Responsive image

Wednesday, 15 Oct 2025

หน้าแรก > ECONOMY- FINANCE / เศรษฐกิจ - การเงิน


ออมสิน จัดงาน GSB Forum 2023 ประสบความสำเร็จ ชู CSV สร้างคุณค่าร่วม รวมพลังการให้พร้อมพัฒนา มุ่งลดความเหลื่อมล้ำอย่างยั่งยืน

Sat 25/11/2566


เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ณ ห้องฉัตราบอลรูม โรมแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ธนาคารออมสินจัดสัมมนา GSB Forum 2023 หัวข้อ ESG : Social Pillar Driven “สังคมยั่งยืน เพื่อโลกที่ยั่งยืน” เปิดเวทีถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนมุมมอง ประสบการณ์การดำเนินกิจการสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยกรอบแนวคิด ESG : Environment-Social-Governance ที่ธนาคารมุ่งเน้นแกนหลักด้านสังคม (Social) โดย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าวเปิดการสัมมนาผ่านวีทีอาร์ ใจความว่า เรื่องความยั่งยืนเป็นความท้าทายสำคัญที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นทุกมิติ โดยได้สร้างกลไกสนับสนุนทั้งด้านกฎระเบียบ มาตรการทางการเงินการคลัง เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุน เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน แม้บทสรุปของความยั่งยืนยังไม่อาจวัดผลได้ในปัจจุบัน แต่ด้วยEcosystem ที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกัน ย่อมส่งผลเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจได้ในอนาคต

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “How DoesSocial Bank Work on the Journey toward Sustainability?” ว่า ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำ เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ ธนาคารออมสินกำหนดกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจDual Mission โดยทำธุรกิจธนาคารสร้างผลกำไรมาสนับสนุนการทำภารกิจเพื่อสังคม มุ่งเป้าหมายช่วยแก้ปัญหาความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำทางการเงิน สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ข้อ 1 และ 10 ทั้งนี้ ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี ธนาคารเพื่อสังคมได้จัดทำโครงการที่ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรมแล้วกว่า 63 โครงการ ช่วยเหลือประชาชนได้กว่า 17 ล้านคน โดยสนับสนุนการให้สินเชื่อช่วยเสริมสภาพคล่องด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมแก่ลูกค้ารายย่อยกว่า 8.5 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้ที่ได้รับโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนในระบบเป็นครั้งแรก จำนวนกว่า 3.2 ล้านคน

ผลสำเร็จดังกล่าว เกิดขึ้นได้ด้วยการกำหนดเป็นนโยบาย Social Mission Integration โดยบูรณาการแนวคิดเพื่อสังคมในกระบวนการดำเนินงานที่สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยเหลือสังคม (Product) การจัดทำโครงการโดยคำนึงถึงประโยชน์ของสังคม (Project) และการปรับกระบวนการดำเนินงานที่ตอบโจทย์ของสังคม (Process) ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการสร้างคุณค่าร่วมของธุรกิจและสังคม คือ CSV : Creating Shared Value โดย Michael Porter และ Mark Kramer โดยธนาคารเตรียมเดินหน้าสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่สามารถสร้างคุณค่าต่อสังคมอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยการจัดสรรงบประมาณและการลงทุนในกิจกรรมทางธุรกิจของธนาคาร อาทิ การแก้ปัญหาหนี้ลูกค้ารายย่อยอย่างยั่งยืน การขยายผลโครงการพัฒนาชุมชนแบบองค์รวม โดยธนาคารออมสินคาดหวังที่จะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้หน่วยงานทุกภาคส่วน ดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงความสมดุลของการพัฒนาที่ครบทั้ง 3 แกน ทั้งด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ด้านมิติการพัฒนาสังคมให้เข้มแข็งโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และด้านการส่งเสริมธรรมาภิบาลที่ดีซึ่งเป็นรากฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืนที่แท้จริง 

 

ภายในงานสัมมนา ยังได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญและผู้ทรงคุณวุฒิหลายหน่วยงาน มาร่วมแสดงปาฐกถาและความคิดเห็นต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในแกนด้านสังคม อาทิ

Prof. Dr. AKM Saiful Majid ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Grameen Bank ประเทศบังกลาเทศ กล่าวปาฐกถากรณีตัวอย่าง “ธนาคารหมู่บ้าน” ต้นแบบธนาคารเพื่อสังคมและผู้ยากไร้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจนโด่งดังไปทั่วโลก จากการตั้ง Grameen Bank ดำเนินธุรกิจโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลกำไรสูงสุด เพื่อประโยชน์ของคนยากจนโดยช่วยให้คนจนมีสิทธิเข้าถึงสินเชื่อ และดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีตัวชี้วัดความสำเร็จเช่น การถือครองที่ดิน รายได้ และการจ้างงาน โดยที่ผ่านมาสามารถช่วยเหลือผู้ยากไร้จำนวนกว่า 10 ล้านคนให้หลุดพ้นจากวงจรความยากจน สมาชิกมากกว่า 2 ใน 3 (ประมาณ 10.2 ล้านคน) หลุดพ้นจากวงจรความยากจน

Mr. Renaud Meyer Resident Representative UNDP Thailand กล่าวว่า มิติที่สำคัญของ ESG คือความเท่าเทียม เป็นการทำให้ทุกคนไม่ว่าจะในฐานะอะไรได้เข้าถึงโอกาสการมีส่วนร่วม ซึ่งในมิติของธุรกิจจะเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพขององค์กร ดังนั้นเวลามองมิติการทำธุรกิจ ผนวกมิติความยั่งยืนจะทำให้องค์กรเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคงและแข่งขันได้มากขึ้น และสังคมจะอยู่ได้อย่างกลมกลืม ภายใต้เป้าหมายสำคัญ การพัฒนาที่ยั่งยืน จากความร่วมมือกันและส่งพลังให้ก้าวเดินหน้าได้ อีกทั้งต้องทำงานร่วมกันจึงจะบรรลุเป้าหมายได้ ต้องมาพร้อมกับ “การทำงาน พฤติกรรมในองค์กร ปรับฐานคิด” นี่คือสมการใหม่ของการพัฒนาที่ยั่งยืนทางสังคม

หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า ความเข้มแข็งของสังคมเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเติบโตของธุรกิจทั้งหมด แต่ปัจจุบันในประเทศไทยฐานะความร่ำรวยกระจุกตัวเพียงบางกลุ่มคน ขณะที่ความยากจนนั้นกระจายไปทั่วประเทศ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่ธุรกิจเป็นเครื่องมือในการสร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งต้องแก้ไขที่จุดนี้ โดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ มีปรัชญา“ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี เพียงแค่เขาไม่มีโอกาสและทางเลือกในการทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น” ดังนั้นมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จึงให้ความสำคัญเรื่องการให้โอกาส และเป็นการให้ที่ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมและชุมชนในระยะยาว

ด้าน ดร.เอกพล ณ สงขลา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ให้ความเห็นในฐานะองค์กรธุรกิจ มุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วน (Collaboration) เป็นปัจจัยความสำเร็จการสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเริ่มจากดำเนินการจากจุดเล็กๆ ที่เป็นหน่วยย่อย จะสามารถสร้างแรงกระเพื่อมเกิดความร่วมมือในวงกว้าง ดังแนวคิดของทฤษฎีผีเสื้อกระพือปีกซึ่งเป็นธีมหลักของการจัดสัมมนาครั้งนี้ โดยบริษัทฯ เน้นส่งเสริมให้ชุมชนสามารถยืนได้ด้วยตนเองผ่านโครงการสำคัญ เช่น โครงการประชารัฐรักสามัคคีเป็นต้น 

 

​นอกจากนี้ ช่วงบ่ายของการสัมมนาเป็นการเน้นเนื้อหาเข้มข้นในเรื่องการสร้างคุณค่าร่วมของธุรกิจและสังคม หรือ CSV : Creating Shared Value ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิมากหมายหลายท่าน ที่ได้มาบรรยายให้ความรู้และแชร์ไอเดียแนวคิดที่เป็นประโยชน์แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้นำไปต่อยอดการทำแผนธุรกิจเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านแกนด้านสังคม อาทิ นายปิยะชาติ อิศรภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BRANDi and Companies ในหัวข้อ The New Competitive and Collaborative Advantages : Creating Shared Value (CSV) Ms. Fiona Stewart และคุณขวัญพัฒน์ สุทธิธรรมกิจ จากธนาคารโลก หรือ World Bank ในหัวข้อ Creating Shared Value : Role of Sustainability-Linked Financing ปิดท้ายด้วยการเสวนาในหัวข้อ CSV Success Stories Well Told โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคารออมสินองค์กรต่างๆ ที่ได้รับประโยชน์เชิงสังคมจากการดำเนินงานของธนาคาร ได้แก่ ผู้แทนจากสถาบันการเงินประชาชน ผู้แทนจากมูลนิธิออทิสติกไทย ผู้แทนนักเรียนจากโครงการธนาคารโรงเรียน และผู้แทนชุมชนในพื้นที่โครงการพัฒนาแบบองค์รวม “ออมสินฮ่วมใจ๋ฮักขุนน่าน” จังหวัดน่าน โดยได้รับเกียรติจาก นางบุญรักษ์ อุดมสิทธิพงศ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นผู้กล่าวปิดท้ายงานสัมมนาด้วยกรณีตัวอย่างความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจธนาคารออมสินที่ยึดหลักการเพื่อช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมไทย

ผู้สนใจสามารถรับชมย้อนหลังบันทึกภาพการสัมมนา GSB Forum 2023 หัวข้อ ESG : Social Pillar Driven “สังคมยั่งยืน เพื่อโลกที่ยั่งยืน” ได้ที่ facebook : GSB Society

 


Tags : ออมสิน ธนาคารออมสิน วิทัย รัตนากร GSB Forum 2023 กฤษฎา จีนะวิจารณะ หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ดร.เอกพล ณ สงขลา


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายธีรลักษ์ แสงสนิท รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการสรรหาผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ได้มีมติเห็นชอบให้ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน โดยผู้ที่สนใจสามารถยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครได้ตั้งแต่วันอังคารที่ 14 ตุลาคม - วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568 สำหรับคุณสมบัติทั่วไปของผู้สมัคร กำหนดให้ต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 58 ปีบริบูรณ์ในวันยื่นใบสมัคร สามารถทำงานให้ธนาคารได้เต็มเวลา และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามประกาศคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการธนาคารออมสิน สำหรับคุณสมบัติเฉพาะต้องมีความรู้ ความสามารถ ด้านเศรษฐกิจ การเงิน การตลาด และการธนาคารเป็นอย่างดี มีวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการองค์กร มีภาวะความเป็นผู้นำสูง มีความรอบรู้และประสบการณ์ในการบริหารจัดการองค์กร กรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กร และมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งนั้นรวมกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันยื่นใบสมัคร หรือกรณีที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารจากหน่วยงานภาคเอกชน ต้องดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่มีรายได้ขององค์กรไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี หรือเคยบริหารกิจการที่มีสินทรัพย์ขององค์กรไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ต้องมีระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่า รองผู้บริหารสูงสุดขององค์กรนั้นต่อเนื่องกันเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันยื่นใบสมัคร สามารถดาวน์โหลดใบสมัครและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsb.or.th โดยยื่นใบสมัครด้วยตนเอง หรือมอบให้ตัวแทนเป็นผู้ยื่น โดยมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมเอกสารหลักฐานประกอบการสมัครได้ที่ ส่วนสรรหาและแต่งตั้งโยกย้าย ฝ่ายบริหารงานทรัพยากรบุคคล อาคาร 32 ชั้น ชั้น 15 ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันอังคารที่ 14 ตุลาคม - วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568 ระหว่างเวลา 09.00 – 16.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2299-8000 ต่อ 810371 - 74          

11 Oct 2025

...

ธนาคารออมสิน เตรียมจัดงานใหญ่ GSB SAVINGS FORUM 2025 เนื่องในวันออมแห่งชาติ 31 ตุลาคม 2568 ภายใต้แนวคิด “AI & AOM ออมยุคใหม่ สร้างสังคมไทยให้ยั่งยืน” เพื่อเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์ด้านการออมในโลกดิจิทัล สะท้อนการผสานพลัง “AI” (Artificial Intelligence) เข้ากับ “AOM” (การออม) ในการสร้างวินัยทางการเงินและสังคมแห่งการออมที่ยั่งยืน หนึ่งในไฮไลท์สำคัญคือ กิจกรรมประกวดออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” เชิญชวนคนรุ่นใหม่ร่วมสร้างสรรค์งานออกแบบผ่าน AI Generative Tools ถ่ายทอดแนวคิดการออมในมิติใหม่ พร้อมชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 110,000 บาท ตอกย้ำภารกิจสำคัญของธนาคารในการส่งเสริมการออมและสร้างวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง กิจกรรมประกวดออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” เปิดรับผลงานจากผู้ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานออกแบบชิ้นงานใดก็ได้ ที่สร้างสรรค์ด้วย AI Generative Tools คนละ 1 ชิ้น ขนาดไฟล์ไม่เกิน 5MB ในรูปแบบ JPEG หรือ PNG ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 15 ตุลาคม 2568 โดยธนาคารจะคัดเลือกและประกาศรายชื่อผู้ที่จะได้เข้าร่วมแข่งขันในวันที่ 21 ตุลาคม 2568 จากนั้นจะจัดการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาผู้ชนะเลิศ ในงาน GSB SAVINGS FORUM วันที่ 31 ตุลาคม 2568 (วันออมแห่งชาติ) ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ ซึ่งผู้ร่วมแข่งขันจะต้องออกแบบ “กระปุกออมสิน” ภายใต้โจทย์และเวลาที่กำหนดโดยใช้ AI Generative Tools โดยการตัดสินได้รับเกียรติจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากธนาคารออมสิน และผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าจากวงการ AI และโฆษณา อาทิ คุณเมธากวี สีตบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้าน Generative AI และ Trainer ของ MidJourney และ คุณวีรยุทธ์ คุณวิทยไพศาล Executive Producer บริษัท Montage Studio และกรรมการตัดสิน Adman Awards 2023 ทั้งนี้ ผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล จำนวน 50,000 บาท รางวัลที่ 2 จำนวน 30,000 บาท รางวัลที่ 3 จำนวน 20,000 บาท และรางวัล Popular Vote จำนวน 10,000 บาท รวมมูลค่ารางวัลทั้งสิ้น 110,000 บาท ผู้สนใจสามารถสมัครและดูรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านลิงก์หรือสแกนคิวอาร์โค้ด (QR Code) ที่กำหนด   สมัครพร้อมติดตามรายละเอียดและกติกาการแข่งขันเพิ่มเติมได้ที่ Link https://forms.gle/1wHqR8V8e337M8wg8  หรือ QR Code  

06 Oct 2025

...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้รับใบประกาศเกียรติคุณชั้นที่ 2 จากสภากาชาดไทย ในฐานะองค์กรที่ให้การสนับสนุนและความร่วมมือในการจัดหาผู้บริจาคโลหิตเป็นหมู่คณะอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการบริจาคโลหิตมาตั้งแต่ปี 2531 และจัดกิจกรรมทุก 3 เดือน เพื่อสนับสนุนการสำรองโลหิตให้เพียงพอสำหรับการรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ถือเป็นการต่อชีวิตและยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในสังคม ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน ด้วยการเชิญชวนผู้บริหาร พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า ตลอดจนประชาชนทั่วไป เข้าร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต รวมถึงการบริจาคอวัยวะและดวงตา เพื่อสนับสนุนภารกิจของสภากาชาดไทย อันเป็นการสืบสานเจตนารมณ์แห่งการให้และการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อย่างแท้จริง

06 Oct 2025

...

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดโครงการ “Responsible Voices สำหรับ Finfluencer รุ่นที่ 2” ณ สำนักงาน ก.ล.ต. โดยมีศาสตราจารย์ ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. เป็นประธานในพิธี และได้รับเกียรติจากผู้แทนหน่วยงานกำกับทั้ง 3 หน่วยงานเข้าร่วม ซึ่งเป็นการจัดต่อเนื่องจากความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ของรุ่นที่ 1 ที่สิ้นสุดไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยได้คัดเลือก Financial Influencer (Finfluencer) จำนวน 40 คน จากหลากหลายแพลตฟอร์ม เข้าร่วมอบรมในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการให้ข้อมูลด้านการเงิน การลงทุน และการประกันภัย   นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญในการสร้าง “Finfluencer เชิงบวก”  ที่สามารถนำเสนอข้อมูลด้านประกันภัย การเงิน และการลงทุนได้อย่างถูกต้อง เข้าใจง่าย และตระหนักถึงผลกระทบต่อสังคม  โดยสำนักงาน คปภ. ได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบ่มเพาะผู้สร้างสรรค์ Content ที่มีความรู้ด้านการประกันภัย เพื่อถ่ายทอดต่อไปยังประชาชนในวงกว้าง ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ผู้แทนสายกลยุทธ์องค์กร เข้าร่วมในพิธีเปิดและกิจกรรมการบรรยาย โดยสำนักงาน คปภ. ยังได้ร่วมจัด Workshop เชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “การสื่อสารด้านการประกันภัยอย่างมีความรับผิดชอบ” เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการผลิตคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน   โครงการ Responsible Voices สำหรับ Finfluencer รุ่นที่ 2 จัดขึ้นภายใต้การร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงานกำกับดูแล โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ Financial Influencer (Finfluencer) จากภาคการเงิน การลงทุน และประกันภัย มีความรู้ความเข้าใจ และสามารถเผยแพร่ข้อมูลให้แก่ผู้ติดตามได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ยกระดับสู่การเป็น Finfluencer ที่นำเสนอข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ และคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อผู้ติดตามและสังคม รวมทั้งขยายผลสู่การสร้างความตระหนักต่อผู้ประกอบธุรกิจที่มีการสื่อสารผ่าน Finfluencer ซึ่งจากความสำเร็จในรุ่นที่ 1 กลุ่ม Finfluencer ได้ระดมความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ และร่วมกันจัดทำเนื้อหาด้านการเงิน การลงทุน และประกันภัยในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย   โดยผู้ที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการฯ ในรุ่นที่ 1 มีผู้ติดตาม (followers) จำนวนรวมมากกว่า 14 ล้านคน ซึ่งสะท้อนถึงพลังของการสื่อสารและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้ Finfluencer ให้ตระหนักถึงบทบาทของตนเองในการให้ข้อมูลอย่างมีความรับผิดชอบ และมีการช่วยเหลือกันภายในเครือข่าย เพื่อส่งเสริมให้เกิดสังคมการให้ข้อมูลที่มีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่กระจายข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์จากหน่วยงานกำกับดูแลทั้ง 3 แห่ง ไปสู่ประชาชนในวงกว้าง จึงเป็นที่มาของการดำเนินการต่อเนื่องในรุ่นที่ 2 โดยยังคงยึดเป้าหมายในการส่งเสริมการสื่อสารด้วยเสียงที่สร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบ เพื่อเสริมสร้างกลไกการคุ้มครองผู้ลงทุนและประชาชนให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน   ทั้งนี้ โครงการ Responsible Voices สำหรับ Finfluencer รุ่นที่ 2 จะจัดขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคม และวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ณ สำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งเนื้อหาการอบรมแต่ละครั้งจะเป็นการบรรยาย การระดมความคิด และการทำ Workshop โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากทั้ง 3 หน่วยงานกำกับดูแล ครอบคลุมหัวข้อความรู้เกี่ยวกับการสื่อสารด้านการเงิน การลงทุน และการประกันภัยที่เหมาะสม การอัปเดตสถานการณ์ทางการเงิน การลงทุน และประกันภัย เพื่อนำความรู้ความเข้าใจที่ได้รับไปใช้ประโยชน์ในการจัดทำและนำเสนอ Content ที่ถูกต้อง รวมทั้งสร้างหลักคิดที่ชวนให้ตระหนักรู้เกี่ยวกับการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย  ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการตามเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับประกาศนียบัตรเพื่อรับรองการเข้าร่วมโครงการ  

06 Oct 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner