Responsive image

Wednesday, 31 Dec 2025

หน้าแรก > TECHNOLOGY - AUTO - PROPERTY


เอชพี ประกาศกลยุทธ์ใหม่เพื่อมุ่งสู่การเติบโต สำหรับเอเชียในงาน Future Ready Better Together 2023

Mon 07/08/2566


เอชพี ประกาศกลยุทธ์และกรอบการทำงานในงาน HP Future ReadyBetter Together 2023 ซึ่งจัดขึ้น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ต้อนรับลูกค้าและพาร์ทเนอร์ทั่วเอเชียเพื่อพบปะกันครั้งแรกในรอบสามปี ภายในงาน เอชพี ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์ Future Ready เป็นครั้งแรก มุ่งขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาวร่วมกับพาร์ทเนอร์และมุ่งส่งมอบมูลค่าสินค้าให้กับลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน

กลยุทธ์ Future Ready ของ เอชพี พัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญ ประกอบด้วยโครงการริเริ่มมากมายบนฐานรากของสามเสาหลัก ได้แก่ พอร์ตโฟลิโอธุรกิจ (Portfolio) การปฏิบัติการ (Operations) ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ (Customers and Partners) เป้าหมายหลักคือการสร้างความสัมพันธ์ตลอดชีวิตกับลูกค้าผ่านการเสริมความแข็งแกร่งของสินค้าและบริการภายใต้การบริหารงานของเอชพี เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายยิ่งขึ้น และช่วยให้พาร์ทเนอร์เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ ในกลุ่มสินค้าที่มีอัตราเติบโตสูง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เกมมิ่ง การทำงานแบบไฮบริด การให้บริการบุคลากร ความปลอดภัย และความยั่งยืน

 

“ลูกค้าเป็นหัวใจหลักในการทำงานของเอชพีเราเสมอ กลยุทธ์ Future Ready คือความทุ่มเทในการสร้างสิ่งที่เหนือความคาดหมายให้กับผู้ใช้ปลายทาง โดยเฉพาะประสบการณ์ที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตประจำวันของพวกเราโดยตรง” Vinay Awasthi กรรมการผู้จัดการประจำ Greater Asia กล่าว “เรารังสรรค์สิ่งใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตอย่างง่ายดายมากขึ้น สะดวกสบายยิ่งขึ้น และเข้าถึงตัวช่วยที่หลากหลาย เอชพี ให้บริการโซลูชันต่าง ๆ ที่ช่วยให้คุณรับมือกับสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ การทำงานในภูมิภาคเอเชียของเรานี้นับเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มมูลค่าสินค้าที่มีความสม่ำเสมอและเชื่อถือได้ให้กับลูกค้าของเรา”

“เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาพูดคุยกับพาร์ทเนอร์และลูกค้าของเราที่งาน 'Future Ready Better Together' ในประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ปีนี้ยังเป็นการครบรอบ 60 ปี ในการดำเนินงานของ เอชพี นับตั้งแต่ที่ได้เปิดตัวในตลาดเอเชียเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2560 เรียกได้ว่าเป็นเวลาที่ดียิ่งที่เราจะมาร่วมแชร์กลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่การเติบโตใหม่สำหรับภูมิภาคนี้จากจุดเริ่มต้นของเรา”  Vinay กล่าวเสริม

ภายในงานมีผู้เข้าร่วมหลากหลายจากทั่วเอเชีย ได้แก่

  • Vinay Awasthi กรรมการผู้จัดการประจำ Greater Asia
  • Dave McQuarrie ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์
  • Alex Cho ประธาน Personal Systems Business
  • Dave Shull ประธานฝ่าย Workforce Solutions
  • Kobi Elbaz รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป Global Channel
  • George Brasher รองประธานอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ HP Print
  • Stacy Wolff รองประธานอาวุโส Personal Systems Design and Sustainability
  • Lynn Loh หัวหน้าฝ่ายการรายงานด้านสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดีทั่วโลก
  • Josephine Tan ผู้จัดการทั่วไป หน่วยธุรกิจผู้บริโภค Personal Systems
  • Sue Richards รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป Home Print Business
  • Andrew Bolwell Chief Disruptor หัวหน้า Tech Ventures ทั่วโลก

การช่วยเหลือลูกค้าใน Ace Hybrid Realities ด้วยสินค้าและบริการที่พร้อมสำหรับอนาคต

โลกแห่งการทำงานของเราจะเป็นแบบยืดหยุ่นตลอดไป เนื่องจากรายงานฉบับล่าสุดของ PwC[1] ชี้ว่า 90% ของพนักงานในเอเชียแปซิฟิก (APAC) เลือกที่จะทำงานแบบไม่ต้องเข้าออฟฟิศหรือการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid) ผู้นำในภูมิภาคจึงเดินหน้าสอดรับการเปลี่ยนแปลงในแง่ของการจัดสรรงานและให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีอุบัติใหม่ ความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ และโครงการนวัตกรรมดิจิทัลเมื่อต้องลงทุนในเทคโนโลยี เพื่อผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกันที่ราบรื่นและผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง[2]

เอชพีกำลังกำหนดนิยามใหม่ให้กับนวัตกรรมผ่านผลิตภัณฑ์ภายใต้กลยุทธ์ Future Ready ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ระดับพรีเมียมแบบครบวงจรที่จะมาช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดที่มีความซับซ้อนได้อย่างตรงใจ ให้พวกเขาได้ทำงาน เล่น และเชื่อมต่อกันอย่างไร้รอยต่อ เอชพี จะยังคงลงทุนเชิงกลยุทธ์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมไปถึงอุปกรณ์เกมมิ่ง อุปกรณ์ต่อพ่วง ระบบสมาชิกของผู้บริโภค การให้บริการบุคลากร ความปลอดภัย และโซลูชันการพิมพ์ เพื่อขยายความหลากหลายของกลุ่มสินค้าและบริการให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า B2B และ B2C ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอทั่วภูมิภาค

การร่วมมือเพื่อการเติบโตในระยะยาว

เอชพี จะเดินหน้าพัฒนาโดยใช้ประโยชน์จากข้อเสนอแนะที่รวบรวมมาจากพาร์ทเนอร์และลูกค้าในภูมิภาค เพื่อช่วยให้ปรับตัวเข้ากับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เอชพีจะลงทุนไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพ HP Amplify อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นโปรแกรมคู่ค้าช่องทางจำหน่ายระดับสากลโปรแกรมแรกของโลก โดยมีเครื่องมือที่จะมาช่วยให้พาร์ทเนอร์มีความคล่องตัว ลดความซับซ้อน เติบโต และทำงานร่วมกัน โปรแกรมโฉมใหม่นี้ออกแบบมาเพื่อส่งมอบบริการดิจิทัลที่ลูกค้าต้องการเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับพนักงาน กระตุ้นโอกาสเติบโตและการประสบความสำเร็จในภูมิทัศน์ที่มีความหลากหลายและไม่เคยหยุดนิ่งในเอเชีย

มุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เอชพี ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ยั่งยืนและสร้างความเท่าเทียมมากที่สุดภายในปี 2573 พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายด้านผลกระทบที่ยั่งยืนเชิงรุกเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องของการรับมือสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) สิทธิมนุษยชน (Human Rights) และความเสมอภาคในยุคดิจิทัล (Digital Equity)

โครงการริเริ่มและไฮไลต์สำคัญ ได้แก่

  • ปกป้องระบบนิเวศทางธรรมชาติของเรา: เอชพี ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ออกมามากกว่า 300 รายการซึ่งใช้พลาสติกที่ถูกทิ้งลงสู่ทะเล ทั้งยังพัฒนาการพิมพ์ที่เป็นมิตรกับป่าไม้ และมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2583
  • เพิ่มศักยภาพพาร์ทเนอร์เพื่อร่วมก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น: HP Amplify Impact เป็นการประเมินพาร์ทเนอร์ ทรัพยากร และโปรแกรมฝึกอบรมที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยพาร์ทเนอร์ 100% ร่วมให้คำมั่นและจัดทำแผนเพื่อการสร้างผลกระทบด้านความยั่งยืน
  • ลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลและเพิ่มช่องทางการเข้าถึงเทคโนโลยี: เอชพี เร่งให้เกิดความเท่าเทียมทางดิจิทัลให้กับผู้คนมากกว่า 21 ล้านคน โดยมีเป้าหมายที่ 150 ล้านคนภายในปี 2573

 

 

 

 


Tags : เอชพี HP แผนงานผลิตภัณฑ์เอชพี Vinay Awasthi


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้เกิดความสูญเสียต่อกำลังพลผู้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ ล่าสุด ธนาคารออมสิน ออกชุดมาตรการเฉพาะกิจ ประกาศยกหนี้ปิดบัญชีสินเชื่อเป็นกรณีพิเศษ แก่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และกำลังพลหน่วยอื่น ๆ ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 เป็นต้นมา โดยการยกหนี้ยังครอบคลุมถึงบัญชีสินเชื่อของทายาท 3 ลำดับ ได้แก่ บิดามารดา คู่สมรส และบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย รวมถึงการมอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวกำลังพลที่เสียชีวิต ตลอดจนกำลังพลและพลเรือนที่บาดเจ็บจากการสู้รบ เพื่อเชิดชูเกียรติที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ และเป็นขวัญกำลังใจแก่ครอบครัวในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้   ด้านความช่วยเหลือสำหรับผู้อพยพที่ต้องได้รับผลกระทบเพราะเข้าพื้นที่ทำมาหากินไม่ได้ เป็นเหตุให้ต้องขาดรายได้ในช่วงเวลานี้ ธนาคารได้ออก มาตรการพักหนี้โดยให้พักชำระเงินต้นและไม่คิดดอกเบี้ย สำหรับลูกหนี้สินเชื่อธนาคารออมสินทุกประเภท* ครอบคลุมสินเชื่อองค์กรชุมชน ที่มีภูมิลำเนา ที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ประกอบอาชีพในพื้นที่ภัยพิบัติตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ให้เริ่มพักชำระหนี้งวดแรกหลังจากได้รับอนุมัติ เป็นระยะเวลา 3 งวด/เดือน และไม่ถือเป็นการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้คงชั้นหนี้เดิมก่อนเข้าร่วมมาตรการ โดยธนาคารจะยกดอกเบี้ยให้ทั้งหมด ส่วนเงินต้นที่พักไว้ 3 งวด จะถูกรวมไปชำระในงวดสุดท้าย ทั้งนี้ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาให้ลูกหนี้กลับมาชำระเงินงวดตามเงื่อนไขสัญญาเดิม ในกรณีสัญญาครบกำหนดแต่ไม่อาจชำระหนี้เงินต้นส่วนที่พักไว้ได้ ลูกหนี้สามารถติดต่อธนาคารเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ได้ในภายหลัง โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา หรือที่ศูนย์พักพิงของจังหวัดซึ่งธนาคารได้จัดทีมงานเข้าไปอำนวยความสะดวกให้ด้วย และทางแอปพลิเคชัน MyMo ภายในวันที่ 31 มกราคม 2569     นอกจากนี้ ธนาคารยังคงสนับสนุนงบประมาณให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะ ตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยการสนับสนุนภารกิจของศูนย์พักพิง ได้แก่ การมอบถุงยังชีพ “ออมสินห่วงใย” รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น และน้ำดื่ม แก่ผู้อพยพ และกำลังพลในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี สระแก้ว และจังหวัดตราด รวมมูลค่ากว่า 7.3 ล้านบาท ธนาคารออมสินขอแสดงความห่วงใยและส่งกำลังใจไปยังทหารและตำรวจตระเวนชายแดนที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งอยู่ในพื้นที่ ตลอดจนครอบครัวของทหารกล้าผู้เสียสละชีวิตปกป้องอธิปไตยของประเทศ และพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยมุ่งหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและกลับสู่สภาวะปกติในเร็ววัน *หมายเหตุ : มาตรการพักหนี้ไม่รวมสินเชื่อบางประเภท เช่น สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่, สินเชื่อชีวิตสุขสันต์, สินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้ประจำ โดยสินเชื่อ Soft loan สินเชื่อองค์กรชุมชน และสินเชื่อตามนโยบายรัฐ (PSA) และเงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด  

30 Dec 2025

...

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Awards) ประจำปี 2568 ให้แก่ธนาคารออมสิน โดยมีผู้แทนรับมอบรางวัลได้แก่ รศ.ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการธนาคารออมสิน พร้อมด้วย นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหาร ซึ่งเป็นปีที่ธนาคารออมสินได้รางวัลในระดับดีเด่นและเกียรติยศ ครบทั้ง 8 ประเภทรางวัลที่ธนาคารได้รับ จัดขึ้นโดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568     นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ได้พิจารณามอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นแก่ธนาคารออมสิน จำนวน 8 รางวัล ประกอบด้วย 1) รางวัลเกียรติยศรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม ธนาคารได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง โดยเป็นรางวัลที่มอบให้กับรัฐวิสาหกิจที่มีความโดดเด่นและมีมาตรฐานการดำเนินงานทุก ๆ ด้าน สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชน     2) รางวัลเกียรติยศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง จากการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ และผลักดันการบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 3) รางวัลเกียรติยศการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 7 ต่อเนื่อง จากการรักษามาตรฐาน การบริหารจัดการเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำพาองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ   4) รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น ที่มอบให้แก่นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผลงานเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 5) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจดิจิทัล จากการสร้างสรรค์และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาองค์กร ในมิติต่าง ๆ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล 6) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน จากการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ จนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม     7) รางวัลการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น โดยได้รับจากผลงานความสำเร็จของโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-Based Development) - โครงการลิบงสุขใจ ออมสินพัฒนา อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 8) รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น จากโครงการ GEN AI Branch Assistant : ผู้ช่วยสาขาอัจฉริยะ ที่ธนาคารพัฒนาขึ้นโดยการนำ AI มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของสาขา   นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของบุคลากรธนาคารออมสินทุกคนในการรักษามาตรฐานการบริหารจัดการองค์กรในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล ควบคู่กับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ธนาคารเพื่อสังคม” เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว    

26 Dec 2025

...

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ เอ ไลฟ์ (ALive Powered by AIA) โดยบริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด ส่งความห่วงใยถึงคนไทยทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 มอบแคมเปญ “ฟรี!!! ประกันอุบัติเหตุ กรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจข้ามปี” โดยมอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ (ไมโครอินชัวรันส์) ฟรีให้แก่ประชาชนทั่วไป ระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วัน ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท* เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเพิ่มความอุ่นใจสำหรับการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองกับครอบครัว ซึ่งแคมเปญดังกล่าวยังเป็นการขานรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกทั้งยังสานต่อพันธกิจของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives ทั้งนี้ สำหรับประชาชนทุกคนที่สนใจขอรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มฟรี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงไปที่เว็บไซต์ https://aiathailand.info/panyPR  ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569   หมายเหตุ: *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด กำหนด

20 Dec 2025

...

รายงานข่าวจากธนาคารออมสิน ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า ประเภทบุคคลธรรมดา ที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill ขอให้เร่งสมัครผ่านเว็บไซต์ของธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนี้เหลือเวลาเพียง 4 วันสุดท้าย ที่สามารถลงทะเบียนและเรียนให้จบหลักสูตร เพื่อรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ นับจากวันที่พัฒนาทักษะสำเร็จจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 สูงสุดไม่เกินรายละ 2,000 บาท หลักสูตร Smart Finance Upskill การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัสเป็นการเรียนออนไลน์กับธนาคารออมสิน ภายใต้โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย ประเภทบุคคลธรรมดา มุ่งเสริมทักษะทางการเงินที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ ครอบคลุมการทำบัญชี การคิดต้นทุน การตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ ผู้ที่เรียนจบและผ่านเกณฑ์ จะได้รับประกาศนียบัตรและรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 กด 7

19 Dec 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner