Responsive image

Sunday, 11 May 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


เอไอเอ ประเทศไทย จับมือธนาคารกรุงเทพ ครั้งแรกกับการนำเสนอแบบประกันชีวิตและสุขภาพ ผ่านโมบายแบงค์กิ้ง ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเฉพาะบุคคล

Wed 13/04/2565


เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ผ่ายพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เชิงกลยุทธ์ (ที่ 2 จากขวา) และ ดร. คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล จับมือกับธนาคารกรุงเทพ นำโดย นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ (ซ้ายสุด) และ นางสาวพรพิมล ตรงเที่ยงธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่

 

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตออนไลน์ Be Together For you มุ่งขยายฐานลูกค้าแบงค์แอสชัวรันซ์และผู้ใช้งานโมบายแอปพลิเคชันของธนาคาร โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเฉพาะแต่ละบุคคล (Personalized Individual Needs) ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในวงการประกันชีวิต โดยเอไอเอ ประเทศไทย ได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเซกเมนต์ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึก สามารถนำมาช่วยในการออกแบบและนำเสนอแบบประกันชีวิตและสุขภาพที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมกับตนเอง และยังได้รับความสะดวกสบาย ง่ายเพียงปลายนิ้ว ไม่ต้องเดินทางไปทำธุรกรรมที่สาขาของธนาคาร ช่วยลดความเสี่ยงจากการเดินทางในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อีกด้วย โดยลูกค้าที่ซื้อแบบประกันชีวิตออนไลน์ Be Together For you ผ่านโมบายแอปพลิเคชัน ของธนาคารกรุงเทพ ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 30 มิถุนายน 2565 จะมีสิทธิได้รับโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะคุณ

นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ผ่ายพันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์เชิงกลยุทธ์ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า  “เอไอเอ เข้าใจ และคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก จึงได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคดิจิทัล ด้วยแบบประกันชีวิตออนไลน์ Be Together For You  ให้ลูกค้าสามารถซื้อแบบประกันผ่านโมบายแบงค์กิ้งของธนาคารกรุงเทพได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เวลาใดก็สามารถเข้าถึงความคุ้มครองที่เหมาะสมได้ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต Be Together For You ประกอบด้วยแบบประกันชีวิต เอไอเอ คุ้มครองถึงอายุ 80 ปี (ไม่มีเงินปันผล) และสัญญาเพิ่มเติม เอไอเอ ผลประโยชน์กรณีเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ (ADB) โดยสามารถจัดแพ็กเกจที่เหมาะสมกับตามความต้องการของลูกค้า ด้วยการเพิ่มความคุ้มครองจากสัญญาเพิ่มเติม เอไอเอ ซีไอ พลัส (AIA CI Plus) สัญญาเพิ่มเติม เอไอเอ เอชบี เอ็กซ์ตร้า (AIA HB Extra) หรือสัญญาเพิ่มเติม เอไอเอ ผลประโยชน์กรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (AIA TPD) ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอยู่ในช่วงอายุ 25-55 ปี ทั้งนี้ลูกค้าแต่ละรายจะได้รับการนำเสนอแพ็กเกจ และค่าเบี้ยประกันภัยที่แตกต่างกันตามความต้องการและความจำเป็นของแต่ละช่วงวัย สำหรับการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตเอไอเอผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารกรุงเทพในครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มช่องทางให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงความคุ้มครองด้านการประกันชีวิตและสุขภาพได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น สอดรับกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป อีกทั้งลูกค้ายังสามารถศึกษาข้อมูลและตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมได้ด้วยตัวเอง”

ดร. คริสเตียน โรแลนด์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัล เอไอเอ ประเทศไทย เผยว่า “การนำเสนอแบบประกันออนไลน์ Be Together For You จากความร่วมมือระหว่างเอไอเอ และธนาคารกรุงเทพในครั้งนี้ ช่วยตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมประกันชีวิตของเอไอเอ ประเทศไทย ที่ได้มุ่งพัฒนาด้านเทคโนโลยี ดิจิทัล และการวิเคราะห์ (TDA) นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้าและคนไทยทั่วประเทศ เพื่อให้ได้รับการบริการและผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคลได้อย่างแท้จริง ซึ่งเรายังคงไม่หยุดที่จะพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า ตามคำมั่นสัญญาของเรา ‘Healthier, Longer, Better Lives - เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’

นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธนาคารยังคงเดินหน้าพัฒนา ‘โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ’ (Bangkok Bank Mobile Banking) ให้เป็นแพลตฟอร์มที่มีความเป็นมิตร เข้าถึง และเข้าใจผู้ใช้งานอย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด “เปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม เข้าใจคุณมากกว่าเดิม” โดยล่าสุด ได้พัฒนาความร่วมมือกับ เอไอเอ ประเทศไทย เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตออนไลน์ ‘Be Together For You’ เน้นการศึกษาและทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างละเอียด เพื่อสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตในรูปแบบและจำนวนเงินเอาประกันภัยที่เหมาะสมกับความต้องการลูกค้าเฉพาะแต่ละบุคคล รวมถึงตอบโจทย์ความสะดวกในการซื้อประกันชีวิตได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องไปสาขา

“สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจคือ คนรุ่นใหม่มีความคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ ต้องการความสะดวกสบาย ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ไม่นิยมการใช้บริการที่สาขา  การผนวกการซื้อประกันมาไว้บนโมบายแบงก์กิ้งเพื่อให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ ณ ปัจจุบัน ด้วยรูปแบบความคุ้มครองที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงอายุ โดยลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อและทำรายการได้สะดวก ไม่ยุ่งยาก ค่าเบี้ยไม่สูงมาก ขณะเดียวกันก็ต้องมีช่องทางช่วยเหลือ เช่น Live Call และ Live Chat ไว้คอยสนับสนุนหากลูกค้ามีข้อสงสัยหรือมีปัญหาในการทำรายการ รวมถึงช่องทางชำระเงินที่สะดวกรวดเร็ว จะเป็นตัวเร่งในการตัดสินใจซื้อได้ดีขึ้น”

นางสาวพรพิมล ตรงเที่ยงธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทำให้ธนาคารสามารถสร้างจุดเด่นของบริการประกันชีวิต Be Together For You ขึ้นมาได้อย่างชัดเจน ทั้งการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าเป้าหมายในแต่ละกลุ่ม โดยภายในแต่ละกลุ่มเอง ก็มีแนวโน้มที่จะต้องการประกันชีวิตรวมถึงความคุ้มครองสุขภาพที่แตกต่างกันไป หรืออาจกล่าวได้ว่า ‘Be Together For You’ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป้าหมายแต่ละบุคคลในลักษณะ Personalized Individual Need ที่สำคัญคือ ออกแบบขั้นตอนการซื้อที่ง่าย ไม่ยุ่งยาก และเมื่อซื้อแล้วจะได้รับความคุ้มครองทันที”

ในโอกาสเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ธนาคารกรุงเทพได้เพิ่มความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นด้วยโปรโมชั่นพิเศษ! เมื่อลูกค้าที่ได้รับการนำเสนอ เลือกซื้อแบบประกัน ‘Be Together For You’ ในระหว่างวันที่ 22 มีนาคม – 30 มิถุนายน 2565 ลูกค้าจะได้รับเพิ่มฟรี! ประกันคุ้มครองการแพ้วัคซีนโควิด

ทั้งนี้ลูกค้าที่ได้รับการนำเสนอประกันชีวิตออนไลน์ ‘Be Together For You’ สามารถเลือกซื้อประกันผ่าน ‘โมบายแบงก์กิ้ง จากธนาคารกรุงเทพ’ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บัวหลวงโฟน 1333 หรือติดต่อเอไอเอ คอลเซ็นเตอร์ 02-353-8855 ทุกวัน เวลา 8.00-22.00 น.


Tags : เอไอเอประเทศไทย AIA เอไอเอ ธนาคารกรุงเทพ แบบประกันชีวิตและสุขภาพผ่านโมบายแบงค์กิ้ง


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  ตามที่รัฐบาลโดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบหมายให้สถาบันการเงินเข้าช่วยเหลือประชาชนโดยเฉพาะ กลุ่มผู้ปกครองที่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ทั้งค่าชุดเครื่องแบบนักเรียน หนังสือ อุปกรณ์การเรียน และอื่น ๆ ด้วยการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งทุนในระบบ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนไทยได้เข้าถึงการศึกษาอย่างต่อเนื่อง นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกมาตรการ “สินเชื่อธนาคารประชาชนต้อนรับเปิดเทอม” ที่ผ่อนเกณฑ์อนุมัติให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และเป็นการเดินหน้าภารกิจเชิงสังคมในการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม สำหรับผู้ปกครองที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนในการเตรียมความพร้อมแก่บุตรหลานในช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่เพียง 0.60% ต่อเดือน วงเงินกู้ตามความจำเป็นสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาทต่อราย ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 1 ปี (12 งวด) ผ่อนชำระประมาณ 894 บาทต่อเดือน (รวมเงินต้นและดอกเบี้ย) ทั้งนี้ สำหรับผู้มีอาชีพ รายได้ และที่อยู่อาศัยแน่นอน สามารถยื่นขอสินเชื่อโดยไม่ต้องมีหลักประกัน ผ่านแอปพลิเคชัน MyMo หรือติดต่อธนาคารออมสินสาขาเพื่อขอคำแนะนำในการสมัครสินเชื่อ ได้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2568  

08 May 2025

...

SME D Bank ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ดูแลกลุ่มเอสเอ็มอีที่มีสิทธิ์กว่า 17,200 ราย อย่างใกล้ชิด พาเข้าร่วมแล้ว ณ วันที่ 23 เม.ย. 68 กว่า 7,200 ราย หรือคิดเป็นกว่า 40% จากลูกหนี้ทั้งหมดที่มีสิทธิ์ ประกาศข่าวดี ขยายระยะเวลาสมัครลงทะเบียนสมัครถึงวันที่ 30 มิ.ย. 68 นี้ เพื่อรับประโยชน์ช่วยลดภาระ สร้างโอกาสกลับมาเริ่มต้นธุรกิจอีกครั้ง นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า จากที่รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย มีนโยบายแก้หนี้ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ซึ่ง SME D Bank ขานรับนโยบายเข้าร่วมโครงการ ด้วยการเปิดให้ลูกหนี้ของธนาคารที่เข้าเกณฑ์จำนวนกว่า  17,200 ราย มูลหนี้ประมาณ  16,800  ล้านบาท   ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคาร (www.smebank.co.th)   รวมถึง ทำงานเชิงรุกด้วยการส่งจดหมายแนะนำโครงการไปถึงลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ ควบคู่กับให้ทีมงานธนาคารติดต่อลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ เพื่อให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด แนะนำถึงประโยชน์ของการเข้าร่วมโครงการ อีกทั้งเปิด Call Center สายพิเศษ รองรับให้บริการในโครงการนี้โดยเฉพาะผ่านเลขหมาย 1357 กด 99 ทั้งนี้  นับตั้งแต่เปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 จนถึงวันที่ 23 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มีลูกหนี้ลงทะเบียนเข้าโครงการแล้วกว่า 7,200 ราย หรือคิดเป็นกว่า 40% ของลูกหนี้ทั้งหมดของธนาคารที่มีสิทธิ์ ผ่านเกณฑ์โครงการกว่า 4,650 ราย  แยกตามประเภทอุตสาหกรรม  ภาคการค้า ประมาณ 38% ภาคบริการ ประมาณ 34% และภาคการผลิต ประมาณ 28%  โดยเป็นสัดส่วนกลุ่มธุรกิจที่ผ่านมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” และทำสัญญาแล้ว จำนวนกว่า 2,900 ราย มูลหนี้กว่า 3,800 ล้านบาท   สำหรับกลุ่มที่ลงทะเบียนแบ่งเป็นกลุ่ม Lower SE (รายได้เกิน 1.8 ถึง 15  ล้านบาทต่อปี) จำนวน 58%  กลุ่ม Micro (รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี)  จำนวน 24%  กลุ่ม Upper SE (รายได้เกิน 15 ถึง 100  ล้านบาทต่อปี) จำนวน  16% และกลุ่ม ME (รายได้เกิน  100  ล้านบาทต่อปี) จำนวน 2%  เมื่อรวมกลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นรายเล็กกับรายย่อย ( Lower SE , Micro ) จำนวนรวมถึงกว่า 82% สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการรายเล็กของไทยมีศักยภาพเปราะบาง ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด  นอกจากนั้น ธนาคารยังช่วยเหลือด้านการพัฒนา เน้นการเพิ่มรายได้ขยายตลาด เช่น เชิญร่วมโครงการ  “SME D Market”  ซึ่งธนาคารจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน เปิดโอกาสให้มาออกบูธจำหน่ายสินค้า  ณ  สำนักงานใหญ่ SME D Bank โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เชิญร่วมกิจกรรมคาราวานสินค้า สร้างโอกาสทางการตลาด และจับคู่ธุรกิจ  นอกจากนั้น เชิญร่วมโครงการไลฟ์คอมเมิร์ซ เวิร์คช้อปการทำตลาดยุคดิจิทัล พร้อมโอกาสเพิ่มรายได้ด้วยการให้คนดังบนโลกออนไลน์ช่วยบอกต่อ เป็นต้น   ทั้งนี้ จากที่โครงการดังกล่าว ได้ขยายเวลาลงทะเบียนออกไปถึงวันที่ 30 มิถุนายน  2568  นับเป็นโอกาสดีที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือลดค่างวดชำระ  3 ปี  เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่อง โดยปีแรกชำระเพียง 50% เท่านั้น    โดยค่างวดที่ชำระนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด อีกทั้ง ไม่เก็บดอกเบี้ย  3 ปี  เมื่อทำตามเงื่อนไข และหากชำระค่างวดมากกว่าขั้นต่ำ ตัดเงินต้นเพิ่ม ปิดหนี้จบได้อย่างรวดเร็ว   จึงขอเชิญชวนลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์ รีบแจ้งความประสงค์ เพื่อรับผลประโยชน์ในการช่วยเหลือ  ลดภาระหนี้ และสร้างโอกาสให้กลับมาเริ่มต้นดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง  สามารถแจ้งความประสงค์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคาร (www.smebank.co.th)   หรือเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (www.bot.or.th/khunsoo) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357 กด 99   

05 May 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์การเงินการคลังของไทย ในงาน MOF Journey: 150 ปี เส้นทางการคลังไทย ในโอกาสครบรอบ 150 ปี กระทรวงการคลัง โดยจัดโปรโมชันเงินฝากเพื่อส่งเสริมการออมสำหรับงานนี้เท่านั้น เริ่มต้นด้วยเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 150 วัน อัตราดอกเบี้ยแบบ Step up เฉลี่ย 2.55% ต่อปี หรือเทียบเท่าเงินฝากประจำ 3.00% ต่อปี จองสิทธิ์ภายในงาน จำนวนจำกัด วันละ 150 สิทธิ์ และ 1 คนต่อ 1 สิทธิ์ และพลาดไม่ได้กับแคมเปญแห่งปี “ออมร้อย ชิงร้อยล้าน” ฝากสลากออมสินพิเศษ 1 ปี ลุ้นรับรางวัลพิเศษมูลค่ารวม 100 ล้านบาท แบ่งเป็น รางวัลพิเศษ มูลค่า 1 ล้านบาท งวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 จำนวน 30 รางวัล และรางวัลพิเศษ มูลค่า 70 ล้านบาท งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เพียง 1 รางวัลเท่านั้น สำหรับผู้ฝากสลากตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 15 กรกฎาคม 2568 หรือเลือกฝากสลากออมสินพิเศษ / สลากดิจิทัล แบบ 2 ปี พร้อมรับของที่ระลึก นอกจากนี้ยังมี เงินฝาก Smart Junior เพื่อเด็กและเยาวชนที่มีอายุ 7 – 23 ปีบริบูรณ์ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.50% ต่อปี และได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 2.10% ต่อปี เมื่อมียอดเงินฝากคงเหลือเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนอย่างต่อเนื่อง โดย 24 เดือนแรก รับดอกเบี้ยพิเศษเพิ่มขึ้น 0.10% ทุก 2 เดือน สูงสุดไม่เกิน 1.60% ต่อปี และรับดอกเบี้ยโบนัสเพิ่มขึ้น 0.50% ใน 6 เดือนสุดท้าย ระยะเวลาฝากรวม 30 เดือน เปิดบัญชีขั้นต่ำ 1 บาท และเปิดบัญชีเงินฝาก 100 บาทขึ้นไป รับกระปุกออมสินคอลเลกชันพิเศษ GSB Love Earth ภายในบูธยังมีกิจกรรมพิเศษและรับกระปุกออมสิน รวมถึงการแนะนำการลงทะเบียนสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส นวัตกรรมสินเชื่อสำหรับคนที่ไม่เคยกู้แบงก์ได้มาก่อนอีกด้วย   งานครบรอบ 150 ปี วันสถาปนากระทรวงการคลัง จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “อดีต–ปัจจุบัน-อนาคต” เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้เรียนรู้ถึงวิวัฒนาการด้านการคลังของไทยที่มีบทบาทในการพัฒนาประเทศตั้งแต่อดีตสู่ภารกิจการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มั่งคงและยั่งยืนในอนาคต ภายในงานยังเป็นการร่วมแสดงพลังความสามัคคี การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อการบริการประชาชนและการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมของหน่วยงานในสังกัด จึงขอเชิญชวนร่วมสัมผัสนวัตกรรมและบริการทางการเงินที่น่าสนใจ ทั้งจากบูธธนาคารออมสิน และหน่วยงานต่าง ๆ ในระหว่างวันที่ 1 - 3 พฤษภาคม 2568 ณ Hall 3 – 4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  

30 Apr 2025

...

บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ก้าวสู่ผู้นำด้านความโปร่งใสและจริยธรรมทางธุรกิจ โดยได้รับการเลื่อนสถานะเป็น CAC Change Agent จากองค์กรแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) ซึ่งเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจ แสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม โปร่งใส ปกป้องผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และเผยแพร่ไปยังคู่ค้าให้มีห่วงโซ่อุปทานที่ใสสะอาด กรุงเทพประกันชีวิต เชื่อมั่นในพลังความใส่ใจและมุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืน โดยเข้าร่วมเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านการคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) เป็นระยะเวลากว่า 3 ปี ความสำเร็จครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องในการส่งเสริมหลักธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อองค์กรรวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจ โดยกรุงเทพประกันชีวิตจะยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านความโปร่งใสและจริยธรรมทางธุรกิจต่อไป

30 Apr 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner