Responsive image

Sunday, 28 Dec 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME / ธุรกิจ - การตลาด - เอสเอ็มอี


ถอดรหัสความสำเร็จของบัตรเครดิต "เคทีซี" กับเส้นทางเติบโตในหมวดสุขภาพและความงาม พร้อมเตรียมรุกกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม

Wed 09/11/2565


เคทีซีเผยแนวโน้มธุรกิจสุขภาพและความงามเติบโตสวนกระแส เห็นได้จากพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี เติบโตก้าวกระโดดสูงกว่าอุตสาหกรรม เดินหน้ากลยุทธ์การตลาดอย่างเข้าใจและเข้าถึงผู้บริโภค ท่ามกลางพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงและบริบทสังคมที่เปลี่ยนไปหลังสถานการณ์โควิด-19 เตรียมรุกขยายจับมือพันธมิตรร้านค้าครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ รวมถึงกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยมที่มีกำลังซื้อสูง ด้วยสิทธิพิเศษครบทุกรูปแบบ ทั้งส่วนลด เครดิตเงินคืนและการผ่อนชำระ พร้อมจัดสิทธิประโยชน์ส่งท้ายปีเอาใจสมาชิกที่ใช้บริการตรวจสุขภาพประจำปีที่โรงพยาบาล แคมเปญ “ลุ้นสวยฟรีทั้งบิล” และแคมเปญ KTC - VISA FIFA World Cup Qatar 2022 โดยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ในหมวดสุขภาพและความงามติดอันดับ 4 จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีทั้งหมด

นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช ผู้อำนวยการ-การตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีด้านสุขภาพและความงามระหว่างเดือนมกราคม - กันยายน 2565 เติบโตดีมาก ด้วยแรงส่งจากหมวดโรงพยาบาล จากสถานการณ์โควิดที่ผ่อนคลายขึ้น จำนวนผู้ป่วยโควิดลดลง ทำให้โรงพยาบาลมีความพร้อมในการรักษาผู้ป่วยโรคอื่นๆ มากขึ้น ประกอบกับผู้ป่วยกลับมารักษาในบริการที่เคยชะลอการรักษาในช่วงโควิดระบาดหนัก เช่น บริการผ่าตัดต่างๆ หรือบริการทันตกรรม ซึ่งส่วนมากเป็นการรักษาที่มียอดใช้จ่ายสูง หมวดความงาม คลินิกเสริมความงามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังเปิดให้บริการได้ตามปกติ ผู้บริโภคคลายกังวลและกลับไปใช้บริการมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและใช้บริการต่อเนื่อง อาทิ โปรแกรมยกกระชับและศัลยกรรมความงาม ประกอบกับเทรนด์ความงามกำลังมาแรงสำหรับผู้บริโภคในยุคนี้ที่ต้องการเสริมความมั่นใจเพื่อให้ตัวเองดูดี โดยผู้บริโภคที่มีอายุน้อยยังหันมาดูแลตัวเองในด้านความงามเพิ่มมากขึ้น”

“ส่วนหมวดกีฬาและฟิตเนส การใช้จ่ายในหมวดกีฬาและฟิตเนสเริ่มกลับมาคึกคัก ด้วยปัจจัยการแข่งขันกีฬาต่างๆ ที่กลับมาจัดงานได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นงานวิ่งหรือปั่นจักรยาน ทั้งนี้จากข้อมูลแพลตฟอร์มสมัครงานวิ่ง คาดว่าในปีนี้จะมีการจัดงานวิ่งประมาณ 600 -700 งาน ส่งผลให้สมาชิกเริ่มซื้อสินค้าอุปกรณ์กีฬาและบริการฟิตเนส สำหรับใช้ในการเตรียมตัวฝึกซ้อมเพื่อแข่งขันมากขึ้น นอกจากนี้ส่วนของสปอร์ตแฟชั่นที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ส่งผลให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่การใส่เล่นกีฬาเพียงอย่างเดียว จึงทำให้เกิดการซื้อซ้ำมากขึ้น”

“เคทีซีมีจุดแข็งในการทำการตลาดแบบเข้าใจผู้บริโภค  โดยมอบสิทธิพิเศษดูแลสุขภาพแบบครบวงจร  เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้รอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยรักษา แต่ผู้บริโภคต้องการป้องกันก่อนที่จะเกิดโรค โดยมีการใส่ใจสุขภาพตนเองมากขึ้น ควบคู่กับการดูแลเรื่องความงามเพื่อให้เกิดความมั่นใจ นอกจากนั้นยังเน้นขยายการมอบสิทธิพิเศษครอบคลุมร้านค้าทุกภูมิภาคทั่วประเทศกับพันธมิตรธุรกิจชั้นนำ ในรูปแบบของส่วนลด เครดิตเงินคืน รวมถึงสามารถผ่อนชำระได้ ทำให้เราสามารถเข้าถึงสมาชิกผู้บริโภคได้มากขึ้น หมวดโรงพยาบาล ครอบคลุมพันธมิตรทั้งโรงพยาบาลรัฐบาล โรงพยาบาลเอกชน คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม และร้านขายยา รวมกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ หมวดความงาม ครอบคลุมคลินิกเสริมความงาม ร้านนวดสปา ร้านทำผม ร้านทำเล็บกว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ หมวดกีฬาและฟิตเนส ครอบคลุมทุกแบรนด์กีฬา และร้านค้ากีฬาชั้นนำ สตูดิโอฟิตเนสขนาดใหญ่ รวมถึงร้านค้า ฟิตเนสรายย่อยกว่า 500 ร้านค้าทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมี “KTC Sports Group” ซึ่งเป็น Community ของสมาชิกบัตรที่มีไลฟ์สไตล์รักการออกกำลังกาย โดยมีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพด้วยการออกกำลังกายตลอดทั้งปี มีสมาชิกภายในกลุ่มมากกว่า 4,000 คน ด้วยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดสุขภาพและความงามมีมูลค่า 15,961 ล้านบาท เติบโต 39% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 และมียอดใช้จ่ายเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมเมื่อเทียบกับภาพรวมของตลาด โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีเติบโตสูงกว่าตลาดทั้ง 4 หมวด ได้แก่ หมวดโรงพยาบาล หมวดความงาม หมวดกีฬาและฟิตเนส”

 

แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมวรรธน์ เฮลท์ จำกัด กล่าวว่า “หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เทรนด์การดูแลสุขภาพเน้นในเชิงป้องกัน (Preventive) เช่น การตรวจสุขภาพ  ทานอาหารสุขภาพ ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ออกกำลังกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ให้มีสุขภาพยืนยาว (Longevity) และใส่ใจสุขภาพจิตกันมากขึ้น (Mental Health) โดยเน้นการจัดการกับความเครียด เพื่อลดภาวะซึมเศร้าและลดความเครียดในชีวิตประจำวัน ประกอบกับนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเติบโตขึ้น การเข้าถึงแพทย์หรือการดูแลสุขภาพก็ไม่ใช่เรื่องยาก รวมถึงมีการวางแผนรูปแบบโปรแกรมการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยและอาการของโรคในแต่ละคน  (Personalized) ที่จะกลายเป็นเทรนด์สุขภาพในอนาคตซึ่งสามารถป้องกันได้ก่อนเกิดโรค”

“ด้วยความท้าทายของธุรกิจการดูแลสุขภาพ (Healthcare)  ที่ถูกเทคโนโลยีและ COVID-19 เข้ามาเป็นตัวแปรทำให้ โรงพยาบาลต้องมีการปรับเปลี่ยน ปรับตัวตลอดเวลา เริ่มจากแนวคิด #เราไม่อยากให้ใครป่วย เน้นการตรวจเพื่อป้องกันการเกิดโรคในแต่ละช่วงวัย (Early Detection และ Total Health Solution) ที่ย่อมจะดีกว่าการรักษา ซึ่งสิ่งที่     สมิติเวชให้ความสำคัญมาตลอด คือมีการนำเทคโนโลยีมาร่วมกับการแพทย์ เพื่อให้คนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ง่ายยิ่งขึ้น เช่น บริการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ออนไลน์ 24 ชั่วโมง (Samitivej Virtual Hospital) แอปพลิเคชันติดตามข้อมูลสุขภาพผู้ป่วยโรคเบาหวาน และความดันโลหิตแบบเรียลไทม์ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง (Engage Care) ระบบติดตามสถานะการผ่าตัดแบบเรียลไทม์ (Samitivej Pace) ระบบติดตามสถานะการดูแลผู้ป่วยในวอร์ด (Samitivej Prompt) และแอปฯ พบหมอผิวหนัง ซื้อยา ช้อปดีลความงาม (SkinX)”

“SkinX” คือ แพลตฟอร์มสำหรับปรึกษาแพทย์ผิวหนังออนไลน์ที่ครบวงจรที่สุดในประเทศไทย ถือเป็นแอปพลิเคชันด้านการรักษาผ่านระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) ที่รวบรวมแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังไว้มากที่สุด โดยมียอดผู้ดาวน์โหลดใช้งานแล้วกว่า 400,000 ครั้ง ให้บริการตั้งแต่พบแพทย์เพื่อให้คำปรึกษา สั่งยา เก็บประวัติ ติดตามผล และมีราคายาที่เป็นธรรม พร้อมบริการจัดส่งยาตามใบสั่งแพทย์โดยเภสัชกรถึงบ้าน นอกจากนั้นยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลผิวโดยเภสัชกร (SkinX Store) พร้อมรวมดีลแพ็กเกจความงามจากโรงพยาบาล และคลินิกที่ได้มาตรฐานไว้ในแอปฯ เดียว (SkinX Super Deal) โดยสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีจะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ รับส่วนลด 100 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายขั้นต่ำผ่านเเอปฯ 1,000 บาท พร้อมกรอกโค้ด "KTC100" รับส่วนลด 50% เมื่อซื้อดีลความงาม (ลดสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท จำกัด 10 คน ตลอดเเคมเปญ) เพียงกรอกโค้ด  "KTC50" ในขั้นตอนสรุปค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2565 สมาชิกเคทีซีสามารถดาวน์โหลดแอปฯ SkinX ได้ที่ http://bit.ly/SkinXapp  นอกจากนั้นโรงพยาบาลสมิติเวชยังมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตเคทีซีระดับพรีเมี่ยมตามที่กำหนด รับสิทธิ์การเป็นสมาชิกสมิติเวช เฟิร์ส (Samitivej First) ทันทีเมื่อแสดงบัตรฯ ที่เดอะ เฟิร์ส เลาจน์ (The First Lounge) โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท หรือที่สมิติเวช เอ็กซ์คลูซีฟ เลานจ์ (Samitivej Exclusive Lounge) โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 – 31 ธันวาคม 2566”

 

นายแพทย์พุทธพงศ์ เหลืองรัตน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วี สแควร์ คลินิก (V Square Clinic) กล่าวว่า “สมัยก่อนคนมักยึดติดกับความสวยงามในแบบที่อยากจะเป็น และมักคิดว่าจะดูดีขึ้นได้ต้องทำศัลยกรรม แต่ปัจจุบันคนยอมรับความสวยความหล่อในแบบที่ตัวเองเป็น แล้วนำตัวตนมาพัฒนาให้ดูดีขึ้น ส่งผลให้เกิดความมั่นใจในแบบของตน (Self Confidence) ซึ่งตรงกับวิสัยทัศน์ของวี สแควร์ คลินิก ที่ต้องการให้คนมีความมั่นใจมากขึ้นในแบบของตัวเอง ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ กับการเน้นหัตถการที่ทำแล้วธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดผลเสียในระยะยาว เช่น ใช้โบท็อกซ์ (Botox) ฟิลเลอร์ (Filler) หรือเครื่องมือยกกระชับทดแทน (Face Lift Machine) จึงไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนโครงหน้าของตัวเองเสมอไป เราเน้นความสำคัญของความรู้จริงในสิ่งที่นำเสนอลูกค้า มีข้อมูลที่แน่นอน ทำแล้วเห็นผล เน้นความจริงใจ ด้วยแพทย์ที่มีประสบการณ์กับผลิตภัณฑ์ที่ดีในราคาคุ้มค่า ในบรรยากาศพรีเมี่ยมและบริการที่เป็นเลิศ  ที่ผ่านมา  วี สแควร์ คลินิก และเคทีซีเป็นพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมาอย่างยาวนานตั้งแต่ในช่วงแรกของการดำเนินธุรกิจ เป็นที่ปรึกษาร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและนำไปพัฒนาการบริการของร้าน  มีลูกค้าเคทีซีไปใช้บริการที่คลินิกจำนวนมาก โดยนิยมใช้บริการ โบท็อกซ์  ฟิลเลอร์ และโปรแกรมยกกระชับ วี สแควร์ คลินิก จึงขอมอบสิทธิพิเศษให้แก่สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถซื้อโปรโมชั่นโบเทอร่า ประกอบด้วยโบท็อกซ์ อัลเลอร์แกน (Allergan) ทั่วหน้า 100 ยูนิต และอัลเทอร่า เอสพีที (Ulthera SPT) 400 line ในราคาเพียง 48,000 บาท จากปกติ 58,000 บาท และยังสามารถผ่อนชำระ 0% ได้นาน 4 เดือน โดยไม่กำหนดยอดใช้จ่ายขั้นต่ำ พร้อมรับเครดิตเงินคืนไม่จำกัดตลอดรายการ เพียงลงทะเบียนเข้าร่วมรายการที่ www.ktc.co.th/beauty (สิทธิพิเศษนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 - 30 พฤศจิกายน 2565 กรุณานัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ)

 

นายวีระเดช ผเด็จพล  ผู้ก่อตั้ง เว็บไซต์ ฟิตดี ดอท คอม (Fit-D.com) และฟิตเนส สตูดิโอ ฟิตดี สเปซ (Fit-D Space) ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกความแข็งแรง และโภชนาการสำหรับนักกีฬา (Strength Training & Nutrition Specialist) กล่าวว่า “เทรนด์การออกกำลังกายตอนนี้มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะการวิ่งในสวนสาธารณะ  โยคะในสตูดิโอ หรือออกกำลังกายในยิมเท่านั้น  แต่ยังมีสตูดิโอหรือสถานที่ออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ รวมถึงมีการจัดแข่งขันวิ่งและกีฬาอื่นๆ ในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น ซึ่งที่ ฟิตดี สเปซ เราให้ความสำคัญกับเป้าหมายของลูกค้าในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ต้องการพัฒนาขีดความสามารถของตัวเอง หรือกลุ่มคนที่ได้รับการบาดเจ็บต้องการฟื้นฟูร่างกาย กลุ่มคนที่ต้องการดูแลสุขภาพหรือรูปร่าง โดยมีทีมบุคลากรคุณภาพที่เพียบพร้อมด้วยประสบการณ์และความรู้ ช่วยออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายให้เหมาะสม เพื่อให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่สำคัญต้องสามารถทำได้จริงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในระยะยาวด้วย”

“นอกจากนี้เรื่องของโภชนาการที่ดีก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่เฉพาะแค่คนที่ต้องการลดน้ำหนักเท่านั้นที่ต้องให้ความใส่ใจ แต่ควรปรับให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำ เพื่อให้การออกกำลังกายได้ประสิทธิภาพ มีพัฒนาการที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เต็มที่ และช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายได้ด้วย  สำหรับเว็บไซต์ ฟิตดี ดอทคอม เป็นคลังความรู้เกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกาย ที่เราตั้งใจพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับลูกค้าและบุคคลทั่วไป สามารถเข้าไปอ่านบทความดีๆ ที่น่าสนใจ รวมถึงท่าออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดต่างๆ เพื่อนำไปดูและฝึกตามที่บ้านได้เอง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย”

“สุดท้ายเมื่อเราเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพและรูปร่างที่ดีขึ้น เราจะสนุกกับการออกกำลังกาย และทำได้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างยั่งยืน ซี่งสอดคล้องกับกิจกรรม Burn & Earn Challenge และกิจกรรม Tiny Habit Challenge ใน “KTC Sports Group” ทั้งสองเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นให้สมาชิกได้ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ด้วยการส่งผลการออกกำลังกายอย่างน้อย  600 นาทีต่อเดือน สร้างเป้าหมายให้กับสมาชิก นอกจากนี้ยังมอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เมื่อใช้บริการที่ฟิตดี สเปช สามารถผ่อนชำระ 0% พร้อมรับเครดิตเงินคืนไม่จำกัดตลอดรายการอีกด้วย”

 

นางสาวสิรีรัตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับกลยุทธ์การตลาดในหมวดสุขภาพและความงามของเคทีซีจากนี้ จะเน้นทำการตลาดที่เข้าถึงแต่ละกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยศึกษาข้อมูลจากพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้าที่มีกำลังซื้อ เพื่อนำเสนอสิทธิพิเศษที่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด เน้นขยายสิทธิพิเศษไปยังร้านค้าท้องถิ่นที่คนต่างจังหวัดนิยมไปใช้ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดการใช้จ่ายในหมวดสุขภาพและความงามสูงขึ้น และมีส่วนในการเร่งให้ยอดการใช้จ่ายรวมผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในปีนี้เติบโตตามที่บริษัทฯ คาดการณ์  โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงของการใช้จ่ายเพื่อเตรียมรับเทศกาลแห่งความสุขต่างๆ เคทีซีจึงได้จัดแคมเปญการตลาดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี ได้แก่ รับสิทธิพิเศษเมื่อชำระค่าแพ็คเกจตรวจสุขภาพตามเงื่อนไขที่กำหนด พร้อมแพ็คเกจตรวจสุขภาพราคาพิเศษกับโรงพยาบาลที่ร่วมรายการ สำหรับหมวดความงามเคทีซีได้เตรียมแคมเปญ “ลุ้นสวยฟรีทั้งบิล” ให้สมาชิกรับสิทธิ์ลุ้นทำสวยฟรีรับปีใหม่ เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป และต้องไม่พลาด  เคทีซีร่วมกับวีซ่าขอเอาใจสายกีฬากับการแข่งขันฟุตบอลโลก FIFA World Cup Qatar 2022™ เชียร์บอลสนุก รับของ   พรีเมี่ยมมูลค่า 600 บาทจากร้านอาดิดาส (adidas) ที่ร่วมรายการ เมื่อใช้บัตรเครดิตเคทีซี - วีซ่าช้อปชุดกีฬาและอุปกรณ์กีฬาครบ 5,000 บาทต่อเซลส์สลิป”


 

 

(ในภาพจากซ้ายไปขวา) แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมวรรธน์ เฮลท์ จำกัด นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช ผู้อำนวยการ-การตลาดบัตรเครดิต  “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) นายแพทย์พุทธพงศ์ เหลืองรัตน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วี สแควร์ คลินิก และนายวีระเดช ผเด็จพล ผู้ก่อตั้ง เว็บไซต์ ฟิตดี ดอท คอม (Fit-D.com) และฟิตเนส สตูดิโอ ฟิตดี สเปซ (Fit-D Space) ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกความแข็งแกร่ง และโภชนาการสำหรับนักกีฬา Strength Training & Nutrition Specialist ร่วมกันแถลงข่าว ณ ห้องประชุมใหญ่ “เคทีซี” อาคารสมัชชาวาณิช 2 สุขุมวิท 33

 


Tags : เคทีซี KTC บัตรกรุงไทย สิรีรัตน์ คอวนิช แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล นายแพทย์พุทธพงศ์ เหลืองรัตน์ วีระเดช ผเด็จพล ธุรกิจบัตรเครดิต


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Awards) ประจำปี 2568 ให้แก่ธนาคารออมสิน โดยมีผู้แทนรับมอบรางวัลได้แก่ รศ.ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการธนาคารออมสิน พร้อมด้วย นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหาร ซึ่งเป็นปีที่ธนาคารออมสินได้รางวัลในระดับดีเด่นและเกียรติยศ ครบทั้ง 8 ประเภทรางวัลที่ธนาคารได้รับ จัดขึ้นโดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568     นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ได้พิจารณามอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นแก่ธนาคารออมสิน จำนวน 8 รางวัล ประกอบด้วย 1) รางวัลเกียรติยศรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม ธนาคารได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง โดยเป็นรางวัลที่มอบให้กับรัฐวิสาหกิจที่มีความโดดเด่นและมีมาตรฐานการดำเนินงานทุก ๆ ด้าน สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชน     2) รางวัลเกียรติยศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง จากการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ และผลักดันการบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 3) รางวัลเกียรติยศการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 7 ต่อเนื่อง จากการรักษามาตรฐาน การบริหารจัดการเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำพาองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ   4) รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น ที่มอบให้แก่นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผลงานเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 5) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจดิจิทัล จากการสร้างสรรค์และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาองค์กร ในมิติต่าง ๆ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล 6) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน จากการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ จนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม     7) รางวัลการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น โดยได้รับจากผลงานความสำเร็จของโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-Based Development) - โครงการลิบงสุขใจ ออมสินพัฒนา อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 8) รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น จากโครงการ GEN AI Branch Assistant : ผู้ช่วยสาขาอัจฉริยะ ที่ธนาคารพัฒนาขึ้นโดยการนำ AI มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของสาขา   นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของบุคลากรธนาคารออมสินทุกคนในการรักษามาตรฐานการบริหารจัดการองค์กรในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล ควบคู่กับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ธนาคารเพื่อสังคม” เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว    

26 Dec 2025

...

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ เอ ไลฟ์ (ALive Powered by AIA) โดยบริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด ส่งความห่วงใยถึงคนไทยทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 มอบแคมเปญ “ฟรี!!! ประกันอุบัติเหตุ กรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจข้ามปี” โดยมอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ (ไมโครอินชัวรันส์) ฟรีให้แก่ประชาชนทั่วไป ระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วัน ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท* เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเพิ่มความอุ่นใจสำหรับการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองกับครอบครัว ซึ่งแคมเปญดังกล่าวยังเป็นการขานรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกทั้งยังสานต่อพันธกิจของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives ทั้งนี้ สำหรับประชาชนทุกคนที่สนใจขอรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มฟรี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงไปที่เว็บไซต์ https://aiathailand.info/panyPR  ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569   หมายเหตุ: *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด กำหนด

20 Dec 2025

...

รายงานข่าวจากธนาคารออมสิน ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า ประเภทบุคคลธรรมดา ที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill ขอให้เร่งสมัครผ่านเว็บไซต์ของธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนี้เหลือเวลาเพียง 4 วันสุดท้าย ที่สามารถลงทะเบียนและเรียนให้จบหลักสูตร เพื่อรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ นับจากวันที่พัฒนาทักษะสำเร็จจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 สูงสุดไม่เกินรายละ 2,000 บาท หลักสูตร Smart Finance Upskill การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัสเป็นการเรียนออนไลน์กับธนาคารออมสิน ภายใต้โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย ประเภทบุคคลธรรมดา มุ่งเสริมทักษะทางการเงินที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ ครอบคลุมการทำบัญชี การคิดต้นทุน การตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ ผู้ที่เรียนจบและผ่านเกณฑ์ จะได้รับประกาศนียบัตรและรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 กด 7

19 Dec 2025

...

ธ.ก.ส. เร่งให้ความช่วยเหลือทหาร และ ตชด. วีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา โดยให้ความช่วยเหลือกับทหาร และ ตชด. ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือบิดา - มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชาได้กลับมาตึงเครียดในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี ตราด และสระแก้ว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร โดยปัจจุบันมีทหารที่เป็นสมาชิกครอบครัวของลูกค้า ธ.ก.ส. เสียชีวิต และเพื่อให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกค้า ธ.ก.ส. และเป็นการลดภาระเพื่อให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง คณะกรรมการธนาคาร โดย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. ได้มีมติในการประชุมวันนี้ (9 ธันวาคม 2568) ให้ความช่วยเหลือลูกค้า กรณีทหาร หรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่บิดา มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหารไปแล้ว จำนวน 7 ราย ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง  

14 Dec 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner