Responsive image

Saturday, 27 Jul 2024

หน้าแรก > INSURANCE/ประกันภัย-ประกันชีวิต


“วิริยะประกันภัย” ประกาศแผนงานปี 66 “ปีแห่งนวัตกรรมบริการทั่วไทย” ตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 43,000 ล้านบาท

Fri 24/03/2566


วิริยะประกันภัย เดินหน้าพัฒนางานบริการไม่หยุดยั้ง ประกาศแผนงานปี 2566 “ปีแห่งนวัตกรรมบริการ : ทุกความเสี่ยงภัย เราพร้อมเคียงข้างคุณ” เผยการมุ่งมั่นพัฒนางานบริการที่กระทำมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ส่งผลให้ผลประกอบการปี 2565 เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากปี 2564 ซึ่งเติบโตอยู่เพียง 1.6% แต่ปีที่ผ่านมากลับเติบโตถึง 5.78% สูงกว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันภัยในภาพรวม ซึ่งประเมินกันว่าจะเติบโตที่ 3.5-4.5% โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 40,991 ล้านบาท ขณะที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าลูกค้าทะลักขึ้นแท่นเบอร์ 1 เหมือนเดิม ส่วนเป้าหมายปี 66 ตั้งเป้าเติบโต 6% ด้านสถานะทางการเงินยังคงเข้มแข็ง แต่สินทรัพย์ยังคงที่ในระดับเกือบ 70,000 ล้านบาท ส่วนอัตราส่วนเงินกองทุนยังคงเกินค่ามาตรฐานอยู่ที่ 154.97%

นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาผู้คนในสังคมได้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายและไม่สามารถควบคุมได้ และเลือกใช้ระบบประกันภัยเข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยง จึงกลายเป็นปัจจัยบวกทำให้ภาพรวมของธุรกิจประกันภัยในปีที่ผ่านมามีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งประเมินกันว่าจะเติบโตอยู่ที่ 3.5-4.5%  ส่วนการดำเนินงานของวิริยะประกันภัยในรอบปีที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังมีต่อวิริยะประกันภัย และตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของธุรกิจประกันวินาศภัย โดยในปี 2565 วิริยะประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 40,991 ล้านบาท เติบโต 5.78% แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 35,847 ล้านบาท ส่วนเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์หรือนอนมอเตอร์ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 5,144 ล้านบาท

“ในขณะที่สถานะการเงินวิริยะประกันภัยยังคงมีความมั่นคงเหมือนเดิม โดยมีสินทรัพย์อยู่ที่ 69,946.94 ล้านบาท ด้านอัตราส่วนเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามกฎหมายยังอยู่ในระดับสูงกว่าค่ามาตรฐาน โดยมีอัตราส่วนอยู่ที่ประมาณ 154.97%” นายอมรกล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2566 นี้ นายอมรเปิดเผยว่า วิริยะประกันภัยยังคงใช้รากฐานความคิดที่เป็นปรัชญาในการทำธุรกิจที่ยึดมั่นมาตลอด 76 ปี และกลายเป็น DNA ของวิริยะประกันภัยไปแล้ว นั่นคือ “ความเป็นธรรม คือนโยบาย” และยังคงใช้กลยุทธ์ในการยึดหลักของลูกค้าเป็นศูนย์กลางเหมือนเดิม แต่ต้องตอบรับกับความเปลี่ยนแปลง ยืดหยุ่น และตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้เพื่อที่ วิริยะประกันภัยยังคงเป็นที่หนึ่งแห่งความเชื่อมั่นในทุกมาตรฐานประกันภัย โดยได้ตั้งเป้ายอดขายปี 2566 ไว้ประมาณ 43,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 6 แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประมาณ 37,600 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 5 เบี้ยประกันภัยนอนมอเตอร์ประมาณ 5,700 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 11

นายอมรเปิดเผยต่อไปอีกว่า ส่วนกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 66 นี้จะอยู่ภายใต้แนวคิด “ปีแห่งนวัตกรรมบริการ : ทุกความเสี่ยงภัย เราพร้อมเคียงข้างคุณ” ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มเติมต่อยอดพัฒนาด้านเทคโนโลยีและสร้างนวัตกรรมบริการ โดยจะมุ่งเน้นให้หน่วยงานของบริษัทฯ ที่มีเครือข่ายอยู่ทุกทิศทั่วไทยมีมาตรฐานทางเทคโนโลยีเดียวกัน มีนวัตกรรมบริการที่สอดรับความต้องการแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ได้วางเป้าประสงค์หลักไว้ 3 เป้าหมายด้วยกัน คือ เป้าหมายด้านช่องทางการขาย ด้วยการยกระดับให้สำนักงานมาตรฐานตัวแทนเป็นสำนักงานดิจิตอล สามารถออกกรมธรรม์ให้ลูกค้าได้ด้วยตัวของสำนักงานเอง ทั้งกรมธรรม์ตัวจริงหรือกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ ส่งตรงถึงมือถือลูกค้าทันทีที่ได้มีการตกลงทำสัญญาประกันภัย นั่นก็หมายความว่า จะเกิดความสะดวกทั้งตัวแทนวิริยะประกันภัย และลูกค้าไม่ต้องเดินทางไปมาซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ลูกค้ายังมั่นใจได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองแน่นอนและทันทีที่ได้ตกลงทำสัญญาประกันภัย

ในขณะที่เป้าหมายด้านการบริการสินไหมทดแทน นอกจากระบบเคลมออนไลน์ “VClaim on VCall” ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้ขยายบริการไปทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้วิริยะประกันภัยยังคงขยายพื้นที่ให้บริการที่เรียกกันว่า “จุดรอตรวจสอบอุบัติเหตุ” ออกไปทั่วไทย ด้วยการใช้ข้อมูลเป็นตัววิเคราะห์เพื่อหาจุดสมดุลบริการอย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ยังได้จัดหา AI มาทำหน้าที่ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น ควบคู่กับพนักงานสินไหมทดแทนที่มากประสบการณ์ เพื่อที่จะได้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

อีกเป้าหมายหนึ่งคือด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์  ซึ่งในปัจจุบันวิริยะประกันภัยได้สร้างผลิตภัณฑ์สนองรับความต้องการได้หลากหลายครอบคลุมทุกความเสี่ยงภัย รวมแล้วกว่า 60 ผลิตภัณฑ์ และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรงต่อความต้องการอย่างแท้จริง อันเป็นผลมาจากการใช้กลยุทธ์ในปีที่ผ่านมา “Data-Driven Innovation : เข้าใจ เข้าถึง เคียงข้างคุณทุกความเสี่ยงภัย” ประกอบกับวิริยะประกันภัยมีจุดแข็งอยู่ที่ฐานข้อมูล ซึ่งมีฐานลูกค้ากว่า 8 ล้านกรมธรรม์ จึงทำให้การทำงานวิจัยเพื่อค้นหาความต้องการของผู้บริโภคสามารถทำได้ลึก และในปีนี้จะลงลึกถึงความต้องการของผู้คนในแต่ละภูมิภาคเป็นการเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการประกันภัยรถยนต์หรือประกันภัยสุขภาพที่ลงลึกถึงการตลาดแบบ Personalization ผลิตภัณฑ์ความคุ้มครองเฉพาะตัวและตรงข้อเท็จจริงของแต่ละบุคคล

ส่วนทางด้านการรับประกันภัยรถไฟฟ้า นายอมรกล่าวว่า วิริยะประกันภัยได้เตรียมความพร้อมมากว่า 4 ปีแล้ว โดยได้ศึกษามาตั้งแต่วิวัฒนาการจากรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด จนมาสู่ระบบไฟฟ้าเต็มตัว ซี่งเป็นการพัฒนาร่วมกันกับผู้ประกอบการ ตลอดไปถึงสถาบันการศึกษาที่มีความรู้ความชำนาญทางด้านนี้ อีกทั้งความรู้ที่ได้รับและผลพันธ์ที่ได้พัฒนาร่วมกันดังกล่าว ได้ส่งต่อไปเป็นองค์ความรู้ให้กับบุคลากรด้านสินไหมทดแทน และเจ้าหน้าที่ของศูนย์ซ่อมมาตรฐานวิริยะประกันภัย ซึ่งในปีนี้จะขยายองค์ความรู้ไปยังกลุ่มตัวแทนนายหน้าในสังกัดอีกด้วย โดยในปัจจุบันวิริยะประกันภัยได้ให้ความคุ้มครองรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วจำนวน 5,286 คัน และยังคงเป็นบริษัทที่รับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน

“ต้องยอมรับว่าเราเริ่มก้าวสู่โลกแห่งความไม่แน่นอนเต็มตัว และจะทำให้ผู้คนให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงและการประกันภัยมากขึ้น และต้องหมายรวมไปถึงความต้องการด้านบริการที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี จึงถือเป็นหน้าที่และความท้าทายของวิริยะประกันภัยที่ต้องพร้อมสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มครองซับซ้อนขึ้น ตลอดไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด เกิดประสบการณ์ที่ดีในทุก Touch Point และเกิดความเชื่อมั่นในคำนิยามที่ว่า “ทุกความเสี่ยงภัย เราพร้อมเคียงข้างคุณ” นายอมรกล่าว

ทางด้าน นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยเพิ่มเติมถึงการพัฒนานวัตกรรมด้านบริการว่า ในรอบปีที่ผ่านมาวิริยะประกันภัยได้พัฒนาเทคโนโลยี ส่งมอบองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้กับตัวแทนและคู่ค้า เพื่อสร้างคุณค่าที่แตกต่างส่งมอบให้กับลูกค้า ดังเช่นในปัจจุบันนี้สำนักงานตัวแทนวิริยะประกันภัยสามารถใช้โปรแกรมออกกรมธรรม์เองได้เลย รวมถึงระบบตรวจสภาพรถยนต์ผ่านออนไลน์ก่อนทำประกันภัยอีกด้วย นั้นก็หมายความว่าลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองที่รวดเร็วและเชื่อถือได้

ในขณะที่งานบริการหลังการขาย โดยเฉพาะการบริการด้านสินไหมทดแทน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารงานของวิริยะประกันภัย  จนได้รับการยอมรับและยังคงเป็นบริษัทประกันวินาศภัยอันดับ 1 มาจนทุกวันนี้ ดังนั้นวิริยะประกันภัยจึงเดินหน้าสานต่อนโยบายบริหารสินไหมแบบองค์รวม กล่าวคือ ดูแลทุกองค์ประกอบสำคัญของงานสินไหมซึ่งความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงและสอดประสานกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้แก่ เครือข่ายศูนย์บริการสินไหม (Network), บุคลากร (People) , ข้อมูล (Data) และนวัตกรรม (Innovation) หรือ NPDI

โดยงานเครือข่ายศูนย์บริการสินไหม (Network) วิริยะประกันภัยได้ขยายเครือข่ายศูนย์บริการสินไหมทดแทนเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทย ง่ายในการเข้าถึงบริการ เช่น เปิดจุดบริการเคลื่อนที่เร็วในย่านการจราจรที่หนาแน่น หรือ จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย เช่น สถานีบริการน้ำมัน พื้นที่ชุมชน ศูนย์การค้า เส้นทางจราจรหลัก ฯลฯ เพื่อสร้างจุดสมดุลบริการอย่างไร้รอยต่อ ในขณะที่งานพัฒนาบุคลากร (People) แม้โลกทุกวันนี้จะก้าวล้ำพัฒนาไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับธุรกิจประกันภัย การดูแลคนด้วยคนถือเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น เนื่องจากขณะที่ต้องประสบอุบัติเหตุ หรือการสูญเสีย การดูแลเอาใจใส่ผู้เอาประกันภัยด้วยพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมเป็นอย่างดี มีความเป็นมืออาชีพ ย่อมช่วยให้ผู้เอาประกันภัยอุ่นใจ และเกิดความมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลช่วยเหลือให้ผ่านพ้นจากสถานการณ์คับขันไปได้ด้วยดี

“โดยเฉพาะพนักงานสำรวจอุบัติเหตุของวิริยะประกันภัย หรือ ที่รู้จักกันในนาม “พนักงานเคลม” คือ Touch Point สำคัญในการส่งมอบบริการสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัย พนักงานเคลมทั้งหมดจำนวนกว่า 1,400 คน เป็นพนักงานของบริษัทฯ เราไม่ใช้ Outsource ลูกค้าของเราต้องดูแลด้วยคนของเรา พนักงานเคลมของวิริยะทุกคนผ่านการคัดเลือก ทดสอบความรู้ ฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ด้วยหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นเองจากการสั่งสมประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่น ความที่วิริยะคือเบอร์หนึ่งเรื่องประกันภัยรถยนต์ เรื่องสินไหมจึงเป็นงานที่เราเชี่ยวชาญ พนักงานเคลมของวิริยะได้รับรางวัลผู้สำรวจอุบัติเหตุรถยนต์ดีเด่น หรือ “Best Surveyor Award” จาก สมาคมประกันวินาศภัยไทย อย่างต่อเนื่อง” นายสยมกล่าว

นายสยมเปิดเผยต่อไปอีกว่า ส่วนงานบริหารจัดการข้อมูล (Data Analytics) วิริยะประกันภัยได้พัฒนา “ระบบข้อมูลสินไหมอัจฉริยะ” (Intelligence Claim System by Big Data Analytics : BDA) โดยใช้จุดแข็งของวิริยะประกันภัยที่อยู่ในธุรกิจมายาวนานกว่า 76 ปี และครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งมาอย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน ส่งผลให้บริษัทฯ มีข้อมูลสินไหมทดแทนจำนวนมากมาย ที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้เอาประกันภัยได้อย่างมากมาย หลากหลายแง่มุม ไม่เพียงเฉพาะในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่ยังช่วยในเรื่องการพัฒนางานสินไหมได้อย่างน่าทึ่ง เช่น การที่เรามีข้อมูลจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย บริษัทฯ จะร่วมมือกับภาครัฐในการรณรงค์หามาตรการลดหรือบรรเทาอุบัติภัยบนท้องถนน หรือ เตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตามจุดใกล้เคียงเพื่อออกบริการสินไหมได้รวดเร็วขึ้น ลดระยะเวลาการรอคอยของผู้เอาประกันภัย ฯลฯ

ในขณะที่งานสรรหาและพัฒนานวัตกรรมประกันภัยใหม่ ๆ (Innovation) ที่จะมาช่วยพัฒนาระบบงานสินไหม สนับสนุนการทำงานของพนักงานด้านสินไหม และสำคัญที่สุดคือเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้ผู้เอาประกันภัย วิริยะประกันภัยมีความพร้อมอย่างเต็มที่ ในการขับเคลื่อนบริการสินไหมทดแทนด้วยนวัตกรรมด้านประกันภัยที่ทันสมัย เช่น การดูแลสินไหมรถยนต์ EV ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั้งโซนยุโรปและเอเชีย ต่างก็แข่งกันพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ EV เนื่องจากได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภคทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย หลายค่ายทยอยเปิดตัวรถยนต์ EV รุ่นใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง สำหรับวิริยะประกันภัย เรามีความพร้อมอย่างเต็มกำลังในการรองรับตลาดรถยนต์ EV ทั้งในส่วนบุคคล และเชิงพาณิชย์ เนื่องจากผู้ประกอบการภาคธุรกิจชั้นนำ หรือแม้แต่องค์กรภาครัฐต่างก็หันมารณรงค์การใช้รถยนต์ EV เพื่อขับเคลื่อน Green Economy System สร้างเศรษฐกิจควบคู่กับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อสังคมไทยเติบโตแบบยั่งยืน

ส่วนแผนงานด้านการประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์หรือ Non-Motor นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว หลังจากการระบาดอย่างรุนแรงของโรคโควิด-19 มาหลายปี ซึ่งแนวทางการดำเนินงานมุ่งเน้นที่จะดูแลและพัฒนาการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไปให้สมกับความไว้วางใจจากลูกค้า เป็นปีที่มุ่งเน้นการปรับปรุงระบบงานพื้นฐานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพขึ้น ทั้งการพัฒนาระบบ Core System ใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการบริการประกันภัย  รองรับการเติบโตของบริษัทฯ  การปรับปรุง Website เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำการตลาดแบบ Personalization Marketing เพื่อมอบประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลมากขึ้น การพัฒนาระบบ CRM เพื่อรองรับการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าและคู่ค้า ซึ่งโครงการต่าง ๆ นี้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาในปี 2566 โดยจะสามารถเริ่มใช้งานได้ในช่วงต้นปี 2567 ส่วนการพัฒนาระบบ CRM  ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสนับสนุนกลยุทธ์ที่คำนึงถึงลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) โดยภายในไตรมาสที่สองของปีนี้ ระบบ CRM ในส่วนของการให้บริการ Call Center และการให้บริการต่ออายุประกันสุขภาพและอุบัติเหตุจะแล้วเสร็จ ทั้งนี้มองว่า CRM นี้เป็นระบบที่ต้องมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าและเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยจะมีการขยายผลเพื่อพัฒนาเพิ่มฟีเจอร์ในลำดับต่อไป

“สำหรับเป้าหมายปี 2566 วิริยะประกันภัยมุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมและเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน ด้วยการวางแผนขยายอัตราส่วนประกันภัย Non-Motor เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 10.65% ประมาณการเบี้ยประกันภัยรับอยู่ที่ 5,694 ล้านบาท โดยยังคงมุ่งเน้นที่จะขยายงานผลิตภัณฑ์ประกันภัยส่วนบุคคล หรือ Personal Line เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยอุบัติเหตุ ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยอะไหล่รถยนต์ รวมถึงประกันภัยสำหรับบ้านที่อยู่อาศัย”

นางฐวิกาญจน์ กล่าวต่อไปว่า กลยุทธ์ในการขยายงานประกันภัยส่วนบุคคลในปีนี้ของเรา คือ การต่อยอดจากช่องทางตัวแทน/นายหน้าที่เป็นช่องทางการขายที่มีศักยภาพสูงของบริษัทฯ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปยังผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจง่าย ไม่ว่าจะประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันการเดินทาง และ ประกันอะไหล่รถยนต์ ที่สามารถนำเสนอควบคู่ไปกับประกันรถยนต์ภาคสมัครใจได้เป็นอย่างดี ซึ่งบริษัทฯ เองอยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มฐานลูกค้าประกันภัยรถยนต์ของบริษัท โดยมุ่งเน้นที่จะดูแลค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมในทุกมิติ ด้วยการออกแบบแพ็กเกจที่ทำงานคุ้มครองคู่กัน ทั้งรถชนและรถเสีย คุ้ม ครบ จบที่วิริยะฯ ซึ่งก็จะเป็นแผนประกันภัยที่ตัวแทนนายหน้าสามารถนำไปเสนอขายได้ไม่ยากเช่นกัน

“ในขณะเดียวกันบริษัทเองยังมุ่งเน้นในการขยายงานผลิตภัณฑ์ในกลุ่มลูกค้า SME เพื่อรองรับการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ เช่น ผลิตภัณฑ์ธุรกิจปลอดภัย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์กับกลุ่มธุรกิจ SME’s ที่จะเข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยง หากธุรกิจเกิดความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ประกันภัยธุรกิจปลอดภัยนี้จะเป็นตัวช่วยที่ดี ที่จะทำให้ธุรกิจของลูกค้ายังคงดำเนินไปได้อย่างมั่นคง” นางฐวิกาญจน์ กล่าวในที่สุด

 


Tags : วิริยะประกันภัย วิริยะประกันภัยประกาศแผนงานปี 2566 อมร ทองธิว สยม โรหิตเสถียร ฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน มอบรางวัลทองคำแท่งหนัก 10 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 26.5 ล้านบาท (ราคา ณ วันที่ 23 เมษายน 2567) ให้แก่ คุณกานดา กาญจนเพิ่มพูน ลูกค้าธนาคารออมสิน สาขาด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี โดยเป็นผู้โชคดีจากการถูกรางวัลสลากออมสินพิเศษ 1 ปี งวดที่ 606 หมวดอักษร G หมายเลขสลาก 8178397 เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 111 ปี ซึ่งมีการออกรางวัลไปเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยคุณกานดา เป็นลูกค้าธนาคารออมสิน และมีการออมเงินกับธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง แต่ได้มีการฝากสลากออมสินเพียง 4 ปี หลังทราบข่าวว่ามีการลุ้นรางวัลใหญ่ และเป็นการเก็บออมเงินด้วย จึงอยากเชิญชวนประชาชนให้มาออมเงินด้วยการฝากสลากออมสิน     นอกจากจะได้ลุ้นรางวัลแล้ว การเป็นลูกค้าธนาคารออมสินเท่ากับเราได้ช่วยสังคม ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 สำหรับสลากออมสินพิเศษ 1 ปี หน่วยละ 100 บาท ไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด เมื่อฝากครบกำหนด 1 ปี จะได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยหน่วยละ 0.25 บาท และยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 10 ล้านบาท และรางวัลอื่น ๆ ได้ทุกวันที่ 16 ของทุกเดือน รวม 12 ครั้ง ผู้สนใจสามารถฝากสลากออมสินได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ และแอป MyMo  

26 Jul 2024

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่สมัครและชำระค่าเบี้ยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบรายปีในปีแรก ตามแผนประกันที่เข้าร่วมรายการ ของ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผ่านสาขาธนาคารกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 – 30 กันยายน 2567 และคำขอเอาประกันได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 จะได้รับเงินคืนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ตามรายละเอียดดังนี้   เบี้ยประกันชีวิต (บาท) ต่อ 1 กรมธรรม์ เงินคืนตามแผนประกัน (บาท) ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ร่วมรายการ ผลิตภัณฑ์ประกัน* 20/5(+), 20/10(+), 18/5, 90/5, 90/10 8,000 - 99,999 300 300 100,000 – 399,999 1,000 1,500 400,000 – 699,999 5,000 15,000 700,000 – 999,999 10,000 20,000 ทุก ๆ 1,000,000 25,000 50,000   นอกจากนี้ ยังจะได้รับสถานะ KRUNGSRI EXCLUSIVE หรือ KRUNGSRI PRIME เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตปีแรกตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้ -รับสถานะ KRUNGSRI EXCLUSIVE เป็นระยะเวลา 3 ปี พร้อมรับเอกสิทธิ์เทียบเท่าลูกค้ายอดเงินฝาก และ/หรือเงินลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาท เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตปีแรก ตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป ภายในปีปฏิทินเดียวกัน และภายใต้ชื่อผู้เอาประกันภัยเดียวกัน -หรือรับสถานะ KRUNGSRI PRIME เป็นระยะเวลา 3 ปี พร้อมรับเอกสิทธิ์เทียบเท่าลูกค้ายอดเงินฝาก และ/หรือเงินลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาท เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตปีแรก ตั้งแต่ 2 แสนบาทแต่ไม่ถึง 5 แสนบาท ภายใต้ชื่อผู้เอาประกันภัยเดียวกันและกรมธรรม์เดียวกัน              

14 Jul 2024

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากปัญหาภัยทุจริตทางการเงินที่มีประชาชนได้รับความเสียหายจากการถูกมิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันและถูกดูดเงินออกจากบัญชีธนาคาร ทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แม้ธนาคารและหน่วยงานต่าง ๆ ได้มีการเตือนภัยประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อช่วยลูกค้าประชาชนลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวงเมื่อทำธุรกรรมผ่านบริการทางการเงินดิจิทัล ธนาคารออมสินจึงได้ยกระดับความปลอดภัยของบริการ Mobile Banking โดยการเพิ่มโหมดบริการ MyMo Secure+ ที่จำกัดการทำธุรกรรมเฉพาะบัญชีของตนเองเท่านั้น กรณีมือถือโดนแฮก หรือโดนควบคุมมือถือผ่านรีโมท มิจฉาชีพก็จะไม่สามารถโอนเงินของเราไปยังบัญชีอื่น หรือบัญชีบุคคลที่ 3 ได้ ถือเป็นการจำกัดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งธนาคารออมสินเป็นธนาคารแรกที่ริเริ่มติดตั้งโหมดปลอดมิจฉาชีพสำหรับให้บริการลูกค้าบนแอปพลิเคชัน MyMo Secure+ หรือ MyMo Secure Plus เป็นโหมดบริการบนแอป MyMo ที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการได้ง่าย ๆ และปลอดภัยมากขึ้น เหมาะสำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่อาจตกเป็นเหยื่อภัยทางการเงินได้ง่าย อาทิ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ไม่รู้เท่าทันมิจฉาชีพ โดยเมื่อลูกค้าเปลี่ยนมาใช้โหมดบริการ MyMo Secure+ จะสามารถใช้บริการที่เน้นการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านบัญชีของตนเองเท่านั้น โดยจำกัดการทำรายการเฉพาะเท่าที่จำเป็น เช่น การโอนเงินไปยังบัญชีตนเองภายในธนาคาร การโอนเงินไปบัญชีต่างธนาคารที่ได้ลงทะเบียนไว้ บัญชีสินเชื่อของตนเอง การชำระค่าสาธารณูปโภค รวมถึงจำกัดวงเงินในการทำธุรกรรมบัญชีตนเองต่างธนาคาร ไม่เกิน 100,000 บาทต่อวัน หรือถอนเงินไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน เป็นต้น โดยลูกค้าเดิมที่ใช้แอป MyMo อยู่แล้ว สามารถเปลี่ยนโหมดเป็น MyMo Secure+ ได้ด้วยตนเองโดยกดที่ปุ่ม MyMo Secure+ มุมขวาบน หรือจากแบนเนอร์หน้าโฮม หรือจากแถบตั้งค่า และเมื่อกดสมัครใช้งานแล้ว จะต้องยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการ หรือการเปลี่ยนโหมด และมีการยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า จึงสมัครใช้บริการสำเร็จ กรณีลูกค้าต้องการเปลี่ยนกลับไปใช้แอป MyMo รูปแบบทั่วไป สามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา อนึ่ง การยกระดับแอป MyMo ให้มีโหมดความปลอดภัย เป็นการดำเนินงานโดยสอดคล้องกับมาตรการธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีการยกระดับมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน โดยขอความร่วมมือธนาคารต่าง ๆ ในการป้องกันความเสียหาย และมีผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติมเพื่อดูแลธุรกรรมของลูกค้าให้ปลอดภัยขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงและลดปัญหาการถูกหลอกลวงออนไลน์ โดยธนาคารออมสิน ได้ให้ความสำคัญในมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของระบบการให้บริการที่ถือเป็นหัวใจหลักของการให้บริการ Mobile Banking มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ด้านการบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ISO/IEC 27001 ในเวอร์ชัน ISO/IEC 27001:2022 (Information Security Management System : ISMS) ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน          

07 Jul 2024

...

อลิอันซ์ อยุธยา ร่วมกับ เรซอัพ เวิร์ค ประกาศความพร้อมเตรียมจัดงานวิ่งแห่งปีที่ทุกคนรอคอย Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2024 ภายใต้แนวคิด “World Run World Heritage” งานวิ่งของคนรักษ์โลก “อนุรักษ์มรดกไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” เชิญชวนนักวิ่ง วิ่งย้อนรอยประวัติศาสตร์ ในบรรยากาศสุดคลาสสิก ชิมอาหารเลิศรส และช้อปสินค้าท้องถิ่น วันที่ 16-17 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา(ศาลากลางเก่า) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา   นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารงานลูกค้า บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า “งาน “Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2024” ถือเป็นงานวิ่งที่แฟนรายการ Allianz World Run ทุกคนต่างรอคอย เพราะเป็นงานวิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในการคัดเลือกเส้นทางวิ่งท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศดี วิ่งสนุก เดินทางสะดวก และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญยังได้สนับสนุนสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นต่างๆของไทยอีกด้วย ในปีนี้ก็เช่นกัน อลิอันซ์ อยุธยา ได้คัดสรรพื้นที่สุดพิเศษในการจัดงาน โดยได้เปลี่ยนบรรยากาศการวิ่งเข้ามาในพื้นที่ประวัติศาสตร์สำคัญของไทย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ผู้ร่วมงานได้มีโอกาสชมเส้นทางประวัติศาสตร์ ผ่านจุดสำคัญของเมืองเก่าอยุธยา และพิเศษสุดปีนี้ เราได้เพิ่มระยะทาง 5 กิโลเมตร เพื่อให้นักวิ่งหน้าใหม่ที่อาจจะเพิ่งเริ่มวิ่ง ได้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย ถือเป็นการเริ่มต้นออกกำลังกายไปด้วยกัน ที่จะได้ทั้งความสุขและสุขภาพที่ดีกลับไป สำหรับงาน “Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2024” จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 16 และวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 โดยแบ่งระยะการแข่งขันเป็น 4 ประเภท ได้แก่ แฟมิลี่ฟันรัน 3 กิโลเมตร ในวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร มินิมาราธอน 10 กิโลเมตร และระยะทาง 5 กิโลเมตร ในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 นอกจากนี้ภายในงานยังมีโซน Expo อิ่มอร่อยกับอาหาร Local สุดอร่อย และสินค้าจากชุมชน ให้ได้เลือกช้อป พร้อมชมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินยอดนิยม  บริเวณลานกิจกรรมหน้าศาลากลางเก่า สำหรับงานวิ่งนี้ยังคงเป็นงานวิ่งรักษ์โลก โดยเหรียญและโล่รางวัลทำมาจาพลาสติกรีไซเคิล เหมือนเช่นเคย นอกจากนี้เรายังได้เตรียมของที่ระลึกสุดพิเศษ สำหรับ Finisher อีกด้วย” คุณพัชรา กล่าวทิ้งท้าย Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2024 เปิดจำหน่ายบัตรราคา Ealry bird ตั้งแต่วันนี้ – 10 กรกฎาคม 2567 ในราคา 850 บาท สำหรับ การวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร ราคา 650 บาท สำหรับ การวิ่งมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร 600 บาท สำหรับ 5 กิโลเมตร พิเศษ! สำหรับนักวิ่งแฟนพันธุ์แท้ ที่เคยร่วมวิ่งกับ Allianz World Run ในระยะ 10 กิโลเมตร และ 21.1 กิโลเมตร รับส่วนลดon top เพิ่มอีก 50 บาท หากคุณเป็นผู้รักสุขภาพ รักการวิ่ง อย่ารอช้า ข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครวิ่งได้ที่ https://race.thai.run/worldrun2024 และสนใจติดตามรายละเอียดงานทั้งหมดได้ที่ Facebook: Worldrun Thailand

05 Jul 2024

Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner