Responsive image

Thursday, 04 Dec 2025

หน้าแรก > ECONOMY- FINANCE / เศรษฐกิจ - การเงิน


ออมสิน จัดงาน GSB Forum 2023 ประสบความสำเร็จ ชู CSV สร้างคุณค่าร่วม รวมพลังการให้พร้อมพัฒนา มุ่งลดความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน

Sat 25/11/2566


เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ณ ห้องฉัตราบอลรูม โรมแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ธนาคารออมสินจัดสัมมนา GSB Forum 2023 หัวข้อ ESG : Social Pillar Driven “สังคมยั่งยืน เพื่อโลกที่ยั่งยืน” เปิดเวทีถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนมุมมอง ประสบการณ์การดำเนินกิจการสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยกรอบแนวคิด ESG : Environment-Social-Governance ที่ธนาคารมุ่งเน้นแกนหลักด้านสังคม (Social) โดย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวเปิดการสัมมนาผ่านวีทีอาร์ ใจความว่า เรื่องความยั่งยืนเป็นความท้าทายสำคัญที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นทุกมิติ โดยได้สร้างกลไกสนับสนุนทั้งด้านกฎระเบียบ มาตรการทางการเงินการคลัง เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุน เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน แม้บทสรุปของความยั่งยืนยังไม่อาจวัดผลได้ในปัจจุบัน แต่ด้วยEcosystem ที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกัน ย่อมส่งผลเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจได้ในอนาคต

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “How DoesSocial Bank Work on the Journey toward Sustainability?” ว่า ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ ธนาคารออมสินกำหนดกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจDual Mission โดยทำธุรกิจธนาคารสร้างผลกำไรมาสนับสนุนการทำภารกิจเพื่อสังคม มุ่งเป้าหมายช่วยแก้ปัญหาความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ข้อ 1 และ 10 ทั้งนี้ ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี ธนาคารเพื่อสังคมได้จัดทำโครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรมแล้วกว่า 63 โครงการ ช่วยเหลือประชาชนได้กว่า 17 ล้านคน โดยสนับสนุนการให้สินเชื่อช่วยเสริมสภาพคล่องด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมแก่ลูกค้ารายย่อยกว่า 8.5 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ได้รับโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนในระบบเป็นครั้งแรก จำนวนกว่า 3.2 ล้านคน

ผลสำเร็จดังกล่าว เกิดขึ้นได้ด้วยการกำหนดเป็นนโยบาย Social Mission Integration โดยบูรณาการแนวคิดเพื่อสังคมในกระบวนการดำเนินงานที่สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยเหลือสังคม (Product) การจัดทำโครงการโดยคำนึงถึงประโยชน์ของสังคม (Project) และการปรับกระบวนการดำเนินงานที่ตอบโจทย์ของสังคม (Process) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการสร้างคุณค่าร่วมของธุรกิจและสังคม คือ CSV : Creating Shared Value โดย Michael Porter และ Mark Kramer โดยธนาคารเตรียมเดินหน้าสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่สามารถสร้างคุณค่าต่อสังคมอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยการจัดสรรงบประมาณและการลงทุนในกิจกรรมทางธุรกิจของธนาคาร อาทิ การแก้ปัญหาหนี้ลูกค้ารายย่อยอย่างยั่งยืน การขยายผลโครงการพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม โดยธนาคารออมสินคาดหวังที่จะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้หน่วยงานทุกภาคส่วน ดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงความสมดุลของการพัฒนาที่ครบทั้ง 3 แกน ทั้งด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ด้านมิติการพัฒนาสังคมให้เข้มแข็งโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และด้านการส่งเสริมธรรมาภิบาลที่ดีซึ่งเป็นรากฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืนที่แท้จริง 

 

ภายในงานสัมมนา ยังได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญและผู้ทรงคุณวุฒิหลายหน่วยงาน มาร่วมแสดงปาฐกถาและความคิดเห็นต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในแกนด้านสังคม อาทิ

Prof. Dr. AKM Saiful Majid ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Grameen Bank ประเทศบังกลาเทศ กล่าวปาฐกถากรณีตัวอย่าง “ธนาคารหมู่บ้าน” ต้นแบบธนาคารเพื่อสังคมและผู้ยากไร้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจนโด่งดังไปทั่วโลก จากการตั้ง Grameen Bank ดำเนินธุรกิจโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลกำไรสูงสุด เพื่อประโยชน์ของคนยากจนโดยช่วยให้คนจนมีสิทธิเข้าถึงสินเชื่อ และดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีตัวชี้วัดความสำเร็จเช่น การถือครองที่ดิน รายได้ และการจ้างงาน โดยที่ผ่านมาสามารถช่วยเหลือผู้ยากไร้จำนวนกว่า 10 ล้านคนให้หลุดพ้นจากวงจรความยากจน สมาชิกมากกว่า 2 ใน 3 (ประมาณ 10.2 ล้านคน) หลุดพ้นจากวงจรความยากจน

Mr. Renaud Meyer Resident Representative UNDP Thailand กล่าวว่า มิติที่สำคัญของ ESG คือความเท่าเทียม เป็นการทำให้ทุกคนไม่ว่าจะในฐานะอะไรได้เข้าถึงโอกาสการมีส่วนร่วม ซึ่งในมิติของธุรกิจจะเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพขององค์กร ดังนั้นเวลามองมิติการทำธุรกิจ ผนวกมิติความยั่งยืนจะทำให้องค์กรเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคงและแข่งขันได้มากขึ้น และสังคมจะอยู่ได้อย่างกลมกลืม ภายใต้เป้าหมายสำคัญ การพัฒนาที่ยั่งยืน จากความร่วมมือกันและส่งพลังให้ก้าวเดินหน้าได้ อีกทั้งต้องทำงานร่วมกันจึงจะบรรลุเป้าหมายได้ ต้องมาพร้อมกับ “การทำงาน พฤติกรรมในองค์กร ปรับฐานคิด” นี่คือสมการใหม่ของการพัฒนาที่ยั่งยืนทางสังคม

หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ความเข้มแข็งของสังคมเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเติบโตของธุรกิจทั้งหมด แต่ปัจจุบันในประเทศไทยฐานะความร่ำรวยกระจุกตัวเพียงบางกลุ่มคน ขณะที่ความยากจนนั้นกระจายไปทั่วประเทศ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่ธุรกิจเป็นเครื่องมือในการสร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งต้องแก้ไขที่จุดนี้ โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ มีปรัชญา“ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี เพียงแค่เขาไม่มีโอกาสและทางเลือกในการทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น” ดังนั้นมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จึงให้ความสำคัญเรื่องการให้โอกาส และเป็นการให้ที่ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมและชุมชนในระยะยาว

ด้าน ดร.เอกพล ณ สงขลา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ให้ความเห็นในฐานะองค์กรธุรกิจ มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วน (Collaboration) เป็นปัจจัยความสำเร็จการสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเริ่มจากดำเนินการจากจุดเล็กๆ ที่เป็นหน่วยย่อย จะสามารถสร้างแรงกระเพื่อมเกิดความร่วมมือในวงกว้าง ดังแนวคิดของทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีกซึ่งเป็นธีมหลักของการจัดสัมมนาครั้งนี้ โดยบริษัทฯ เน้นส่งเสริมให้ชุมชนสามารถยืนได้ด้วยตนเองผ่านโครงการสำคัญ เช่น โครงการประชารัฐรักสามัคคีเป็นต้น 

 

​นอกจากนี้ ช่วงบ่ายของการสัมมนาเป็นการเน้นเนื้อหาเข้มข้นในเรื่องการสร้างคุณค่าร่วมของธุรกิจและสังคม หรือ CSV : Creating Shared Value ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิมากหมายหลายท่าน ที่ได้มาบรรยายให้ความรู้และแชร์ไอเดียแนวคิดที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้นำไปต่อยอดการทำแผนธุรกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านแกนด้านสังคม อาทิ นายปิยะชาติ อิศรภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BRANDi and Companies ในหัวข้อ The New Competitive and Collaborative Advantages : Creating Shared Value (CSV) Ms. Fiona Stewart และคุณขวัญพัฒน์ สุทธิธรรมกิจ จากธนาคารโลก หรือ World Bank ในหัวข้อ Creating Shared Value : Role of Sustainability-Linked Financing ปิดท้ายด้วยการเสวนาในหัวข้อ CSV Success Stories Well Told โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคารออมสินองค์กรต่างๆ ที่ได้รับประโยชน์เชิงสังคมจากการดำเนินงานของธนาคาร ได้แก่ ผู้แทนจากสถาบันการเงินประชาชน ผู้แทนจากมูลนิธิออทิสติกไทย ผู้แทนนักเรียนจากโครงการธนาคารโรงเรียน และผู้แทนชุมชนในพื้นที่โครงการพัฒนาแบบองค์รวม “ออมสินฮ่วมใจ๋ฮักขุนน่าน” จังหวัดน่าน โดยได้รับเกียรติจาก นางบุญรักษ์ อุดมสิทธิพงศ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นผู้กล่าวปิดท้ายงานสัมมนาด้วยกรณีตัวอย่างความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจธนาคารออมสินที่ยึดหลักการเพื่อช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมไทย

ผู้สนใจสามารถรับชมย้อนหลังบันทึกภาพการสัมมนา GSB Forum 2023 หัวข้อ ESG : Social Pillar Driven “สังคมยั่งยืน เพื่อโลกที่ยั่งยืน” ได้ที่ facebook : GSB Society

 


Tags : ออมสิน ธนาคารออมสิน วิทัย รัตนากร GSB Forum 2023 กฤษฎา จีนะวิจารณะ หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ดร.เอกพล ณ สงขลา


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ทิพยประกันภัยเดินหน้าต่อยอดประสบการณ์ด้านประกันภัยรถยนต์ เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “TIP MOTOR EXTRA PRO ประกันรถสุดปัง อลังการสุดโปร” ในงาน Motor Expo 2025 เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ครบวงจร พร้อมคัดสรรผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์หลากหลาย อาทิ TIP Premium Garage Plus, TIP Lady, TIP Rainbow, TIP Up to Mile และประกันรถยนต์ 2+ คุ้มทุน พร้อมทีมให้คำปรึกษา คำนวณเบี้ย และบริการต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน แคมเปญ “TIP MOTOR EXTRA PRO” มอบข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับลูกค้า อาทิ • ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูงสุด 15% สำหรับลูกค้าใหม่ • รับของสมนาคุณ รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท • ลุ้นรับรถยนต์ MITSUBISHI XFORCE รุ่น ULTIMATE มูลค่า 1,059,000 บาท • ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน • พิเศษ! ลูกค้าที่ต่ออายุประกันภัยรถยนต์ภายในงาน รับ บัตร Lotus’s มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ทิพยประกันภัยขอเชิญทุกท่านร่วมรับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะงาน Motor Expo 2025 ได้ที่บูธ V07–V08 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568

30 Nov 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ ระหว่าง ธนาคารออมสิน และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อศึกษาความเป็นอยู่และพฤติกรรมทางการเงินของกลุ่มครัวเรือนฐานรากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการเงินในระบบ ที่จะนำไปสู่การต่อยอดองค์ความรู้ จากการวิจัยในการพัฒนาระบบการเงินที่เหมาะสม ช่วยยกระดับเศรษฐกิจและความเข้มแข็งทางการเงินของภาคครัวเรือนไทย โดยมี นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่   นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ภายใต้บทบาทการเป็น Social Bank ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินและสร้างการเข้าถึงแหล่งทุนที่เป็นธรรม ธนาคารเดินหน้าภารกิจหลักที่ 1 ในการสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งหากพิจารณาจากสถานการณ์การเข้าถึงสินเชื่อของคนไทย ปัจจุบันยังพบว่าครัวเรือนกว่าร้อยละ 30 ยังอยู่ในกลุ่ม Unserved และ Underserved โดยเป็นผู้มีรายได้น้อยและ/หรือรายได้ไม่แน่นอน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบจากการขาดประวัติเครดิตทางการเงิน และกว่าครึ่งยังต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นและต้องเผชิญภาระดอกเบี้ยสูง ดังนั้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนบทบาทการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ธนาคารจึงได้จัดตั้งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจฐานรากขึ้นเป็นครั้งแรก และได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อคิกออฟงานวิจัย “โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ” โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาเป็นผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ที่ธนาคารได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2568 เพื่อปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ที่มีรายได้ แต่ไม่เคยมีประวัติเครดิตทางการเงิน หรือไม่เคยใช้บริการสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของโครงการนี้มีลักษณะตัวตน หรือ Customer Persona ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของงานศึกษาวิจัยครั้งนี้ ทั้งนี้ ธนาคารหวังว่าจะสามารถนำผลลัพธ์ของงานวิจัยไปออกแบบเครื่องมือทางการเงิน หรือมาตรการสินเชื่อที่ตรงจุด สามารถตอบโจทย์ความคาดหวัง และสร้างระบบการเงินที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs และสอดคล้องตามบทบาทของธนาคารเพื่อสังคม   ดร. โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงลึกของลูกหนี้ภายใต้โครงการ “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” ของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นต้นแบบสินเชื่อดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้แต่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบสามารถกู้เงินได้เป็นครั้งแรก โดยธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยคนไทยสร้างประวัติเครดิตทางการเงินไปแล้วกว่า 200,000 ราย สะท้อนถึงความต้องการเข้าถึงสินเชื่อในระบบที่ยังมีอยู่จำนวนมาก การศึกษาครั้งนี้จึงมุ่งขยาย “ประตูสู่ระบบการเงิน” ให้กว้างขึ้น ผ่านการเก็บข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มคนที่อยู่นอกระบบเป็นครั้งแรก ใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ปัญหาเศรษฐกิจการเงิน พฤติกรรมและความต้องการทางการเงิน 2) โมเดลผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้ลูกหนี้ชำระคืนได้จริง 3) การทดลองใช้ข้อมูลใหม่และข้อมูลทางเลือกเพื่อค้นหาตัวชี้วัดความเสี่ยงที่แม่นยำยิ่งขึ้นให้กับสถาบันการเงิน 4) การติดตามผลการเข้าถึงสินเชื่อต่อรายได้และคุณภาพชีวิตของลูกหนี้ตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม ซึ่งผลการศึกษาจะช่วยให้ธนาคารออมสินออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้ และเพิ่มโอกาสในการชำระคืน   ขณะเดียวกัน สถาบัน ฯ จะมีองค์ความรู้เชิงลึกเพื่อนำไปสนับสนุนนโยบาย Your Data และโครงการ Risk-Based Pricing ของธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงได้โปร่งใส เป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ “เคยถูกมองไม่เห็น” เข้าสู่ระบบการเงินได้มากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนงานวิจัยให้เกิดผลจริงต่อประชาชนฐานราก เสริมรากฐานระบบการเงินที่เข้าถึงง่าย ยั่งยืน และช่วยยกระดับศักยภาพและคุณภาพชีวิตของครัวเรือนไทยได้อย่างมั่นคงในระยะยาว  

30 Nov 2025

...

จากสถานการณ์อุทกภัยส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของภาคใต้ โดยขณะนี้จังหวัดสงขลาประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน จึงขอแจ้งปิดทำการกรุงเทพประกันภัย สาขาหาดใหญ่ เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยลูกค้าสาขาหาดใหญ่และใกล้เคียงสามารถติดต่อบริการด้านประกันภัยได้ที่ กรุงเทพประกันภัย สาขาสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7727 3806 ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัยขอแสดงความห่วงใยและเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อรับคำปรึกษาต่างๆ และแจ้งเคลมสินไหมทดแทนสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการ รวมถึงประกันภัยรถยนต์ หรือรับบริการรถยกเพื่อเคลื่อนย้ายรถไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้ - LINE @bangkokinsurance - โทร. 1620 ตลอด 24 ชั่วโมง

25 Nov 2025

...

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อช่วยยกระดับความสามารถในการหารายได้ของผู้ประกอบการรายเล็กบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งที่เป็นทักษะความรู้ด้านการเงินและด้านดิจิทัล โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท/ราย สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Upskill/Reskill และได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งโครงการดังกล่าวมีหน่วยงานพันธมิตรหลายรายเป็นผู้ให้บริการเรียนรู้และพัฒนาทักษะแก่ร้านค้า โดยมีธนาคารออมสินรับผิดชอบการพัฒนาทักษะแก่ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย “ประเภทบุคคลธรรมดา” หลักสูตร “Smart Finance Upskill : การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัส” สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าบุคคลธรรมดา เน้นให้ความรู้ทางการเงินที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายุคใหม่ ประกอบด้วยเนื้อหาสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ การทำบัญชี การคิดต้นทุน เทคนิคการตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ พร้อมแบบจำลองการยื่นกู้ให้ผู้ประกอบการได้ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถนำแบบจำลองนั้นไปใช้ประกอบการยื่นกู้กับสถาบันการเงินได้ โดยผู้ที่ได้สมัครเรียนและผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการผ่านหลักสูตรเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการรับสิทธิ์เงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท ร้านค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าเรียนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 19 ธันวาคม 2568 ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชม. โดยผู้ที่สำเร็จหลักสูตรตามเงื่อนไขที่กำหนด จะมีการแจ้งผลการรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ ผ่านแอปถุงเงินและข้อความ SMS ในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารขอแนะนำโปรดหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น ซึ่งอาจทำให้ประสบปัญหาเว็บไซต์ตอบสนองช้ากว่าปกติได้ กรณีประสบปัญหาการใช้บริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส สามารถติดต่อที่ GSB Contact Center โทร.1115 กด 7 ตลอด 24 ชม.   นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่สำเร็จหลักสูตร Smart Finance Upskill แล้ว ยังมีสิทธิ์ยื่นขอกู้เงื่อนไขพิเศษกับสินเชื่อ “สร้างงานสร้างอาชีพ พลัส” โดยกดยื่นขอกู้ได้จากหน้าเว็บไซต์หลังเรียนจบหลักสูตร เพื่อเชื่อมต่อกระบวนการยื่นขอกู้ทางแอป MyMo ได้โดยสะดวก ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) = 0.75% ต่อเดือน แบบไม่มีหลักประกัน (Clean Loan) ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารพิจารณาให้กู้ตามความจำเป็นเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนหรือเสริมสภาพคล่อง และตามความสามารถในการชำระคืน ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th    

23 Nov 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner