Responsive image

Friday, 03 Oct 2025

หน้าแรก > ECONOMY- FINANCE / เศรษฐกิจ - การเงิน


สำนักวิจัย CIMB Thai ห่วง อย่าให้สงครามค่าเงินเป็นคำตอบ

Fri 23/02/2567


ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า นับเป็นประเด็นการเมืองและเศรษฐกิจที่น่าติดตาม ระหว่างรัฐบาลที่คาดหวังการลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจกับแบงก์ชาติที่ยังตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ความขัดแย้งด้านทิศทางดอกเบี้ยมีส่วนกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ โดยในช่วงสัปดาห์การประชุมกนง. เงินบาทอ่อนค่าที่สุดในภูมิภาค และโดยเฉพาะหลังตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2566 ขยายตัวต่ำจากปีก่อนหน้า และหดตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งย้ำถึงแรงกดดันในการลดดอกเบี้ยในวันที่ 10 เมษายนนี้ มากขึ้น

อย่างไรก็ดี ดอกเบี้ยไม่ใช่ยารักษาทุกโรค หากหวังพึ่งพาดอกเบี้ยนโยบาย การลดดอกเบี้ยเพียง 0.25 หรือ 0.50% ไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องลดลงถึง 1.25% จึงจะมากพอ ซึ่งเป็นการปรับลดในระดับวิกฤติการเงิน และเป็นระดับเดียวกับก่อนเกิดวิกฤติโควิด ผลข้างเคียงของการลดดอกเบี้ยเช่นนี้ จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า และอาจเป็นการประกาศสงครามค่าเงินกับเพื่อนบ้าน เพราะบาทที่อ่อนจะแย่งชิงความสามารถในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง และอาจลามเป็นการอ่อนค่าของค่าเงินในภูมิภาคได้ในภายหลัง

“ผมมองว่า หนทางแก้เกมที่ดีที่สุด คือ ประสานนโยบายการเงินและการคลัง ตอนนี้เหมือนเรากำลังดูทีมฟุตบอลที่กองหน้าเขี่ยบอลให้กองหลังวิ่งขึ้นมาทำประตู อาจเพราะมีผู้เล่นบาดเจ็บ (งบประมาณยังไม่ออกจนเดือนพฤษภาคม) แต่กองหลังก็ไม่ขยับมาเล่นกองกลาง ยังเตะบอลให้กองหน้า เพราะห่วงรักษาประตู (เน้นดูแลเสถียรภาพของตลาดเงินและเศรษฐกิจ) คนดูก็เชียร์กันไปคนละข้าง เศรษฐกิจไทยก็ยากที่จะเดินหน้าได้ คงต้องหาทางแก้เกมกันว่าจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อประสานผู้เล่นในทีมนี้” ดร. อมรเทพ กล่าว

ทำไมยังไม่ถึงเวลาลดอัตราดอกเบี้ย

หากพิจารณาถ้อยแถลงและการสื่อสารของคณะกรรมการนโยบายการเงิน จะพบหลากหลายปัจจัยที่บ่งบอกว่าทำไมยังไม่ถึงเวลาลดอัตราดอกเบี้ย ผมลองตีความได้สามปัจจัยดังนี้

1. เศรษฐกิจไทยเติบโตช้า มาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ได้มาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไป

ปัญหาเชิงโครงสร้างมาจากการขาดความเชื่อมโยงของภาคการผลิตไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก การส่งออกขยายตัวต่ำแม้อุปสงค์ตลาดโลกกำลังฟื้นตัวได้ดี การขาดความสามารถในการแข่งขันหรือขาดสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลก ยกตัวอย่าง ไทยเป็นแหล่งผลิต Hard Disk Drive (HDD) แต่โลกกำลังเปลี่ยนไปใช้ Solid State Drive (SSD) หรือ การนำเข้าสินค้าจากจีนทำให้ SME ไทยต้องทยอยปิดกิจการไป ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐก็น้อยและล่าช้า กระทบเศรษฐกิจไทยช่วงที่ผ่านมา

2. อัตราเงินเฟ้อต่ำ ไม่ได้มาจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ

อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการภาครัฐ ที่ส่งผลต่อราคาพลังงานในประเทศปรับลดลง แต่เป็นการบรรเทาปัญหาชั่วคราว และไม่ได้มาจากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ (อันนี้ผมเห็นต่าง ผมว่ามีส่วนบ้างที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอทำให้การปรับราคาขึ้นทำได้ยาก) ทางแบงก์ชาติยังย้ำว่าระดับราคาสินค้าและบริการที่ปรับลดลงมาแต่ยังสูงเมื่อเทียบช่วงก่อนโควิด และมองว่าหากอุปสงค์ในประเทศยังดี การใช้นโยบายการเงินมากระตุ้นก็อาจไม่ตรงจุด น่าไปแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างภาคการผลิตและการส่งออกมากกว่า

3. ผลข้างเคียงจากการลดดอกเบี้ยที่เร็วเกินไป

การลดดอกเบี้ยช่วงที่อุปสงค์ในประเทศยังแข็งแรง การบริโภคยังเติบโตได้ อาจส่งผลข้างเคียงให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวขึ้นมารวดเร็วช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ปรับเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ส่งผลเสียต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว การคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน เพื่อรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย หรือเก็บ policy space ไว้ใช้ยามจำเป็น

ดอกเบี้ยไม่ใช่ยารักษาทุกโรค

ต่อให้ลดดอกเบี้ยลง ก็ทำได้เพียงพยุงเศรษฐกิจ ไม่ได้กระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเหนือ 4% และการลดดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25-0.50% ก็ไม่ช่วยลดรายจ่ายด้านดอกเบี้ยลงอย่างมีนัยะสำคัญ อาจพอลดความตึงเครียดได้บ้าง สร้างแรงจูงใจให้คนมาใช้จ่ายและลงทุนได้มากขึ้น แต่การส่งผ่านของการลดอัตราดอกเบี้ยต่อเศรษฐกิจจริงอาจใช้เวลาถึง 6 เดือน ต่างกับมาตรการทางการคลังที่อัดฉีดเงินเข้ากระเป๋าคนเพื่อนำไปใช้จ่ายได้ทันที และสามารถดูแลผู้เดือดร้อนได้ตรงกลุ่ม มากกว่านโยบายการเงินที่หว่านแหในวงกว้าง และการลดดอกเบี้ยก็มีผลข้างเคียงที่เปรียบเหมือนยา อาจทำให้เกิดอาการหนี้ครัวเรือนที่เพิ่ม สินทรัพย์ไทยขาดความน่าสนใจจนต่างชาติเทขาย ทำเงินบาทอ่อนค่า กระทบสินค้านำเข้าให้มีราคาสูงขึ้นได้

อย่าให้สงครามค่าเงินเป็นคำตอบ

ผมกังวลว่า ผู้กำหนดนโยบายจะเห็นว่าหนทางที่เร็วที่สุด (quick win) อาจจะเป็นการปล่อยให้เงินบาทอ่อนค่า ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม การลดดอกเบี้ยในระด้บมากพอจะกระตุ้นเศรษฐกิจ กำลังซื้อ การลงทุน และทำให้บาทอ่อนค่าแรงพอจะสร้างความสามารถการแข่งขัน แต่ต้องระวังผลข้างเคียง ต้นทุนนำเข้าเพิ่มสูง โดยเฉพาะราคาน้ำมัน หรือกลุ่มที่มีสัดส่วนการนำเข้าเพื่อการผลิตสูง เช่น อาหารทะเลกระป๋อง เครื่องจักรอุตสาหกรรม และเครื่องมือแพทย์ แต่ก็พอจะมีกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากบาทอ่อน เช่น กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และกลุ่มส่งออก เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าเกษตรอื่นๆ ยานยนต์และส่วนประกอบ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ และนิคมอุตสาหกรรม การลดดอกเบี้ยของไทย จะเป็นการประกาศสงครามค่าเงินกับเพื่อนบ้านหรือไม่ และอาจลามเป็นการอ่อนค่าของค่าเงินในภูมิภาคได้ในภายหลัง แม้ไม่ได้รุนแรงเหมือนวิกฤติต้มยำกุ้ง แต่หากเงินบาทวิ่งไปที่ระดับ 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อาจมีคนบางกลุ่มได้รับผลกระทบ

“ผมมองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอและปราศจากมาตรการทางการคลังในการสนับสนุนเช่นนี้ คงต้องอาศัยการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อสร้างความเชื่อมั่น เสริมสภาพคล่อง และกดดันเงินบาทให้อ่อนค่า แต่ก็หวังว่า แบงก์ชาติยังมีหนทางอื่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการทางการเงินอื่นๆ มาเสริมได้อีก เช่น การลดข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ ลดวงเงิน LTV และยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้สำหรับลูกหนี้ที่มีปัญหา อย่างไรก็ดี มาตรการเหล่านี้ก็ทำได้เพียงประคองเศรษฐกิจให้มีความหวังว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เหนือระดับ 2% แต่จะกระตุ้นให้ถึง 3% ได้หรือไม่ก็คงต้องรอดูมาตรการต่างๆ จากรัฐบาลอีกที” ดร.อมรเทพ กล่าว

 

           

 


Tags : สำนักวิจัย CIMB Thai ซีไอเอ็มบี ไทย ดร.อมรเทพ จาวะลา ซีไอเอ็มบี ไทย วิเคราะห์เศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นางสาววชิรา การสุทธิ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มการตลาดเพื่อความยั่งยืน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน ร่วมพิธีเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติอย่างพร้อมเพรียง เนื่องในวันพระราชทานธงชาติไทย 28 กันยายน 2568 เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ผู้พระราชทานธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย เมื่อปี พ.ศ. 2460 และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดให้วันที่ 28 กันยายนของทุกปี เป็นวันพระราชทานธงชาติไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา ซึ่งปีนี้นับเป็นวาระครบรอบ 108 ปี แห่งการมีธงไตรรงค์เป็นสัญลักษณ์ของชาติไทย กิจกรรมดังกล่าวยังสะท้อนถึงความรัก ความสามัคคี และความภาคภูมิใจในความเป็นชาติของคนไทยทุกคน ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ และธนาคารออมสินสาขาทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568      

29 Sep 2025

...

กบข. พร้อมขนทัพผู้บริหาร เดินทางพบสมาชิกถึงที่ กับมหกรรม GPF Fund Fair กรุงเทพฯ 2025 วันที่ 16 ตุลาคมนี้ ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการฯ อัดแน่นด้วยกิจกรรมมากมาย เพิ่มความรู้การเงิน-ลงทุนให้แก่สมาชิก   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของสมาชิก ให้มีความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งได้กำหนดแผนงานเน้นการเพิ่มทักษะทางการเงินให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สมาชิกวางแผนการเงินได้อย่างเข้าใจ เพิ่มโอกาสให้สมาชิกสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงิน มีคุณภาพชีวิตที่มั่นคงหลังเกษียณ และเกษียณอย่างมีสุข โดยในวันที่ 16 ตุลาคม 2568 กบข. จะจัดมหกรรมแห่งปี ภายใต้งาน GPF Fund Fair กรุงเทพฯ2025 ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ ภายในงาน กบข. ได้เตรียมขนทัพผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ กบข. นำโดย นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการฯ กบข. เพื่อไปพบสมาชิกถึงที่ พร้อมด้วยกิจกรรมอีกมากมาย ทั้งเลขาธิการฯ พบสมาชิก กบข. , ทีมลงทุนพบสมาชิก กิจกรรมรวยไม่ใช่เล่น ให้สมาชิกได้ทดลองบริหารเงิน ด้วยการจำลองสถานการณ์การลงทุน ทดลองเป็นนักลงทุนผ่านเกมส์ กิจกรรมสร้างรายได้จาก TikTok เรียนรู้เครื่องมือสร้างรายได้ กลยุทธ์และเทคนิคการสร้างคอนเทนส์ รวมถึงโค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์ จาก Money Coach มาร่วมแชร์เคล็ดลับในการจัดการเงิน บริหารสภาพคล่อง เพื่อวางแผนเงินออมสู่ชีวิตการเงินที่เลือกได้ นอกจากนี้ กบข. ร่วมกับพันธมิตรสวัสดิการ มีบูธกิจกรรมให้สมาชิกได้ร่วมเล่นเกมส์ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สมาชิกที่เข้าร่วมงานจะได้รับของที่ระลึกจาก กบข.  และ GPF Point เพื่อสะสมแลกของที่ระลึก รวมถึงสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน กบข. แบบส่วนตัวฟรี จึงขอเชิญชวนสมาชิกเข้าร่วม GPF Fund Fair กรุงเทพฯ 2025 สำรองที่นั่งได้ที่เว็บไซต์ กบข. www.gpf.or.th คลิกที่แบนเนอร์หน้าเว็บไซต์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก 1179  

27 Sep 2025

...

พลเอก เอกรัตน์ ช้างแก้ว ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก เป็นสักขีพยาน ในโอกาสที่ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รับมอบเงินจำนวน 4,875,000 บาท โดยมี นางสาววชิรา การสุทธิ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มการตลาดเพื่อความยั่งยืน เป็นผู้แทนธนาคารออมสินในการมอบเงิน เพื่อนำไปช่วยเหลือและเยียวยาทหารที่ได้รับบาดเจ็บทุพพลภาพ ตลอดจนดูแลครอบครัวของทหารผู้เสียสละชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา เพื่อเป็นขวัญ กำลังใจ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ณ กองบัญชาการกองทัพบก กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 ทั้งนี้ที่ผ่านมาธนาคารได้ให้การสนับสนุนภารกิจเฉพาะหน้าอย่างต่อเนื่อง อาทิ การส่งมอบสิ่งของที่จำเป็น ได้แก่ ผ้าห่ม อาหารแห้ง อาหารปรุงสุก และน้ำดื่ม ให้แก่ศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และตราด รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณเพื่อการบริหารจัดการภายในศูนย์พักพิง ธนาคารออมสิน ในฐานะธนาคารเพื่อสังคม พร้อมยืนหยัดเคียงข้างประชาชนไทยในทุกวิกฤติ เพื่อร่วมก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากไปด้วยกัน โดยไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง    

24 Sep 2025

...

วันที่ (23 กันยายน 2568) นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มอบข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” ทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้องหอมมะลิ และข้าวไรซ์เบอร์รี่ จำนวนทั้งสิ้น 12,000 ถ้วย ให้แก่กองทัพบก โดยมี พลเอก เอกรัตน์ ช้างแก้ว ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก เป็นสักขีพยาน และมีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ สำหรับนำไปให้กับกำลังพลในพื้นที่ใช้ในการบริโภคเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยทหารและเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดนเพื่อรักษาอธิปไตยและความสงบให้กับประชาชนและประเทศชาติหรือในการปฏิบัติภารกิจบรรเทาทุกข์เร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชน หลังจากก่อนหน้านี้ข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” ได้ถูกส่งมอบไปยังเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อภารกิจในพื้นที่ชายแดนผ่านหน่วยงานต่าง ๆ ไปแล้วกว่า 24,000 ถ้วย โดยข้าวพร้อมทานตรา “อุ่นอิ่ม” ถือเป็นผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรที่จัดทำโดยสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ร้อยเอ็ด (สกต.ร้อยเอ็ด) ที่ ธ.ก.ส. ได้เข้าไปยกระดับสินค้า เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาโดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาแปรรูปข้าวให้มีคุณภาพ อร่อยได้มาตรฐาน สามารถทานได้ทันที หรืออุ่นในไมโครเวฟเพียง 60 วินาที เพื่อเพิ่มความอร่อย และยังสามารถเก็บในอุณหภูมิปกติได้นานถึง 18 เดือน โดยไม่จำเป็นต้องแช่เย็น     ผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ที่ สกต.ร้อยเอ็ด จำกัด โทร.088-338-2572 โดยมีนายชาคริต ดิเรกวัฒนชัย รองกรรมการผู้อำนวยการสำนักกิจการและสื่อสารองค์กร บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย พลเอก เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ผอ.อผศ.) และหน่วยงานพันธมิตรร่วมในพิธีส่งมอบ ณ อาคาร 2 กองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจแก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ผ่านมา อันส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยมีทหารได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จึงได้จัดทำมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ กรณีบุตร คู่สมรส ของลูกค้า ธ.ก.ส. ที่เป็นทหาร หรือ ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชาโดยธนาคารยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจไปยังเจ้าหน้าที่ผู้เสียสละในการปฏิบัติภารกิจสำคัญด้านอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศชาติ  

24 Sep 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner