Responsive image

Wednesday, 03 Dec 2025

หน้าแรก > SOCIETY / ภาพข่าว - สังคม - CSR


OCEAN LIFE ไทยสมุทร ผนึกพลังความรัก ชูนโยบาย “Sustainable with Love” ขับเคลื่อนธุรกิจพร้อมความยั่งยืน สร้างสรรค์โลกที่มั่นคงให้คนรุ่นต่อไป

Wed 14/09/2565


บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) ตระหนักดีว่าโลกกำลังเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ รอบด้าน ทั้งวิกฤตโรคระบาด เศรษฐกิจการเมืองระดับโลก การขาดแคลนทรัพยากร ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สร้างผลกระทบมากขึ้นทุกที ในฐานะที่บริษัทอยู่ในวงการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความเสี่ยง สร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับประชาชน จึงเป็นหน้าที่ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจไปพร้อมกับความรับผิดชอบถึงผลกระทบทุกด้านที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของคนรุ่นต่อไป ดังนั้น OCEAN LIFE ไทยสมุทร จึงได้เดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันสร้างอนาคตที่มั่นคงปลอดภัยสำหรับทุกคน ด้วยการประกาศนโยบายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน “Sustainable with Love รักคือพลังสร้างความยั่งยืน” ให้สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs) และได้ Kick Off กิจกรรมแรกอย่างเป็นทางการ ด้วยโครงการ OCEAN LIFE Plant with Love ร่วมปลูกต้นไม้ 2,000 ต้นเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับกรุงเทพมหานคร โดยในลำดับต่อไปบริษัทจะขยายไปสู่พื้นที่ต่าง ๆ ที่เรามีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดโลกร้อน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่ต้องรีบแก้ไขอย่างเร่งด่วน พร้อมเผยผลการดำเนินงานใน 7 เดือนของปี 2565 (มกราคม – กรกฎาคม 2565) สามารถสร้างกำไรสุทธิ 1,013 ล้านบาท มีรายได้จากเบี้ยประกันชีวิตรับรวม 8,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3%

“ความรัก” หัวใจสำคัญในการเอาชนะวิกฤต

จากความจริงที่ว่าการทำประกันชีวิต มีจุดเริ่มต้นจากความรักที่มีต่อครอบครัว ต่อบุคคลอันเป็นที่รัก หรือต่อตนเอง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา OCEAN LIFE ไทยสมุทร ได้ใช้ความรักเป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ เริ่มจากการรักในธุรกิจที่ทำเพราะเชื่อว่าเป็นธุรกิจที่ดีก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้คน ต่อยอดทำให้เกิดความรักในอาชีพ รักเพื่อนร่วมงาน และที่สำคัญคือการส่งต่อความรักที่ไปยังลูกค้าของเรา โดยการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงภาวะวิกฤตทำให้คุณค่าของความรักเด่นชัด จนเราตกผลึกเป็นคำว่า LOVE MINDSET ประกอบด้วยรัก 3 ด้าน คือ รักสุขภาพ Love Your Health สุขภาพดี พร้อมรับมือกับโรคภัย รักการออมและวางแผนการเงิน Love Your Wealth วางแผนการเงินดี มีเงินสำรอง พร้อมรับมือกับทุกวิกฤต  รักโลกและสังคม Love the World สร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ดูแลโลกและสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ ทั้งหมดนี้เพื่อสนับสนุนการใช้ความรักเป็นพลังดำเนินชีวิตของคนไทยให้พร้อมเผชิญหน้าโลกวิถีใหม่ สามารถรับมือและก้าวผ่านวิกฤตได้ทั้งในวันนี้และอนาคต

ต่อยอดพลังความรักสู่ 3 เสาหลัก และ 2 พลัง สร้างความยั่งยืน

            ด้วยความเชื่อในพลังความรักดังกล่าว เราจึงต่อยอดจาก LOVE MINDSET ใช้ความรักเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กร ภายใต้แนวคิด Sustainable with Love” รักคือพลังสร้างความยั่งยืน ประกอบด้วย 3 เสาหลัก

1. Health – สุขภาพที่ยั่งยืน โดยเราเริ่มต้นจากภายในองค์กร ด้วยการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับบุคลากร ด้วยการสนับสนุนให้ทุกคนใส่ใจดูแลสุขภาพทั้งในรูปแบบของการให้ความรู้ และกิจกรรมต่าง ๆ ทั้ง OCEANLYMPIC Healthy Games มหกรรมสุขภาพดีมีภูมิคุ้มกันทั้งกายใจ Ocean Step of Love สะสมก้าวเดินเสริมสุขภาพ และขมรมกีฬาต่าง ๆ จากนั้นจึงส่งต่อไปยังลูกค้าผ่านการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่มีครอบคลุมในทุกความต้องการ รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรมการบริการดูแลด้านสุขภาพต่าง ๆ ทั้ง Healthcare Ecosystem การบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลร่วมกับ Start up เพื่อยกระดับการบริการ Digital Healthcare Service บริการดูแลสุขภาพ ทั้งก่อนป่วย เมื่อป่วย หลังป่วยให้กับลูกค้า รวมทั้งการสนับสนุนข้อมูลสุขภาพที่จำเป็นกับประชาชนผ่านสื่อ และกิจกรรมสัมมนาต่าง ๆ

2. Wealth – การเงินที่ยั่งยืน เราเชื่อว่าก่อนที่เราจะให้คำปรึกษากับลูกค้าได้ บุคลากรของเราต้องมีความรู้ความสามารถ รวมทั้งทักษะต่าง ๆ ครบถ้วน เพื่อให้ทุกคนมีศักยภาพก้าวสู่การเป็นที่ปรึกษาการเงินมืออาชีพ (Financial Planner) ที่ลูกค้าไว้วางใจให้แนะนำการวางแผนชีวิต และวางแผนการเงินให้ประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งใจ นอกจากนั้น OCEAN LIFE ไทยสมุทรยังมีแบบประกันที่ส่งเสริมการวางแผนการเงินอย่างรอบด้าน (Wealth Solution) ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ และทุกช่วงเวลาของชีวิต (Product Life Cycle) ให้ทุกคนพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนในวันนี้ และอนาคต

ไม่เพียงเท่านั้น ความมั่นคงขององค์กรก็เป็นสิ่งสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงแนวทางการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อให้ลูกค้าประชาชนมั่นใจได้ว่าเราสามารถดูแลทุกคนได้ตลอดไป ด้วยความแข็งแกร่งทางการเงินที่เชื่อถือได้ ความสามารถในการบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สิน (Asset and Liability Management) และการบริหารจัดการสินทรัพย์ (Portfolio Management) การบริหารจัดการการเงินอย่างมีความรับผิดชอบ และการบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน Capital Adequacy Ratio (CAR) อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่ 405.92 % (ณ เดือนกรกฎาคม 2565) นับว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของธุรกิจประกันชีวิต และสูงกว่าเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดที่ 120%  

3. World - โลกที่ยั่งยืน โดยสนับสนุนความรักโลก สังคม สิ่งแวดล้อม และมีธรรมาภิบาลตามแนวทาง ESG เพื่อโลกและสังคมที่น่าอยู่

Environment – ด้านสิ่งแวดล้อม ได้จัดการสภาพแวดล้อมองค์กรให้น่าอยู่ พร้อมสร้างจิตสํานึกให้บุคลากรตระหนักและเข้าใจถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ทั้งการแยกขยะ การลดใช้พลาสติก การใช้วัสดุ Recycle การปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว และการใช้ทรัพยากรภายในองค์กรอย่างรู้คุณค่า ฯลฯนอกจากนั้น เรายังได้ร่วมสนับสนุนโครงการ Greenhouse Gas Emission Reduction Project ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ กลุ่มไดอิจิ เดินหน้าสู่เป้าหมาย ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ (Net Zero) 50% ในปี พ.ศ.2568 และ100% ในปี พ.ศ.2583 นำไปสู่การช่วยลดโลกร้อนอย่างยั่งยืน

Social – ด้านสังคม เริ่มด้วยการสร้างชมรม OCEAN LIFE ไทยสมุทรจิตอาสา ปลูกฝังจิตสำนึกแห่งการให้ และสังคมแห่งการแบ่งปัน พร้อมดำเนินโครงการ และกิจกรรมต่าง ๆ โดยมีเป้าประสงค์ในการดูแล และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม ชุมชน ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส และผู้พิการ อาทิ การร่วมดูแลคนไทยในภาวะวิกฤต COVID – 19 ด้วยกิจกรรมหลากหลายภายใต้โครงการ LOVE THAILAND, PROTECT YOUR LOVED ONES อาทิ โครงการโอชิชวนทำดี ร่วมกับจุฬาฯ ผลิตวัคซีน mRNA  การเปิดให้ประชาชนใช้บริการ Telemed ปรึกษาแพทย์ Online ฟรี  โครงการแยกขวดช่วยหมอ เปลี่ยนขวด PET เป็นชุด PPE ส่งมอบให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ และล่าสุด เราได้ทำโครงการ “สอนว่ายน้ำเพื่อรอดชีวิต ช่วยเด็กขาดโอกาส” ร่วมกับครูพายุ และพันธมิตรเพื่อลดการสูญเสียของเด็ก ๆ ซึ่งเป็นอนาคตของชาติจากการว่ายน้ำไม่เป็น

Governance – ด้านธรรมาภิบาล ดำเนินธุรกิจตามกรอบจรรยาบรรณ ด้านต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด ทั้งการต่อต้านการทุจริตหรือคอรัปชั่น การเคารพสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างเท่าเทียมกัน พร้อมกำหนดนโยบายและส่งเสริมให้พนักงานปฏิบัติ ครอบคลุมทั้งด้านความปลอดภัยสารสนเทศ การบริหารความเสี่ยง การบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล การปฏิบัติดูแลลูกค้า พร้อมการดูแลบริหารจัดการข้อร้องเรียนต่าง ๆ อย่างเป็นธรรม และยุติธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ

           พร้อม 2 พลังผลักดันที่จะช่วยสนับสนุนให้นโยบายดังกล่าวเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง 

1. People, Culture & Partnerships สร้างจิตสำนึกและพันธมิตรสร้างความยั่งยืน ด้วยการสร้างคน สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดมั่นและตระหนักถึงความยั่งยืน  คำนึงถึงการยอมรับและผสานความแตกต่างของบุคลากร (Inclusion) รวมทั้งการสนับสนุนความหลากหลายและการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม (Diversity) ควบคู่ไปกับการจับมือพันธมิตรที่มีศักยภาพรอบด้าน

2. Technology & Innovation – สร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีพื้นฐาน
สร้างสรรค์นวัตกรรม สนับสนุนเทคโนโลยีที่จะช่วยทำให้การขับเคลื่อนโครงการด้านความยั่งยืนเป็นเรื่องง่าย

 

ก้าวข้ามผ่าน Pandemic สู่ Endemic กับผลงาน 7 เดือนของปี 2565

สำหรับผลการดำเนินงานในรอบ 7 เดือนของปี 2565 (มกราคม – กรกฎาคม 2565) OCEAN LIFE ไทยสมุทร มีรายได้จากเบี้ยประกันชีวิตรับรวม 8,365 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน โดยมีเบี้ยประกันชีวิตรับปีแรก จำนวน 1,202 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 16% ในขณะที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปที่ 6,675 ล้านบาท และมีอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ 86% โดยมีเบี้ยประกันรับรวมจากช่องทางตัวแทนเป็นช่องทางหลักจำนวน 6,885 ล้านบาท และสร้างการเติบโตที่โดดเด่นในช่องธนาคาร (Bancassurance) มีอัตราการเติบโตถึง 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังใช้ความสามารถในการบริหารพอร์ตลงทุน จนสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้ถึง 5.12% ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 1,013 ล้านบาท

สุดท้ายนี้ เชื่อว่านโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนอันเกิดจากพลังแห่งรัก และความตั้งใจที่จะร่วมกันดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนจะสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจ เพื่อเติบโตเคียงข้างสังคมไทยอย่างยั่งยืน และพร้อมส่งมอบความรักในรูปแบบของอนาคตที่ดี ที่มาจากความรับผิดชอบในทุกด้านของ OCEAN LIFE ไทยสมุทรให้กับคนรุ่นต่อไป


Tags : OCEANLIFEไทยสมุทร นุสรา(อัสสกุล)บัญญัติปิยพจน์ ไทยสมุทรประกันชีวิต


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ทิพยประกันภัยเดินหน้าต่อยอดประสบการณ์ด้านประกันภัยรถยนต์ เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “TIP MOTOR EXTRA PRO ประกันรถสุดปัง อลังการสุดโปร” ในงาน Motor Expo 2025 เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ครบวงจร พร้อมคัดสรรผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์หลากหลาย อาทิ TIP Premium Garage Plus, TIP Lady, TIP Rainbow, TIP Up to Mile และประกันรถยนต์ 2+ คุ้มทุน พร้อมทีมให้คำปรึกษา คำนวณเบี้ย และบริการต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน แคมเปญ “TIP MOTOR EXTRA PRO” มอบข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับลูกค้า อาทิ • ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูงสุด 15% สำหรับลูกค้าใหม่ • รับของสมนาคุณ รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท • ลุ้นรับรถยนต์ MITSUBISHI XFORCE รุ่น ULTIMATE มูลค่า 1,059,000 บาท • ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน • พิเศษ! ลูกค้าที่ต่ออายุประกันภัยรถยนต์ภายในงาน รับ บัตร Lotus’s มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ทิพยประกันภัยขอเชิญทุกท่านร่วมรับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะงาน Motor Expo 2025 ได้ที่บูธ V07–V08 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568

30 Nov 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ ระหว่าง ธนาคารออมสิน และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อศึกษาความเป็นอยู่และพฤติกรรมทางการเงินของกลุ่มครัวเรือนฐานรากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการเงินในระบบ ที่จะนำไปสู่การต่อยอดองค์ความรู้ จากการวิจัยในการพัฒนาระบบการเงินที่เหมาะสม ช่วยยกระดับเศรษฐกิจและความเข้มแข็งทางการเงินของภาคครัวเรือนไทย โดยมี นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่   นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ภายใต้บทบาทการเป็น Social Bank ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินและสร้างการเข้าถึงแหล่งทุนที่เป็นธรรม ธนาคารเดินหน้าภารกิจหลักที่ 1 ในการสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งหากพิจารณาจากสถานการณ์การเข้าถึงสินเชื่อของคนไทย ปัจจุบันยังพบว่าครัวเรือนกว่าร้อยละ 30 ยังอยู่ในกลุ่ม Unserved และ Underserved โดยเป็นผู้มีรายได้น้อยและ/หรือรายได้ไม่แน่นอน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบจากการขาดประวัติเครดิตทางการเงิน และกว่าครึ่งยังต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นและต้องเผชิญภาระดอกเบี้ยสูง ดังนั้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนบทบาทการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ธนาคารจึงได้จัดตั้งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจฐานรากขึ้นเป็นครั้งแรก และได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อคิกออฟงานวิจัย “โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ” โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาเป็นผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ที่ธนาคารได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2568 เพื่อปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ที่มีรายได้ แต่ไม่เคยมีประวัติเครดิตทางการเงิน หรือไม่เคยใช้บริการสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของโครงการนี้มีลักษณะตัวตน หรือ Customer Persona ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของงานศึกษาวิจัยครั้งนี้ ทั้งนี้ ธนาคารหวังว่าจะสามารถนำผลลัพธ์ของงานวิจัยไปออกแบบเครื่องมือทางการเงิน หรือมาตรการสินเชื่อที่ตรงจุด สามารถตอบโจทย์ความคาดหวัง และสร้างระบบการเงินที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs และสอดคล้องตามบทบาทของธนาคารเพื่อสังคม   ดร. โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงลึกของลูกหนี้ภายใต้โครงการ “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” ของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นต้นแบบสินเชื่อดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้แต่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบสามารถกู้เงินได้เป็นครั้งแรก โดยธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยคนไทยสร้างประวัติเครดิตทางการเงินไปแล้วกว่า 200,000 ราย สะท้อนถึงความต้องการเข้าถึงสินเชื่อในระบบที่ยังมีอยู่จำนวนมาก การศึกษาครั้งนี้จึงมุ่งขยาย “ประตูสู่ระบบการเงิน” ให้กว้างขึ้น ผ่านการเก็บข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มคนที่อยู่นอกระบบเป็นครั้งแรก ใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ปัญหาเศรษฐกิจการเงิน พฤติกรรมและความต้องการทางการเงิน 2) โมเดลผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้ลูกหนี้ชำระคืนได้จริง 3) การทดลองใช้ข้อมูลใหม่และข้อมูลทางเลือกเพื่อค้นหาตัวชี้วัดความเสี่ยงที่แม่นยำยิ่งขึ้นให้กับสถาบันการเงิน 4) การติดตามผลการเข้าถึงสินเชื่อต่อรายได้และคุณภาพชีวิตของลูกหนี้ตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม ซึ่งผลการศึกษาจะช่วยให้ธนาคารออมสินออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้ และเพิ่มโอกาสในการชำระคืน   ขณะเดียวกัน สถาบัน ฯ จะมีองค์ความรู้เชิงลึกเพื่อนำไปสนับสนุนนโยบาย Your Data และโครงการ Risk-Based Pricing ของธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงได้โปร่งใส เป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ “เคยถูกมองไม่เห็น” เข้าสู่ระบบการเงินได้มากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนงานวิจัยให้เกิดผลจริงต่อประชาชนฐานราก เสริมรากฐานระบบการเงินที่เข้าถึงง่าย ยั่งยืน และช่วยยกระดับศักยภาพและคุณภาพชีวิตของครัวเรือนไทยได้อย่างมั่นคงในระยะยาว  

30 Nov 2025

...

จากสถานการณ์อุทกภัยส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของภาคใต้ โดยขณะนี้จังหวัดสงขลาประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน จึงขอแจ้งปิดทำการกรุงเทพประกันภัย สาขาหาดใหญ่ เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยลูกค้าสาขาหาดใหญ่และใกล้เคียงสามารถติดต่อบริการด้านประกันภัยได้ที่ กรุงเทพประกันภัย สาขาสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7727 3806 ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัยขอแสดงความห่วงใยและเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อรับคำปรึกษาต่างๆ และแจ้งเคลมสินไหมทดแทนสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการ รวมถึงประกันภัยรถยนต์ หรือรับบริการรถยกเพื่อเคลื่อนย้ายรถไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้ - LINE @bangkokinsurance - โทร. 1620 ตลอด 24 ชั่วโมง

25 Nov 2025

...

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อช่วยยกระดับความสามารถในการหารายได้ของผู้ประกอบการรายเล็กบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งที่เป็นทักษะความรู้ด้านการเงินและด้านดิจิทัล โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท/ราย สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Upskill/Reskill และได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งโครงการดังกล่าวมีหน่วยงานพันธมิตรหลายรายเป็นผู้ให้บริการเรียนรู้และพัฒนาทักษะแก่ร้านค้า โดยมีธนาคารออมสินรับผิดชอบการพัฒนาทักษะแก่ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย “ประเภทบุคคลธรรมดา” หลักสูตร “Smart Finance Upskill : การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัส” สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าบุคคลธรรมดา เน้นให้ความรู้ทางการเงินที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายุคใหม่ ประกอบด้วยเนื้อหาสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ การทำบัญชี การคิดต้นทุน เทคนิคการตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ พร้อมแบบจำลองการยื่นกู้ให้ผู้ประกอบการได้ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถนำแบบจำลองนั้นไปใช้ประกอบการยื่นกู้กับสถาบันการเงินได้ โดยผู้ที่ได้สมัครเรียนและผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการผ่านหลักสูตรเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการรับสิทธิ์เงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท ร้านค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าเรียนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 19 ธันวาคม 2568 ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชม. โดยผู้ที่สำเร็จหลักสูตรตามเงื่อนไขที่กำหนด จะมีการแจ้งผลการรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ ผ่านแอปถุงเงินและข้อความ SMS ในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารขอแนะนำโปรดหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น ซึ่งอาจทำให้ประสบปัญหาเว็บไซต์ตอบสนองช้ากว่าปกติได้ กรณีประสบปัญหาการใช้บริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส สามารถติดต่อที่ GSB Contact Center โทร.1115 กด 7 ตลอด 24 ชม.   นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่สำเร็จหลักสูตร Smart Finance Upskill แล้ว ยังมีสิทธิ์ยื่นขอกู้เงื่อนไขพิเศษกับสินเชื่อ “สร้างงานสร้างอาชีพ พลัส” โดยกดยื่นขอกู้ได้จากหน้าเว็บไซต์หลังเรียนจบหลักสูตร เพื่อเชื่อมต่อกระบวนการยื่นขอกู้ทางแอป MyMo ได้โดยสะดวก ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) = 0.75% ต่อเดือน แบบไม่มีหลักประกัน (Clean Loan) ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารพิจารณาให้กู้ตามความจำเป็นเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนหรือเสริมสภาพคล่อง และตามความสามารถในการชำระคืน ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th    

23 Nov 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner