Responsive image

Saturday, 27 Jul 2024

หน้าแรก > SOCIETY-CSR /ภาพข่าว-กิจกรรมเพื่อสังคม


มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม จับมือเครือข่ายออกหน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่น เพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5

Sun 24/09/2566


มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม จับมือเครือข่าย กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ บริษัท หอแว่น กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)   มุ่งมั่นสานต่อการสร้างโอกาสแก่กลุ่มผู้สูงอายุที่ยากไร้ "ออกหน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ปีที่ 5"  ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสุขภาพของผู้สูงอายุในสังคมไทย  สร้างคุณภาพชีวิตและรอยยิ้มให้แก่ผู้สูงอายุ โดยมีนางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม นายภาคี ประจักษ์ธรรม ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท หอแว่นกรุ๊ป จำกัด นายพุด แย้มพรหม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะนาวศรี  นายนันทโชค เกียรติ์ภูมิพัฒน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนรุจิรพัฒน์ นางสมพิศ หลวงแจ่ม พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยผู้บริหารและจิตอาสาจาก เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกิจกรรม ณ โรงเรียนรุจิรพัฒน์ ตำบลตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี 

โดย นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หนึ่งในเครือข่ายพันธมิตรที่ร่วมสนับสนุนโครงการ “ตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุ”  กล่าวว่า  บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการอันเป็นประโยชน์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของเมืองไทยประกันชีวิตในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมในทุกมิติ  พร้อมให้ความสำคัญต่อ “ผู้สูงอายุ” เพราะตระหนักดีว่าผู้สูงอายุ  ได้มีส่วนร่วมในการสร้างคุณค่าให้แก่สังคมไทยมาโดยตลอด จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการดูแล โดยเมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้มจะจัดกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง  เพื่อสนับสนุนให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งรอยยิ้ม โดยผู้สูงอายุได้รับการดูแลเอาใจใส่ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

 

สำหรับวัตถุประสงค์โครงการ “ออกหน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ปีที่ 5” นั้น  เพื่อการดูแลสายตาและการจัดหาแว่นตาให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยและยากไร้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการเอาใจใส่ในสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยเน้นไปที่การดูแลสายตาที่เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องสายตา มีการรวบรวมข้อมูลการตรวจสอบสายตาอย่างถูกต้อง จากนั้นผู้ที่มีความจำเป็นจะได้รับแว่นตาที่เหมาะสมสำหรับสายตาของตน  เป็นการสร้างโอกาสให้กับผู้สูงอายุในกลุ่มประชากรที่มีความจำเป็นแต่ไม่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้ เนื่องจากปัญหาความยากจนและสภาพพื้นที่ห่างไกล

 

ในการดำเนินงานนั้น มีการตรวจวัดสายตาและการเสริมสร้างความตระหนักรู้ในการดูแลสายตาและสุขภาพที่สำคัญให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่ยากไร้ โดยการทำงานในขั้นตอนหลักไม่ว่าจะเป็น การตรวจวัดสายตา จากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาได้ทำการตรวจวัดค่าสายตาของกลุ่มผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อประเมินความเหมาะสมในการใช้แว่นตา การเลือกแว่นตาที่เหมาะสมจากผลการตรวจสอบ ทั้งนี้ผู้สูงอายุที่มีความจำเป็นในการใช้แว่นตาจะได้รับการเลือกแว่นตาที่เหมาะสมสำหรับสายตาของตน หรือ ตรงตามวัตถุประสงค์ของแต่ละคน  ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้แว่นตาอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถใช้แว่นตาอย่างมีประสิทธิภาพ

 

โดยโครงการ "หน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ปีที่ 5" เป็นที่ยอมรับและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มีเครือข่ายสำคัญที่ร่วมกิจกรรม ได้แก่ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  บริษัท หอแว่น กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  ตลอดจนได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐและชุมชนต่าง ๆ ที่มูลนิธิเข้าไปจัดกิจกรรม   ซึ่งโครงการนี้ได้สร้างโอกาสแก่กลุ่มผู้สูงอายุที่ยากไร้ในการเข้าถึงบริการตรวจวัดสายตาและแว่นตาที่เหมาะสม ไปแล้วกว่า 6,985 ราย ผ่านการออกหน่วยให้บริการ ทั้งสิ้น 53 ครั้ง  ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและสวัสดิการของกลุ่มผู้สูงอายุที่ดีขึ้น โครงการนี้ยังเป็นต้นแบบที่ดีในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของกลุ่มที่มีความจำเป็นแต่ยากไร้ในสังคมไทย

ทั้งนี้ในปี 2566 มูลนิธิได้ร่วมออกหน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ในภาคต่าง ๆ  ทั่วประเทศ  เป็นจำนวน 7 ครั้ง เป้าหมายการมอบแว่นตาให้ผู้สูงอายุ จำนวน 1,200 ราย โดยที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมไปแล้ว คือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน  อ.เถิน จ.ลำปาง  อ.ด่านช้าง จ. สุพรรณบุรี  อ.นาทม  จ.นครพนม และที่กำลังจะเกิดขึ้นได้แก่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี   อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง และ อ.บ้านแฮด  จ.ขอนแก่น  

 

 

โครงการ "หน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ปีที่ 5" ได้เป็นแรงบันดาลใจและก้าวไปข้างหน้าในการสร้างสังคมที่เข้าใจและเอื้อเฟื้อกับกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หวังว่าความเอื้อเฟื้อและการเป็นกำลังใจในการให้บริการด้านสุขภาพและสวัสดิการจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ของกลุ่มผู้สูงอายุในอนาคต


Tags : เมืองไทยประกันชีวิต MTL สาระ ล่ำซำ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม พิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ ภาคี ประจักษ์ธรรม หอแว่นกรุ๊ป ตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุ


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน มอบรางวัลทองคำแท่งหนัก 10 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 26.5 ล้านบาท (ราคา ณ วันที่ 23 เมษายน 2567) ให้แก่ คุณกานดา กาญจนเพิ่มพูน ลูกค้าธนาคารออมสิน สาขาด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี โดยเป็นผู้โชคดีจากการถูกรางวัลสลากออมสินพิเศษ 1 ปี งวดที่ 606 หมวดอักษร G หมายเลขสลาก 8178397 เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 111 ปี ซึ่งมีการออกรางวัลไปเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยคุณกานดา เป็นลูกค้าธนาคารออมสิน และมีการออมเงินกับธนาคารมาอย่างต่อเนื่อง แต่ได้มีการฝากสลากออมสินเพียง 4 ปี หลังทราบข่าวว่ามีการลุ้นรางวัลใหญ่ และเป็นการเก็บออมเงินด้วย จึงอยากเชิญชวนประชาชนให้มาออมเงินด้วยการฝากสลากออมสิน     นอกจากจะได้ลุ้นรางวัลแล้ว การเป็นลูกค้าธนาคารออมสินเท่ากับเราได้ช่วยสังคม ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 สำหรับสลากออมสินพิเศษ 1 ปี หน่วยละ 100 บาท ไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด เมื่อฝากครบกำหนด 1 ปี จะได้รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยหน่วยละ 0.25 บาท และยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 10 ล้านบาท และรางวัลอื่น ๆ ได้ทุกวันที่ 16 ของทุกเดือน รวม 12 ครั้ง ผู้สนใจสามารถฝากสลากออมสินได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ และแอป MyMo  

26 Jul 2024

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่สมัครและชำระค่าเบี้ยผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบรายปีในปีแรก ตามแผนประกันที่เข้าร่วมรายการ ของ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ผ่านสาขาธนาคารกรุงศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 – 30 กันยายน 2567 และคำขอเอาประกันได้รับการอนุมัติภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 จะได้รับเงินคืนเข้าบัญชีออมทรัพย์ ตามรายละเอียดดังนี้   เบี้ยประกันชีวิต (บาท) ต่อ 1 กรมธรรม์ เงินคืนตามแผนประกัน (บาท) ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ร่วมรายการ ผลิตภัณฑ์ประกัน* 20/5(+), 20/10(+), 18/5, 90/5, 90/10 8,000 - 99,999 300 300 100,000 – 399,999 1,000 1,500 400,000 – 699,999 5,000 15,000 700,000 – 999,999 10,000 20,000 ทุก ๆ 1,000,000 25,000 50,000   นอกจากนี้ ยังจะได้รับสถานะ KRUNGSRI EXCLUSIVE หรือ KRUNGSRI PRIME เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตปีแรกตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป โดยมีรายละเอียดดังนี้ -รับสถานะ KRUNGSRI EXCLUSIVE เป็นระยะเวลา 3 ปี พร้อมรับเอกสิทธิ์เทียบเท่าลูกค้ายอดเงินฝาก และ/หรือเงินลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาท เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตปีแรก ตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไป ภายในปีปฏิทินเดียวกัน และภายใต้ชื่อผู้เอาประกันภัยเดียวกัน -หรือรับสถานะ KRUNGSRI PRIME เป็นระยะเวลา 3 ปี พร้อมรับเอกสิทธิ์เทียบเท่าลูกค้ายอดเงินฝาก และ/หรือเงินลงทุนตั้งแต่ 1 ล้านบาท เมื่อสมัครและชำระเบี้ยประกันชีวิตปีแรก ตั้งแต่ 2 แสนบาทแต่ไม่ถึง 5 แสนบาท ภายใต้ชื่อผู้เอาประกันภัยเดียวกันและกรมธรรม์เดียวกัน              

14 Jul 2024

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า จากปัญหาภัยทุจริตทางการเงินที่มีประชาชนได้รับความเสียหายจากการถูกมิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันและถูกดูดเงินออกจากบัญชีธนาคาร ทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แม้ธนาคารและหน่วยงานต่าง ๆ ได้มีการเตือนภัยประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อช่วยลูกค้าประชาชนลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวงเมื่อทำธุรกรรมผ่านบริการทางการเงินดิจิทัล ธนาคารออมสินจึงได้ยกระดับความปลอดภัยของบริการ Mobile Banking โดยการเพิ่มโหมดบริการ MyMo Secure+ ที่จำกัดการทำธุรกรรมเฉพาะบัญชีของตนเองเท่านั้น กรณีมือถือโดนแฮก หรือโดนควบคุมมือถือผ่านรีโมท มิจฉาชีพก็จะไม่สามารถโอนเงินของเราไปยังบัญชีอื่น หรือบัญชีบุคคลที่ 3 ได้ ถือเป็นการจำกัดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งธนาคารออมสินเป็นธนาคารแรกที่ริเริ่มติดตั้งโหมดปลอดมิจฉาชีพสำหรับให้บริการลูกค้าบนแอปพลิเคชัน MyMo Secure+ หรือ MyMo Secure Plus เป็นโหมดบริการบนแอป MyMo ที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการได้ง่าย ๆ และปลอดภัยมากขึ้น เหมาะสำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่อาจตกเป็นเหยื่อภัยทางการเงินได้ง่าย อาทิ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ไม่รู้เท่าทันมิจฉาชีพ โดยเมื่อลูกค้าเปลี่ยนมาใช้โหมดบริการ MyMo Secure+ จะสามารถใช้บริการที่เน้นการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านบัญชีของตนเองเท่านั้น โดยจำกัดการทำรายการเฉพาะเท่าที่จำเป็น เช่น การโอนเงินไปยังบัญชีตนเองภายในธนาคาร การโอนเงินไปบัญชีต่างธนาคารที่ได้ลงทะเบียนไว้ บัญชีสินเชื่อของตนเอง การชำระค่าสาธารณูปโภค รวมถึงจำกัดวงเงินในการทำธุรกรรมบัญชีตนเองต่างธนาคาร ไม่เกิน 100,000 บาทต่อวัน หรือถอนเงินไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน เป็นต้น โดยลูกค้าเดิมที่ใช้แอป MyMo อยู่แล้ว สามารถเปลี่ยนโหมดเป็น MyMo Secure+ ได้ด้วยตนเองโดยกดที่ปุ่ม MyMo Secure+ มุมขวาบน หรือจากแบนเนอร์หน้าโฮม หรือจากแถบตั้งค่า และเมื่อกดสมัครใช้งานแล้ว จะต้องยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการ หรือการเปลี่ยนโหมด และมีการยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า จึงสมัครใช้บริการสำเร็จ กรณีลูกค้าต้องการเปลี่ยนกลับไปใช้แอป MyMo รูปแบบทั่วไป สามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขา อนึ่ง การยกระดับแอป MyMo ให้มีโหมดความปลอดภัย เป็นการดำเนินงานโดยสอดคล้องกับมาตรการธนาคารแห่งประเทศไทยที่มีการยกระดับมาตรการจัดการภัยทุจริตทางการเงิน โดยขอความร่วมมือธนาคารต่าง ๆ ในการป้องกันความเสียหาย และมีผลิตภัณฑ์หรือบริการเพิ่มเติมเพื่อดูแลธุรกรรมของลูกค้าให้ปลอดภัยขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงและลดปัญหาการถูกหลอกลวงออนไลน์ โดยธนาคารออมสิน ได้ให้ความสำคัญในมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของระบบการให้บริการที่ถือเป็นหัวใจหลักของการให้บริการ Mobile Banking มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ด้านการบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ ISO/IEC 27001 ในเวอร์ชัน ISO/IEC 27001:2022 (Information Security Management System : ISMS) ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน          

07 Jul 2024

...

อลิอันซ์ อยุธยา ร่วมกับ เรซอัพ เวิร์ค ประกาศความพร้อมเตรียมจัดงานวิ่งแห่งปีที่ทุกคนรอคอย Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2024 ภายใต้แนวคิด “World Run World Heritage” งานวิ่งของคนรักษ์โลก “อนุรักษ์มรดกไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” เชิญชวนนักวิ่ง วิ่งย้อนรอยประวัติศาสตร์ ในบรรยากาศสุดคลาสสิก ชิมอาหารเลิศรส และช้อปสินค้าท้องถิ่น วันที่ 16-17 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์ท่องเที่ยวอยุธยา(ศาลากลางเก่า) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา   นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบริหารงานลูกค้า บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า “งาน “Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2024” ถือเป็นงานวิ่งที่แฟนรายการ Allianz World Run ทุกคนต่างรอคอย เพราะเป็นงานวิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะในการคัดเลือกเส้นทางวิ่งท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศดี วิ่งสนุก เดินทางสะดวก และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญยังได้สนับสนุนสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นต่างๆของไทยอีกด้วย ในปีนี้ก็เช่นกัน อลิอันซ์ อยุธยา ได้คัดสรรพื้นที่สุดพิเศษในการจัดงาน โดยได้เปลี่ยนบรรยากาศการวิ่งเข้ามาในพื้นที่ประวัติศาสตร์สำคัญของไทย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ผู้ร่วมงานได้มีโอกาสชมเส้นทางประวัติศาสตร์ ผ่านจุดสำคัญของเมืองเก่าอยุธยา และพิเศษสุดปีนี้ เราได้เพิ่มระยะทาง 5 กิโลเมตร เพื่อให้นักวิ่งหน้าใหม่ที่อาจจะเพิ่งเริ่มวิ่ง ได้ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย ถือเป็นการเริ่มต้นออกกำลังกายไปด้วยกัน ที่จะได้ทั้งความสุขและสุขภาพที่ดีกลับไป สำหรับงาน “Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2024” จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 16 และวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 โดยแบ่งระยะการแข่งขันเป็น 4 ประเภท ได้แก่ แฟมิลี่ฟันรัน 3 กิโลเมตร ในวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร มินิมาราธอน 10 กิโลเมตร และระยะทาง 5 กิโลเมตร ในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 นอกจากนี้ภายในงานยังมีโซน Expo อิ่มอร่อยกับอาหาร Local สุดอร่อย และสินค้าจากชุมชน ให้ได้เลือกช้อป พร้อมชมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินยอดนิยม  บริเวณลานกิจกรรมหน้าศาลากลางเก่า สำหรับงานวิ่งนี้ยังคงเป็นงานวิ่งรักษ์โลก โดยเหรียญและโล่รางวัลทำมาจาพลาสติกรีไซเคิล เหมือนเช่นเคย นอกจากนี้เรายังได้เตรียมของที่ระลึกสุดพิเศษ สำหรับ Finisher อีกด้วย” คุณพัชรา กล่าวทิ้งท้าย Allianz Ayudhya World Run Thailand Series 2024 เปิดจำหน่ายบัตรราคา Ealry bird ตั้งแต่วันนี้ – 10 กรกฎาคม 2567 ในราคา 850 บาท สำหรับ การวิ่งฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร ราคา 650 บาท สำหรับ การวิ่งมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร 600 บาท สำหรับ 5 กิโลเมตร พิเศษ! สำหรับนักวิ่งแฟนพันธุ์แท้ ที่เคยร่วมวิ่งกับ Allianz World Run ในระยะ 10 กิโลเมตร และ 21.1 กิโลเมตร รับส่วนลดon top เพิ่มอีก 50 บาท หากคุณเป็นผู้รักสุขภาพ รักการวิ่ง อย่ารอช้า ข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครวิ่งได้ที่ https://race.thai.run/worldrun2024 และสนใจติดตามรายละเอียดงานทั้งหมดได้ที่ Facebook: Worldrun Thailand

05 Jul 2024

Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner