Responsive image

Saturday, 12 Jul 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME /ธุรกิจ-การตลาด-ขายตรง-เอสเอ็มอี


ถอดรหัสความสำเร็จของบัตรเครดิต "เคทีซี" กับเส้นทางเติบโตในหมวดสุขภาพและความงาม พร้อมเตรียมรุกกลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยม

Wed 09/11/2565


เคทีซีเผยแนวโน้มธุรกิจสุขภาพและความงามเติบโตสวนกระแส เห็นได้จากพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี เติบโตก้าวกระโดดสูงกว่าอุตสาหกรรม เดินหน้ากลยุทธ์การตลาดอย่างเข้าใจและเข้าถึงผู้บริโภค ท่ามกลางพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงและบริบทสังคมที่เปลี่ยนไปหลังสถานการณ์โควิด-19 เตรียมรุกขยายจับมือพันธมิตรร้านค้าครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ รวมถึงกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมี่ยมที่มีกำลังซื้อสูง ด้วยสิทธิพิเศษครบทุกรูปแบบ ทั้งส่วนลด เครดิตเงินคืนและการผ่อนชำระ พร้อมจัดสิทธิประโยชน์ส่งท้ายปีเอาใจสมาชิกที่ใช้บริการตรวจสุขภาพประจำปีที่โรงพยาบาล แคมเปญ “ลุ้นสวยฟรีทั้งบิล” และแคมเปญ KTC - VISA FIFA World Cup Qatar 2022 โดยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ในหมวดสุขภาพและความงามติดอันดับ 4 จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีทั้งหมด

นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช ผู้อำนวยการ-การตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภาพรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีด้านสุขภาพและความงามระหว่างเดือนมกราคม - กันยายน 2565 เติบโตดีมาก ด้วยแรงส่งจากหมวดโรงพยาบาล จากสถานการณ์โควิดที่ผ่อนคลายขึ้น จำนวนผู้ป่วยโควิดลดลง ทำให้โรงพยาบาลมีความพร้อมในการรักษาผู้ป่วยโรคอื่นๆ มากขึ้น ประกอบกับผู้ป่วยกลับมารักษาในบริการที่เคยชะลอการรักษาในช่วงโควิดระบาดหนัก เช่น บริการผ่าตัดต่างๆ หรือบริการทันตกรรม ซึ่งส่วนมากเป็นการรักษาที่มียอดใช้จ่ายสูง หมวดความงาม คลินิกเสริมความงามมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังเปิดให้บริการได้ตามปกติ ผู้บริโภคคลายกังวลและกลับไปใช้บริการมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและใช้บริการต่อเนื่อง อาทิ โปรแกรมยกกระชับและศัลยกรรมความงาม ประกอบกับเทรนด์ความงามกำลังมาแรงสำหรับผู้บริโภคในยุคนี้ที่ต้องการเสริมความมั่นใจเพื่อให้ตัวเองดูดี โดยผู้บริโภคที่มีอายุน้อยยังหันมาดูแลตัวเองในด้านความงามเพิ่มมากขึ้น”

“ส่วนหมวดกีฬาและฟิตเนส การใช้จ่ายในหมวดกีฬาและฟิตเนสเริ่มกลับมาคึกคัก ด้วยปัจจัยการแข่งขันกีฬาต่างๆ ที่กลับมาจัดงานได้อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นงานวิ่งหรือปั่นจักรยาน ทั้งนี้จากข้อมูลแพลตฟอร์มสมัครงานวิ่ง คาดว่าในปีนี้จะมีการจัดงานวิ่งประมาณ 600 -700 งาน ส่งผลให้สมาชิกเริ่มซื้อสินค้าอุปกรณ์กีฬาและบริการฟิตเนส สำหรับใช้ในการเตรียมตัวฝึกซ้อมเพื่อแข่งขันมากขึ้น นอกจากนี้ส่วนของสปอร์ตแฟชั่นที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่ส่งผลให้ผู้บริโภคซื้อสินค้าเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่การใส่เล่นกีฬาเพียงอย่างเดียว จึงทำให้เกิดการซื้อซ้ำมากขึ้น”

“เคทีซีมีจุดแข็งในการทำการตลาดแบบเข้าใจผู้บริโภค  โดยมอบสิทธิพิเศษดูแลสุขภาพแบบครบวงจร  เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้รอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยรักษา แต่ผู้บริโภคต้องการป้องกันก่อนที่จะเกิดโรค โดยมีการใส่ใจสุขภาพตนเองมากขึ้น ควบคู่กับการดูแลเรื่องความงามเพื่อให้เกิดความมั่นใจ นอกจากนั้นยังเน้นขยายการมอบสิทธิพิเศษครอบคลุมร้านค้าทุกภูมิภาคทั่วประเทศกับพันธมิตรธุรกิจชั้นนำ ในรูปแบบของส่วนลด เครดิตเงินคืน รวมถึงสามารถผ่อนชำระได้ ทำให้เราสามารถเข้าถึงสมาชิกผู้บริโภคได้มากขึ้น หมวดโรงพยาบาล ครอบคลุมพันธมิตรทั้งโรงพยาบาลรัฐบาล โรงพยาบาลเอกชน คลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม และร้านขายยา รวมกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ หมวดความงาม ครอบคลุมคลินิกเสริมความงาม ร้านนวดสปา ร้านทำผม ร้านทำเล็บกว่า 3,000 แห่งทั่วประเทศ หมวดกีฬาและฟิตเนส ครอบคลุมทุกแบรนด์กีฬา และร้านค้ากีฬาชั้นนำ สตูดิโอฟิตเนสขนาดใหญ่ รวมถึงร้านค้า ฟิตเนสรายย่อยกว่า 500 ร้านค้าทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมี “KTC Sports Group” ซึ่งเป็น Community ของสมาชิกบัตรที่มีไลฟ์สไตล์รักการออกกำลังกาย โดยมีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพด้วยการออกกำลังกายตลอดทั้งปี มีสมาชิกภายในกลุ่มมากกว่า 4,000 คน ด้วยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ส่งผลให้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดสุขภาพและความงามมีมูลค่า 15,961 ล้านบาท เติบโต 39% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 และมียอดใช้จ่ายเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมเมื่อเทียบกับภาพรวมของตลาด โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีเติบโตสูงกว่าตลาดทั้ง 4 หมวด ได้แก่ หมวดโรงพยาบาล หมวดความงาม หมวดกีฬาและฟิตเนส”

 

แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมวรรธน์ เฮลท์ จำกัด กล่าวว่า “หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 เทรนด์การดูแลสุขภาพเน้นในเชิงป้องกัน (Preventive) เช่น การตรวจสุขภาพ  ทานอาหารสุขภาพ ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ออกกำลังกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ให้มีสุขภาพยืนยาว (Longevity) และใส่ใจสุขภาพจิตกันมากขึ้น (Mental Health) โดยเน้นการจัดการกับความเครียด เพื่อลดภาวะซึมเศร้าและลดความเครียดในชีวิตประจำวัน ประกอบกับนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีเติบโตขึ้น การเข้าถึงแพทย์หรือการดูแลสุขภาพก็ไม่ใช่เรื่องยาก รวมถึงมีการวางแผนรูปแบบโปรแกรมการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยและอาการของโรคในแต่ละคน  (Personalized) ที่จะกลายเป็นเทรนด์สุขภาพในอนาคตซึ่งสามารถป้องกันได้ก่อนเกิดโรค”

“ด้วยความท้าทายของธุรกิจการดูแลสุขภาพ (Healthcare)  ที่ถูกเทคโนโลยีและ COVID-19 เข้ามาเป็นตัวแปรทำให้ โรงพยาบาลต้องมีการปรับเปลี่ยน ปรับตัวตลอดเวลา เริ่มจากแนวคิด #เราไม่อยากให้ใครป่วย เน้นการตรวจเพื่อป้องกันการเกิดโรคในแต่ละช่วงวัย (Early Detection และ Total Health Solution) ที่ย่อมจะดีกว่าการรักษา ซึ่งสิ่งที่     สมิติเวชให้ความสำคัญมาตลอด คือมีการนำเทคโนโลยีมาร่วมกับการแพทย์ เพื่อให้คนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ง่ายยิ่งขึ้น เช่น บริการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ออนไลน์ 24 ชั่วโมง (Samitivej Virtual Hospital) แอปพลิเคชันติดตามข้อมูลสุขภาพผู้ป่วยโรคเบาหวาน และความดันโลหิตแบบเรียลไทม์ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง (Engage Care) ระบบติดตามสถานะการผ่าตัดแบบเรียลไทม์ (Samitivej Pace) ระบบติดตามสถานะการดูแลผู้ป่วยในวอร์ด (Samitivej Prompt) และแอปฯ พบหมอผิวหนัง ซื้อยา ช้อปดีลความงาม (SkinX)”

“SkinX” คือ แพลตฟอร์มสำหรับปรึกษาแพทย์ผิวหนังออนไลน์ที่ครบวงจรที่สุดในประเทศไทย ถือเป็นแอปพลิเคชันด้านการรักษาผ่านระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) ที่รวบรวมแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังไว้มากที่สุด โดยมียอดผู้ดาวน์โหลดใช้งานแล้วกว่า 400,000 ครั้ง ให้บริการตั้งแต่พบแพทย์เพื่อให้คำปรึกษา สั่งยา เก็บประวัติ ติดตามผล และมีราคายาที่เป็นธรรม พร้อมบริการจัดส่งยาตามใบสั่งแพทย์โดยเภสัชกรถึงบ้าน นอกจากนั้นยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลผิวโดยเภสัชกร (SkinX Store) พร้อมรวมดีลแพ็กเกจความงามจากโรงพยาบาล และคลินิกที่ได้มาตรฐานไว้ในแอปฯ เดียว (SkinX Super Deal) โดยสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีจะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ รับส่วนลด 100 บาท เมื่อมียอดใช้จ่ายขั้นต่ำผ่านเเอปฯ 1,000 บาท พร้อมกรอกโค้ด "KTC100" รับส่วนลด 50% เมื่อซื้อดีลความงาม (ลดสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท จำกัด 10 คน ตลอดเเคมเปญ) เพียงกรอกโค้ด  "KTC50" ในขั้นตอนสรุปค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2565 สมาชิกเคทีซีสามารถดาวน์โหลดแอปฯ SkinX ได้ที่ http://bit.ly/SkinXapp  นอกจากนั้นโรงพยาบาลสมิติเวชยังมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตเคทีซีระดับพรีเมี่ยมตามที่กำหนด รับสิทธิ์การเป็นสมาชิกสมิติเวช เฟิร์ส (Samitivej First) ทันทีเมื่อแสดงบัตรฯ ที่เดอะ เฟิร์ส เลาจน์ (The First Lounge) โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท หรือที่สมิติเวช เอ็กซ์คลูซีฟ เลานจ์ (Samitivej Exclusive Lounge) โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 – 31 ธันวาคม 2566”

 

นายแพทย์พุทธพงศ์ เหลืองรัตน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วี สแควร์ คลินิก (V Square Clinic) กล่าวว่า “สมัยก่อนคนมักยึดติดกับความสวยงามในแบบที่อยากจะเป็น และมักคิดว่าจะดูดีขึ้นได้ต้องทำศัลยกรรม แต่ปัจจุบันคนยอมรับความสวยความหล่อในแบบที่ตัวเองเป็น แล้วนำตัวตนมาพัฒนาให้ดูดีขึ้น ส่งผลให้เกิดความมั่นใจในแบบของตน (Self Confidence) ซึ่งตรงกับวิสัยทัศน์ของวี สแควร์ คลินิก ที่ต้องการให้คนมีความมั่นใจมากขึ้นในแบบของตัวเอง ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ กับการเน้นหัตถการที่ทำแล้วธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดผลเสียในระยะยาว เช่น ใช้โบท็อกซ์ (Botox) ฟิลเลอร์ (Filler) หรือเครื่องมือยกกระชับทดแทน (Face Lift Machine) จึงไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่ยนโครงหน้าของตัวเองเสมอไป เราเน้นความสำคัญของความรู้จริงในสิ่งที่นำเสนอลูกค้า มีข้อมูลที่แน่นอน ทำแล้วเห็นผล เน้นความจริงใจ ด้วยแพทย์ที่มีประสบการณ์กับผลิตภัณฑ์ที่ดีในราคาคุ้มค่า ในบรรยากาศพรีเมี่ยมและบริการที่เป็นเลิศ  ที่ผ่านมา  วี สแควร์ คลินิก และเคทีซีเป็นพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมาอย่างยาวนานตั้งแต่ในช่วงแรกของการดำเนินธุรกิจ เป็นที่ปรึกษาร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและนำไปพัฒนาการบริการของร้าน  มีลูกค้าเคทีซีไปใช้บริการที่คลินิกจำนวนมาก โดยนิยมใช้บริการ โบท็อกซ์  ฟิลเลอร์ และโปรแกรมยกกระชับ วี สแควร์ คลินิก จึงขอมอบสิทธิพิเศษให้แก่สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถซื้อโปรโมชั่นโบเทอร่า ประกอบด้วยโบท็อกซ์ อัลเลอร์แกน (Allergan) ทั่วหน้า 100 ยูนิต และอัลเทอร่า เอสพีที (Ulthera SPT) 400 line ในราคาเพียง 48,000 บาท จากปกติ 58,000 บาท และยังสามารถผ่อนชำระ 0% ได้นาน 4 เดือน โดยไม่กำหนดยอดใช้จ่ายขั้นต่ำ พร้อมรับเครดิตเงินคืนไม่จำกัดตลอดรายการ เพียงลงทะเบียนเข้าร่วมรายการที่ www.ktc.co.th/beauty (สิทธิพิเศษนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 - 30 พฤศจิกายน 2565 กรุณานัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ)

 

นายวีระเดช ผเด็จพล  ผู้ก่อตั้ง เว็บไซต์ ฟิตดี ดอท คอม (Fit-D.com) และฟิตเนส สตูดิโอ ฟิตดี สเปซ (Fit-D Space) ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกความแข็งแรง และโภชนาการสำหรับนักกีฬา (Strength Training & Nutrition Specialist) กล่าวว่า “เทรนด์การออกกำลังกายตอนนี้มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ได้จำกัดเฉพาะการวิ่งในสวนสาธารณะ  โยคะในสตูดิโอ หรือออกกำลังกายในยิมเท่านั้น  แต่ยังมีสตูดิโอหรือสถานที่ออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ รวมถึงมีการจัดแข่งขันวิ่งและกีฬาอื่นๆ ในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น ซึ่งที่ ฟิตดี สเปซ เราให้ความสำคัญกับเป้าหมายของลูกค้าในทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ต้องการพัฒนาขีดความสามารถของตัวเอง หรือกลุ่มคนที่ได้รับการบาดเจ็บต้องการฟื้นฟูร่างกาย กลุ่มคนที่ต้องการดูแลสุขภาพหรือรูปร่าง โดยมีทีมบุคลากรคุณภาพที่เพียบพร้อมด้วยประสบการณ์และความรู้ ช่วยออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายให้เหมาะสม เพื่อให้ลูกค้าบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่สำคัญต้องสามารถทำได้จริงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องในระยะยาวด้วย”

“นอกจากนี้เรื่องของโภชนาการที่ดีก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่เฉพาะแค่คนที่ต้องการลดน้ำหนักเท่านั้นที่ต้องให้ความใส่ใจ แต่ควรปรับให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำ เพื่อให้การออกกำลังกายได้ประสิทธิภาพ มีพัฒนาการที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เต็มที่ และช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายได้ด้วย  สำหรับเว็บไซต์ ฟิตดี ดอทคอม เป็นคลังความรู้เกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกาย ที่เราตั้งใจพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับลูกค้าและบุคคลทั่วไป สามารถเข้าไปอ่านบทความดีๆ ที่น่าสนใจ รวมถึงท่าออกกำลังกายกล้ามเนื้อมัดต่างๆ เพื่อนำไปดูและฝึกตามที่บ้านได้เอง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย”

“สุดท้ายเมื่อเราเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพและรูปร่างที่ดีขึ้น เราจะสนุกกับการออกกำลังกาย และทำได้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างยั่งยืน ซี่งสอดคล้องกับกิจกรรม Burn & Earn Challenge และกิจกรรม Tiny Habit Challenge ใน “KTC Sports Group” ทั้งสองเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นให้สมาชิกได้ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ด้วยการส่งผลการออกกำลังกายอย่างน้อย  600 นาทีต่อเดือน สร้างเป้าหมายให้กับสมาชิก นอกจากนี้ยังมอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เมื่อใช้บริการที่ฟิตดี สเปช สามารถผ่อนชำระ 0% พร้อมรับเครดิตเงินคืนไม่จำกัดตลอดรายการอีกด้วย”

 

นางสาวสิรีรัตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับกลยุทธ์การตลาดในหมวดสุขภาพและความงามของเคทีซีจากนี้ จะเน้นทำการตลาดที่เข้าถึงแต่ละกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยศึกษาข้อมูลจากพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้าที่มีกำลังซื้อ เพื่อนำเสนอสิทธิพิเศษที่ตรงกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด เน้นขยายสิทธิพิเศษไปยังร้านค้าท้องถิ่นที่คนต่างจังหวัดนิยมไปใช้ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดการใช้จ่ายในหมวดสุขภาพและความงามสูงขึ้น และมีส่วนในการเร่งให้ยอดการใช้จ่ายรวมผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในปีนี้เติบโตตามที่บริษัทฯ คาดการณ์  โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงของการใช้จ่ายเพื่อเตรียมรับเทศกาลแห่งความสุขต่างๆ เคทีซีจึงได้จัดแคมเปญการตลาดเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี ได้แก่ รับสิทธิพิเศษเมื่อชำระค่าแพ็คเกจตรวจสุขภาพตามเงื่อนไขที่กำหนด พร้อมแพ็คเกจตรวจสุขภาพราคาพิเศษกับโรงพยาบาลที่ร่วมรายการ สำหรับหมวดความงามเคทีซีได้เตรียมแคมเปญ “ลุ้นสวยฟรีทั้งบิล” ให้สมาชิกรับสิทธิ์ลุ้นทำสวยฟรีรับปีใหม่ เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิป และต้องไม่พลาด  เคทีซีร่วมกับวีซ่าขอเอาใจสายกีฬากับการแข่งขันฟุตบอลโลก FIFA World Cup Qatar 2022™ เชียร์บอลสนุก รับของ   พรีเมี่ยมมูลค่า 600 บาทจากร้านอาดิดาส (adidas) ที่ร่วมรายการ เมื่อใช้บัตรเครดิตเคทีซี - วีซ่าช้อปชุดกีฬาและอุปกรณ์กีฬาครบ 5,000 บาทต่อเซลส์สลิป”


 

 

(ในภาพจากซ้ายไปขวา) แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สมวรรธน์ เฮลท์ จำกัด นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช ผู้อำนวยการ-การตลาดบัตรเครดิต  “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) นายแพทย์พุทธพงศ์ เหลืองรัตน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วี สแควร์ คลินิก และนายวีระเดช ผเด็จพล ผู้ก่อตั้ง เว็บไซต์ ฟิตดี ดอท คอม (Fit-D.com) และฟิตเนส สตูดิโอ ฟิตดี สเปซ (Fit-D Space) ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกความแข็งแกร่ง และโภชนาการสำหรับนักกีฬา Strength Training & Nutrition Specialist ร่วมกันแถลงข่าว ณ ห้องประชุมใหญ่ “เคทีซี” อาคารสมัชชาวาณิช 2 สุขุมวิท 33

 


Tags : เคทีซี KTC บัตรกรุงไทย สิรีรัตน์ คอวนิช แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล นายแพทย์พุทธพงศ์ เหลืองรัตน์ วีระเดช ผเด็จพล ธุรกิจบัตรเครดิต


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารประสบความสำเร็จได้รับรางวัลระดับเอเชีย Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2025 สาขา Social Empowerment จาก MyMo Secure Plus นวัตกรรมความปลอดภัยบน Mobile Banking ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ให้ลูกค้า บูรณาการร่วมกับ แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ เพื่อสื่อสารสร้างการรับรู้และเสริมภูมิคุ้มกันภัยทางการเงิน พร้อมกันนี้ ธนาคารออมสินยังได้รับรางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability ในฐานะองค์กรที่มีความโดดเด่นและมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติจนได้รับรางวัล AREA มาแล้ว 5 ปี จาก Enterprise Asia องค์กรพัฒนาเอกชนชั้นนำที่ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบในเอเชีย เพื่อเชิดชูและให้เกียรติองค์กรธุรกิจที่มีการดำเนินงานตามแนวทาง ESG และเป็นต้นแบบองค์กรชั้นนำในภูมิภาคเอเชียที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ     ธนาคารออมสินถือเป็นธนาคารแรกที่พัฒนาโหมดปลอดมิจฉาชีพ ภายใต้ชื่อ MyMo Secure Plus เพื่อช่วยดูแลเงินฝากขั้นสูงสุดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มที่ไม่รู้เท่าทันมิจฉาชีพที่เปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงตลอดเวลา ออกแบบโดยเน้นการทำธุรกรรมทางการเงินแบบจำกัดเฉพาะรายการที่จำเป็น อาทิ การโอนเงินไปยังบัญชีตนเองภายในธนาคารและต่างธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ และการจำกัดวงเงินในการทำธุรกรรมต่อวัน ทั้งนี้ ธนาคารออมสินไม่เพียงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นธนาคารแรกที่ดำเนินกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC) ผ่าน แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ ดำเนินการอย่างเข้มข้นผ่านช่องทางการสื่อสารที่ครบวงจร ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ สื่อนอกบ้าน หรืออินฟลูเอนเซอร์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุด เนื่องจากธนาคารตระหนักดีถึงความสูญเสียของประชาชนและวิกฤตของอาชญากรรมออนไลน์ที่นับวันจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ จึงเป็นความพยายามของธนาคารในการที่จะกระตุ้นเตือนให้ประชาชนรู้เท่าทันกลลวงและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพทางการเงิน     รางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability และ Social Empowerment ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงบทบาทของธนาคารออมสินในฐานะ Social Bank ที่ไม่เพียงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนการสร้าง Social Impact เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยบรรเทาปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ธนาคารยังคงยึดมั่นในหลักการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบตามแนวทาง ESG เพื่อก้าวสู่เป้าหมายความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม ตลอดจนเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว  

01 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner