Responsive image

Sunday, 09 Nov 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


“นุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์” รีเทิร์นเก้าอี้นายกสมาคมประกันชีวิตไทย พร้อมเผยภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตครึ่งปีแรก 2567

Sat 10/08/2567


สมาคมประกันชีวิตไทย จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 โดยมีวาระสำคัญคือการพิจารณาเลือกตั้งนายกสมาคมประกันชีวิตไทยและคณะกรรมการบริหารสมาคมชุดใหม่ ประจำปีบริหาร 2567 – 2569 (1 กรกฎาคม 2567 – 30 มิถุนายน 2569) ซึ่งในที่ประชุมได้มีการลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์เลือกนางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ให้ดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมประกันชีวิตไทย

สำหรับรายนามกรรมการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย ประจำปีบริหาร 2567 – 2569 มีดังต่อไปนี้

  1. นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์     นายกสมาคมประกันชีวิตไทย
  2. นายสาระ ล่ำซำ                                 อุปนายกฝ่ายการตลาด
  3. นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ                  อุปนายกฝ่ายบริหาร
  4. นายนิคฮิล อาชวานิ แอดวานี               อุปนายกฝ่ายวิชาการ
  5. นายโชน โสภณพนิช                           เลขาธิการสมาคม
  6. นายสุทธิ รจิตรังสรรค์                          เหรัญญิกสมาคม

 

นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย  เผยภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตในช่วงครึ่งแรกปี 2567 ระหว่าง มกราคม - มิถุนายน มีเบี้ยประกันภัยรับรวม (Total Premium) อยู่ที่ 311,413.63 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.80 เมื่อเทียบกับปี 2566 จำแนกเป็น เบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ (New Business Premium) 88,332.86 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 76 และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป (Renewal Premium) 223,080.77 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.63 และมีอัตราความคงอยู่ร้อยละ 83

สำหรับเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ ประกอบด้วย

1.) เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (First Year Premium) 58,266.84 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.21

2.) เบี้ยประกันภัยจ่ายครั้งเดียว (Single Premium) 30,066.02 ล้านบาท เติบโตลดลงร้อยละ 0.92

 

จำแนกเบี้ยประกันภัยรับรวมแยกตามช่องทางการจำหน่าย ดังนี้

1. การขายผ่านช่องทางตัวแทนประกันชีวิต (Agency) เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 155,522.29 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.98 เมื่อเทียบกับปี 2566 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49.94

2. การขายผ่านช่องทางธนาคาร (Bancassurance) เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 122,507.58 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.28 เมื่อเทียบกับปี 2566 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 39.34

3. การขายผ่านช่องทางนายหน้าประกันชีวิต (Broker) เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 18,874.47 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.42 เมื่อเทียบกับปี 2566 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.06

4.การขายผ่านช่องทางโทรศัพท์ (Tele Marketing) เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 6,269.10 ล้านบาท อัตราการเติบโตติดลบร้อยละ 8.43 เมื่อเทียบกับปี 2566 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.01

5.การขายผ่านช่องทางดิจิทัล(Digital) เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 585.12 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.38 เมื่อเทียบกับปี 2566 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.19

6. การขายผ่านช่องทางอื่น (Others) เช่น การขาย Worksite , Walkin การขายผ่านการออกบูธการขายผ่านร้านค้าสะดวกซื้อ Direct Mail , Tele Marketing เป็นต้น เบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 7,647.11 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.72 เมื่อเทียบกับปี 2566 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.46

 

สำหรับผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตมากขึ้นในช่วงครึ่งแรก ปี 67 คือสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ ที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 51,450.58 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.33 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16.52 ซึ่งหลัก ๆ มาจากการที่ประชาชนใสใจดูแลสุขภาพและเริ่มตระหนักถึงความสำคัญในการทำประกันสุขภาพมากขึ้น เพื่อบริหารความเสี่ยงและรับมือกับค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น (Medical Inflation)

ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบบำนาญ (Pension) ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก โดยครึ่งแรก ปี 67 มีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 5,699.48. ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.25 หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1.83 ส่วนในปี 2567 สมาคมประกันชีวิตไทยได้ประมาณการอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตอยู่ที่ในช่วงร้อยละ 20 - 4.0 ซึ่งลอดคล้องกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2567 ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 2.5

 

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากกระแสคนรักสุขภาพ อันเนื่องมาจากการที่ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบของการเกิดโรคอุบัติใหม่และมลภาวะ รวมถึงแนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ประชาชนหันมาใสใจดูแลสุขภาพ และ มีการทำประกันสุขภาพมากขึ้น รวมถึงการที่ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aged Society) อย่างเต็มตัว ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนทางการเงินช่วงวัยเกษียณกันมากขึ้น เพราะนอกจากเป็นรูปแบบการออมประเภทหนึ่งที่มีความเสี่ยงต่ำแล้ว ยังได้รับความคุ้มตรองชีวิต และ สิทธิการลดหย่อนภาษีที่ทางภาครัฐให้การสนับสนุน

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจยังได้มึนโยบายสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี เช่น AI และ Data Analytics เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การเสนอขาย การพิจารณารับประกันภัย การพิจารณาสินไหม ไปจนถึงการส่งมอบบริการและธุรกรรมหลังการขายที่เกี่ยวข้องกับกรมธรรม์ เพื่อยกระดับความพึงพอใจของผู้เอาประกันภัยให้เพิ่มสูงขึ้น

ในขณะเดียวกัน ธุรกิจประกันชีวิตยังคงต้องติดตามแนวโน้ม และความผันผวน ของสถานการณ์เศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอัตราดอกเบี้ย สถานการณ์เงินเฟ้อ และตลาดหุ้นไทย ที่ส่งผลกระทบต่อการออม การลงทุน และภาระหนี้สินภาคครัวเรือนที่ส่งผลต่อการใช้จ่ายของภาคประชาชน รวมถึงต้องติดตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการเกิดโรคอุบัติใหม่ เพราะส่งผลต่อความต้องการและความเชื่อมั่นของภาคประชาชนที่มีต่อธุรกิจประกันชีวิตโดยตรง

 

ดังนั้น สมาคมประกันชีวิตไทยจึงมีแผนดำเนินงานเพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อปัจจัยท้าทายรอบด้านโดยนำแนวคิดการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน (ESG) มาประยุกต์ใช้ในการประกอบการพิจารณาลงทุน การออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต รวมถึงการบริการที่สามารถตอบโจทย์ต่อความต้องการภาคประชาชนและสังคมในทุกด้าน ทั้งมิติของสิ่งแวดล้อม (Environment) มิติของสังคม (Social) และมิติของการกำกับดูแล (Governance) เพื่อให้ธุรกิจประกันชีวิตมีหลักธรรมมาภิบาลสามารถเติบโตอย่างความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้สมาคมฯ มีนโยบายในการสนับสนุนในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้พัฒนากระบวนการต่าง ๆ ของธุรกิจประกันชีวิต เพื่อยกระดับความพึงพอใจและความเชื่อมั่นของผู้เอาประกันภัยให้มากขึ้น  มีการส่งเสริมให้ความรู้แก่ประชาชน เช่น เรื่องการรู้เท่าทันของเทคโนโลยีและภัยไซเบอร์ เพื่อช่วยปกป้องผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย รวมถึงมีนโยบายเชิงรุกในการปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เป็นปัจจุบัน โดยทางสมาคม ฯ จะเป็นแกนกลางในการประสานพันธกิจทั้งในรูปแบบประชุมหารือรับฟังความคิดเห็นระหว่างบริษัทประกันชีวิต กับ หน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงจัดตั้งคณะทำงานกลุ่มย่อยที่มีคณะกรรมการบริหารสมาคมเป็นประธานเพื่อติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งผลักดันระบบการจัดสอบและอบรมความรู้ ระบบออกใบอนุญาตตัวแทนประกันชีวิตในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทั้งบริษัทสมาชิก และ บุคคลทั่วไปที่สนใจสมัครสอบเข้าสู่เส้นทางอาชีพตัวแทนประกันชีวิต

 

ที่สำคัญ สมาคมฯ มีนโยบายที่มุ่งให้แต่ละบริษัทประกันชีวิต มีแนวทางการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงถึงการบริหารและจัดการความเสี่ยงอย่างรอบด้าน ทั้งก่อนและหลังการรับประกันภัย และมีฐานะทางการเงินที่มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนตามความเสี่ยง (CAR Ratio) สูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่กำหนด (Supervisory CAR) เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยมั่นใจว่า บริษัทประกันชีวิตสามารถปฏิบัติตามภาระผูกพันของกรมธรรม์ประกันภัยได้ทุกกรมธรรม์ที่ออกให้แก่ผู้เอาประกันภัย และพร้อมที่จะให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันภัยจนกว่าจะครบกำหนดสัญญา ดังจะเห็นได้จาก ในไตรมาสที่ 1/2567 จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.)ภาคธุรกิจประกันชีวิตมีอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุนตามความเสี่ยง อยู่ที่ร้อยละ 384.21 ซึ่งสูงกว่าอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนที่ใช้ในการกำกับ (Supervisory CAR) จึงขอให้ผู้เอาประกันภัยทุกท่าน เชื่อมั่นว่าธุรกิจประกันชีวิตมีความมั่นคง แข็งแกร่ง และยึดมั่นคำสัญญาตามข้อผูกพันในกรมธรรม์ทุกกรมธรรม์ที่ออกให้แก่ผู้เอาประกันภัย นายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวในตอนท้าย


Tags : สมาคมประกันชีวิตไทย สาระ ล่ำซำ นุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตครึ่งปีแรก 2567


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ขอเชิญร่วมงาน YWCA Diplomatic Charity Bazaar ครั้งที่ 70 งานชอปสินค้านานาชาติเพื่อการกุศลที่รวมกว่า 200 ร้านค้า และกว่า 40 สถานทูตจากทั่วโลก พบกับบูทกรุงเทพประกันภัย (บูท D46) ที่นำเสนอหลากหลายแผนประกันภัยให้เลือกตามความต้องการ พร้อมรับโปรโมชันสุดพิเศษ ได้ที่ CentralWorld Pulse ชั้น 7 ในวันที่ 6 – 9 พฤศจิกายน 2568   นอกจากนี้ บริษัทฯ ขอเชิญร่วมงานไทยเที่ยวนอก ครั้งที่ 5 งานท่องเที่ยวสุดยิ่งใหญ่ส่งท้ายปี พบกับโปรโมชัน “3 ต่อสุดคุ้ม” สำหรับนักเดินทางที่รักการท่องเที่ยว - ลดสูงสุด 18% สำหรับประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ - รับฟรี Starbucks Card มูลค่า 100 บาท เมื่อซื้อประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ ครบทุก 500 บาท (สูงสุด 800 บาท) - พร้อมของสมนาคุณเพิ่มเติมภายในงาน พิเศษสำหรับผู้รักการดำน้ำ บริษัทฯ นำเสนอแผนประกันภัยนักดำน้ำ — ประกันภัยเพื่อการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ออกแบบสำหรับนักดำน้ำโดยเฉพาะ ซึ่งกรุงเทพประกันภัยเป็นรายแรกในประเทศไทยที่เสนอผลิตภัณฑ์นี้ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยใต้ท้องทะเล โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาด้านประกันภัยอย่างใกล้ชิด พบกับกรุงเทพประกันภัยได้ที่บูท M44 – M45 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 5 – 6 ชั้น LG ในวันที่ 6 – 9 พฤศจิกายน 2568  

08 Nov 2025

...

บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำโดย นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ประธานกรรมการ  นางยุพา ล่ำซำ  นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นางสลิล ล่ำซำ  นางจันทรา บูรณฤกษ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท นายกนิช บุณยัษฐิติ กรรมการบริษัท  ดร.ณฐพร พันธุ์อุดม กรรมการบริษัท นายภูมิชาย ล่ำซำ ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ดร.สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ  พร้อมด้วยนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย นางสาววสุมดี วสีนนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย นางสาวพิมพ์จุฑา สกุนสิทธิ์ธาดา ผู้อำนวยการเขตวัฒนา คณะผู้บริหารเขตวัฒนา  รวมทั้งคณะผู้บริหาร และพนักงาน  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริษัทคู่ค้า ลูกค้า และผู้มีจิตศรัทธา ร่วมน้อมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน  ประจำปี 2568  แด่พระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ณ วัดธาตุทอง กรุงเทพมหานคร   ในโอกาสนี้  เมืองไทยประกันชีวิต  ได้มอบเงินบริจาค “ผ้าป่าการศึกษา” ให้แก่ โรงเรียนในพระอุปถัมภ์ของวัดธาตุทอง โดยมี  นางธนาลัย ลิมปรัตนคีรี  ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวัดธาตุทอง  นายพงศ์พิษณุ สุพรรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนดาราคาม  นายธีระยุทธ สมบูรณ์สุข ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดธาตุทอง  (เรือนเขียวสะอาด)  นายเจษฎา ศรีนวล ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมวัดธาตุทอง  ว่าที่พันตรี ดร.ณัฏฐกิตติ์ ชัยเฉลิมมงคล กรรมการบริหารและไวยาวัจกรวัดธาตุทอง ผู้แทนโรงเรียน พระปริยัติธรรมวัดธาตุทอง ร่วมในพิธี  ซึ่งถือเป็นหนึ่งในนโยบายของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมในทุกด้าน ให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน.    

05 Nov 2025

...

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินในฐานะสถาบันการออมของคนไทย ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการส่งเสริมการออมและให้ความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน ธนาคารจึงถือโอกาสในการจัดงานวันออมแห่งชาติ วันที่ 31 ตุลาคม 2568 ยกระดับสู่ GSB SAVINGS FORUM 2025 ภายใต้แนวคิด “AI & AOM ออมยุคใหม่ สร้างสังคมไทยให้ยั่งยืน” เพื่อให้เป็นเวทีในการสื่อสารด้านการออมและจุดประกายการผสานพลังเทคโนโลยี “AI” (Artificial Intelligence) เข้ากับ “AOM” (การออม) อย่างสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมสำคัญ อาทิ มินิทอล์ก “ออมยุคใหม่ สร้างสังคมไทยให้ยั่งยืน” โดยกูรูและเซเลบริตี้ชื่อดัง การประกวดออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” ด้วย AI รอบชิงชนะเลิศ ตลอดจนการเปิดตัว “โค้ชการเงินมืออาชีพ” หรือ CMC by GSB โดยงาน GSB SAVINGS FORUM 2025 ในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีแรก และธนาคารตั้งเป้าจัดเป็นงานประจำทุกปีในวันออมแห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจหลักของธนาคารในการให้ความรู้ทางการเงินและเป็นเวทีหลักด้านการส่งเสริมการออมแก่สังคมไทยอย่างต่อเนื่อง ภายในงานพบกับไฮไลท์ เวทีมินิทอล์ก “ออมยุคใหม่ สร้างสังคมไทยให้ยั่งยืน” เวทีแห่งแรงบันดาลใจจากคนดังหลากหลายเจน ที่จะมาแลกเปลี่ยนความคิดและประสบการณ์วางแผนการออมและการเงินส่วนบุคคลในโลกดิจิทัล อาทิ คุณหนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ คุณตั๊ก-มยุรา เศวตศิลา และ คุณธนัชภรณ์ นิชิยาม่า ร่วมสร้างสีสันการเสวนาโดย คุณป๋อมแป๋ม-นิติ ชัยชิตาทร พร้อมรับชมการแข่งขันพรอมพ์ AI เพื่อออกแบบ “กระปุกออมสินแห่งโลกยุคดิจิทัล” รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นการแข่งขันของผู้ผ่านเข้ารอบ 50 คน จากผู้ส่งผลงานกว่า 700 ผลงาน โดยธนาคารจัดการประกวดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ใช้ศักยภาพของเทคโนโลยีในการสร้างแรงบันดาลใจด้านการออม ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 100,000 บาท ตัดสินโดยกูรูวงการ AI และผู้เชี่ยวชาญจากแวดวงโฆษณาชั้นนำของประเทศ อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัว “โค้ชการเงินมืออาชีพ” หรือ CMC by GSB ที่ธนาคารออมสินได้ริเริ่มจัดทำโปรแกรมสร้างผู้เชี่ยวชาญวางแผนการเงิน ร่วมพัฒนาหลักสูตรโดยผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการให้ความรู้ทางการเงิน การออม การลงทุน และการวางแผนเกษียณ โดยมีพนักงานออมสินที่ผ่านเกณฑ์การทดสอบทั้งข้อเขียนและภาคปฏิบัติ ได้รับการรับรองคุณวุฒิเป็น “โค้ชการเงินมืออาชีพ” หรือ CMC by GSB รุ่นแรก รวม 44 ราย ที่จะทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ทางการเงิน และส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมอย่างมีเป้าหมาย ซึ่งพนักงานที่ผ่านการทดสอบในโปรแกรมนี้ จะได้รับการติดเข็มวิทยฐานะ CMC สำหรับใช้แสดงตนเพื่อเป็นการรับรองความรู้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป  นอกจากนี้ ธนาคารยังเปิดตัวกระปุกออมสิน “แสงแห่งการออม” ในวาระวันออมแห่งชาติ ดีไซน์ล้ำด้วยลูกเล่นมีไฟส่องสว่างในตัว สำหรับผู้ฝากเงิน 500 บาทขึ้นไป ลงทะเบียนจองสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.gsb.or.th, Line Official : GSB Society หรือ แอปพลิเคชัน MyMo ตั้งแต่วันที่ 27 – 30 ตุลาคม 2568 และเปิดให้ฝากเงินได้ที่ธนาคารออมสินสาขา แอปพลิเคชัน MyMo หรือเครื่องรับฝากเงิน ADM พร้อมรับกระปุกออมสิน ณ ธนาคารออมสินสาขาที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ไว้ ในวันที่ 31 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2568 (จำกัด 1 คน ต่อ 1 สิทธิ์) ของมีจำนวนจำกัด สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน GSB SAVINGS FORUM 2025 ในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 6 อาคาร 32 ชั้น ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ สามารถลงทะเบียนได้ทางระบบออนไลน์ https://www.zipeventapp.com/e/GSB-Savings-Forum-2025 ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2568 โดยผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าจะได้รับกระปุกออมสิน “แสงแห่งการออม” (จำนวนจำกัด) หรือรับชมการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางเพจเฟซบุ๊ก GSB Society

23 Oct 2025

...

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต นำโดย คุณบุปผาวดี โอวรารินท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด จับรายชื่อลูกค้าผู้โชคดีครั้งที่ 1 ภายใต้แคมเปญพิเศษ ฉลองครบรอบ 28 ปี กรุงไทย-แอกซ่า “แจกใหญ่ แจกเต็ม” เพื่อแทนคำขอบคุณลูกค้าคนสำคัญที่ไว้วางใจให้บริษัทฯ ได้ดูแลให้ความคุ้มครองตลอดมา โดยลูกค้าที่เข้าร่วมแคมเปญเป็นไปตามเงื่อนไขใน ช่วงวันที่ 25 กรกฎาคม – 17 กันยายน 2568  ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ประกาศรายชื่อผู้โชคดีผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ https://www.krungthai-axa.co.th/th/luckydraw-2025-r1-announcement  ซึ่งผู้โชคดีจากแคมเปญดังกล่าวจะได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากผู้แทนบริษัทฯ เพื่อแจ้งรายละเอียดและยืนยันการรับสิทธิ์ สำหรับแคมเปญ “แจกใหญ่ แจกเต็ม” เปิดโอกาสให้ลูกค้าสะสมสิทธิ์และลุ้นรับรางวัลใหญ่จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยกำหนดการจับรางวัลอีก 3 รอบ  ตามรายละเอียดด้านล่างนี้ ครั้งที่ 2: จับรางวัลในวันที่ 24 ตุลาคม 2568          ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ครั้งที่ 3: จับรางวัลในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568   ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ครั้งที่ 4: จับรางวัลในวันที่ 23 มกราคม 2569        ประกาศรายชื่อผู้โชคดีวันที่ 1 กุมภาพันธ์  2569 หมายเหตุ: ชิ้นส่วนที่เหลือจากการจับรางวัลในแต่ละครั้ง จะถูกนำมารวบรวมเพื่อจับรางวัลในรอบถัดไป ทั้งนี้ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรม การบริการ และผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้ที่ www.krungthai-axa.co.th และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร.1159

17 Oct 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner