Responsive image

Wednesday, 10 Dec 2025

หน้าแรก > TECHNOLOGY - AUTO - PROPERTY


ชี้ชัด ควบรวมทรู ดีแทค ผู้บริโภคได้ประโยชน์อะไรบ้าง ตามรอยโทรคมนาคมทั่วโลกแห่ปรับโครงสร้างรับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล

Fri 15/04/2565


แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคมไทย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย จะต้องเรียนรู้จากบทเรียนในโลกนี้ ที่ผู้ประกอบการทั่วโลกล้วนปรับตัว ให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้อยู่รอดได้ ซึ่งตลอด 2 ปีที่ผ่านมา คนไทยได้ยินข่าวการปรับตัวของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมาโดยตลอด อาทิเช่น (7 มกราคม 2564) องค์การโทรศัพท์ (TOT) ควบรวมกับการสื่อสารแห่งประเทศไทย (CAT) หลังจากการควบรวมเป็น บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)  (NT) จะเป็นบริษัทที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจรมากที่สุดมูลค่าสินทรัพย์มากถึง 300,000 ล้านบาท  แบ่งเป็นเสาโทรคมนาคมกว่า 25,000 ต้นทั่้วประเทศ เคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศเชื่อมต่อไปยังทุกทวีป ถือครองคลื่นความถี่หลักเพื่อให้บริการรวม 6 ย่านมีปริมาณ 600 เมกะเฮิรตซ์ ท่อร้อยสายใต้ดินมีระยะทางรวม 4,600 กิโลเมตร สายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง 4 ล้านคอร์กิโลเมตร Data Center 13 แห่งทั่วประเทศ และ ระบบโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่เข้าถึงจากทุกประเทศในโลก ทั้งนี้ก็เป็นการปรับตัวเพื่อการแข่งขัน ซึ่งได้ควบรวมเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี

ในขณะที่ 6 สิงหาคม 2564 เอไอเอส (AIS) ก็มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)  (GULF) ทุ่ม 4.86 หมื่นล้าน ปิดเกมซื้อ INTUCH ครองหุ้น 42.25% ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้บริหารของกัลฟ์ ให้เหตุผลกับนักลงทุนรายย่อย สื่อมวลชน และสังคม ว่า ต้องการแพลตฟอร์มด้านการสื่อสารโทรคมนาคมเพื่อต่อยอดธุรกิจพลังงาน สนามบิน และท่าเรือของกัลฟ์ให้ดำเนินไปสู่ธุรกิจยุคใหม่ที่เป็นดิจิทัลทรานส์ฟอร์มอย่างแท้จริง ดังนั้นการที่ AIS มีผู้ลงทุนที่แข็งแกร่งอย่าง GULF ทำให้มีความพร้อมในการแข่งขันสู่ยุคดิจิทัล ในขณะที่ตลาดโทรคมนาคมต่างประเทศในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็มีการควบรวม เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น Celcom Axiata ควบรวม Digi.Com ขอองมาเลเซีย หรือประเทศอินโดนีเซีย ที่บริษัท Indosat ควบรวม PT Hutchison ก็เพื่อให้ทำธุรกิจแข่งขันกันได้ทุกราย ในอิตาลีมีการควบรวมกิจการระหว่าง Wind และ H3G เป็น Wind Tre ปรับตัวพร้อมสู่การแข่งขันใหม่ ที่มีผู้เล่นดิจิทัลมาแข่งขัน ดังนั้น บทบาท กสทช. คือ การส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้

กรณีการควบรวม ทรู ดีแทค ถือเป็นกลุ่มสุดท้าย ที่เป็นการร่วมธุรกิจแบบเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ใครซื้อใครอย่างที่มีการเข้าใจผิด เป็นการเดินหน้าสู่การปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการแข่งขันในธุรกิจโทรคมนาคมที่มีการแข่งขันหนักหน่วงอย่างต่อเนื่อง และการขยายโครงข่าย รวมถึงลงทุนเรื่องเทคโนโลยี และบริการต่าง ๆ เป็นเรื่องจำเป็น ดังนั้นเมื่อร่วมมือกัน เงินลงทุนย่อมมากขึ้น และทำเรื่องทั้งหมดข้างต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภคด้วยบริการที่ดีขึ้น ตัวอย่างเงินลงทุนที่น่าสนใจคือ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ ทรู มีแผนลงทุนโครงข่าย 5G พ.ศ. 2563-2565 กว่า 40,000-60,000 ล้านบาท ส่วน บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค พ.ศ. 2563 ลงทุน 8,000-10,000 ล้านบาท ขยายโครงข่าย 5G แต่เม็ดเงินเหล่านี้ไม่รวมค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่หลายหมื่นล้านบาท การควบรวมจะทำให้การลงทุนต่อเนื่อง ไม่สะดุด ทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และต้องลงทุนเพิ่มในการนำเสนอบริการดิจิทัล ปรับองค์กรสู่การเป็นเทคโนโลยี ซึ่งสามารถสรุปประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับคือ

1. การเข้าถึงสัญญาณเครือข่ายดีขึ้น เสาสัญญาณเพิ่มมากขึ้น  สัญญาเร็ว แรง และครอบคลุมพื้นที่ใช้งานมากขึ้น เมื่อรวมจำนวนเสาสัญญาณของทรูและดีแทคแล้ว คาดว่าจะมีมากกว่า 49,800 สถานีฐาน ทำให้ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่พื้นที่ไหนในประเทศไทยก็สามารถใช้บริการได้อย่างครอบคลุม ลูกค้าดีแทคก็จะได้ใช้สัญญาณ 5G ของทรู ได้อีกด้วย

2. คลื่นที่ครบถ้วนในทุกย่านความถี่ ทำให้ลูกค้าสามารถใช้มือถือได้ทุกรุ่น รองรับทุกย่านความถี่ เริ่มตั้งแต่คลื่น 700 MHz มีทั้ง 2 ค่าย คลื่น 850 MHz ดีแทคสามารถใช้ของทรูได้ คลื่น 900, 1800, 2100 MHz มีทั้ง 2 ค่าย และลูกค้าทรูก็สามารถใช้คลื่นที่ทรูไม่มีเช่นคลื่น 2300 MHz ในขณะที่ดีแทคสามารถมาใช้คลื่น 2600 MHz 5G ของทรูได้ ดังนั้นลูกค้าจะได้ประโยชน์อย่างมากจากจำนวนคลื่นและแบนด์วิธที่มากขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถโทรโดยใช้มือถือได้ทุกรุ่น รองรับได้ทุกย่านความถี่

3. เพิ่มความสะดวกมากขึ้น โดยมีศูนย์ให้บริษัทหลังการควบรวมเพิ่มมากขึ้น ทำให้บริการหลังการขายสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น จำนวนร้าน สาขา ของทรู และ ดีแทค ทั่วประเทศ จะให้บริการลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อ และ นำมาต่อยอดบริการรูปแบบใหม่ ให้ลูกค้ามีความสะดวก และมี call center รวมสองค่ายมากกว่า 5,200 คน พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง

4. ลูกค้าทั้ง 2 ค่ายจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ดีและสิทธิพิเศษที่เพิ่มมากขึ้น อาทิเช่น ลูกค้าดีแทคสามารถใช้บริการห้องรับรอง VIP (True Sphere) และสิทธิประโยชน์จาก True Point ได้ ในขณะที่ลูกค้าทั้งทรูและดีแทค ได้รับสิทธิ์ทั้ง dtac reward และ True Privilege และที่ยอดเยี่ยมสำหรับลูกค้าดีแทคคือ สามารถใช้บริการ convergence อินเทอร์เน็ตบ้าน และ content ดี ๆ จาก TrueID และ TrueVisions

4. เมื่อทรูควบรวมกับดีแทค จะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันใกล้เคียงกันกับเอไอเอส เมื่อผู้แข่งขันสองรายมีขีดความสามารถใกล้เคียงกัน จะทำให้เกิดการแข่งขันกันมากขึ้น ทำให้ลูกค้าได้โปรโมชั่นที่ถูกลง และมีข้อเสนอทางการตลาดที่ลูกค้าได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น

5. ลูกค้าไร้กังวลว่าหลังการควบรวมแล้วราคาจะสูงขึ้น แพคเกจที่ใช้อยู่สามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง เพราะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว และที่ผ่านมา กสทช. ก็ทำได้ดี ทำให้ไม่มีผู้เล่นรายใด สามารถปรับราคาได้เกินกว่าที่ กสทช. กำหนดไว้ และทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราค่าบริการต่ำสุดในโลก

6. การบริการต้นทุนของผู้ให้บริการหลังการควบรวมจะลดลง ทำให้ลูกค้าได้รับประโยขน์จากความคุ้มค่าของบริการที่ได้รับ จะทำให้มีเงินทุนไปพัฒนาบริการใหม่ ๆ รองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่กำลังจะเข้ามาเช่น ดาวเทียม, Metaverse, Quantum รวมถึงรถยนต์ EV และ Smart City

7. ผู้เล่นในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทุกรายปรับโครงสร้างเพื่อรองรับการลงทุนใหม่ เช่น CAT+ TOT = NT และการที่ AIS มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดยมีการลงทุนใหม่โดยกัลฟ์ GULF เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และ ลงทุนเพิ่มในอนาคต ทำให้หลังการควบรวม TRUEและ DTAC ทำให้ผู้ประกอบการทุกรายมีความพร้อมในการแข่งขัน และ รัฐมีการปฏิบัติต่อผู้ประกอบการอย่างเท่าเทียม มิใช่กีดกันรายใดรายหนึ่ง

8. ผู้บริโภคสามารถใช้บริการของผู้ประกอบการดิจิทัลอย่างไม่สะดุด เช่น Facebook, Line, Netflix และอื่น ๆ ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย โดยใช้เครือข่ายโทรคมนาคมเดิม ซึ่งต้องใช้ดาต้า เพิ่มขึ้นมหาศาล ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นหลายเท่าทุกปี เพื่อให้บริการจากผู้เล่นดิจิทัลมีความต่อเนื่อง การควบรวมจะทำให้เกิดความแข็งแกร่งในการพัฒนาคุณภาพเครือข่าย รองรับการเติบโตของผู้ใช้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้น

9. ผู้บริโภคสามารถใช้บริการของผู้ประกอบการดิจิทัลอย่างไม่สะดุด เช่น Facebook, Line, Netflix และอื่น ๆ ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย โดยใช้เครือข่ายโทรคมนาคมเดิม ซึ่งต้องใช้ดาต้า เพิ่มขึ้นมหาศาล ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นหลายเท่าทุกปี เพื่อให้บริการจากผู้เล่นดิจิทัลมีความต่อเนื่อง การควบรวมจะทำให้เกิดความแข็งแกร่งในการพัฒนาคุณภาพเครือข่าย รองรับการเติบโตของผู้ใช้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้น

10. หลังการควบรวม ผู้เล่นทุกรายในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย พร้อมปรับตัวเข้าสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถที่จะแข่งกับผู้ประกอบการระดับโลก และสนับสนุนการลงทุนของ Tech Startup รุ่นใหม่ บริษัทจะมีความสามารถในการลงทุนเพิ่ม รองรับเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ลูกค้าได้รับบริการดิจิทัลมากขึ้น เช่น บริการแพทย์ทางไกล การประชุมทางไกล การเข้าถึงคอนเทนต์ เพลง หนัง ระดับโลก ในราคาลดลง

 


Tags : ทรู ดีแทค ควบรวมทรู ดีแทค


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รักคือพลังของชีวิต นำโดย คุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวคอนเสิร์ตใหญ่แห่งปี OCEAN LIFE ไทยสมุทร Presents “NONTIVERSE of LOVE” โดยมี นนท์ ธนนท์ Brand Ambassador  ร่วมถ่ายทอดพลังแห่งความรัก ผ่านคอนเสิร์ตสุดอบอุ่นที่ผสาน โลกความรักของนนท์ ธนนท์ และ โลกความรักของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร เข้าด้วยกัน เพื่อมอบเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณสำหรับลูกค้า OCEAN LIFE ไทยสมุทร และ  NONTFAM ที่เป็นสมาชิก Ocean Club ในโอกาสครบรอบปีที่ 77 OCEAN LIFE ไทยสมุทร   รักตัวเอง คือจุดเริ่มต้นของทุกความรัก คอนเสิร์ต “NONTIVERSE of LOVE” ต่อยอดจากแนวคิด Love Mindset  รักตัวเอง คือจุดเริ่มต้นของทุกความรัก ซึ่งเป็นหัวใจในการดำเนินงานของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ที่มุ่งส่งต่อพลังแห่งความรักให้กับทุกคน ผ่าน 3 มิติสำคัญ ได้แก่ Love Your Health รักสุขภาพ ดูแลกายใจให้แข็งแรง ทั้งตัวเองและคนที่รัก Love Your Wealth รักการเงิน วางแผนชีวิตและปิดความเสี่ยงเพื่อความมั่นคงในอนาคต Love the World รักโลกและสังคม ส่งต่อความดี สร้างความยั่งยืนร่วมกัน    NONTIVERSE of LOVE คอนเสิร์ตอบอุ่นแห่งปี 2026 ที่รวม “สองโลกแห่งความรัก” ไว้ในจักรวาลเดียวกัน NONTIVERSE of LOVE ออกแบบบรรยากาศให้ผู้ชมเสมือนหลุดเข้าสู่ “จักรวาลแห่งความรัก” ที่เต็มไปด้วยบทเพลงและเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนกลับมารักและดูแลตัวเองอีกครั้ง พร้อมแขกรับเชิญสุดพิเศษที่จะมาร่วมถ่ายทอดพลังบวกแห่งความรัก จัดขึ้นในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2569 ณ One Bangkok Forum คอนเสิร์ตที่ตั้งใจให้ทุกคนได้รู้สึกถึงความรัก ประทับใจกับช่วงเวลาพิเศษและแขกรับเชิญสุดเซอร์ไพรส์ที่อยากให้รอติดตาม และไม่พลาดไปดูว่าโลกความรักของ “นนท์ ธนนท์” และ โลกความรักของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร จะหลอมรวมกันได้ลงตัวอย่างไร เลือกแบบประกันที่ใช่ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของตัวเอง OCEAN LIFE ไทยสมุทร เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการของคน Gen Y และพร้อมเป็นตัวช่วยปิดความเสี่ยงที่คน Gen Y อาจมองข้ามไป ในครั้งนี้ เรามอบประกันที่ตอบโจทย์ Gen Y ทั้งออมเงิน คุ้มครองชีวิต คุ้มครองอุบัติเหตุ คุ้มครองสุขภาพ โรคร้ายแรง รวมไปถึงประกันลดหย่อนภาษี ที่ให้เลือกสรรได้อย่างครอบคลุมในทุกมิติ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/nontiverseoflove 1. โอเชี่ยนไลฟ์ เฟิร์ส เลิฟ 18/10 ประกันสะสมทรัพย์ออนไลน์ไซซ์เล็ก ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่เริ่มทำประกันชีวิตฉบับแรก วางแผนการเงินได้เร็วกว่า เริ่มต้นง่ายเพียงแค่ปีละ 6,000 บาท ชำระเบี้ยประกันภัยผ่านบัตรเครดิตได้ คุ้มครองยาว 18 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยเพียง 10 ปี ซื้อง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ รับประกันภัยอายุตั้งแต่ 30 วัน – 45 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยรายปี โอเชี่ยนไลฟ์ เฟิร์ส เลิฟ 18/10 ตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ต จำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ และผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ตโซน VIP จำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/savings/first-love1810 2. ประกันอุบัติเหตุ PA ดีชัวร์ แบบประกันอุบัติเหตุ สำหรับอาชีพอิสระ สบายใจคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ รวมถึงมีเงินชดเชยรายได้เมื่อนอนโรงพยาบาล รับประกันภัยบุคคลอายุตั้งแต่ 5 – 60 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยรายปี เป็นเวลา 5 ปี ประกันอุบัติเหตุ PA ดีชัวร์ ผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ต จำนวน 1 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/personal-accident/oceanlife-pa-d-sure 3. โครงการ โอชิ สมอล เฮลท์ ประกันสุขภาพไซซ์เล็ก ที่คุ้มครองครบในหนึ่งเดียว ครอบคลุมทุกความต้องการ ทั้งความคุ้มครองชีวิตและความคุ้มครองด้านสุขภาพ จะป่วยเล็กป่วยใหญ่ก็สบายใจหมดห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาล ค่าเบี้ยประกันภัยราคาสบายกระเป๋า รับประกันภัยบุคคลที่มีอายุ 16 - 70 ปี โครงการ โอชิ สมอล เฮลท์ ผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยรายปีตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ตจำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/health-insurance/ochi-small-health-package 4. ซีไอ ท็อปทรี เอ็กซ์ตร้า แบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรง ที่คุ้มครองโรคร้ายแรงที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทย ให้คนทำงานใช้ชีวิตสบายใจแบบ Extra รับประกันภัยบุคคลที่มีอายุ  35 - 60 ปีให้ความคุ้มครอง 7 โรคร้ายแรงที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนไทยสูงสุด 1,000,000 บาท คุ้มครองกรณีเสียชีวิต 50,000 บาท หากเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรับเพิ่มอีก 500,000 บาท หากไม่เคลมตลอด 3 ปี รับเงินคืน 10% ของเบี้ยประกันภัยที่ชำระสะสม ในวันครบกำหนดสัญญา ซีไอ ท็อปทรี เอ็กซ์ตร้า ผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 3,000 - 5,999 บาท  จะได้รับบัตรคอนเสิร์ต 1 ใบต่อกรมธรรม์ และผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 6,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ตจำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/health-insurance/ci-small-package 5. โอเชี่ยนไลฟ์ อีซี่ เซฟวิ่ง 11/4 ตัวช่วยในการเก็บออม(1) พร้อมลดหย่อนภาษี โดยมอบความคุ้มครองชีวิต สูงสุด 405% (ระหว่างปีกรมธรรม์ที่ 4 - 11) พร้อมรับเงินคืน 2% ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1 – 10  หากมีชีวิตอยู่จนครบสัญญาจะได้รับเงินครบกำหนดสัญญาอีก 422% รวมรับผลประโยชน์ตลอดอายุสัญญาสูงสุด 442% “โอเชี่ยนไลฟ์ อีซี่ เซฟวิ่ง 11/4”  รับประกันภัยบุคคลอายุตั้งแต่ 30 วัน – 65 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยสั้นเพียง 4 ปี รับความคุ้มครองชีวิตยาว 11 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยรายปี โอเชี่ยนไลฟ์ อีซี่ เซฟวิ่ง 11/4 ผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัยตั้งแต่ 60,000 – 99,999 บาท จะได้รับบัตรคอนเสิร์ต 1 ใบต่อกรมธรรม์ และผู้ที่ชำระเบี้ยประกันภัย 100,000 บาทขึ้นไป จะได้รับบัตรคอนเสิร์ตจำนวน 2 ใบต่อกรมธรรม์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/tax-saving/oceanlife-easy-saving114 โดยสมาชิก Ocean Club ทุกท่านต้องลงทะเบียน Ocean Connect เพื่อสามารถตรวจสอบกรมธรรม์ได้ด้วยตนเอง และรับการแจ้งเตือนชำระเบี้ยประกันภัยปีต่อ ผ่าน LINE Official: @OceanLife หรือ Ocean Club App พร้อมชำระเบี้ยผ่านช่องทางดังกล่าวได้ทันที ทั้งนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษจากพันธมิตรชั้นนำและสิทธิเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท NONTIVERSE of LOVE คอนเสิร์ตสำหรับลูกค้าและ NONTFAM ที่เลือกรับบัตรได้ 2 ทาง  ลูกค้า OCEAN LIFE ไทยสมุทร และ NONTFAM ที่เป็นสมาชิก Ocean Club สามารถเข้าร่วมคอนเสิร์ตได้ 2 ช่องทางพิเศษ ได้แก่   1. LOVE FAST TRACK สำหรับผู้ที่รักตัวเองและพร้อมวางแผนอนาคตด้วยแบบประกันชีวิต เช่น OCEAN LIFE First Love 18/10 และแบบประกันอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ จะได้สิทธิ์รับบัตรคอนเสิร์ตแบบไม่ต้องลุ้น พร้อมรับของที่ระลึกและสิทธิพิเศษ NONTFAM BENEFITS จำนวนจำกัด 2. LOVE CHALLENGE สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการร่วมกิจกรรม เพียงเข้าร่วมชาเลนจ์ “รักตัวเอง ด้วย LOVE Mindset Challenge” ผ่าน OCEAN CLUB APP และช่องทางโซเชียลของบริษัท เพื่อสะสมเหรียญ OCHI Coin แลกลุ้นบัตรคอนเสิร์ตและของรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก “นนท์ ธนนท์” รายละเอียดและขั้นตอนการเข้าร่วมกิจกรรมเปิดให้ติดตามได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 ทางเว็บไซต์และทุกช่องทางโซเชียลของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร NONTIVERSE of LOVE - NONTFAM BENEFITS OCEAN LIFE ไทยสมุทร มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า และ NONTFAM ซึ่งเป็นสมาชิก Ocean Club ที่เข้าร่วมกิจกรรม อาทิ Lanyard รักตัวเอง x NONT TANONT, บัตรแข็งและโปสเตอร์ NONTIVERSE of LOVE, ปฏิทิน 12 ways to love yourself, ผ้าห่มรักตัวเอง x NONT TANONT และสิทธิ์ถ่ายภาพกับ นนท์ ธนนท์ สำหรับโซน VIP เท่านั้น สิทธิพิเศษทั้งหมดนี้คือการขอบคุณจากใจ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ที่อยากส่งต่อพลังแห่งความรัก ให้ทุกคนได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์แห่งความสุข ความประทับใจ และแรงบันดาลใจที่จะกลับมารักและดูแลตัวเอง เพื่ออยู่กับคนที่คุณรักไปได้นานที่สุด ก้าวสู่ปีที่ 77 ด้วยพลังแห่งความรัก นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ในโอกาสที่กำลังก้าวสู่ปีที่ 77 ของการดำเนินธุรกิจภายใต้พลังความรัก เรายังคงมุ่งมั่นใช้ความรักเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ เพื่อให้ทุกคนได้อยู่กับคนที่รัก และทำสิ่งที่รักไปได้นานที่สุด และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งดี ๆ อีกมากมาย ที่ OCEAN LIFE ไทยสมุทร เตรียมมอบให้คนไทยตลอดปีแห่งการเฉลิมฉลองนี้ OCEAN LIFE ไทยสมุทรประกันชีวิต ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กร โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติ เพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคม เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Ocean Life ไทยสมุทรประกันชีวิต LINE Official: @OceanLife  เว็บไซต์ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER  1503  ข้อควรทราบ :  (1) เป็นการออมเงินในรูปแบบประกันชีวิต • โอเชี่ยนไลฟ์ เฟิร์ส เลิฟ 18/10 และ OCEAN LIFE First Love 18/10 เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันโอเชี่ยนไลฟ์ โอชิ แพลน 18/10 • โครงการโอชิ สมอล เฮลท์ (Ochi Small Health Package) เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันโอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท โพรเทคชั่น 99/99 แนบสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ สมอล เฮลท์ (Small Health) และบันทึกสลักหลังค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก (OPD) • ซีไอ ท็อปทรีเอ็กซ์ตร้า เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันโรคร้าย ท็อปทรี เอ็กซ์ตร้า • % หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินเอาประกันภัย • การคำนวณเบี้ยประกันภัยไม่คำนวณเศษเกิน และจะนำเศษเกินไปคำนวณรวมกับกรมธรรม์อื่นไม่ได้ • การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด • ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ • เบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพ สามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด • ผู้เอาประกันภัยที่ประสงค์จะนำเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องแจ้งความประสงค์และยินยอมให้บริษัทนำส่งข้อมูลเบี้ยประกันชีวิต/สุขภาพให้กรมสรรพากร • ข้อมูลในเอกสารนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัย/ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครอง ผลประโยชน์ และข้อยกเว้น ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เมื่อได้รับกรมธรรม์แล้วโปรดศึกษาเพิ่มเติม

07 Dec 2025

...

บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดย นายพุทธรักษ์ ทิพชัชวาลวงศ์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานคณิตศาสตร์ประกันภัย (ลำดับที่ 5 จากขวา) นางสาวนัทธกัญญ์ แซ่ก้วย ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ (ลำดับที่ 4 จากขวา) ร่วมมอบผ้าห่มและน้ำดื่มให้แก่ นายฉันทพัฒน์ ทิวทิพย์สกุล หัวหน้าอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จุดสน.สมเด็จเจ้าพระยา (ลำดับที่ 5 จากซ้าย) เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องชาวหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ณ สำนักงานใหญ่ บมจ.ทิพยประกันชีวิต

07 Dec 2025

...

ทิพยประกันภัยเดินหน้าต่อยอดประสบการณ์ด้านประกันภัยรถยนต์ เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “TIP MOTOR EXTRA PRO ประกันรถสุดปัง อลังการสุดโปร” ในงาน Motor Expo 2025 เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ครบวงจร พร้อมคัดสรรผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์หลากหลาย อาทิ TIP Premium Garage Plus, TIP Lady, TIP Rainbow, TIP Up to Mile และประกันรถยนต์ 2+ คุ้มทุน พร้อมทีมให้คำปรึกษา คำนวณเบี้ย และบริการต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน แคมเปญ “TIP MOTOR EXTRA PRO” มอบข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับลูกค้า อาทิ • ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูงสุด 15% สำหรับลูกค้าใหม่ • รับของสมนาคุณ รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท • ลุ้นรับรถยนต์ MITSUBISHI XFORCE รุ่น ULTIMATE มูลค่า 1,059,000 บาท • ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน • พิเศษ! ลูกค้าที่ต่ออายุประกันภัยรถยนต์ภายในงาน รับ บัตร Lotus’s มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ทิพยประกันภัยขอเชิญทุกท่านร่วมรับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะงาน Motor Expo 2025 ได้ที่บูธ V07–V08 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568

30 Nov 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ ระหว่าง ธนาคารออมสิน และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อศึกษาความเป็นอยู่และพฤติกรรมทางการเงินของกลุ่มครัวเรือนฐานรากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการเงินในระบบ ที่จะนำไปสู่การต่อยอดองค์ความรู้ จากการวิจัยในการพัฒนาระบบการเงินที่เหมาะสม ช่วยยกระดับเศรษฐกิจและความเข้มแข็งทางการเงินของภาคครัวเรือนไทย โดยมี นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่   นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ภายใต้บทบาทการเป็น Social Bank ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินและสร้างการเข้าถึงแหล่งทุนที่เป็นธรรม ธนาคารเดินหน้าภารกิจหลักที่ 1 ในการสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งหากพิจารณาจากสถานการณ์การเข้าถึงสินเชื่อของคนไทย ปัจจุบันยังพบว่าครัวเรือนกว่าร้อยละ 30 ยังอยู่ในกลุ่ม Unserved และ Underserved โดยเป็นผู้มีรายได้น้อยและ/หรือรายได้ไม่แน่นอน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบจากการขาดประวัติเครดิตทางการเงิน และกว่าครึ่งยังต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นและต้องเผชิญภาระดอกเบี้ยสูง ดังนั้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนบทบาทการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ธนาคารจึงได้จัดตั้งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจฐานรากขึ้นเป็นครั้งแรก และได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อคิกออฟงานวิจัย “โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ” โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาเป็นผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ที่ธนาคารได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2568 เพื่อปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ที่มีรายได้ แต่ไม่เคยมีประวัติเครดิตทางการเงิน หรือไม่เคยใช้บริการสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของโครงการนี้มีลักษณะตัวตน หรือ Customer Persona ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของงานศึกษาวิจัยครั้งนี้ ทั้งนี้ ธนาคารหวังว่าจะสามารถนำผลลัพธ์ของงานวิจัยไปออกแบบเครื่องมือทางการเงิน หรือมาตรการสินเชื่อที่ตรงจุด สามารถตอบโจทย์ความคาดหวัง และสร้างระบบการเงินที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs และสอดคล้องตามบทบาทของธนาคารเพื่อสังคม   ดร. โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงลึกของลูกหนี้ภายใต้โครงการ “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” ของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นต้นแบบสินเชื่อดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้แต่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบสามารถกู้เงินได้เป็นครั้งแรก โดยธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยคนไทยสร้างประวัติเครดิตทางการเงินไปแล้วกว่า 200,000 ราย สะท้อนถึงความต้องการเข้าถึงสินเชื่อในระบบที่ยังมีอยู่จำนวนมาก การศึกษาครั้งนี้จึงมุ่งขยาย “ประตูสู่ระบบการเงิน” ให้กว้างขึ้น ผ่านการเก็บข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มคนที่อยู่นอกระบบเป็นครั้งแรก ใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ปัญหาเศรษฐกิจการเงิน พฤติกรรมและความต้องการทางการเงิน 2) โมเดลผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้ลูกหนี้ชำระคืนได้จริง 3) การทดลองใช้ข้อมูลใหม่และข้อมูลทางเลือกเพื่อค้นหาตัวชี้วัดความเสี่ยงที่แม่นยำยิ่งขึ้นให้กับสถาบันการเงิน 4) การติดตามผลการเข้าถึงสินเชื่อต่อรายได้และคุณภาพชีวิตของลูกหนี้ตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม ซึ่งผลการศึกษาจะช่วยให้ธนาคารออมสินออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้ และเพิ่มโอกาสในการชำระคืน   ขณะเดียวกัน สถาบัน ฯ จะมีองค์ความรู้เชิงลึกเพื่อนำไปสนับสนุนนโยบาย Your Data และโครงการ Risk-Based Pricing ของธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงได้โปร่งใส เป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ “เคยถูกมองไม่เห็น” เข้าสู่ระบบการเงินได้มากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนงานวิจัยให้เกิดผลจริงต่อประชาชนฐานราก เสริมรากฐานระบบการเงินที่เข้าถึงง่าย ยั่งยืน และช่วยยกระดับศักยภาพและคุณภาพชีวิตของครัวเรือนไทยได้อย่างมั่นคงในระยะยาว  

30 Nov 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner