ่งจ่ายรายเดือนผ่าน KBank Smart Pay 0% นาน 6 เดือน สำหรับลูกค้าซื้อกรมธรรม์ใหม่แบบรายปีเท่านั้น รับคะแนน K Point เพิ่มสูงสุด 50,000 คะแนน เมื่อมียอดชำระเบี้ยประกันภัยรวมตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไปต่อกรมธรรม์และต่อเซลล์สลิป ลงทะเบียนทุกครั้งก่อนทำรายการ  และโปรโมชันแลกคะแนน K Point รับเครดิตเงินคืน 10% สำหรับยอดชำระเต็มจำนวนหรือแบ่งจ่าย ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย  โปรโมชันเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 30 กันยายน 2567 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.muangthai.co.th/th/campaign/promotion   หมายเหตุ - เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตและธนาคารกำหนด -โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย -ลูกค้าธนาคาร UOB ที่ถือบัตรเครดิตภายใต้แบรนด์ Citi สามารถเข้าร่วมโปรโมชันนี้ได้ -ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี    

03 Sep 2024

...

SME D Bank ออกมาตรการเร่งด่วน ช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ผ่านมาตรการ “พัก-ลด-ขยาย-ปรับ-เติม” บรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่าย ช่วยฟื้นฟูกิจการ ผ่านสินเชื่อ​ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้” วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำธุรกิจมาเพียง 1 ปี ก็กู้ได้          นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เปิดเผยว่า ตามที่หลายจังหวัด ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ  ธนาคารได้ออกมาตรการเร่งด่วน “พัก-ลด-ขยาย-ปรับ-เติม” ช่วยเหลือลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบ ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ เพชรบูรณ์ อุดรธานี ระยอง และภูเก็ต ครอบคลุมพื้นที่ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย จะมีประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติเพิ่มเติมต่อไป  ได้แก่ “พัก” พักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 12 เดือน ,  “ลด” ลดค่างวดผ่อนชำระเหลือจ่ายดอกเบี้ยเพียง 50% สูงสุด 12 เดือน​ , “ขยาย” ขยายระยะเวลาการชำระหนี้สูงสุด 7 ปี / ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาเงินสูงสุด 120 วัน , “ปรับ” ปรับเปลี่ยนหนี้ระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี และ “เติม”เติมทุนฟื้นฟูกิจการ ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อ​ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้”  เงื่อนไขผ่อนปรน สร้างโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำธุรกิจมาเพียง 1 ปี สามารถกู้ได้ วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท  อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MLR-1.0% หรือ 6.50% ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุด 7 ปี พร้อมปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 6 เดือน  โดยการช่วยเหลือจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามผลกระทบและความสามารถในการชำระของแต่ละกิจการ นอกจากนั้น ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ธนาคารจากส่วนกลาง และในพื้นที่เข้าเยี่ยมเยือนและสำรวจความเสียหายเพื่อช่วยเหลือได้ทันท่วงที รวมถึง ดำเนินการมอบสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน   พร้อมเปิด Call Center 1357  ไว้คอยรับแจ้งขอความช่วยเหลือ   ดังนั้น  ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในครั้งนี้ มั่นใจได้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือและดูแลจาก SME D Bank อย่างใกล้ชิด ทั่วถึง และทันท่วงที  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357  

29 Aug 2024

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในหลายจังหวัดของประเทศ ได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของลูกค้าประชาชนเป็นอย่างมาก ธนาคารออมสินได้ออกชุดมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน ตามนโยบายรัฐบาล ทั้งพักหนี้ ลดดอกเบี้ย และมาตรการสินเชื่อ สำหรับมาตรการพักหนี้เพื่อแบ่งเบาภาระลูกหนี้ธนาคารออมสินที่ได้รับผลกระทบในช่วงนี้ โดยให้พักชำระเงินต้น เวลา 3 เดือน จ่ายดอกเบี้ยครึ่งหนึ่ง ส่วนดอกเบี้ยที่เหลืออีกครึ่งธนาคารลดให้ เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ทั้งบุคคล และ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท ไม่รวมลูกค้าสินเชื่อแก่ลูกหนี้ตามธุรกรรมนโยบายรัฐ (PSA) หรือโครงการผ่อนปรนอื่น ๆ ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ขอเข้ามาตรการผ่านทางเว็บไซต์ธนาคารออมสิน หรือติดต่อธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม หลังครบกำหนดผ่อนผันพักชำระหนี้ครบ 3 เดือนแล้ว ให้ชำระเงินงวดตามสัญญาเดิม หากยังไม่สามารถชำระหนี้ต่อได้ สามารถปรึกษากับเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินเพื่อหาแนวทางอื่นต่อไป     ส่วนผู้ประสบภัยที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้ฉุกเฉิน สามารถยื่นขอสินเชื่อได้ 2 ประเภท ได้แก่ สินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ผ่อนเกณฑ์อนุมัติ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน หรือฟื้นฟูอาชีพ ไม่ต้องมีหลักประกันและไม่มีผู้ค้ำประกัน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกินรายละ 10,000 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 15 เดือน โดย 3 เดือนแรก อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% ต่อเดือน และปลอดชำระเงินงวดนาน 3 เดือน หลังจากนั้นเดือนที่ 4 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.60% ต่อเดือน สามารถติดต่อขอสินเชื่อที่ธนาคารออมสินสาขาภายใน 30 วันนับตั้งแต่ประสบภัย โดยเปิดให้ยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัย สำหรับลูกค้าเดิมและประชาชนทั่วไปที่บ้านเรือนหรือที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม มีความจำเป็นต้องต่อเติมหรือซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย ให้วงเงินกู้สูงถึง 100% ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยลดพิเศษเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.233% ต่อปี ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 2% ปีที่ 2 - 3 = 3.85% ต่อปี (MRR-2.745%) และปีที่ 4 เป็นต้นไป = 5.845% ต่อปี (MRR-0.750%)     อนึ่ง ธนาคารออมสิน พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยมอบหมายให้ธนาคารออมสินในพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนมอบถุงยังชีพและความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ลูกค้าประชาชนที่ประสบเหตุ พร้อมทั้งเตรียมขยายผลไปยังพื้นที่รับน้ำอื่น ๆ รวมถึงเตรียมร่วมมือกับภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะวิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่ จัดตั้ง “คลินิกสารพัดซ่อม” เพื่อให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด ในการดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซม ทั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัย อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน รถจักรยานยนต์ และอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหาย ตลอดจนสำรวจความต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมด้านต่าง ๆ ต่อไป  

28 Aug 2024

Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner