Responsive image

Sunday, 06 Jul 2025

หน้าแรก > ECONOMY- FINANCE / เศรษฐกิจ - การเงิน


เคทีซีกำไรครึ่งปี 3,678 ล้านบาท รับแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัว มั่นใจกำไรทั้งปีเป็นไปตามเป้า

Fri 28/07/2566


เคทีซีเปิดงบการเงินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยครึ่งปีแรก กำไรสุทธิ 3,678 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 1,806 ล้านบาท พอร์ตสินเชื่อทุกผลิตภัณฑ์เติบโตตามเป้าหมาย โดยมูลค่าพอร์ตรวมอยู่ที่ 105,589 ล้านบาท เติบโต 11.1% ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรขยายตัวที่อัตรา 16.3% หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ มั่นใจสามารถทำกำไรทั้งปีได้ตามเป้าหมาย

 

 

นายระเฑียร  ศรีมงคล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “อุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคขยายตัวดีต่อเนื่อง จากความต้องการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับดีขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 เคทีซีมีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 14.9% ส่วนแบ่งตลาดของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซีอยู่ที่ 12.2% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2565 และมีสัดส่วนของลูกหนี้สินเชื่อบุคคล (ไม่รวมสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน) เทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 6.2%”

“ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เคทีซีมีผลการดำเนินงานน่าพอใจในหลายด้าน ทั้งการเติบโตของพอร์ตรวมที่เป็นไปตามเป้าหมาย ด้วยมูลค่า 105,589 ล้านบาท เติบโต 11.1% และยังคุมระดับ NPL ได้ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนที่ 2.0% สำหรับพอร์ตบัตรเครดิตยังคงขยายตัวได้ดีด้วยอุปสงค์ในประเทศ ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรดีดตัวสูงขึ้นมาก ขณะที่พอร์ตสินเชื่อบุคคลขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังเน้นการคัดกรองคุณภาพสินเชื่อบุคคลผ่านกระบวนการอนุมัติที่เข้มข้น โดยจะคัดเลือกสมาชิกที่มีความเสี่ยงเหมาะสมกับระดับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคลที่กำหนดไว้ สำหรับสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” มีกระแสตอบรับดีขึ้นทุกเดือน แม้จำนวนที่เข้ามาจะช้ากว่าที่ประมาณการ แต่ได้พอร์ตที่มีคุณภาพ ทำให้มั่นใจว่า “เคทีซี  พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” จะสามารถสร้างฐานรายได้ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต”

“สำหรับครึ่งหลังของปี 2566 “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” จะมีปริมาณการเพิ่มยอดลูกค้าใหม่ (New Booking) แบบทวีคูณ พิจารณาจากอัตราเร่งของการเพิ่มลูกหนี้ใหม่ในปัจจุบัน การเติบโตของพอร์ตบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับ NPL อยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล เพราะบริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการได้ ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถทำกำไรทั้งปีได้ตามเป้าหมายที่มากกว่า 7,079 ล้านบาท พอร์ตลูกหนี้สิ้นเชื่อรวมเติบโต 15% ปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโต 10% พอร์ตลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเติบโต 7%”

 

 

“ผลการดำเนินงานของเคทีซีในช่วงครึ่งปีแรก สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 งบการเงินรวมมีกำไรสุทธิครึ่งปีแรกและไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 3,678 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1.0%) และ 1,806 ล้านบาท (ลดลง 4.6%) ตามลำดับ งบการเงินเฉพาะกิจการของเคทีซี มีกำไรสุทธิครึ่งปีแรก และไตรมาส 2/2566 เท่ากับ 3,648 ล้านบาท และ 1,805 ล้านบาท ตามลำดับ ฐานสมาชิกรวม 3,358,994 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม 105,589 ล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) 2.0% แบ่งเป็นพอร์ตสมาชิกบัตรเครดิต 2,605,984 บัตร เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม 68,664 ล้านบาท ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรครึ่งปีแรกเท่ากับ 127,644 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3% NPL บัตรเครดิตอยู่ที่ 1.2% พอร์ตสมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซี 753,010 บัญชี เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” และดอกเบี้ยค้างรับ  31,727 ล้านบาท  เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เท่ากับ 1,658 ล้านบาท NPL สินเชื่อบุคคลอยู่ที่ 3.0% ยอดสินเชื่อลูกหนี้ใหม่ (New Booking) ของ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ในรอบครึ่งแรกของปี 2566 เท่ากับ 1,132 ล้านบาท โดยยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่มีกระแสตอบรับที่ดีขึ้นในทุกเดือน”

“ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2566 มีการเติบโตในรายได้รวมที่ 8.8% เท่ากับ 6,240 ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 18.7% เท่ากับ 3,988 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจากการขยายตัวของพอร์ต ทำให้มี NPL เพิ่มขึ้นบ้าง ส่งให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss - ECL) เพิ่มขึ้น รวมถึงการตัดหนี้สูญเพิ่มขึ้นด้วย ส่วนของต้นทุนทางการเงินสูงขึ้นเล็กน้อย ตามการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงิน ทั้งนี้ ข้อมูลวันที่ 30 มิถุนายน 2566 เคทีซีมีวงเงินกู้ยืมทั้งสิ้นเท่ากับ 35,371 ล้านบาท เป็นวงเงินกู้ยืมระยะสั้น 29,371 ล้านบาท (รวมวงเงินจากธนาคารกรุงไทย 19,061 ล้านบาท) และวงเงินกู้ยืมระยาวจากธนาคารกรุงไทย 6,000 ล้านบาท โดยมีวงเงินคงเหลือ (Available Credit Line) จำนวน 20,480 ล้านบาท ต้นทุนการเงิน 2.6% และอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2.18 เท่า ต่ำกว่าภาระผูกพันซึ่งกำหนดไว้ที่ 10 เท่า”

“เคทีซียังได้ดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ตามแนวทางการบริหารจัดการด้านการให้สินเชื่ออย่างเป็นธรรม โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทฯ ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในทุกสถานะตามประกาศ ธปท. ฝคง.ว.951/2564 จำนวน 1,876 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.9% ของพอร์ตลูกหนี้รวม”

“สืบเนื่องจากวันนี้ (21 กรกฎาคม 2566) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เผยแพร่ “มาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน” เพื่อเป็นทางออกในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในระยะยาว โดยอันดับแรกธปท. จะออกมาตรการกำหนดเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending: RL) สำหรับลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียให้ได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม ทันเวลา มีคุณภาพและเพียงพอ ในส่วนของลูกหนี้ใหม่ต้องไม่โฆษณากระตุ้นให้เกิดการกู้ยืมอย่างเกินตัว ซึ่งธปท. จะบังคับใช้ในเดือนมกราคม 2567”

“สำหรับหนี้ปกติที่เป็นหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt: PD) จะสร้างทางเลือกให้ลูกหนี้สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้ปิดจบการเป็นหนี้ได้ ซึ่งธปท. มุ่งให้ความสำคัญกับลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล ที่เป็นสินเชื่อหมุนเวียนที่มีรายได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อเดือน และมีเกณฑ์การบ่งชี้ว่าลูกหนี้ดังกล่าวมีการจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งธปท. จะให้มีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายน 2567 นั้น เคทีซีจะให้ทางเลือกแก่ลูกหนี้ที่สนใจ สามารถเปลี่ยนสินเชื่อหมุนเวียนมาเป็นแบบมีระยะเวลา (Term Loan) และให้คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี โดยจะกำหนดให้การผ่อนชำระสามารถปิดจบภายใน 5 ปี ซึ่งลูกหนี้ต้องสมัครใจเข้าร่วมโครงการด้วยตนเองและปิดวงเงินเดิมที่มีอยู่ โดยเคทีซีได้ประเมินผลกระทบต่อมาตรการดังกล่าว หากลูกหนี้เคทีซีที่เข้าเกณฑ์ทุกรายเข้าร่วมโครงการฯ จะมีผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยลดลงประมาณ 18 ล้านบาทต่อเดือน”


Tags : เคทีซี KTC บัตรกรุงไทย ระเฑียร ศรีมงคล เคทีซีกำไรครึ่งปี 2566 ผลประกอบการเคทีซี


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารประสบความสำเร็จได้รับรางวัลระดับเอเชีย Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2025 สาขา Social Empowerment จาก MyMo Secure Plus นวัตกรรมความปลอดภัยบน Mobile Banking ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ให้ลูกค้า บูรณาการร่วมกับ แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ เพื่อสื่อสารสร้างการรับรู้และเสริมภูมิคุ้มกันภัยทางการเงิน พร้อมกันนี้ ธนาคารออมสินยังได้รับรางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability ในฐานะองค์กรที่มีความโดดเด่นและมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติจนได้รับรางวัล AREA มาแล้ว 5 ปี จาก Enterprise Asia องค์กรพัฒนาเอกชนชั้นนำที่ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบในเอเชีย เพื่อเชิดชูและให้เกียรติองค์กรธุรกิจที่มีการดำเนินงานตามแนวทาง ESG และเป็นต้นแบบองค์กรชั้นนำในภูมิภาคเอเชียที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ     ธนาคารออมสินถือเป็นธนาคารแรกที่พัฒนาโหมดปลอดมิจฉาชีพ ภายใต้ชื่อ MyMo Secure Plus เพื่อช่วยดูแลเงินฝากขั้นสูงสุดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มที่ไม่รู้เท่าทันมิจฉาชีพที่เปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงตลอดเวลา ออกแบบโดยเน้นการทำธุรกรรมทางการเงินแบบจำกัดเฉพาะรายการที่จำเป็น อาทิ การโอนเงินไปยังบัญชีตนเองภายในธนาคารและต่างธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ และการจำกัดวงเงินในการทำธุรกรรมต่อวัน ทั้งนี้ ธนาคารออมสินไม่เพียงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นธนาคารแรกที่ดำเนินกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC) ผ่าน แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ ดำเนินการอย่างเข้มข้นผ่านช่องทางการสื่อสารที่ครบวงจร ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ สื่อนอกบ้าน หรืออินฟลูเอนเซอร์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุด เนื่องจากธนาคารตระหนักดีถึงความสูญเสียของประชาชนและวิกฤตของอาชญากรรมออนไลน์ที่นับวันจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ จึงเป็นความพยายามของธนาคารในการที่จะกระตุ้นเตือนให้ประชาชนรู้เท่าทันกลลวงและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพทางการเงิน     รางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability และ Social Empowerment ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงบทบาทของธนาคารออมสินในฐานะ Social Bank ที่ไม่เพียงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนการสร้าง Social Impact เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยบรรเทาปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ธนาคารยังคงยึดมั่นในหลักการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบตามแนวทาง ESG เพื่อก้าวสู่เป้าหมายความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม ตลอดจนเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว  

01 Jul 2025

...

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568  

29 Jun 2025

...

  บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมออกบูทในงานมหกรรมจำหน่ายรถยนต์ครบวงจร FAST Auto Show Thailand 2025   ระหว่างวันที่ 2 – 6 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ EH 102 - 103  ในงานนี้ บริษัทฯ ได้จัดเต็มโปรโมชันสุดพิเศษ โดยมอบส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยสูงสุด 23% สำหรับผู้ที่ซื้อกรมธรรม์ใหม่ภายในงาน โดยมีทีมงานรับประกันภัยพร้อมบริการให้คำปรึกษา และคำแนะนำเกี่ยวกับแผนประกันภัยที่เหมาะสมกับความคุ้มครองที่หลากหลาย โดยนอกจากประกันภัยรถยนต์แล้วยังมีประกันอัคคีภัย ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยสุขภาพ ประกันภัยโรคมะเร็ง และประกันภัยอื่นๆ ที่ให้ความคุ้มครองรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า นอกจากนี้ ยังสามารถผ่อนชำระเบี้ยประกันภัย ดอกเบี้ย 0% นาน 6 เดือน หรือ 10 เดือนผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ พร้อมรับของที่ระลึกที่เตรียมไว้สำหรับงานนี้โดยเฉพาะ  พบกับกรุงเทพประกันภัยได้ที่บูท B11 ณ ศูนย์ประชุมนิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา ฮอลล์ EH 102 - 103 ในวันที่ 2 - 6 กรกฎาคม 2568    

29 Jun 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner