Responsive image

Saturday, 19 Jul 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME /ธุรกิจ-การตลาด-ขายตรง-เอสเอ็มอี


การท่องเที่ยวปีนังร่วมกับเคทีซี จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ “เปิดโลกปีนังกับสิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7”

Sun 31/07/2565


การท่องเที่ยวปีนังร่วมกับเคทีซีจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ “เปิดโลกปีนังกับสิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7” สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวปีนังที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักเดินทางทั่วโลกที่แสวงหากิจกรรมสุดท้าทาย กับ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในปีนัง ประกอบด้วย  1) สไลเดอร์น้ำกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก 2) เขตรักษาพันธุ์ผีเสื้อและแมลงเขตร้อนแห่งแรกของโลก 3) สะพานเชือกแขวนท่ามกลางป่าฝนที่สูงที่สุดในโลก 4) สไลเดอร์แนวตั้งแบบลอยตัวแห่งแรกของโลก 5) กิจกรรมโหนสลิงที่สูงที่สุดในโลก 6) ทางเดินลอยฟ้าแบบโค้งแห่งแรกของโลก และ 7) เส้นทางรถรางผ่านอุโมงค์ที่ชันที่สุดในโลก ทั้งนี้ ปีนังพร้อมเปิดรัฐต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยให้เดินทางไปปีนังได้อย่างสะดวกสบาย โดยมี “เคทีซี” พันธมิตรด้านการท่องเที่ยวรายใหญ่มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกบัตรฯ บินตรงกับไทยสมายล์ในราคาพิเศษและให้การสนับสนุนเรื่องบริการตลอด 24 ชั่วโมงผ่านช่องทาง KTC World Travel Service

นายโยว ซุน ฮิน มนตรีแห่งรัฐปีนังด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่า “หลังวิกฤตโควิด 19   เทรนด์การท่องเที่ยวได้เปลี่ยนไป โดยเน้นความเป็นส่วนตัวและให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยและความรับผิดชอบมากขึ้น ปีนังจึงได้มีการปรับกลยุทธ์ดังนี้ 1) ปรับวิสัยทัศน์ใหม่: ปีนังในปี 2030 จะเปรียบเสมือนครอบครัวที่พร้อมต้อนรับทุกคน โดยยังยึดถือความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และนำเสนอการท่องเที่ยวที่ทั้งเป็นส่วนตัวและปลอดภัย 2) ปลดล็อกมาตรการการเดินทางเข้าประเทศ: นักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่บริเวณนอกอาคาร (Outdoor) ไม่ต้องขอวีซ่า และไม่ต้องตรวจ RC-PCR ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกสบายที่สุดในการเดินทาง 3) มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว: ปีนังได้จัดเตรียมแหล่งท่องเที่ยวซึ่งอุดมไปด้วยความหลากหลายด้านวัฒนธรรมที่ต่างกันไปตามความต้องการของแต่ละกลุ่มนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างความรู้สึกประทับใจและประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน และ 4) สานสัมพันธ์กับผู้ประกอบการและพันธมิตร: ปีนังได้สร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับสมาคม สายการบิน ตัวแทนท่องเที่ยว และสื่อมวลชนในประเทศไทย รวมถึงได้ร่วมมือกับ “เคทีซี” ซึ่งถือเป็นพันธมิตรหลักอย่างเป็นทางการ เพื่อนำเสนอแพ็คเกจและโปรโมชันต่างๆ ให้กับสมาชิกบัตรอีกด้วย”  

นายอุย ชอค เยียน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการท่องเที่ยวปีนัง กล่าวว่า “แนวโน้มการท่องเที่ยวได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยนักท่องเที่ยวจะเน้นความเป็นส่วนตัว และพยายามค้นหาเป้าหมายในชีวิตเนื่องจากได้ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตระหว่างช่วงแพร่ระบาดของโควิดเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวปีนังจึงใช้หลักจากเทรนด์ดังกล่าว ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเข้าใจความต้องการของตัวเองมากขึ้นผ่านความท้าทายที่จะช่วยก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้ กับแคมเปญ “เปิดโลกปีนังกับสิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7” ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย สนุกสนานและน่าสนใจ  ซึ่งประกอบด้วย    1) “Escape Penang” สไลเดอร์น้ำกลางแจ้งที่ยาวที่สุดในโลก ได้รับการบันทึกโดย Guinness World Records โดยมีท่อน้ำสไลด์ที่ยาวถึง 1,111 เมตร 2) “Entopia by Penang Butterfly Farm” เขตรักษาพันธุ์ผีเสื้อและแมลงเขตร้อนแห่งแรกของโลก แหล่งรวมสายพันธุ์ผีเสื้อเขตร้อนที่บินอย่างเป็นอิสระมากกว่า 15,000 ตัว 3) “The Habitat Penang Hill” สะพานเชือกแขวนที่สูงที่สุดในโลก รองรับด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำที่ทำให้สะพานความยาว 230 เมตรท่ามกลางป่าฝนอายุ 130 ล้านปีนี้มีความปลอดภัยขั้นสูงสุด 4) “Tech Dome Penang” สไลด์เดอร์แนวตั้งแบบลอยตัวแห่งแรกของโลก จากศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์เรื่องแรงและการเคลื่อนไหว 5) “The Gravityz” กิจกรรมโหนสลิงที่สูงที่สุดในโลก จากชั้นที่ 65 ของตึก KOMTAR ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของปีนัง 6) “The TOP’s Rainbow Skywalk” ทางเดินลอยฟ้าแบบโค้งแห่งแรกของโลก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 816 ฟุต และ 7) “Penang Hill” เส้นทางรถรางผ่านอุโมงค์ที่ชันที่สุดในโลก เพื่อชื่นชมความงดงามทางธรรมชาติ”

นางสาวเจนจิต ลัดพลี ผู้อำนวยการ - การตลาดเพื่อการท่องเที่ยวและสันทนาการ “เคทีซี” หรือ บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากการที่ประเทศไทยเริ่มเปิดประเทศให้ประชาชนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้เป็นปกติตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สัดส่วนการใช้จ่ายของสมาชิกผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดการเดินทางท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เคทีซีได้เล็งเห็นถึงพฤติกรรมของนักเดินทางที่เปลี่ยนแปลงไป ได้แก่ ความสนใจที่จะใช้บริการกับบริษัทนำเที่ยวมากขึ้น พร้อมที่จะเสียค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อแลกกับความสะดวกสบาย รวมถึงความสนใจการท่องเที่ยวแบบวิถีชุมชนและการท่องเที่ยวแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นกระแสที่มาแรง ปีนังจึงถือเป็นจุดหมายที่มีความน่าสนใจและตอบโจทย์ตามความต้องการของนักท่องเที่ยว เพราะขั้นตอนการเดินทางสะดวกสบาย ไม่ต้องทำวีซ่าและมีไฟลท์บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่ปีนัง อีกทั้งเมื่อปีนังได้เปิดตัวแคมเปญ “เปิดโลกปีนังกับสิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7” ก็จะยิ่งเสริมให้นักท่องเที่ยวสนใจเพราะจะได้รับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร”

“เคทีซีได้รับความไว้วางใจจากการท่องเที่ยวปีนังให้เป็นพันธมิตรหลักเพื่อช่วยสนับสนุนด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ เคทีซีจึงได้ร่วมกับสายการบินไทยสมายล์มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีเมื่อบินตรงสู่ปีนังกับสายการบินไทยสมายล์ ดังนี้ 1) ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-ปีนัง ในราคาเริ่มต้นเพียง 6,965 บาท โดยสามารถเดินได้ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2565 – 29 ตุลาคม 2565  2) เมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินเป็นคู่รับส่วนลดเพิ่มทันที 1,000 บาท และ 3) สมาชิกสามารถนำคะแนน KTC FOREVER ทุกๆ 1,000 คะแนน แลกรับส่วนลด 130 บาท ในการจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และบัตรเข้าชมแหล่งท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2565 – 31 ตุลาคม 2565 โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ KTC WORLD Travel Service (บริการตลอด 24 ชั่วโมง) โทรศัพท์ 02 123 5050 และไลน์ @KTCWORLD โดย KTC World Travel Service พร้อมจะอำนวยความสะดวกในการให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยว การจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม รถเช่า และบัตรเข้าชมสถานที่ต่างๆ ในปีนังอย่างครบวงจร”

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC WORLD โทรศัพท์ 02 123 5050 ไลน์ @KTCWORLD  หรือเว็บไซต์: www.ktcworld.co.th


Tags : เคทีซี KTC บัตรกรุงไทย เคทีซีเปิดตัวแคมเปญเปิดโลกปีนัง เปิดโลกปีนังกับสิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 7


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดย นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อเร็ว ๆ นี้      

14 Jul 2025

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner