Responsive image

Saturday, 06 Dec 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


กลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/2567 ด้วยมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตขึ้นในทุกภาคส่วนธุรกิจ

Fri 01/11/2567


กลุ่มบริษัทเอไอเอประกาศผลประกอบการของกลุ่มบริษัท ซึ่งมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 โดยรายงานจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ (CER) สำหรับไตรมาสที่สาม สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567

อัตราการเติบโตรายงานตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่:

  • มูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 คิดเป็นมูลค่า 1,161 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการเติบโตของทุกภาคส่วนธุรกิจ
  • เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 อยู่ที่ 2,212 ล้านเหรียญสหรัฐ
  • ได้รับการอนุมัติให้เตรียมดำเนินการเปิดธุรกิจสาขาใหม่ในมณฑลอานฮุยและมณฑลซานตง

 

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ กล่าวว่า “เอไอเอได้แสดงถึงผลงานที่แข็งแกร่งอีกครั้ง โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 คิดเป็น 1,161 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการเติบโตจากทุกภาคส่วนธุรกิจในไตรมาสที่สามของปี 2567 เราประสบความสำเร็จในการสร้างสถิติสำหรับมูลค่าธุรกิจใหม่ในสามไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความหลากหลายทางธุรกิจของเรา

การมุ่งเน้นในการดำเนินกลยุทธ์ของเราอย่างต่อเนื่องได้ช่วยเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของเอไอเอ หนุนให้เกิดการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวเลขสองหลักทั้งจากช่องทางตัวแทนและช่องทางพันธมิตร อีกทั้งการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของธุรกิจใหม่ ๆ นั้นได้สร้างกำไรและช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้และสร้างกระแสเงินสด ซึ่งทั้งหมดนี้ตอกย้ำความมั่นใจของเราในการที่จะบรรลุเป้าหมายทางการเงิน

ในจีนแผ่นดินใหญ่ เรากำลังก้าวหน้าอย่างมากในการขยายธุรกิจและเติบโตในพื้นที่ใหม่ ๆ ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เราได้รับการอนุมัติให้เตรียมดำเนินการเปิดธุรกิจสาขาใหม่ในมณฑลอานฮุยและมณฑลซานตง

เอไอเอดำเนินธุรกิจในภูมิภาคที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดในโลกสำหรับประกันชีวิตและสุขภาพ ผมยังคงมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าการดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่วางไว้ของเราอย่างต่อเนื่องนั้น จะสร้างมูลค่าที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเราทุกท่านต่อไป”

สรุปผลการดำเนินงานของไตรมาสที่สาม

เอไอเอ มีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เป็นจำนวน 1,161 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่สามของปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมาจากการเติบโตใน 15 ตลาด จาก 18 ตลาดที่เอไอเอดำเนินธุรกิจอยู่ พรีเมียร์ เอเจนซี่ สามารถสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ได้ถึงร้อยละ 15 โดยได้รับการสนับสนุนจากกิจกรรมและผลผลิตของตัวแทนที่เพิ่มสูงขึ้น สำหรับการรับสมัครตัวแทนใหม่ยังคงแข็งแกร่งโดยเพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลัก อีกทั้งจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานให้กับกลุ่มบริษัทยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สามของปี 2566 มูลค่าธุรกิจใหม่ที่มาจากพันธมิตร เติบโตถึงร้อยละ 16 โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตที่ยอดเยี่ยมจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ 

เอไอเอ ประเทศจีน มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ร้อยละ 9 โดยเพิ่มขึ้นจากทั้งช่องทางตัวแทนและแบงก์แอสชัวรันส์ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จแม้ว่าเราจะนำผลิตภัณฑ์บางอย่างออกก่อนกำหนดก่อนการปรับราคาทั่วทั้งอุตสาหกรรมในระหว่างไตรมาสและการเปรียบเทียบที่แข็งแกร่งมากในไตรมาสที่สามของปี 2566 ตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้า เรายังคงเติบโตด้วยพรีเมียร์ เอเจนซี่ ที่มีความเป็นมืออาชีพและแตกต่าง ตลอดจนแรงหนุนจากการสรรหาตัวแทนใหม่ที่เข้มข้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสสาม สัดส่วนของจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงานมีมากขึ้น และผลผลิตที่ได้จากตัวแทนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตถึงร้อยละ 10

เอไอเอ ประเทศจีน ยังคงสร้างความก้าวหน้าได้อย่างต่อเนื่องด้วยการขยายตัวทางภูมิศาสตร์ การส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตอย่างยอดเยี่ยม สอดคล้องกับที่เรามุ่งพัฒนาคุณภาพของการเปิดรับตัวแทนใหม่และจำนวนตัวแทนที่สร้างผลงาน และเมื่อเร็ว ๆ นี้ เราเพิ่งได้รับอนุมัติเพื่อเตรียมดำเนินการเปิดธุรกิจสาขาใหม่ในมณฑลอานฮุยและมณฑลซานตง

เพื่อความชัดเจน การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่อยู่บนพื้นฐานอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ โดยไม่มีการคำนวณการเปรียบเทียบในปี 2566 ใหม่ และใช้สมมติฐานทางเศรษฐกิจในปี 2567 เกณฑ์ "like-for-like" หรือเปรียบเทียบบนพื้นฐานเดียวกันในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวจะเพิ่มอัตราการเติบโตที่รายงานไว้สำหรับเอไอเอ ประเทศจีน อย่างมีนัยสำคัญ

เอไอเอ ฮ่องกง มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่สูงขึ้นร้อยละ 24 ซึ่งมาจากกลุ่มลูกค้าภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 และกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ความสำเร็จนี้มาจากช่องทางพรีเมียร์ เอเจนซี่ของเรา แม้ว่ามูลค่าธุรกิจใหม่ผ่านที่ปรึกษาทางการเงินอิสระรายย่อย (IFA) และช่องทางนายหน้าลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรง แต่ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ของเรามีการเติบโตที่ดีเยี่ยม การสรรหาตัวแทนที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องช่วยให้เราสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรของเราจากลูกค้าทั้งในประเทศและนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ในไตรมาสที่สาม ช่องทางตัวแทนของเราสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ได้สูงที่สุดจากนักท่องเที่ยวชาวจีนแผ่นดินใหญ่หลังจากที่ได้กลับช่องทางตัวแทนของเราส่งมอบมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) รายไตรมาสสูงสุดจากลูกค้า MCV นับตั้งแต่กลับมาเดินทางได้ตามปกติอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2566

เอไอเอ ประเทศไทย รายงานการเติบโตเป็นบวกในมูลค่าธุรกิจใหม่สำหรับไตรมาสที่สามของปี 2567 โดยเรายังคงครองตำแหน่งผู้นำตลาดและยังรักษาสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมได้เป็นอย่างดีแม้ว่าความต้องการในตลาดจะชะลอตัวจากการปรับราคาสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ สำหรับประเทศสิงคโปร์ ผลิตภัณฑ์ออมทรัพย์ระยะยาวแบบยูนิต ลิงค์ โดย AIA Regional Funds Platform ซึ่งให้การเข้าถึงผู้จัดการกองทุนชั้นนำระดับโลกแต่เพียงผู้เดียว ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตด้วยตัวเลขสองหลักของมูลค่าธุรกิจใหม่ ด้านเอไอเอ มาเลเซีย ที่ให้ความสำคัญกับทั้งความคุ้มครองแบบดั้งเดิมและผลิตภัณฑ์ยูนิต ลิงค์ ช่วยให้มูลค่าธุรกิจใหม่เติบโตเป็นเลขสองหลัก ในขณะที่อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก โดยรวมแล้วธุรกิจในอาเซียนของเรามีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ร้อยละ 8

สำหรับในกลุ่มตลาดอื่น สามารถสร้างการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม โดยเพิ่มขึ้นใน 9 ตลาดจาก 11 ตลาดของเรา โดยเราได้เห็นการเติบโตอย่างดีจากธุรกิจในอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และไต้หวัน (จีน) และธุรกิจในเวียดนามที่มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งมากเมื่อเทียบเป็นรายปีจากฐานที่ต่ำ Tata AIA Life ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของเราในอินเดีย กลับมาเติบโตเป็นบวกในมูลค่าธุรกิจใหม่ตามที่ได้รายงานไว้ก่อนหน้านี้ และยังคงรักษาอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมในด้านความคุ้มครองสำหรับรายย่อย คิดตามยอดจำนวนเงินเอาประกันภัย

โดยรวมแล้ว เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) สำหรับกลุ่มบริษัทเติบโตขึ้นร้อยละ 14 เป็น 2,212 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สามของปี 2567 อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB Margin) เพิ่มขึ้น 0.8 จุดเมื่อเทียบเป็นรายปี และยังคงแข็งแกร่งที่ร้อยละ 52.2 อัตรากำไรที่รายงานตามมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่ (PVNBP) ยังคงมีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เป็น 10,301 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่สาม

รายงานพอร์ตโฟลิโอการลงทุน

สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นของเอไอเอช่วยสร้างความแตกต่างที่สำคัญและความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยได้รับการสนับสนุนจากการบริหารพอร์ตโฟลิโอที่ยังมีผลอยู่และใช้แนวทางการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วยความรับผิดชอบ

อันดับความน่าเชื่อถือโดยเฉลี่ยของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ที่ผู้ถือกรมธรรม์และผู้ถือหุ้นถือครองนั้นยังคงทรงตัวที่ระดับ A เมื่อเทียบกับอันดับความน่าเชื่อถือ"ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 พอร์ตโฟลิโอหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทภาคเอกชน มีการกระจายความเสี่ยงอย่างดี โดยมีผู้ออกหุ้นกู้มากกว่า 1,700 ราย และมีขนาดการถือครองเฉลี่ย 43 ล้านเหรียญสหรัฐ

ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ร้อยละ 2 ของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ทั้งหมดได้รับการจัดอันดับต่ำกว่าระดับการลงทุน หรือไม่ได้รับการจัดอันดับ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับมูลค่า ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 หุ้นกู้ประมาณ 72 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.04 ของพอร์ตโฟลิโอตราสารหนี้ทั้งหมดของเรา ถูกปรับระดับลงให้ต่ำกว่าระดับการลงทุนในไตรมาสที่สามของปี 2567

ภาพรวม

ภูมิภาคเอเชียมีความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันของเอไอเอเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากการออมส่วนบุคคลที่สูงขึ้น ประชากรมีอายุมากขึ้นแต่มีอัตราการเข้าถึงประกันภัยต่ำ รวมถึงสวัสดิการการคุ้มครองที่จำกัดในภูมิภาค ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันอันมากมายของเราทำให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากความต้องการนี้เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว แม้จะมีความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจมหภาคในระยะใกล้ก็ตาม

เรามั่นใจว่าการดำเนินการตามลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้เอไอเอสามารถคว้าโอกาสระยะยาวมหาศาลในตลาดประกันชีวิตและสุขภาพในเอเชีย เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ทำกำไรได้ ซึ่งจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงการสร้างเงินกองทุนส่วนเกิน และมูลค่าผู้ถือหุ้นที่มากขึ้น

ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

เอไอเอได้รับเบี้ยประกันภัยส่วนใหญ่ในสกุลเงินท้องถิ่น และเราบริหารจัดการสินทรัพย์และหนี้สินในประเทศของเราอย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เมื่อรายงานตัวเลขรวมของกลุ่มบริษัท จะมีผลกระทบในการแปลงสกุลเงินเนื่องจากเรารายงานเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เราได้ให้อัตราการเติบโตและข้อคิดเห็นบนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้เห็นภาพผลการดำเนินงานพื้นฐานของธุรกิจได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 


Tags : เอไอเอ เอไอเอประเทศไทย กลุ่มบริษัทเอไอเอ หลี่หยวนชยอง กลุ่มบริษัทเอไอเอประกาศผลประกอบการไตรมาสที่3/2567


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ทิพยประกันภัยเดินหน้าต่อยอดประสบการณ์ด้านประกันภัยรถยนต์ เปิดตัวแคมเปญใหญ่ “TIP MOTOR EXTRA PRO ประกันรถสุดปัง อลังการสุดโปร” ในงาน Motor Expo 2025 เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่มองหาความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ครบวงจร พร้อมคัดสรรผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์หลากหลาย อาทิ TIP Premium Garage Plus, TIP Lady, TIP Rainbow, TIP Up to Mile และประกันรถยนต์ 2+ คุ้มทุน พร้อมทีมให้คำปรึกษา คำนวณเบี้ย และบริการต่ออายุกรมธรรม์ภายในงาน แคมเปญ “TIP MOTOR EXTRA PRO” มอบข้อเสนอสุดคุ้มสำหรับลูกค้า อาทิ • ส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูงสุด 15% สำหรับลูกค้าใหม่ • รับของสมนาคุณ รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท • ลุ้นรับรถยนต์ MITSUBISHI XFORCE รุ่น ULTIMATE มูลค่า 1,059,000 บาท • ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน • พิเศษ! ลูกค้าที่ต่ออายุประกันภัยรถยนต์ภายในงาน รับ บัตร Lotus’s มูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ทิพยประกันภัยขอเชิญทุกท่านร่วมรับข้อเสนอสุดพิเศษเฉพาะงาน Motor Expo 2025 ได้ที่บูธ V07–V08 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568

30 Nov 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือ โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ ระหว่าง ธนาคารออมสิน และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อศึกษาความเป็นอยู่และพฤติกรรมทางการเงินของกลุ่มครัวเรือนฐานรากที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการเงินในระบบ ที่จะนำไปสู่การต่อยอดองค์ความรู้ จากการวิจัยในการพัฒนาระบบการเงินที่เหมาะสม ช่วยยกระดับเศรษฐกิจและความเข้มแข็งทางการเงินของภาคครัวเรือนไทย โดยมี นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และ ดร.โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ณ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่   นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ภายใต้บทบาทการเป็น Social Bank ที่มุ่งลดความเหลื่อมล้ำทางการเงินและสร้างการเข้าถึงแหล่งทุนที่เป็นธรรม ธนาคารเดินหน้าภารกิจหลักที่ 1 ในการสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน ซึ่งหากพิจารณาจากสถานการณ์การเข้าถึงสินเชื่อของคนไทย ปัจจุบันยังพบว่าครัวเรือนกว่าร้อยละ 30 ยังอยู่ในกลุ่ม Unserved และ Underserved โดยเป็นผู้มีรายได้น้อยและ/หรือรายได้ไม่แน่นอน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบจากการขาดประวัติเครดิตทางการเงิน และกว่าครึ่งยังต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นและต้องเผชิญภาระดอกเบี้ยสูง ดังนั้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนบทบาทการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ธนาคารจึงได้จัดตั้งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจฐานรากขึ้นเป็นครั้งแรก และได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อคิกออฟงานวิจัย “โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ” โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาเป็นผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ที่ธนาคารได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2568 เพื่อปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ที่มีรายได้ แต่ไม่เคยมีประวัติเครดิตทางการเงิน หรือไม่เคยใช้บริการสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของโครงการนี้มีลักษณะตัวตน หรือ Customer Persona ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของงานศึกษาวิจัยครั้งนี้ ทั้งนี้ ธนาคารหวังว่าจะสามารถนำผลลัพธ์ของงานวิจัยไปออกแบบเครื่องมือทางการเงิน หรือมาตรการสินเชื่อที่ตรงจุด สามารถตอบโจทย์ความคาดหวัง และสร้างระบบการเงินที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs และสอดคล้องตามบทบาทของธนาคารเพื่อสังคม   ดร. โสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงลึกของลูกหนี้ภายใต้โครงการ “สินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส” ของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นต้นแบบสินเชื่อดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้แต่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบสามารถกู้เงินได้เป็นครั้งแรก โดยธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยคนไทยสร้างประวัติเครดิตทางการเงินไปแล้วกว่า 200,000 ราย สะท้อนถึงความต้องการเข้าถึงสินเชื่อในระบบที่ยังมีอยู่จำนวนมาก การศึกษาครั้งนี้จึงมุ่งขยาย “ประตูสู่ระบบการเงิน” ให้กว้างขึ้น ผ่านการเก็บข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มคนที่อยู่นอกระบบเป็นครั้งแรก ใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ปัญหาเศรษฐกิจการเงิน พฤติกรรมและความต้องการทางการเงิน 2) โมเดลผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้ลูกหนี้ชำระคืนได้จริง 3) การทดลองใช้ข้อมูลใหม่และข้อมูลทางเลือกเพื่อค้นหาตัวชี้วัดความเสี่ยงที่แม่นยำยิ่งขึ้นให้กับสถาบันการเงิน 4) การติดตามผลการเข้าถึงสินเชื่อต่อรายได้และคุณภาพชีวิตของลูกหนี้ตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม ซึ่งผลการศึกษาจะช่วยให้ธนาคารออมสินออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้ และเพิ่มโอกาสในการชำระคืน   ขณะเดียวกัน สถาบัน ฯ จะมีองค์ความรู้เชิงลึกเพื่อนำไปสนับสนุนนโยบาย Your Data และโครงการ Risk-Based Pricing ของธนาคารแห่งประเทศไทย ช่วยให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงได้โปร่งใส เป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ “เคยถูกมองไม่เห็น” เข้าสู่ระบบการเงินได้มากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนงานวิจัยให้เกิดผลจริงต่อประชาชนฐานราก เสริมรากฐานระบบการเงินที่เข้าถึงง่าย ยั่งยืน และช่วยยกระดับศักยภาพและคุณภาพชีวิตของครัวเรือนไทยได้อย่างมั่นคงในระยะยาว  

30 Nov 2025

...

จากสถานการณ์อุทกภัยส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของภาคใต้ โดยขณะนี้จังหวัดสงขลาประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน จึงขอแจ้งปิดทำการกรุงเทพประกันภัย สาขาหาดใหญ่ เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยลูกค้าสาขาหาดใหญ่และใกล้เคียงสามารถติดต่อบริการด้านประกันภัยได้ที่ กรุงเทพประกันภัย สาขาสุราษฎร์ธานี โทร. 0 7727 3806 ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัยขอแสดงความห่วงใยและเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการติดต่อรับคำปรึกษาต่างๆ และแจ้งเคลมสินไหมทดแทนสำหรับบ้านที่อยู่อาศัยและสถานประกอบการ รวมถึงประกันภัยรถยนต์ หรือรับบริการรถยกเพื่อเคลื่อนย้ายรถไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้ที่ช่องทางต่างๆ ดังนี้ - LINE @bangkokinsurance - โทร. 1620 ตลอด 24 ชั่วโมง

25 Nov 2025

...

นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อช่วยยกระดับความสามารถในการหารายได้ของผู้ประกอบการรายเล็กบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งที่เป็นทักษะความรู้ด้านการเงินและด้านดิจิทัล โดยรัฐบาลสนับสนุนเงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท/ราย สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ Upskill/Reskill และได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งโครงการดังกล่าวมีหน่วยงานพันธมิตรหลายรายเป็นผู้ให้บริการเรียนรู้และพัฒนาทักษะแก่ร้านค้า โดยมีธนาคารออมสินรับผิดชอบการพัฒนาทักษะแก่ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย “ประเภทบุคคลธรรมดา” หลักสูตร “Smart Finance Upskill : การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัส” สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าบุคคลธรรมดา เน้นให้ความรู้ทางการเงินที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบการร้านค้ายุคใหม่ ประกอบด้วยเนื้อหาสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ การทำบัญชี การคิดต้นทุน เทคนิคการตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ พร้อมแบบจำลองการยื่นกู้ให้ผู้ประกอบการได้ฝึกเรียนรู้ด้วยตนเอง และสามารถนำแบบจำลองนั้นไปใช้ประกอบการยื่นกู้กับสถาบันการเงินได้ โดยผู้ที่ได้สมัครเรียนและผ่านการทดสอบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการผ่านหลักสูตรเพื่อเป็นหลักฐานประกอบการรับสิทธิ์เงินเพิ่มสูงสุด 2,000 บาท ร้านค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าเรียนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ - 19 ธันวาคม 2568 ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชม. โดยผู้ที่สำเร็จหลักสูตรตามเงื่อนไขที่กำหนด จะมีการแจ้งผลการรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ ผ่านแอปถุงเงินและข้อความ SMS ในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารขอแนะนำโปรดหลีกเลี่ยงช่วงเวลาที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น ซึ่งอาจทำให้ประสบปัญหาเว็บไซต์ตอบสนองช้ากว่าปกติได้ กรณีประสบปัญหาการใช้บริการ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส สามารถติดต่อที่ GSB Contact Center โทร.1115 กด 7 ตลอด 24 ชม.   นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่สำเร็จหลักสูตร Smart Finance Upskill แล้ว ยังมีสิทธิ์ยื่นขอกู้เงื่อนไขพิเศษกับสินเชื่อ “สร้างงานสร้างอาชีพ พลัส” โดยกดยื่นขอกู้ได้จากหน้าเว็บไซต์หลังเรียนจบหลักสูตร เพื่อเชื่อมต่อกระบวนการยื่นขอกู้ทางแอป MyMo ได้โดยสะดวก ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) = 0.75% ต่อเดือน แบบไม่มีหลักประกัน (Clean Loan) ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ธนาคารพิจารณาให้กู้ตามความจำเป็นเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนหรือเสริมสภาพคล่อง และตามความสามารถในการชำระคืน ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th    

23 Nov 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner