Responsive image

Wednesday, 27 Nov 2024

หน้าแรก > INSURANCE/ประกันภัย-ประกันชีวิต


“กรุงเทพประกันภัย” เผยผลงาน 9 เดือนของปี 2567 โตขึ้น 5.2% เบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าใจทุกความต้องการ

Wed 27/11/2567


กรุงเทพประกันภัย ประกาศผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2567 ทำกำไร 2,290.7 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับรวม 23,122.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% มุ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าใจทุกความต้องการ พัฒนานวัตกรรมประกันภัยเพื่อความยั่งยืน ตอกย้ำการยกระดับสร้างมูลค่าเพิ่มให้องค์กร

 

ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-ก.ย.) บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 23,122.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานแล้ว 1,361.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 15.9 ส่วนกำไรจากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 1,304.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 ทำให้บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 2,666.2 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.4 และมีกำไรสุทธิ 2,290.7 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.0 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 21.51 บาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงรักษาความแข็งแกร่งทางด้านการเงินด้วยการมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) สูงกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยอยู่ที่ร้อยละ 178.13 (ณ 30 ก.ย.67) และรักษาอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินในระดับสูงหรือ Credit Rating A- (Stable) (ณ ต.ค. 67) โดย Standard & Poor’s (S&P) สถาบันการจัดอันดับทางการเงินชั้นนำของโลก

ปัจจุบันกรุงเทพประกันภัยเป็นบริษัทย่อยที่สร้างรายได้หลักให้แก่ บริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BKIH ซึ่งประกอบธุรกิจผ่านการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมุ่งลงทุนในธุรกิจหลักด้านการประกันภัยและธุรกิจอื่นที่หลากหลายและมีศักยภาพ สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-ก.ย.) มีรายได้รวม 17,344.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.0 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการรับประกันภัย 15,917.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 จากรายได้จากการรับประกันภัยยานยนต์ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น และมีรายได้จากการลงทุน 1,427.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเงินปันผลรับและดอกเบี้ยรับ ด้านกำไรสุทธิเท่ากับ 2,277.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.5 คิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 21.39 บาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บีเคไอ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ครั้งที่ 1 สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 11.25 บาท ซึ่งได้จ่ายเงินปันผลแล้วเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา

 

 

ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่เข้าใจในทุกความต้องการ

ตลอดปี 2567 บริษัทฯ มุ่งมั่นขยายธุรกิจด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด พร้อมส่งเสริมการมีคุณภาพชีวิตที่ดีผ่านการมอบความคุ้มครองที่ครอบคลุม สอดคล้องกับความเสี่ยงต่างๆ ในรูปแบบ Personalized Insurance โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ กรุงเทพประกันภัยได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ที่เข้าถึงวิถีชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบัน ผ่าน 3 เทรนด์ที่น่าสนใจ ได้แก่ เทรนด์ Pet Humanization ที่ผู้คนให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงและออกเดินทางร่วมกันมากขึ้น บริษัทฯ จึงเพิ่มความคุ้มครองการเสียชีวิตและค่ารักษาพยาบาลของสัตว์เลี้ยง (สุนัขและแมว) ที่อยู่ภายในรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการชน ให้แก่ผู้เอาประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 ทุกแผนประกันภัย ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าต่ออายุประกันภัย ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2567 โดยไม่ต้องเสียค่าเบี้ยประกันภัยเพิ่มเติมแต่อย่างใด ตามมาด้วยประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 อุ่นใจวัยเก๋า เพื่อรองรับสังคมสูงวัย (Aging Society) ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนอายุ 55-75 ปี ที่ชอบขับรถยนต์ด้วยตนเองในชีวิตประจำวัน ซึ่งเริ่มนำเสนอขายเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 รวมถึงประกันภัยสุขภาพ Telemedicine ที่พัฒนามาเพื่อรองรับบริการแพทย์ทางไกลให้ลูกค้าได้รับความสะดวกและเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเริ่มนำเสนอขายไปแล้วในช่วงเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา

พร้อมยกระดับนวัตกรรมการบริการให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าและคู่ค้าผ่านการให้บริการที่มีคุณภาพ เหนือความคาดหวัง สะดวก รวดเร็ว และดูแลเอาใจใส่ในทุกความต้องการของลูกค้า มุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ต่อยอดสู่ความเป็นเลิศในการให้บริการที่ไว้วางใจได้ ทุกที่ ทุกเวลา โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการพัฒนาด้านบริการสินไหมทดแทนยานยนต์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าให้ได้มากที่สุด อาทิ การพัฒนาระบบ i-Claim บริการเคลมรถยนต์ออนไลน์ บริการ Self Service Notification และการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าประกันภัยรถยนต์ด้วยการไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) เป็นต้น
           

ล่าสุดบริษัทฯ ได้เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าตามไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน ด้วยการพัฒนาต่อยอดการให้บริการลูกค้าผ่าน LINE @bangkokinsurance ที่ตอบโจทย์ด้านความสะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย ซึ่งได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2567 โดยอัตราการแจ้งเคลมรถยนต์ผ่าน LINE เพิ่มขึ้นกว่า 61% (เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของลูกค้าที่ต้องการเลือกใช้บริการที่สะดวกและรวดเร็วผ่านช่องทางออนไลน์ บริษัทฯ จึงได้ขยายการให้บริการฟังก์ชันแจ้งเคลมรถน้ำท่วม ให้ลูกค้าสามารถนำใบแจ้งเคลมผ่านช่องทาง LINE นำรถเข้าซ่อมอู่ได้ทันที ไม่เพียงเท่านี้ยังเพิ่มช่องทางการแจ้งเคลมประกันภัยประเภทอื่นๆ เช่น ประกันอัคคีภัย ประกันภัยไซเบอร์ และประกันภัยโดรน รวมถึงเปิดให้สามารถแจ้งขอเอกสารลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย พร้อมกันนั้น บริษัทฯ ยังได้พัฒนาการบริการที่อำนวยความสะดวกแก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น ด้วยการส่งมอบใบแจ้งความเสียหายผ่านออนไลน์ โดยให้ลูกค้าสามารถเลือกรับเอกสารในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล ผ่าน LINE และ Email ได้ทันทีจากเจ้าหน้าที่สำรวจอุบัติเหตุ ณ จุดเกิดเหตุ และสามารถส่งต่อไฟล์เอกสารดังกล่าวให้อู่ซ่อมได้อย่างรวดเร็ว เพื่อจองคิวซ่อมหรือจัดหาอะไหล่ไว้ล่วงหน้าก่อนเข้าซ่อมจริง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการสูญหาย อีกทั้งยังส่งเสริมการลดใช้กระดาษเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการใส่ใจดูแลลูกค้า ด้วยการเพิ่มความอุ่นใจผ่านระบบติดตามสถานะการดำเนินงาน (Progress Tracking)  โดยกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาเเละเริ่มเปิดให้ลูกค้าใช้บริการด้านสินไหมทดแทนยานยนต์บางส่วน คาดว่าจะให้บริการอย่างเต็มรูปแบบได้ภายในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะในขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ผ่านช่องทาง LINE @bangkokinsurance ครอบคลุมทั้งงานด้านการรับประกันภัย การชำระเบี้ยประกันภัย และงานสินไหมทดแทน เช่น ตรวจสอบสถานะผลการตรวจสภาพรถยนต์ ขั้นตอนการจัดส่งกรมธรรม์ประกันภัย การชำระเบี้ยประกันภัย รวมถึงการตรวจสอบสถานะการเคลมสินไหมทดแทนว่าอยู่ในขั้นตอนใด เช่น  การรับเอกสารการเคลม การตรวจสอบเอกสารการเคลม การประเมินราคา การจัดซ่อม การส่งมอบรถ การอนุมัติค่าสินไหมทดแทน และการโอนค่าสินไหมทดแทน เป็นต้น สำหรับตัวแทนและนายหน้าซึ่งเป็นคู่ค้าของบริษัทฯ จะสามารถตรวจสอบสถานะดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วผ่านช่องทาง Web Partner และเตรียมขยายช่องทางให้บริการลูกค้าและคู่ค้าผ่านช่องทาง Mobile Application อีกด้วย
 

ด้านการยกระดับคุณภาพการบริการของอู่ซ่อมในสัญญา เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างความประทับใจนั้นเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพราะอู่ซ่อมในสัญญานับเป็นหนึ่งใน Supply Chain ที่สำคัญของธุรกิจประกันภัย อีกทั้งปัจจุบันกรุงเทพประกันภัยยังมีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรถยนต์สูงกว่า 44% บริษัทฯ จึงส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยได้จัดส่งทีมวิศวกรสำรวจภัยที่มีความเชี่ยวชาญเข้าสำรวจความเสี่ยงภัยของอู่ซ่อมในสัญญา เพื่อให้ข้อเสนอแนะแก่อู่ซ่อมให้มีการปรับปรุงเพื่อลดความเสี่ยงภัยที่อาจเกิดขึ้น พร้อมส่งเสริมให้มีการปรับปรุงมาตรฐานและลดการปฏิบัติงานที่อาจสร้างผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อชุมชนรอบข้าง เช่น การจัดการของเสียอย่างเหมาะสม การจัดทำแผนฉุกเฉินกรณีเกิดการรั่วไหลของสารเคมี การมีระบบบำบัดน้ำเสีย การควบคุมมลพิษทางเสียงและมลพิษทางอากาศที่อาจเกิดจากพ่นสีหรือซ่อมเครื่องยนต์ ตลอดจนให้ความรู้ผ่านกิจกรรม “ความปลอดภัยเริ่มที่ตัวเรา” โดยจัดอบรมให้ความรู้แก่ลูกค้า คู่ค้า รวมถึงอู่ซ่อมในสัญญาให้มีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัยในสถานประกอบการ รวมถึงการจัดการด้านมลพิษ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนาการให้บริการของอู่ซ่อมในสัญญาด้วยการจัดส่งคะแนนผลสำรวจความพึงพอใจและข้อเสนอแนะจากลูกค้าแก่อู่ซ่อมในสัญญาเป็นประจำทุกเดือน พร้อมกำหนดเกณฑ์และมาตรการที่จะนำไปปรับปรุงงานซ่อมรถยนต์ร่วมกัน โดยหลังจากได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 มีผลตอบรับที่ดีและอู่ซ่อมสามารถเพิ่มคะแนนความพึงพอใจจากลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง

จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจไลฟ์สไตล์ยุคใหม่และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า พร้อมความมุ่งมั่นเพื่อยกระดับการบริการที่มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย เเละสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าเเละคู่ค้า ส่งผลให้บริษัทฯ เติบโตเเละมีผลการดำเนินงานที่ดี อย่างไรก็ตามธุรกิจประกันวินาศภัยยังต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน อาทิ การลงทุนภาครัฐที่ชะลอตัว ค่าเงินที่มีความผันผวนสูง กำลังซื้อของผู้บริโภคที่หดตัวจากภาวะหนี้สินครัวเรือน ปัญหาภัยธรรมชาติ รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ

 

สถานการณ์และแนวโน้มตลาดประกันภัยต่อ

นางสาวลสา โสภณพนิช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวถึงทิศทางภาพรวมตลาดการประกันภัยต่อในปี 2568 โดยคาดการณ์ว่าจะมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้นจากปัจจัยต่างๆ ที่น่าจับตามอง ดังนี้

  • ผลประกอบการของบริษัทรับประกันภัยต่อ (Reinsurer) ได้รับผลกำไรจากการดำเนินงานรับประกันภัยต่อมากขึ้น เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีการปรับเบี้ยประกันภัยต่อ (Reinsurance Pricing) เพิ่มสูงขึ้นมาก จากการที่ Reinsurer ทั่วโลกประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องจากความเสียหายจากมหันตภัยในหลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งปัจจัยด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างมากในยุโรป ทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานของ Reinsurer เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น Reinsurer จึงต้องการผลกำไรมากขึ้น ส่งผลให้มีการปรับเพิ่มอัตราเบี้ยประกันภัยต่อโดยเฉพาะในปี 2566 ที่มีสภาวะตลาดเป็น Hardening Market ทั่วโลก 
  • อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2566-2567 แต่ขนาดของความเสียหายโดยรวมยังอยู่ภายใต้การประมาณการ อีกทั้ง Reinsurer ยังมีผลตอบแทนที่สูงจากการลงทุนในพันธบัตรและตลาดทุนโดยเฉพาะการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ทำให้บริษัทรับประกันภัยต่อยังสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้ปริมาณเงินกองทุนของบริษัทประกันภัยต่อเหล่านั้นเพิ่มมากขึ้นจากผลกำไรที่มากขึ้น
  • จากปริมาณเงินกองทุนที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทรับประกันภัยต่อส่วนใหญ่ต้องขยายงานเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าการต่อสัญญาประกันภัยต่อของบริษัทรับประกันภัยในปี 2568 ในสถานะที่เป็นผู้ซื้อความคุ้มครองจากสัญญาประกันภัยต่อในปีนี้ จะสามารถได้รับอัตราเบี้ยประกันภัยต่อใกล้เคียงกับปี 2567 แต่จะไม่ลดลงไปจากเดิม เนื่องจากสถานการณ์ของภัยธรรมชาติยังคงมีความเปราะบางสูง

สู่อนาคตที่ยั่งยืนด้วยนวัตกรรม ESG ยกระดับสร้างคุณค่าเพื่อโลกที่ดีกว่า

ในปี 2567 กรุงเทพประกันภัยได้พัฒนาต่อยอดสู่การเป็นปีแห่ง Regenerative ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุกกิจกรรมในห่วงโซ่คุณค่าที่บริษัทฯ จะส่งมอบให้แก่ลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม รวมถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ของบริษัทฯ เพื่อร่วมเป็นแรงขับเคลื่อนสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนร่วมกัน

 

นางสาวปวีณา จูชวน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ผลักดันให้มีนโยบายและกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG: Environmental, Social and Governance) ผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวาง พร้อมส่งเสริมสนับสนุนให้ลูกค้าและคู่ค้าของบริษัทฯ มีส่วนร่วมในการช่วยให้สังคมและสิ่งแวดล้อมดีขึ้น ดังนี้

-การออกกรมธรรม์ประกันภัยบ้านอยู่อาศัย Green Guarantee หากลูกค้ากรมธรรม์ประกันอัคคีภัยบ้านอยู่อาศัยเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือวัสดุ Green ในการซ่อมแซมบ้านอยู่อาศัย บริษัทฯ จะอนุมัติค่าสินไหมทดแทนเพิ่มให้ตามจริง ไม่เกิน 10% ของวงเงินที่อนุมัติให้ในครั้งแรก โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2567

-การเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าสามารถบริจาคเงินให้แก่องค์กรการกุศลแทนการรับของสมนาคุณ โดยให้ลูกค้าที่ซื้อประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลผ่านเว็บไซต์ของบริษัทฯ สามารถเลือกเปลี่ยน Gift Voucher หรือของสมนาคุณที่ได้รับเป็นเงินบริจาคแก่องค์กรการกุศลได้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567

-การส่งเสริมให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการบริจาค โดยจะหักค่าเบี้ยประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลและประกันภัยสุขภาพส่วนหนึ่งเพื่อมอบให้แก่องค์กรการกุศล ซึ่งจะเริ่มให้ลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยโรคมะเร็งกับบริษัทฯ โดยตรง หรือผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงเทพ มีส่วนร่วมในการบริจาคเงิน 50 บาทต่อกรมธรรม์ ให้แก่องค์กรการกุศล โดยไม่มีการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยแต่อย่างใด เริ่มวันที่ 1 มกราคม 2568

-การลดใช้กระดาษเพื่อช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการจัดส่งกรมธรรม์ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Policy) โดยบริษัทฯ ได้รณรงค์สนับสนุนการใช้ e-Policy อย่างต่อเนื่อง พร้อมจะขยายให้ครอบคลุมประกันภัยทุกประเภท และในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าจัดส่ง e-Policy ที่ 1.07 แสนกรมธรรม์ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการใช้กระดาษรวมเกือบ 2 ล้านแผ่น

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการจัดกิจกรรมภายในที่ให้ความสำคัญด้าน ESG และสร้างการตระหนักรู้ของพนักงาน เช่น โครงการเปลี่ยนเสื้อเก่าเป็นเสื้อใหม่ ใส่ใจสิ่งเเวดล้อม เพื่อโลกที่ยั่งยืนของเรา ซึ่งพนักงานได้มีส่วนร่วมในการบริจาคเสื้อโปโลและเสื้อคอกลมที่ไม่ใช้งานเเล้วกว่า 500 กิโลกรัม นำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิลผลิตเป็นเสื้อยืดรุ่นใหม่ของบริษัทฯ ได้กว่า 2,000 ตัว โดยเป็นการช่วยลดการใช้ทรัพยากร ลดปริมาณขยะ ตลอดจนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้จัดโครงการเปลี่ยนขยะเศษอาหารเป็นปุ๋ยอินทรีย์ โดยรวบรวมขยะเศษอาหารจากการรับประทานอาหารกลางวันของพนักงานนำมาผลิตเป็นปุ๋ยอินทรีย์ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งได้นำไปบำรุงต้นไม้ในบริเวณโดยรอบอาคารกรุงเทพประกันภัย รวมถึงแจกจ่ายให้แก่พนักงานที่สนใจ

ปี 2567 นับเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญในการเสริมสร้างความสำเร็จและขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ผ่านการฟื้นฟูยกระดับสร้างมูลค่าเพิ่มในทุกกระบวนการอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อยกระดับองค์กรให้แข็งแกร่งและเดินหน้าสู่ความยั่งยืนในระยะยาว


Tags : กรุงเทพประกันภัย BKI ดร.อภิสิทธิ์อนันตนาถรัตน ลสาโสภณพนิช ปวีณาจูชวน กรุงเทพประกันภัยเผยผลการดำเนินงาน9เดือนของปี2567 บีเคไอโฮลดิ้งส์ BKIH


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) และสื่อมวลชน เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านประกันภัยสู่ประชาชน “CEO X PRESS” ประจำปี 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาท ภารกิจของสำนักงาน คปภ. รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสำนักงาน คปภ. และสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้อง ThreeSixty Jazz Lounge ชั้น 32 โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจประกันภัยในปี 2568 สำนักงาน คปภ. ประมาณการว่า ภาพรวมธุรกิจประกันภัย (ม.ค.-ธ.ค.2568) จะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง 980,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ม.ค.-ธ.ค.2567) และคาดว่าในปี 2569 เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงทั้งระบบน่าจะแตะที่ 1,000,000 ล้านบาท ในภาพรวมธุรกิจ ประกันภัยสุขภาพมีความโดดเด่นที่สุด สำนักงาน คปภ. ประมาณการว่า สิ้นปี 2567 ประกันภัยสุขภาพจะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงที่ 100,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ทั้งนี้ ภาคธุรกิจประกันภัยยังคงต้องติดตามปัจจัยท้าทายและปัจจัยความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลต่อระดับอัตราดอกเบี้ย (Yield Curve) ที่ถึงแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะมีทิศทางที่ปรับสูงขึ้นแต่ยังต้องมีความระมัดระวังในการเลือกลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภท รวมทั้งสงครามการค้าและความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อและอำนาจซื้อของประชาชน ส่งผลให้ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้ประชาชนเริ่มชะลอการใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองทั้งในและต่างประเทศที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน โดยภาคธุรกิจต้องติดตามอย่างใกล้ชิดและสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทประกันภัยไปตามสถานการณ์อย่างทันท่วงที   อย่างไรก็ตาม สำนักงาน คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย มีการดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับปัจจัยต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในเรื่องของการบังคับใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 17 ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 17 นี้ สะท้อนให้เห็นงบการเงินที่แท้จริงว่า บริษัทประกันภัยมีกำไรในแต่ละปีมากน้อยเพียงใด มีการกระจายรายได้ และค่าใช้จ่ายออกไปอย่างไร มีการจัดกลุ่มประเภทผลิตภัณฑ์ เพื่อให้นักลงทุนได้เห็นภาพงบการเงินได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งสำนักงาน คปภ. มองว่าเรื่องความมั่นคงกับงบการเงินที่ได้มาตรฐานต้องดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกัน อีกประเด็นที่อยู่ในกระแสข่าวและสื่อมวลชนเกี่ยวกับการยื่นคำทวงหนี้ต่อกองทุนประกันวินาศภัยในกรณีของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่สิ้นสุดการยื่นคำทวงหนี้ไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 พบว่า มีเจ้าหนี้ยื่นคำร้องเข้ามาประมาณ 250,000 ราย และมีมูลหนี้ที่ต้องชำระประมาณ 22,000 ล้านบาท โดยกองทุนฯ มีรายได้จากเงินสมทบปีละประมาณ 1,400 ล้านบาท ซึ่งสำนักงาน คปภ. ได้บูรณาการการทำงานร่วมกับกองทุนประกันวินาศภัยอย่างใกล้ชิด โดยกองทุนฯ ได้พยายามหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม เช่น การกู้ยืมเงิน และอยู่ระหว่างการจ้างที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อเข้ามาช่วยวิเคราะห์แนวทางการบริหารจัดการการชำระหนี้ของกองทุนฯ รวมถึงแนวทางการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น   ประเด็นถัดมาที่อยากจะสื่อสารกับสื่อมวลชนไปยังสาธารณชนคือ ทิศทางการทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า โดยส่วนใหญ่บริษัทประกันภัยจะยื่นขออนุมัติกรมธรรม์แต่ละฉบับ ซึ่งสำนักงาน คปภ. พร้อมที่จะอนุมัติให้โดยเร็ว แต่บริษัทประกันภัยที่ยื่นขออนุมัติต้องมีการดำเนินการควบคุมความเสี่ยงเพื่อให้สำนักงาน คปภ. มั่นใจว่ามีการบริหารจัดการ ตั้งแต่กระบวนการการเสนอขาย การชดใช้ค่าสินไหมทดแทน การบริหารความเสี่ยง และการจัดการเรื่องร้องเรียน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในการบริหารจัดการประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ประเด็นต่อมาที่อยากจะสื่อสารไปถึงประชาชน คือ กรณีบริษัทหรือตัวแทนนายหน้าขายประกันภัยต่างชาติ ที่มีการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งบริษัทต่างชาติเหล่านี้ ไม่อยู่ในการกำกับดูแลของสำนักงาน คปภ. เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย แต่หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนด้านประกันภัยจากบริษัทเหล่านี้ ทางสำนักงาน คปภ. ก็มีมาตรการดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อตำรวจกองปราบปรามไปหลายคดีแล้ว ดังนั้น จึงอยากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยจากบริษัทหรือตัวแทนนายหน้าขายประกันภัยต่างชาติที่ไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย   ประเด็นสุดท้ายคือเรื่อง การประกันภัยสุขภาพ ซึ่งในขณะนี้เบี้ยประกันภัยสุขภาพมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ที่เพิ่มสูงขึ้น และค่ารักษาพยาบาลที่เกินความจำเป็นทางการแพทย์ ทำให้ประชาชนเข้าถึงการประกันภัยสุขภาพได้ยาก สำนักงาน คปภ. จึงได้หารือเร่งด่วนกับภาคธุรกิจเพื่อหาแนวทางควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลให้เหมาะสม และต้องไม่กระทบต่อสิทธิของผู้เอาประกันภัย โดยอาจมีการกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุสัญญาเพิ่มเติมกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) หากผู้เอาประกันภัยมีการเคลมเกินความจำเป็นทางการแพทย์ หรือมีการเคลมด้วยกลุ่มโรคป่วยเล็กน้อยทั่วไป (Simple Diseases) ตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป และมีอัตราการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้เอาประกันภัย แต่ละรายในรอบปีกรมธรรม์ประกันภัยตั้งแต่ 200% ของเบี้ยประกันภัย ซึ่งสำนักงาน คปภ. อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสม เนื่องจากเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกวัย สามารถเข้าถึงระบบประกันภัยสุขภาพได้อย่างแท้จริงภายใต้เบี้ยประกันภัยที่เป็นธรรมและเหมาะสม

24 Nov 2024

...

นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดกิจกรรม “Road Show ให้ความรู้ด้านการประกันภัยและการฉ้อฉลประกันภัย ให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และประชาชนเชิงรุก” ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ในโอกาสนี้ เลขาธิการ คปภ. ได้กล่าวมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า สำนักงาน คปภ. มีภารกิจสำคัญในการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยให้แก่พี่น้องประชาชน โดยมีสำนักงาน คปภ. ภาค/จังหวัด เป็นศูนย์กลางเผยแพร่ความรู้และประชาสัมพันธ์สิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยให้แก่ประชาชนในภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อให้สามารถใช้การประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน   ดังนั้น ประชาชนจึงควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขความคุ้มครองและข้อยกเว้นของกรมธรรม์ประกันภัย เพื่อให้สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้เหมาะสมกับความต้องการในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม และสำนักงาน คปภ. ยังมีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญในการป้องปรามการกระทำความผิดและลงโทษคนกลางประกันภัยที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย ซึ่งกฎหมายประกันชีวิตและกฎหมายประกันวินาศภัยได้กำหนดพฤติกรรม และลักษณะของการกระทำที่อาจเข้าข่ายเป็นการฉ้อฉลประกันภัย ซึ่งในปัจจุบันพัฒนาการของเทคโนโลยีและสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป กลอุบายการฉ้อฉลประกันภัยที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนและระบบประกันภัยในวงกว้างได้ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่สำนักงาน คปภ. ต้องเสริมสร้างองค์ความรู้และเกราะป้องกันความเสี่ยงแก่ประชาชน และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่พี่น้องประชาชนเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการกระทำความผิดฉ้อฉลประกันภัย     สำหรับโครงการส่งเสริมให้ความรู้ด้านการประกันภัย และการฉ้อฉลประกันภัย ให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และประชาชนเชิงรุก ณ จังหวัดนครสวรรค์ ได้มีการจัดกิจกรรมตามโครงการดังกล่าวทั้งสิ้น 3 วัน ดังนี้ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เป็นกิจกรรม Road Show ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีการบรรยายให้ความรู้แก่นิสิตนักศึกษาเกี่ยวกับหลักการเบื้องต้นของการประกันภัย บทบาทและหน้าที่ของสำนักงาน คปภ. การประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงหลักการเบื้องต้นเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย พร้อมกันนี้ได้มีกิจกรรมให้นิสิตนักศึกษาร่วมสนุกลุ้นตอบคำถามด้วยกิจกรรม Kahoot ที่มุ่งเน้นส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระที่วิทยากรได้บรรยายไปข้างต้น และวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 เป็นกิจกรรม Road Show ณ โรงเรียนนวมินทราชูทิศ มัชฉิม จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีกิจกรรมให้น้อง ๆ ร่วมสนุกตอบคำถามเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับประกันภัย ผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม     นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมให้น้อง ๆ นักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ร่วมสนุกในกิจกรรม "Bingo OIC" โดยให้น้อง ๆ รับชมคลิปที่เกี่ยวข้องกับการแนะนำองค์กร บทบาท หน้าที่และช่องทางการติดต่อสำนักงาน คปภ. การประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ การประกันภัยอุบัติเหตุ รวมถึงหลักการเบื้องต้นของการฉ้อฉลประกันภัย เพื่อนำคำศัพท์ประกันภัยจากเรื่องดังกล่าวที่น่าสนใจมาร่วมสนุกเพื่อเล่นเกมบิงโกคำศัพท์ประกันภัยลุ้นรับของรางวัล โดยน้อง ๆ ได้ให้การตอบรับและร่วมกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน   สำหรับกิจกรรมการสัมมนา “โครงการส่งเสริมให้ความรู้ด้านการประกันภัย และการฉ้อฉลประกันภัย ให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และประชาชนเชิงรุก” โดยนายอดิศร พิพัฒน์วรพงศ์ รองเลขาธิการด้านกฎหมายและตรวจสอบ ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานเปิดงานดังกล่าว เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ณ โรงแรมโฟทูซี เดอะชิคโฮเต็ล จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีนางสาวชุติพร  เสชัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ ได้ให้เกียรติกล่าวต้อนรับ ซึ่งการสัมมนาแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือช่วงเช้าจะเป็นการเสวนาในหัวข้อ “การประกันภัยสำหรับธุรกิจ SME” และ “การฉ้อฉลประกันภัย” ส่วนในช่วงบ่ายเป็นการบรรยายในหัวข้อ “กฎหมายและหลักการประกันภัย”และ“การฉ้อฉลประกันภัย” โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย ผู้ประกอบการ หัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สำนักงานคลังจังหวัดนครสวรรค์ สำนักงานธนารักษ์จังหวัดนครสวรรค์ สำนักยุติธรรมจังหวัดนครสวรรค์ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครสวรรค์ สภาหอการค้าจังหวัดนครสวรรค์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน ธนาคารพาณิชย์ ตลอดจน ตัวแทน นายหน้าประกันภัย และอาสาสมัครประกันภัย เข้าร่วมงานสัมมนาเป็นจำนวนมาก   โดยโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs เกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย ซึ่งในปัจจุบันพบว่ามีแนวโน้มที่การฉ้อฉลประกันภัยจำนวนเพิ่มมากขึ้น สืบเนื่องจากมีการนำวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในธุรกิจประกันภัยมากขึ้น ทำให้เกิดการฉ้อฉลประกันภัยได้หลายช่องทาง ซึ่งอาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อเบี้ยประกันภัยที่อาจปรับสูงขึ้นได้ในอนาคต ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ประชาชน ผู้ประกอบการ คณาจารย์ นักเรียน นักศึกษา บุคคลากรของโรงเรียนและมหาวิทยาลัย หัวหน้าส่วนราชการ และผู้แทนภาครัฐ รวมทั้งเอกชน ให้มีความเข้าใจภารกิจของสำนักงาน คปภ. และเป็นการเสริมสร้างความรู้ด้านการประกันภัยและการฉ้อฉลประกันภัย เสริมความรู้เข้าใจในเงื่อนไขความคุ้มครอง ข้อยกเว้นของกรมธรรม์ประกันภัยประเภทต่าง ๆ ตลอดจนตระหนักถึงผลกระทบของการฉ้อฉลประกันภัยและร่วมกันป้องกันการฉ้อฉลประกันภัย เพื่อเป็นเกราะป้องกันและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัยต่อไป   ทั้งนี้ หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัยหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวมายังสำนักงาน คปภ. ซึ่งมีกระบวนการพิจารณาข้อร้องเรียนด้านการประกันภัยหลายรูปแบบตามความต้องการและความซับซ้อนของเรื่อง ไม่ว่าจะการพิจารณาข้อร้องเรียนโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยผู้ไกล่เกลี่ยที่เป็นบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการประกันภัย หรือการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงาน คปภ. ซึ่งเป็นทางเลือกให้แก่ประชาชนผู้เอาประกันภัยในการใช้กระบวนการระงับข้อพิพาทที่มีความเป็นธรรมและรวดเร็วกว่าการดำเนินคดีทางศาล    

22 Nov 2024

...

ทิพยประกันภัย ขอเชิญชวนร่วมโครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 46 ในการเดินทางไปเรียนรู้ และสัมผัสจิตวิญญาณแห่งการเป็นจิตอาสา ณ โครงการศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย จังหวัดอ่างทอง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพระปณิธานของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา (พระองค์ภา) ที่ทรงทุ่มเทอุทิศพระวรกายเพื่อช่วยเหลือประชาชน และสังคมส่วนรวมมาโดยตลอด และเรียนรู้แนวทางการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนตามแนวพระดำริ และศึกษาวิถีชีวิตพอเพียง รวมถึงแนวทางการพัฒนาอาชีพ เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับตัวเอง นอกจากนี้ จะได้ร่วมทำบุญปฏิบัติธรรม ณ วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ภา พระบรมวงศานุวงศ์ และสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยอีกด้วย พร้อมรับฟังการบรรยายด้านการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อความยั่งยืนในทุกมิติ จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี และ อาจารย์อดุลย์ ดาราธรรม ที่ปรึกษาและอดีตนายกสมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย ผู้คิดค้นนวัตกรรมสื่อการสอนสำหรับเยาวชนในศตวรรษที่ 21 หรือ Interactive Board Game หนึ่งเดียวในโลก เพื่อผลักดันให้เกิดนวัตกรรมแบบก้าวกระโดด และเตรียมความพร้อมประเทศไทยสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี 2030 เชิญร่วมโครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 46 ในวันที่ 23 – 24 พฤศจิกายน 2567 ณ โครงการศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย บ้านทุ่งอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ คุณจารุกัญญ์ โทรศัพท์ 099 397 5333 FB: ตามรอยพระราชา-The King’s Journey

19 Nov 2024

...

  ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยคณะกรรมการบริษัท ที่ปรึกษา ผู้บริหาร และพนักงาน จัดงานครบรอบ 73 ปี ทิพยประกันภัย โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และพันธมิตร ร่วมแสดงความยินดีอย่างอบอุ่นและคับคั่ง     ในช่วงเช้าของงาน คณะผู้บริหารและพนักงานได้ร่วมกันทำบุญตักบาตรและบวงสรวงอนุสาวรีย์ ฯพณฯ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้ก่อตั้งทิพยประกันภัย จากนั้นได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารและจตุปัจจัยไทยธรรม เพื่อความเป็นสิริมงคล หลังจากพิธีสงฆ์ได้มีการมอบรางวัลอายุการทำงานให้กับพนักงานที่ทำงานกับบริษัทฯ มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ 10 ปี, 15 ปี, 20 ปี, 25 ปี และ 30 ปี รวมถึงมอบทุนการศึกษาให้กับบุตร-ธิดาของพนักงานเพื่อสนับสนุนอนาคตของเยาวชนไทย ณ อาคารทิพยประกันภัย สำนักงานใหญ่ พระราม 3     ทิพยประกันภัยขอขอบคุณลูกค้าและพันธมิตรที่ไว้วางใจเสมอมา เราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้มีคุณภาพ และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดและเดินเคียงข้างสังคมไทยอย่างยั่งยืน     #จริงจังกับภัยจริงใจกับคุณ  #73ปีทิพยประกันภัย

15 Nov 2024

Banner Banner Banner Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner