Responsive image

Sunday, 10 Nov 2024

หน้าแรก > INSURANCE/ประกันภัย-ประกันชีวิต


“คปภ.” เปิดมิติใหม่ Boot camp โรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่นระดับประเทศ

Tue 22/10/2567


นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) จัดประกวด “โรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่น ระดับประเทศ ตามโครงการ “อัจฉริยะยุวชนประกันภัย” ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นนโยบายเชิงรุกที่บูรณาการมาอย่างต่อเนื่องทุกปี ในการส่งเสริมสนับสนุนให้สถานศึกษาและเยาวชนไทยเข้าถึงระบบประกันภัยเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงให้กับชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งปลูกฝังความรู้ด้านการประกันภัยขั้นพื้นฐานให้สามารถถ่ายทอดไปยังครอบครัว ชุมชน และสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โครงการ “อัจฉริยะยุวชนประกันภัย” ปีนี้ถือว่ามีความพิเศษกว่าทุก ๆ ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการพัฒนารูปแบบการประกวดโรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่น ในรูปแบบการจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัย (Boot camp) ในโรงเรียนและสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษา เป็นปีแรก เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษา ปีที่ 1-6 สร้างสรรค์ผลงานเข้าประกวดได้หลากหลายมิติ ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดียิ่ง โดยมีโรงเรียนตัวแทนจังหวัดเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น 72 โรงเรียน และมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 10,000 คน ทั่วประเทศ เพื่อเข้าคัดเลือกเป็นตัวแทนโรงเรียนระดับภาค และเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในระดับประเทศ

สำหรับเกณฑ์การตัดสินพิจารณาจาก 5 องค์ประกอบ ได้แก่ การจัด Boot camp การสำรวจการจัดทำประกันภัย พ.ร.บ. การจัดกิจกรรม/แหล่งเรียนรู้อื่น ความคิดสร้างสรรค์ และการต่อยอดความยั่งยืนที่สามารถขยายผลเพิ่มเติมให้กับโรงเรียนเครือข่ายได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีคณะกรรมการตัดสินการประกวดโรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่นระดับประเทศ ได้แก่ ผู้แทนสำนักงาน คปภ. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และผู้แทนสำนักงานการศึกษากรุงเทพมหานคร ซึ่งได้พิจารณาตัดสินผลงานประกวดโรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่นระดับประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนี้ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนเทพศิรินทร์พุแค สระบุรี จังหวัดสระบุรี ได้รับทุนพัฒนาการศึกษา 70,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (มัธยมวัดหัตถสารเกษตร) ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร จังหวัดปทุมธานี ได้รับทุนพัฒนาการศึกษา 30,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย จังหวัดสมุทรสาคร ได้รับทุนพัฒนาการศึกษา 20,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร และรางวัลชมเชย 7 รางวัล ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่รางวัลและเกียรติบัตร ได้แก่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า อุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ โรงเรียนบ้านไร่วิทยา จังหวัดอุทัยธานีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดสกลนคร โรงเรียนม่วงสามสิบอัมพวันวิทยา จังหวัดอุบลราชธานี โรงเรียนปะทิววิทยา จังหวัดชุมพร โรงเรียนหารเทารังสีประชาสรรค์ จังหวัดพัทลุง และโรงเรียนวัดราชโอรส กรุงเทพมหานคร

 “สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความยินดีกับโรงเรียนที่ได้รับรางวัลในปีนี้ และแม้ว่าจะเป็นปีแรกที่มีการจัดประกวดในลักษณะนี้แต่โรงเรียนทุกแห่งล้วนทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยโรงเรียนที่ชนะเลิศและรองชนะเลิศอันดับ 1 และ 2 จะได้รับโล่รางวัลการประกวดโรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่น ระดับประเทศ ตามโครงการอัจฉริยะยุวชนประกันภัย จากนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร  ชินวัตร) ซึ่งจะมอบในวันที่ 22 ตุลาคม 2567 ทั้งนี้ โครงการอัจฉริยะยุวชนประกันภัย นับเป็นอีกหนึ่งโครงการดี ๆ ที่สำนักงาน คปภ. ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องที่พร้อมส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยขั้นพื้นฐานและสามารถใช้ประโยชน์จากการประกันภัยได้อย่างเหมาะสม รวมถึงสามารถถ่ายทอดความรู้ไปยังครอบครัว ชุมชน และสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการดำเนินโครงการในปี 2568 จะเปิดกว้างให้นักเรียนในโรงเรียนและสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศ ได้แสดงศักยภาพมากยิ่งขึ้น และเพิ่มความเข้มข้นในเนื้อหาของการประกันภัย เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์ผลงาน/กิจกรรม ที่สามารถต่อยอดและขยายผลเพิ่มเติมให้กับโรงเรียนเครือข่ายได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไปในอนาคต” เลขาธิการ คปภ.กล่าวในตอนท้าย

 


Tags : คปภ. สำนักงาน คปภ. โรงเรียนต้นแบบด้านการประกันภัย ชูฉัตร ประมูลผล โครงการอัจฉริยะยุวชนประกันภัย


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการ SMEs และลูกค้ารายย่อย หรือผู้ประกอบการอิสระที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยที่ผ่านมา สามารถยื่นขอกู้ในโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up ได้ที่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ อาทิ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินอื่น ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งสิ้น 16 แห่ง โดยทุกสถาบันการเงินได้ร่วมกันขยายความช่วยเหลือแก่ภาคธุรกิจเป็นวงกว้างและทั่วถึงมากที่สุด ผ่านการให้สินเชื่อครอบคลุมผู้ประกอบการ SMEs และรายย่อย ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำไม่เกิน 3.5% ต่อปี ใน 2 ปีแรก สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ให้กู้เพื่อการลงทุนในทรัพย์สินถาวร หรือเสริมสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ ที่ไม่ใช่การรีไฟแนนซ์ ยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง วันที่ 30 ธันวาคม 2568 สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ลูกค้ารายย่อย หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่ประสบอุทกภัย ให้กู้เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเสริมสภาพคล่องในการฟื้นฟูการดำเนินกิจการ ยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง วันที่ 30 ธันวาคม 2567 นี้เท่านั้น อนึ่ง โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up เป็นการดำเนินตามนโยบายรัฐบาล เพื่อสนับสนุนแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้แก่ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ นำไปปล่อยสินเชื่อต่อให้กับผู้ประกอบการ โดยให้กู้ตามความจำเป็นและความสามารถในการชำระหนี้ กำหนดวงเงินกู้สูงสุดรวมทุกสถาบันการเงินไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อราย วงเงินกู้รวมในโครงการ 100,000 ล้านบาท เพื่อช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเติบโตไปอย่างยั่งยืน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารออมสินและสถาบันการเงินทุกแห่งที่ร่วมโครงการ

08 Nov 2024

...

  ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดกิจกรรมพิเศษ ในโอกาสครบรอบวันสถาปนา ธ.ก.ส. ปีที่ 59 เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถซื้อสินค้าเกษตรกรได้มากขึ้น พร้อมกับร่วมเป็นกำลังใจให้แก่เกษตรกรวิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ SME ในการผลิตสินค้าคุณภาพเพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจของภาคเกษตรไทยไปสู่สากล โดยมอบโค้ด “BAAC59” สำหรับเป็นส่วนลดพิเศษจำนวน 590 บาท เมื่อสั่งซื้อสินค้า ผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรลูกค้าของ ธ.ก.ส. บนเว็บไซต์ thailandpostmart.com รวมขั้นต่ำ 1,000 บาท โดย 1 บัญชี ผู้ซื้อที่ลงทะเบียนเข้าใช้บริการทางเว็บไซต์ดังกล่าว สามารถใช้โค้ดส่วนลดได้ 1 ครั้ง จำกัดสำหรับ 59 สิทธิ์ท่านแรกที่ใช้  ส่วนลด ระหว่าง 1-30 พฤศจิกายนนี้เท่านั้น ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center  02 555 0555     

04 Nov 2024

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รับ 3 รางวัลสุดยอดซีอีโอ “CEO Econmass Awards 2024” จากนางสาวเเพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประธานมอบรางวัลสุดยอดซีอีโอ “CEO Econmass Awards 2024” ซึ่งสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3   โดยรางวัลที่ได้รับ ประกอบด้วย รางวัลสุดยอดซีอีโอรัฐวิสาหกิจ สาขา Social และสาขา Governance และรางวัลสุดยอดซีอีโอขวัญใจสื่อมวลชน (Popular Vote) ด้วยนายวิทัยเป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กรรัฐวิสาหกิจที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในการขับเคลื่อนธนาคารออมสินด้วยยุทธศาสตร์ธนาคารเพื่อสังคม สร้าง Social Impact อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยหลักธรรมาภิบาลในการนำองค์กร ทั้งนี้ รางวัล CEO Econmass Awards 2024 เป็นรางวัลที่ยกย่อง เชิดชูเกียรติผู้บริหารที่นำพาองค์กรจนประสบความสำเร็จ และเติบโตไปพร้อมกับการให้ความสำคัญกับความอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง ESG     ตลอดจนเป็นส่วนสำคัญที่จะเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันของประเทศ และช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง ซึ่งผ่านกระบวนการคัดเลือกตามหลักวิชาการที่เป็นมาตรฐานสากล จากคณะกรรมการคัดเลือกที่มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ เป็นตัวแทนจาก กกร. สคร. มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ส่วนรางวัลสุดยอดซีอีโอขวัญใจสื่อมวลชน เป็นการโหวตโดยสมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ โดยมีผู้บริหารธนาคารออมสินร่วมแสดงความยินดี ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2567  

03 Nov 2024

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนในการช่วยเหลือประชาชนลดภาระหนี้ โดยเฉพาะผู้มีหนี้ที่เป็นกลุ่มเปราะบาง จึงมอบหมายให้ธนาคารออมสินช่วยเหลือลูกหนี้โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ที่มีสถานะเป็นหนี้เสีย หรือ NPLs เพื่อไม่ให้เสียประวัติเครดิต และเข้าถึงการกู้เงินในระบบสถาบันการเงินได้เป็นปกติ ซึ่งที่ผ่านมาได้ทยอยจัดสรรงบประมาณชดเชยค่าเสียหายจากหนี้เสียให้ธนาคารมาชำระหนี้แทนลูกหนี้ โดยในปี 2567 ดำเนินการชำระหนี้แทนลูกหนี้แล้ว 2 ครั้ง ช่วยปลดหนี้ให้ลูกหนี้จำนวนกว่า 720,000 ราย และล่าสุด ธนาคารได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาล จึงดำเนินการชำระหนี้และปิดบัญชีให้ลูกหนี้เพิ่มเติมทันที อีกกว่า 110,000 ราย รวมดำเนินการทั้งสิ้น 3 ครั้ง สามารถปลดหนี้ให้ลูกหนี้ได้แล้วกว่า 830,000 ราย คิดเป็นมูลค่าเงินต้นรวมกว่า 5,800 ล้านบาท ทั้งนี้ ขอขอบคุณรัฐบาลที่ได้สนับสนุนงบประมาณให้ดำเนินการดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลังที่ให้ธนาคารออมสินดำเนินงานโดยไม่เน้นกำไรสูงสุด มีกำไรในระดับที่เหมาะสม (Responsible Profit) และขยายการช่วยเหลือสังคมได้มากขึ้นในทุกมิติ อนึ่ง มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPLs ของโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 ซึ่งเป็นการช่วยเหลือที่ดำเนินการเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เสียวินัยทางการเงิน โดยรัฐบาลมีนโยบายผลักดันการแก้ปัญหาหนี้ประชาชนทุกกลุ่มให้ประสบความสำเร็จและยั่งยืนเป็นวาระแห่งชาติ  

30 Oct 2024

Banner Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner