Responsive image

Monday, 07 Jul 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


คปภ. ติวเข้มอนุญาโตตุลาการ เตรียมนำระบบ E-Arbitration มาใช้เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชน พร้อมรองรับการระงับข้อพิพาทด้านประกันภัยอย่างเต็มรูปแบบในยุค Nex Normal

Sun 02/10/2565


ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาอนุญาโตตุลาการ สำนักงาน คปภ. ประจำปี 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสนับสนุนความรู้ทางวิชาการอันเกี่ยวกับกฎหมายด้านการประกันภัยที่มีการแก้ไขปรับปรุง ตลอดจนเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยรูปแบบใหม่ ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ อีกทั้งเพื่อให้อนุญาโตตุลาการและพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้มีโอกาสพบปะหารือ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานที่ผ่านมาเพื่อนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานระงับข้อพิพาทด้านการประกันภัยให้มีประสิทธิภาพ โดยมีอนุญาโตตุลาการ พนักงานสำนักงาน คปภ. ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ร่วมสัมมนากว่า 107 คน เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร

ในโอกาสนี้ เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า สำนักงาน คปภ. ได้นำกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือกด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการมาใช้ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับประชาชน ใช้ในการระงับข้อพิพาทกรณีที่มีข้อโต้แย้งหรือข้อพิพาทจากสัญญาประกันภัยเกิดขึ้นระหว่างประชาชน ผู้เอาประกันภัยกับบริษัทประกันภัย โดยไม่ต้องนำคดีไปฟ้องร้องต่อศาล ซึ่งการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการนี้ได้ถูกกำหนดไว้ในเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยตั้งแต่ปี 2541 เป็นต้นมา ทั้งนี้จากสถิติการดำเนินการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงเดือนสิงหาคม 2565) มีข้อพิพาทที่เข้าสู่กระบวนงานการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการที่สำนักงาน คปภ. ดำเนินการ เป็นจำนวน 7,222 เรื่อง ยุติแล้ว 6,859 เรื่อง ทุนทรัพย์ที่ยุติ 8,533,390,959 บาท

จากการดำเนินชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้เกิดประโยชน์กับอุตสาหกรรมประกันภัย (InsurTech) เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ และการบริหารจัดการอื่น ๆ เช่น การส่งมอบกรมธรรม์ e – Policy การใช้เทคโนโลยี Block chain ในการเก็บข้อมูลการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแล (RegTech) โดยเฉพาะระบบฐานข้อมูลการประกันภัย  IBS (Insurance Bureau System) ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางของข้อมูลประกันภัยเพื่อการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยและเพื่อยกระดับการดำเนินกิจการของอุตสาหกรรมประกันภัย เพิ่มศักยภาพของบริษัทประกันภัยในการแข่งขันในระดับสากลและเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลประกันภัยที่ถูกต้องอย่างเท่าเทียมกัน สำนักงาน คปภ. จึงได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในกระบวนการอนุญาโตตุลาการ เพื่อให้กระบวนการพิจารณาและการทำคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น อาทิ เช่น การให้ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ www.oic.or.th การใช้ Line Application และอีเมล เป็นเครื่องมือในการนัดหมาย ส่งข้อความ ส่งคำร้อง ส่งบันทึกแบบคำพยานส่งพยานเอกสาร คำเสนอข้อพิพาท และคำคัดค้าน รวมทั้งการสั่งคำร้องต่าง ๆ ของอนุญาโตตุลาการควบคู่ไปกับการประสานงานผ่านช่องทางอื่น และที่สำคัญได้มีการกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อรองรับการดำเนินงานในกระบวนการตั้งอนุญาโตตุลาการและการสืบพยานผ่านจอภาพหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยการใช้ Video Conference,  Video Call, Chat Room, Microsoft Teams เป็นต้น ตามความตกลงหรือความประสงค์ของคู่พิพาท ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมาเป็นไปได้ด้วยดี และได้รับความพึงพอใจจากทุกฝ่าย และมีแนวโน้มว่าจะมีข้อพิพาทที่คู่พิพาทประสงค์จะให้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ

เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่าเพื่อเป็นการยกระดับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนและผู้เอาประกันภัย สำนักงาน คปภ. ได้เปิดให้บริการระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนงานคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัย (PPMS) โดยระบบดังกล่าวสามารถจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลเรื่องร้องเรียนหรือข้อพิพาทต่าง ๆ รวมทั้งสามารถเชื่อมต่อกระบวนการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนตั้งแต่กระบวนการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนในชั้นพนักงานเจ้าหน้าที่ การไกล่เกลี่ยโดยผู้ชำนาญการ และการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ โดยผู้เสนอข้อพิพาทสามารถยื่นคำเสนอข้อพิพาท การวางเงินเป็นหลักประกันค่าป่วยการอนุญาโตตุลาการ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินกระบวนพิจารณา การส่งเอกสารต่าง ๆ การติดตามสถานะการดำเนินงานของแต่ละข้อพิพาท ผ่านระบบ PPMS ได้ ซึ่งระบบดังกล่าวนอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสนอข้อพิพาทแล้ว ยังสามารถประมวลผลข้อมูลเรื่องร้องเรียนหรือข้อพิพาทต่าง ๆ ที่ยื่นต่อสำนักงาน คปภ. เพื่อให้สำนักงาน คปภ. สามารถนำข้อมูลต่าง ๆ มาวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องร้องเรียนหรือข้อพิพาทต่าง ๆ ก่อนนำไปแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุเพื่อลดจำนวนเรื่องร้องเรียนหรือข้อพิพาทด้านประกันภัย

นอกจากนี้ในการใช้งานระบบ PPMS ในระยะเริ่มแรก พบว่า ระบบดังกล่าวที่เกี่ยวกับกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการยังไม่รองรับการให้บริการทางฝั่งบริษัทประกันภัย ซึ่งอยู่ในสถานะเป็นผู้คัดค้านในข้อพิพาทที่เกิดขึ้น สำนักงาน คปภ. จึงได้จัดทำโครงการที่พัฒนาต่อยอดจากระบบ PPMS ที่มีอยู่ โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในกระบวนงานระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ (E - Arbitration) ซึ่งจะรองรับการให้บริการอย่างครบวงจรทั้งในส่วนอนุญาโตตุลาการ บริษัทประกันภัย และพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน คปภ. เช่น การยื่นคำคัดค้าน การวางเงินเป็นหลักประกัน การติดตามสถานะคดี การส่งคำร้อง การยื่นเอกสารต่าง ๆ การสั่งคำร้องของอนุญาโตตุลาการ การนัดหมายแจ้งเตือนอนุญาโตตุลาการ คู่พิพาท และพนักงานเจ้าหน้าที่ รวมทั้งสามารถดำเนินกระบวนพิจารณาผ่านระบบดังกล่าวได้ด้วย เป็นต้น ทั้งนี้ ปัจจุบันการดำเนินการโครงการ E - Arbitration มีความคืบหน้าเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ โดยในขณะนี้ผู้พัฒนาระบบได้ดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ผู้เสนอข้อพิพาท ผู้คัดค้าน รวมทั้งอนุญาโตตุลาการ เข้าทดสอบการใช้งานและให้ข้อคิดเห็นต่อการใช้งานของระบบดังกล่าว โดยผู้พัฒนาระบบมีแผนงานที่จะส่งมอบระบบที่สมบูรณ์ได้ภายในปีนี้

ทั้งนี้ ผลการสัมมนาอนุญาโตตุลาการ ทั้งในวันที่ 28 และวันที่ 29 กันยายน 2565 ได้ข้อสรุปในแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ อันเป็นการพัฒนาและยกระดับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัย ให้เป็นที่ไว้วางใจและสร้างความเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้

ประเด็นแรก เพิ่มเติมการขึ้นทะเบียนรายชื่ออนุญาโตตุลาการที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ ณ ที่ทำการอนุญาโตตุลาการ สำนักงาน คปภ. ภาค 1 (เชียงใหม่) และภาค 9 (สงขลา) เพื่อให้คู่พิพาทมีทางเลือกในการตั้งอนุญาโตตุลาการมากยิ่งขึ้น รวมทั้งส่งเสริมหรือสนับสนุนให้คู่พิพาทใช้ระบบประชุมทางจอภาพ (Video Conference) ตลอดจนการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ในกระบวนการพิจารณาทุกขั้นตอน ทำให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายของคู่พิพาท 

ประเด็นที่ 2 จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อให้การปฏิบัติงานในกระบวนการระงับข้อพิพาท ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคเป็นไปด้วยความรอบคอบ มีมาตรฐานและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน   

ประเด็นที่ 3 สนับสนุนและจัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับข้อกฎหมายด้านการประกันภัย เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยที่เกี่ยวข้อง บทคัดย่อ และแนวทางการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทที่ผ่านมา รวมทั้งความเป็นไปได้ในการตั้งผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยทำหน้าที่สนับสนุนข้อมูลต่าง ๆ เพื่อประกอบการดำเนินกระบวนพิจารณาของอนุญาโตตุลาการให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและแนวทางเดียวกันมากยิ่งขึ้น             

ประเด็นที่ 4 ประสานงานกับกองทุนประกันวินาศภัย ในฐานะผู้ชำระบัญชีอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อให้การดำเนินกระบวนพิจารณากรณีผู้คัดค้านเป็นบริษัทประกันภัยถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย สามารถดำเนินการกระบวนการพิจารณาต่อไปอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว และเกิดความเป็นธรรม 

นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ยังได้จัดให้มีการบรรยายและสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการแก่อนุญาโตตุลาการ ประกอบด้วยเงื่อนไขกรมธรรมประกันภัยรถยนต์ทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่และเป็นประเด็นสำคัญที่นำไปสู่การยื่นข้อพิพาทต่อสำนักงาน คปภ. เช่น เงื่อนไขความคุ้มครอง กรณีความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย รวมถึงกรณีทุพพลภาพอย่างถาวรและทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง การชดใช้ดอกเบี้ยผิดนัด ตลอดจนข้อยกเว้นความคุ้มครองต่าง ๆ เป็นต้น อันจะเป็นประโยชน์ต่ออนุญาตโตตุลาการในการนำไปประกอบการพิจารณาและจัดทำคำวินิจฉัยชี้ขาด 

“การจัดสัมมนาประจำปีอนุญาโตตุลาการในครั้งนี้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งที่ได้รับทราบปัญหา และมีการบูรณาการความคิดในการแก้ปัญหาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของอนุญาโตตุลาการของสำนักงาน คปภ. ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าสำนักงาน คปภ. เดินมาถูกทางในการนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นคู่พิพาท อนุญาโตตุลาการ และสำนักงาน คปภ. อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยให้กับประชาชนผู้เอาประกันภัย ตลอดทั้งเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการให้บริการประชาชนต่อไปในอนาคต” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย


Tags : คปภ. ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ คปภ. ติวเข้มอนุญาโตตุลาการ เลขาธิการ คปภ.


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารประสบความสำเร็จได้รับรางวัลระดับเอเชีย Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2025 สาขา Social Empowerment จาก MyMo Secure Plus นวัตกรรมความปลอดภัยบน Mobile Banking ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ให้ลูกค้า บูรณาการร่วมกับ แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ เพื่อสื่อสารสร้างการรับรู้และเสริมภูมิคุ้มกันภัยทางการเงิน พร้อมกันนี้ ธนาคารออมสินยังได้รับรางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability ในฐานะองค์กรที่มีความโดดเด่นและมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติจนได้รับรางวัล AREA มาแล้ว 5 ปี จาก Enterprise Asia องค์กรพัฒนาเอกชนชั้นนำที่ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบในเอเชีย เพื่อเชิดชูและให้เกียรติองค์กรธุรกิจที่มีการดำเนินงานตามแนวทาง ESG และเป็นต้นแบบองค์กรชั้นนำในภูมิภาคเอเชียที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ     ธนาคารออมสินถือเป็นธนาคารแรกที่พัฒนาโหมดปลอดมิจฉาชีพ ภายใต้ชื่อ MyMo Secure Plus เพื่อช่วยดูแลเงินฝากขั้นสูงสุดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มที่ไม่รู้เท่าทันมิจฉาชีพที่เปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงตลอดเวลา ออกแบบโดยเน้นการทำธุรกรรมทางการเงินแบบจำกัดเฉพาะรายการที่จำเป็น อาทิ การโอนเงินไปยังบัญชีตนเองภายในธนาคารและต่างธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ และการจำกัดวงเงินในการทำธุรกรรมต่อวัน ทั้งนี้ ธนาคารออมสินไม่เพียงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นธนาคารแรกที่ดำเนินกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC) ผ่าน แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ ดำเนินการอย่างเข้มข้นผ่านช่องทางการสื่อสารที่ครบวงจร ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ สื่อนอกบ้าน หรืออินฟลูเอนเซอร์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุด เนื่องจากธนาคารตระหนักดีถึงความสูญเสียของประชาชนและวิกฤตของอาชญากรรมออนไลน์ที่นับวันจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ จึงเป็นความพยายามของธนาคารในการที่จะกระตุ้นเตือนให้ประชาชนรู้เท่าทันกลลวงและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพทางการเงิน     รางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability และ Social Empowerment ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงบทบาทของธนาคารออมสินในฐานะ Social Bank ที่ไม่เพียงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนการสร้าง Social Impact เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยบรรเทาปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ธนาคารยังคงยึดมั่นในหลักการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบตามแนวทาง ESG เพื่อก้าวสู่เป้าหมายความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม ตลอดจนเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว  

01 Jul 2025

...

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568  

29 Jun 2025

...

  บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมออกบูทในงานมหกรรมจำหน่ายรถยนต์ครบวงจร FAST Auto Show Thailand 2025   ระหว่างวันที่ 2 – 6 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ EH 102 - 103  ในงานนี้ บริษัทฯ ได้จัดเต็มโปรโมชันสุดพิเศษ โดยมอบส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยสูงสุด 23% สำหรับผู้ที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ภายในงาน โดยมีทีมงานรับประกันภัยพร้อมบริการให้คำปรึกษา และคำแนะนำเกี่ยวกับแผนประกันภัยที่เหมาะสมกับความคุ้มครองที่หลากหลาย โดยนอกจากประกันภัยรถยนต์แล้วยังมีประกันอัคคีภัย ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยสุขภาพ ประกันภัยโรคมะเร็ง และประกันภัยอื่นๆ ที่ให้ความคุ้มครองรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า นอกจากนี้ ยังสามารถผ่อนชำระเบี้ยประกันภัย ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน หรือ 10 เดือนผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ พร้อมรับของที่ระลึกที่เตรียมไว้สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ  พบกับกรุงเทพประกันภัยได้ที่บูท B11 ณ ศูนย์ประชุมนิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ฮอลล์ EH 102 - 103 ในวันที่ 2 - 6 กรกฎาคม 2568    

29 Jun 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner