Responsive image

Saturday, 12 Jul 2025

หน้าแรก > SOCIETY / ภาพข่าว - CSR - ข่าวการเมือง


เอไอเอ ประเทศไทย มอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่โรงเรียนที่ชนะเลิศในโครงการ “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2”

Fri 28/06/2567


เอไอเอ ประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2” เพื่อเชิดชูเกียรติแก่โรงเรียนที่ชนะในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษารวม 26 โรงเรียน จากทั้งหมด 91 โรงเรียนที่ส่งผลงานเข้ามาประกวด โดยได้รับเกียรติจาก พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลฯ ร่วมด้วย ผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ดร. จักกนิตต์ คณานุรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการพัฒนากำลังคนดิจิทัล ให้เกียรติร่วมมอบรางวัลแก่โรงเรียนที่ชนะ ซึ่งพิธีมอบรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2” จัดขึ้น ณ SF World Cinema, CentralWorld

ซึ่งในปีนี้มีโรงเรียนสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนมากกว่า 600 โรงเรียน อีกทั้งยังได้นำสื่อการเรียนการสอนของโครงการไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียนอย่างจริงจัง และสามารถส่งเสริมนักเรียนรวมถึงชุมชนโดยรอบทั้งในด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ โภชนาการ และการพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดความยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโรงเรียนไทยที่ทัดเทียมระดับนานาชาติ และตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอ ในการสนับสนุนเยาวชนและผู้คนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ขึ้น ภายในปี 2573 ตามพันธกิจ AIA One Billion ตลอดจนสอดคล้องตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’

 

พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า “ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นภาคเอกชนอย่าง เอไอเอ ประเทศไทย ให้ความสำคัญแก่เยาวชนไทย ผ่านการจัดโครงการ สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อมุ่งส่งเสริมและปลูกฝังพฤติกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพของเยาวชนไทยอย่างแท้จริง โครงการนี้ไม่เพียงแค่สอดคล้องกับนโยบายเป้าหมายทางการศึกษาภายในประเทศของกระทรวงศึกษาธิการ แต่ยังส่งเสริมแนวคิดที่เป็นระบบเกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี รวมทั้งช่วยสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับเยาวชน และผมเชื่อว่าความร่วมมือของภาคเอกชนที่ส่งเสริมด้านสุขภาพและการศึกษาแบบนี้ จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อเยาวชนของประเทศชาติได้อย่างแท้จริง”

 

นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีและขอชื่นชมอย่างยิ่งกับทุกโรงเรียนที่ได้รับรางวัล สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ในปีนี้ ความสำเร็จของโครงการนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอในการช่วยเหลือให้ผู้คนและชุมชนของเราได้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น เอไอเอจะยังคงเดินหน้าส่งเสริมสุขภาพในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ การใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง การมีสุขภาพใจที่ดี และการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน ตลอดทั้งมอบความรู้ผ่านสื่อการสอนให้แก่นักเรียน คุณครู ผู้ปกครอง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนรุ่นต่อไป

และที่ขาดไม่ได้ ผมขอขอบคุณพันธมิตรทุกหน่วยงานที่ร่วมสนับสนุนโครงการมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้โครงการในปีที่ 2 นี้ ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม ตลอดจนขอขอบคุณคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากทุกสถาบัน ที่มีส่วนร่วมในการตัดสินเพื่อมอบรางวัลให้แก่ทั้ง 26 โรงเรียนในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนสำหรับโครงการ สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ในปีถัดไป เพื่อร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนไทยให้เติบโตอย่างแข็งแรง พร้อมนำพาประเทศไทยไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน” คุณนิคฮิล กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับรายชื่อโรงเรียนที่ได้รับรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2” ได้แก่

โรงเรียนโรงเรียนเทศบาล 2 วัดดอนมูลชัย จังหวัดตาก ชนะเลิศการแข่งขันโครงการ สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2 ในระดับประถมศึกษา จากการดำเนินโครงการ Change for Good ที่นำสื่อการเรียนรู้จากโครงการฯ ไปประยุกต์ใช้เพื่อให้นักเรียนและชุมชนรอบ ๆ โรงเรียนมีสุขภาพดีและมีความสุขมากยิ่งขึ้น ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น กิจกรรมอารยเกษตร กิจกรรมลานธรรม ลานปัญญา มุ่งพัฒนาจิตใจด้วยหลักธรรมทางศาสนา และศูนย์ทรัพยากรคืนชีพ ที่นำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ได้ด้วยการคัดแยกขยะมากกว่า 30 ประเภท

 

  • รางวัลชนะเลิศระดับมัธยมศึกษา รับรางวัลมูลค่า 350,000 บาท

โรงเรียนเทศบาล 1 กิตติขจร จังหวัดตาก ชนะเลิศการแข่งขันโครงการ สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี

 - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2 ในระดับมัธยมศึกษา โดยใช้สื่อการเรียนรู้จากโครงการฯ เพื่อจัดกิจกรรม ประกอบด้วย B1. Better Food ที่ใช้เมนู Thai School Lunch และจัดอาหารกลางวันและนมให้นักเรียนที่มีภาวะทุพโภชนาการ B2. Better Health ใช้แอปพลิเคชันก้าวท้าใจ ส่งเสริมการออกกำลังกาย B3. Better Mind ให้นักเรียนเลือกเรียนสิ่งที่ใช่ ถูกใจสิ่งที่ชอบ จาก 17 หลักสูตร B4. Better Surroundings ให้นักเรียนดูแลพื้นที่รับผิดชอบ คัดแยกและรีไซเคิลขยะ และ B5. Better Model ขยายผลสู่ครอบครัวและชุมชน

 

  • รางวัลดีเด่นในแต่ละด้าน รับรางวัลมูลค่า 75,000 บาท ต่อโรงเรียน จำนวน 4 โรงเรียน

  • โรงเรียนวัดจันทร์ตะวันออก จังหวัดพิษณุโลก ได้รับรางวัลดีเด่นด้านการการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ

 

  • โรงเรียนรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ จังหวัดเชียงใหม่ ได้รางวัลดีเด่นด้านการใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง

 

  • โรงเรียนไทยซิกข์นานาชาติ จังหวัดสมุทรปราการ ได้รางวัลดีเด่นด้านการมีสุขภาพใจที่ดี

 

  • โรงเรียนอำนวยศิลป์ กรุงเทพมหานคร ได้รางวัลดีเด่นด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน

 

  • โรงเรียนบ้านหนองหญ้าปล้อง จังหวัดบุรีรัมย์
  • โรงเรียนบ้านโกตาบารู จังหวัดยะลา
  • โรงเรียนบ้านท่าข้าม จังหวัดปัตตานี
  • โรงเรียนวัดอู่ตะเภา จังหวัดสุพรรณบุรี
  • โรงเรียนเชียงแสนอาคาเดมี จังหวัดเชียงราย
  • โรงเรียนวัดช่างเหล็ก กรุงเทพมหานคร
  • โรงเรียนบ้านร้องยุ้งข้าว จังหวัดพิษณุโลก
  • โรงเรียนบ้านฟ้า จังหวัดน่าน
  • โรงเรียนบ้านป่าไม้สหกรณ์ จังหวัดบุรีรัมย์
  • โรงเรียนบ้านผือพอก จังหวัดศรีสะเกษ
  • โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช
  • โรงเรียนบ้านจันทัย จังหวัดอุบลราชธานี
  • โรงเรียนบ้านดอนผอุง จังหวัดอุบลราชธานี
  • โรงเรียนเซนต์แอนดรูวส์ สาทร กรุงเทพมหานคร
  • โรงเรียนบ้านนาห้วยแดงดงสำโรง จังหวัดอุบลราชธานี

 

  • รางวัลชมเชยระดับชั้นมัธยมศึกษา รับรางวัลมูลค่า 50,000 บาท ต่อโรงเรียน จำนวน 5 โรงเรียน

-    โรงเรียนพานพิทยาคม จังหวัดเชียงราย

-    โรงเรียนเทศบาล 2 คลองจิหลาด จังหวัดกระบี่

-    โรงเรียนแวงพิทยาคม จังหวัดสกลนคร

-    โรงเรียนจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

-    โรงเรียนวัดทรงธรรม จังหวัดสมุทรปราการ

สำหรับโรงเรียนที่ชนะเลิศการแข่งขันโครงการ สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 2 ในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา จะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะจัดขึ้น ณ บาหลี อินโดนีเซีย ในวันที่ 4 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ เพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1.5 ล้านบาท

ติดตามข้อมูลโครงการ สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ได้ทางเว็บไซต์ ahs.aia.com/th/th/ และโรงเรียนที่สนใจสามารถดาวน์โหลดสื่อการเรียนการสอนได้จากเว็บไซต์ของโครงการ ตลอดจนสามารถติดตามการเปิดรับสมัครเข้าร่วมโครงการปีที่ 3 ได้ทางเว็บไซต์ และสื่อออนไลน์ของเอไอเอ ประเทศไทย โดยมีกำหนดเปิดรับสมัครตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 เป็นต้นไป


Tags : เอไอเอ เอไอเอ ประเทศไทย นิคฮิล แอดวานี มอบรางวัล AIA Healthiest Schools ปีที่ 2 สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารประสบความสำเร็จได้รับรางวัลระดับเอเชีย Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2025 สาขา Social Empowerment จาก MyMo Secure Plus นวัตกรรมความปลอดภัยบน Mobile Banking ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ให้ลูกค้า บูรณาการร่วมกับ แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ เพื่อสื่อสารสร้างการรับรู้และเสริมภูมิคุ้มกันภัยทางการเงิน พร้อมกันนี้ ธนาคารออมสินยังได้รับรางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability ในฐานะองค์กรที่มีความโดดเด่นและมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติจนได้รับรางวัล AREA มาแล้ว 5 ปี จาก Enterprise Asia องค์กรพัฒนาเอกชนชั้นนำที่ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบในเอเชีย เพื่อเชิดชูและให้เกียรติองค์กรธุรกิจที่มีการดำเนินงานตามแนวทาง ESG และเป็นต้นแบบองค์กรชั้นนำในภูมิภาคเอเชียที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ     ธนาคารออมสินถือเป็นธนาคารแรกที่พัฒนาโหมดปลอดมิจฉาชีพ ภายใต้ชื่อ MyMo Secure Plus เพื่อช่วยดูแลเงินฝากขั้นสูงสุดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มที่ไม่รู้เท่าทันมิจฉาชีพที่เปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงตลอดเวลา ออกแบบโดยเน้นการทำธุรกรรมทางการเงินแบบจำกัดเฉพาะรายการที่จำเป็น อาทิ การโอนเงินไปยังบัญชีตนเองภายในธนาคารและต่างธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ และการจำกัดวงเงินในการทำธุรกรรมต่อวัน ทั้งนี้ ธนาคารออมสินไม่เพียงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นธนาคารแรกที่ดำเนินกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC) ผ่าน แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ ดำเนินการอย่างเข้มข้นผ่านช่องทางการสื่อสารที่ครบวงจร ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ สื่อนอกบ้าน หรืออินฟลูเอนเซอร์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุด เนื่องจากธนาคารตระหนักดีถึงความสูญเสียของประชาชนและวิกฤตของอาชญากรรมออนไลน์ที่นับวันจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ จึงเป็นความพยายามของธนาคารในการที่จะกระตุ้นเตือนให้ประชาชนรู้เท่าทันกลลวงและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพทางการเงิน     รางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability และ Social Empowerment ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงบทบาทของธนาคารออมสินในฐานะ Social Bank ที่ไม่เพียงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนการสร้าง Social Impact เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยบรรเทาปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ธนาคารยังคงยึดมั่นในหลักการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบตามแนวทาง ESG เพื่อก้าวสู่เป้าหมายความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม ตลอดจนเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว  

01 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner