Responsive image

Wednesday, 03 Sep 2025

หน้าแรก > SOCIETY / ภาพข่าว - สังคม - CSR


BAAC Charity Run 4th 2025 วิ่งสุดมันส์ รางวัลสุดยิ่งใหญ่ พร้อมส่งต่อทุนการศึกษาให้ทายาทเกษตรกร

Wed 03/09/2568


นางสาวไข่มุก จูงใจจารุมาศ ผู้ช่วยผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในฐานะนายกสมาคมสโมสรพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ส.ธกส.) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการออกกำลังกาย สร้างสุขภาพที่ดีให้กับประชาชน และพนักงาน ธ.ก.ส. รวมถึงร่วมส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่ทายาทของเกษตรกร ส.ธกส. จึงได้จัดงานวิ่งครั้งใหญ่แห่งปี BAAC Charity Run 4th 2025 ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 ซึ่งจัดต่อเนื่องกันเป็นครั้งที่ 4 โดยมีจุด Start และ Finish ที่ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ บางเขน กรุงเทพฯ ซึ่งนักวิ่งจะได้วิ่งบนเส้นทางถนนพหลโยธิน - ถนนประเสริฐมนูกิจ 2 ระยะ ได้แก่ ระยะ Fun Run 5 กิโลเมตร และระยะ Mini Marathon 10.5 กิโลเมตร ค่าสมัคร 600 บาท และ VIP ค่าสมัคร 1,000 บาท พร้อมรับของที่ระลึก เสื้อวิ่ง BIB กระเป๋า Shopping bag และรับเหรียญรางวัลทันที เมื่อเข้าเส้นชัยภายในระยะเวลาที่กำหนด พิเศษ!! เหรียญรางวัลปีนี้ ถูกออกแบบมาให้สามารถเชื่อมต่อกับเหรียญรางวัลของงาน BAAC Charity Run ปี 2023 และ 2024 ได้อีกด้วย

 

สำหรับประเภทการแข่งขันระยะ 10.5 กม. ผู้ชนะการแข่งขัน (บุคคลทั่วไป) Overall ชาย และ หญิง อันดับที่ 1 จะได้รับเงินรางวัลสูงถึง 1 แสนบาท พร้อมตุ๊กตาด้วงน้อย รุ่น Limited Edition ที่จัดทำขึ้นเพื่องานนี้เท่านั้น (ผู้ได้รับรางวัล อันดับที่ 1 Overall แล้วจะไม่มีสิทธิ์รับรางวัลในรุ่นอายุ) นอกจากนี้ ยังมีรางวัลการแข่งขัน (บุคคลทั่วไป) ของระยะ 10.5 กิโลเมตร แบ่งรุ่นอายุเป็น 5 กลุ่ม ทั้งประเภท ชาย และ หญิง ได้แก่ 1) รุ่นอายุไม่เกิน 29 ปี 2) รุ่นอายุ 30 - 39 ปี 3) รุ่นอายุ 40 - 49 ปี 4) รุ่นอายุ 50 - 59 ปี และ 5) รุ่นอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยอันดับ 1 จะได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท อันดับ 2 รับเงินรางวัล 20,000 บาท และอันดับ 3 รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมกับได้รับตุ๊กตาด้วงน้อยเช่นกัน ทั้งลำดับ 1 - 3 ทั้งนี้ ผู้ที่วิ่งระยะ 10.5 กิโลเมตร และเข้าเส้นชัยเป็น 100 คนแรก จะได้รับผ้า Finisher สุดพิเศษอีกด้วย รวมถึงยังมีรางวัลวิ่งแฟนซี จำนวน 10 รางวัล รางวัลละ 5,000 บาท สำหรับผู้ที่ออกแบบการแต่งกายสุดสร้างสรรค์และโดนใจกรรมการ (เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด)

 

 

ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้พนักงาน ธ.ก.ส. ทั่วประเทศได้ออกกำลังกายและมีสุขภาพที่ดีในการทำงานเพื่อเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. จึงได้กำหนดประเภทรางวัลสำหรับพนักงาน ธ.ก.ส. ที่วิ่งในระยะ 10.5 กิโลเมตร แบ่งเป็น รางวัล Overall ชนะเลิศอันดับ 1 ชายและหญิง รับเงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมเงินสนับสนุนการเข้าร่วมงานวิ่งในรายการ Tokyo Marathon 2026 มูลค่า 30,000 บาท และตุ๊กตาด้วงน้อย (พนักงาน ธ.ก.ส. ที่ได้รับรางวัล อันดับที่ 1 Overall แล้วจะไม่มีสิทธิ์รับรางวัลในรุ่นอายุ) อันดับที่ 2 - 6 รับเงินรางวัล 10,000 บาท และอันดับที่ 7 - 16 รับเงินรางวัล 5,000 บาท นอกจากนี้ยังมีรางวัลแบ่งตามรุ่นอายุ 4 กลุ่ม ชายและหญิง ได้แก่ 1) รุ่นอายุไม่เกิน 29 ปี 2) รุ่นอายุ 30 - 39 ปี 3) รุ่นอายุ 40 - 49 ปี และ 4) รุ่นอายุ 50 - 59 ปี โดยอันดับที่ 1 ของแต่ละรุ่นอายุจะได้รับเงินรางวัล 15,000 บาท และตุ๊กตาด้วงน้อย

 

 

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสมัครได้ที่เว็บไซต์ ThaiRun https://race.thai.run/baaccharityrun2025 หรือ Shutterrun https://baaccharityrun.com ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 กันยายน 2568 โดยรายได้จากค่าสมัครทั้งหมดจะนำไปมอบเป็นทุนการศึกษาให้แก่ทายาทของเกษตรกร ทั้งนี้ ส.ธกส. ขอสงวนสิทธิ์ปิดรับสมัครก่อนกำหนด หากมีผู้สมัครเต็มจำนวน 4,000 คน และเปิดให้ผู้สมัครรับเสื้อวิ่งได้ด้วยตัวเอง ณ ชั้น 1 อาคารโพเดียม ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ บางเขน กรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่ 24 - 25 ตุลาคม 2568 เวลา 08.00 – 16.00 น. สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : ธกส BAAC Thailand และ BAAC Charity Run หรือโทรสอบถาม Call Center โทร 02 555 0555    

 


Tags : ธ.ก.ส. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ไข่มุก จูงใจจารุมาศ BAAC Charity Run 4th 2025


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ออกคำสั่งนายทะเบียนที่ 51/2568  ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เรื่อง ให้แก้ไขแบบ ข้อความ ของกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย ของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า โดยกำหนดให้ปรับเพิ่มวงเงินความคุ้มครองสูงสุดต่อครั้งของกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จากเดิม 5 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท เป็น 20 ล้านบาท และปรับเพิ่มวงเงินความคุ้มครองสูงสุดต่อครั้ง ของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ให้มีจำนวนเงินขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท เพื่อรองรับกรณีเกิดอุบัติเหตุรายใหญ่ที่มีผู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงบ่อยครั้ง โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายไพบูลย์ เปี่ยมเมตตา ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย และประธาน คณะทำงานแนวทางพัฒนาการจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเกิดอุบัติเหตุรายใหญ่บ่อยครั้ง ส่งผลให้จำนวนเงินความคุ้มครองสูงสุดต่อครั้งของกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งกำหนดไว้เพียง 5 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท ต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง รวมถึงกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ และกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ที่ส่วนใหญ่กำหนดวงเงินความคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัยของบุคคลภายนอกไว้ที่ 10 ล้านบาทต่อครั้ง ไม่เพียงพอต่อการชดใช้  ค่าสินไหมทดแทนตามจำนวนเงินความคุ้มครองสูงสุดต่อคน ที่กำหนดไว้ 500,000 บาท ดังนั้น สำนักงาน คปภ. โดยสายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย จึงได้นำประเด็นดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงานแนวทางพัฒนาการจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ปรับเพิ่มวงเงินความคุ้มครองสูงสุดต่อครั้ง  สำหรับการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็น 20 ล้านบาท โดยไม่มีการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัย และให้ปรับเพิ่มวงเงินความคุ้มครองขั้นต่ำต่อครั้ง สำหรับการประกันภัยรถยนต์ ภาคสมัครใจ เป็น 20 ล้านบาท โดยให้ใช้อัตราเบี้ยประกันภัยเดิมที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตราเบี้ยประกันภัย เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุรายใหญ่ ที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงเกิน 20 รายขึ้นไป มีโอกาสได้รับค่าสินไหมทดแทน  เต็มจำนวนเงินความคุ้มครองสูงสุดต่อคนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย โดยสาระสำคัญของคำสั่งนายทะเบียนมี ดังนี้ 1. ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) กำหนดวงเงินความคุ้มครองสูงสุดต่อครั้งเป็น 20 ล้านบาท สำหรับทุกประเภทรถ โดยไม่เพิ่มเบี้ยประกันภัย และให้มีผลบังคับใช้ทันทีกับทุกกรมธรรม์ ทั้งกรมธรรม์ที่ยังมีผลคุ้มครองและกรมธรรม์ที่ทำสัญญาใหม่ โดยกำหนดให้  บริษัทประกันวินาศภัยต้องใช้แบบและข้อความกรมธรรม์ประกันภัยให้เป็นไปตามคำสั่งนายทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป 2. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ กำหนดวงเงินความคุ้มครองขั้นต่ำต่อครั้งในหมวดความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท สำหรับทุกประเภทรถ โดยให้เริ่มมีผลใช้บังคับกับกรมธรรม์ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป “แม้ว่าเมื่อปี 2563 สำนักงาน คปภ. ได้ปรับเพิ่มจำนวนเงินความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับในส่วนของการคุ้มครองต่อคนจาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท แต่ยังคงวงเงินความรับผิดสูงสุดต่อครั้งไม่เกิน 5 ล้านบาทสำหรับรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 ที่นั่ง และไม่เกิน 10 ล้านบาทสำหรับรถยนต์นั่งเกิน 7 ที่นั่ง ขณะที่กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจได้มีการปรับเพิ่มจำนวนเงินคุ้มครองขั้นต่ำเป็น 500,000 บาทต่อคน แต่ส่วนใหญ่ยังคงกำหนดวงเงินสูงสุดต่อครั้งไว้ที่ 10 ล้านบาท การออกคำสั่งนายทะเบียนในครั้งนี้ จึงนับเป็นการยกระดับความคุ้มครองให้สอดคล้องกับความเป็นจริงและเพียงพอต่อการดูแลผู้ประสบภัยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่เป็นภาระเพิ่มขึ้นต่อผู้เอาประกันภัย เนื่องจากไม่มีการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยแต่อย่างใด”  ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย กล่าวในตอนท้าย

31 Aug 2025

...

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นประธานในพิธีเปิดการใช้งาน “Go Live โครงการพัฒนา Data Analytics โดยใช้ระบบ Virtual Audit” เพื่อยกระดับกระบวนการตรวจสอบภายในให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้ความเชื่อมั่นของการปฏิบัติงาน โดยตรวจสอบความผิดปกติของข้อมูลการดำเนินงานได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง (Continuous Audit) พร้อมทั้งการแจ้งเตือนความผิดปกติให้กับส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขและป้องกันการเกิดความผิดปกติซ้ำได้ นับเป็น  อีกก้าวสำคัญของ ธ.ก.ส. ในการยกระดับการตรวจสอบภายในโดยใช้ระบบ Virtual Audit ครั้งนี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของธนาคารเสริมสร้างความเชื่อมั่นขององค์กรต่อไป โดยมีคณะผู้บริหาร พนักงานและส่วนงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม ณ ห้องโถง ชั้น 2 อาคารทาวเวอร์ ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568    

31 Aug 2025

...

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รับโล่รางวัล เชิดชูเกียรติ "สถาบันที่มีความดีเด่นทางการเกษตร ประจำปี พ.ศ. 2567" และนางสาวพรหมกร พรหมขัติแก้ว ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส ในฐานะนิสิตเก่าคณะเกษตร มก.รุ่นที่ 46 รับรางวัลนิสิตเก่าดีเด่นคณะเกษตร ประเภทนักบริหารภาครัฐ/ภาครัฐวิสาหกิจ ประจำปี พ.ศ. 2567 จากสมาคมนิสิตเก่าคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในงานรวงทองคืนทุ่ง 2568 – Aggie Day' 68 ครบรอบ 82 ปีแห่งการสถาปนาคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ เพื่อยกย่อง เชิดชูเกียรติ องค์กรและบุคคคที่มีผลงานดีเด่นและมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมภาคการเกษตร ทั้งด้านงานวิชาการ การวิจัย การบริหารจัดการ และการให้บริการแก่เกษตรกร เพื่อประโยชน์แก่การพัฒนาเกษตรกรรมของประเทศ     ซึ่งสะท้อนบทบาทของ ธ.ก.ส. ในการขับเคลื่อนภาคเกษตรของไทยตามวิสัยทัศน์ในการเป็น “ธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน” โดยมีศาสตราจารย์ ดร.ธีระ สูตะบุตร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล และนายอนันต์ สุวรรณรัตน์  อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีตรองประธานคณะกรรมการ ธ.ก.ส. ร่วมแสดงความยินดี เมื่อวันที่  23 สิงหาคม 2568  ณ อาคารสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพฯ             

27 Aug 2025

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ขับเคลื่อนนโยบายรัฐ เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ยกขบวนบริการ “พัฒนาคู่เติมทุน” เสิร์ฟผู้ประกอบการเอสเอ็มอีพื้นที่ภาคใต้ ในงาน “พาแบงก์รัฐ มาช่วยราษฎร์”   ในวันที่ 30 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00-12.30 น. ณ  โรงแรมดารา จ.ภูเก็ต ภายในงานพบบริการสินเชื่อเพื่อเอสเอ็มอี อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี  คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจและทุกความต้องการของเอสเอ็มอี พร้อมทีมให้คำปรึกษา  ยื่นกู้ได้ทันทีภายในงาน  อีกทั้ง รับโปรโมชันเสริมพิเศษ อีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 เมื่อยื่นขอสินเชื่อและได้รับอนุมัติ รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท และ ต่อที่ 2 รับสิทธิ์สมัครใช้บริการแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” เพื่อยกระดับธุรกิจครบวงจร ฟรี! ห้ามพลาด ขอเชิญผู้ประกอบการ จ.ภูเก็ต และใกล้เคียง เข้าร่วมงานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น  ลงทะเบียนเข้าร่วมโดยสแกน QR Code ในโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

21 Aug 2025

Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner