Responsive image

Monday, 01 Dec 2025

หน้าแรก > ECONOMY- FINANCE / เศรษฐกิจ - การเงิน


เคทีซี เจซีบี เปิดตัวบัตรเครดิตระดับสูงสุด “เคทีซี เจซีบี อัลติเมท” ครั้งแรกในไทย กับสิทธิพิเศษระดับพรีเมียม เพื่อความ...เป็นที่สุดในแบบคุณ

Tue 15/03/2565


เคทีซีจับมือเจซีบีเปิดตัวบัตรเครดิต “เคทีซี เจซีบี อัลติเมท” ครั้งแรกในประเทศไทย ขยายฐานสมาชิกผู้ชื่นชอบความเป็นญี่ปุ่น จับกลุ่มสมาชิกพรีเมียม อัดแน่นด้วยสิทธิพิเศษเหนือระดับสมกับเป็นบัตรระดับสูงสุดของค่ายเจซีบี ด้วยคะแนน KTC FOREVER 2 เท่าเมื่อใช้จ่ายเป็นเงินสกุลต่างประเทศทั่วโลก บริการรอยัล ซิลค์ เลาจน์ พร้อมตอบโจทย์ 3 ไลฟ์สไตล์ ชื่นชอบร้านอาหาร  ไฟน์ไดนิ่ง ช้อปปิ้งออนไลน์ และเดินทางคุ้มค่ากว่า กับส่วนลดจากพันธมิตรชั้นนำ เพื่อความ ...  “เป็นที่สุดในแบบคุณ” (ULTIMATELY YOURS)  คาดสิ้นปียอดสมัครบัตรฯ แตะ 50,000 ใบ และมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ใบใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2,300 ล้านบาท

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เคทีซีและเจซีบี ประเทศไทย เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันเสมอมา บัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี แพลทินัม เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2549 และได้รับการตอบรับด้วยดีจากคนไทยที่ชื่นชอบและรักในความเป็นญี่ปุ่น โดยปัจจุบันมีจำนวนบัตรฯ ทั้งสิ้น 200,000 ใบ สำหรับในปีนี้ เคทีซีได้รับเกียรติจากเจซีบี ให้เป็นบัตรเครดิตรายแรกในประเทศไทยที่ได้ออกบัตรเครดิตระดับสูงที่สุด นั่นก็คือ “บัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี   อัลติเมท” เพื่อจับกลุ่มสมาชิกที่มีรายได้ 5 หมื่นบาทขึ้นไป ชื่นชอบการท่องเที่ยว ร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่ง และนิยมช้อปปิ้งทางออนไลน์ ซึ่งตรงกับกลยุทธ์การตลาดของเคทีซีในปีนี้ ที่เน้นการขยายฐานสมาชิกใหม่ไปยังกลุ่มระดับบนมากขึ้น รวมถึงมุ่งสรรหาพันธมิตรใหม่ๆ ให้หลากหลายและตรงกับไลฟ์สไตล์แนวพรีเมียมมากยิ่งขึ้นเช่นกัน  สำหรับรูปแบบของหน้าบัตรฯ ได้รับการออกแบบโดยใช้โทนสีคอปเปอร์เพื่อเน้นความพรีเมียม เพิ่มเติมความเรียบ หรู ด้วยลายเส้นแกะสลักสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมเป็นรูปของ “นกกระเรียน” ซึ่งจัดเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี”

“สิทธิพิเศษหลักของบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท ได้แก่ สมาชิกรับคะแนน KTC FOREVER 2 เท่าเมื่อใช้จ่ายเป็นสกุลเงินต่างประเทศทั่วโลก และรับฟรี! บริการห้องรับรองรอยัล ซิลค์ เลาจน์ (Royal Silk Lounge) จำนวน 2 ครั้งต่อปี นอกเหนือจากสิทธิพิเศษกับบริการแอร์พอร์ต เลาจน์ ที่สนามบินในประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 28 แห่ง และเจซีบี พลาซ่า เลาจน์ (JCB Plaza Lounge) บริการห้องรับรองใน 9 ประเทศและบริการเลขาส่วนตัวผ่านเจซีบี พลาซ่า (JCB Plaza) ทั่วโลก พร้อมมอบประกันอุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ ด้วยวงเงินประกันคุ้มครองสูงสุด 20,000,000 บาท ประกันกระเป๋าเดินทางสูญเสียหรือสูญหายจากการเดินทางวงเงินสูงสุด 40,000 บาท/ครั้ง ในกรณีชำระค่าบัตรโดยสารสายการบินด้วยบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท”

นายเรียว โมริตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เจซีบีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเปิดตัว “บัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท”  เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เนื่องจากเรามองเห็นศักยภาพในการใช้จ่ายของกลุ่มพรีเมียม เราจึงขยายฐานลูกค้าและเพิ่มสิทธิประโยชน์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการให้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ในต่างประเทศแล้ว ยังมีสิทธิประโยชน์อีกมากมายในประเทศไทยด้วยเช่นกัน โดยผู้ถือบัตรสามารถใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตเจซีบีได้ในทุกๆ วัน หรือ Daily use in everyday life พร้อมรับสิทธิประโยชน์จากการใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นส่วนลดที่เพิ่มขึ้นจากเดิมและหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทางด้านการใช้จ่ายออนไลน์ ซึ่งเป็นสิทธิประโยชน์หลักของบัตรใบนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ถือบัตรในประเทศไทยจะชื่นชอบสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี  อัลติเมทและโปรโมชันที่เราจะมอบให้ตลอดทั้งปี”

สำหรับสิทธิพิเศษของ เจซีบี อัลติเมท เซอร์วิส ประกอบด้วย สิทธิพิเศษพื้นฐานของบัตรเจซีบี แพลทินัม เซอร์วิส ตลอดทั้งปี 2565 จากหมวด Dining / Journey / Lifestyle และ Crown Dining ถึง 40 ร้านค้า ลูกค้าจะได้รับสิทธิพิเศษที่เพิ่มเติมเหนือกว่าตลอดปี 2565 กับร้านค้าในหมวดต่างๆ ดังนี้

1.Dining สิทธิพิเศษส่วนลดสูงสุด 20% ที่ร้านอาหารพรีเมียมยอดนิยม 10 ร้าน อาทิ ร้านอาหารอิตาเลี่ยน รอสซินีส์ (Rossini’s) ร้านอาหารญี่ปุ่นชิชิ (Shichi) ร้านอาหารไทยเรือนมัลลิการ์ และร้านของหวาน Brix Dessert Bar ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 – วันที่ 31 ธันวาคม 2565

2.Lifestyle รับส่วนลดมูลค่าสูงสุด 1,400 บาททุกเดือน* จากพันธมิตรออนไลน์ที่ร่วมรายการ อาทิ    ดอลฟิน / กอล์ฟดิกก์ (Golfdigg) / กูร์เมต์มาร์เก็ต (ออนไลน์) / แกร็บ / ลาซาด้า / ไลน์แมน / เอ็มออนไลน์ (MOnline) และช้อปปี้ *เงื่อนไขจำนวนสิทธิ์เป็นไปตามที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 – วันที่ 31 ธันวาคม 2565

3.Journey รับสิทธิ์จองรถเช่าราคาพิเศษ เริ่มต้น 699 บาท / วัน ที่ AVIS Thailand ราคาดังกล่าวรวมประกันพื้นฐานแบบไม่มีค่ารับผิดชอบเบื้องต้น ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 – วันที่ 31 ธันวาคม 2565

“เคทีซีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิทธิพิเศษของบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท จะตอบโจทย์กลุ่มคนที่รักในความเป็นญี่ปุ่น และสนุกกับการใช้ชีวิตดั่งสโลแกน “เป็นที่สุดในแบบคุณ...ULTIMATELY YOURS” โดยคาดว่าสิ้นปี 2565 จะมีจำนวนสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท จำนวน 50,000 ใบ และมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ใบใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2,300 ล้านบาท” นายระเฑียรกล่าวปิดท้าย

สมัครบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 – 31 พฤษภาคม 2565  รับคูปองโค้ดส่วนลด Shopee มูลค่า 400 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ตามเงื่อนไขที่กำหนด สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ KTC EXCLUSIVE SERVICE 02 123 5444 /เว็บไซต์ www.ktc.co.th /ศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์ได้ที่นี่:  http://bit.ly/apply-ktc   


Tags : เคทีซี KTC บัตรกรุงไทย ระเฑียร ศรีมงคล เจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) เรียว โมริตะ


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ทิพยประกันภัยเดินหน้าต่อยอดประสบการณ์ด้านประกันภัยรถยนต์ เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “TIP MOTOR EXTRA PRO ประกันรถสุดปัง อลังการสุดโปร” ในงาน Motor Expo 2025 เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ครบวงจร พร้อมคัดสรรผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์หลากหลาย อาทิ TIP Premium Garage Plus, TIP Lady, TIP Rainbow, TIP Up to Mile และประกันรถยนต์ 2+ คุ้มทุน พร้อมทีมให้คำปรึกษา คำนวณเบี้ย และบริการต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน แคมเปญ “TIP MOTOR EXTRA PRO” มอบข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับลูกค้า อาทิ • ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูงสุด 15% สำหรับลูกค้าใหม่ • รับของสมนาคุณ รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท • ลุ้นรับรถยนต์ MITSUBISHI XFORCE รุ่น ULTIMATE มูลค่า 1,059,000 บาท • ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน • พิเศษ! ลูกค้าที่ต่ออายุประกันภัยรถยนต์ภายในงาน รับ บัตร Lotus’s มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ทิพยประกันภัยขอเชิญทุกท่านร่วมรับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะงาน Motor Expo 2025 ได้ที่บูธ V07–V08 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568

30 Nov 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ ระหว่าง ธนาคารออมสิน และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อศึกษาความเป็นอยู่และพฤติกรรมทางการเงินของกลุ่มครัวเรือนฐานรากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการเงินในระบบ ที่จะนำไปสู่การต่อยอดองค์ความรู้ จากการวิจัยในการพัฒนาระบบการเงินที่เหมาะสม ช่วยยกระดับเศรษฐกิจและความเข้มแข็งทางการเงินของภาคครัวเรือนไทย โดยมี นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่   นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ภายใต้บทบาทการเป็น Social Bank ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินและสร้างการเข้าถึงแหล่งทุนที่เป็นธรรม ธนาคารเดินหน้าภารกิจหลักที่ 1 ในการสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งหากพิจารณาจากสถานการณ์การเข้าถึงสินเชื่อของคนไทย ปัจจุบันยังพบว่าครัวเรือนกว่าร้อยละ 30 ยังอยู่ในกลุ่ม Unserved และ Underserved โดยเป็นผู้มีรายได้น้อยและ/หรือรายได้ไม่แน่นอน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบจากการขาดประวัติเครดิตทางการเงิน และกว่าครึ่งยังต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นและต้องเผชิญภาระดอกเบี้ยสูง ดังนั้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนบทบาทการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ธนาคารจึงได้จัดตั้งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจฐานรากขึ้นเป็นครั้งแรก และได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อคิกออฟงานวิจัย “โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ” โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาเป็นผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ที่ธนาคารได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2568 เพื่อปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ที่มีรายได้ แต่ไม่เคยมีประวัติเครดิตทางการเงิน หรือไม่เคยใช้บริการสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของโครงการนี้มีลักษณะตัวตน หรือ Customer Persona ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของงานศึกษาวิจัยครั้งนี้ ทั้งนี้ ธนาคารหวังว่าจะสามารถนำผลลัพธ์ของงานวิจัยไปออกแบบเครื่องมือทางการเงิน หรือมาตรการสินเชื่อที่ตรงจุด สามารถตอบโจทย์ความคาดหวัง และสร้างระบบการเงินที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs และสอดคล้องตามบทบาทของธนาคารเพื่อสังคม   ดร. โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงลึกของลูกหนี้ภายใต้โครงการ “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” ของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นต้นแบบสินเชื่อดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้แต่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบสามารถกู้เงินได้เป็นครั้งแรก โดยธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยคนไทยสร้างประวัติเครดิตทางการเงินไปแล้วกว่า 200,000 ราย สะท้อนถึงความต้องการเข้าถึงสินเชื่อในระบบที่ยังมีอยู่จำนวนมาก การศึกษาครั้งนี้จึงมุ่งขยาย “ประตูสู่ระบบการเงิน” ให้กว้างขึ้น ผ่านการเก็บข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มคนที่อยู่นอกระบบเป็นครั้งแรก ใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ปัญหาเศรษฐกิจการเงิน พฤติกรรมและความต้องการทางการเงิน 2) โมเดลผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้ลูกหนี้ชำระคืนได้จริง 3) การทดลองใช้ข้อมูลใหม่และข้อมูลทางเลือกเพื่อค้นหาตัวชี้วัดความเสี่ยงที่แม่นยำยิ่งขึ้นให้กับสถาบันการเงิน 4) การติดตามผลการเข้าถึงสินเชื่อต่อรายได้และคุณภาพชีวิตของลูกหนี้ตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม ซึ่งผลการศึกษาจะช่วยให้ธนาคารออมสินออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้ และเพิ่มโอกาสในการชำระคืน   ขณะเดียวกัน สถาบัน ฯ จะมีองค์ความรู้เชิงลึกเพื่อนำไปสนับสนุนนโยบาย Your Data และโครงการ Risk-Based Pricing ของธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงได้โปร่งใส เป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ “เคยถูกมองไม่เห็น” เข้าสู่ระบบการเงินได้มากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนงานวิจัยให้เกิดผลจริงต่อประชาชนฐานราก เสริมรากฐานระบบการเงินที่เข้าถึงง่าย ยั่งยืน และช่วยยกระดับศักยภาพและคุณภาพชีวิตของครัวเรือนไทยได้อย่างมั่นคงในระยะยาว  

30 Nov 2025

...

จากสถานการณ์อุทกภัยส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของภาคใต้ โดยขณะนี้จังหวัดสงขลาประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน จึงขอแจ้งปิดทำการกรุงเทพประกันภัย สาขาหาดใหญ่ เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยลูกค้าสาขาหาดใหญ่และใกล้เคียงสามารถติดต่อบริการด้านประกันภัยได้ที่ กรุงเทพประกันภัย สาขาสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7727 3806 ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัยขอแสดงความห่วงใยและเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อรับคำปรึกษาต่างๆ และแจ้งเคลมสินไหมทดแทนสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการ รวมถึงประกันภัยรถยนต์ หรือรับบริการรถยกเพื่อเคลื่อนย้ายรถไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้ - LINE @bangkokinsurance - โทร. 1620 ตลอด 24 ชั่วโมง

25 Nov 2025

...

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อช่วยยกระดับความสามารถในการหารายได้ของผู้ประกอบการรายเล็กบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งที่เป็นทักษะความรู้ด้านการเงินและด้านดิจิทัล โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท/ราย สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Upskill/Reskill และได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งโครงการดังกล่าวมีหน่วยงานพันธมิตรหลายรายเป็นผู้ให้บริการเรียนรู้และพัฒนาทักษะแก่ร้านค้า โดยมีธนาคารออมสินรับผิดชอบการพัฒนาทักษะแก่ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย “ประเภทบุคคลธรรมดา” หลักสูตร “Smart Finance Upskill : การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัส” สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าบุคคลธรรมดา เน้นให้ความรู้ทางการเงินที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายุคใหม่ ประกอบด้วยเนื้อหาสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ การทำบัญชี การคิดต้นทุน เทคนิคการตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ พร้อมแบบจำลองการยื่นกู้ให้ผู้ประกอบการได้ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถนำแบบจำลองนั้นไปใช้ประกอบการยื่นกู้กับสถาบันการเงินได้ โดยผู้ที่ได้สมัครเรียนและผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการผ่านหลักสูตรเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการรับสิทธิ์เงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท ร้านค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าเรียนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 19 ธันวาคม 2568 ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชม. โดยผู้ที่สำเร็จหลักสูตรตามเงื่อนไขที่กำหนด จะมีการแจ้งผลการรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ ผ่านแอปถุงเงินและข้อความ SMS ในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารขอแนะนำโปรดหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น ซึ่งอาจทำให้ประสบปัญหาเว็บไซต์ตอบสนองช้ากว่าปกติได้ กรณีประสบปัญหาการใช้บริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส สามารถติดต่อที่ GSB Contact Center โทร.1115 กด 7 ตลอด 24 ชม.   นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่สำเร็จหลักสูตร Smart Finance Upskill แล้ว ยังมีสิทธิ์ยื่นขอกู้เงื่อนไขพิเศษกับสินเชื่อ “สร้างงานสร้างอาชีพ พลัส” โดยกดยื่นขอกู้ได้จากหน้าเว็บไซต์หลังเรียนจบหลักสูตร เพื่อเชื่อมต่อกระบวนการยื่นขอกู้ทางแอป MyMo ได้โดยสะดวก ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) = 0.75% ต่อเดือน แบบไม่มีหลักประกัน (Clean Loan) ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารพิจารณาให้กู้ตามความจำเป็นเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนหรือเสริมสภาพคล่อง และตามความสามารถในการชำระคืน ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th    

23 Nov 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner