Responsive image

Thursday, 28 Sep 2023

LATEST NEWS

INSURANCE / ประกันภัย

...

LINE BK ผู้ให้บริการ Social Banking รายแรกในเมืองไทย เดินหน้าต่อยอดบริการทางการเงินให้ครอบคลุมตอบโจทย์ทุกความต้องการ พร้อมลุยธุรกิจนายหน้าประกันชีวิต ภายใต้บริษัท กสิกร ไลน์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพได้สะดวกรวดเร็ว ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินให้กลุ่มคนตัวเล็ก โดยเฉพาะฟรีแลนซ์และลูกจ้างประจำที่ยังไม่มีประกัน  เดินหน้าจับมือ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต  นำเสนอประกันที่สามารถจ่ายผ่าน LINE BK ครบจบบนแอปพลิเคชัน LINE พร้อมฉลองเปิดตัวบริการใหม่ มอบโปรโมชันสุดพิเศษให้กับลูกค้าเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพผ่าน LINE BK ตั้งแต่วันนี้ - 15 พฤศจิกายน 2566 นายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการ Social Banking ภายใต้ชื่อ LINE BK เผยว่า นับจากวันแรก LINE BK ตั้งเป้าที่จะเข้ามาทำให้เรื่องเงินเป็นเรื่องง่ายในแอปพลิเคชัน LINE โดยมุ่งพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการด้านการเงินของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ครบทั้ง 4 มิติ ได้แก่ การออม (Saving), สินเชื่อ (Lending), การป้องกันความเสี่ยง (Protection) และการลงทุน (Investment) โดยเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา LINE BK ได้มีการเปิดตัวบริการตามแผนที่วางไว้มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าเข้าถึงบริการทางการเงินทั้ง  ฝาก ถอน โอน จ่าย และยืมได้อย่างสะดวกสบาย และปลอดภัยในแอปพลิเคชัน LINE ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวบริการ LINE BK Insurance Broker เพื่อเติมเต็มบริการในมิติของการป้องกันความเสี่ยง ภายใต้ บริษัท กสิกร ไลน์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ตอกย้ำการเดินตามแผนที่วางไว้อย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ โดยมองว่าประกันเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการเงินพื้นฐาน ที่จะเข้ามาช่วยให้ลูกค้า LINE BK สามารถวางแผนบริหารจัดการทางการเงิน เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดเกี่ยวกับสุขภาพและอุบัติเหตุได้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งมองว่าธุรกิจประกันชีวิต ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประชาชนเริ่มให้ความสำคัญของการทำประกันชีวิตและสุขภาพมากขึ้น จากการแพร่ระบาดโรคอุบัติใหม่ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา  แนวโน้มค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐเรื่องมาตรการลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตและประกันสุขภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ภาคธุรกิจยังได้ส่งเสริมให้บริษัทประกันนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการเสนอขาย ซึ่งจะช่วยยกระดับการสร้างความพึงพอใจและความเชื่อมั่นของผู้ซื้อประกันมากขึ้น ทั้งนี้ LINE BK Insurance Broker ได้นำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเข้าถึงความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพได้อย่างรวดเร็ว สามารถเลือกซื้อและชำระเงินได้ครบจบบนแอปพลิเคชัน LINE  นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นในการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมความคุ้มครองและเข้าใจง่ายเหมาะสมกับทุกไลฟ์สไตล์อีกด้วย “ผลิตภัณฑ์ประกันที่ LINE BK นำเสนอในช่วงแรก ได้จับมือกับทาง เมืองไทยประกันชีวิต หรือ MTL เพื่อคัดสรรประกันที่มีความคุ้มครองที่เหมาะสมและครอบคลุมกับความต้องการคนในปัจจุบัน ด้วยราคาเบาๆ  ภายใต้แนวคิด “ประกันโดนใจ ซื้อง่าย จ่ายเบา จบใน LINE” ​โดยอธิบายภาษาประกันให้เข้าใจง่าย รวมทั้งเลือกซื้อได้ง่ายด้วยตัวเองผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน LINE จบทุกขั้นตอนภายในแอปเดียว อีกทั้งสามารถ ถาม-ตอบ ข้อสงสัยการซื้อหรือข้อมูลผลิตภัณฑ์ทั่วไปกับพี่หมีที่เป็น Chat bot ผ่าน LINE BK Official Account (@LINEBK) ได้ตลอดเวลา สอดรับกับเทรนด์โลกที่คนส่วนใหญ่ต่างหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและมองหาความคุ้มครองด้านสุขภาพมากขึ้น เพื่อคุ้มครองโรคภัยไข้เจ็บทั่วไป รวมถึงโรคร้ายต่างๆ จากสภาวะแวดล้อมในปัจจุบัน  ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสในการเจาะตลาดประกันชีวิต โดยมุ่งไปที่กลุ่มอาชีพอิสระที่ไม่มีความคุ้มครองจากประกันกลุ่มของนายจ้าง หรือกลุ่มพนักงานประจำที่มองหาความคุ้มครองเพิ่มเติม รวมถึงกลุ่มลูกจ้างรายวันที่ไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีค่าเบี้ยสูง เป็นต้น” ธนา กล่าว   ด้านนายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมืองไทยประกันชีวิตมีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ LINE BK  ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของการผสานความแข็งแกร่งของทั้งสององค์กรได้อย่างลงตัว ในการเป็นช่องทางที่จะช่วยทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแบบประกันชีวิตและความคุ้มครองสุขภาพ พร้อมสามารถเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม พร้อมช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต หลักประกันที่มั่นคง และสร้างความอุ่นใจหากเกิดเหตุไม่คาดคิดได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและความคุ้มครองสุขภาพของเมืองไทยประกันชีวิต ที่นำเสนอขายผ่านช่องทาง LINE BK ในช่วงแรกนั้น ได้คัดสรรแผนประกันที่มีความคุ้มครองครอบคลุมครบทุกด้าน เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า LINE BK โดยเฉพาะกลุ่มคนตัวเล็กที่กำลังทรัพย์ไม่ได้เยอะ ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าแบบ Outside In  เพื่อให้สามารถเข้าถึงความคุ้มครองจากเมืองไทยประกันชีวิตได้สะดวกขึ้น  ซึ่งเป็นหัวใจที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญมาโดยตลอด ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ชีวิตของทุกคนมีรอยยิ้มได้ โดยเบื้องต้น LINE BK ได้คัดสรร 5 ผลิตภัณฑ์ ของ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กับแพ็กเกจประกันชีวิตและสุขภาพมานำเสนอบนช่องทาง LINE BK ดังนี้ ผู้ป่วยนอกเบาเบา – ช่วยแบ่งเบาค่ารักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอก เลือกวงเงินความคุ้มครองได้สูงสุด 2,000 บาท (1) ต่อครั้ง สูงสุด 30 ครั้งต่อปี(2) เบี้ยเบาๆ เริ่มต้นเพียง วันละไม่ถึง 6 บาท(3) ซื้อได้โดยไม่ต้องซื้อพ่วงกับประกันสุขภาพผู้ป่วยใน ช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก ค่าธรรมเนียมปรึกษาแพทย์ ค่าวินิจฉัยและค่ายา และอื่นๆสามารถซื้อได้ตั้งแต่อายุ 20-58 ปี ไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุก็คุ้มครอง โรคร้ายเจอจ่าย – รับเงินก้อนเมื่อตรวจเจอโรคร้ายทั้งระยะเริ่มต้นและระยะรุนแรง สูงสุด 500,000 บาท เพื่อใช้เป็นค่ารักษา หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้ตามต้องการ สามารถเลือกความคุ้มครองตามโรคที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโรคมะเร็ง, กลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ หรือกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดและหัวใจ เบี้ยไม่แพง เริ่มต้นเพียงวันละไม่ถึง 1 บาท(4) สามารถซื้อได้ตั้งแต่อายุ 20-58 ปี ผู้ป่วยในท็อปอัพ - ช่วยเติมเต็มค่ารักษาส่วนเกินจากประกันหรือสวัสดิการที่มีอยู่เมื่อนอนโรงพยาบาล สูงสุด 500,000 บาท / ครั้ง (มีความรับผิดส่วนแรก 20,000 บาท/ครั้ง) ค่าห้อง 4,000 บาทต่อวัน และไม่จำกัดครั้งการเข้าแอดมิต(5) ครอบคลุมทั้งโรคร้ายแรง โรคทั่วไป โรคระบาด ผ่าตัด และอุบัติเหตุ เบี้ยเริ่มต้นเบาๆ เพียงวันละไม่ถึง 11 บาท(6) สามารถซื้อได้ตั้งแต่อายุ 20-69 ปี ผู้ป่วยในเหมาเหมา – เหมาจ่ายค่าห้องเดี่ยวมาตรฐานและค่ารักษาตามจริง สูงสุด 500,000บาท/ครั้ง ไม่จำกัดครั้งการเข้าแอดมิต(5) ครอบคลุมทั้งโรคร้ายแรง โรคทั่วไป โรคระบาด ผ่าตัด และอุบัติเหตุ เมื่อนอนโรงพยาบาล รวมถึงค่าห้องเดี่ยวมาตรฐานทุกโรงพยาบาล เบี้ยเริ่มต้นเบาๆ เพียงวันละไม่ถึง 22 บาท(7) สามารถซื้อได้ตั้งแต่อายุ 21-59 ปี ชดเชยไม่ขาดเงิน – ให้ความคุ้มครองค่าชดเชยรายวัน สูงสุด 1,000 บาท/วัน(1) สูงสุด 365 วันต่อครั้ง(5) กรณีลูกค้าได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยจนต้องนอนรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล รับเพิ่ม 2 เท่าเมื่อนอน ICU หรือนอนโรงพยาบาลด้วยอุบัติเหตุ สูงสุด 45 วันต่อครั้ง(5) เบี้ยเริ่มต้นเบาๆ เพียงวันละไม่ถึง 3 บาท(8)   สามารถซื้อได้ตั้งแต่อายุ 20-58 ปี   ทุกแบบประกันสามารถสมัครได้โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ เพียงตอบคำถามสุขภาพตามความเป็นจริง และไม่ต้องสำรองจ่ายเมื่อเข้ารักษาที่โรงพยาบาลคู่สัญญาที่มีมากกว่า 500 แห่งทั่วประเทศตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด โดยมีประกัน “ผู้ป่วยนอกเบาเบา” และ “โรคร้ายเจอจ่าย” เป็นผลิตภัณฑ์เรือธง และเพื่อฉลองการเปิดตัวบริการใหม่ LINE BK ขอมอบแคมเปญสุดพิเศษให้กับลูกค้าเมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและประกันสุขภาพผ่าน LINE BK ตั้งแต่วันนี้ - 15 พฤศจิกายน 2566 คุ้ม 2 ต่อ ต่อที่ 1: รับเงินคืน (cashback) 15% ของยอดชำระเบี้ยประกันภัยครั้งแรก ทุกกรมธรรม์  จำกัด 1 สิทธิ์/ 1 กรมธรรม์/ 1 บัญชีผู้ใช้งาน ต่อที่ 2: ลุ้นรับจี้ทองคำนกกระเรียนเสริมมงคล หนัก 1 บาท  15 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท ระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2566 – 15 พฤศจิกายน 2566 ทั้งนี้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ความท้าทายในการดำเนินธุรกิจประกันชีวิต ในฐานะโบรกเกอร์ของ LINE BK คงหนีไม่พ้นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ เรื่องปัญหาปากท้อง ที่ต้องคอยติดตามว่ามีแนวโน้มดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ในอนาคตตั้งเป้าหมายที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ออนไลน์ร่วมกับพันธมิตร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น “ผลกระทบหลังโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว อาจส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อประกันใหม่และความสามารถในการชำระเบี้ย โดยในช่วงเริ่มต้นจะเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์และขยายฐานลูกค้า เจาะกลุ่มคนตัวเล็กและกลาง เริ่มจากประกันสุขภาพที่เข้าใจและจับต้องได้ง่าย ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์มากขึ้น ซึ่งในอนาคตจะร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ ออนไลน์รูปแบบใหม่ ๆ กับเมืองไทยประกันชีวิตและบริษัทอื่น ๆ เพื่อขายผ่านช่องทาง LINE BK บนแอป LINE โดยเฉพาะ เพื่อทำให้มีความสะดวกสบายตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกซื้อ จนถึงการจ่ายเงิน” ธนา กล่าวทิ้งท้าย หมายเหตุ กรณีเลือก แผน 3 (แผนเพิ่มไว้อุ่นใจ) สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลแบบผู้ป่วยนอกได้ 1 ครั้งต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 30 ครั้งต่อปี และการรักษาโรค หรือภาวะแทรกซ้อนจากโรคเดียวกันต่อเนื่องได้ไม่เกิน 7 ครั้ง แต่หากต้องรักษาพยาบาลต่อเนื่องด้วยสาเหตุของโรคเดิม และระยะเวลาห่างจากการรักษาครั้งสุดท้ายเกินกว่า 14 วัน ให้ถือเป็นการรักษาโรคใหม่ สำหรับเพศชาย อายุ 20 ปี เลือกแผน 1 (แผนกำลังดี) ความคุ้มครองผู้ป่วยนอก 500 บาทต่อครั้งต่อวัน และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี สำหรับเพศชาย อายุ 20 ปี เลือกแผน 3 (แผนหัวใจ) ความคุ้มครองกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดและหัวใจ และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี วงเงินค่ารักษาผู้ป่วยใน (IPD) ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ทั้งนี้ บริษัทจะนับรวมวงเงินค่ารักษาเดิม กรณีรักษาตัวด้วยโรคเดิม หรือด้วยเหตุจากการบาดเจ็บหรือการป่วยเดียวกัน รวมถึงภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้อง หรือต่อเนื่องกันภายใน 90 วัน หากเกิน 90 วัน นับแต่วันที่ออกจากโรงพยาบาลครั้งสุดท้าย จะนับเป็นวงเงินค่ารักษาใหม่ สำหรับเพศชาย อายุ 20 ปี เลือกแผน 1 (แผนกำลังดี) ค่าห้อง 2,000 บาทต่อวัน ความคุ้มครองผู้ป่วยใน 200,000 บาท/ครั้ง(มีความรับผิดส่วนแรก 20,000 บาท/ครั้ง)  และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี สำหรับเพศชาย อายุ 21 ปี เลือกแผน 1 (แผนกำลังดี)  ความคุ้มครองผู้ป่วยใน 50,000 บาท/ครั้ง และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี สำหรับเพศชาย อายุ 20 ปี เลือกแผน 1 (แผนกำลังดี)  ความคุ้มครองชดเชยรายวัน 300บาท/วัน และชำระเบี้ยประกันภัยรายปี โครงการผู้ป่วยนอกเบาเบา เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันภัย คุ้มครองภายในระยะเวลา 10/10 และสัญญาเพิ่มเติมการรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก โครงการโรคร้ายเจอจ่าย เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันภัย คุ้มครองภายในระยะเวลา 10/10 และสัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง ดี แคร์ (D Care) โครงการผู้ป่วยในท็อปอัพ เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันภัยเมืองไทย สมาร์ท โพรเทคชั่น 90/90 และสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพแบบ เอ็กซ์ตร้า แคร์ (N) โครงการผู้ป่วยในเหมาเหมา เป็นชื่อทางการตลาดของแบบประกันภัยเมืองไทย สมาร์ท โพรเทคชั่น 90/90 และสัญญาเพิ่มเติมการประกันสุขภาพแบบ ดี เฮลท์ (N)   โครงการชดเชยไม่ขาดเงิน เป็นชื่อทางการตลาดของ แบบประกันภัย คุ้มครองภายในระยะเวลา 10/10 และสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพเอชไอพี (HIP) รับประกันภัยโดย บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต  การแถลงสุขภาพเป็นปัจจัยหนึ่งในพิจารณารับประกันภัย /พิจารณาจ่ายเงินตามสัญญาประกันภัย ทั้งนี้การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กำหนด ผลประโยชน์ เงื่อนไข และความคุ้มครองโดยละเอียด เป็นไปตามที่ระบุในกรมธรรม์ หมายเหตุ LINE BK Insurance Broker ในฐานะนายหน้าประกันชีวิต ใบอนุญาตเลขที่  ช00017/2565 สอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ที่ LINE BK Official Account หรือพิมพ์ @linebk หรือ ที่ LINE BK Call Center โทร. 02-555-5555 การพิจารณารับประกันภัยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต เงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่ระบุในกรมธรรม์ โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย

28 Sep 2023


...

  นางสาวสุภาพ ประดับการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่  ด้านการขายและการตลาด 1 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)  และ นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)  เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจด้านการวางแผนการออม และด้านการวางแผนการประกันภัยแก่สมาชิกกองทุนฯ เสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและการจัดการความเสี่ยงภัยต่าง ๆ ให้กับสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ ณ กองทุนการออมแห่งชาติ อาคาร เอส เอ็ม ทาวเวอร์    

28 Sep 2023

...

  โครงการ สุภาพบุรุษจราจร ประชาชนสัญจรปลอดภัย เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นโดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ที่มีแผนงานรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายและได้มีการกำหนดเป้าหมายลดการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนร่วมกัน โดยสนับสนุนเงินรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจและหน่วยงาน ที่สามารถดำเนินการบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ปฎิบัติงานและ เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมขับขี่ปลอดภัยด้วยวินัยจราจรให้กับสังคมไทยต่อไป     โดยโครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในแต่ละพื้นที่ตามเป้าหมาย สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้มากกว่าร้อยละ 5 หรือลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้มากกว่า 10 คนต่อปีของสถิติการเกิดอุบัติเหตุ โดยใช้ข้อมูลการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เปรียบเทียบค่าเฉลี่ย ปี พ.ศ. 2560-2562 จากศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุ www.Thairsc.com และเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการตำรวจและหน่วยงานที่ปฎิบัติหน้าที่สายงานจราจรโดยการคัดเลือกและมอบรางวัลให้ข้าราชการตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ในงานจราจรและหน่วยงาน โดยเน้นหลัก 5S ได้แก่ SMILE (ยิ้มแย้มแจ่มใส),SMART (มีบุคลิกภาพที่ดี),SALUTE (ปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความสุภาพให้เกียรติ),SERVICE MIND (ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตบริการสาธารณะ) และSTANDARD (ยกระดับมาตรฐานการทำงาน ความรู้เทคโนโลยี ความเสมอภาค) โดยแบ่งรางวัลเป็นประเภทบุคคล กองบังคับการละ 2 นาย รวมจำนวนทั้งสิ้น 194 นาย ประเภทหน่วยงาน ในสังกัดแต่ละกองบัญชาการ ที่ชนะเลิศ 1 หน่วยงาน รองชนะเลิศ 2 หน่วยงาน ชมเชย 2 หน่วยงาน รวมทุกกองบัญชาการจำนวนทั้งสิ้น 51 หน่วยงาน โดยรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1     ซึ่งผลการดำเนินงานของโครงการฯ สามารถป้องกันการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน จำนวน 1,550 ราย โดยการเปรียบเทียบข้อมูลการเสียชีวิต 3 ปีย้อนหลังล่วงก่อนโควิดในรอบ10 เดือน (มกราคม-ตุลาคม ปี 2560-2562 เสียชีวิตเฉลี่ย 13,830 ราย) ซึ่งตั้งแต่เริ่มโครงการในเดือนตุลาคม 2565 - สิงหาคม 2566  มีผู้เสียชีวิต 12,280 ราย บาดเจ็บจากเฉลี่ย 3 ปี จำนวน 622,080 ราย จากเริ่มโครงการถึงสิงหาคม มีผู้บาดเจ็บ 510,420 ราย ลดลง 111,660 ราย เชื่อว่าเป็นผลมาจากการตั้งจุดตรวจ ตามจุดเสี่ยงต่างๆ ของแต่ละจังหวัด ที่มีการตั้งจุดตรวจจำนวนมากกว่า 74,000 ครั้ง (จากระบบการตั้งจุดตรวจของตำรวจ) และกิจกรรมอื่นๆ ที่ได้ดำเนินการในทุกพื้นที่            

24 Sep 2023

...

บจก. ทีคิวเอ็ม อินชัวรันส์  โบรคเกอร์ หรือ TQM บริษัทฯ ในกลุ่ม บมจ.ทีคิวเอ็ม อัลฟา จัดงานฉลอง เนื่องในโอกาสที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจครบรอบ 70 ปี เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่องค์กร ผู้บริหาร และพนักงาน ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จัดงานเพื่อขอบคุณลูกค้า พันธมิตรธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “ขอบคุณที่รักกัน” อีกทั้งยังตอบแทนสังคมด้วยการจัดทำโครงการ CSR ตลอดทั้งปี พร้อมมุ่งมั่นให้บริการลูกค้าและช่วยส่งเสริมให้คนไทยใส่ใจในการบริหารความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธาน บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวรันส์  โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวว่า ตลอด 70 ปี TQM ยังคงยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบาย “ซื่อสัตย์ ยุติธรรม บริการเยี่ยม ตอบแทนสังคม” พร้อมทั้งอุดมการณ์แห่งการแบ่งปัน มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อสังคมอย่างยั่งยืน บริษัทฯ จึงจัดงานนี้ขึ้นเพื่อขอบคุณพนักงาน ลูกค้า พันธมิตรคู่ค้า และชุมชน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเติบโตของบริษัทฯ และในโอกาสครบรอบ 70 ปี TQM ขอตอบแทนสังคมด้วยการจัดทำ CSR 2 Projects ใหญ่ ได้แก่  โครงการ CSR 7 Wonder Projects  ด้วยการให้พนักงานส่งโครงการเข้ามาประกวด โดยบริษัทเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนให้ทำกิจกรรม เพื่อให้พนักงานได้มีส่วนร่วมกับโครงการ CSR ทั้ง 7 และอีกหนึ่งโครงการ CSR ที่สำคัญที่บริษัทฯ จะจัดทำขึ้นคือ โครงการรถสมปรารถนา เพื่อสานฝันผู้ป่วยทุพพลภาพให้เป็นจริง โดยพาไปทำกิจกรรมต่างๆ หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้ป่วยอยากไป และขณะเดียวกันการจัดงานในครั้งนี้ บริษัทฯ ได้ระดมทุนผ่านมูลนิธิทีคิวเอ็ม เพื่อร่วมสมทบทุนสร้างอาคารโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการเรียน การสอน และวิจัย รวมถึงให้บริการทางการแพทย์   แก่ประชาชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยอย่างยั่งยืน .นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่าสำหรับก้าวต่อไปของ TQM บริษัทฯ ต้องการช่วยให้คนไทยวางแผนบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยประกันภัยและประกันชีวิต ทั้งนี้ TQM ในฐานะที่ประกอบธุรกิจนายหน้าประกัน จะประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ในการวางแผน เพื่อรับมือในจัดการกับความเสี่ยงให้กับคนไทย รวมทั้งจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันและบริการ ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละกลุ่มมากยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด One customer multiple products ที่ใช้เป็นแกนในการทำงานของแต่ละฝ่ายมุ่งเน้นผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญและเพื่อทำให้ลูกค้าได้รับ ผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมมากที่สุด นอกจากกลุ่มธุรกิจประกันแล้วกลุ่มธุรกิจการเงินและกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม ก็พร้อมสนับสนุนกลุ่มธุรกิจหลักให้สามารถขยายศักยภาพ และขยายขีดความสามารถเพื่อทำให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์มากที่สุดต่อไป     ทั้งนี้ภายในงานยังได้มีการมอบหนังสือเรื่อง “ความหวังครั้งที่สอง” ของ ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน หนังสือเล่มนี้ได้รับแรงบันดาลใจและถ่ายทอดจากประสบการณ์ว่าด้วยจุุดเริ่่มต้นของความหวัง วันที่่เฝ้ามองดููความหวังค่อยๆ ล่มสลายไป จนถึงช่วงเวลาที่ความหวังถูกประกอบสร้างขึ้นมาใหม่และเปล่งประกายอีกครั้ง ความหวัง คือ สิ่งที่เติมเต็มชีวิต ถึงแม้ว่าความหวังครั้งที่หนึ่งจะไม่สมหวัง หรือผิดหวัง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่คนเราสามารถมีความหวังครั้งที่สองและครั้งใหม่ ๆ ได้เสมอ    

21 Sep 2023

...

  ทิพยประกันภัย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านธุรกิจประกันวินาศภัยของไทย เปิดตัว “TIP Smart Agent Hub” โครงการเพื่อพัฒนาและสร้างความสัมพันธ์ร่วมกับตัวแทนและนายหน้า รวมถึงสร้างเครือข่ายพันธมิตรบริษัทฯ ภายใต้แนวคิด “Growing Sustainable Together - เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน”  ซึ่ง TIP Smart Agent Hub เป็นโครงการที่ทำให้การดำเนินงานด้านประกันภัยเป็นเรื่องง่าย ผ่านการพัฒนาและส่งเสริมองค์ความรู้ด้านประกันภัย ผลิตภัณฑ์ และด้านการตลาดในการขยายงานต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจผ่านกิจกรรมโครงการ สนับสนุนเครื่องมือระบบดิจิทัลที่ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ทำให้ง่ายและสะดวกมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยสร้างรายได้ให้กับตัวแทนและนายหน้า โดยมี 4 พันธมิตร นำร่องโครงการ ประกอบด้วย บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด, บริษัท สบายเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน), บริษัท นครหลวงแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และบริษัท โอ แคปปิตอล จำกัด ซึ่งในอนาคตจะมีการขยายเครือข่ายพันธมิตรที่หลากหลายและตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าให้ครบทุกมิติ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประโยชน์มากที่สุด  

21 Sep 2023

...

ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) โดยศูนย์ Center of InsurTech, Thailand (CIT) จัดงานประกวดนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย หรือ OIC InsurTech Award 2023 ภายใต้แนวคิด “ASCENDING TO THE INSURTECH UNIVERSE – ทะยานสู่จักรวาลโลกแห่งเทคโนโลยีประกันภัย” เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนวัตกรรม InsurTech ของประเทศไทย ซึ่งในปีนี้มีทีมที่ให้ความสนใจสมัครร่วมประกวดเป็นจำนวนมากกว่า 300 ทีม โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทนิสิต นักศึกษา และประเภทประชาชนทั่วไป โดยมี 11 รางวัล รวมเงินรางวัลกว่า 500,000 บาท พร้อมโล่ และการตัดสินรอบชิงชนะเลิศจะให้ทีมที่ได้รับการคัดเลือกประเภทประชาชนทั่วไป 6 ทีมสุดท้าย และประเภทนิสิต นักศึกษา 5 ทีมสุดท้าย ที่ผ่านการคัดเลือกได้มานำเสนอผลงานที่บูธของสำนักงาน คปภ. ในงาน Thailand InsurTech Fair 2023 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2566 เวลา 12.45 - 15.00 น. ณ อิมแพค เมืองทองธานี ฮออล์ 7 เมืองทองธานี ในการนี้ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. เป็นประธานคณะกรรมการตัดสินและการประกาศผลรางวัล และมีคณะกรรมการตัดสินจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 9 ท่าน ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากภายในและภายนอกสำนักงาน คปภ. โดยการนำเสนอของแต่ละทีมในรอบชิงขนะเลิศเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2566 มีความหลากหลายและมีความน่าสนใจ ซึ่งการพิจารณาตัดสินรอบชิงชนะเลิศเป็นไปอย่างเข้มข้น สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณา 100 คะแนน ประกอบด้วย 1. Wow factor & Pitching Presentation การนำเสนอโครงการได้อย่างน่าสนใจ ภายในเวลาที่กำหนด พร้อมทั้งตอบคำถามได้อย่างชัดเจนครบถ้วน ฟังแล้วน่าตื่นเต้น สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีในการฟังครั้งแรกได้ 30 คะแนน 2. Problem & Pain Point ปัญหาที่เสนอนั้นมีอยู่จริง และเกิดผลกระทบกับผู้คนจำนวนมาก 20 คะแนน 3. Product & Solution สิ่งที่เสนอมานั้น สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จ ครบทุกมิติ และมีความเป็นไปได้ในบริบทประเทศไทย 20 คะแนน 4. Market Opportunities มีโอกาสทางการตลาดมากน้อยเพียงใด 10 คะแนน และ 5. Technology ที่นำมาใช้ เป็น Technology ใหม่ ที่มีความน่าสนใจ ทันสมัย ประยุกต์ใช้ได้อย่างตอบโจทย์ และยังไม่มีการใช้งานแพร่หลายในธุรกิจประกันภัยมากนัก 20 คะแนน ผลการตัดสินการประกวดนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย “OIC InsurTech Award 2023” ประเภทนิสิต นักศึกษา รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม การันTREE ภายใต้แนวคิด “การันTREE ตั้งต้นได้ เมื่อภัยมา” เป็น Application ให้บริการประกันภัยจากธรรมชาติแก่ต้นไม้ให้เกษตรกร โดยอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรไม่ต้องชำระเบี้ยประกันภัย ซึ่ง Application จะช่วยในการประเมินปริมาณ Carbon Credit จากต้นไม้ของเกษตรกร และเชื่อมโยงไปยังตลาดกลางซื้อขาย Carbon Credit เพื่อรับรายได้มาจ่ายค่าประกันภัย ทำให้มีความคุ้มครองเพิ่มขึ้น ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท พร้อมโล่รางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม นานุดต่างดาว ภายใต้แนวคิด “ประกันรูปแบบใหม่ ที่ผสานกับเทคโนโลยีวิเคราะห์ปัญหาผิวหน้าแต่ละบุคคลเพื่อจะได้แก้ปัญหาได้ตรงจุด” ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 70,000 บาท พร้อมโล่รางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม Lock Speed ภายใต้แนวคิด “Application สำหรับการติดตามพฤติกรรมการขับรถเชิงลึก พร้อมฟังก์ชั่นการบริการด้านการประกันภัย” ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 50,000 บาท พร้อมโล่รางวัล รางวัลชมเชยลำดับที่ 1 ได้แก่ ทีม Harvest Moon ภายใต้แนวคิด “ลดความเสี่ยงให้กับเกษตรกร และเพิ่มโอกาสทำกำไรให้กับบริษัทประกันไปกับ Harvest Moon” ได้รับเงินรางวัล 15,000 บาท และรางวัลชมเชยลำดับที่ 2 ได้แก่ ทีม Siri มงคล ภายใต้แนวคิด “ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เพื่อบุตรสำเร็จการศึกษา เพิ่มทุนประกันภัยผ่านการออมของบุตร เพื่อสร้างประสบการณ์การออมตั้งแต่วัยเยาว์” ได้รับเงินรางวัล 15,000 บาท ส่วนผลการตัดสินประเภทบุคคลทั่วไป รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีม ERTIGO ภายใต้แนวคิด “สุขภาพกล้ามเนื้อที่ดี มีผลต่อสุขภาพ และยังส่งผลต่อเบี้ยประกันภัยและความคุ้มครองอย่างครบถ้วน” เป็นแพลตฟอร์มแก้ไขปัญหาออฟฟิศซินโดรม ที่มีการเก็บข้อมูล พฤติกรรมของแต่ละบุคคลที่ค่อนข้างละเอียด ทำให้บริษัทประกันภัยสามารถนำมาใช้เพื่อลดต้นทุนค่ารักษาพยาบาล หรือนำไปลดเบี้ยประกันภัยของลูกค้าในรอบถัดไปได้ ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท พร้อมโล่รางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม PRORESCUE_Thailand ภายใต้แนวคิด “ไม่มีใครเข้าใจปัญหาและตอบโต้เหตุฉุกเฉิน อย่างมืออาชีพได้ดีเท่ากับนักดับเพลิงอย่างเรา” ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 70,000 บาท พร้อมโล่รางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม Mednu ภายใต้แนวคิด “แพลตฟอร์มที่แนะนำโรงพยาบาลหรือสถานรักษา ตามความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่มี” ได้รับเงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาท พร้อมโล่รางวัล รางวัลชมเชยลำดับที่ 1 ได้แก่ ทีม Powerpuff Girls ภายใต้แนวคิด “แอปพลิเคชันที่ช่วยให้บริษัทประกันภัยจัดการความเสี่ยงด้านการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ได้รับเงินรางวัล 15,000 บาท รางวัลชมเชยลำดับที่ 2 ได้แก่ ทีม CrackHi-AI ภายใต้แนวคิด “CrackHi-AI แตก หาย จ่าย จบ” ได้รับเงินรางวัล 15,000 บาท และรางวัลชมเชยลำดับที่ 3 ได้แก่ ทีม e-Safety Box ภายใต้แนวคิด “ที่จัดเก็บเอกสาร Electronic ที่สำคัญและมีความปลอดภัยสูง” ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท  ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรมด้านการประกันภัย (InsurTech) ด้วยแนวคิดและเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ ศูนย์ CIT ได้ขยายผลการจัดกิจกรรม CIT InsurTech Roadshow ไปยัง 4 ภาคทั่วประเทศไทย ทำให้สามารถเข้าถึงสถาบันการศึกษาทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด และหลากหลายสาขาวิชามากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อกระจายและส่งต่อองค์ความรู้ด้าน InsurTech ให้มากขึ้น เพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้ การนำไปประยุกต์ และสร้างสรรค์ “นวัตกรรม” ให้ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้ จึงส่งผลให้การประกวด OIC InsurTech Award 2023 ในปีนี้ มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วม ทั้งหมดจำนวนมากกว่า 300 ทีม มากกว่าปีที่ผ่านถึง 2 เท่าตัว   ภายในการแข่งขันตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา มีกิจกรรม Intensive  Bootcamp ซึ่งเป็นกิจกรรมพิเศษสำหรับ 30 ทีมสุดท้ายที่ผ่านเข้ารอบ โดยภายในงานมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมา Workshop เพื่อบ่มเพาะและพัฒนาทักษะในการคิดสร้างสรรค์ (Creative Thinking) และได้มีทีมผู้ให้คำปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อคอยเป็น Mentor ให้คำปรึกษาและคำแนะนำแบบ Intensive Coaching เพื่อช่วยกระตุ้นความคิดและเสริมความแกร่งของผลงานให้สามารถตอบโจทย์ในด้านต่าง ๆ ได้อย่างตรงจุด และสามารถนำเสนอนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีการประกันภัย ให้มีความน่าสนใจและมีความเป็นไปได้ในการต่อยอดไปสู่ภาคธุรกิจได้อย่างเต็มรูปแบบ “ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประกวดนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการประกันภัยของสำนักงาน คปภ. ประจำปี 2566 หรือ OIC InsurTech Awards 2023 จะช่วยจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ การมีส่วนร่วม การเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับทั้งภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และภาค Tech Startup ให้นำเทคโนโลยีมาต่อยอดเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และการบริการ ตลอดจนช่วยคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคด้านการประกันภัยของประชาชน ซึ่งศูนย์ CIT จะมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมและสร้างสรรค์ให้เกิดนวัตกรรม พร้อมทั้งประสานพลังคนทุก Generation โดยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีประกันภัย (InsurTech) ซึ่งจะเป็นประโยชน์เป็นอันมากต่อธุรกิจประกันภัยของไทยในอนาคต” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย  

15 Sep 2023

...

ดร.นภดล กลิ่นทอง ข้าราชการบำนาญ สาขาวิชาเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ร่วมกับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) จัดอบรมหลักสูตร “การปฏิบัติเบื้องต้นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและความปลอดภัย” (Electric Vehicle Technology and Safe) โดยมี นายภาณุตร์ เหรียญประยูร ที่ปรึกษาฝ่ายปฏิบัติการภาค 4 (ภาคกลางและภาคตะวันตก) ด้านศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทน นำคณะผู้บริหารระดับสูงจากฝ่ายปฏิบัติการภาค 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) และจากส่วนกลาง ให้การต้อนรับ ซึ่งการอบรมดังกล่าว บริษัทฯ จัดขึ้นเพื่อเพิ่มองค์ความรู้แบบครบวงจรให้แก่บุคลากรของวิริยะประกันภัยและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการด้านงานซ่อมบำรุงยานยนต์ ทั้งนี้ การจัดอบรมในพื้นที่ภาค 2 แบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นที่ 1 ณ โรงแรมราชาวดี รีสอร์ท แอนด์โฮเทล จ.ขอนแก่น และรุ่นที่ 2 ณ โรงแรมเซ็นทารา โคราช จ.นครราชสีมา   สำหรับการจัดอบรมหลักสูตรดังกล่าว บริษัทฯ ได้ขยายผลต่อเนื่องจากพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ออกสู่ภูมิภาค อันเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัทฯ ที่มีความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานการให้บริการ ด้วยการเพิ่มองค์ความรู้ เพิ่มศักยภาพ และเตรียมความพร้อมในการรองรับการให้บริการงานซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าแก่บุคลากรของวิริยะประกันภัยและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุ, เจ้าหน้าที่สรุปรายการความเสียหาย, ผู้ประกอบการรถยก และศูนย์ซ่อมมาตรฐาน เพื่อให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดีและการรับประกันภัยที่มีคุณภาพแบบครบวงจรบนมาตรฐานเดียวกันทุกศูนย์ซ่อมฯ/สาขา ในเครือวิริยะประกันภัยทั่วประเทศ  

14 Sep 2023

ECONOMY-FINANCE / เศรษฐกิจ-การเงิน

...

เอไอเอ ประเทศไทย ผู้นำด้านประกันชีวิต สุขภาพ และยูนิต ลิงค์ เปิดเวทีต้อนรับพันธมิตรด้านการลงทุนระดับโลก ในงาน “AIA Wealth Forum 2023 – Stability in Chaos” ซึ่งเอไอเอจัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยมุ่งให้ความรู้และสร้างความเข้าใจด้านการวางแผนการเงินในระยะยาว เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจทั่วโลก ให้คนไทยได้ดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคงและมีความมั่งคั่ง ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งโซลูชันด้านการเงินที่เป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์ ตามกลยุทธ์ AIA Total Wealth Solution เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการวางแผนการเงินและการลงทุนแบบครบวงจรให้กับคนไทย ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’   โดยในงานได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั้งในระดับประเทศและระดับโลกมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และอัพเดตทิศทางการลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ประกอบด้วย นายแอนดี้ บัดเด้น Investment Director จาก Capital Group และ นายเจเรมี บัตเตอร์เวิธ Vice President and Investment Strategist จาก Wellington Management ร่วมด้วย ดร.สมจินต์ ศรไพศาล ประธานสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และนายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) โดยได้ นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย เป็นประธานกล่าวเปิดงาน ร่วมด้วย นายชรีคานท์ ชรีนิวาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการลงทุนธุรกิจยูนิต ลิงค์ กลุ่มบริษัทเอไอเอ ซึ่ง AIA Wealth Forum 2023 จัดขึ้น ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17กันยายน 2566 ที่ผ่านมา นายแอนดี้ บัดเด้น Investment Director จาก Capital Group กล่าวว่า “เรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของโลกที่มีลักษณะพิเศษได้แก่ ภาวะเงินเฟ้อสูง การปรับตัวของมิติภูมิรัฐศาสตร์ และจุดสิ้นสุดของยุคดอกเบี้ยต่ำ สิ่งที่เราเคยรับรู้ว่าเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จะไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกแล้วในทศวรรษหน้า ตลอดจนวิกฤตโควิดเองนั้นไม่อาจนับว่าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นตามวัฏจักรอีกต่อไป เนื่องจากที่ผ่านมาโควิดเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตลาดโลกหยุดชะงักและพังทลายไม่เป็นชิ้นดี ส่งผลให้เกิดการเติบโตที่ไม่สอดคล้องกันของเศรษฐกิจ บางภาคอุตสาหกรรมเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่บางภาคอุตสาหกรรมกลับยังคงความแข็งแกร่ง ตัวอย่างเช่น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่ฟื้นตัวได้จากภาวะถดถอย ด้วยความรวดเร็วที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค “สำหรับแนวทางการลงทุนในยุคนี้จำเป็นต้องเน้นการลงทุนแบบยืดหยุ่น ไม่สามารถยึดติดอยู่กับการลงทุนใน “หุ้นเติบโต” (Growth stock) หรือ “หุ้นคุณค่า” (Value stock) อย่างใดอย่างหนึ่งได้ นักลงทุนควรมองถึงการเติบโตของธุรกิจ และการประเมินมูลค่าหุ้นเป็นสำคัญ มีการวิจัยเชิงลึกถึงธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุนให้ดี รวมทั้งต้องศึกษาถึงโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านทีมผู้บริหาร ผลิตภัณฑ์ รายได้ การบริหารจัดการต้นทุน ตลอดจนวิเคราะห์หุ้นเป็นรายตัว และมองหาบริษัทที่มีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์ในระยะยาวจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ” นายเจเรมี บัตเตอร์เวิธ Vice President and Investment Strategist จาก Wellington Management ได้แสดงความเห็นว่า “สภาวะทางเศรษฐกิจได้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้าง  ในยุคสมัยนี้ถ้าเราเลือกพิจารณาแค่เพียงระหว่าง "หุ้นมูลค่า” หรือ “หุ้นเติบโต" อาจทำให้ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงได้เท่าที่ควร เพราะทำให้เรามองข้ามปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญ เช่น คุณภาพ หรือโมเมนตัมของหุ้น นอกจากนี้ ข้อมูลในอดีตยังชี้ให้เห็นว่า ความเสี่ยงเฉพาะตัวของธุรกิจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบมากที่สุดต่อผลประกอบการและผลตอบแทนจากการลงทุน ดังนั้นการวิจัยอย่างถี่ถ้วนเกี่ยวกับธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุน จึงช่วยสร้างความแตกต่างได้สูงสุดด้านผลตอบแทนจากการลงทุน” “ทั้งนี้ หลักการที่แนะนำสำหรับนักลงทุนนอกเหนือไปจากการพิจารณาในเรื่องผลประกอบการแล้ว ยังควรพิจารณาถึงด้านธรรมาภิบาลของธุรกิจด้วย ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่มักมองข้ามจุดนี้ไป บริษัทที่ทำกำไรได้สูงเกินกว่าต้นทุนของเงินลงทุน มักจะมีอิสระที่จะเปิดรับแนวทางปฏิบัติในระดับโลกด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) บริษัทเหล่านี้มักนำกำไรมาลงทุนต่อเพื่อให้ความสามารถในการแข่งขันห่างจากคู่แข่งมากขึ้น พร้อมไปกับส่งเสริมด้านธรรมาภิบาล ส่งผลให้องค์กรมีความแข็งแกร่งมากขึ้นด้วยต้นทุนของเงินลงทุนที่ต่ำลงไปอีก  นำมาซึ่งผลตอบแทนในตลาดหุ้นที่ดีเหนือคู่แข่งในที่สุด” ดร.สมจินต์ ศรไพศาล ประธานสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า “จะเห็นว่าตลาดหุ้นของไทยนั้นได้ผ่านช่วงเวลาที่ผันผวนและยากลำบากมานาน โดยเฉพาะหลังจากช่วงโควิด 19 ซึ่งความไม่แน่นอนก็คงยังมีอยู่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการบริหารประเทศ และนโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยปัจจัยที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญนั้นก็คือการท่องเที่ยวและการส่งออก ซึ่งสองปัจจัยนี้ยังเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม นั่นคือจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัว แต่การส่งออกยังคงชะลอตัว เนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แข็งแกร่งอย่างที่คาดหวัง แต่โดยภาพรวมของตลาดหุ้นไทยนั้น ยังมีปัจจัยบวกหลายอย่าง เช่น การเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน และการอุปโภคบริโภคที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง “อย่างไรก็ตาม การลงทุนที่ดีนั้นต้องมีการจัดทัพลงทุนที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และมีการกระจายความเสี่ยง รวมถึงการสร้างความมั่งคั่ง สร้างกระแสเงิน และที่สำคัญคือจะต้องคุ้มครองเงินต้น และเพิ่มสภาพคล่องด้วย” ด้าน นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) เผยว่า “ณ ตอนนี้นับว่าเป็นรุ่งอรุณใหม่ของตลาดหุ้นไทย เนื่องจากได้ผ่านพ้นวิกฤตของโควิด 19 มาแล้ว อีกทั้งมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แม้ว่าจะยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยที่ยังกดดันสภาวการณ์ลงทุน ซึ่งล้วนส่งผลต่อการตัดสินใจด้านการลงทุนของเราทุกคนอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยสำหรับ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) นั้น เราเป็น บลจ. ที่มีนโยบายการบริหารเงินลงทุนแบบนักลงทุนสถาบัน เพื่อมุ่งให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว ซึ่งเราเป็น บลจ. อันดับต้น ๆ ของประเทศ โดยมีหน้าที่บริหารเงินให้กับเอไอเอ ประเทศไทย และลูกค้าที่ถือกรมธรรม์เอไอเอ ยูนิต ลิงค์   “สำหรับงาน AIA Wealth Forum นี้เป็นงานที่เราจัดมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอ ในการนำเสนอการบริการที่เหนือระดับทั้งในด้านการประกันชีวิตและการลงทุนให้กับลูกค้าทุกท่าน โดยมุ่งดูแลไม่เพียงเฉพาะด้านสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการดูแลสุขภาพทางการเงิน เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าที่ถือกรมธรรม์เอไอเอ ยูนิต ลิงค์ มีสุขภาพที่แข็งแรงรอบด้าน พร้อมเพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนด้วยการเข้าถึงการลงทุนระดับสากล ด้วยการเลือกลงทุนในกองทุน AIA Global Allocation Funds และกองทุน AIA Asset Allocation Funds ที่ได้จับมือกับพันธมิตรด้านการลงทุนระดับโลก ทั้ง BlackRock, Capital Group, Baillie Gifford และ Wellington Management เพื่อช่วยขยายศักยภาพด้านการลงทุนให้ก้าวสู่ระดับสากล ตลอดจนสามารถตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการส่งต่อความมั่นคง หรือแผนเก็บเงินยามเกษียณ ช่วยให้ลูกค้ายูนิต ลิงค์ ของเอไอเอ ประเทศไทย ได้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives” ทั้งนี้ สำหรับลูกค้าที่สนใจประกันชีวิตควบการลงทุน (เอไอเอ ยูนิต ลิงค์) สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.aia.co.th/th/our-products/unit-link.html หรือ AIA Call Center 1581 หรือติดต่อตัวแทนประกันชีวิตเอไอเอ ประเทศไทย  

26 Sep 2023


...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินยังคงตอกย้ำบทบาทในการส่งเสริมการออม ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากจูงใจให้คนไทยเก็บออมอย่างต่อเนื่อง และดูแลด้านผลตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อสร้างความมั่นคงในการดำเนินชีวิตและสังคมที่ยั่งยืนให้กับประเทศ ล่าสุดธนาคารได้จัดแคมเปญสลากออมสินเงินฝากยอดนิยมสูงสุด สลากออมสินพิเศษ 2 ปี ด้วยการเพิ่มรางวัลพิเศษมูลค่า 50 ล้านบาท 1 รางวัล สำหรับผู้ที่ฝากสลากออมสินพิเศษ 2 ปี แบบใบสลากและดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. - 30 พ.ย.2566 แคมเปญพิเศษนี้จะทำการออกรางวัลในวันที่ 1 ธ.ค.2566 และผู้ฝากยังมีสิทธิ์ลุ้นถูกรางวัลที่ 1 อีก 30 ล้านบาท รวมเป็นเงินรางวัล 80 ล้านบาท โดยผู้สนใจสามารถฝากสลากออมสินพิเศษ 2 ปี ได้ 2 ช่องทาง คือ ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ และ แอป MyMo ทั้งนี้ สำหรับผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลพิเศษ 50 ล้านบาท จะมีการมอบเงินรางวัล ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่     สลากออมสินพิเศษ 2 ปี ทั้งแบบใบสลาก และสลากดิจิทัล รับฝากบุคคลธรรมดาอายุ 7 ปีขึ้นไป และนิติบุคคลทุกประเภท หน่วยละ 100 บาท ระยะเวลาฝาก 2 ปี ฝากครบ 2 ปี ได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.80 บาท พร้อมกับเงินต้นที่ฝาก ในช่วงเวลาฝาก 2 ปี มีสิทธิ์ถูกรางวัลที่ 1 เงินรางวัล 30 ล้านบาท รวมถึงรางวัลอื่น ๆ และรางวัลเลขท้าย รวมจำนวน 24 ครั้ง กำหนดการออกรางวัลทุกวันที่ 1 ของเดือน ทั้งนี้ ธนาคารไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด พร้อมกับสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ฝากบุคคลธรรมดา ดอกเบี้ยและเงินรางวัลที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี ติดตามรายละเอียดที่ www.gsb.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115.  

23 Sep 2023

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ก่อนหน้านี้ธนาคารออมสินได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายใต้โครงการ “สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19” วงเงินรายละไม่เกิน 10,000 บาท วงเงินสินเชื่อรวม 20,000 ล้านบาท และสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 วงเงินไม่เกินรายละ 10,000 บาท วงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องชั่วคราวให้กับประชาชนที่ขาดรายได้ช่วงวิกฤติที่ผ่านมา ซึ่งในเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ขยายระยะเวลาเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถึงเดือนตุลาคม 2567 อย่างไรก็ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในระยะเพิ่งเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับค่าครองชีพมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือแก้ไขเครดิตแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ลูกหนี้บัญชี 21) ที่มีสถานะเป็น NPL ให้กลับมามีสถานะหนี้ปกติ ธนาคารออมสินจึงออกมาตรการ “ไม่คิดดอกเบี้ย ลดดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมด และนำเงินที่ชำระไปตัดเงินต้นทั้งจำนวน” สำหรับโครงการสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 โดยให้ลูกหนี้เริ่มผ่อนชำระเพียง 100 บาทต่อเดือนสำหรับงวดที่ 1-6 หลังจากนั้นงวดที่ 7-12 ผ่อนชำระ 300 บาทต่อเดือน และขยายระยะเวลาการชำระจนถึงเดือนตุลาคม 2567 จึงขอเชิญชวนลูกหนี้สินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 ลงทะเบียนสมัครเข้ามาตรการช่วยเหลือดังกล่าวได้ที่ช่องทาง MyMo หรือ www.gsb.or.th สำหรับลูกหนี้ที่ไม่มี MyMo สามารถลงทะเบียนผ่านช่องทางเว็บไซต์ธนาคาร www.gsb.or.th ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 สามารถสอบถามเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115.  

19 Sep 2023

...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดโปรโมชันร่วมงานมหกรรมประกันภัยสุดยิ่งใหญ่แห่งปี  “THAILAND INSURTECH FAIR 2023” เพิ่มโอกาสให้คนไทยได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคารมากขึ้น นำโดยสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรกเท่ากับ MRR-4.45% ต่อปี (ปัจจุบันเท่ากับ 2.45% ต่อปี) เฉลี่ย 3 ปีแรกเพียง 3.45% (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส.ในปัจจุบันเท่ากับ 6.90% ต่อปี) ค่าประเมินราคาหลักประกันอัตราพิเศษ ผ่อนชำระนานสูงสุดถึง 40 ปี ให้กู้ครอบคลุมทุกวัตถุประสงค์หลัก อาทิ ซื้อบ้าน/คอนโดมิเนียม ปลูกสร้างและรีไฟแนนซ์ โดยหลักประกันในการยื่นคำขอกู้ต้องอยู่ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการเท่านั้น จองสิทธิ์ภายในงาน ยื่นกู้ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน – 16 ตุลาคม 2566 และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 พิเศษ!! สำหรับลูกค้าสินเชื่อที่มีวงเงินทำนิติกรรมสูงสุด 5 อันดับแรก รับของสมนาคุณฟรี ดังนี้ วงเงินสูงสุดอันดับที่ 1 - 2 รับเครื่องดูดฝุ่น Robot และอันดับที่ 3 - 5 รับเครื่องชงกาแฟแบบหยดจาก Buono ทั้งนี้ภายในงานยังมีสลากออมทรัพย์ ธอส. ให้ผลตอบแทนและโอกาสถูกรางวัลสูง ประกอบด้วยชุดขาลเพิ่มพูน ปี 2566 หน่วยละ 1,000 บาท ผลตอบแทนหน้าสลาก 1.00% ต่อปี และรับผลตอบแทนผันแปร 0.15% ต่อปี รวมรับผลตอบแทนสูงสุด 1.15% ต่อปี โอกาสลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 2 ล้านบาท และรางวัลเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัวทุกงวด รวม 36 งวด ชุดพิมานมาศ Plus Phase 2 หน่วยละ 50,000 บาท ผลตอบแทนหน้าสลาก 1.25% ต่อปี พร้อมโอกาสลุ้นรางวัลที่ 1 รางวัลละ 3 ล้านบาท และรางวัลเลขท้าย 4 ตัว, 3 ตัว, 2 ตัว และ 1 ตัวทุกงวด รวม 24 งวด และชุดเกล็ดดาว พลัส หน่วยละ 5,000 บาท ผลตอบแทนหน้าสลาก 0.65% ต่อปี โอกาสลุ้นรางวัลที่ 1 มูลค่า 1 ล้านบาท และรางวัลเลขท้าย 3 ตัว, 2 ตัว และรางวัลเลขสลับเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว รวม 24 งวด จองสิทธิ์ภายในงานและซื้อสลากได้ระหว่างวันที่ 8 - 17 กันยายน 2566 ณ สาขาในจังหวัดกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการเท่านั้น (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) สำหรับลูกค้าที่จองสิทธิ์และซื้อสลากออมทรัพย์ จำนวนเงินตั้งแต่ 5 แสนบาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาทต่อรายการ จะได้รับบัตร Starbucks มูลค่า 150 บาท จำนวน 1 ราย ต่อ 1 ใบ ต่อผลิตภัณฑ์ และซื้อจำนวนเงินมากกว่า 2 ล้านบาทขึ้นไปต่อรายการ จะได้รับเซ็ตกล่องสำหรับใส่อาหาร Super Lock มูลค่า 699 บาท จำนวน 1 ราย ต่อ 1 ชุด ต่อผลิตภัณฑ์ หรือจนกว่าของสมนาคุณจะหมด ทั้งนี้ งาน THAILAND INSURTECH FAIR 2023 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 - 10 กันยายน 2566 เวลา 9.00 – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th

09 Sep 2023

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ภายใต้ภารกิจธนาคารเพื่อสังคม ธนาคารออมสินมุ่งมั่นปลูกฝังการออมอย่างมีคุณค่าต่อเนื่อง ด้วยการกระตุ้นการฝากเงินรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการใช้กระปุกออมสินเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงการออมเงิน ที่ได้สร้างค่านิยมการเก็บออมมาอย่างยาวนาน และยังเป็นของที่ระลึกจากธนาคารออมสินที่ลูกค้าจดจำ เพื่อให้กระปุกออมสินเป็นตัวแทนการประหยัดเก็บออมตลอดไป ธนาคารออมสินจึงได้จัดกิจกรรมให้เยาวชนจนถึงประชาชนทั่วไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นให้ตระหนักถึงการออมเงิน ในวาระวันออมแห่งชาติ วันที่ 31 ต.ค. 2566 ที่จะถึงนี้ โดยจัดการประกวดออกแบบกระปุกออมสินด้วยความคิดสร้างสรรค์ตามจินตนาการในหัวข้อ “กระปุกออมสินเพื่อความยั่งยืน” ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวม 391,000 บาท การประกวดแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทกระปุกสวยงาม และ ประเภทกระปุกนวัตกรรมสร้างสรรค์ เปิดกว้างสำหรับผู้เข้าประกวดตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ระดับอุดมศึกษาหรือเทียบเท่า และบุคคลทั่วไป สร้างสรรค์ผลงานที่สื่อให้เห็นถึงการเก็บออมเงินเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับชีวิต ซึ่งผลงานการออกแบบที่ได้รับรางวัลรวมถึงผลงานที่ส่งเข้าประกวด ธนาคารจะนำไปพิจารณาเพื่อผลิตกระปุกออมสินในโอกาสต่าง ๆ ต่อไป ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์เงื่อนไขการผลิตผลงาน การส่งผลงาน และดาวน์โหลดใบสมัคร ได้ที่ www.gsb.or.th จากนั้นส่งใบสมัครและผลงานเข้าประกวดได้ทางอีเมล gsbkapookcontest@gsb.or.th หรือส่งผลงานด้วยตนเองที่ ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ อาคาร 3 ชั้น 5 ฝ่ายสื่อสารองค์กร ได้ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. – 16 ต.ค. 2566 สำหรับ การตัดสินผลงานจะมีขึ้นในวันที่ 19 ต.ค. 2566 และประกาศผลการตัดสินวันที่ 20 ต.ค. 2566 ทาง www.gsb.or.th และ Facebook : GSB Society โดยผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศในแต่ละประเภท ธนาคารจะเชิญมารับรางวัลในงานวันออมแห่งชาติ วันที่ 27 ต.ค. 2566 ณ หอประชุมบุรฉัตร ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่.  

09 Sep 2023

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ก่อนหน้านี้ธนาคารออมสินได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายใต้โครงการ “สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19” วงเงินรายละไม่เกิน 10,000 บาท วงเงินสินเชื่อรวม 20,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องชั่วคราวให้กับประชาชนที่ขาดรายได้ช่วงวิกฤติที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในระยะเพิ่งเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับค่าครองชีพมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือแก้ไขเครดิตแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ลูกหนี้บัญชี 21) ที่มีสถานะเป็น NPL ให้กลับมามีสถานะหนี้ปกติ ธนาคารออมสินจึงออกมาตรการ “ไม่คิดดอกเบี้ย ลดดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมด และนำเงินที่ชำระไปตัดเงินต้นทั้งจำนวน” โดยให้ลูกหนี้เริ่มผ่อนชำระเพียง 100 บาทต่อเดือนสำหรับงวดที่ 1-6 หลังจากนั้นงวดที่ 7-12 ผ่อนชำระ 300 บาทต่อเดือน และขยายระยะเวลาการชำระจนถึงเดือนตุลาคม 2567 จึงขอเชิญชวนลูกหนี้สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ลงทะเบียนสมัครเข้ามาตรการช่วยเหลือได้ที่ช่องทาง MyMo หรือ www.gsb.or.th สำหรับลูกหนี้ที่ไม่มี MyMo สามารถลงทะเบียนผ่านช่องทางเว็บไซต์ธนาคาร www.gsb.or.th ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 สามารถสอบถามเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115.  

26 Aug 2023

...

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ EXIM BANK มีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 20,068 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จำนวน 5,869 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 161,216 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,708 ล้านบาท หรือ 5.02% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดคงค้างสินเชื่อเพื่อการลงทุน 117,133 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นยอดคงค้างสินเชื่อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 45,544 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 28.25% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด เพิ่มขึ้น 4.55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งนับเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน โลจิสติกส์ และภาคอุตสาหกรรมของประเทศ โดยเฉพาะการสนับสนุนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Economy) สำหรับการพาธุรกิจไทยขยายการค้าการลงทุนไปตลาดต่างประเทศ ทำให้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 EXIM BANK มียอดคงค้างสินเชื่อโครงการระหว่างประเทศทั้งสิ้น 60,464 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2 ของปี 2566 มีสินเชื่อคงค้างในกลุ่ม CLMV และ New Frontiers 49,435 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 30.66% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด   นายรักษ์ กล่าวด้วยว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก EXIM BANK เร่งเสริมสร้างความมั่นใจและภูมิคุ้มกันความเสี่ยงแก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทย ผ่านบริการประกันการส่งออกและการลงทุน โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจด้านการรับประกันการส่งออกและการลงทุนเท่ากับ 96,409 ล้านบาท การมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการทั้งด้านสินเชื่อและประกันของ EXIM BANK ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 มีจำนวนลูกค้า 6,260 ราย เพิ่มขึ้นถึง 14.32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในจำนวนนี้เป็นลูกค้า SMEs มากถึง 84.07% สะท้อนการให้ความสำคัญและอยู่เคียงข้าง SMEs ไม่ทิ้งคนตัวเล็ก ดูแลช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลกยุคใหม่ ภายใต้มาตรฐานการค้าโลกที่สูงขึ้น สำหรับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีจำนวน 5,861 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 เท่ากับ 3.64% และมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) จำนวน 13,509 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 230.47% ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 EXIM BANK มีกำไรก่อนสำรอง 1,591 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.62% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นายรักษ์ กล่าวว่า ในครึ่งหลังของปี 2566 EXIM BANK ยังคงขับเคลื่อนการพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วยการมุ่งเสริมสร้างธุรกิจ ESG อย่างต่อเนื่อง ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงตามความต้องการ เช่น สินเชื่อ EXIM Green Start กระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ยกระดับธุรกิจให้พร้อมเข้าสู่มาตรฐานสิ่งแวดล้อม ร่วมบรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกและพลิกโฉมภาคการส่งออกไทยให้แข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดย EXIM BANK เป็นสถาบันการเงินที่เริ่มนำวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมของร่าง Thailand Taxonomy มาปรับใช้ในการพิจารณาสินเชื่อเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของประเทศ อีกทั้งยังมุ่งมั่นเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนและเครื่องมือ/นวัตกรรมทางการเงินอย่างครบวงจร (Total Solution) ตอกย้ำบทบาท Green Development Bank มุ่งยกระดับศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจไทยในตลาดโลกอย่างยั่งยืน  

26 Aug 2023

BUSINESS-MARKETING / ธุรกิจ-การตลาด-ขายตรง-SME

...

นายธศพงษ์ รังควร ผู้บริหารสูงสูดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ประเทศญี่ปุ่นเปิดให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้าประเทศได้ ส่งผลให้ยอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี ทุกประเภท ตั้งแต่ต้นปี 2566 เติบโตสูงขึ้นถึง 53% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะจำนวนบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท บัตรระดับสูงสุดของค่ายเจซีบีมีจำนวนผู้สนใจสมัครบัตรเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคม 2565 ปัจจุบันเคทีซีมีจำนวนบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท รวม 49,000 ใบ นอกจากนี้ พฤติกรรมการใช้จ่ายของสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี ส่วนใหญ่จะนิยมใช้จ่ายผ่านบัตรที่ประเทศญี่ปุ่น และในเดือนตุลาคมของทุกปี สมาชิกจะวางแผนเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นช่วงปิดภาคเรียน เคทีซีจึงได้ร่วมมือกับเจซีบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด รวบรวมพันธมิตรร้านค้ายอดนิยมของสมาชิกคนไทยที่ประเทศญี่ปุ่น มอบสิทธิพิเศษเหนือระดับให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี ทุกประเภท อาทิ ร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในบ้าน รับส่วนลดทันที 5% และรับภาษีคืน 10% เมื่อใช้จ่ายครบตามกำหนด ที่ บิ๊ก คาเมร่า (Big Camera) / แอร์ บิ๊ก คาเมร่า (Air Big Camera) / ซอฟแมพ (Sofmap) / โคจิมะ (Kojima) / เอดิออน (Edion) /    โจชิน (Joshin) / ยามาดะ (Yamada) และเบสท์ เดนคิ (Best Denki) ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2566 – 31 มีนาคม 2567 ตึกม่วงทาเคยะ โตเกียว (Takeya Tokyo) รับส่วนลด 10% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ขั้นต่ำ 5,000 เยน (ส่วนลดสูงสุด 10,000 เยน) ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2566 – 31 มีนาคม 2567 โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) รับส่วนลด 30% สำหรับบัตรเข้าชมจุดชมวิว Main Deck (150 เมตร) ระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 – 30 เมษายน 2567   นอกจากนี้ เคทีซียังได้จัดเตรียมโปรโมชันสุดเอ็กซ์คลูซีฟตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี อัลติเมท สำหรับการใช้จ่ายในประเทศไทย อาทิ ส่วนลด 40% สำหรับชุดน้ำชายามบ่าย (Afternoon Tea) ที่ ดิ ออเธอร์ส เลาจน์ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2566 – 31 ธันวาคม 2566 รวมถึงส่วนลดสูงสุด 10% ที่ร้านอาหารโอมากาเสะและร้านระดับไฟน์ ไดน์นิ่งที่ร่วมรายการ (ศึกษารายละเอียดได้ที่  https://www.ktc.co.th/jcb-promotion) ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE โทรศัพท์ 02 123 5000 หรือติดตามโปรโมชันของเคทีซี เจซีบี ได้ที่  https://www.ktc.co.th/jcb-promotion สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เจซีบี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.cards/apply-jcb-web   หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ   

21 Sep 2023


...

บาร์เทอร์คาร์ด ประเทศไทย (Bartercard Thailand) ผู้นำแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแบบไร้เงินสด จัดกิจกรรมเพื่อสังคมประจำปี ด้วยแนวคิด Pay It Forward “ให้โอกาส” กับตัวเอง ในการ “สร้างการเปลี่ยนแปลง” ให้กับธรรมชาติ นำโดย นางสาวเรวดี วัฏฏานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมด้วยพนักงานบาร์เทอร์คาร์ด ประเทศไทย ร่วมด้วย โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาขุนด่านปราการชล โดยนายจักราวุธ สุนทรวิภาต ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาขุนด่านปราการชล ได้ให้การสนับสนุนในด้านสถานที่และอุปกรณ์ กิจกรรมจัดขึ้น ณ เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก     Pay It Forward เกิดขึ้นจากแนวความคิดของการให้และการสร้างความดี เราทุกคนสามารถสร้างโลกให้น่าอยู่ได้ สามารถช่วยเหลือผู้คนรอบข้างได้ โดยเริ่มได้จากตัวเราเอง เมื่อเกิดการให้ มีผู้ให้ มีผู้รับ ก็จะเกิดการส่งต่อให้แก่ผู้อื่นต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อมีโอกาส การทำความดีก็จะเพิ่มขึ้นทวีคูณไม่สิ้นสุด และสามารถเปลี่ยนแปลงโลกไปในทิศทางที่ดีได้ กิจกรรม Pay It Forward จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้พนักงานบาร์เทอร์คาร์ด ประเทศไทย ได้ริเริ่มสร้างโอกาสให้เกิดการเปลี่ยนแปลง กิจกรรมครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมการแบ่งปันซึ่งกันและกัน ประกอบด้วย 3 ส่วน ดังนี้ การสร้างโอกาสเพิ่มพื้นที่สีเขียว ด้วยการยิงเมล็ดพันธ์พืช เพื่อให้เติบโตเป็นผืนป่าต่อไป การสร้างโอกาสในการขยายระบบนิเวศ ด้วยการปล่อยปลาที่เหมาะสมกับพื้นที่ และเพื่อสร้างอาชีพให้ชาวบ้าน การส่งต่อเรื่องราวดี ๆ ในแนวคิด “Pay It Forward Experience” ซึ่งส่วนนี้ถือว่าเป็นไฮไลท์ของกิจกรรมครั้งนี้ พนักงานที่เข้าร่วมกิจกรรมจะเลือกเรื่องราวดีๆ ที่ตนเองได้รับมาและส่งต่อ มาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ ได้เกิดความประทับใจไปด้วยกัน นางสาวเรวดี วัฏฏานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บาร์เทอร์คาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า อยากให้กิจกรรมที่เราได้ทำในครั้งนี้เป็นสื่อกลางส่งต่อให้ทุกคนได้ร่วมสัมผัสถึงความหมายของ Pay it forward อย่างแท้จริงว่า การส่งต่อความดีนี้เริ่มได้จากเรื่องใกล้ตัว และเราทุกคนสามารถส่งต่อความดีได้อยู่เสมอ “ขณะที่เราช่วยเหลือใครบางคน อาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงโลกทั้งใบ แต่ก็ช่วยเปลี่ยนโลกของใครคนนั้นได้” ติดตามกิจกรรมต่อไปหรือสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมของ Bartercard Thailand ได้ที่ โทร. 02-024-1000 และ Facebook: Bartercard Thailand หรือ เว็บไซต์ https://www.bartercard.co.th    

27 Aug 2023

...

เคทีซิเดินเกมการตลาดประชิดกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินเชื่อ จับมืออินฟลูเอนเซอร์ พร้อมผลิตคลิปวีดีโอ 10 เวอร์ชั่นรวด สื่อสารรัวๆ ปูพรมผ่านออนไลน์และโซเชียลมีเดียยอดฮิต หวังเป็นหัวหอกสร้างการจดจำ “นึกถึงสินเชื่อทะเบียนรถ นึกถึงเคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ตอกย้ำจุดแข็งโดนใจลูกค้า ด้วยวงเงินก้อนใหญ่ ไปหาถึงที่ อนุมัติไว รับเงินทันที เอกสารน้อย อาชีพอะไรก็ได้ ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน พร้อมให้บัตรกดเงินสดที่ครบการใช้งาน ทั้งรูด-โอน-กดเงิน เพื่อความสะดวก อุ่นใจยามฉุกเฉิน ไม่มีค่าธรรมเนียม นางสาวเรือนแก้ว  เกษมสวัสดิ์ศรี  ผู้บริหารสูงสุด สายงานสินเชื่อรถยนต์  “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า “กลยุทธ์ในการรุกธุรกิจสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ช่วงครึ่งปีหลัง จะมุ่งสร้างการรับรู้เพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อให้มากที่สุด โดยตั้งเป้าหมายจะมียอดอนุมัติสินเชื่อเพิ่ม 9,000 ล้านบาท เราจึงได้ทำการสำรวจพฤติกรรมการใช้ชีวิตของลูกค้า เพื่อศึกษาความเป็นได้ในการสื่อสารและเข้าถึง โดยพบว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงานเพื่อหารายได้ เนื่องจากต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ และมักใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์ เราจึงวางแผนสื่อสารการตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยจับมืออินฟลูเอนเซอร์สายการเงิน ไลฟ์สไตล์และบันเทิง สื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียยอดฮิต พร้อมผลิตคลิปวีดีโอชุดใหญ่รวม 10 เวอร์ชั่นด้วยกัน เน้นการสื่อสารที่ชัดเจน สั้นกระชับ ตรงไปตรงมา และตอกย้ำจุดขายของผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างการจดจำ “นึกถึงสินเชื่อทะเบียนรถ นึกถึงเคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” และปิดท้ายให้ผู้ชมตัดสินใจติดต่อใช้บริการ โดยได้เผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียยอดนิยมที่มีผู้ใช้จำนวนมาก อาทิ ยูทูป (Youtube) เฟสบุ๊ค (Facebook) ติ๊กต็อก (TikTok)  ไลน์แอด (LINE Ad) กูเกิลแอด (Google Ad) ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีผลตอบรับ (Engagement) ที่น่าพอใจ”   “สำหรับจุดแข็งของผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” ที่แตกต่างจากตลาดก็คือ การให้วงเงินก้อนใหญ่ ไปหาถึงที่ อนุมัติไว รับเงินทันที เอกสารน้อย ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน อาชีพอะไรก็กู้ได้ นอกจากนี้ สมาชิกยังจะได้รับบัตรกดเงินสด      เคทีซี พี่เบิ้ม ไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็นการรูดชำระค่าสินค้า โอนเงินและกดเงิน โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม หากไม่ได้ใช้งาน ในส่วนของการสื่อสารผ่านช่องทาง Youtube จะนำเสนอคลิปวีดีโอสั้นรวม 5 เวอร์ชั่น ความยาวเรื่องละ 30 วินาที โดยเนื้อหาเลียนแบบรายการเกมโชว์ดัง ที่เน้นความเพลิดเพลินเพื่อให้ผู้ชมคลายเครียด และใช้เสียงเพลงในการย้ำจุดขายของผลิตภัณฑ์เพื่อให้จดจำง่าย สำหรับการสื่อสารผ่านช่องทาง TikTok จะเป็นชุดคลิปวีดีโอความยาวระหว่าง 30 วินาที – 1.30 นาที รวม 5 เวอร์ชั่น คลิกชมตัวอย่างคลิปวีดีโอใน YouTube และ TikTok https://youtu.be/jFTW_Vaehm4   https://youtu.be/STQQRzJM6gg  https://vt.tiktok.com/ZSLaBjvgH/  https://vt.tiktok.com/ZSLac7yDK/ หรือติดตามชมผ่านเพจเฟสบุ๊ค: KTC พี่เบิ้ม รถแลกเงิน https://www.facebook.com/ktcpberm” สมัครสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” คลิก https://ktc.cards/oal หรือติดต่อโทร. 02 123 5300  ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือผู้แนะนำผลิตภัณฑ์เคทีซีทั่วประเทศ นอกจากนี้ ผู้ขอสินเชื่อยังสามารถเลือกได้ว่าจะมาขอคำปรึกษากับเคทีซี พี่เบิ้ม ที่จุดบริการ “เคทีซี ทัช” ทุกสาขา หรือใช้บริการพี่เบิ้ม เดลิเวอรี (P BERM Delivery) เพื่อให้ทีมงานเดินทางไปรับสมัครถึงที่บ้าน

09 Aug 2023

...

EXIM BANK ปรับกลยุทธ์สายงานธุรกิจ SMEs ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 เน้นทำงานเชิงรุกด้วยกลยุทธ์ "รับมือ ช่วยเหลือ เติมกำลังใจ" สานพลังกับหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและเอกชนในการแสวงหาลูกค้าใหม่ เยี่ยมเยียนและเช็กสุขภาพลูกค้าเดิม เติมเงินทุน ออกผลิตภัณฑ์การเงินที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า บริหารความเสี่ยงในทุกมิติอย่างเหมาะสม มุ่งยกระดับประสิทธิภาพของภาคธุรกิจตลอดทั้ง Supply Chain อย่างเป็นมืออาชีพ โดยสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงและมีความท้าทายรอบด้าน     ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) มอบนโยบายและประชุมร่วมกับผู้บริหารและพนักงานสาขาและธุรกิจ SMEs ของ EXIM BANK ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2566 โดยบอกเล่าภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันว่า จากจำนวน SMEs ไทยกว่า 3 ล้านราย ในจำนวนนี้มีเพียง 1 ล้านรายเท่านั้นที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ และกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) จำนวน 7.4% และมีบริษัทอีกจำนวนหนึ่งที่แม้ยังไม่ปิดกิจการแต่เริ่มมีสัญญาณที่จะไม่สามารถชำระหนี้ได้หรือที่เรียกว่า Zombie Firms และหากสถานการณ์เศรษฐกิจยังคงอึมครึมเช่นนี้ คาดว่าในสิ้นปีนี้ จำนวน NPLs และ Zombie Firms จะเพิ่มสัดส่วนขึ้นอีก ดังนั้น EXIM BANK จึงต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้ "รบอย่างมีกลยุทธ์" ช่วยผู้ประกอบการ SMEs ต่อสู้กับความท้าทายและความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย อีกทั้งยังเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น โดยดูแลทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่อย่างเต็มที่ และนำเสนอทางแก้ไขปัญหาธุรกิจอย่างครบวงจร (Total Solutions) ภายใต้บทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า ท่ามกลางปัจจัยท้าทายต่าง ๆ นโยบายของ EXIM BANK ต่อลูกค้า SMEs คือ การ 'รับมือ ช่วยเหลือ เติมกำลังใจ' โดยเจ้าหน้าที่ EXIM BANK ต้องออกเยี่ยมลูกค้า SMEs ทุกราย เพื่อตรวจเช็กสุขภาพธุรกิจและสอบถามความต้องการที่จะให้ EXIM BANK ช่วยเหลือ โดยเฉพาะลูกค้าที่เก่งและดี EXIM BANK พร้อมสนับสนุนการขยายธุรกิจและให้วงเงินสินเชื่อเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม การให้สินเชื่อต้องอยู่บนหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง เงื่อนไขและหลักประกันเหมาะสม มีการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุม มุ่งยกระดับประสิทธิภาพของภาคธุรกิจตลอดทั้ง Supply Chain อย่างเป็นมืออาชีพ ทั้งนี้ EXIM BANK จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ สำหรับลูกค้า SMEs อย่างต่อเนื่องโดยสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า นำผลที่ได้รับจากออกไปเยี่ยมเยียนลูกค้ามาวิเคราะห์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้สอดคล้องกัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำการตลาดของธนาคารในการเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่และสนับสนุนช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเดิมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างโอกาสในการเข้าถึงและสนับสนุน SMEs ไทยที่มีศักยภาพให้เติบโตและขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออกและเศรษฐกิจไทยในปี 2566

06 Aug 2023

...

นายณัฐสิทธิ์ สุนทราณู ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ความต้องการผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าของคนไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เคทีซีจึงต้องการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี โดยคัดสรรสิทธิพิเศษเพื่อให้สมาชิกได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้จ่ายที่คุ้มค่า ซึ่งล่าสุดได้ร่วมกับบริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด จัดแคมเปญช้อปท้าฝนให้กับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี เมื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พาวเวอร์บาย ทุกสาขา สามารถผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน และนำคะแนน KTC FOREVER ที่ไม่มีวันหมดอายุ มาแลกรับส่วนลดเพิ่มได้สูงสุดถึง 18% พร้อมรับความคุ้มค่าทุกการใช้จ่ายถึง 3 คุ้ม คุ้มที่ 1 รับส่วนลดทันทีสูงสุด 15% (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ) คุ้มที่ 2 ใช้คะแนน KTC FOREVER เริ่มต้นเพียง 1,000 คะแนน แลกรับส่วนลดเพิ่มทันทีสูงสุด 18% ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และแลกรับส่วนลดเพิ่มทันทีสูงสุด 15% ในวันอื่นๆ คุ้มที่ 3 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 25,000 บาท สำหรับรายการผ่อนชำระ  หรือรับคะแนนพิเศษสูงสุด 25,000 คะแนน สำหรับรายการชำระเต็มจำนวนต่อสมาชิกบัตรตลอดรายการ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรฯตามกำหนด ในระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 – 31 สิงหาคม 2566 โดยคาดว่าการจัดแคมเปญในครั้งนี้ จะมีสมาชิกบัตรฯ นำคะแนน KTC FOREVER แลกกว่า 20 ล้านคะแนน” ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือเว็บไซต์ www.ktc.co.th สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์ https://ktc.today/apply-card

13 Jul 2023

...

SME D Bank จับมือ ศศินทร์ เผยผลสำรวจดัชนีเชื่อมั่น SMEs ประจำไตรมาส 2/2566 ปรับขึ้นเล็กน้อย อานิสงส์เทศกาลสงกรานต์กระตุ้นท่องเที่ยวคึกคัก ส่วนแนวโน้ม 3 เดือนข้างหน้า กลับลดลง จากความกังวลลูกค้าจับจ่ายน้อยลง และเข้าช่วง Low Season เผยการปรับค่าแรงครั้งล่าสุด ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบระดับปานกลาง ระบุอยากให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ด้าน SME D Bank ประกาศพร้อมช่วยเต็มที่ พาเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลยกระดับธุรกิจ  ดันแคมเปญ เติมทุน มี Cash Back ลดภาระดำเนินธุรกิจ          นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เผยว่า  “ศูนย์วิจัยและข้อมูล ธพว.”  ร่วมกับ “ศูนย์วิจัยและให้คำปรึกษา” สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำ “ผลสำรวจความเชื่อมั่น SMEs ต่อเศรษฐกิจและธุรกิจ ไตรมาส 2/2566 และคาดการณ์อนาคต”  จากการสำรวจผู้ประกอบการ SMEs จำนวนกว่า 500 ตัวอย่างทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกประเภทอุตสาหกรรม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและธุรกิจของ SMEs ในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ระดับ 65.90 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (1/2566)  ซึ่งอยู่ในระดับ 65.09  จากปัจจัยการจับจ่ายใช้สอยคึกคักในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้ง มีความคาดหวังต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายหลังการเลือกตั้ง ส่วนแนวโน้มความเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้า SMEs  มีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและธุรกิจ อยู่ที่ระดับ 65.61 ลดลงจากเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ที่อยู่ระดับ 66.76 เนื่องจากปัจจัยเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วง Low Season ของการท่องเที่ยว มีแนวโน้มที่ลูกค้าจะจับจ่ายน้อยลง นอกจากนี้ เพื่อประโยชน์ในเชิงนโยบายที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน SME D Bank ได้ศึกษาผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเมื่อตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา พบว่า  SMEs จำนวนร้อยละ 39.80 จ่ายค่าแรงสูงกว่าเกณฑ์ค่าแรงขั้นต่ำที่ประกาศใช้เมื่อตุลาคม 2565 อยู่แล้ว โดยเป็นผู้ประกอบการขนาด Medium เป็นหลัก  ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 60.20 จำเป็นต้องมีการปรับค่าแรงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มขนาด Micro ร้อยละ 63.12 และขนาด Small ร้อยละ 72.27 ส่วนขนาด Medium มีเพียงร้อยละ 5 เท่านั้นที่ต้องปรับขึ้น  ขณะที่ SMEs ในพื้นที่ภาคอีสาน มีสัดส่วนต้องปรับค่าแรงขึ้นมากสุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 81.11  เมื่อถามถึงผลกระทบที่จะได้รับ จำนวนร้อยละ 85.31 ระบุว่า ได้รับผลกระทบทางลบ โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 52.98 ได้รับผลกระทบระดับปานกลาง  ส่วนร้อยละ 9.93  ได้รับผลกระทบมาก ในทางกลับกัน SMEs จำนวนหนึ่งเห็นถึงข้อดีของการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทั้งนี้ SMEs มีแนวทางในการปรับตัวเพื่อรับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยร้อยละ 97.35 จะลดต้นทุนในส่วนอื่น ๆ ร้อยละ 70.86 ขึ้นราคาสินค้าและบริการ และร้อยละ 21.85 เปลี่ยนไปจ้างแรงงานต่างด้าวที่ค่าจ้างต่ำทดแทน ขณะที่ ความช่วยเหลือที่ต้องการจากภาครัฐ ได้แก่ การลดภาษีและค่าธรรมเนียมอื่นๆ ทดแทน สูงที่สุดถึงร้อยละ 93.38  ตามด้วย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ร้อยละ 76.82 เพื่อช่วยชดเชยผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ด้านผลสำรวจสิ่งที่ SMEs ต้องการได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ในปี 2566 นั้น ในส่วนการตลาด กลุ่มขนาด Micro ส่วนใหญ่ร้อยละ 74.78 ต้องการมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายในประเทศ ในขณะที่กลุ่มขนาด Small ส่วนใหญ่ร้อยละ 61.86 ต้องการผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาแนะนำ และกลุ่ม Medium ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.33 ต้องการสนับสนุนเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ  ด้านเทคโนโลยี กลุ่มขนาด Micro ส่วนใหญ่ ร้อยละ 84.96 อยากได้การสนับสนุนแบบร่วมจ่าย (Co-payment) เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการลงทุนเทคโนโลยี  ในขณะที่ ขนาด Small และ Medium  ส่วนใหญ่ ร้อยละ 67.44 และร้อยละ 58.33 ต้องการให้สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการ และด้านบริหารจัดการต้นทุน SMEs ส่วนใหญ่ทุกกลุ่ม ร้อยละ 91.22 ต้องการให้ภาครัฐ ลด ตรึง อุดหนุนค่าพลังงาน  และร้อยละ 52.50 อยากให้สนับสนุนการติดตั้งพลังงานทางเลือกเพื่อลดต้นทุนพลังงาน     นางสาวนารถนารี   กล่าวสรุปว่า จากผลสำรวจที่ความเชื่อมั่นปัจจุบันเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และคาดการณ์ในอนาคต กลับลดลง สะท้อนว่า SMEs ยังมีความกังวลต่อสถานการณ์ในการดำเนินธุรกิจจากปัจจัยความไม่แน่นอนรอบตัว และปัจจัยกำหนดความเชื่อมั่นของ SMEs ล้วนเป็นปัจจัยระยะสั้น ซึ่งส่งผลให้ SMEs ยังขาดความมั่นใจที่จะลงทุนขยายธุรกิจ โดย SMEs ยังคงกังวลต่อภาระต้นทุนธุรกิจที่คาดจะเพิ่มขึ้นในอนาคต จากค่าพลังงาน และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ดังนั้น SMEs จึงต้องการให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือเพื่อลดต้นทุนธุรกิจ หรือสนับสนุนในการเข้าถึงหรือใช้เทคโนโลยี เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจ ทั้งนี้ SME D Bank ได้จัดเตรียมแนวทางช่วยเหลือด้านการเงินควบคู่การพัฒนา เพื่อจะตอบความต้องการของ SMEs ได้ครบถ้วนที่สุด โดยด้านการเงิน มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อ เช่น “BCG Loan” เพื่อนำไปยกระดับปรับเปลี่ยนเครื่องจักรหรือลงทุนเทคโนโลยีพลังงานทางเลือก ช่วยลดต้นทุน วงเงินกู้สูงสุดถึง 50 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุดถึง 15 ปี  อีกทั้ง สำหรับลูกค้าใหม่ จะได้สิทธิลดภาระค่าใช้จ่าย หากยื่นกู้และใช้วงเงิน 1 ล้านบาท ถึง 50 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนกันยายน 2566 ได้รับ Cash Back ค่าประเมินหลักทรัพย์ค้ำประกัน มูลค่าสูงสุด 30,000 บาทต่อราย  ขณะที่ด้านการพัฒนา  สนับสนุนผ่านการดำเนินโครงการ SME D Coach  โดยมีเครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ ช่วยเสริมศักยภาพธุรกิจ เช่น เครื่องมือ  Business Health Check ช่วยให้  SMEs เข้าใจศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจได้ดีขึ้น สามารถบริหารจัดธุรกิจ ควบคุมต้นทุนการผลิตได้เหมาะสม ช่วยให้ลดต้นทุนธุรกิจได้ อีกทั้ง บริการให้คำปรึกษาแนะนำธุรกิจโดยโค้ชมืออาชีพ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ  

29 Jun 2023

...

เคทีซีเปิดตัวสินเชื่อน้องใหม่ “สินเชื่อทะเบียนรถบิ๊กไบค์ เคทีซี พี่เบิ้ม” เจาะกลุ่มเจ้าของบิ๊กไบค์ 5 แบรนด์ชั้นนำ ที่ต้องการสินเชื่อ ชูจุดแข็งให้วงเงินสูงสุด 7 แสนบาท อนุมัติใน 1 ชั่วโมง รับเงินทันที พร้อมฟรีประกันอุบัติเหตุ และอัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 21.5% หวังช่วยกระตุ้นยอดอนุมัติสินเชื่อเข้าพอร์ต นางสาวเรือนแก้ว  เกษมสวัสดิ์ศรี  ผู้บริหารสูงสุด สายงานสินเชื่อรถยนต์  “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กลยุทธ์การตลาดสินเชื่อ เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ในปีนี้ จะเน้นสร้างการรับรู้เพื่อขยายพอร์ตสินเชื่ออย่างต่อเนื่องให้มากที่สุด โดยตั้งเป้าหมายจะมียอดอนุมัติสินเชื่อเพิ่ม 9,000 ล้านบาท ด้วยผลิตภัณฑ์หลักคือ สินเชื่อทะเบียนรถยนต์และสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ พร้อมรับบัตรกดเงิน “เคทีซี พี่เบิ้ม” “โดยล่าสุด เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน ได้เปิดตัวสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ซึ่งเป็นสินเชื่อแบบผ่อนชำระรายงวด เจาะกลุ่มเจ้าของรถบิ๊กไบค์ 5 แบรนด์ ที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี ได้แก่ ฮอนด้า คาวาซากิ ซูซุกิ ยามาฮ่าและเวสป้า เพียงใช้เล่มทะเบียนรถฯ มายื่นขอสินเชื่อเป็นหลักประกัน โดยไม่จำเป็นต้องโอนเล่ม ไม่ต้องเปลี่ยนชื่อเจ้าของ และยังสามารถนำสำเนาทะเบียนรถไปติดต่อหน่วยงานราชการ เพื่อต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ หรือต่อประกันภัยรถยนต์ได้ตามปกติ” “สำหรับจุดแข็งของสินเชื่อทะเบียนรถบิ๊กไบค์ เคทีซี พี่เบิ้ม ที่เหนือกว่าคือ การให้วงเงินสินเชื่อสูงสุด 7 แสนบาท รู้ผลอนุมัติภายใน 1 ชั่วโมง พร้อมรับเงินทันที ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 21.5% สำหรับรถ 400 CC. ขึ้นไป และอัตราดอกเบี้ย 24% สำหรับรถ 250-399 CC พิเศษ แถมฟรีประกันอุบัติเหตุจากกรุงไทยพาณิชย์ประกันภัย ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2566 นอกจากนี้ ผู้ขอสินเชื่อยังสามารถเลือกได้ว่าจะมาขอคำปรึกษากับเคทีซี พี่เบิ้ม ที่จุดบริการ “เคทีซี ทัช” ทุกสาขา หรือใช้บริการพี่เบิ้ม ดิลิเวอรี่  (P’ Berm Delivery) เพื่อให้ทีมงานของเคทีซี พี่เบิ้ม เดินทางไปรับสมัครถึงที่บ้าน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2123-5300 สมัครสินเชื่อเคทีซี พี่เบิ้ม คลิก สินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์ KTC พี่เบิ้ม - สินเชื่อทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์”

08 Jun 2023

ราชการ - รัฐวิสาหกิจ / ENERGY - พลังงาน

...

กบข. เตรียมเงินจ่ายคืนสมาชิกเกษียณอายุราชการปีนี้ 2.7 หมื่นล้านบาท พร้อมจ่ายเงินคืนได้ภายใน 7 วันทำการหลังเอกสารถูกต้องครบถ้วน พร้อมเสนอทางเลือก “ออมต่อ” ให้ กบข. บริหารเงินลงทุนให้ต่อเนื่องหลังจากเกษียณอายุราชการ โดยมีสมาชิกให้ความสนใจเพิ่มขึ้นทุกปี ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)  เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 กันยายน 2566 มีสมาชิก กบข. ที่จะเกษียณอายุราชการ จำนวน 21,223 ราย และ กบข. ได้เตรียมเงินสำหรับจ่ายคืนให้กับสมาชิกที่สิ้นสุดสมาชิกภาพและทำเรื่องขอรับเงินคืน ประมาณ 27,000 ล้านบาท โดย กบข. ได้คาดการณ์ยอดเงินที่สมาชิกจะได้รับเฉลี่ยประมาณ 1.3 ล้านบาทต่อราย ซึ่งจะสามารถดำเนินการจ่ายเงินคืนสมาชิกภายใน 7 วันทำการ หลังจากที่ กบข. ได้รับเอกสารที่ครบถ้วนถูกต้อง และประกาศเกษียณอายุราชการมีผลบังคับใช้ ดร.ศรีกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า  สมาชิก กบข. ที่จะเกษียณอายุราชการ หากยังไม่มีแผนใช้เงินก้อน สามารถพิจารณาใช้บริการออมต่อกับ กบข. ได้ เพื่อให้ กบข. บริหารเงินลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้อย่างต่อเนื่อง โดยจากสถิติมีจำนวนอดีตสมาชิกสนใจใช้บริการออมต่อเพิ่มขึ้นทุกปี ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 66 มีอดีตสมาชิกที่ยังใช้บริการออมต่อจำนวน 6,230 ราย และมีการออมต่อนานสุดอยู่ที่ 15 ปี สมาชิกที่สนใจบริการออมต่อ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ 2 ช่องทาง คือ 1) แจ้งความประสงค์ทางระบบบำเหน็จบำนาญและสวัสดิการรักษาพยาบาล (Digital Pension) ของกรมบัญชีกลาง และ 2) แจ้งความประสงค์ผ่านหน่วยงานต้นสังกัด พร้อมกรอกแบบ กบข. รง 008/1/2555 อนึ่ง บริการออมต่อมี 4 รูปแบบ คือ 1. ออมต่อทั้งจำนวน 2. ทยอยรับเงินเป็นงวด ๆ อาทิ รายเดือน รายสามเดือน รายหกเดือน หรือรายปี 3. ขอรับเงินบางส่วน ที่เหลือให้ กบข. บริหารต่อ และ 4. ขอรับเงินบางส่วน ที่เหลือทยอยรับเงินเป็นงวด ๆ โดยสมาชิกสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความจำเป็นและรูปแบบที่เหมาะสมตามความต้องการของสมาชิก พร้อมทั้งสามารถแจ้งเปลี่ยนรูปแบบการออมต่อได้ปีละ 2 ครั้ง ผ่าน My GPF Application เมนู “ออมต่อ” สมาชิกสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร. 1179  

26 Sep 2023


...

“โครงการผู้นำ - นำการเปลี่ยนแปลง รุ่นที่ 13 “Leadership for Change -  LFC#13  : BCG Model in Action” โดย “มูลนิธิสัมมาชีพ” ในวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมา ยังคงมีเนื้อหาเข้มข้นต่อเนื่อง โดยมี คุณกนกพร  รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปาฐกถาภายใต้หัวข้อ “ถอดบทเรียน ปตท.ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน” และ คุณวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน มาถ่ายทอดวิสัยทัศน์และปฏิบัติการขับเคลื่อนการทำธุรกิจ ควบคู่การดูแลสังคม โมเดลเศรษฐกิจ BCG คุณกนกพร  รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บมจ. ปตท. กล่าวว่า ปตท.เป็นองค์กรที่ไม่เพียงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจหรือแสวงหากำไร หากแต่ยังตระหนักการมีบทบาทดูแลสังคมและชุมชนมาโดยตลอด ซึ่งในการขับเคลื่อนนั้น ปตท. ดำเนินการรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม ไปจนถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งที่ผ่านมา ปตท. ดำเนินโครงการขับเคลื่อนด้านสังคมไปแล้วกว่า 45 โครงการ ตอกย้ำแนวคิดเศรษฐกิจ BCG อาทิ โครงการปลูกป่ากว่า 5 ล้านไร่ โครงการ Restart Thailand โครงการนวัตกรรมสร้างรอยยิ้ม เป็นต้น “ปรัชญาของ ปตท. ตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้ง คือเราไม่ใช่องค์กรธุรกิจธรรมดาที่จะทำเพื่อกำไรอย่างเดียว แต่ดีเอ็นเอของคน ปตท.มุ่งเน้นการช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่อง เพราะ ปตท.เชื่อว่าองค์กรนี้ และสังคมนี้จะแข็งแรงและเติบโตยั่งยืนได้ เราต้องเติบโตไปด้วยกันและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ปตท. ยังจัดตั้งสถาบันนวัตกรรมที่ไม่เพียงมีบทบาทดำเนินการวิจัย ศึกษา ค้นคว้า และพัฒนากระบวนการผลิตในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้กับธุรกิจ แต่ยังมีความรับผิดชอบสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อยกระดับขีดความสามารถชุมชน ผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสิ่งแวดล้อม “ปตท.เราค้นหาทุนความยั่งยืนในชุมชน แล้วเติมนวัตกรรมที่ ปตท.มีความถนัดเข้าไปเสริม สถาบันวิจัย ปตท.จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาต่อยอดโซเชียลอินโนเวชัน อะไรที่จะช่วยชุมชน ยกระดับสร้างเศรษฐกิจ สร้างรายได้ และทำให้ชุมชนยิ้มได้ นั่นคือเป้าหมายของเรา”   คุณวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวปาฐกถา "ออมสินเพื่อสังคม" ก้าวที่ท้าทาย ปรับสู่ฐานราก มุ่งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ยั่งยืน ว่า กว่าสองปีที่ธนาคารออมสินปรับกลยุทธ์โดยวางบทบาทเป็นธนาคารเพื่อสังคมเต็มตัว ธนาคารนำกำไรจากการทำธุรกิจและใช้กลยุทธ์การลดต้นทุนปีละหมื่นล้านบาท เพื่อแปลงกำไรดังกล่าวมาช่วยขับเคลื่อนสังคมและชุมชนฐานราก คุณวิทัยกล่าวว่า ในบทบาทของ social banking หากจะเป็นธนาคารที่ดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมอย่างเดียวคงทำไม่ได้ง่าย จำเป็นต้องมีผลกำไรหรือมีเงินทุนที่เลี้ยงตัวเองได้เช่นกัน ดังนั้น แนวทางการเป็นธนาคารเพื่อสังคมที่มีความยั่งยืนในแนวทางของออมสินจึงต้องประกอบด้วยการขับเคลื่อนด้านธุรกิจและสังคมไปพร้อมกัน “ก่อนหน้านั้น ออมสินเป็นธนาคารเพื่อชุมชนมาตลอด ด้วยไซส์หรือขนาดของเรา ถ้าไปวางทาบกับธนาคารอื่นแล้ว เราถือเป็น 1 ใน 5 ของธนาคารใหญ่ระดับประเทศ เรามีฐานลูกค้า 23 ล้านราย มีสินทรัพย์กว่า 3 ล้านล้านบาท ซึ่งด้วยความใหญ่เป็นข้อได้เปรียบที่จะทำให้เราช่วยคนได้ โดยธนาคารออมสินสามารถทำธุรกิจแบบ commercial bank ได้เต็มรูปแบบ 100%  สามารถคิดบริหารโปรเจคธุรกิจที่สร้างผลกำไร แล้วนำกำไรเหล่านั้นมาเพื่อใช้สนับสนุนภารกิจทางสังคม” ขณะเดียวกัน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในด้านโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อและการเงิน ธนาคารยังส่งเสริมการดึงให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบสินเชื่อในระบบภายใต้โครงการต่าง ๆ ที่ธนาคารร่วมมือกับภาครัฐ สร้างนวัตกรรมด้านการเงินสำหรับฐานราก “ความยากจนและความเหลื่อมล้ำ เป็นปัญหาโครงสร้างใหญ่ของประเทศไทยเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด เป็นปัญหาที่ออมสินพยายามเข้ามาช่วยทำ แต่วิธีการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นเรื่องยาก เรื่องนี้รัฐบาลต้องเข้ามาช่วย คือ ต้องหาทางเพิ่มรายได้ให้เขา บทบาทที่ธนาคารออมสินทำได้ชัดเจนคือ เข้าไปแข่งขันในตลาดที่ดอกเบี้ยสูงเกินไป รวมถึงดึงคนที่ไม่เคยเข้าสู่ระบบมาก่อน ซึ่งมีจำนวนไม่น้อย รวมถึงคนที่มีหนี้สินให้เขากลับมาเข้าสู่ระบบปกติได้” คุณวิทัยกล่าว      

24 Aug 2023

...

กบข. เข้าร่วมประเมิน ITA ประจำปี 2566 ได้ระดับผ่านและบรรลุค่าเป้าหมาย คะแนนรวม 95.45 คะแนน พร้อมนำผลการประเมินมาพัฒนา ปรับปรุงองค์กร มุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ได้เข้าร่วมโครงการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment: ITA) ประจำปี 2566 ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งผลการประเมิน กบข. อยู่ในระดับผ่านและบรรลุค่าเป้าหมาย ได้รับคะแนนรวม 95.45 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน โดยมีหน่วยงานที่เข้าร่วมประเมินทั้งสิ้น 8,323 หน่วยงานทั่วประเทศ   โดย กบข. เข้าร่วมโครงการประเมิน ITA ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ซึ่งปีนี้ ป.ป.ช. ได้มีการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การประเมินใหม่ เพื่อให้ระดับผลการประเมินสอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และ กบข. ได้มีการพัฒนาเครื่องมือและแนวทางการรับรู้ของผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วน ทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ และมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ผ่านทางเว็บไซต์ กบข. www.gpf.or.th เพื่อแสดงถึงเป้าหมายการกำกับดูแลกิจการที่ดี ทั้งด้านการลงทุน งานบริการสมาชิก และการบริหารสำนักงาน โดยเฉพาะการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน และสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อเสริมสร้างการเป็นองค์กรแห่งธรรมาภิบาลที่เข้มแข็ง ส่งผลให้ กบข. ได้รับคะแนนการประเมินสูงสุด 100 คะแนน ถึง 7 ตัวชี้วัด ทั้งในด้านการปฏิบัติหน้าที่ ด้านการใช้งบประมาณ ด้านการใช้อำนาจ ด้านการใช้ทรัพย์สินของราชการ ด้านการแก้ไขปัญหาการทุจริต ด้านการเปิดเผยข้อมูล และด้านการป้องกันการทุจริต อย่างไรก็ตาม กบข. จะนำผลการประเมินในครั้งนี้ไปใช้ในการวางแผน ตรวจสอบ ปฏิบัติและกำกับการดำเนินงาน เพื่อยกระดับคุณธรรมและความโปร่งใส ที่ส่งเสริมให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในทุกภาคส่วน ทั้งในระดับหน่วยงานและในระดับประเทศ มุ่งยกระดับดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันของประเทศไทย อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่ง กบข. จะดำเนินงานโดยยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีคุณธรรม ความโปร่งใส และตระหนักถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย รวมถึงเป็นสถาบันการลงทุนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความอย่างยั่งยืนทั้งต่อองค์กร สังคม และประเทศชาติต่อไป

19 Aug 2023

...

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรหนองสูง จำกัด อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร ผู้ประกอบการด้านเนื้อโคขุนครบวงจร ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ได้แก่ การสนับสนุนพันธุ์โคเนื้อให้เกษตรกร การแปรรูปเนื้อโคขุนและอาหารสัตว์ รวมถึงการจัดจำหน่ายที่มีระบบการบริหารจัดการที่มีมาตรฐานสากล ทำให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพสูงจนเป็นที่นิยมของชาวจังหวัดมุกดาหารและจังหวัดอื่นๆ      จากนั้นเดินทางไปยังจังหวัดอำนาจเจริญ  เยี่ยมชมงานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ ซึ่งเป็นต้นแบบองค์กรเกษตรกรและชุมชนในการผลิตข้าวอินทรีย์ของจังหวัดอำนาจเจริญ ด้วยกระบวนการรวบรวม การตรวจสอบคุณภาพและแปรรูปผลผลิตที่มีมาตรฐาน มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต รวมถึงการยึดหลักตลาดนำการผลิต โดยมีการจับมือกับคู่ค้าทางการตลาด เพื่อนำไปสู่การผลิตเพื่อส่งออก ซึ่งถือเป็นการสร้างงานและสร้างอาชีพให้แก่สมาชิกอย่างยั่งยืน โดยมีนายนรินทร์ สมสะอาด ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. เข้าร่วม พร้อมคณะผู้บริหารและพนักงานในพื้นที่ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2566    

07 Aug 2023

...

กบข. จัดส่งใบแจ้งยอดเงินประจำปีให้กับสมาชิก และเปิดให้สมาชิกดาวน์โหลด e-Statement แล้ว พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีกับกรมสรรพากร เพิ่มความสะดวกให้แก่สมาชิก ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ได้ดำเนินการจัดส่งเอกสารใบแจ้งยอดเงินสมาชิกประจำปี 2565 ให้กับสมาชิกทั่วประเทศแล้ว ทั้งในรูปแบบเอกสารผ่านหน่วยงานต้นสังกัด และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Statement) ตามที่อยู่อีเมลของสมาชิกที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับ e-Statement ไว้ โดยใบแจ้งยอดเงินสมาชิกจะแสดงข้อมูลรายละเอียดยอดเงิน ณ วันสิ้นปี 2565 ทั้งเงินสะสมที่สมาชิกนำส่ง เงินที่รัฐสมทบให้ และผลตอบแทนที่ กบข. นำเงินสะสมของสมาชิกและเงินสมทบไปลงทุน ซึ่งจะแจกแจงตามประเภทของเงินและตามแผนการลงทุน ซึ่งจะทำให้ได้รับทราบความเคลื่อนไหวของเงินในบัญชี พร้อมทั้งมีเอกสารใบประมาณการเงิน กบข. เมื่อเกษียณอายุราชการ ซึ่งเป็นการประมาณการจากพฤติกรรมการออมและการลงทุนปัจจุบันของสมาชิก เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกเห็นความสำคัญของการวางแผนเพื่อการเกษียณ และสามารถทดลองเปรียบเทียบคู่แฝดสมมติของตนเองได้ที่เมนู My GPF & My GPF Twins ที่แอป กบข. นอกจากนี้ กบข. ได้เชื่อมโยงข้อมูลการนำส่งเงินสะสมเข้ากองทุนกับทางกรมสรรพากร เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก เมื่อยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ จะแสดงข้อมูลเงินสะสม กบข. อัตโนมัติ โดยสมาชิกจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนของยอดเงินสะสมระหว่างปี 2565 ซึ่งเมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท   ทั้งนี้ กบข. ยังได้เปิดให้บริการดาวน์โหลด e-Statement ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ดังนี้ 1. My GPF Application ที่เมนู “ดาวน์โหลด e-Statement” 2. My GPF Website ที่เมนู “บัญชีของฉัน” และเลือก “ดาวน์โหลด e-Statement” และ 3. LINE กบข. @gpfcommunity เข้าผ่านสมาร์ตโฟน ที่เมนู “ดูใบแจ้งยอดเงินปีล่าสุด” ในเมนูหน้าแชท ซึ่งสมาชิกจะได้รับใบแจ้งยอดเงินเป็นไฟล์สกุล .pdf ที่มีรหัสผ่าน เป็นวันเดือนปี พ.ศ. เกิดของสมาชิก ดร. ศรีกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า กบข. ขอเชิญชวนให้สมาชิกลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับ e-Statement เพื่อช่วยลดการตัดต้นไม้ ลดการใช้กระดาษ มีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “GPF Save Paper” และยังได้รับ e-Statement ก่อนการรับเอกสารผ่านหน่วยงานต้นสังกัดด้วย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร 1179

27 Jan 2023

...

ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่องการดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับหน่วยงานและสถาบันการเงินต่าง ๆ รวม 13 แห่ง โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีลงนาม ณ กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2566 โดย กบข. จะให้การสนับสนุนข้อมูล พร้อมเผยแพร่ความรู้ด้านการเงินและการลงทุนแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพร้อมทั้งบูรณาการประสานความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในโครงการ เพื่อส่งเสริมให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างเป็นระบบต่อไป    

08 Jan 2023

...

กบข. ภาคภูมิใจได้รับ 2 รางวัล รางวัลรัฐบาลดิจิทัล 4 ปีซ้อน และรางวัลหน่วยงานคุณภาพด้านการใช้ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ พร้อมมุ่พัฒนายกระดับบริการดิจิทัล กบข. ให้ครอบคลุมทุกความต้องการของสมาชิก ตามนโยบายของรัฐบาล Thailand 4.0 ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ได้รับรางวัลรัฐบาลดิจิทัล ประจำปี 2565 (Digital Government Awards 2022) หน่วยงานที่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลในระดับสูง จากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จัดโดย สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ณ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ซึ่ง กบข. ได้รับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยในปีนี้มีหน่วยงานยื่นเข้าร่วมการสำรวจระดับความพร้อมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของหน่วยงานทั่วประเทศทั้งสิ้น 1,889 หน่วยงาน นอกจากนี้ กบข. ยังได้รับรางวัลหน่วยงานคุณภาพด้านการใช้ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ (Data Governance) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่ง กบข. ได้ดำเนินงานตามนโยบายการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐในรูปแบบดิจิทัลผ่านศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ (Data.go.th) และได้เผยแพร่ข้อมูลมูลค่าหน่วยลงทุนของทุกแผนการลงทุน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ อัตราผลตอบแทน บนเว็บไซต์ กบข. www.gpf.or.th เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลให้สมาชิกและประชาชนทั่วไปสามารถสืบค้นได้ กบข. มุ่งพัฒนาต่อยอดการให้บริการสมาชิกผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและยกระดับการให้บริการสมาชิกครอบคลุมทุกความต้องการตั้งแต่วันที่เข้ารับราชการ จนถึงวันที่เกษียณอายุราชการหรือพ้นสมาชิกภาพ ตลอดจนดูแลสมาชิกที่ใช้บริการออมต่อกับ กบข. เมื่อออกจากราชการ ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน กบข. “My GPF Application” ซึ่งมีจำนวนสมาชิกใช้บริการแอปพลิเคชันกว่า 1.1 ล้านครั้งต่อปี สำหรับในอนาคต กบข. เตรียมเปิดให้บริการแบบจำลองคู่แฝดการบริหารเงิน (Digital Twins) เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้สมาชิกสามารถบริหารเงินได้อย่างเข้าใจ ผ่านการจำลองเลือกแผนการลงทุนและสัดส่วนเงินออม ตลอดจนประมาณการยอดเงินในอนาคต ให้สอดคล้องกับเป้าหมายหลังเกษียณของสมาชิก  

05 Dec 2022

SOCIETY - CSR / ภาพข่าว-กิจกรรมเพื่อสังคม

...

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณวิลาวัลย์ วรุตพิพัฒน์ Chief People Office พร้อมด้วยผู้บริหารฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคล เป็นตัวแทนส่งมอบสิ่งของเหลือใช้สภาพดี รวมทั้งเครื่องอุปโภคบริโภคจากเพื่อนพนักงาน OCEAN LIFE ไทยสมุทร ให้กับผู้แทน ‘‘มูลนิธิบ้านนกขมิ้น’’ ในโครงการ “เหลือ-ขอ”  ซึ่งมูลนิธิฯ จะนำสิ่งของที่ได้รับไปคัดแยก ซ่อมแซมให้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ประโยชน์ได้ และจัดจำหน่าย เพื่อนำรายได้ทั้งหมดไปสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชน รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ของมูลนิธิฯ ทั่วประเทศ  นอกจากนี้ยังได้มีการส่งยา-อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เหลือใช้สำหรับผู้ป่วย ให้กับ “พลเมืองอาสา มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม” ในโครงการ “ยาต่อชีวิต” เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่งบประมาณไม่เพียงพอ และโรงพยาบาลในถิ่นทุรกันดารต่อไป OCEAN LIFE ไทยสมุทร เคียงคู่สังคมไทยภายใต้แนวคิด LOVE MINDSET ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Love the World รักษ์โลก ร่วมสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันเพื่อส่งเสริมให้เกิดความสุขที่ยั่งยืน ตอกย้ำการเป็นบริษัทประกันชีวิตที่พร้อมดูแลคนไทยให้ก้าวผ่านทุกวิกฤตด้วยพลังความรัก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญควบคู่กับการดำเนินธุรกิจเสมอมา  ร่วมติดตามข่าวสาร และกิจกรรมดี ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมได้ที่ OCEAN CLUB APP / LINE / Facebook / Instagram / Youtube : oceanlife  เว็บไซต์ www.ocean.co.th หรือติดต่อศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์  0 2207 8888

26 Sep 2023


...

อลิอันซ์ อยุธยา โดย จันทนา ชินวรรโณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รับรางวัลสุดยอดองค์กรที่คนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดในเอเชียประจำปี 2566  HR Asia Best Companies to Work for in Asia 2023 อลิอันซ์ อยุธยา ได้รับรางวัลนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ตอกย้ำการเป็นองค์กรที่มีการบริหารทรัพยากรบุคคลที่เป็นเลิศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีเยี่ยม มีการปรับปรุงออฟฟิศให้โมเดิร์น สวยงาม การรับความคิดเห็นข้อเสนอแนะของพนักงาน การสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงาน การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะความสามารถที่ออกแบบได้เอง  และการมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดี นอกจากนี้ ยังสามารถคว้ารางวัล HR Asia Diversity, Equity & Inclusion Awards 2023 มาครองได้อีกรางวัล แสดงให้เห็นว่า อลิอันซ์ อยุธยา เป็นองค์กรที่เคารพความหลากหลาย และการยอมรับซึ่งกันและกันภายในองค์กร ซึ่งจะช่วยก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และสร้างผลลัพธ์การทำงานที่ดียิ่งขึ้น งานนี้จัดโดย HR Asia นิตยสารชั้นนำด้านทรัพยากรบุคคลของภูมิภาค โดยการตัดสินพิจารณาจากการสำรวจความคิดเห็นของตัวแทนพนักงาน ที่ส่งผลต่อความผูกพันขององค์กรในหลายแง่มุม ณ ทรูไอคอนฮอลล์ ไอคอนสยาม  

26 Sep 2023

...

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายถิรชัย วุฒิธรรม ประธานมูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย และ นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ร่วมเป็นประธานเปิดโครงการ “TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง” สนามที่ 1 (ฟุตบอล) สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง  ภายในงานมีทีมโค้ชมืออาชีพและอดีตตำนานนักกีฬาไทย ร่วมฝึกสอนเยาวชนกว่า 250 คน  อาทิ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ อดีตกุนซือชลบุรี เอฟซี และทีมชาติไทย ยู-19, “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ อดีตกุนซือทีมชาติไทย ยู-23, รวมถึง วีระยุทธ สวัสดี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ซึ่งเป็นหัวหน้าวิทยากรในโครงการนี้และทีมโค้ชระดับประเทศ ได้แก่ ณรงค์ สุวรรณโชติ,วีระพงษ์ เพ็งลี, อัมรินทร์ เยาดำ, พ.ต.ภาณุพงศ์ ผิวอ่อน และ กฤษณะ วงษ์บุตรดี  ดร.สมพร สืบถวิลกุล กล่าวว่า “ทิพยประกันภัยรู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและผลักดันให้เกิดกิจกรรมนี้ ในฐานะผู้สนับสนุนโครงการที่ได้เห็นว่ามีน้องๆ เยาวชน รวมทั้งผู้ปกครอง ให้ความสนใจโครงการฯจำนวนมาก  ทิพยประกันภัยหวังว่าโครงการของเรานี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นให้น้องๆ ได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองต่อยอดให้ป็นนักกีฬามืออาชีพ และเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติได้ในอนาคตต่อไป ดั่งคำกล่าวว่า “กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ”  อีกทั้งทิพยประกันภัยยังคงมุ่งเน้นหลักธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางตามกลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรอย่างยั่งยืนตามหลัก ESG อีกด้วย”     โครงการ “TIP SPIRIT นักกีฬาเลือดใหม่ ใส่สุดพลัง” จะจัดขึ้นอีกทั้งหมด  5 สนาม สำหรับน้องๆ เยาวชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ สามารถสอบถามรายละเอียด และสมัครได้ที่  https://bit.ly/TIPSPIRIT ตั้งแต่ วันนี้  – 30 ก.ย. 66  

25 Sep 2023

...

มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม จับมือเครือข่าย กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ บริษัท หอแว่น กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)   มุ่งมั่นสานต่อการสร้างโอกาสแก่กลุ่มผู้สูงอายุที่ยากไร้ "ออกหน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ปีที่ 5"  ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสุขภาพของผู้สูงอายุในสังคมไทย  สร้างคุณภาพชีวิตและรอยยิ้มให้แก่ผู้สูงอายุ โดยมีนางสาวแรมรุ้ง วรวัธ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ นางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม นายภาคี ประจักษ์ธรรม ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท หอแว่นกรุ๊ป จำกัด นายพุด แย้มพรหม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะนาวศรี  นายนันทโชค เกียรติ์ภูมิพัฒน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนรุจิรพัฒน์ นางสมพิศ หลวงแจ่ม พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยผู้บริหารและจิตอาสาจาก เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกิจกรรม ณ โรงเรียนรุจิรพัฒน์ ตำบลตะนาวศรี อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี  โดย นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หนึ่งในเครือข่ายพันธมิตรที่ร่วมสนับสนุนโครงการ “ตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุ”  กล่าวว่า  บริษัทฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการอันเป็นประโยชน์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของเมืองไทยประกันชีวิตในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมในทุกมิติ  พร้อมให้ความสำคัญต่อ “ผู้สูงอายุ” เพราะตระหนักดีว่าผู้สูงอายุ  ได้มีส่วนร่วมในการสร้างคุณค่าให้แก่สังคมไทยมาโดยตลอด จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการดูแล โดยเมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้มจะจัดกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง  เพื่อสนับสนุนให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งรอยยิ้ม โดยผู้สูงอายุได้รับการดูแลเอาใจใส่ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป   สำหรับวัตถุประสงค์โครงการ “ออกหน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ปีที่ 5” นั้น  เพื่อการดูแลสายตาและการจัดหาแว่นตาให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยและยากไร้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการเอาใจใส่ในสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ โดยเน้นไปที่การดูแลสายตาที่เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องสายตา มีการรวบรวมข้อมูลการตรวจสอบสายตาอย่างถูกต้อง จากนั้นผู้ที่มีความจำเป็นจะได้รับแว่นตาที่เหมาะสมสำหรับสายตาของตน  เป็นการสร้างโอกาสให้กับผู้สูงอายุในกลุ่มประชากรที่มีความจำเป็นแต่ไม่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้ เนื่องจากปัญหาความยากจนและสภาพพื้นที่ห่างไกล   ในการดำเนินงานนั้น มีการตรวจวัดสายตาและการเสริมสร้างความตระหนักรู้ในการดูแลสายตาและสุขภาพที่สำคัญให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่ยากไร้ โดยการทำงานในขั้นตอนหลักไม่ว่าจะเป็น การตรวจวัดสายตา จากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาได้ทำการตรวจวัดค่าสายตาของกลุ่มผู้สูงอายุที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อประเมินความเหมาะสมในการใช้แว่นตา การเลือกแว่นตาที่เหมาะสมจากผลการตรวจสอบ ทั้งนี้ผู้สูงอายุที่มีความจำเป็นในการใช้แว่นตาจะได้รับการเลือกแว่นตาที่เหมาะสมสำหรับสายตาของตน หรือ ตรงตามวัตถุประสงค์ของแต่ละคน  ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้แว่นตาอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถใช้แว่นตาอย่างมีประสิทธิภาพ   โดยโครงการ "หน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ปีที่ 5" เป็นที่ยอมรับและได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม มีเครือข่ายสำคัญที่ร่วมกิจกรรม ได้แก่ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  บริษัท หอแว่น กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)  ตลอดจนได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐและชุมชนต่าง ๆ ที่มูลนิธิเข้าไปจัดกิจกรรม   ซึ่งโครงการนี้ได้สร้างโอกาสแก่กลุ่มผู้สูงอายุที่ยากไร้ในการเข้าถึงบริการตรวจวัดสายตาและแว่นตาที่เหมาะสม ไปแล้วกว่า 6,985 ราย ผ่านการออกหน่วยให้บริการ ทั้งสิ้น 53 ครั้ง  ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและสวัสดิการของกลุ่มผู้สูงอายุที่ดีขึ้น โครงการนี้ยังเป็นต้นแบบที่ดีในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของกลุ่มที่มีความจำเป็นแต่ยากไร้ในสังคมไทย ทั้งนี้ในปี 2566 มูลนิธิได้ร่วมออกหน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ในภาคต่าง ๆ  ทั่วประเทศ  เป็นจำนวน 7 ครั้ง เป้าหมายการมอบแว่นตาให้ผู้สูงอายุ จำนวน 1,200 ราย โดยที่ผ่านมาได้จัดกิจกรรมไปแล้ว คือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน  อ.เถิน จ.ลำปาง  อ.ด่านช้าง จ. สุพรรณบุรี  อ.นาทม  จ.นครพนม และที่กำลังจะเกิดขึ้นได้แก่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี   อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง และ อ.บ้านแฮด  จ.ขอนแก่น       โครงการ "หน่วยตรวจวัดสายตาประกอบแว่นเพื่อผู้สูงอายุที่ยากไร้ ปีที่ 5" ได้เป็นแรงบันดาลใจและก้าวไปข้างหน้าในการสร้างสังคมที่เข้าใจและเอื้อเฟื้อกับกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หวังว่าความเอื้อเฟื้อและการเป็นกำลังใจในการให้บริการด้านสุขภาพและสวัสดิการจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อประโยชน์ของกลุ่มผู้สูงอายุในอนาคต

24 Sep 2023

...

  นายแพทย์วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย รับมอบกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุกลุ่ม ทุนประกันภัยรวม 4,000,000 บาท จากนางสาวฐิติมา เลี้ยงพาณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่าย กลุ่มสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ความคุ้มครองทีมปฏิบัติหน้าที่จัดเก็บอวัยวะจากผู้บริจาคในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยให้ความคุ้มครองต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ณ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย  

14 Sep 2023

...

  อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต โดย มร. โทมัส วิลสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ รับรางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานดีเด่น ประจำปี 2565 จาก นายกฤษฎา จีนะวิจารณา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ประธานในพิธีมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร Prime Minister’s Insurance Awards ประจำปี 2566 จัดขึ้นโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อส่งเสริมบทบาทของอุตสาหกรรมประกันภัยให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาและเป็นที่ยอมรับของประชาชน รางวัลนี้ถือเป็นที่พิสูจน์ความมุ่งมั่นของอลิอันซ์ อยุธยา ในการพัฒนาบริการผลิตภัณฑ์และบริการประกันภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ด้านประกันภัยที่ดีที่สุด ณ ห้องประชุม ฟีนิกซ์ 1-6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี  เมื่อเร็ว ๆ นี้

12 Sep 2023

...

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ให้เกียรติเปิดบูทพันธมิตร 3 องค์กร โดยมีนายสุพัฒน์ อยู่คงพันธุ์ นายจักรกริช ชีวนันทพรชัย และนางสาวปวีณา จูชวน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนายโชน โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และนางสาวพรพิมล ตรงเที่ยงธรรม ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ และคณะผู้บริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับและร่วมพิธีเปิดบูทอย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา

12 Sep 2023

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

กบข. เตรียมเงินจ่ายคืนสมาชิกเกษียณอายุราชการปีนี้ 2.7 หมื่นล้านบาท พร้อมจ่ายเงินคืนได้ภายใน 7 วันทำการหลังเอกสารถูกต้องครบถ้วน พร้อมเสนอทางเลือก “ออมต่อ” ให้ กบข. บริหารเงินลงทุนให้ต่อเนื่องหลังจากเกษียณอายุราชการ โดยมีสมาชิกให้ความสนใจเพิ่มขึ้นทุกปี ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)  เปิดเผยว่า ในวันที่ 30 กันยายน 2566 มีสมาชิก กบข. ที่จะเกษียณอายุราชการ จำนวน 21,223 ราย และ กบข. ได้เตรียมเงินสำหรับจ่ายคืนให้กับสมาชิกที่สิ้นสุดสมาชิกภาพและทำเรื่องขอรับเงินคืน ประมาณ 27,000 ล้านบาท โดย กบข. ได้คาดการณ์ยอดเงินที่สมาชิกจะได้รับเฉลี่ยประมาณ 1.3 ล้านบาทต่อราย ซึ่งจะสามารถดำเนินการจ่ายเงินคืนสมาชิกภายใน 7 วันทำการ หลังจากที่ กบข. ได้รับเอกสารที่ครบถ้วนถูกต้อง และประกาศเกษียณอายุราชการมีผลบังคับใช้ ดร.ศรีกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า  สมาชิก กบข. ที่จะเกษียณอายุราชการ หากยังไม่มีแผนใช้เงินก้อน สามารถพิจารณาใช้บริการออมต่อกับ กบข. ได้ เพื่อให้ กบข. บริหารเงินลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้อย่างต่อเนื่อง โดยจากสถิติมีจำนวนอดีตสมาชิกสนใจใช้บริการออมต่อเพิ่มขึ้นทุกปี ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 66 มีอดีตสมาชิกที่ยังใช้บริการออมต่อจำนวน 6,230 ราย และมีการออมต่อนานสุดอยู่ที่ 15 ปี สมาชิกที่สนใจบริการออมต่อ สามารถแจ้งความประสงค์ได้ 2 ช่องทาง คือ 1) แจ้งความประสงค์ทางระบบบำเหน็จบำนาญและสวัสดิการรักษาพยาบาล (Digital Pension) ของกรมบัญชีกลาง และ 2) แจ้งความประสงค์ผ่านหน่วยงานต้นสังกัด พร้อมกรอกแบบ กบข. รง 008/1/2555 อนึ่ง บริการออมต่อมี 4 รูปแบบ คือ 1. ออมต่อทั้งจำนวน 2. ทยอยรับเงินเป็นงวด ๆ อาทิ รายเดือน รายสามเดือน รายหกเดือน หรือรายปี 3. ขอรับเงินบางส่วน ที่เหลือให้ กบข. บริหารต่อ และ 4. ขอรับเงินบางส่วน ที่เหลือทยอยรับเงินเป็นงวด ๆ โดยสมาชิกสามารถเลือกใช้บริการได้ตามความจำเป็นและรูปแบบที่เหมาะสมตามความต้องการของสมาชิก พร้อมทั้งสามารถแจ้งเปลี่ยนรูปแบบการออมต่อได้ปีละ 2 ครั้ง ผ่าน My GPF Application เมนู “ออมต่อ” สมาชิกสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร. 1179  

26 Sep 2023

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินยังคงตอกย้ำบทบาทในการส่งเสริมการออม ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากจูงใจให้คนไทยเก็บออมอย่างต่อเนื่อง และดูแลด้านผลตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อสร้างความมั่นคงในการดำเนินชีวิตและสังคมที่ยั่งยืนให้กับประเทศ ล่าสุดธนาคารได้จัดแคมเปญสลากออมสินเงินฝากยอดนิยมสูงสุด สลากออมสินพิเศษ 2 ปี ด้วยการเพิ่มรางวัลพิเศษมูลค่า 50 ล้านบาท 1 รางวัล สำหรับผู้ที่ฝากสลากออมสินพิเศษ 2 ปี แบบใบสลากและดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย. - 30 พ.ย.2566 แคมเปญพิเศษนี้จะทำการออกรางวัลในวันที่ 1 ธ.ค.2566 และผู้ฝากยังมีสิทธิ์ลุ้นถูกรางวัลที่ 1 อีก 30 ล้านบาท รวมเป็นเงินรางวัล 80 ล้านบาท โดยผู้สนใจสามารถฝากสลากออมสินพิเศษ 2 ปี ได้ 2 ช่องทาง คือ ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ และ แอป MyMo ทั้งนี้ สำหรับผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลพิเศษ 50 ล้านบาท จะมีการมอบเงินรางวัล ณ ธนาคารออมสิน สำนักงานใหญ่     สลากออมสินพิเศษ 2 ปี ทั้งแบบใบสลาก และสลากดิจิทัล รับฝากบุคคลธรรมดาอายุ 7 ปีขึ้นไป และนิติบุคคลทุกประเภท หน่วยละ 100 บาท ระยะเวลาฝาก 2 ปี ฝากครบ 2 ปี ได้รับดอกเบี้ยหน่วยละ 0.80 บาท พร้อมกับเงินต้นที่ฝาก ในช่วงเวลาฝาก 2 ปี มีสิทธิ์ถูกรางวัลที่ 1 เงินรางวัล 30 ล้านบาท รวมถึงรางวัลอื่น ๆ และรางวัลเลขท้าย รวมจำนวน 24 ครั้ง กำหนดการออกรางวัลทุกวันที่ 1 ของเดือน ทั้งนี้ ธนาคารไม่จำกัดวงเงินรับฝากสูงสุด พร้อมกับสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ฝากบุคคลธรรมดา ดอกเบี้ยและเงินรางวัลที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี ติดตามรายละเอียดที่ www.gsb.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115.  

23 Sep 2023

...

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ฉลองครบรอบ 70 ปี เพิ่มโอกาสพิเศษเอาใจคนอยากมีบ้าน นำทรัพย์เด่นกว่า 500 รายการทั่วประเทศ มาลดสูงสุดถึง 50% ของราคาประเมิน ในงานมหกรรมบ้านมือสอง ธอส. ออนไลน์ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566 (GHB ALL HOME ONLINE 2023) โดยธนาคารจัดโปรโมชันเด็ด โดนใจ สำหรับลูกค้าที่จองซื้อทรัพย์บ้านมือสอง ธอส. ผ่านทาง Application : GHB ALL HOME หรือ www.ghbhomecenter.com ระหว่างวันที่ 22 - 26 กันยายน 2566 จะได้รับบัตรกำนัลแทนเงินสดมูลค่า 7,000 บาท จำนวน 14 รายแรก แบ่งเป็น ซื้อทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 7 รายแรก และทรัพย์ในเขตภูมิภาค 7 รายแรก ทั้งนี้ ภายในงานยังมีทรัพย์ราคาจำหน่ายต่ำสุดเพียง 80,000 บาท เท่านั้น ได้แก่ ทรัพย์ประเภทห้องชุด ขนาดเนื้อที่ 23.63 ตารางเมตร ใน อ.บางพลี  จ.สมุทรปราการ พิเศษต่อที่ 2!! ผู้ที่จองซื้อทรัพย์จะได้รับสิทธิ์สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำสุด นานสูงสุดถึง 24 เดือน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด) สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร.0-2645-9000 กด 5 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือดูข้อมูลบ้านมือสอง ธอส. ได้ที่ www.ghbhomecenter.com, Application : GHB ALL HOME และ Line Official Account : @GHBALLHOME  

20 Sep 2023

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ก่อนหน้านี้ธนาคารออมสินได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายใต้โครงการ “สินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19” วงเงินรายละไม่เกิน 10,000 บาท วงเงินสินเชื่อรวม 20,000 ล้านบาท และสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 วงเงินไม่เกินรายละ 10,000 บาท วงเงินสินเชื่อรวม 10,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องชั่วคราวให้กับประชาชนที่ขาดรายได้ช่วงวิกฤติที่ผ่านมา ซึ่งในเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ขยายระยะเวลาเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถึงเดือนตุลาคม 2567 อย่างไรก็ดี เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังอยู่ในระยะเพิ่งเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับค่าครองชีพมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือแก้ไขเครดิตแก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ลูกหนี้บัญชี 21) ที่มีสถานะเป็น NPL ให้กลับมามีสถานะหนี้ปกติ ธนาคารออมสินจึงออกมาตรการ “ไม่คิดดอกเบี้ย ลดดอกเบี้ยค้างชำระทั้งหมด และนำเงินที่ชำระไปตัดเงินต้นทั้งจำนวน” สำหรับโครงการสินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 โดยให้ลูกหนี้เริ่มผ่อนชำระเพียง 100 บาทต่อเดือนสำหรับงวดที่ 1-6 หลังจากนั้นงวดที่ 7-12 ผ่อนชำระ 300 บาทต่อเดือน และขยายระยะเวลาการชำระจนถึงเดือนตุลาคม 2567 จึงขอเชิญชวนลูกหนี้สินเชื่อสู้ภัยโควิด-19 ลงทะเบียนสมัครเข้ามาตรการช่วยเหลือดังกล่าวได้ที่ช่องทาง MyMo หรือ www.gsb.or.th สำหรับลูกหนี้ที่ไม่มี MyMo สามารถลงทะเบียนผ่านช่องทางเว็บไซต์ธนาคาร www.gsb.or.th ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 สามารถสอบถามเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115.  

19 Sep 2023

Banner Banner Banner Banner

Banner
    ปี 2566 “ประกันภัย-การเงิน-สินเชื่อ” ยังคงมาแรง ธุรกิจที่ยังต้องรอรัฐบาลฟื้นฟู “ขายตรง-อสังหาฯ-SME”    หลังจากที่ประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายจากไวรัสโควิด-19 ในปี 2566 ธุรกิจประกันภัย-การเงิน-สินเชื่อ ยังคงเป็นธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องในปี 2566 เพราะในช่วงวิกฤตโควิด ธุรกิจทั้ง 3 สาขาแม้จะได้รับผลกระทบ แต่ก็ยังยืนยงอยู่รอดปลอดภัย และเป็นธุรกิจที่ยังน่าสนใจลงทุนเป็นอันดับต้น ๆ ของธุรกิจในประเทศไทย และในต่างประเทศ ตราบใดที่ระบบสาธารณสุข และรัฐสวัสดิการของประเทศไทย ยังเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้  ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในสองสิ่งนี้ การประกันชีวิตและการประกันภัยจึงยังเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากสำหรับคนไทย ที่อยากซื้อความคุ้มครองซื้ออนาคต และอยากมีสวัสดิการที่ขาดหายไปจากภาครัฐ ส่วนธุรกิจการเงินและธุรกิจสินเชื่อนั้น นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ตราบใดที่ประเทศไทยยังอยู่กับคำว่า “รวยเป็นกระจุก จนเป็นกระจาย” คนไทยยังต้องหวังพึ่งพาเงินในอนาคต เพื่อมาอุปโภคบริโภค ตราบนั้นทั้งธุรกิจการเงิน และสินเชื่อ ก็ยิ่งจะมีความสำคัญ เป็นธุรกิจที่เล็งเห็นกำไรและการเติบโต และน่าลงทุนมากขึ้นตามไปด้วย นี่คือธุรกิจยอดเยี่ยมในปี 2566 ที่ผมขอยกให้เป็นธุรกิจที่น่าลงทุน และน่าเข้าไปเกี่ยวข้อง สำหรับธุรกิจที่ยังต้องเร่งฟื้นฟู คือ ธุรกิจขายตรง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจSME ที่ยังคงสะบักสะบอมมาตั้งแต่ก่อนยุคโควิด-19 มาถึงวันนี้ก็ยังนิ่ง ๆ อยู่ ก็คงต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่มาบูรณะ คงต้องรอดูฝีมือของทีมงานเศรษฐกิจชุดใหม่ ที่ต้องทำงานได้ดีกว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันหลายเท่าตัวในการกอบกู้ธุรกิจไทย  และ 3 สาขาธุรกิจที่ยังคงรอให้รัฐบาลชุดใหม่มาเร่งฟื้นฟูในปี 2566 นี้  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner