Responsive image

Sunday, 10 Aug 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


OCEAN LIFE ไทยสมุทร เปิดตัว "นนท์ ธนนท์" BRAND AMBASSADOR คนใหม่ ชวน GEN Y “รักตัวเอง รักสุขภาพ” และปิดความเสี่ยงด้วย HEALTHIVERSE SOLUTION

Tue 25/03/2568


บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รักคือพลังของชีวิต โดย คุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) เผยว่า ปัจจุบันกลุ่ม Gen Y กำลังเติบโตและมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยกระจายตัวอยู่ในองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน รวมถึงเป็นเจ้าของธุรกิจ และเสาหลักของครอบครัว ดังนั้น OCEAN LIFE ไทยสมุทร จึงมุ่งใช้ศักยภาพด้านประกันชีวิตสนับสนุนให้กลุ่ม Gen Y ดำเนินชีวิตด้วยความมั่นคง มั่นใจ สอดคล้องกับพันธกิจและวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายเพื่อให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด

 

ดังนั้น ในปี 2568 บริษัทจึงตั้งเป้าหมายมุ่งเน้นทำตลาดกับกลุ่ม Gen Y ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและบริการที่ตรงใจ การสรรหาที่ปรึกษาประกันชีวิตที่เข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นนี้ รวมถึงการจัดโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการ และเป็นทางเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาให้กลุ่มนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี 4 สิ่งใหม่ ที่พร้อมให้ทุกคนมาค้นหาในงาน OCEAN LIFE HEALTHIVERSE SOLUTION : LOVE STARTS WITH YOU เพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตของกลุ่ม Gen Y ประกอบด้วย NEW! Target จับกลุ่ม Gen Y ด้วยความเข้าใจแท้จริง NEW! Campaign สร้างความตระหนักให้ทุกคนรักตัวเอง รักสุขภาพ และปิดความเสี่ยงด้วย HEALTHIVERSE SOLUTION เพื่อจะได้ทำสิ่งที่รักไปนานๆ  NEW!  Brand Ambassador เปิดตัว "นนท์ ธนนท์" ขวัญใจคน Gen Y เตรียมสัมผัสประสบการณ์ดี ๆ ที่ OCEAN LIFE ไทยสมุทร และ นนท์ ธนนท์ จะร่วมกันส่งต่อพลังความรักให้ทุกคนตลอดปีนี้ และ NEW! Song เพลง "รักคือพลังของชีวิต" โดยนนท์ ธนนท์ ที่มีเนื้อหาลึกซึ้ง กินใจ ส่งมอบให้คนที่รักได้ในทุกรูปแบบ


NEW! Campaign : LOVE STARTS WITH YOU - รักตัวเอง รักสุขภาพ จะได้ทำสิ่งที่รักไปนานๆ

จากงานวิจัยพบกลุ่มคน Gen Y หลายคนมีความเครียด กังวลแอบแฝง เพราะเป็นเหมือน “เดอะแบก” ที่ต้องแบกรับความคาดหวังของตนเองและคนรอบข้าง อีกทั้ง Gen Y ยังถูกเรียกว่า Sandwich Generation ต้องดูแลคนข้างบนและข้างล่างไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่ทำงาน ดังนั้น สิ่งที่จะช่วยให้ Gen Y ผ่อนคลายได้ คือการได้ใช้ชีวิตตาม Passion และไลฟ์สไตล์ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อเป็นการให้รางวัลกับชีวิต ทั้งการท่องเที่ยว ลิ้มรสอาหารอร่อย ตระเวนคาเฟ่ หรือไปคอนเสิร์ตของศิลปินที่รัก สำหรับ Gen Y ที่มีครอบครัว พวกเขายิ่งต้องการมีสุขภาพที่ดีเพื่ออยู่ดูแลคนที่รักไปนาน ๆ 

 

OCEAN LIFE ไทยสมุทร เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความต้องการของคน Gen Y และพร้อมเป็นตัวช่วยปิดความเสี่ยงที่คน Gen Y อาจมองข้ามไป โดยเฉพาะด้านสุขภาพซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงในการทำในสิ่งที่รักไปนาน ๆ  เพราะหากสุขภาพไม่ดีอาจทำให้ทุกความฝันหยุดลงกลางทางได้ โดยได้ถ่ายทอดเรื่องราวของเหตุผลที่ทำให้  Gen Y หันมารักตัวเอง รักสุขภาพ ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีๆ เพื่อมีชีวิตที่แข็งแรงอยู่ไปนาน ๆ โดยปิดความเสี่ยงด้วย “HEALTHIVERSE SOLUTION” แผนประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร ที่มาพร้อมบริการดูแลสุขภาพครบวงจร ช่วยให้คน GenY พร้อมทำสิ่งที่รักให้เป็นไปได้อย่างมั่นใจประกอบด้วย 

1. “โอเชี่ยนไลฟ์ เอ็นจอย เฮลท์ เอ็กซ์ตร้า” ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ที่ตอบโจทย์คน GenY ด้วยการเหมาจ่ายค่าห้อง ค่ารักษา ตามจริง และคุ้มครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาทต่อครั้งใดครั้งหนึ่ง คุ้มครองค่าห้องพักเดี่ยวมาตรฐาน ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD) ต่อเนื่องหลังการเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน (IPD) พร้อมทั้งค่าล้างไต รังษีรักษา เคมีบำบัด รวมถึง Targeted Therapy หมดกังวลค่ารักษาที่เพิ่มขึ้น รองรับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ 

2. “โอเชี่ยนไลฟ์ ซูเปอร์ ซีไอ 120 (CI120)” ประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงที่ดีที่สุดจาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร ที่คุ้มครองโรคร้ายแรงสูงสุดถึง 120 โรคใน 6 กลุ่มโรคร้ายแรง และกลุ่มความคุ้มครองพิเศษของโรคมะเร็งระยะลุกลาม ที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนไทย 

3. นวัตกรรมดูแลสุขภาพและบริการครบวงจร อาทิ Digital Healthcare Services โดยจับมือกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพชั้นนำ ในการดูแลตั้งแต่ก่อนป่วย เมื่อป่วย และพักฟื้น  Easy Claim ให้การเคลมเป็นเรื่องง่ายด้วยบริการเคลม Hotline 24 ชั่วโมง OCEAN Club Application แอปเดียวที่ช่วยให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่ายผนวกกับ Royalty Program ให้ทำกิจกรรมสุขภาพสะสม OCHI COIN แลกรับของรางวัลมากมาย OCEAN Connect  เชื่อมต่อทุกบริการอย่างสะดวกง่ายด้วยตัวเองผ่านมือถือ ผ่านไลน์ แอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ ให้คุณเลือกใช้บริการได้ตามต้องการ 

 

NEW! Brand Ambassador “นนท์ ธนนท์” ขวัญใจคน Gen Y ที่เต็มไปด้วยพลังความรัก

OCEAN LIFE ไทยสมุทร เปิดตัว “นนท์ ธนนท์” นักร้องขวัญใจ Gen Y เป็น New Brand Ambassador คนล่าสุด ด้วยภาพลักษณ์ที่อบอุ่น สดใส และเข้าถึงง่าย สะท้อนตัวตนของคนรุ่นใหม่ที่ใช้พลังความรักในการดำเนินชีวิตได้อย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ที่ต้องการสนับสนุนให้ Gen Y หันมา รักตัวเอง ดูแลสุขภาพ และปิดความเสี่ยง ผ่าน “HEALTHIVERSE SOLUTION” โซลูชันด้านสุขภาพครบวงจร ที่ช่วยให้ทุกคนมีสุขภาพดี มั่นใจ พร้อมทำสิ่งที่รัก และดูแลคนที่รักไปนานๆ โดย “นนท์ ธนนท์” จะร่วมเป็นตัวแทนถ่ายทอดแนวคิด “รักตัวเอง รักสุขภาพ จะได้ทำสิ่งที่รักไปนานๆ” สร้างการรับรู้สู่กลุ่มคน Gen Y ผ่านช่องทางออนไลน์ในรูปแบบ Long-Form VDO ในชื่อ “เหตุผล” โดยสามารถรับชมได้ที่ https://www.ocean.co.th/healthiversesolution และช่องทุกทางโซเชียลของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ได้ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป 

นนท์ เผยว่าการตัดสินใจเป็น Brand Ambassador ให้กับ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ในครั้งนี้ ตนเองก็ได้พิจารณาอย่างดีแล้วว่าเป็นแบรนด์ที่ขับเคลื่อนโดยคุณค่าและมีเป้าหมายทำธุรกิจที่มุ่งใช้ความรักสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ มอบให้กับประชาชน คล้ายๆ กับที่ตนเองก็ใช้ความรักตั้งใจทำงาน รวมทั้งคอยดูแลแฟนคลับให้เติบโตไปด้วยกันเช่นกัน”

 

NEW! Song เปิดตัวเพลง “รักคือพลังของชีวิต” ถ่ายทอดพลังความรักผ่านเสียงร้องของ “นนท์ ธนนท์”

ครั้งแรกของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ที่จะถ่ายทอดความหมายและคุณค่าของ Tagline “รักคือพลังของชีวิต - Love Empowers Your Life”  ผ่านเสียงร้องของ “นนท์ ธนนท์” และทีมสร้างสรรค์เพลงรักจากค่าย LOVE IS นำโดย คุณดาโน่ ดนัย ธงสินธุศักดิ์ รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ โดยบทเพลงนี้ใช้ชื่อว่า “รักคือพลังของชีวิต” สื่อสารเรื่องราวความรักที่สร้างแรงบันดาลใจให้คน ๆ หนึ่งอยากเป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อดูแลและอยู่เคียงข้างคนที่รักไปนาน ๆ ตรงกับแนวคิดของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร ที่ไม่หยุดพัฒนาทุกด้านเพื่อลูกค้าด้วยพลังความรักตลอดมา และด้วยความหมายเดียวกันนี้ก็ยังสามารถนำบทเพลงนี้ไปใช้ส่งมอบความรักให้กับคนที่รักได้ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คู่รัก หรือแม้แต่ความรักระหว่างศิลปินและแฟนคลับ ก็ให้ความหมายที่ลึกซึ้งกินใจได้เช่นกัน 

 

โดยแคมเปญทั้งหมดจะสื่อสารผ่านช่องทางที่หลากหลาย พร้อมกิจกรรมตลอดทั้งปีแบบ 360 องศา ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ …สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของ NEW! Campaign NEW! Brand Ambassador และ NEW! Song ในทุกช่องทางโซเชียลมีเดียของ OCEAN LIFE ไทยสมุทรประกันชีวิต และช่องทางพันธมิตรต่างๆ ได้ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.ocean.co.th หรือช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER  1503  

 


Tags : OCEAN LIFE ไทยสมุทร ไทยสมุทรประกันชีวิต นุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ OCEAN LIFE ไทยสมุทร เปิดตัว BRAND AMBASSADOR คนใหม่


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายวีระชัย อมรถกลสุเวช รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส รักษาการผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวในการประชุมผู้บริหารสายงานกิจการสาขา ซึ่งมีผู้บริหารธนาคารทั้งจากส่วนกลาง และสายงานกิจการสาขา กว่า 1,600 คนทั่วประเทศเข้าร่วมงาน เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ จ. เชียงใหม่ เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เดินหน้าทำธุรกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ธนาคารเพื่อสังคมต่อเนื่อง มั่นใจว่าภายในสิ้นปี 2568 ธนาคารจะสามารถสร้าง Social Impact ได้มากขึ้นตามเป้าหมายเป็นเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท   สำหรับนวัตกรรมการเงินเพื่อสังคมในช่วงครึ่งปีหลัง เน้นให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกค้ารายย่อย สามารถเข้าถึงแหล่งทุนที่ช่วยประคับประคองธุรกิจ และทำให้มีสภาพคล่องเพียงพอรองรับสภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนไม่แน่นอนจากปัจจัยภายในและภายนอก ผ่านการให้สินเชื่อที่มอบเงื่อนไขพิเศษเพื่อผู้ประกอบการ ได้แก่ สินเชื่อ GSB Smooth Biz, GSB D-VERs, GSB D-Home และมาตรการลดดอกเบี้ยสูงสุด 3% ต่อปี แก่ลูกค้าธนาคารที่เป็นผู้ส่งออก และ Supply Chain ของผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรง/ทางอ้อม จากมาตรการภาษี Trump Tariff ซึ่งเร็ว ๆ นี้ ธนาคารเตรียมออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมเพื่อลดภาระผู้ประกอบการในเรื่องนี้ พร้อมกับช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจที่สำคัญเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมอีกด้วย   นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อช่วยลดภาระรายย่อย ได้แก่ สินเชื่อเคหะรีไฟแนนซ์ อัตราดอกเบี้ย 0% 3 เดือน (เฉลี่ย 3 ปีแรก ดอกเบี้ยต่ำสุดที่ 2.85% ต่อปี) สินเชื่อบ้านเติมตังค์ อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี ต่ำสุด 4.99% ต่อปี และ สินเชื่อบ้านแลกเงิน คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 3.59% ต่อปี (6 เดือนแรก) ตลอดจนการเร่งปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือกลุ่มฐานราก อาทิ สินเชื่อโครงการธนาคารประชาชน สินเชื่อสร้างเครดิตสร้างโอกาส สินเชื่อสำหรับผู้ไม่เคยมีประวัติเครดิต สินเชื่อส่งดีมีเติมพลัส สนับสนุนลูกค้าดีให้กู้เพิ่มได้ ซึ่งธนาคารคาดว่าตลอดปี 2568 จะสามารถช่วยเติมเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ และเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการ รวมถึงลูกค้ารายย่อย ผ่านการปล่อยสินเชื่อวงเงินรวมกว่า 2 แสนล้านบาท     ส่วนด้านเงินฝาก เน้นส่งเสริมการออมแบบมีระยะเวลาและเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นสลากออมสินพิเศษ เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษแบบมีระยะเวลา เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษเพื่อการเกษียณ 10 ปี เงินฝาก Smart Junior เพื่อส่งเสริมการออมในเยาวชน เป็นต้น ตั้งเป้าหมายเม็ดเงินการออมโดยมีเงินฝากเพิ่มสุทธิไม่ต่ำกว่า 65,000 ล้านบาท ภายในปี 2568 ทั้งนี้ ธนาคารออมสินดำเนินธุรกิจเป็นธนาคารเพื่อสังคม หรือ Social Bank ด้วยบทบาทหลัก 4 ด้าน คือ 1) การเปิดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินในระบบสถาบันการเงิน 2) การแก้ไขปัญหาหนี้ 3) บทบาทการพัฒนาสังคมและชุมชน และ 4) การสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการสร้างสรรค์และขับเคลื่อนงานทั้ง 4 ด้าน โดยอิงแนวคิด Creating Shared Value (CSV) เพื่อให้ธนาคารสามารถทำกำไรทางธุรกิจในระดับที่เหมาะสม ควบคู่กับการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของธุรกิจและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม    

08 Aug 2025

...

SME D Bank ห่วงใยประชาชน และเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม สอดคล้องนโยบายรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง และ ธปท. ได้แก่ พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย  สูงสุด 12 เดือน ควบคู่เติมทุนฉุกเฉิน เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ  ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี สระแก้ว จันทบุรี และตราด นอกจากนั้น เปิดสายด่วน 1357 รับแจ้งขอความช่วยเหลือทันท่วงที พร้อมเปิดรับบริจาคสิ่งของนำไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยและทหารหาญ    นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ความไม่สงบจากเหตุปะทะตามแนวพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน รวมถึง การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งทางตรงและทางอ้อม SME D Bank มีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง จึงได้ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม หลังจากมีมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนเบื้องต้นไปแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต้องการให้สถาบันการของรัฐเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา   สำหรับมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมดังกล่าว  ครอบคลุมความช่วยเหลือในพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี สระแก้ว จันทบุรี และตราด มุ่งเน้นช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ลดภาระทางการเงิน สามารถประคับประคองธุรกิจ  ก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ด้วยดี และฟื้นฟูกิจการได้โดยเร็ววัน  ได้แก่  มาตรการ “พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย” สำหรับลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม   ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย สำหรับกลุ่มเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term loan) สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน สัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) และสินเชื่อแฟคตอริ่ง ขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินออกไปอีกสูงสุด 180 วัน และสามารถพักชำระดอกเบี้ยได้   มาตรการ “เติมทุนฉุกเฉิน เพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ” สำหรับลูกค้าเดิมได้รับผลกระทบทางตรง เพื่อให้มีวงเงินกู้ฉุกเฉิน นำไปฟื้นฟูธุรกิจเฉพาะหน้า วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท ถึงสูงสุด 200,000 บาท (บุคคลธรรมดา สูงสุด 100,000 บาท และนิติบุคคล สูงสุด 200,000 บาท)  อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดกระบวนการนำส่งเอกสารในการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงเป็นการเร่งด่วน อีกทั้ง ธนาคารยังมีสินเชื่อช่วยเหลือเพิ่มเติม สำหรับเสริมสภาพคล่อง  ลงทุน ยกระดับธุรกิจ ภายหลังสถานการณ์คลี่คลาย อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ได้แก่ 1.สินเชื่อ “SME Green Productivity” 2.สินเชื่อ “ปลุกพลัง SME” และ 3.สินเชื่อ “Beyond ติดปีก SME”   นอกจากนั้น SME D Bank  ยังเปิดศูนย์รับแจ้งขอความช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับประชาชน และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึง สาธารณภัยต่างๆ  ผ่าน Call Center 1357 และเปิดศูนย์รับบริจาคอาหาร ของใช้ ยารักษาโรค หรือสมทบทุน  เพื่อนำไปมอบให้แก่ประชาชน ทหาร และผู้ปฏิบัติหน้าที่ ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาไปจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2568 นี้  ณ หน้าสำนักงานใหญ่ SME D Bank อาคาร SME Bank Tower   ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการเข้ารับมาตรการต่าง ๆ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป  ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคาร เช่น สาขา SME D Bank ทุกแห่งทั่วประเทศ ,  LINE Official Account : SME Development Bank , เว็บไซต์  www.smebank.co.th เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Aug 2025

...

บอร์ด ธ.ก.ส. มีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหาร และ ตชด. วีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ที่บิดา - มารดา หรือคู่สมรสเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา อันส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร โดยมีทั้งทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ตลอดจนที่อยู่อาศัยรวมถึงพื้นที่ทำกินได้รับความเสียหาย และเพื่อให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์ลูกหนี้  และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ กรณีบุตร คู่สมรส ของลูกค้า ธ.ก.ส. ที่เป็นทหาร หรือ ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง  

01 Aug 2025

...

นายวีระชัย อมรถกลสุเวช รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา รวมถึงเหตุอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศที่ยังคงรุนแรงและส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนมาก ธนาคารออมสินจึงเร่งออกมาตรการ “พักหนี้อัตโนมัติ ไม่คิดดอกเบี้ย” เพื่อช่วยบรรเทาภาระของลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งมีอยู่จำนวนกว่า 40,000 บัญชี คิดเป็นเงินต้นกว่า 9,000 ล้านบาท มาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย นาน 3 เดือน – ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น ธนาคารยกให้ ไม่ต้องจ่ายคืน! ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อทุกกลุ่ม (ยกเว้นบางประเภทตามเงื่อนไข*) โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญ คือ พักชำระหนี้อัตโนมัติ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 3 เดือน โดยดอกเบี้ยในช่วงเวลาพักหนี้ธนาคารยกให้ทั้งหมด ลูกหนี้ไม่ต้องชำระภายหลัง และเมื่อพักหนี้ครบกำหนด ลูกหนี้ชำระหนี้ตามเงื่อนไขสัญญาเดิม เป็นลูกหนี้ที่มีภูมิลำเนา ที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ประกอบอาชีพในพื้นที่ภัยพิบัติตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ธนาคารจะส่ง SMS หรือจดหมาย ส่งตรงถึงผู้ที่ได้รับสิทธิ์ กรณีไม่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการ ลูกหนี้สามารถติดต่อแจ้งสาขาที่สะดวก หรือแจ้งที่ GSB Contact Center โทร. 1115 กรณีลูกหนี้ได้รับ SMS หรือจดหมายจากธนาคาร แต่ไม่ประสงค์เข้าร่วมมาตรการพักหนี้ สามารถชำระหนี้ได้ตามปกติ ธนาคารจะนำเงินงวดไปตัดลดต้นเงินทั้งจำนวน ธนาคารออมสินขอส่งกำลังใจไปยังพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมยืนยันว่าจะอยู่เคียงข้างและให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อให้ลูกค้ากลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th *หมายเหตุ : ไม่รวมสินเชื่อบางประเภท เช่น สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่, สินเชื่อชีวิตสุขสันต์, สินเชื่อตามนโยบายรัฐ (PSA) และสินเชื่อสำหรับผู้มีรายได้ประจำ

30 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner