Responsive image

Friday, 05 Dec 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


ประกันชีวิตที่มั่นคง “มีน – บอม เพจ คนจะไปก็ต้องไป” บอกเล่าความประทับใจที่เกิดขึ้นจริง

Thu 02/11/2566


เมืองไทยประกันชีวิต ปล่อยแคมเปญ A True Story “Whole Life” เมืองไทยประกันชีวิตเข้าใจทุกชีวิต ถ่ายทอดเรื่องจริงจากหลากหลายกลุ่มคนในสังคม ต่อเนื่องเรื่องที่ 2 บอกเล่าความประทับใจ ความสุข ความสมหวัง และความรัก  เหตุผลที่อยากส่งต่อความมั่นคงด้วยประกันชีวิต  พร้อมวางแผนด้วยประกันชีวิตเพื่ออนาคตมั่นใจ เติมเต็ม ดูแลทุกความสุขของคุณ  มุมมองใหม่ของคู่ชีวิต “มีน-บอม เจ้าของเพจ คนจะไปก็ต้องไป” 

การนำเสนอรูปแบบประกันชีวิตที่มีความเท่าเทียมทางเพศเป็นเรื่องที่สำคัญของสังคมรูปแบบประกันชีวิตที่เป็นธรรมต่อทุกกลุ่มคนไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เอาประกัน  ทั้งนี้ บริษัทฯ มองเห็นว่าเมื่อนำเสนอรูปแบบประกันชีวิตที่เท่าเทียมทางเพศ ควรให้ความสำคัญเท่าเทียมกันทุกคน

อย่างไรก็ตาม การนำเสนอรูปแบบประกันชีวิตที่มีความเท่าเทียมทางเพศไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีการเพิ่มสิทธิพิเศษหรือความคุ้มครองพิเศษที่แตกต่างหรือสร้างความเฉพาะกลุ่ม แต่ควรให้โอกาสอย่างเท่าเทียมในการเข้าถึงประโยชน์ที่มีความสอดคล้องกับความต้องการ และความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มเสมอภาคเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ยังควรสร้างความเข้าใจในความต้องการของผู้คนที่แตกต่างกันเพื่อให้การเลือกประกันชีวิตเป็นไปอย่างเหมาะสมกับทุกกลุ่มลูกค้า ในโอกาสนี้ เราได้รับเกียรติจาก  คุณมีน - จิรัฏฐ์ เกตุภู่ และ คุณบอม KPN หรือ บอม - อนุรักษ์ บุญเพิ่มพูล เจ้าของเพจ คนจะไปก็ต้องไป  และ YouTube : Takeyou2somewhere  เล่าเรื่องราวชีวิตดีของการประกันชีวิต   

จากไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน ความชอบแทบไม่เหมือนกันเลย แต่ปรับตัวและหาตรงกลางกันอยู่เสมอ เลยได้ใช้ชีวิตด้วยกัน โดยสร้างเพจขึ้นมาเป็นเหมือนพื้นที่ที่รวมความชอบของแต่ละคนไว้ด้วยกัน คุณมีนชอบเขียนคอนเทนต์ คุณบอม ชอบถ่ายรูป จึงเป็นที่มาของเพจ คนจะไปก็ต้องไป

ทั้งคุณมีน-บอม  คู่ชีวิตที่บอกกล่าวประสบการณ์จริงกับประกันชีวิตที่ประทับใจกับเมืองไทยประกันชีวิตเปิดเผยถึงความคิดครั้งแรกที่อยากจะทำประกันของมีนว่า  “จริง ๆ บอมจะชอบพูดประโยคหนึ่งที่บอกว่า ถ้าจะไปนี่ขอไปก่อน มันเลยทำให้มีนพยายามที่จะดูแลเขา” ในขณะที่บอมเองก็มองว่า “บอมไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้เราจะเจอคนที่ใช่ จนมาได้คบกับมีน เรารู้สึกว่าทำไมคนหนึ่ง ที่สามารถรักอีกคนหนึ่งได้มากขนาดนี้ เรารู้สึกว่าอยากอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตเลย”

ในขณะที่ไลฟ์สไตล์ของทั้ง 2 คน แตกต่างกัน  “มีนมองพี่บอมเค้าว่าพี่เขาจะติส ๆ อารมณ์ศิลปินประมาณนั้น เลยกลายเป็นว่า พอเวลาพี่บอมถ่ายรูปอะไรออกมา เราชอบเอารูปของเขามาสร้างเป็นเรื่องราวที่มันรีเลทกับชีวิตคู่ของเรา ก็เลยเกิดเป็นเพจคนจะไปก็ต้องไป จริง ๆ เพจคนจะไปก็ต้องไปเนี่ย คนนี้แหละจะไป (มีน) คนนี้เลยต้องไปด้วย (บอม)”

“บอมมองว่าการทำเพจมันมีข้อดีอย่างหนึ่ง คือเราได้เห็นมุมมองอื่นของกันและกัน มันทำให้ชีวิตคู่ของเรามีสีสันมากขึ้น ได้ใช้ชีวิตด้วยกันเยอะขึ้น มันก็เลยมีคำหนึ่งขึ้นมาก็คือคำว่าพาร์ทเนอร์ ความหมายของคำว่าพาร์ทเนอร์ของบอมคือการเดินไปข้างหน้าด้วยกันครับ” 

มีนยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “มีนมองว่าในปัจจุบันไปจนถึงอนาคต เรากลับเริ่มวางแผนอะไรหลายอย่าง คือเราไม่รู้หรอกว่าอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น มันมีสิ่งที่จะจากเป็นและจากตาย เราคงใช้ชีวิตแทนเขาในวันที่เขาไม่อยู่ หรือเราอาจจะบอกให้เขาใช้ชีวิตแทนเราให้ดีที่สุดในวันที่เราไม่อยู่ คงเป็นมุมนั้นมากกว่า แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลยนะ จนวันนี้ ตรงนี้เลย”     

“บอมขอเสริมตรงนี้ว่าคือทุกครั้งเวลาที่ผมนอน คือจะมองเขานอน เราก็คิดตลอดว่า ถ้าวันหนึ่งเขาไม่อยู่ตรงนี้แล้วเราจะรู้สึกยังไง มันทำให้เรารู้สึกไม่อยากให้มันเกิดขึ้น”   

การเลือกประกันชีวิตมีส่วนสำคัญ  โดยมีนยิ้มและพูดถึงเรื่องนี้ว่า “เรามาเจอกับเมืองไทยประกันชีวิต ก็เลยทำให้เรารู้ว่า อย่างน้อยแผนของเราที่เราวางมา สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะเรายังไม่ได้นับถึงวันที่เราจากกัน นึกออกมั้ยครับ  เรารู้สึกดีและรู้สึกสบายใจมากที่อย่างน้อย ความคิดเราสามารถตอบโจทย์พาร์ทเนอร์ คำว่าชีวิตคู่ของเราจริงๆ  เมืองไทยประกันชีวิตเขาสามารถระบุ คู่ชีวิต ของเราเป็นผู้รับประโยชน์ได้”   

 “และสำหรับบอมเอง บอมก็คิดเช่นเดียวกันว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่อยู่แล้ว อย่างน้อยเราก็ได้ส่งต่ออะไรบางอย่างให้กับเขา เพื่อที่จะให้เขาหรือคนข้างหลังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ครับ และเราเลือกฝากอนาคตของคนที่เรารักอย่างมั่นใจ ด้วยประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองอย่างเท่าเทียมจากเมืองไทยประกันชีวิตครับ”  บอมกล่าวด้วยรอยยิ้มและความประทับใจในครั้งนี้

 

ติดตามชม A True Story “Whole Life” เมืองไทยประกันชีวิตเข้าใจทุกชีวิต

EP 2 : คุณมีน - คุณบอม   เจ้าของเพจ คนจะไปก็ต้องไป ได้ที่

YouTube:https://youtu.be/chyKemKYQr8
FB: https://www.facebook.com/watch/?v=849308766683329

 

ประกันชีวิตเพื่ออนาคตมั่นใจ ส่งต่อหลักประกันให้คนที่คุณรักอย่างมั่นคง

  • จ่ายเบี้ยเริ่มต้นหลักร้อยต่อเดือน ส่งต่อหลักประกันเงินล้าน
  • เลือกจ่ายเบี้ยสั้นหรือยาวก็ได้ คุ้มครองยาวถึงอายุ 99 ปี
  • แทนคำสัญญาจะดูแลกันตลอดไป

  สามารถระบุ  “คู่ชีวิต” เป็นผู้รับประโยชน์สำหรับประกันชีวิตได้

รายละเอียดเพิ่มเติม www.muangthai.co.th หรือคลิก  https://webmtl.co/49c2x26

  • โทร 1766 ตลอด 24 ชั่วโมง
  • ติดต่อตัวแทนประกันชีวิต หรือ สาขา ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

- เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

- การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ

- เบี้ยประกันภัยสามารถนำไปใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์เป็นไปตามที่กรมสรรพากร กำหนด

- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย

 


Tags : เมืองไทยประกันชีวิต แคมเปญ A True Story “Whole Life มีน-บอม เจ้าของเพจ คนจะไปก็ต้องไป


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ทิพยประกันภัยเดินหน้าต่อยอดประสบการณ์ด้านประกันภัยรถยนต์ เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “TIP MOTOR EXTRA PRO ประกันรถสุดปัง อลังการสุดโปร” ในงาน Motor Expo 2025 เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ครบวงจร พร้อมคัดสรรผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์หลากหลาย อาทิ TIP Premium Garage Plus, TIP Lady, TIP Rainbow, TIP Up to Mile และประกันรถยนต์ 2+ คุ้มทุน พร้อมทีมให้คำปรึกษา คำนวณเบี้ย และบริการต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน แคมเปญ “TIP MOTOR EXTRA PRO” มอบข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับลูกค้า อาทิ • ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูงสุด 15% สำหรับลูกค้าใหม่ • รับของสมนาคุณ รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท • ลุ้นรับรถยนต์ MITSUBISHI XFORCE รุ่น ULTIMATE มูลค่า 1,059,000 บาท • ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน • พิเศษ! ลูกค้าที่ต่ออายุประกันภัยรถยนต์ภายในงาน รับ บัตร Lotus’s มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ทิพยประกันภัยขอเชิญทุกท่านร่วมรับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะงาน Motor Expo 2025 ได้ที่บูธ V07–V08 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568

30 Nov 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ ระหว่าง ธนาคารออมสิน และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อศึกษาความเป็นอยู่และพฤติกรรมทางการเงินของกลุ่มครัวเรือนฐานรากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการเงินในระบบ ที่จะนำไปสู่การต่อยอดองค์ความรู้ จากการวิจัยในการพัฒนาระบบการเงินที่เหมาะสม ช่วยยกระดับเศรษฐกิจและความเข้มแข็งทางการเงินของภาคครัวเรือนไทย โดยมี นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่   นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ภายใต้บทบาทการเป็น Social Bank ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินและสร้างการเข้าถึงแหล่งทุนที่เป็นธรรม ธนาคารเดินหน้าภารกิจหลักที่ 1 ในการสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งหากพิจารณาจากสถานการณ์การเข้าถึงสินเชื่อของคนไทย ปัจจุบันยังพบว่าครัวเรือนกว่าร้อยละ 30 ยังอยู่ในกลุ่ม Unserved และ Underserved โดยเป็นผู้มีรายได้น้อยและ/หรือรายได้ไม่แน่นอน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบจากการขาดประวัติเครดิตทางการเงิน และกว่าครึ่งยังต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นและต้องเผชิญภาระดอกเบี้ยสูง ดังนั้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนบทบาทการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ธนาคารจึงได้จัดตั้งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจฐานรากขึ้นเป็นครั้งแรก และได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อคิกออฟงานวิจัย “โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ” โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาเป็นผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ที่ธนาคารได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2568 เพื่อปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ที่มีรายได้ แต่ไม่เคยมีประวัติเครดิตทางการเงิน หรือไม่เคยใช้บริการสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของโครงการนี้มีลักษณะตัวตน หรือ Customer Persona ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของงานศึกษาวิจัยครั้งนี้ ทั้งนี้ ธนาคารหวังว่าจะสามารถนำผลลัพธ์ของงานวิจัยไปออกแบบเครื่องมือทางการเงิน หรือมาตรการสินเชื่อที่ตรงจุด สามารถตอบโจทย์ความคาดหวัง และสร้างระบบการเงินที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs และสอดคล้องตามบทบาทของธนาคารเพื่อสังคม   ดร. โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงลึกของลูกหนี้ภายใต้โครงการ “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” ของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นต้นแบบสินเชื่อดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้แต่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบสามารถกู้เงินได้เป็นครั้งแรก โดยธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยคนไทยสร้างประวัติเครดิตทางการเงินไปแล้วกว่า 200,000 ราย สะท้อนถึงความต้องการเข้าถึงสินเชื่อในระบบที่ยังมีอยู่จำนวนมาก การศึกษาครั้งนี้จึงมุ่งขยาย “ประตูสู่ระบบการเงิน” ให้กว้างขึ้น ผ่านการเก็บข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มคนที่อยู่นอกระบบเป็นครั้งแรก ใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ปัญหาเศรษฐกิจการเงิน พฤติกรรมและความต้องการทางการเงิน 2) โมเดลผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้ลูกหนี้ชำระคืนได้จริง 3) การทดลองใช้ข้อมูลใหม่และข้อมูลทางเลือกเพื่อค้นหาตัวชี้วัดความเสี่ยงที่แม่นยำยิ่งขึ้นให้กับสถาบันการเงิน 4) การติดตามผลการเข้าถึงสินเชื่อต่อรายได้และคุณภาพชีวิตของลูกหนี้ตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม ซึ่งผลการศึกษาจะช่วยให้ธนาคารออมสินออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้ และเพิ่มโอกาสในการชำระคืน   ขณะเดียวกัน สถาบัน ฯ จะมีองค์ความรู้เชิงลึกเพื่อนำไปสนับสนุนนโยบาย Your Data และโครงการ Risk-Based Pricing ของธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงได้โปร่งใส เป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ “เคยถูกมองไม่เห็น” เข้าสู่ระบบการเงินได้มากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนงานวิจัยให้เกิดผลจริงต่อประชาชนฐานราก เสริมรากฐานระบบการเงินที่เข้าถึงง่าย ยั่งยืน และช่วยยกระดับศักยภาพและคุณภาพชีวิตของครัวเรือนไทยได้อย่างมั่นคงในระยะยาว  

30 Nov 2025

...

จากสถานการณ์อุทกภัยส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของภาคใต้ โดยขณะนี้จังหวัดสงขลาประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน จึงขอแจ้งปิดทำการกรุงเทพประกันภัย สาขาหาดใหญ่ เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยลูกค้าสาขาหาดใหญ่และใกล้เคียงสามารถติดต่อบริการด้านประกันภัยได้ที่ กรุงเทพประกันภัย สาขาสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7727 3806 ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัยขอแสดงความห่วงใยและเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อรับคำปรึกษาต่างๆ และแจ้งเคลมสินไหมทดแทนสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการ รวมถึงประกันภัยรถยนต์ หรือรับบริการรถยกเพื่อเคลื่อนย้ายรถไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้ - LINE @bangkokinsurance - โทร. 1620 ตลอด 24 ชั่วโมง

25 Nov 2025

...

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อช่วยยกระดับความสามารถในการหารายได้ของผู้ประกอบการรายเล็กบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งที่เป็นทักษะความรู้ด้านการเงินและด้านดิจิทัล โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท/ราย สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Upskill/Reskill และได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งโครงการดังกล่าวมีหน่วยงานพันธมิตรหลายรายเป็นผู้ให้บริการเรียนรู้และพัฒนาทักษะแก่ร้านค้า โดยมีธนาคารออมสินรับผิดชอบการพัฒนาทักษะแก่ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย “ประเภทบุคคลธรรมดา” หลักสูตร “Smart Finance Upskill : การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัส” สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าบุคคลธรรมดา เน้นให้ความรู้ทางการเงินที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายุคใหม่ ประกอบด้วยเนื้อหาสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ การทำบัญชี การคิดต้นทุน เทคนิคการตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ พร้อมแบบจำลองการยื่นกู้ให้ผู้ประกอบการได้ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถนำแบบจำลองนั้นไปใช้ประกอบการยื่นกู้กับสถาบันการเงินได้ โดยผู้ที่ได้สมัครเรียนและผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการผ่านหลักสูตรเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการรับสิทธิ์เงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท ร้านค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าเรียนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 19 ธันวาคม 2568 ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชม. โดยผู้ที่สำเร็จหลักสูตรตามเงื่อนไขที่กำหนด จะมีการแจ้งผลการรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ ผ่านแอปถุงเงินและข้อความ SMS ในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารขอแนะนำโปรดหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น ซึ่งอาจทำให้ประสบปัญหาเว็บไซต์ตอบสนองช้ากว่าปกติได้ กรณีประสบปัญหาการใช้บริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส สามารถติดต่อที่ GSB Contact Center โทร.1115 กด 7 ตลอด 24 ชม.   นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่สำเร็จหลักสูตร Smart Finance Upskill แล้ว ยังมีสิทธิ์ยื่นขอกู้เงื่อนไขพิเศษกับสินเชื่อ “สร้างงานสร้างอาชีพ พลัส” โดยกดยื่นขอกู้ได้จากหน้าเว็บไซต์หลังเรียนจบหลักสูตร เพื่อเชื่อมต่อกระบวนการยื่นขอกู้ทางแอป MyMo ได้โดยสะดวก ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) = 0.75% ต่อเดือน แบบไม่มีหลักประกัน (Clean Loan) ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารพิจารณาให้กู้ตามความจำเป็นเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนหรือเสริมสภาพคล่อง และตามความสามารถในการชำระคืน ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th    

23 Nov 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner