Responsive image

Tuesday, 18 Nov 2025

หน้าแรก > TECHNOLOGY - AUTO - PROPERTY


แลนดี้ โฮม ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท เปิดตัว “Landy Home Flagship Lifestyle Center” พลิกโฉมสาขาลาดพร้าวครั้งยิ่งใหญ่ ให้เป็นศูนย์รับสร้างบ้านครบวงจรแห่งอนาคต

Wed 27/07/2565


แลนดี้ โฮม ตอกย้ำความเป็นผู้นำศูนย์รับสร้างบ้านอันดับ 1 ของไทย ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท เปิดตัว Flagship Lifestyle Center (แฟล็กชิพ ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์) แห่งแรกของประเทศไทย ปรับโฉมสาขาลาดพร้าวครั้งยิ่งใหญ่ ให้เป็นศูนย์รับสร้างบ้านครบวงจรแห่งอนาคต ชูกลยุทธ์ 4E สร้างภาพลักษณ์ความพรีเมี่ยมและลักชูรี่ ควบคู่การสร้างประสบการณ์ร่วมที่ดีให้ลูกค้า ผนวกดีไซน์แบบบ้านที่มีให้เลือกมากที่สุดในไทย และนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ช่วยสร้างความสะดวกสบายและความปลอดภัย พร้อมตอบทุกโจทย์ไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในครอบครัว เร่งกวาดยอด 2,750 ล้านบาทตามเป้า ลุยขยายฐานลูกค้าครึ่งปีหลัง

 

นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า เพราะทุกวันนี้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปโดยไม่ได้คาดหวังแค่สินค้าและบริการเท่านั้น แต่ยังคาดหวังว่าจะต้องได้รับประสบการณ์ที่ดีจากแบรนด์นั้นๆ ด้วย ดังนั้นเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคนี้ แลนดี้ โฮม จึงทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท พลิกโฉมสำนักงานใหญ่ หรือสาขาลาดพร้าวใหม่ทั้งหมด ให้เป็น Landy Home Flagship Lifestyle Center ศูนย์รับสร้างบ้านครบวงจรแห่งอนาคต จะสามารถตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของทุกเจนเนอเรชั่นในครอบครัวที่มีความต้องการที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น วัยทำงาน ครอบครัว คู่แต่งงานใหม่  รวมไปถึงวัยเกษียณ  เพราะเรายึดถือว่า “ให้แลนดี้โฮม คิดแทนคุณ”  เราจึงมีโซนแบบบ้านที่หลากหลายทั้งรูปแบบ และทุกระดับราคาที่เริ่มต้นตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป จนถึงโซนบ้านหรูที่มีราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อให้ครอบคลุมและตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าแบบ 360 องศา ที่สำคัญแม้ว่าในช่วงนี้ที่ราคาของวัสดุต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ทางบริษัทฯ ยังยึดถือความซื่อตรงกับลูกค้าด้วยการใช้วัสดุดีมีคุณภาพ ไม่ลดสเปค และไม่ลดปริมาณ ลูกค้าทุกท่านจึงมั่นใจได้เต็มร้อยเมื่อสร้างบ้านกับเรา ว่าจะได้บ้านที่มีคุณภาพปลอดภัย และคุ้มค่าที่สุด

สำหรับเหตุผลที่นำร่องปรับโฉมสาขาสำนักงานใหญ่เป็นแห่งแรก เพราะเนื่องจากเป็นสาขาที่ทำยอดขายได้สูงสุดถึงปีละ 450 ล้านบาท ซึ่งคาดว่ายอดขายสาขานี้จะเติบโตขึ้นหลังจากการปรับโฉมครั้งนี้อย่างแน่นอน สำหรับยอดขายรวมของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีแรก แลนดี้โฮมมียอดขาย 1,350 ล้านบาท (คิดเป็นจากเทรนดี้ โฮม 22% จากแลนดี้ โฮมร้อยละ 44% และจากแลนดี้ แกรนด์ร้อยละ 34%) มั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะสร้างยอดขายได้ถึง 2,750 ล้านบาทตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน จากการปรับโฉมในครั้งนี้ ประกอบกับอุปสงค์ที่ขยายตัว เพราะช่วงนี้จนถึงปลายปีมีลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านกับเราเป็นจำนวนมาก ครอบคลุมทั้ง 8 เขตหลักๆ ในกรุงเทพ ได้แก่เขตลาดพร้าว จตุจักร วังทองหลาง ห้วยขวาง บางกะปิ บางซื่อ ดุสิต และพญาไท ที่สำคัญแลนดี้โฮมสาขาลาดพร้าวนี้ มีจุดเด่นตรงตั้งอยู่ใน prime area การเดินทางสะดวกสบาย ใกล้ MRT สถานีลาดพร้าว เพียง 200 เมตร หรือหากลูกค้าจะขับรถมาก็มีที่จอดรถที่รองรับลูกค้าอย่างพอเพียงอีกด้วย

 

นางสาวพรรัตน์ กล่าวเสริมว่า แลนดี้ โฮม ยึดแนวคิดการทำตลาดแบบ 4E ได้แก่ Experience นำเสนอภาพลักษณ์ และความรู้สึกดีๆ เกี่ยวกับ แลนดี้ โฮม เพื่อมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีกว่าให้ลูกค้า ทั้งสะดวกสบายกว่า และสร้างความสุขความพึงพอใจได้มากกว่า Exchange เพราะปัจจุบันลูกค้าไม่เน้นซื้อของที่ราคาถูกเป็นหลัก แต่มองถึง “ความคุ้มค่า” ดังนั้น แลนดี้ โฮม จึงให้ความสำคัญกับการสร้างความพึงพอใจระหว่างลูกค้าและแลนดี้ โฮม Everywhere แลนดี้ โฮมต้องการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด จึงสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแลนดี้ โฮมได้ทุกที่ทุกเวลา ในขณะเดียวกันก็ยังให้ความสำคัญกับการสร้างแฟล็กชิพสโตร์เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นและได้สัมผัสด้วยตนเอง เพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมที่ดีที่สุดให้เกิดขึ้นกับลูกค้า Evangelism สร้างประสบการณ์ที่ดีของ แลนดี้ โฮม ให้เกิดขึ้นซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้าง Brand royalty ให้เกิดขึ้นในใจลูกค้า เพื่อสร้างการซื้อซ้ำและบอกต่อคนใกล้ชิด

สำหรับ Landy Home Flagship Lifestyle Center แห่งนี้ ถูกแปลงโฉมให้กลายเป็นศูนย์รับสร้างบ้านในรูปแบบไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์อันทันสมัยและครบวงจร ที่จะมาสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าทุกท่าน ภายใต้แนวคิด MODERN LUXURY DESIGN ในโทนสีดำ เทา ขาว ที่เปิดกว้างต้อนรับทุกคนให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์การสร้างบ้านในแบบ แลนดี้ โฮม ที่รวมแบบบ้านมากที่สุดกว่า 300 แบบ และมีแบบบ้านใหม่ๆ มา ให้ลูกค้าทุกท่านได้เลือกให้ตรงใจ ภายในถูกขยายให้มีพื้นที่กว้างขวางขึ้นถึง 520 ตารางเมตร แบ่งเป็น 5 โซนหลักๆ ได้แก่ โซนบ้านเทรนดี้โฮม ที่มีแบบบ้านตั้งแต่ราคา 2-8 ล้านบาท โซนบ้านแลนดี้โฮม มีแบบบ้านตั้งแต่  ราคา 8-20  ล้านบาท และโซนบ้านแลนดี้แกรนด์ มีแบบบ้านตั้งแต่  ราคา 20 -60 ล้านบาท ซึ่งผู้ที่เข้ารับบริการในโซนนี้จะได้สิทธิพิเศษเข้ารับบริการใน Landy Grand Executive Lounge ห้องรับรองสำหรับลูกค้า VVIP ที่มีความหรูหราสะดวกสบาย มีบาร์เครื่องดื่มไว้คอยต้อนรับ มีแบบบ้านหรูสุดเอ็กซ์คลูซีฟใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อน   ให้ลูกค้าได้เลือกอย่างเต็มที่ พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญด้าน Product Luxury คอยให้คำปรึกษาและแนะนำแบบเฉพาะบุคคลเพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และลูกค้ายังสามารถปรับแบบและดีไซน์แบบให้เหมาะสำหรับทุกความต้องการของผู้ที่อยู่อาศัยทุกคนในครอบครัว เรียกได้ว่า “เราสร้างบ้านที่บ่งบอกเอกลักษณ์และความเป็นตัวตนของคุณ“ อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ยังมีโซน CAP+ ที่ลูกค้าทุกคนจะได้มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย CAP+ หรือนวัตกรรมการเติมอากาศบริสุทธิ์เข้าในบ้าน ลดฝุ่น PM2.5 ที่เป็นตัวการเกิดโรคภูมิแพ้ ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รักษาระดับก๊าซออกซิเจนให้คงที่ ช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพ และมีส่วนช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมองของลูกน้อย ซึ่งในโซนนี้จะมี CAP+ Capsule จำลองห้องเติมอากาศเสมือนจริงให้ลูกค้าลองเข้าไปอยู่ภายในและสามารถเปรียบเทียบปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในห้องระหว่างห้องที่ใช้ CAP+ และไม่ใช้ ซึ่งแลนดี้ โฮมได้ติดตั้ง CAP+ ให้กับบ้านในแบรนด์เทรนดี้ โฮม แลนดี้ โฮม และแลนดี้ แกรนด์ทุกหลัง เพราะเราคำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ดีและความปลอดภัยของสมาชิกครอบครัวเป็นสำคัญ รวมทั้งยั้งมีโซนวัสดุ ที่จะมีวัสดุหลากหลายครบครัน รวมทั้งวัสดุนำเข้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้ลูกค้าได้เลือกอย่างจุใจมากกว่าทุกสาขา ทำให้มั่นใจว่าจะได้บ้านตามที่ลูกค้าต้องการแม้ว่าจะเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม ที่พิเศษสุดนอกจากที่นี่จะเป็นไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์แล้ว ยังจัดให้เป็น Learning Center ด้วย ถือได้ว่าแลนดี้ โฮมเป็นบริษัทฯ แรกที่ทำ Learning Center เพื่อจัดสัมมนาให้ความรู้ด้านต่างๆ เกี่ยวกับบ้านให้กับผู้ที่สนใจอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส อาทิ ให้ความรู้ด้านการขอสินเชื่อบ้าน, การออกแบบบ้านให้ถูกตามหลักฮวงจุ้ย โดยจะมีการเชิญกูรูเฉพาะทางด้านต่างๆ เข้ามาให้ความรู้ เช่น ธนาคารต่างๆ ซัพพลายเออร์ รวมทั้งซินแซชื่อดัง เป็นต้น

เพื่อเป็นการฉลองการเปิด Landy Home Flagship Lifestyle Center อย่างเป็นทางการ แลนดี้ โฮมจึงจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษตลอดเดือนนี้ ได้แก่ รับส่วนลดสร้างบ้านสูงสุดถึง 33%, จองเท่าไรลดเท่านั้นสูงสุด 300,000 บาท*, รับเพิ่มแอร์ฟรี และโปรโมชั่นที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย

ด้าน นายพานิช มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าที่แลนดี้ โฮม เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย โดยนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ และนวัตกรรมอัจฉริยะ เพื่อคุณภาพการอยู่อาศัยที่เหนือกว่า ประกอบด้วย นวัตกรรมเติมอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในตัวบ้าน CAP+ ควบคุมคุณภาพและสร้างสมดุลอากาศภายในตัวบ้าน จะช่วยให้เกิดสภาวะการนอนหลับที่มีคุณภาพ และสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัยทุกคน นวัตกรรม NOVA SYSTEM ระบบก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูปที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่แลนดี้ โฮม คิดค้นและพัฒนามาจากเทคโนโลยีการก่อสร้างของประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีความแข็งแรง และคงทนมากขึ้น เพื่อลดปัญหาและหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของระบบก่อสร้างแบบหล่อในที่เคยมีมาในอดีต CP Design นวัตกรรมบ้านปลอดแมลงสาบ สร้างสุขอนามัยที่ดีและปลอดเชื้อโรคจากแมลงสาบ โดยตัดเส้นทางเข้าออก และวงจรชีวิตแมลงสาบได้เกือบ 100%, เน้นการออกแบบและจัดระบบสุขาภิบาลที่ทันสมัย และไม่ใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อครอบครัว

รวมทั้ง Landy Elder Care นวัตกรรมบ้านเพื่อผู้สูงอายุ แลนดี้ โฮม ให้ความสำคัญในการออกแบบฟังก์ชั่นในการป้องกันและลดอุบัติเหตุ พร้อมคัดสรรวัสดุและสุขภัณฑ์ชนิดพิเศษ เพื่อรองรับความต้องการและข้อจำกัดด้านสุขภาพและร่างกายของกลุ่มผู้สูงอายุ Landy Home Cooling นวัตกรรมบ้านเย็นอยู่สบาย ใส่ใจในการออกแบบคัดสรรวัสดุคุณภาพที่มีคุณสมบัติระบายความร้อน พร้อมปกป้องแสงแดดได้เป็นอย่างดี ประกอบไปด้วยการใช้สี ICI DULUX WEATHERSHIELD POWERFLEXX, แผ่นสะท้อนความร้อน, ฉนวนกันความร้อน, มีการวางระบบระบายความร้อนฝ้าชายคา และใช้กระจกเขียวตัดแสงหนา 5 มม. สิ่งเหล่านี้คือนวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยใหม่ๆ ที่ทางแลนดี้ โฮม มุ่งมั่นและคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดในทุกๆ องค์ประกอบ เพื่อประโยชน์และความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทุกคน


Tags : แลนดี้ โฮม พรรัตน์ มณีรัตนะพร พานิช มณีรัตนะพร


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

กรุงเทพฯ, 17 พฤศจิกายน 2568 – เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัว “AIA Vitality รูปแบบใหม่ เพื่อทุกก้าวของสุขภาพ” และร่วมฉลองในโอกาสครบรอบ 10 ปี AIA Vitality ในประเทศไทย ที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์ใหม่ในรูปแบบ ‘ไวทัลลิตี้ โบนัส’ ให้โบนัสเงินคืนตามสถานะไวทัลลิตี้ สูงสุดถึง 20% ของเบี้ยประกันภัยมาตรฐานในแต่ละปีกรมธรรม์[1] เริ่มตั้งแต่ปีกรมธรรม์แรกโดยไม่ต้องรอสะสมคะแนน อีกทั้งยังมากับแรงจูงใจที่อยากให้สมาชิกดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องด้วยของรางวัลประจำเดือน[2] (Monthly Reward) ที่ยกขบวนความฟินมาเสิร์ฟให้สมาชิกแบบจุก ๆ ทุกเดือน ทั้งบัตรชมภาพยนตร์ สตรีมมิ่งออนไลน์ บริการนวด กาแฟ สมูทตี้ผักผลไม้ และอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งสมาชิกสามารถเลือกรับของรางวัลได้ทุกเดือน รวมถึงสิทธิประโยชน์จากพาร์ทเนอร์ชั้นนำต่าง ๆ อีกมากมาย ตอกย้ำถึงพันธกิจที่เอไอเอมุ่งสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’   นอกจากนี้ ยังได้ “หมาก ปริญ สุภารัตน์” AIA Vitality Ambassador มาร่วมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ที่มากับรูปแบบใหม่ของ AIA Vitality ให้สมาชิกได้สนุกมากขึ้นกับการดูแลสุขภาพเพื่อรับไวทัลลิตี้ โบนัส และของรางวัลทุกเดือน ยิ่งสะสมคะแนนได้สูง ยิ่งเลือกของรางวัลได้มาก พร้อมชวนคนไทยมาเปลี่ยนสถานะ (AIA Vitality Status) ไปด้วยกัน เพื่อสุขภาพที่ดีในแบบที่คุณชอบทำ   นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่าทศวรรษนับตั้งแต่เราเปิดตัว AIA Vitality ในประเทศไทย พันธกิจของเรายังคงชัดเจนเสมอมา นั่นคือเราต้องการส่งมอบโครงการสุขภาพที่มีพื้นฐานจากวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้สนุกกับการดูแลสุขภาพ โดยมีเอไอเอคอยอยู่เคียงข้างและสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนไปถึงเป้าหมายในการมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น จนทำให้ปัจจุบัน AIA Vitality เป็นโครงการสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีสมาชิกมากกว่า 900,000 คนทั่วประเทศ[3] ความสำเร็จของ AIA Vitality ไม่ได้เกิดจากเป้าหมายที่ชัดเจนเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากความร่วมมือที่ดีจากพันธมิตรของเรา ซึ่งช่วยกันสร้างระบบนิเวศด้านสุขภาพที่ครอบคลุมที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และจากที่เรามีสมาชิกเป็นจำนวนมาก เราจึงเข้าใจดีถึงความหลากหลาย ซึ่งสมาชิกแต่ละคนมีความสนใจด้านสุขภาพและแนวทางในการดูแลตัวเองแตกต่างกัน ฉะนั้นแรงจูงใจที่เราจะชวนให้เขาเริ่มต้นดูแลสุขภาพและสร้างนิสัยสุขภาพดีจึงต้องหลากหลายด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของ AIA Vitality รูปแบบใหม่ ที่เราได้ปรับสิทธิประโยชน์ให้เหมาะและสอดคล้องกับเป้าหมายด้านสุขภาพของแต่ละคน อีกทั้งยังสอดรับกับแนวคิด ‘Rethink Healthy’ ที่เอไอเอมุ่งส่งเสริมให้ผู้คนเริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต เรามั่นใจว่า AIA Vitality รูปแบบใหม่นี้จะสามารถเข้าถึงทุกคน และกลายเป็นพาร์ทเนอร์ด้านสุขภาพที่จะช่วยสนับสนุนในสมาชิกทุกคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน”     นางสาวชลิดา นครชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย เผยว่า “AIA Vitality นับเป็น Game Changer ในตลาดประกันสุขภาพของประเทศไทย นับตั้งแต่เอไอเอเปิดตัว AIA Vitality เมื่อปี 2559 เราถือเป็นประกันชีวิตเจ้าแรกที่ให้ส่วนลดเบี้ยประกันจากการดูแลสุขภาพ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อมุ่งเน้นการป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ผ่านการสนับสนุนให้คนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพแบบยั่งยืน และจนถึงวันนี้เราได้พัฒนาโปรแกรมมาเรื่อย ๆ ทั้งในส่วนของแพลตฟอร์ม รวมถึงสิทธิประโยชน์และของรางวัล เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ที่เราได้มาเป็นที่พอใจอยากยิ่ง จากดัชนีชี้วัดค่าสุขภาพที่ดีขึ้นของสมาชิกไวทัลลิตี้[4] ตัวอย่างเช่น สมาชิกที่มีการดูแลสุขภาพในโครงการ 2 ปีขึ้นไปมีดัชนี BMI (Body Mass Index) ดีขึ้น 22% ความดัน ดีขึ้น 49% คอเรสเตอรอล ลดลง 28% และระดับน้ำตาล ลดลงถึง 65% นอกจากนี้ สถิติที่น่าทึ่งของสมาชิกไวทัลลิตี้ที่เราพบคือ สมาชิกของเราตรวจสุขภาพและรับวัคซีนรวมแล้วกว่า 1 ล้านครั้ง ใช้เวลาในการออกกำลังกายแล้วกว่า 17.5 ล้านชั่วโมง เดินรวมกันแล้วกว่า 122 พันล้านก้าว ซึ่งเท่ากับประมาณ 98 ล้านกิโลเมตรเทียบเท่ากับการเดินรอบโลกมากกว่า 2,400 รอบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโปรแกรม AIA Vitality ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านสุขภาพให้แก่ผู้คนเป็นจำนวนมากได้อย่างแท้จริง “และในปีนี้เป็นโอกาสพิเศษครบรอบ 10 ปีของ AIA Vitality เราจึงมีการปรับรูปแบบสิทธิประโยชน์ของลูกค้าให้ง่าย เร็ว และมากขึ้น โดยลูกค้าที่สุขภาพดีจะมีเงินคืนตั้งแต่ปีแรกในรูปแบบ ‘ไวทัลลิตี้ โบนัส’ สูงสุด 20% สำหรับแบบประกันโรคร้ายแรง และสูงสุด 15% สำหรับแบบประกันสุขภาพ นอกจากนี้ยังสร้างจูงใจให้ลูกค้าดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องด้วย ‘ของรางวัลรายเดือน’ ที่สามารถกดรับได้เองทุกเดือนผ่านแอป AIA+ ยิ่งมีคะแนนสูง ยิ่งเลือกของรางวัลได้มาก ซึ่งเราจัดของรางวัลจากพันธมิตรชั้นนำมาให้อย่างหลากหลาย  เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกในแบบที่ใช่สำหรับตัวเอง “สำหรับเอไอเอ ในฐานะผู้นำตลาดประกันชีวิต สุขภาพ และโรคร้ายแรง เรามั่นใจว่า AIA Vitality รูปแบบใหม่นี้ นับเป็นครั้งแรกอีกครั้งสำหรับตลาดประกันสุขภาพของไทยที่ลูกค้าได้รับโบนัสเงินคืนจากการมีสุขภาพดี ตอกย้ำถึงเป้าหมายของเอไอเอ ในการมุ่งสนับสนุนให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมผ่านโครงการสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย”   ด้านการประชาสัมพันธ์ไปสู่ลูกค้าทั่วประเทศ เอไอเอ ได้ส่งภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ที่ยังคงได้ “หมาก ปริญ สุภารัตน์” AIA Vitality Ambassador กลับมาอีกครั้งในเวอร์ชันอัพเกรด โดย นางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “โฆษณาชุดนี้เราต้องการสื่อสารให้โดนใจลูกค้ามากที่สุด ให้เห็นเลยว่าวันนี้ AIA Vitality รูปแบบใหม่ มีอะไรที่ใหม่ และมากกว่าเดิมบ้าง ลูกค้าดูแล้วจะเข้าใจได้เลยว่าได้อะไรที่มากขึ้นและเป็นสิ่งที่จับต้องได้กับสิทธิประโยชน์ที่เราเตรียมไว้ให้แบบเยอะมาก ๆ ทั้งไวทัลลิตี้ โบนัส และของรางวัลรายเดือนที่เพิ่มเข้ามาใหม่ให้ลูกค้าเลือกรับของรางวัลได้ทุกเดือนตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง และแน่นอนว่าเห็นโฆษณา AIA Vitality ต้องเห็นคุณหมาก ปริญ ซึ่งทุกวันนี้คุณหมากเป็นมากกว่า Brand Ambassador แต่เป็น AIA Vitality Partner เพราะเป็นลูกค้าตัวจริงและอยู่กับเรามานานกว่า 8 ปีแล้ว ดังนั้นไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าคุณหมากที่จะถ่ายทอดเรื่องราวให้ทุกคนสนุกไปกับ AIA Vitality รูปแบบใหม่ เพื่อทุกก้าวของสุขภาพในแบบที่คุณชอบทำ เช่น บางคนชอบออกไปวิ่งในสวนสาธารณะ บางคนชอบทำอาหารสุขภาพทานเอง บางคนชอบแค่คาร์ดิโออยู่ที่บ้าน หรือแม้แต่ชอบนอนหลับพักผ่อน ทุกกิจกรรมล้วนดีต่อสุขภาพทั้งกายและใจ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มคะแนนไวทัลลิตี้ ให้ทุกคนได้เลื่อนสถานะเพื่อได้รับสิทธิประโยชน์ที่มากขึ้นอีกด้วย “สำหรับโฆษณาชุดใหม่นี้ ทุกคนจะได้เห็นทั้งในโทรทัศน์ บนสื่อออนไลน์ และสื่อ Out of Home ทั่วประเทศ อีกทั้งเรายังเน้นสื่อบนรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดิน เนื่องจากเราอยากให้ AIA Vitality ได้อยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน ตื่นเช้ามาเดินทางไปทำงาน ไปทำธุระต่าง ๆ ก็จะได้เห็นคุณหมาก ปริญ ไปกับคุณด้วยทุกวัน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนเริ่มต้นดูแลสุขภาพ โดยเริ่มวันละนิด ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตวันละหน่อย เชื่อได้ว่าทุกคนจะสามารถสร้างผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่ดีขึ้นแบบยั่งยืนได้อย่างแน่นอน”   ติดตามรับชมภาพยนตร์โฆษณา “AIA Vitality รูปแบบใหม่ เพื่อทุกก้าวของสุขภาพ” ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ผ่านช่องทางออนไลน์ของเอไอเอ ประเทศไทย ทั้ง Facebook, Instagram, YouTube, TikTok และสื่อประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ หรือคลิกลิงก์ https://youtu.be/eayDsmdecIA สำหรับผู้ที่สนใจโครงการ AIA Vitality รูปแบบใหม่ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.aia.co.th/th/health-wellness/vitality   หมายเหตุ:  [1] สิทธิประโยชน์กรมธรรม์และเงื่อนไขขึ้นอยู่กับแบบประกันที่เข้าร่วมโครงการ AIA Vitality หากไม่มีการเคลม [2]บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข และมูลค่าของรางวัลต่อรอบกิจกรรม ทั้งนี้บริษัทจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วันผ่านทางแอปพลิเคชัน AIA+ หรือช่องทางสื่อสารของบริษัท [3] ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 [4] ข้อมูลจากการตรวจสุขภาพของสมาชิก AIA Vitality ที่อยู่ในโปรแกรมมาแล้วอย่างน้อย 2 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2568  

18 Nov 2025

...

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ชวนรับชมรายการ "Once Upon BAAC Time" รายการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agro Tourism) ที่จะลงพื้นที่บุกชุมชนของลูกค้า ธ.ก.ส. ด้วยการนำเสนอในรูปแบบวิดีโอ VLOG จำนวน 3 ตอน ที่สะท้อนถึงการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด ‘เรียนรู้ สนุก ลงมือทำจริง’ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ในการเข้าถึงการทำเกษตรยุคใหม่ พร้อมผลักดันสินค้าเกษตรไปสู่การรับรู้ในวงกว้าง เพื่อตอกย้ำบทบาทและหน้าที่ในการพัฒนาภาคเกษตรของ ธ.ก.ส. เจาะกลุ่มผู้ชมยุคใหม่เรียนรู้การลงพื้นที่จริง   โดยมีนายไพศาล หงษ์ทอง รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. พร้อมด้วยวง PROXIE ได้แก่ กร วรรณไพโรจน์ , โชกุน - ปวริศร์ ศรีชัยชนะ, อองรี - ออสการ์ เอ็ดเวิร์ด วัตราเศรษฐ์, กัน - รัชชานนท์ เรือนเพ็ชร์, วิคเตอร์ - วรเมธ อนุประพันธ์ และคิม - ปัณณธร จิรศาสตร์ ในโอกาสนี้ ขอเชิญมาร่วมสัมผัสเสน่ห์เฉพาะตัวของทั้ง 3 ชุมชน ประกอบด้วย     ตอนที่ 1 Lemon Me Farm จ.นครปฐม ฟาร์มเลมอนและคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสประสบการณ์การปลูกเลมอนที่เต็มไปด้วยคุณภาพ สะอาดและปลอดภัย   ตอนที่ 2 Air Orchid Farm จ.นครปฐม สวนกล้วยไม้ครบวงจร พื้นที่กว่า 200 ไร่ ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาสายพันธุ์ กล้วยไม้ในห้องแล็บภายใต้โรงเรือนและการเพาะเลี้ยงที่ได้คุณภาพ และมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices)   และตอนที่ 3 ไร่สุขพ่วง จ.ราชบุรี แหล่งเรียนรู้ด้านเกษตรอินทรีย์แบบครบวงจรที่มีวิธีการจัดการแปลงแบบฮูกูลคัลเจอร์ (Hugelkultur) หรือการปลูกพืชบนพื้นดิน และยังมีการต่อยอดการจำหน่ายผลผลิตผ่านการจัดตลาดสุขพ่วง พ่วงสุข   โดยสามารถติดตามรายการ "Once Upon BAAC Time" ได้ทาง YouTube : BAAC Thailand https://www.youtube.com/watch?v=OBViI6FXteY&list=PL7gIwMaiyiX7fsS4XaslxV8p11DR6nniu และ ติดตามข่าวสารผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆ จาก ธ.ก.ส. ได้ที่ Facebook : ธกส BAAC Thailand LINE : @baacfamily Instagram : @baacthailand X : @baacthailand และ TikTok : @baacthailand

15 Nov 2025

...

นางสาววชิรา การสุทธิ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มการตลาดเพื่อความยั่งยืน เป็นประธานเปิดกิจกรรม School Trip ในโครงการธนาคารโรงเรียน ธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ธนาคารจัดขึ้นเพื่อมอบเป็นสิทธิพิเศษสำหรับสถานศึกษาที่มีผลการดำเนินงานส่งเสริมการออมดีเด่น สามารถจูงใจให้นักเรียนนักศึกษามีปริมาณการออมเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2568 นี้ ธนาคารจัดเส้นทางทัศนศึกษาโดยรถไฟขบวนพิเศษจากกรุงเทพฯ สู่แหล่งท่องเที่ยว อำเภอหัวหิน เพื่อให้นักเรียนและอาจารย์ของสถานศึกษาได้ร่วมกิจกรรมสันทนาการ เสริมทักษะทางสังคม และการทำงานเป็นทีม ผ่านฐานกิจกรรมสุดสนุกและสร้างสรรค์   พร้อมทั้งเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ทางการเงิน GSB Learning Center ที่ธนาคารออมสินริเริ่มจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจด้านการเงินและการออมแก่เยาวชน โดยมี "โค้ชการเงินมืออาชีพ" (Certified Money Coach by GSB หรือ CMC by GSB) จากธนาคารออมสิน มาร่วมถ่ายทอดความรู้และสร้างสีสันการเรียนรู้ด้านการเงินและการออมตลอดทริป ณ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ ธนาคารออมสินมุ่งสานต่อภารกิจส่งเสริมการออมด้วยการสร้างเยาวชนนักออมอย่างต่อเนื่อง เพื่อปลูกฝังวินัยการเงินตั้งแต่วัยเรียนและสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนเป็นต้นแบบสู่สังคมแห่งการออมในอนาคต   สถานศึกษาใดสนใจเข้าร่วมโครงการธนาคารโรงเรียน ธนาคารออมสิน สามารถสมัครได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายส่งเสริมการออมและ CSR ธนาคารออมสิน โทร. 0 2299 8000 ต่อ 810712-3    

09 Nov 2025

...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ขอเชิญร่วมงาน YWCA Diplomatic Charity Bazaar ครั้งที่ 70 งานชอปสินค้านานาชาติเพื่อการกุศลที่รวมกว่า 200 ร้านค้า และกว่า 40 สถานทูตจากทั่วโลก พบกับบูทกรุงเทพประกันภัย (บูท D46) ที่นำเสนอหลากหลายแผนประกันภัยให้เลือกตามความต้องการ พร้อมรับโปรโมชันสุดพิเศษ ได้ที่ CentralWorld Pulse ชั้น 7 ในวันที่ 6 – 9 พฤศจิกายน 2568   นอกจากนี้ บริษัทฯ ขอเชิญร่วมงานไทยเที่ยวนอก ครั้งที่ 5 งานท่องเที่ยวสุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี พบกับโปรโมชัน “3 ต่อสุดคุ้ม” สำหรับนักเดินทางที่รักการท่องเที่ยว - ลดสูงสุด 18% สำหรับประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ - รับฟรี Starbucks Card มูลค่า 100 บาท เมื่อซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ ครบทุก 500 บาท (สูงสุด 800 บาท) - พร้อมของสมนาคุณเพิ่มเติมภายในงาน พิเศษสำหรับผู้รักการดำน้ำ บริษัทฯ นำเสนอแผนประกันภัยนักดำน้ำ — ประกันภัยเพื่อการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ออกแบบสำหรับนักดำน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งกรุงเทพประกันภัยเป็นรายแรกในประเทศไทยที่เสนอผลิตภัณฑ์นี้ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยใต้ท้องทะเล โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาด้านประกันภัยอย่างใกล้ชิด พบกับกรุงเทพประกันภัยได้ที่บูท M44 – M45 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 5 – 6 ชั้น LG ในวันที่ 6 – 9 พฤศจิกายน 2568  

08 Nov 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner