Responsive image

Tuesday, 15 Oct 2024

LATEST NEWS

INSURANCE/ประกันภัย-ประกันชีวิต

...

ไทยประกันชีวิต ตอกย้ำการเป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจ ส่งเสริมให้คนออกไปใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและความหมาย ส่งแคมเปญโฆษณาชุดใหม่ “Live Life with no Regret: มีชีวิต ที่คุณจะไม่เสียใจ” จุดประกายความคิดให้คนค้นหาแรงบันดาลใจ เพื่อให้ทุกวันของชีวิตมีความหมาย พร้อมเปิดตัวดิจิทัลแพลตฟอร์ม “Live Bright” ครั้งแรกในธุรกิจประกันชีวิตไทยที่ดึงเทคโนโลยี Generative AI มาพัฒนาข้อมูล สร้างแรงบันดาลใจ วางแผน และกระตุ้นให้ทำตามเป้าหมายแบบเฉพาะบุคคล นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิต ดำเนินธุรกิจภายใต้เจตนารมณ์การเป็นทุกคำตอบของชีวิตและส่งมอบคุณค่าชีวิตให้กับคนในสังคม โดยการสร้างแบรนด์ผ่านภาพยนตร์โฆษณาที่มุ่งเน้นการสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตและคุณค่าของความรัก (Value of Life, Value of Love) ซึ่งสอดคล้องกับ Brand Purpose ของบริษัทฯ ในการเป็นแบรนด์ที่ได้รับความชื่นชอบ ความไว้วางใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้คนในสังคม จนทำให้ภาพยนตร์โฆษณาไทยประกันชีวิตกลายเป็นเอกลักษณ์ ได้รับการจดจำ และความชื่นชอบจากผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ที่ผ่านมาภาพยนตร์โฆษณาของไทยประกันชีวิตได้รับการการันตีความสำเร็จ จากการได้รับรางวัลจากสถาบันต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับสากลมากมาย โดยเฉพาะภาพยนตร์โฆษณาชุด “ผิวของแม่: Under My Skin” ที่สามารถสร้างชื่อเสียงในระดับโลก ได้รับถึง 12 รางวัล จาก 5 เวทีประกวดผลงานโฆษณาที่สำคัญ อย่าง Cannes Lions 2024, ADFEST 2024, Spike Asia 2024, Clio Awards 2024 และ D&AD Awards 2024 นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์โฆษณาที่ได้รับรางวัลระดับสากล อาทิ โฆษณาชุดเชื่อในความดี ได้รับรางวัลจากสถาบัน International Business Awards หรือ Stevie Awards 2023 ประเทศสหรัฐอเมริกา, โฆษณาชุด Until We Meet Again ได้รับรางวัล London International Awards (LIA) ประเทศอังกฤษ ฯลฯ ปัจจุบันภาพยนตร์โฆษณาของไทยประกันชีวิต ได้ยกระดับสู่การสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต หรือ Live Life ด้วย “การทำชีวิตให้มีคุณค่าต่อตนเองและผู้อื่น” เพื่อร่วมกันสร้างสังคมให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน โดยล่าสุด ไทยประกันชีวิต เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด “Live Life with no Regret: มีชีวิต ที่คุณจะไม่เสียใจ” เผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2567 โดยถ่ายทอดเนื้อหาของ “การใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย” ด้วยการค้นหาแรงบันดาลใจเพื่อทำในสิ่งที่ตนเองรัก การออกไปใช้ชีวิตเพื่อพบกับสิ่งที่จะช่วยเติมเต็มความสุข และทำให้ทุกวันของชีวิตดำเนินไปอย่างมีคุณค่าและมีความหมายที่สุด และเพื่อให้แบรนด์ไทยประกันชีวิตเป็นแบรนด์ที่สามารถสร้างและส่งมอบแรงบันดาลใจที่เป็นรูปธรรม มากกว่าเพียงการสร้างแรงบันดาลใจผ่านเนื้อหาของภาพยนตร์โฆษณา ไทยประกันชีวิตจึงได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม “Live Bright เพื่อนผู้ช่วยสุดสมาร์ทที่ช่วยค้นหาสิ่งที่คุณอยากทำ” เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนได้ค้นหาแรงบันดาลใจของตนเองในการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และออกไปใช้ชีวิตให้มีความสุข โดยใช้เทคโนโลยี Generative AI ในการนำเสนอข้อมูลในลักษณะเฉพาะบุคคล (Personalization) เพื่อช่วยวางแผน และลงมือทำเป้าหมายต่างๆ ให้สำเร็จและราบรื่น นายไชยกล่าวว่า “นับเป็นครั้งแรกของธุรกิจประกันชีวิตไทยที่นำเทคโนโลยีดิจิทัล มาพัฒนาเป็นเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนให้คนสามารถออกไปใช้ชีวิตได้แบบ End 2 End ตั้งแต่การสร้างแรงบันดาลใจ การกระตุ้นให้เกิดการลงมือทำ การวางแผนหรือกำหนดรูปแบบกิจกรรมที่ตรงตามไลฟ์สไตล์ ตรงตามความชอบและความมุ่งหวัง ซึ่งสอดคล้องกับ Insight ของคนในปัจจุบันที่ต้องใช้ชีวิตเร่งรีบ จนทำให้บางครั้งไม่มีเวลาในการวางแผนออกไปใช้ชีวิตตามที่ตัวเองชื่นชอบ หรือใช้เวลากับคนที่รักอย่างมีความหมาย” “Live Bright” ประกอบด้วย 5 ฟีเจอร์หลัก ได้แก่ 1. Personalize Bucket List Idea: ค้นหาแรงบันดาลใจ แนะนำไอเดียที่จะช่วยจุดประกายกิจกรรมให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ ผ่านบทความ ประสบการณ์การเดินทาง และกิจกรรมต่างๆ โดยสามารถเพิ่มรายการสิ่งที่อยากทำ เพื่อสร้างแผนกิจกรรมของตัวเอง และแชร์กิจกรรมนี้ให้กับคนที่รักสามารถร่วมทำกิจกรรมด้วยกัน 2. Smart Planning Tool: ตัวช่วยในการวางแผนสุดฉลาด โดยเทคโนโลยี Generative AI จะช่วยวิเคราะห์ความชอบ ความต้องการ พร้อมแนะนำที่พัก ร้านอาหาร จุดท่องเที่ยวที่เหมาะสม ตรงกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะบุคคล รวมถึงแนะนำทิปส์ในการเตรียมตัวก่อนทำกิจกรรม 3. TO-DO-LIST: คำแนะนำสิ่งที่ห้ามลืม และสิ่งของที่ควรเตรียม ให้เหมาะกับแต่ละกิจกรรม 4. Reminder Tool: แจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อไม่พลาดกิจกรรมสำคัญที่ได้วางแผนไว้ พร้อมฟังก์ชันในการเตรียมตัว เช่น เช็กสภาพอากาศ 5. Meaningful Wrap Up: สรุปผลประจำแต่ละเดือน เพื่อให้เห็นว่าเราใช้เวลาทำสิ่งที่มีความหมายกับใครไปบ้าง และสิ่งไหนที่ยังรอให้ลงมือทำ ผู้สนใจสามารถใช้งาน Live Bright ได้บนสมาร์ทโฟน ผ่าน LINE OA: @ThaiLifeInsurance และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Live Bright ได้ที่ https://campaign.thailife.com/livebright และสามารถติดตามชมภาพยนตร์โฆษณา Live Life with no Regret ได้ที่ YouTube Thailifechannel

15 Oct 2024


...

(จากซ้าย) นายสมรรถ อินทรกำธรชัย ผู้อำนวยการฝ่ายสรรหาและพัฒนาตัวแทน เอไอเอ ประเทศไทย นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย คุณกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นายคุณไมตรี ชนูดหอม ผู้อำนวยการภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 4  และนางสาวมณี ไวยภาษ ผู้อำนวยการ สำนักงาน คปภ. จ.นครราชสีมา   เอไอเอ ประเทศไทย ตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ เดินหน้าเปิดศูนย์ฝึกอบรมที่ปรึกษาด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ จังหวัดนครราชสีมา (AIA FA Center Korat) ซึ่งนับเป็นแห่งที่ 14 ของประเทศไทย เพื่อรองรับอัตราการเติบโตของลูกค้าในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจำนวนที่ปรึกษาด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย โดย AIA FA Center นครราชสีมา จะเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่มุ่งเพิ่มพูนศักยภาพของที่ปรึกษาด้านการประชีวิต การเงิน และสุขภาพของเอไอเอ ให้ได้มาตรฐานระดับสากล และพร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้มีความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพ ผ่านการวางแผนชีวิต สุขภาพ และการเงิน จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อมุ่งส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ โดยพิธีเปิดศูนย์ฝึกอบรมที่ปรึกษาด้านการประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ จังหวัดนครราชสีมา (AIA FA Center Korat) จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา   นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ มุ่งเน้นการพัฒนาตัวแทนมาอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากตัวแทน ถือเป็นพลังขับเคลื่อนธุรกิจของเราให้เติบใหญ่และแข็งแกร่งมาจนถึงปัจจุบันที่เอไอเออยู่ดูแลคนไทยมานานกว่า 86 ปี โดยหัวใจสำคัญคือการที่เราไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาความรู้และยกระดับศักยภาพของตัวแทนให้ก้าวขึ้นเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (AIA Financial Advisor) ระดับโลกที่เปี่ยมด้วยความสามารถในการให้คำปรึกษาและช่วยคนไทยวางแผนชีวิต สุขภาพ และการเงิน ผ่านแผนประกันชีวิตและสุขภาพ รวมถึงประกันชีวิตความการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าของเราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างไม่ประมาท และไปสู่เป้าหมายชีวิตของตนเองและครอบครัวได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีที่ปรึกษาทางการเงินของเอไอเอ เป็น Life partner ที่คอยอยู่เคียงข้าง “ทั้งนี้ ปัจจุบันเอไอเอมีตัวแทนจำนวนมากกว่า 50,000 คน รวมถึงตัวแทนที่เป็น AIA Financial Advisor (AIA FA) ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเพิ่มสัดส่วน AIA FA ให้มากขึ้น และมีพื้นที่ในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรกลุ่มนี้ให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น การเปิด AIA FA Center แห่งนี้ จึงถือเป็นเส้นทางที่จะนำเราไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อให้ AIA FA ทุกคนสามารถส่งมอบความคุ้มครองและการบริการที่มีคุณภาพให้กับคนไทยต่อไป” นางอลิสา สิมะโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “AIA FA Center นครราชสีมา ถือเป็นแห่งที่ 14 ของประเทศ และเป็นแห่งที่ 4 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ซึ่งจากสถิติ 3 ปีย้อนหลัง จำนวนที่ปรึกษาด้านประกันชีวิต การเงิน และสุขภาพ (AIA Financial Advisor) ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน มีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเราคาดว่าในปีนี้จะเติบโตสูงขึ้นอีกกว่า 2 เท่า นอกเหนือจากนี้ เอไอเอ ยังเล็งเห็นถึงการเติบโตของลูกค้าในภาคอีสานที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะพื้นที่อีสานตอนล่าง อีกทั้งลูกค้าส่วนใหญ่ในภาคอีสานเป็นลูกค้าที่มีศักยภาพ มีธุรกิจส่วนตัว และเป็นครอบครัวใหญ่ เอไอเอจึงมุ่งหวังที่จะพัฒนาที่ปรึกษาทางการเงินของเราให้สามารถเข้าไปช่วยวางแผนชีวิต สุขภาพ และการเงิน เพื่อต่อยอดความมั่งคั่ง และสนับสนุนให้ลูกค้ามีความมั่งคงอย่างยั่งยืน”

10 Oct 2024

...

  บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษ "Saving Fest เทศกาลสุดเซฟ...แห่งปี" เพื่อมอบส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 30% แก่ลูกค้าใหม่ที่ซื้อประกันออนไลน์ แคมเปญนี้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ประกันภัยหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยสุขภาพ ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย ประกันภัยสัตว์เลี้ยง และประกันภัยอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ง่าย ๆ เพียงกรอกโค้ด SAVE24 ก่อนการชำระเงินที่เว็บไซต์ www.tipinsure.com หรือคลิกที่ลิงก์ https://bit.ly/_SAVE24 เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อประกันภัยออนไลน์  ได้ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน - 15 พฤศจิกายน 2567   #ทิพยประกันภัย #Dhipaya #Savingfest24  

08 Oct 2024

...

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) เผยว่า เนื่องในวาระ 75 ปีของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร มุ่งใช้ศักยภาพทุกด้าน ช่วยลูกค้าและคนไทยทุกคนก้าวสู่โลกยุคใหม่ด้วยความมั่นใจ พร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน การมีประกันออมทรัพย์ระยะสั้น ที่มีความคุ้มครองชีวิตและเงินคืนทุกปี จะทำให้สามารถนำเงินคืนไปลงทุนต่อ และใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ OCEAN LIFE ไทยสมุทร จึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตออมทรัพย์ระยะสั้น ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนรุ่นใหม่ ได้แก่ “โอเชี่ยนไลฟ์ เมคชัวร์ 10/1” ที่ชำระเบี้ยประกันสั้นเพียง 1 ปี แต่ได้รับเงินคืนถึง 10 ปี    “โอเชี่ยนไลฟ์ เมคชัวร์ 10/1” ชำระเบี้ยประกันภัยเพียง 1 ปี มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปี รับเงินคืน 1.75% ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1-10 และเมื่อครบกำหนดสัญญารับเงินครบกำหนดสัญญา 100% ผู้สนใจสามารถสมัครทำประกันได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ และไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพในใบคำขอเอาประกันชีวิต จำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำ 50,000 บาท เบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สูงสุด 100,000 บาท รับประกันภัยบุคคลที่มีอายุ 20 – 75 ปี ทำประกันออนไลน์  “โอเชี่ยนไลฟ์ เมคชัวร์ 10/1” ได้ที่ https://www.ocean.co.th/our-products/tax-saving/oceanlife-makesure101 OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรมายาวนาน 75 ปี โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติเพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุดพร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคมเพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER 1503 ข้อควรทราบ - % หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินเอาประกันภัย - การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด - ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่างๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ - เบี้ยประกันภัยชีวิตสามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด - ผู้เอาประกันภัยที่ประสงค์จะนำเบี้ยประกันชีวิตไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องแจ้งความประสงค์และยินยอมให้บริษั นำส่งข้อมูลเบี้ยประกันชีวิตให้กรมสรรพากร - การนำส่งเบี้ยประกันภัยเป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยการที่ตัวแทนประกันชีวิตมาเก็บเบี้ยประกันภัยเป็นการให้บริการเท่านั้น - ข้อมูลในเอกสารนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัย/ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครอง ผลประโยชน์และข้อยกเว้น ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เมื่อได้รับกรมธรรม์แล้วโปรดศึกษาเพิ่มเติม

08 Oct 2024

...

เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัว “AIA Wealth Max” แบบประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ใหม่ล่าสุด ที่จะมาเป็นตัวช่วยในการวางแผนทางการเงิน และสร้างวินัยการออมเงิน พร้อมให้ลูกค้าได้รับความมั่งคั่งแบบเต็มแม็กซ์ ด้วยโบนัสสำหรับเบี้ยประกันภัยหลัก 2% ของเบี้ยประกันภัยหลักที่บริษัทได้รับในครั้งนั้น ตั้งแต่ปีกรมธรรม์ที่ 10 เป็นต้นไป* และโบนัสพาวเวอร์อัพ* ก้อนโตถึง 150%  ของเบี้ยประกันภัยหลักปีแรก เป็นจำนวน 1 ครั้ง ในปีกรมธรรม์ที่ 20 นอกจากนี้ “AIA Wealth Max (Unit Linked)” ยังการันตีความคุ้มครองชีวิตต่อเนื่องนาน 10 ปี* (Non-Lapse Guaranteed) พร้อมคุ้มครองชีวิตยาวจนถึงอายุ 99 ปี** เพื่อให้ลูกค้าอุ่นใจ และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่โดยมีเอไอเอคอยดูแลทั้งด้านชีวิตและการเงิน ซึ่งเอไอเอ ยังได้เตรียมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการลงทุนที่มีประสบการณ์ กว่า 250 คน ใน 18 ประเทศทั่วโลก คอยช่วยบริหารเงินลงทุนของลูกค้าผ่านบริการ AIA InvestPro เพื่อให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย สะดวก และมั่นคงยิ่งขึ้น ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพชีวิตและสุขภาพการเงินที่แข็งแรงในระยะยาว เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตที่ยืนยาวได้อย่างมีคุณภาพ ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ เข้าใจถึงความไม่แน่นอนของสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่ได้รับผลกระทบทั้งจากสถานการณ์ภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการวางแผนการเงินเพื่อสร้างความมั่นคงที่ยั่งยืน  ดังนั้น ประกันในรูปแบบ ‘ยูนิต ลิงค์’ จึงมีบทบาทสำคัญที่จะสามารถเข้ามาช่วยบริหารจัดการ และเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการวางแผนชีวิต การเงิน และสร้างวินัยในการออมเงิน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เอไอเอ จึงได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ AIA Wealth Max (Unit Linked) ขึ้น เพื่อให้เป็นตัวช่วยในการออมและต่อยอดเงินออมให้มีโอกาสสร้างมูลค่าได้เพิ่มสูงขึ้น จากโบนัสพาวเวอร์อัพ 150% ของเบี้ยประกันภัยหลักปีแรก เป็นจำนวน 1 ครั้ง ในปีกรมธรรม์ที่ 20 อีกทั้งยังได้รับโบนัสสำหรับเบี้ยประกันภัยหลัก 2% ของเบี้ยประกันภัยหลักที่บริษัทได้รับชำระในครั้งนั้น ตั้งแต่ปีกรมธรรม์ที่ 10 เป็นต้นไป เพื่อเก็บไว้ใช้ดูแลครอบครัวและคนที่คุณรัก “นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกความคุ้มครองชีวิตได้ 10-60 เท่า* ของเบี้ยประกันภัยหลัก โดยเอไอเอคำนึงถึงความยั่งยืนของกรมธรรม์ ทั้งในระยะสั้นแม้สถานการณ์การลงทุนจะผันผวน ทำให้มูลค่ารับซื้อคืนหน่วยลงทุนมีไม่เพียงพอหักค่าใช้จ่าย เอไอเอ ยังคงการันตีความคุ้มครองต่อเนื่องนานถึง 10 ปี และในระยะยาว เอไอเอจะช่วยปรับลดจำนวนเงินเอาประกันภัยเหลือ 5 เท่าของเบี้ยประกันภัยหลักต่อปีสำหรับปีกรมธรรม์ล่าสุด ตั้งแต่วันครบรอบปีกรมธรรม์เมื่อลูกค้าอายุครบ 65 ปี ซึ่งมีผลให้ค่าการประกันภัยลดลง และมีเงินไปลงทุนในกองทุนรวมมากขึ้น เพื่อเป็นการช่วยลูกค้าบริหารความมั่งคั่งในช่วงวัยเกษียณ จึงถือได้ว่า AIA Wealth Max (Unit Linked) เป็นแบบประกันที่เอไอเอจัดมาให้ครบทั้งความคุ้มครองชีวิตและการลงทุน ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้ายังได้รับการดูแลและช่วยบริหารเงินลงทุนอย่างมืออาชีพ จากบริการ AIA InvestPro ที่จะปรับพอร์ตให้อัตโนมัติ เพื่อความเหมาะสมตามระดับความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย” พีร พนิตพล ผู้อำนวยการฝ่าย Total Wealth Solution (ซ้าย)  และ สุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย)  (ขวา) นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ในฐานะที่ บลจ. เอไอเอ (ประเทศไทย) มีหน้าที่ในการช่วยบริหารจัดการเงินลงทุนของลูกค้าที่ถือกรมธรรม์ยูนิต ลิงค์ ของเอไอเอ ผ่านกองทุนรวมทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเรามีทีมผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ด้านการลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุน ซึ่งเป็นทีมเดียวกับที่บริหารเงินลงทุนให้กับเอไอเอ ประเทศไทย คอยช่วยบริหารจัดการเงินลงทุนของลูกค้า เอไอเอ ยูนิต ลิงค์ อีกทั้งยังมีพันธมิตรผู้จัดการกองทุนระดับโลก อย่าง BlackRock, Wellington Management, Baillie Gifford, Capital Group และ Robeco ที่ทำงานกับเราอย่างใกล้ชิด ช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลการลงทุนในเชิงลึกได้อย่างรวดเร็ว ตลอดจนความแข็งแกร่งของ AIA Investments กลุ่มการลงทุนของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ที่ได้เข้ามาผนึกความสามารถและความเชี่ยวชาญ เพื่อทำให้การบริหารจัดการเงินลงทุนของลูกค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว มีสุขภาพทางการเงินที่ดี สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้สำเร็จ โดยบริการ AIA InvestPro นั้น ลูกค้าจะสามารถเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับความเสี่ยงและเป้าหมายทางการเงินของลูกค้าแต่ละท่าน และลงทุนผ่านกองทุน AIA Asset Allocation Funds ทั้งหมด 6 กองทุนที่มีระดับความเสี่ยงที่แตกต่างกันรวมถึงมีนโยบายการลงทุนที่เน้นในประเทศเพียงอย่างเดียว และกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ”  นายพีร พนิตพล ผู้อำนวยการฝ่าย Total Wealth Solution เผยว่า “AIA Wealth Max (Unit Linked) เป็นแบบประกันชีวิตควบการลงทุน ที่เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มองหาตัวเลือกในการออมเงินระยะกลางถึงระยะยาวที่มีความคุ้มค่า จากโบนัสพาวเวอร์อัพ และโบนัสสำหรับเบี้ยประกันภัยหลัก ตลอดจนความมั่นคงจากความคุ้มครองชีวิต โดยเอไอเอมุ่งเน้นออกแบบผลิตภัณฑ์นี้ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินของกลุ่มลูกค้าได้หลากหลาย เช่น วัยเริ่มต้นทำงาน ที่อยากเริ่มต้นการออมด้วยเบี้ยประกันที่ไม่สูงมาก ในรูปแบบประกันชีวิตควบการลงทุน กลุ่มคนที่ต้องการวางแผนการศึกษาบุตร และมองหาความมั่นคงเพื่ออนาคตของบุตร ตลอดจนกลุ่มลูกค้าสินทรัพย์สูง ที่มุ่งต่อยอดความมั่งคั่งด้วยแบบประกันที่มีความยืดหยุ่น เพื่อตอบโจทย์ความเสี่ยงทางธุรกิจ” ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา “AIA Wealth Max (Unit Linked)” ซึ่งสามารถรับชมได้แล้วทางสื่อออนไลน์ของ เอไอเอ ประเทศไทย ทั้ง AIA Official Facebook Page, AIA Thailand YouTube Channel และ Line Official Account สามารถคลิกลิงก์ https://youtu.be/b5IE54siyr8 เพื่อรับชม สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ “AIA Wealth Max (Unit Linked)” สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ https://www.aia.co.th/th/our-products/save-invest/aia-wealth-max-unit-linked และสามารถติดต่อที่ปรึกษาทางการเงิน ของเอไอเอ ประเทศไทย หรือติดต่อ AIA Call Center 1581

06 Oct 2024

...

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เดินหน้าสร้างการรับรู้แบรนด์ “ประกันติดโล่” ต่อเนื่อง ล่าสุดส่งหนังโฆษณาชุด “กาลครั้งหนึ่ง...ความสบายใจ” เพื่อสื่อสารจุดยืนของประกันติดโล่ในการเป็นเซอร์วิสโบรกเกอร์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการนำเสนอบริการที่จริงใจ และเข้าใจความต้องการของลูกค้าเพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการนายหน้าประกันที่ไม่ใช่เพียงแค่ขาย แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือลูกค้าให้ได้รับข้อมูลด้านประกันภัยที่ครบถ้วน เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เหมาะสมที่สุด รวมถึงดูแลประสานงานกับบริษัทประกันเมื่อลูกค้าต้องการความช่วยเหลือทั้งตอนฉุกเฉินและตอนเคลม โดยหนังโฆษณาชุดดังกล่าวได้รับการกำกับจากผู้กำกับมือดี คุณเอ๋ ธีระพล สุเนต์ตา ที่นำเสนอเรื่องราวของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่ซื้อประกันรถยนต์ผ่านประกันติดโล่ สำหรับผู้สนใจสามารถรับชมหนังโฆษณาชุด “กาลครั้งหนึ่ง...ความสบายใจ” ได้ที่ Facebook Fan page ประกันติดโล่ และ YouTube ประกันติดโล่ คุณอาฑิตยา พูนวัตถุ ผู้บริหารด้านธุรกิจประกันภัย กล่าวว่า การสื่อสารแบรนด์ “ประกันติดโล่” ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นย้ำถึงจุดเด่นด้านบริการของประกันติดโล่ ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกสบายใจทุกเรื่องประกัน ตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อประกัน ไปจนตอนที่ลูกค้าเกิดอุบัติเหตุ และต้องการความช่วยเหลือในการเคลมประกัน ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดในการดำเนินธุรกิจ “ความสบายใจเป็นสิ่งที่ทุกคนควรได้รับจากการซื้อประกัน” ถือเป็นคำมั่นสัญญาที่ประกันติดโล่ให้ไว้กับลูกค้า และยังนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างมาตรฐานการดำเนินธุรกิจให้กับวงการนายหน้าประกันภัยในประเทศไทย “ประกันติดโล่” (ชื่อเดิม ประกันติดล้อ) แบรนด์นายหน้าประกันภัย นอกเหนือจากการผ่อนประกันรถยนต์ด้วยเงินสด 0% สูงสุด 10 เดือนแล้ว ประกันติดโล่มีจุดเด่นด้านบริการที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน ตั้งแต่ 1.ให้คำแนะนำโดยนายหน้าผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาตถูกต้องกว่า 5,000 คน 2.นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยความโปร่งใส ชี้แจงครบทุกรายละเอียด 3.ติดต่อง่าย ได้หลายช่องทาง ทั้งที่สาขาเงินติดล้อและจุดบริการกว่า 1,700 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออฟไลน์ ออนไลน์ และแพลตฟอร์มดิจิทัล และ 4.ติดตามการเคลมอย่างใกล้ชิด ดูแลลูกค้าตั้งแต่การขายจนหมดระยะเวลาคุ้มครองตามกรมธรรม์  รวมถึงช่องทาง ประกันติดโล่ Call Center 1501 ที่ดูแลครอบคลุมทั้งรับแจ้งและประสานงานเคลมจากอุบัติเหตุ ช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ติดตามสถานะการเคลม ให้คำปรึกษาและประสานงานกับบริษัทประกันเพื่อพิจารณาสินไหม ลูกค้ายังสามารถขอคำปรึกษาด้านการซื้อประกัน การผ่อนประกัน การแก้ไขและติดตามกรมธรรม์ หรือสอบถามข้อมูลในตารางกรมธรรม์ ได้สะดวกทุกวัน ตลอด 24 ชม. ผู้สนใจเยี่ยมชมข้อมูล “ประกันติดโล่” ได้ที่ www.prakantidloh.com หรือสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์และรับบริการจากประกันติดโล่เพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1501 ตลอด 24 ชม.    

06 Oct 2024

...

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต นำโดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) และคุณสมชัย อาภรณ์ศิริพงษ์ Deputy Chief Executive Officer นำทีมที่ปรึกษาประกันชีวิต OCEAN LIFE  ไทยสมุทร จำนวน 25 ท่าน รับรางวัล “APFinSA Awards ครั้งที่ 4 ประจำปี 2024” ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติในอุตสาหกรรมประกันชีวิต ที่มอบให้กับที่ปรึกษาประกันชีวิต เพื่อเชิดชูผู้ที่มีผลงานยอดเยี่ยม มีความสามารถและศักยภาพ รวมทั้งมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพ และยกระดับความเป็นมืออาชีพ จนเป็นที่ยอมรับในระดับมาตรฐานเอเชียแปซิฟิก งานนี้จัดขึ้นโดย สมาคมที่ปรึกษาทางการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก (APFinSA) และสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน (THAIFA) ณ แกรนด์ ไดมอน บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี OCEAN LIFE ไทยสมุทร ไม่หยุดใช้พลังความรักพัฒนาที่ปรึกษาประกันชีวิตกว่า 14,000 คนทั่วประเทศ ให้มีความเป็นมืออาชีพที่เข้าใจความต้องการและความจำเป็นในการทำประกันชีวิต เพื่อช่วยปิดความเสี่ยงในโลกยุคใหม่ และพร้อมที่จะส่งมอบบริการที่ดีที่สุดกับลูกค้าทุกคน ร่วมติดตามข่าวสารและกิจกรรมดี ๆ จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร ได้ที่  OCEAN CLUB APP / LINE / Facebook / Instagram / Youtube : oceanlife  เว็บไซต์ www.ocean.co.th หรือติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER 1503

01 Oct 2024

ECONOMY-FINANCE/เศรษฐกิจ-การเงิน

...

  ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” พร้อมสนับสนุนคนไทยมีทางเลือกในการออมมากขึ้น กับ “เงินฝากออมทรัพย์ มั่งคั่ง ร่ำรวย” ที่ให้ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 2.00% ต่อปี (สำหรับผู้ที่ฝากเงินตั้งแต่วันที่เปิดบัญชี ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2568) เพียงเปิดบัญชีเงินฝากตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไป โดยไม่จำกัดวงเงินฝาก ตั้งแต่วันนี้ - 31 ตุลาคม 2567 หรือจนกว่าจะเต็มกรอบวงเงิน พิเศษ! บุคคลธรรมดาได้รับการยกเว้นภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ผู้ที่สนใจสามารถเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ “มั่งคั่ง ร่ำรวย” ได้ที่สาขาธนาคาร โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคาร ได้ที่ Mobile Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th 

14 Oct 2024


...

บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQMalpha เปิดเผยรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ ณ วันที่ 26 กันยายน 2567 ว่า ผู้บริหารของ TQM จำนวน 2 ท่าน ได้ซื้อหุ้น TQM ได้แก่ 1. นายอัญชลิน พรรณนิภา ประธานกรรมการบริษัท จำนวน 170,000 หุ้น ราคาเฉลี่ย 28.39 บาท และ 2. นางนภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานบริหาร จำนวน 170,000 หุ้น ราคาเฉลี่ย 28.56 บาท การซื้อหุ้นของผู้บริหารทั้ง 2 ท่าน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในทิศทางและศักยภาพการเติบโตของบริษัทในอนาคตอย่างชัดเจน ตามการเติบโตของธุรกิจประกันในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ได้ตามเป้าหมาย รวมถึงการเข้าลงทุน ใน 2 บริษัทที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่ม ได้แก่ 1) บริษัท มายกรุ๊ป อินเทลลิเจ้นท์ จำกัด 2) บริษัท เงินเรื่องจิ๊บ จำกัด โดยการลงทุนในทั้งสองบริษัทนี้ ช่วยเพิ่มความหลากหลายของบริการและช่องทางการจัดจำหน่ายของ TQMalpha อีกทั้งยังเสริมศักยภาพในการดูแลลูกค้าหลากหลายกลุ่มได้อย่างครอบคลุม ตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ส่งผลให้กำไรของบริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยมีกำไรขั้นต้น 1,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59 ล้านบาท หรือ 6% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 447 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46 ล้านบาท หรือ 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ชี้ให้เห็นว่า TQMalpha มีแนวโน้มอย่างมากที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้สำหรับปี 2567 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5-10%

06 Oct 2024

...

ตามที่ นางสาวเเพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายสั่งการให้หน่วยงานของรัฐ เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ณ วันที่ 26 กันยายน 2567 โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินดำเนินการ ธนาคารจึงออก มาตรการช่วยเหลือโดยการพักหนี้อัตโนมัติ – พักจ่ายเงินต้นและไม่คิดดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 3 เดือน ช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567 ซึ่งจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและแบ่งเบาภาระของลูกหนี้ธนาคารออมสินในพื้นที่ประสบภัยตามประกาศฯ จำนวนกว่า 110,000 บัญชี คิดเป็นเงินต้นรวมกว่า 43,000 ล้านบาท มาตรการพักหนี้อัตโนมัติ - พักจ่ายเงินต้นและไม่คิดดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อพักชำระหนี้ให้กับสินเชื่อ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท และสินเชื่อรายย่อยทุกประเภทซึ่งรวมถึงสินเชื่อพัฒนากลุ่มอาชีพ และสินเชื่อสวัสดิการ (ยกเว้นสินเชื่อชีวิตสุขสันต์ และ สินเชื่อตามนโยบายรัฐ หรือ Public Service Account - PSA) โดยลูกหนี้ที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้ามาตรการฯ ต้องมีภูมิลำเนา ที่อยู่ หรือที่ประกอบอาชีพ ในพื้นที่ประสบภัยตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ณ วันที่ 26 กันยายน 2567 ทั้งนี้ ธนาคารจะส่ง SMS หรือจดหมายแจ้งการพักชำระหนี้อัตโนมัติให้ลูกหนี้ทราบ ซึ่งจะมีผลในงวดเดือนตุลาคม - งวดเดือนธันวาคม 2567 หลังจากนั้นลูกหนี้จะต้องกลับมาชำระหนี้ตามปกติตั้งแต่งวดเดือนมกราคม 2568 เป็นต้นไป กรณีไม่ต้องการพักหนี้อัตโนมัติ สามารถชำระหนี้ได้เช่นเดิม โดยผู้เป็นลูกหนี้ปกติที่ชำระหนี้ในช่วงเวลา 3 เดือนของมาตรการฯ ธนาคารจะนำไปตัดต้นเงิน ส่วนผู้ที่ได้เข้าร่วมมาตรการพักหนี้ ลดดอกเบี้ยครึ่งหนึ่งมาแล้วก่อนหน้านี้ จะได้รับการพิจารณาเข้ามาตรการนี้โดยอัตโนมัติด้วยเช่นกัน สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้เพื่อนำไปบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยพิบัติ สามารถยื่นขอสินเชื่อฉุกเฉิน หย่อนเกณฑ์อนุมัติ ให้กู้สูงสุดรายละไม่เกิน 10,000 บาท ไม่ต้องมีหลักประกันและไม่มีผู้ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% สำหรับ 3 เดือนแรก หลังจากนั้นเดือนที่ 4 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 0.60% หรืออาจยื่นขอสินเชื่อวงเงินสูงขึ้นเป็นรายละไม่เกิน 50,000 บาท แบบมีหลักประกัน อัตราดอกเบี้ย 3 เดือนแรก 0% ต่อเดือนเช่นกัน รวมถึงมาตรการสินเชื่อเคหะสำหรับผู้ที่ต้องการซ่อมแซมฟื้นฟูที่อยู่อาศัยที่เสียหาย ธนาคารให้วงเงินกู้สูงถึง 100% ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยพิเศษเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.233% ต่อปี ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsb.or.th หรือที่ GSB Contact Center โทร.1115 และติดต่อขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่สาขาธนาคารออมสิน ภายใน 30 วัน นับจากวันที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัย    

30 Sep 2024

...

นายเคนอิจิ ยามาโตะ (5 จากขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)  พร้อมด้วยคณะผู้บริหารนำโดย นายสยาม ประสิทธิศิริกุล (5 จากซ้าย) กรรมการเจ้าหน้าที่บริหาร; นางสาวสายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์ (4 จากขวา) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านนวัตกรรมดิจิทัลและข้อมูล; นายพชร วันรัตน์เศรษฐ (4 จากซ้าย) ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ; คุณตุลย์ โรจน์เสรี (3 จากขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานข้อมูลและการวิเคราะห์ และพันธมิตรสายเทคชั้นนำ โชว์ศักยภาพความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง ในงาน Krungsri Tech Day 2024: Technology for People มหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คน จัดขึ้นที่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์ กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) โชว์ศักยภาพความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง กางแผนขับเคลื่อนด้านไอทีและดิจิทัลที่มุ่งผลักดันเทคโนโลยี AI ชูความแข็งแกร่งทีม ‘Krungsri AI’ ในการเสริมประสิทธิภาพดิจิทัลโซลูชัน เพื่อยกระดับการส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่ทำให้ชีวิตและการทำธุรกิจของลูกค้าง่ายยิ่งขึ้นในทุกมิติ ในงาน Krungsri Tech Day 2024: Technology for People มหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คน จัดขึ้นที่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เวสต์ นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดงานว่า “ภายใต้แผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบัน กรุงศรีตั้งเป้าหมายในการเป็นธนาคารชั้นนำแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน โดยมุ่งรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจหลักและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนด้วยการพัฒนาทางเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลที่ครอบคลุม 4 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ เทคโนโลยีดิจิทัล ฐานข้อมูล ระบบนิเวศ และความร่วมมือจากพันธมิตร งาน Krungsri Tech Day 2024 จึงเปรียบเสมือนเวทีแสดงศักยภาพของกรุงศรีในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีทางการเงิน ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินของกรุงศรี เพื่อส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการและช่วยให้การใช้ชีวิตและการทำธุรกิจของลูกค้าง่ายยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็หวังว่างานดังกล่าวจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการเติบโตและความยั่งยืน”   ด้าน นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านดิจิทัลแบงก์กิ้ง กรุงศรีมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อต่อยอดการพัฒนาและเพิ่มขีดความสามารถขององค์กร โดยการพัฒนาในด้านไอทีและดิจิทัลของกรุงศรีกรุ๊ปจะเป็นการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม ภายใต้แนวคิด Technology for People ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีหรือโซลูชันทางการเงินที่เข้าไปอยู่ในทุกๆ ไลฟ์สไตล์ของผู้คน ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะมีพฤติกรรมความต้องการทางการเงินในรูปแบบใด โดยโซลูชันที่นำเสนอนั้นอาจไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมากที่สุด แต่ต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนได้มากที่สุด ด้วยประสบการณ์ทางการเงินที่สะดวก รวดเร็ว และง่ายยิ่งขึ้น โดยในปีนี้ เราได้ลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาด้านไอทีและดิจิทัลโซลูชัน และยังได้เสริมศักยภาพการพัฒนาอย่างเข้มข้นด้วยทีม Krungsri AI ที่จะช่วยผลักดันการพัฒนาในด้าน AI, Machine Learning และ Data Analytics รวมทั้งการพัฒนาด้านบุคลากร ซึ่งเป็นการสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจกรุงศรีในภาพรวม พร้อมส่งเสริมความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีแบบองค์รวมครอบคลุมทั้งระบบนิเวศ”   “ด้วยความสำคัญของเทคโนโลยี AI ที่กำลังเข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินงานในหลายๆ ธุรกิจ รวมทั้งภาคการเงิน ซึ่งกรุงศรีได้ทำการศึกษา ค้นคว้า และทดลองมาโดยตลอด และในปีนี้เราได้รุกหนักการพัฒนาด้าน AI โดยเสริมทัพทีม Krungsri AI สร้างความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้เกิดการศึกษาวิจัย และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ได้อย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น อาทิ การใช้ AI ประเมินมูลค่าคอนโด เพิ่มประสิทธิภาพการเติมเงินสดสำหรับตู้ ATM หรือแชตบอตที่พนักงานสามารถใช้ค้นหาและสรุปความรู้ต่างๆ ภายในองค์กร รวมถึงข้อมูลในเชิงลึก ด้วยการนำข้อมูลของธนาคารมาเชื่อมโยงและวิเคราะห์ออกมาเป็นคำตอบที่ชัดเจนและแม่นยำ นอกจากนี้ ด้วยผลลัพธ์จากการยกระดับ Core Banking ในปีที่ผ่านมา ทำให้กรุงศรีสามารถขยายศักยภาพเพื่อรองรับกับดีมานด์ของ Embedded Finance Solutions หรือการนำโซลูชันทางการเงินของกรุงศรีเข้าไปช่วยระบบหลังบ้านของธุรกิจต่างๆ โดยที่ลูกค้าหรือผู้ใช้งานอาจจะไม่ทราบว่ากำลังใช้โซลูชันของกรุงศรี ซึ่งที่ผ่านมากรุงศรีนำเสนอ Embedded Finance Solutions ให้กับหลายองค์กรในหลายกลุ่มธุรกิจ อาทิ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจระบบความปลอดภัย อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เป็นต้น” นายสยาม กล่าวเสริม   จากซ้ายไปขวา- นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานกลุ่มสนับสนุนธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน); นางสาวสายสุนีย์ หาญประเทืองศิลป์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านนวัตกรรมดิจิทัลและข้อมูล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน); นายพชร วันรัตน์เศรษฐ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน); คุณตุลย์ โรจน์เสรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานข้อมูลและการวิเคราะห์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)   ทั้งนี้ ทิศทางและกลยุทธ์ในการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลของกรุงศรี มุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบบองค์รวมผ่าน 4 แกนหลัก ดังนี้ Krungsri AI: พัฒนา AI โดยเน้นการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง และประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI  เพื่อเร่งเครื่องการพัฒนาดิจิทัลโซลูชันเพื่อการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจ โดยมีเป้าหมายหลักคือ ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้น เร็วขึ้น และง่ายยิ่งขึ้น Embedded Finance Solutions: ใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและโซลูชันทางการเงินของกรุงศรีต่อยอดบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ที่อยู่เบื้องหลังทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คน ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์ทางการเงินของลูกค้าในยุคดิจิทัลให้ดียิ่งขึ้น อาทิ เทคโนโลยี API ที่ช่วยให้การทำธุรกรรมมีความถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น ระบบการชำระเงินออนไลน์ ธุรกรรมการขอสินเชื่อ และประกันภัย เป็นต้น      Transformation: การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที โดยมีแผนงานหลักภายใต้โครงการ “Jupiter by Krungsri” ซึ่งช่วยลดความซับซ้อนของสถาปัตยกรรมระบบไอทีให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จะเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์การบริการที่ดียิ่งขึ้น ทั้งในแง่ของความสะดวก รวดเร็ว และความปลอดภัย ทั้งนี้ ยังเอื้อต่อการพัฒนาต่อยอดในอนาคตซึ่งรวมถึงการขยายการให้บริการในระดับภูมิภาค และการปรับปรุงการปฏิบัติการด้วยโปรเจค Green IT เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายด้านความยั่งยืน Social Impact: ด้วยปริมาณความต้องการบุคลากรสายเทคที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบัน กรุงศรีพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างศักยภาพให้กับบุคลากรสายเทค รวมถึงพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีให้กับผู้ที่สนใจแม้ไม่ได้เรียนจบหรือมีประสบการณ์การทำงานในสายเทค โครงการเหล่านี้ไม่เพียงตอบโจทย์การเติมเต็มบุคลากรให้กับกรุงศรี แต่ยังช่วยสร้างทักษะให้กับทรัพยากรในตลาดแรงงานเพื่อเพิ่มโอกาสและความเท่าเทียมในการเข้าถึงตำแหน่งงานสายเทคโนโลยีให้กับผู้คนอีกเป็นจำนวนมาก อาทิ โครงการ Krungsri Universe Collaboration โดย Stellar by krungsri ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ ช่วยพัฒนาความรู้ ทักษะด้านเทคโนโลยี และความพร้อมในการทำงานสายเทคให้กับนักศึกษา โครงการ QA Academy ของกรุงศรี นิมเบิล ที่ขยายโอกาสการพัฒนาทักษะทางเทคโนโลยีให้กับบุคลากรในภูมิภาค เพื่อเข้าถึงตำแหน่งงานในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีความต้องการสูง รวมทั้งเปิดตัว โครงการ Krungsri Upskill & TITAN Program ที่เปิดโอกาสให้บุคลากรในสายงานต่างๆ ได้มาอัปสกิลและรีสกิลตัวเองเข้าสู่สายงานเทค ด้วยการอบรมทักษะอย่างเข้มข้นร่วมกับพันธมิตรสายเทคชั้นนำ เพื่อพัฒนาศักยภาพและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตำแหน่งงานที่เหมาะสม   สำหรับงาน Krungsri Tech Day 2024 จัดต่อเนื่องเป็นปีที่สาม โดยในปีนี้ กรุงศรีร่วมมือกับพันธมิตรสายเทค ได้แก่ Accenture, AWS, Dynatrace, G-Able, HPE, IBM, Kyndryl, MFEC, Microsoft, NUTANIX, PagerDuty, Stream I.T. และ True Digital Park นำเสนอความก้าวหน้าและการใช้งานเทคโนโลยีที่ช่วยให้ทั้งชีวิตและการทำธุรกิจง่ายขึ้นในทุกมิติ พร้อมเปิดพื้นที่ให้คนสายเทค สายธุรกิจ และบุคคลทั่วไปที่สนใจเทคโนโลยีได้มาอัปเดตเทรนด์การพัฒนาเทคโนโลยี อัปเลเวลการทำธุรกิจด้วยโซลูชันพร้อมใช้ และอัปสกิลความสามารถด้านเทคโนโลยีแบบเข้มข้นผ่านเวทีสัมมนา และกิจกรรมเวิร์กชอปที่น่าสนใจมากมายกว่า 40 หัวข้อ โดยผู้เชี่ยวชาญจากทั้งธนาคารกรุงศรี และพันธมิตร กว่า 70 ท่าน “สุดท้ายนี้ กรุงศรี ขอขอบคุณพันธมิตรทุกท่านที่ช่วยสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ ซึ่งทำให้เราได้มีโอกาสนำเสนอ   นวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยีที่สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจได้อย่างครอบคลุม และยังได้ร่วมเป็นกำลังสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรสายเทคให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยสร้างการเติบโตทางธุรกิจ และที่สำคัญที่สุด คือเพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจของลูกค้าให้ง่ายยิ่งขึ้น สอดคล้องกับคำมั่นสัญญา ‘ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน’ ” นายสยาม กล่าวทิ้งท้าย

22 Sep 2024

...

กบข. เดินหน้าสนับสนุนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เข้าลงทุนในกรีนบอนด์ของราช กรุ๊ป มูลค่ารวม 4 พันล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โครงการพลังงานหมุนเวียน เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ในฐานะนักลงทุนสถาบัน ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างรับผิดชอบ เน้นลงทุนในธุรกิจที่นำประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG มาใช้ในการดำเนินงาน และหาโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีมาโดยตลอด จึงได้เข้าลงทุนในหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ กรีนบอนด์ ของบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 2 ชุด มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.81% และอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.00% โดยการลงทุนในกรีนบอนด์ของราช กรุ๊ป เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ได้รับผลตอบแทนที่ดี เนื่องจากบริษัทมีผลกำไรที่มีความมั่นคง ความสามารถในการชำระหนี้อยู่ในระดับที่ดี มีอันดับความน่าเชื่อถือ AA+ รวมถึงยังมีส่วนช่วยพัฒนาโครงการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เนื่องจากราช กรุ๊ป เป็นบริษัทให้ความสำคัญกับ ESG โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพลังงานสะอาด และพลังงานทดแทน รวมถึงการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง ผู้มีส่วนได้เสียในทุกมิติ ที่ตรงกับเป้าหมายการลงทุนของ กบข. ที่นอกจากผลตอบแทนการลงทุนยังให้ความสำคัญกับผลตอบแทนด้านสังคม สิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน   นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (หุ้นกู้สีเขียว) ต่อ กบข. จำนวน 2 ชุด มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายในวงจำกัดให้กับผู้ลงทุนไม่เกิน 10 ราย (PP10) สำหรับหุ้นกู้ชุดที่ 1 มูลค่า 2,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570 อัตราดอกเบี้ย 2.81% ส่วนหุ้นกู้ชุดที่ 2 มูลค่า 2,000 ล้านบาท อายุ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2572 อัตราดอกเบี้ย 3.00% ซึ่งบริษัทฯ จะชำระดอกเบี้ยทุก 6 เดือน และจะชำระคืน เงินต้นหุ้นกู้ทั้งจำนวนในวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ และมีความยินดีอย่างยิ่งที่ กบข. ได้ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่ได้ขับเคลื่อนองค์กรด้วยธรรมาภิบาลให้เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ตลอดจนคุณค่าร่วมที่เสริมหนุนต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 โดยจะมุ่งเน้นลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและโครงการด้านพลังงานที่พัฒนาขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ซึ่งเป้าหมายกำลังผลิตพลังงานทดแทนจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% ในปี 2578 จากปัจจุบันอยู่ที่ 27% ของกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมที่สำคัญ ความสำเร็จครั้งนี้   ยังสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันที่มีต่อตราสารหนี้ภาคเอกชนของไทย โดยเฉพาะตราสารหนี้ที่ออกโดยองค์กรที่มีพื้นฐานธุรกิจและการเงินที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพการเติบโตสูง รวมถึงการมีธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ  “บริษัทฯ ได้เสนอขายหุ้นกู้สีเขียวให้กับ กบข. เพียงรายเดียว จึงขอขอบคุณ กบข. ที่ให้การสนับสนุนหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ทั้ง 2 ชุด ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไปใช้ภายใต้กรอบหลักเกณฑ์การระดมทุนเพื่อโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ Green Financing Framework ทั้งเพื่อเป็นเงินทุน และ/หรือ ทดแทนเงินลงทุนในโครงการใหม่ หรือโครงการเดิมที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ และบริษัทในเครือ รวมถึงโครงการพลังงานหมุนเวียน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนธุรกิจและเป้าหมายการลงทุนโครงการพลังงานหมุนเวียนที่ชัดเจน ได้แก่ โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการพลังงานลม โครงการพลังงานน้ำ และระบบกักเก็บพลังงาน รวมทั้งศึกษาเทคโนโลยีพลังงานอนาคตเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศเป้าหมายลงทุนของบริษัทฯ เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนไปพร้อมๆ กับการตอบสนองความมั่นคงด้านพลังงาน และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและ/หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ของทุกประเทศที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุน” นายนิทัศน์ กล่าว

19 Sep 2024

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลัง ได้เปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (VAYU1) หน่วยลงทุนประเภท ก. แก่ประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุน พร้อมสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนของประเทศ โดยโครงสร้างการลงทุนของกองทุน VAYU1 มีกลไกคุ้มครองผลตอบแทนที่มั่นคง ในอัตราไม่ต่ำกว่า 3% ต่อปี และสูงสุดไม่เกิน 9% ต่อปี อีกทั้งยังสามารถซื้อ-ขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ ซึ่งแตกต่างจากการลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์อื่นทั่วไป โดยที่ผ่านมามีนักลงทุนสถาบันให้ความสนใจจองหน่วยลงทุนกองทุน VAYU1 อย่างล้นหลามเกินที่คาดการณ์ไว้ สำหรับประชาชนทั่วไปที่สนใจซื้อหน่วยลงทุนกองทุน VAYU1 สามารถสมัครใช้บริการแอป MyMo เพื่อทำธุรกรรมจองซื้อหลักทรัพย์ได้จนถึงวันที่ 20 กันยายน 2567 นี้ เท่านั้น กองทุน VAYU1 มีนโยบายการลงทุนทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีอัตราผลตอบแทนดี มั่นคงในระยะยาว มีความยั่งยืนในกระบวนการดำเนินธุรกิจ โดยคำนึงถึงการบริหารความเสี่ยงและปัจจัยการเปลี่ยนแปลงด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล สร้างผลตอบแทนระยะยาวเบื้องต้น 10 ปี โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อหน่วยลงทุนประเภท ก. ที่ราคาหน่วยละ 10 บาท เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ได้รับเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ผู้จองซื้อที่จำนวนขั้นต่ำจะได้รับการจัดสรรก่อน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน โดยสามารถศึกษารายละเอียดก่อนทำการจองซื้อหน่วยลงทุนจากหนังสือชี้ชวนส่วนข้อมูลกองทุน VAYU1 และหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญกองทุน VAYU1 หรือศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.gsb.or.th  

18 Sep 2024

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) โดย วิจัยกรุงศรี วิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้มอุทกภัยในประเทศไทยปี 2567 ชี้ความเสี่ยงเพิ่มสูงในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี โดยเฉพาะเดือนกันยายนและตุลาคม เนื่องจากการเข้าสู่ภาวะลานีญาและอิทธิพลของมรสุม อย่างไรก็ตาม คาดว่าอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นในปีนี้จะไม่รุนแรงเท่ามหาอุทกภัยปี 2554 วิจัยกรุงศรีได้วิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ดัชนีสมุทรศาสตร์ ทั้งดัชนี ONI ที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ภาวะลานีญาอย่างรวดเร็วหลังจากเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญในช่วงต้นปี และดัชนี PDO และ IOD ที่แสดงแนวโน้มพายุในภูมิภาคที่มีผลอย่างมากต่อปริมาณฝนในไทย ตลอดจนอิทธิพลจากพายุประจำปี ทั้งพายุที่จะเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรงและเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านแต่ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อประเทศไทย ทำให้คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ปริมาณฝนในไทยจะมีแนวโน้มสูงกว่าค่าเฉลี่ยราว 15-16% และคาดการณ์ว่าจะเข้าสู่ภาวะลานีญาอย่างเต็มตัวในเดือนตุลาคม 2567 ทำให้ในเดือนกันยายน-ตุลาคมเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงอุทกภัยในทุกภูมิภาค โดยพื้นที่เสี่ยงสูงได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และบางส่วนของภาคใต้ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนล่างซึ่งเป็นทางน้ำผ่าน และภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำและเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตลอดจนทรัพย์สิน อาทิ ครัวเรือน โรงงาน เครื่องจักร สินค้าเกษตร ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคได้ ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีได้จำลองสถานการณ์ไว้ 3 กรณี โดยในกรณีฐาน คาดว่าจะมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 8.6 ล้านไร่ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม 4.65 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 0.27% ของ GDP อย่างไรก็ตาม ความพร้อมในการบริหารจัดการน้ำของภาครัฐที่ดีขึ้น และการพัฒนาระบบป้องกันของภาคเอกชนโดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรม จะช่วยลดทอนผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2554   ดร.พิมพ์นารา หิรัญกสิ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จำกัด) มหาชน กล่าวว่า “แม้ว่าความเสี่ยงอุทกภัยในปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้น แต่วิจัยกรุงศรีคาดว่าจะไม่รุนแรงเท่ามหาอุทกภัยปี 2554 เนื่องจากในปี 2567 นี้มีปริมาณน้ำฝนที่น้อยกว่า มีพื้นที่รองรับน้ำมากกว่า รวมถึงความพร้อมด้านการบริหารจัดการน้ำของภาครัฐและการเตรียมความพร้อมของภาคเอกชนที่พัฒนาขึ้น” “อย่างไรก็ตาม เรายังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมที่มีความเสี่ยงสูงสุด เนื่องจากยังมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อีกหลายประการ โดยเฉพาะจำนวนพายุที่เคลื่อนที่เข้าสู่ไทยที่จะส่งผลต่อปริมาณฝนและพื้นที่ที่เกิดฝนตกหนัก อันเนื่องมาจากภาวะโลกรวนในปัจจุบันที่ทำให้สภาพอากาศรุนแรงสุดขั้ว หรือ Extreme weather เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้นและรุนแรงมากขึ้น" ดร.พิมพ์นารา กล่าวสรุป

18 Sep 2024

SOCIETY-CSR /ภาพข่าว-กิจกรรมเพื่อสังคม

...

  บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม นำโดย นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ประธานกรรมการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นางยุพา ล่ำซำ ที่ปรึกษามูลนิธิเมืองไทยยิ้ม และนางพิตราภรณ์ บุณยรัตพันธุ์ รองประธานกรรมการ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม  มอบเงินจำนวน 400,000  บาท ให้แก่ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ประจำปี 2567 จำนวน 47 ทุน โดยมี ร้อยตำรวจโท ดร. มนัส โนนุช ประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมถ์ และคณะประกอบด้วย นางจารุนันท์ อึ้งภากรณ์  รองประธานสภาฯ คนที่ 2 นางธิดารักษ์ สัจจพงษ์ เลขาธิการ และนางศิริพร คัมภีรยส รองเลขาธิการ เป็นผู้รับมอบ ทั้งนี้ โครงการ “มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์” โดย บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ริเริ่มโดยนายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ประธานกรรมการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) มาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2557  เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชน ที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ทั้งในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด  เพราะตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาของเด็กและเยาวชน และยังเป็นกำลังใจให้แก่เยาวชนที่ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ถือเป็นการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป โดยตลอดระยะเวลา 10 ปี โครงการ “มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์” โดย บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ มูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ได้มอบทุนการศึกษาไปแล้ว 701 ทุน รวมเป็นเงินทุนเพื่อการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนทั้งสิ้น 4,896,888 บาท  

08 Oct 2024


...

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ส่งมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง เร่งส่งมอบเครื่องอุปโภค บริโภค และสิ่งของจำเป็นที่ได้รับจากการบริจาคของประชาชนผ่านจุดรับบริจาคของทิพยประกันภัย ไปยังจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และลำปาง ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากน้ำท่วมใหญ่ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้าง นอกจากนี้ยังพร้อมให้บริการยกรถฟรีแก่ลูกค้าและประชาชนในหลายพื้นที่ อาทิ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แพร่ น่าน และพะเยา ทั้งยังเร่งดำเนินการตรวจสอบความเสียหาย พร้อมมอบเงินสินไหมทดแทนแก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินอื่น ๆ สำหรับลูกค้าทิพยประกันภัย สามารถแจ้งเคลมได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านสายด่วน 1736 กด 1     ขอขอบคุณทุกน้ำใจจากคนไทยที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยกันมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ทิพยประกันภัยยังคงเปิดรับบริจาคสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิต อาทิ น้ำดื่ม อาหารแห้ง ยารักษาโรค เสื้อผ้า ของใช้ในชีวิตประจำวัน และอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้าน ได้ทุกวัน เวลา 08.30 – 18.00 น. ณ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนพระราม 3 กรุงเทพฯ     ทิพยประกันภัยขอส่งความห่วงใยและกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกครอบครัว รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายและกลับสู่ภาวะปกติในเร็ววัน   #ทิพยประกันภัย #ห่วงใยเป็นที่สุด

01 Oct 2024

...

เอไอเอ ประเทศไทย สานต่อโครงการ “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” ซึ่งจัดขึ้นติดต่อเป็นปีที่ 3 โดยได้รับความร่วมมืออย่างต่อเนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดรับสมัครโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการเพื่อชิงรางวัลรวมกว่า 2 ล้านบาท และได้เป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขันในระดับนานาชาติ เพื่อชิงรางวัลอีกกว่า 1.5 ล้านบาท รวมมูลค่ารางวัลถึง 3.5 ล้านบาท ตอกย้ำถึงพันธกิจสำคัญของเอไอเอ ที่มุ่งสนับสนุนเยาวชนและผู้คนในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’     โครงการ “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” เป็นโครงการที่กลุ่มบริษัทเอไอเอ และเอไอเอ ประเทศไทย ริเริ่มขึ้นเพื่อมุ่งเสริมสร้างและปลูกฝังพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพของนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 5 - 16 ปี โดยมุ่งเน้นใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การทำกิจกรรมที่แอคทีฟ การมีสุขภาพใจที่ดี และการพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยเมื่อปีที่ผ่านมา ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากโรงเรียนทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 600 โรงเรียน และส่งผลงานเข้าประกวดถึง 91 โรงเรียน ซึ่งโรงเรียนที่ชนะระดับประถมศึกษา ได้แก่ โรงเรียนเทศบาล 2 วัดดอนมูลชัย จังหวัดตาก และโรงเรียนที่ชนะระดับมัธยมศึกษา ได้แก่ โรงเรียนเทศบาล 1 กิตติขจร จังหวัดตาก สำหรับโรงเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษาที่สนใจ สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” ปีที่ 3 ได้แล้วที่เว็บไซต์ ahs.aia.com/th/th/ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 8 มีนาคม 2568  

29 Sep 2024

...

  ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ DAILYNEWS TOP CEO 2024 สาขาธุรกิจประกันวินาศภัย จากงาน DAILYNEWS TOP CEO OF THE YEAR 2024 ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่ประสบความสำเร็จ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์และโดดเด่นอย่างรอบด้าน ด้วยความรู้ ความสามารถ ความเป็นผู้นำ มีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ในการบริหารองค์กรให้เติบโตแข็งแกร่ง พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้าน ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ส่งผลให้บริษัทกรุงเทพประกันภัยมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำการเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จสูงสุด สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริหารรุ่นใหม่และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พนักงาน ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2567

26 Sep 2024

...

  นายฉี-หลิง หยาง Chief Actuary (ที่ 3 จากซ้าย) บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) มอบเงินบริจาคแก่สถานคุ้มครองและพัฒนาคนพิการบ้านราชาวดีหญิง-ชาย จังหวัดนนทบุรี ภายใต้โครงการ “คปภ. และภาคธุรกิจประกันภัย จับมือร่วมใจสานฝันน้อง” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ ทุกภาคส่วนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคม โดยมี นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. เป็นประธานในพิธีส่งมอบ

22 Sep 2024

...

(จากซ้าย: นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย นายสจ๊วต เอ สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัทเอไอเอ นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ และ นางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย) เอไอเอ นำโดย นายสจ๊วต เอ สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัทเอไอเอ พร้อมด้วยผู้บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เป็นผู้แทนมอบเงินบริจาค จำนวน 4,448,676.64 บาท เพื่อสมทบทุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาการ พูด อ่าน เขียน ภาษาไทย สภากาชาดไทย โดยมี นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย และ นางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย เป็นผู้รับมอบ โดยเงินบริจาคทั้งหมดมาจากการจัดกิจกรรม AIA One Billion Trail 2023 ที่ผ่านมา ณ จังหวัดเชียงใหม่   นอกจากนี้ ยังได้มีพิธีมอบรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้แก่ทีมชนะเลิศ ที่มีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมมากที่สุด ซึ่งได้แก่ ทีม AIA Champions โดยหัวหน้าทีม นายสจ๊วต เอ สเปนเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัทเอไอเอ เป็นผู้แทนรับรางวัลถ้วยพระราชทานฯ โดยทีม AIA Champions ได้มีส่วนร่วมในการระดมทุนบริจาค ด้วยยอดเงินสูงกว่า 1.3 ล้านบาท นอกเหนือจากนี้ ยังได้มีพิธีมอบถ้วยรางวัลให้แก่ทีมที่มีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมมากที่สุด อันดับที่ 2 ได้แก่ ทีม AIA S20 อันดับที่ 3 ได้แก่ ทีม 1st Time MDRT อันดับที่ 4 ได้แก่ ทีม Special Force และอันดับที่ 5 ได้แก่ ทีม Fun Run โดยนายณัฐพิสิษฐ์ ครุฑครองชัย นายบุณยสิทธิ์ ประพฤติกิจธร นายธีรพงษ์ เนียมพันธุ์ และ นายปกป้อง ยินดีผล เป็นผู้รับรางวัลตามลำดับ    ทั้งนี้ กิจกรรม AIA One Billion Trail จัดขึ้นโดยมีจุดประสงค์หลักในการระดมทุนบริจาค เพื่อสมทบทุนโครงการส่งเสริมและพัฒนาการพูด อ่าน เขียนภาษาไทย สภากาชาดไทย สำหรับในปีนี้ AIA One Billion Trail 2024 จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 22 – 24 พฤศจิกายน 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ณ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนักวิ่งจากทั่วประเทศไทยและเอเชียสมัครเข้าร่วมแล้วกว่า 240 ทีม ตอกย้ำถึงพันธกิจ AIA One Billion ที่เอไอเอมุ่งสนับสนุนผู้คนกว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’    

19 Sep 2024

...

บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความห่วงใยและความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการมอบเต็นท์ ทิพย-ตำรวจ และเสื้อกันฝนในโครงการ "ทิพยประกันภัยห่วงใยทุกชีวิตในสังคม" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 21 แก่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2  เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ส่งมอบเต็นท์ ทิพย-ตำรวจ และเสื้อกันฝน โดยมี พ.ต.อ. สุธี เสน่ห์ลักษณา รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นผู้รับมอบ เพื่อส่งมอบต่อให้หน่วยงานในสังกัดสถานีตำรวจนครบาลจำนวน 10 สถานี  ได้แก่ สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ  สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน  สถานีตำรวจนครบาลสุทธิสาร  สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน  สถานีตำรวจนครบาลประชาชื่น  สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง  สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง  สถานีตำรวจนครบาลสายไหม  สถานีตำรวจนครบาลโคกคราม  และสถานีตำรวจนครบาลคันนายาว เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยการจราจรให้กับประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ  ณ อาคารทิพยประกันภัย สำนักงานใหญ่ พระราม 3 ความร่วมมือนี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของทิพยประกันภัยในการสร้างความปลอดภัยและส่งเสริมความมั่นคงในชุมชน ซึ่งได้รับการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องยาวนาน     #ทิพยประกันภัย #ทิพยประกันภัยห่วงใยทุกชีวิตในสังคม  

19 Sep 2024

BUSINESS-MARKETING/ธุรกิจ-การตลาด-ขายตรง-SME

...

เมื่อเร็วๆ นี้... บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย คุณฐิติเดช ศรีมารยาท ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ เป็นตัวแทน “แบรนด์เงินติดล้อ” เป็นวิทยากรในงาน International Live Commerce Expo 2024 หรือ งานมหกรรมไลฟ์คอมเมิร์ซนานาชาติ 2567 จัดโดย กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ณ สามย่านมิตรทาวน์ เพื่อร่วมแบ่งปันข้อมูลและแนวคิดเกี่ยวกับนวัตกรรมทางการเงิน ที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจให้ผู้ประกอบการ ในหัวข้อ Empowering Financial Resilience for SMEs Through Digital Innovation หรือ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ผ่านนวัตกรรมดิจิทัล ภายใต้คอนเซปต์ “สินเชื่อ = โอกาส” ทั้ง โอกาสในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงิน โอกาสในการเข้าถึงนวัตกรรมทางการเงินที่ช่วยเสริมสภาพคล่อง และโอกาสในการสร้างประวัติทางการเงินที่ดีขึ้น ซึ่งมีเนื้อหาน่าสนใจมากมาย อาทิ ผลิตภัณฑ์สินเชื่อทะเบียนรถที่หลากหลาย ทั้ง รถมอเตอร์ไซค์ เก๋ง กระบะ รถบรรทุก และสินเชื่อเพื่อคนมีที่ดิน ที่จะช่วยเสริมสภาพคล่องตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการที่ครอบคลุม รวดเร็ว และนวัตกรรมทางการเงินที่ช่วยเสริมสภาพคล่อง ทั้งจาก บัตรติดล้อ บัตรกดเงินสดหมุนเวียนที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการที่ขอสินเชื่อทะเบียนรถ สามารถกดเงินสดตามวงเงินสินเชื่อของตนเองเพื่อเสริมสภาพคล่องได้สะดวกผ่านตู้ ATM ของธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ มากกว่า 50,000 แห่ง ทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นประโยชน์ของนวัตกรรมทางการเงิน และบริการ “โอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชี” เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถโอนเงินตามวงเงินคงเหลือที่ยังไม่ได้ใช้ในบัตรติดล้อ ไปยังบัญชีธนาคารพาณิชย์หรือบัญชีพร้อมเพย์ที่ลงทะเบียนไว้ ได้สะดวก ทุกที่ ทุกวัน 24 ชม. โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการรู้สึกอุ่นใจ คลายกังวล เพราะสามารถเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจได้สะดวกรวดเร็ว ทันกับโอกาสทางธุรกิจที่ผ่านเข้ามา คุณฐิติเดช ยังได้กล่าวถึง ประโยชน์ของการสร้างข้อมูลเครดิต จากการใช้บริการกับสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกเครดิตบูโร ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างประวัติทางการเงินที่ดีได้ เพื่อช่วยให้มีทางเลือกด้านการเงินเพิ่มขึ้นจากระบบธนาคาร ได้รับวงเงินสูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนดอกเบี้ยต่ำลง นอกจากนี้ ยังได้เล่าถึงความมุ่งมั่นในการสร้างความยั่งยืนทางสังคม (Social Sustainability) ผ่านการสร้างโอกาสทางความรู้ด้านการเงินในโครงการ “นำความรู้สู่ชุมชน เพื่อชีวิตหมุนต่อได้” ซึ่งที่ผ่านมาได้สร้างโอกาสทางความรู้ด้านการเงินให้กับชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ ไปแล้วมากกว่า 6,700 คน จาก 270 ชุมชน และวันนี้ยังคงจัดทำโครงการอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ทั้งนี้ ที่ผ่านมา “เงินติดล้อ” ไม่เคยหยุดพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และนวัตกรรมทางการเงิน ภายใต้เจตนาในการสร้างโอกาสทางการเงินที่เป็นธรรม และโปร่งใส ให้กับผู้ใช้สินเชื่อรายย่อย และเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ SMEs เพื่อให้สามารถสร้างการเติบโตให้กิจการหรือธุรกิจได้อย่างยั่งยืน เพราะเราเชื่อว่า “โอกาสคือสิทธิที่ทุกคนควรได้รับ” สำหรับผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมข้อมูลและเรื่องราวของเงินติดล้อได้ที่ www.tidlor.com และ Facebook Fanpage เงินติดล้อ หรือติดต่อ Call Center หมายเลขโทรศัพท์ 088-088-0880 ตลอด 24 ชม.

10 Oct 2024


...

Funding Societies แพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจ SME ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกาศยุทธศาสตร์ส่งสินเชื่อเพื่อการค้าแบบ B2B ที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันรุก 4 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญได้แก่ ธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์ ธุรกิจผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค(FMCG) คอนแทรคเตอร์โครงการภาครัฐฯ  และ ธุรกิจด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม หลังเล็งเทรนด์ขาขึ้น มีดีมานด์ดี ศักยภาพในการเติบโตสูง   โดยตั้งเป้าสินเชื่อธุรกิจกลุ่มนี้จะมีอัตราเติบโตที่ 20 % ของพอร์ต คาดเป็นเม็ดเงินสินเชื่อปล่อยใหม่กว่า 400 ล้านบาท    นางสาว เอื้ออารีย์ อัจฉริยบุญ Country Head ประจำ Funding Societies ประเทศไทย กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวบ้างในบางช่วง แต่ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง Funding Societies ภายใต้การให้บริการของ FS Capital Co., Ltd. ที่เชี่ยวชาญในการให้กู้ยืมโดยตรงแก่ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก จึงยังคงมองวงจรความต้องการสินเชื่อของผู้ประกอบการ SME ว่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดการณ์การเติบโตของพอร์ตสินเชื่อโดยรวมจะอยู่ที่ 30% ซึ่งจะได้รับแรงสนับสนุนร่วมจากการปล่อยสินเชื่อใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าว ประกอบกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ Funding Societies เองที่ตอบโจทย์ความต้องการของ SME ได้ 360 องศา “SME มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจ คิดเป็นกว่า 95% ของธุรกิจทั้งประเทศ ซึ่งมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นวัตกรรม การผลิต การดำเนินโครงการต่างๆ และการจัดการสิ่งแวดล้อม เราจึงจะยังคงเดินหน้าสนับสนุน SME ที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินต่างๆ ให้ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนต่อไป เพื่อให้พวกเขาสามารถคว้าโอกาสในการเติบโตได้อย่างยั่งยืน”  “เราเล็งเห็นความต้องการที่มีความหลากหลายของ SME สินเชื่อเพียงประเภทเดียวจึงไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการได้อย่างครบถ้วน Funding Societies จึงมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินในรูปสินเชื่อเพื่อการค้าต่างๆ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ SME ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งสินเชื่อจาก Funding Societies มาใน 5 รูปแบบได้แก่ สินเชื่อหมุนเวียนจากลูกหนี้การค้า (Invoice Financing) ซึ่ง SME สามารถนำบิลหรือใบแจ้งหนี้มาเปลี่ยนเป็นเงินหมุนเวียนทำงานใหม่ได้โดยไม่ต้องรอเครดิตเทอมจากคู่ค้า สินเชื่อใบสั่งซื้อ (PO Financing) เพื่อจ่ายค่าสินค้าและบริการล่วงหน้าไปยังซัพพลายเออร์ สินเชื่อธุรกิจโครงการ (Project Financing) สำหรับผู้รับเหมาจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐฯและเอกชนในการทำโครงการให้แล้วเสร็จ สินเชื่อระยะสั้น (Business Term Loan) หรือสินเชื่ออเนกประสงค์ และสินเชื่อกลุ่ม Express สำหรับ SME ขนาดเล็กลงมา   ซึ่ง SME สามารถยื่นขอสินเชื่อ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องเข้ามาที่สาขา ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่ง Funding Societies สามารถให้การสนับสนุนสินเชื่อเพื่อ SME ได้ถึง 15 ล้านบาทต่อราย”  นางสาว เอื้ออารีย์ กล่าว ในสภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังเติบโต และผู้ประกอบการ SME ที่ยังคงประสบความท้าทายในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในหลายมิติ Funding Societies พร้อมทำหน้าที่เคียงข้างช่วย SME ก้าวผ่านความท้าทายทางการเงิน ปลดล็อกข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจเพื่อช่วยผู้ประกอบการคว้าโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน สำหรับ SME ที่มีความสนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Funding Societies ได้ที่  https://fundingsocieties.co.th/ * หมายเหตุ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นการให้บริการของบริษัท เอฟเอส แคปปิตอล จำกัด และไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงาน ก.ล.ต.

16 Aug 2024

...

ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา CEO บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมแสดงความกับะนักธุรกิจซูเลียนขึ้นรับรางวัล นักธุรกิจขายตรงดีเด่นประจำปี 2024  ในโครงการส่งเสริมจรรยาบรรณการขายตรงโลก ที่จัดโดย สมาคมขายตรงไทย ( TDSA ) เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติยศให้แก่นักธุรกิจขายตรงดีเด่น โดยมี นักธุรกิจซูเลียนอีก 3 ท่าน ได้แก่ ชายแดน ภูทับทิม, วิลินรัตน์ ยานยา และ บูลกิต นิธิศรีสกุล ขึ้นรับรางวัล ณ ห้องรอยัลจูบิลี่ ชาเลนเจอร์ ชั้น1 อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อวันก่อน

05 Aug 2024

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “Krungsri SME Boost Up” ภายใต้โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up สำหรับผู้ประกอบการ SME ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ในรูปแบบของวงเงินสินเชื่อ ดอกเบี้ยพิเศษ 3.5% ในช่วง 2 ปีแรก ให้วงเงินสูงสุด 40 ล้าน ระยะผ่อนสูงสุด 7  ปี เพื่อให้ SME นำไปใช้เป็นเงินทุนสำหรับลงทุนขยายกิจการหรือปรับปรุงกิจการ หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ ซึ่งเป็นการช่วยเสริมสภาพคล่อง ลดต้นทุนทางการเงิน และใช้ลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่ต้นทุนการผลิตปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นและยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SME ทำให้กำไรลดลงและอาจประสบปัญหาด้านสภาพคล่อง สถานการณ์นี้ทำให้ SME มีความต้องการเงินทุนดอกเบี้ยต่ำอย่างเร่งด่วนเพื่อเสริมสภาพคล่องและปรับปรุงธุรกิจ กรุงศรีจึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ‘Krungsri SME Boost Up’ ซึ่งเป็นสินเชื่อภายใต้โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) GSB Boost Up โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการ SME ทุกขนาด ครอบคลุมทั้งธุรกิจรายย่อย ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยผลิตภัณฑ์นี้มีจุดเด่นที่อัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3.5% สองปีแรก พร้อมวงเงินสูงสุดถึง 40 ล้านบาท และระยะเวลาการผ่อนชำระสูงสุดถึง 7 ปี โดยกรุงศรีได้ออกแบบผลิตภัณฑ์นี้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ SME ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายกิจการ การปรับปรุงธุรกิจ หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่อง ลดต้นทุนทางการเงิน และสนับสนุนการลงทุนเพื่อยกระดับศักยภาพการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ธุรกิจ” “ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นตั้งใจของกรุงศรีในการสนับสนุนภาคธุรกิจ SME ทุกขนาด ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งนี้ กรุงศรีได้วางเป้าหมายสนับสนุนสินเชื่อนี้ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท ซึ่งนอกเหนือการสนับสนุนทางการเงินแล้ว ยังเสริมโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้า SME ด้วยเครือข่ายแข็งแกร่งของกรุงศรีและ MUFG ผ่านแพลตฟอร์มจับคู่ธุรกิจออนไลน์ Krungsri Business Link ที่ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 6,000 บริษัท และเสริมด้วยกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจ Krungsri Business Matching และบริการที่ปรึกษา Krungsri ASEAN LINK สำหรับการขยายธุรกิจในอาเซียนอีกด้วย” นางสาวดวงกมล กล่าวปิดท้าย สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สาขาของธนาคาร หรือติดต่อผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าของธนาคาร หรือศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจกรุงศรี โทร. 02-296-6262 หรือ 02-626-6262 โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด  

30 Jul 2024

...

เคทีซีเผยภาพรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่จีนช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 เพิ่มขึ้นมากกว่า 500% พร้อมเดินหน้าดำเนินธุรกิจด้วยการมอบประสบการณ์พิเศษให้กับสมาชิกที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวที่สาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึง ฮ่องกง / มาเก๊า / ไต้หวัน /เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ทุกประเภทและบัตรกดเงินสดเคทีซี พราว ยูเนี่ยนเพย์ รับเครดิตเงินคืน 3% ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 – วันที่ 30 กันยายน 2567 นายธศพงษ์ รังควร ผู้บริหารสูงสุดสายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท    บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีที่ประเทศจีนมียอดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่า 500%รับอานิสงส์มาตรการยกเว้นวีซ่าระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ขณะเดียวกันเคทีซียังคงให้ความสำคัญกับเรื่องการมอบประสบการณ์พิเศษสำหรับลูกค้า (Customer Experience) จึงได้มอบสิทธิพิเศษให้กับสมาชิกที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ทุกประเภทและบัตรกดเงินสดเคทีซี พราว ยูเนี่ยนเพย์ ด้วยเครดิตเงินคืน 3% เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ร้านค้าในสาธารณรัฐประชาชนจีน / ฮ่องกง / มาเก๊า / ไต้หวัน /เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ เป็นสกุลเงินต่างประเทศ (ยกเว้นยอดใช้จ่ายรายการออนไลน์) ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 – วันที่ 30 กันยายน 2567 โดยสมาชิกสามารถลงทะเบียนก่อน หรือภายในวันที่มียอดใช้จ่ายเกิดขึ้น ที่ www.ktc.co.th/upieastasia  ลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวต่อ 1 หมายเลขบัตรตลอดรายการ นายธศพงษ์  กล่าวเสริมว่า ข้อดีของการใช้บัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ทุกประเภท ที่ประเทศจีน สมาชิกสามารถชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน QR PAY ได้สะดวกสบายโดยไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก และมีความปลอดภัย รวมถึงการจ่ายค่าธรรมเนียมอัตราความเสี่ยงการแปลงสกุลเงินต่างประเทศเพียง 2% เท่านั้นจากอัตราปกติ 2.5% ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ktc.co.th/upieastasia หรือสอบถามรายละเอียดที่ KTC PHONE โทรศัพท์ 02 123 5000 สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ www.ktc.co.th/apply/credit-card-une หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ  หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

23 Jul 2024

...

บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ LG (แอลจี) ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน จากการคว้ารางวัล Marketeer No.1 Brand Thailand 2024 แบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไทย ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้า เป็นครั้งที่ 4 โดยรางวัลดังกล่าวเป็นผลจากการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างผู้บริโภคไทยจากทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของการเป็นบริษัทผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ผู้บริโภคไว้วางใจ พร้อมเดินหน้าส่งต่อนวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่าให้กับผู้บริโภค ตามสโลแกน ‘Life’s Good.’ ต่อไปในอนาคต คุณอำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องซักผ้าของแอลจีได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคเสมอมา เห็นได้จากการที่แอลจีสามารถครองอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าทุกประเภทติดต่อกันยาวนานถึง 26 ปี ด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 35% สำหรับการได้รับรางวัลแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไทยจาก Marketeer No.1 Brand Thailand ในปีนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของแอลจี รางวัลนี้จึงเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ และจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้แอลจีมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องซักผ้าให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ทั้งเครื่องซักผ้าสำหรับครัวเรือน เครื่องซักผ้าเชิงพาณิชย์ และเครื่องซักผ้าในระดับอุตสาหกรรม พร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยีเหนือชั้นจากแอลจี ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมซักผ้า AIDD™ ที่ช่วยเลือกโปรแกรมการซักให้เหมาะสมกับเนื้อผ้า ช่วยถนอมเนื้อผ้าและยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น ฟังก์ชัน Steam+™ ในเครื่องซักผ้าที่สามารถขจัดสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99.9% พร้อมช่วยลดรอยยับของผ้าได้ถึง 30% และฟังก์ชัน TurboWash™ 360 ที่ช่วยให้ทำความสะอาดผ้าได้อย่างทั่วถึงภายในเวลาเพียง 30 นาที แต่ยังคงถนอมผ้าได้ดังเดิม รวมไปถึงการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชัน ThinQ™ ให้ใช้งานได้สะดวกสบายยิ่งขึ้นผ่านการสั่งการด้วยโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อส่งมอบนวัตกรรมเพื่อชีวิตที่ดีกว่าให้กับผู้บริโภค ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นสูงสุดในการดำเนินงานของเรา” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 02-057-5757 และดูข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมติดตามกิจกรรมต่างๆ จากแอลจีได้ทาง Website: www.lg.com/th    Facebook: www.facebook.com/LGThailand   Instagram: www.instagram.com/lg_thailand   X: https://x.com/LG_Thailand   YouTube: www.youtube.com/@lgthailand   Line: https://page.line.me/lgthailand

23 Jul 2024

...

นายพีระพงศ์  พิตรพิบูลพาทิศ ผู้บริหารสูงสุด สายงานสำนักกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า “เคทีซีเตรียมจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดี ครั้งที่ 33 ในวันอาทิตย์ ที่ 18 สิงหาคม 2567 ระหว่างเวลา 09.00-15.00 น. ณ ห้องทับทิมสยาม 4 - 5 ชั้น 5 โรงแรมสุนีย์ แกรนด์ จังหวัดอุบลราชธานี โดยเปิดให้ผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมงานระหว่างวันที่  5 มิถุนายน 2567 - 5 สิงหาคม 2567  โดยเคทีซีร่วมกับกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรรม กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง (KTBL) และบริษัท วินเพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด จะลงพื้นที่สัญจรเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเคทีซีและลูกค้ากรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง (KTBL) ที่อาศัยในจังหวัดอุบลราชธานีและพื้นที่ใกล้เคียงในภาคอีสาน ได้รับโอกาสในการเจรจาชำระหนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมบังคับคดีเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยเพื่อหาแนวทางยุติคดี โดยที่ลูกหนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย”   “ผู้สนใจเข้าร่วมมหกรรมไกล่เกลี่ยฯ สามารถลงทะเบียนได้โดยสแกน QR Code   หรือติดต่อเจ้าหน้าที่แผนกประนอมหนี้ โทร. 02-631-3399, 02-631-3668, 02-631-3600, 02-631-3666, 02-631-3700 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/mediation  สำหรับเอกสารประกอบการเจรจาที่ต้องเตรียมมาในวันงานมหกรรมไกล่เกลี่ยฯ ประกอบด้วย 1. สำเนาบัตรประชาชนของลูกค้า (รับรองสำเนาถูกต้อง) 2. กรณีรับมอบอำนาจไกล่เกลี่ยแทน จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมสำเนาบัตรประชาชนผู้ใช้บัตร (รับรองสำเนาถูกต้อง) และสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ (รับรองสำเนาถูกต้อง)” ทั้งนี้ ในการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยฯ ครั้งล่าสุดที่จังหวัดสุราฎร์ธานี มีลูกค้าเข้าร่วมงานและรับเงื่อนไขการชำระจำนวน 889 ราย  รวมเป็นภาระหนี้กว่า 85 ล้านบาท สำหรับผู้ประสงค์รับคำปรึกษาและรับการเจรจาชำระหนี้ทั่วไป สามารถติดต่อแผนกประนอมหนี้ได้ที่โทร. 02-631-3399 , 02-631-3668 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00 น. – 17.00 น.     

10 Jul 2024

ราชการ - รัฐวิสาหกิจ / ENERGY - พลังงาน

...

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ได้เข้าร่วมแชร์มุมมองแนวโน้มและความท้าทายการลงทุน ในงานสัมมนา Fitch on Thailand 2024 : Global Risks and Regional Economic, Investment & Bank Outlook จัดโดย Fitch Ratings ณ โรงแรม The Athenee   โดยนายทรงพล กล่าวว่า เศรษฐกิจกลุ่มประเทศอาเซียนได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึงประเทศไทยด้วย จึงทำให้เสถียรภาพเศรษฐกิจไทยขยายตัวอยู่ในกรอบจำกัด แต่พันธบัตรไทยยังเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจ การจัดอันดับความน่าเชื่อถือพันธบัตรจึงเป็นสิ่งสำคัญกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพราะผลตอบแทนพันธบัตรจะอ้างอิงตามการเติบโตของเศรษฐกิจ กบข. ในฐานะกองทุนที่มุ่งเน้นผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว จึงต้องเลือกจัดสรรสินทรัพย์ที่มีคุณภาพเป็นอันดับต้นๆ และให้ความสำคัญกับคุณภาพพันธบัตรควบคู่ไปกับผลตอบแทนที่ดี      

15 Oct 2024


...

ธนาคารออมสิน รับมอบนโยบายจากรัฐบาลโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ขยายระยะเวลามาตรการพักหนี้อัตโนมัติ จาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน เพื่อกระจายความช่วยเหลือให้ทั่วถึงลูกหนี้ที่ประสบอุทกภัยตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในปัจจุบัน ที่ล่าสุดได้เพิ่มรายชื่อจังหวัดและพื้นที่ได้รับผลกระทบกินบริเวณกว้างมากขึ้นเป็น 43 จังหวัด 5,515 หมู่บ้าน (จากเดิม 41 จังหวัด 4,000 หมู่บ้าน) และมีจุดที่ต้องประสบภัยน้ำท่วมซ้ำเติมอีกระลอก จนทำให้ผู้ได้รับผลกระทบมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาก ธนาคารจึงดำเนินการตามนโยบายให้ขยายระยะเวลาพักหนี้อัตโนมัติ จาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน และเพิ่มจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์พักหนี้ตามมาตรการนี้ จากเดิม 110,000 บัญชี เป็น 140,000 บัญชี คิดเป็นเม็ดเงินที่ธนาคารลดดอกเบี้ยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ได้รับผลกระทบ เป็นจำนวนเงินกว่า 2,000 ล้านบาท สำหรับการขยายระยะเวลามาตรการพักหนี้อัตโนมัติ จาก 3 เดือน เป็น 6 เดือน ใช้หลักเกณฑ์เดิมคือให้ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบพักจ่ายเงินต้น และธนาคารไม่คิดดอกเบี้ย มีผลทันทีตั้งแต่งวดเดือนตุลาคม 2567 ถึงงวดเดือนมีนาคม 2568 ครอบคลุมลูกหนี้สินเชื่อรายย่อย สินเชื่อบุคคล และ SMEs วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท (ยกเว้นสินเชื่อชีวิตสุขสันต์และสินเชื่อตามนโยบายรัฐ : PSA) โดยธนาคารจะส่ง SMS หรือ จดหมายแจ้งเพื่อทราบการพักชำระหนี้ไปยังลูกหนี้ตามรายชื่อผู้มีสิทธิ์ร่วมมาตรการฯ ซึ่งมีภูมิลำเนา ที่อยู่ หรือที่ประกอบอาชีพ ในพื้นที่ประสบภัยตามประกาศฯ ในปัจจุบัน (ประกาศฯ เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567) และหลังจากสิ้นสุดมาตรการฯ ให้ลูกหนี้กลับมาชำระหนี้ตามสัญญาเดิมตั้งแต่งวดเดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ลูกหนี้สถานะปกติที่มีการชำระหนี้ในช่วงเวลาของมาตรการฯ ธนาคารจะนำไปตัดลดต้นเงินของลูกหนี้ต่อไป ธนาคารออมสินขอส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยสามารถผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากนี้ในเร็ววัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการฯ ได้ที่ GSB Contact Center โทร.1115 หรือที่ Facebook : GSB Society

08 Oct 2024

...

กบข. จัดกิจกรรมประกวดวาดภาพ หัวข้อ “เกษียณมีสุข” ชิงทุนการศึกษารวมกว่า 1 แสนบาท หวังกระตุ้นให้เยาวชนรู้จักการแนวคิดการวางแผนการออม การลงทุน เพื่อเป็นฐานสร้างภูมิคุ้มกันการเงินภาคครัวเรือน     นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. จัดกิจกรรมประกวดภาพวาด ในหัวข้อ “เกษียณมีสุข” เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงการบริหารเงินออมและการลงทุนให้แก่เยาวชนที่เป็นบุตรหลานสมาชิก ให้เห็นความสำคัญในการออมและการลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ โดยแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ผ่านผลงานการวาดภาพ ซึ่งเป็นไปตามภารกิจ กบข. ที่ต้องการส่งเสริมการออมให้กับสมาชิก เพื่อมีเงินใช้ที่เพียงพอในวัยเกษียณ รวมถึงการสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินภาคครัวเรือน และเพิ่มเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจไทย การจัดกิจกรรมประกวดภาพวาด ในหัวข้อ “เกษียณมีสุข” ได้เปิดโอกาสให้นักเรียนและนักศึกษาที่เป็นบุตรหลานของสมาชิกหรือสังกัดในสถานศึกษาของสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อชิงทุนการศึกษาทั้งสิ้น 16 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 1 แสนบาท โดยผู้เข้าร่วมการประกวดจะต้องวาดภาพระบายสี ลงบนกระดาษขนาด A3 ซึ่งไม่จํากัดประเภทของสีและเทคนิคในการวาด และจะต้องเป็นผลงานที่ไม่ผ่านการตกแต่งหรือดัดแปลงจากคอมพิวเตอร์ รวมทั้งไม่สร้างสรรค์ขึ้นจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) โดยเปิดรับผลงานเข้าร่วมประกวด ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2567 และจะประกาศผลการตัดสิน ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 นอกจากนี้ กบข. ยังได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญและมีความสามารถด้านศิลปะ มาร่วมเป็นกรรมการตัดสินภาพวาด ได้แก่ ผศ.ดร.อภิชาติ พลประเสริฐ หัวหน้าภาควิชาศิลปะดนตรีและนาฏศิลป์ศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอาจารย์ฑีฆวุฒิ บุญวิจิตร หัวหน้าภาควิชาจิตรกรรม คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้สนใจสามารถอ่านรายละเอียดกิจกรรม และดาวน์โหลดใบสมัคร ได้ที่ เว็บไซต์ กบข. www.gpf.or.th เมนูข่าวสารและกิจกรรม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร 1179  

26 Sep 2024

...

ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายสั่งการให้ธนาคารออมสิน เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงรายที่ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่อยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอแม่สาย ที่ธนาคารออมสินภาค 9 ได้รับมอบนโยบายลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า อาทิ ถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็น เพื่อใช้บรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น   ทั้งนี้ ธนาคารออมสินได้ออกชุดมาตรการทางการเงินเพื่อลดภาระของผู้ประสบภัย ประกอบด้วย มาตรการพักหนี้และลดดอกเบี้ย โดยให้พักชำระเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยครึ่งหนึ่ง ส่วนดอกเบี้ยที่เหลืออีกครึ่งธนาคารลดให้ เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ทั้งบุคคล และ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท ไม่รวมลูกค้าสินเชื่อตามธุรกรรมนโยบายรัฐ (PSA) หรือโครงการผ่อนปรนอื่น ๆ โดยแจ้งความประสงค์ขอเข้ามาตรการผ่านทางเว็บไซต์ธนาคารออมสิน หรือติดต่อธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป     นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ผ่อนเกณฑ์อนุมัติ แบบไม่ต้องมีหลักประกันและไม่มีผู้ค้ำประกัน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกินรายละ 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% ใน 3 เดือนแรก และปลอดชำระเงินงวดนาน 3 เดือน จากนั้นเดือนที่ 4 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 0.60% และสินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัย สำหรับลูกค้าธนาคารออมสินและประชาชนทั่วไป ที่จำเป็นต้องซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยซึ่งได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม วงเงินกู้สูงถึง 100% ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยลดพิเศษเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.233% ต่อปี ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 2% ปีที่ 2 - 3 = 3.85% ต่อปี (MRR-2.745%) และปีที่ 4 เป็นต้นไป = 5.845% ต่อปี (MRR-0.750%)     นอกเหนือจากมาตรการทางการเงินแล้ว ยังมีมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย อาทิ วิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่ เปิด “คลินิกสารพัดซ่อม” เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหาย เป็นต้น และยังได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินในพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนและให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าประชาชนที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายผลความช่วยเหลือไปยังพื้นที่รับน้ำอื่น ๆ ด้วย ธนาคารออมสินขอร่วมส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการช่วยเหลือในทุกพื้นที่ให้มีความปลอดภัยและขอให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้โดยเร็ว  

16 Sep 2024

...

  ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมกับสำนักงานประกันสังคม พัฒนาระบบรับชำระเงินกองทุนประกันสังคมผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ด้วยระบบ Payment เพื่อเพิ่มช่องทางการรับชำระเงินกองทุนประกันสังคมสำหรับผู้ประกันตน และเป็นการยกระดับการให้บริการนำส่งเงิน สมทบผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ให้สามารถนำส่งเงินสมทบรายเดือนได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วผ่านแอปพลิเคชัน BAAC Mobile เพียงผู้ประกันตนกรอกหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และตรวจความถูกต้องของจำนวนเงินที่นำส่งสมทบ และยืนยันรายการ ระบบของธนาคารจะส่งข้อมูลการนำส่งเงินสมทบให้สำนักงานประกันสังคมแบบออนไลน์ทันที โดยฟรีค่าธรรมเนียม สามารถใช้บริการได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

15 Sep 2024

...

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน  และให้กำลังใจการปฏิบัติงานของพนักงาน ธ.ก.ส. ในพื้นที่จังหวัดนครพนม ได้แก่ สาขานาแก สาขาธาตุพนม สาขาเรณูนครสาขาเมืองนครพนม และสาขาย่อยนาถ่อน โดยติดตามการดำเนินโครงการสินเชื่อ เงินด่วนคนดี ที่สนับสนุนให้กลุ่มสมาชิก อสม. และ อสส. ได้มีเงินทุนสำหรับนำไปใช้จ่ายและแบ่งเบาภาระของครอบครัวแทนการกู้เงินนอกระบบ รายละไม่เกิน 20,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.67 ต่อเดือน ผ่อนชำระเพียงเดือนละ 500 บาท สูงสุดไม่เกิน 48 เดือน และการเตรียมความพร้อมสำหรับการปล่อยสินเชื่อเงินด่วนคนดี อสม. กึ่งแสน และ อสส. สำหรับลูกค้ารายเดิมที่ชำระเงินตรงงวดครบ 4 เดือน วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน  50,000 บาท ผ่อนชำระ 600 บาทต่อเดือน 123 งวด เริ่มวันที่ 9 กันยายนนี้ ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ     รวมถึงการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2567 และการฟื้นฟูศักยภาพในการประกอบอาชีพ ภายใต้มาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย และพบปะพูดคุยกับลูกค้า เพื่อสอบถามความคิดเห็นในการใช้บริการและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า อาทิ สลากขวัญถุง ผลิตภัณฑ์เงินฝากที่สนับสนุนการออมเงินสำหรับเยาวชนอายุ 7-18 ปี หน่วยละ 20 บาท อายุรับ ฝาก 6 ปี เมื่อฝากครบกำหนดรับดอกเบี้ยทันที 2.50% ต่อปี พร้อมลุ้นรับทุนการศึกษาทุกงวด มูลค่า 10,000 บาท จำนวน  100 รางวัล และรางวัลพิเศษ ปีละ 2 ครั้ง ในเดือนมกราคมและเดือนกันยายน มูลค่ารางวัลละ 100,000 บาท     “สลากออม ทรัพย์ ธ.ก.ส.ชุดถุงเงิน” ที่ให้ผลตอบแทนและลุ้นโชคแบบรวยกระจาย ในราคาหน่วยละ 100 บาท ลุ้นโชครางวัลมูลค่า 100,000 บาท จำนวน 900 รางวัลทุกเดือน และรางวัลพิเศษ มูลค่า 1,000,000 บาท ปีละ 1 ครั้ง “สลากออมทรัพย์ ทวีสิน ชุดมรกต” เพิ่มโอกาสการออมแบบรวยเหลือแจกในราคาหน่วยละ 500 บาท ซึ่งปัจจุบันมีผู้สนใจซื้อสลากไปแล้วกว่า 60,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถฝากได้ทุกที่ทุกเวลาบนแอปพลิเคชัน BAAC Mobile และเคาน์เตอร์ ธ.ก.ส. ทุกสาขาใกล้บ้าน โดยมีคณะผู้บริหารและพนักงาน ธ.ก.ส. ในพื้นที่ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567

08 Sep 2024

...

SME D Bank ออกมาตรการเร่งด่วน ช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ผ่านมาตรการ “พัก-ลด-ขยาย-ปรับ-เติม” บรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าใช้จ่าย ช่วยฟื้นฟูกิจการ ผ่านสินเชื่อ​ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้” วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำธุรกิจมาเพียง 1 ปี ก็กู้ได้          นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เปิดเผยว่า ตามที่หลายจังหวัด ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย และภัยพิบัติทางธรรมชาติ  ธนาคารได้ออกมาตรการเร่งด่วน “พัก-ลด-ขยาย-ปรับ-เติม” ช่วยเหลือลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบ ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ เพชรบูรณ์ อุดรธานี ระยอง และภูเก็ต ครอบคลุมพื้นที่ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย จะมีประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติเพิ่มเติมต่อไป  ได้แก่ “พัก” พักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 12 เดือน ,  “ลด” ลดค่างวดผ่อนชำระเหลือจ่ายดอกเบี้ยเพียง 50% สูงสุด 12 เดือน​ , “ขยาย” ขยายระยะเวลาการชำระหนี้สูงสุด 7 ปี / ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาเงินสูงสุด 120 วัน , “ปรับ” ปรับเปลี่ยนหนี้ระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี และ “เติม”เติมทุนฟื้นฟูกิจการ ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อ​ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้”  เงื่อนไขผ่อนปรน สร้างโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทำธุรกิจมาเพียง 1 ปี สามารถกู้ได้ วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท  อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น MLR-1.0% หรือ 6.50% ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุด 7 ปี พร้อมปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 6 เดือน  โดยการช่วยเหลือจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามผลกระทบและความสามารถในการชำระของแต่ละกิจการ นอกจากนั้น ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ธนาคารจากส่วนกลาง และในพื้นที่เข้าเยี่ยมเยือนและสำรวจความเสียหายเพื่อช่วยเหลือได้ทันท่วงที รวมถึง ดำเนินการมอบสิ่งของจำเป็นต่อการดำรงชีวิตให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่  เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน   พร้อมเปิด Call Center 1357  ไว้คอยรับแจ้งขอความช่วยเหลือ   ดังนั้น  ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในครั้งนี้ มั่นใจได้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือและดูแลจาก SME D Bank อย่างใกล้ชิด ทั่วถึง และทันท่วงที  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357  

29 Aug 2024

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดตัวแคมเปญสุดพิเศษ "Saving Fest เทศกาลสุดเซฟ...แห่งปี" เพื่อมอบส่วนลดพิเศษสูงสุดถึง 30% แก่ลูกค้าใหม่ที่ซื้อประกันออนไลน์ แคมเปญนี้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ประกันภัยหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยสุขภาพ ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย ประกันภัยสัตว์เลี้ยง และประกันภัยอื่น ๆ อีกมากมาย สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ง่าย ๆ เพียงกรอกโค้ด SAVE24 ก่อนการชำระเงินที่เว็บไซต์ www.tipinsure.com หรือคลิกที่ลิงก์ https://bit.ly/_SAVE24 เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมและซื้อประกันภัยออนไลน์  ได้ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน - 15 พฤศจิกายน 2567   #ทิพยประกันภัย #Dhipaya #Savingfest24  

08 Oct 2024

...

ตามที่ นางสาวเเพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มอบหมายสั่งการให้หน่วยงานของรัฐ เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ณ วันที่ 26 กันยายน 2567 โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินดำเนินการ ธนาคารจึงออก มาตรการช่วยเหลือโดยการพักหนี้อัตโนมัติ – พักจ่ายเงินต้นและไม่คิดดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 3 เดือน ช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567 ซึ่งจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและแบ่งเบาภาระของลูกหนี้ธนาคารออมสินในพื้นที่ประสบภัยตามประกาศฯ จำนวนกว่า 110,000 บัญชี คิดเป็นเงินต้นรวมกว่า 43,000 ล้านบาท มาตรการพักหนี้อัตโนมัติ - พักจ่ายเงินต้นและไม่คิดดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อพักชำระหนี้ให้กับสินเชื่อ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท และสินเชื่อรายย่อยทุกประเภทซึ่งรวมถึงสินเชื่อพัฒนากลุ่มอาชีพ และสินเชื่อสวัสดิการ (ยกเว้นสินเชื่อชีวิตสุขสันต์ และ สินเชื่อตามนโยบายรัฐ หรือ Public Service Account - PSA) โดยลูกหนี้ที่ได้รับสิทธิ์ให้เข้ามาตรการฯ ต้องมีภูมิลำเนา ที่อยู่ หรือที่ประกอบอาชีพ ในพื้นที่ประสบภัยตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ณ วันที่ 26 กันยายน 2567 ทั้งนี้ ธนาคารจะส่ง SMS หรือจดหมายแจ้งการพักชำระหนี้อัตโนมัติให้ลูกหนี้ทราบ ซึ่งจะมีผลในงวดเดือนตุลาคม - งวดเดือนธันวาคม 2567 หลังจากนั้นลูกหนี้จะต้องกลับมาชำระหนี้ตามปกติตั้งแต่งวดเดือนมกราคม 2568 เป็นต้นไป กรณีไม่ต้องการพักหนี้อัตโนมัติ สามารถชำระหนี้ได้เช่นเดิม โดยผู้เป็นลูกหนี้ปกติที่ชำระหนี้ในช่วงเวลา 3 เดือนของมาตรการฯ ธนาคารจะนำไปตัดต้นเงิน ส่วนผู้ที่ได้เข้าร่วมมาตรการพักหนี้ ลดดอกเบี้ยครึ่งหนึ่งมาแล้วก่อนหน้านี้ จะได้รับการพิจารณาเข้ามาตรการนี้โดยอัตโนมัติด้วยเช่นกัน สำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้เพื่อนำไปบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยพิบัติ สามารถยื่นขอสินเชื่อฉุกเฉิน หย่อนเกณฑ์อนุมัติ ให้กู้สูงสุดรายละไม่เกิน 10,000 บาท ไม่ต้องมีหลักประกันและไม่มีผู้ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% สำหรับ 3 เดือนแรก หลังจากนั้นเดือนที่ 4 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 0.60% หรืออาจยื่นขอสินเชื่อวงเงินสูงขึ้นเป็นรายละไม่เกิน 50,000 บาท แบบมีหลักประกัน อัตราดอกเบี้ย 3 เดือนแรก 0% ต่อเดือนเช่นกัน รวมถึงมาตรการสินเชื่อเคหะสำหรับผู้ที่ต้องการซ่อมแซมฟื้นฟูที่อยู่อาศัยที่เสียหาย ธนาคารให้วงเงินกู้สูงถึง 100% ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยพิเศษเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.233% ต่อปี ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.gsb.or.th หรือที่ GSB Contact Center โทร.1115 และติดต่อขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่สาขาธนาคารออมสิน ภายใน 30 วัน นับจากวันที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัย    

30 Sep 2024

...

เอไอเอ ประเทศไทย สานต่อโครงการ “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” ซึ่งจัดขึ้นติดต่อเป็นปีที่ 3 โดยได้รับความร่วมมืออย่างต่อเนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดรับสมัครโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการเพื่อชิงรางวัลรวมกว่า 2 ล้านบาท และได้เป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขันในระดับนานาชาติ เพื่อชิงรางวัลอีกกว่า 1.5 ล้านบาท รวมมูลค่ารางวัลถึง 3.5 ล้านบาท ตอกย้ำถึงพันธกิจสำคัญของเอไอเอ ที่มุ่งสนับสนุนเยาวชนและผู้คนในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กว่าหนึ่งพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’     โครงการ “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” เป็นโครงการที่กลุ่มบริษัทเอไอเอ และเอไอเอ ประเทศไทย ริเริ่มขึ้นเพื่อมุ่งเสริมสร้างและปลูกฝังพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพของนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 5 - 16 ปี โดยมุ่งเน้นใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การทำกิจกรรมที่แอคทีฟ การมีสุขภาพใจที่ดี และการพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยเมื่อปีที่ผ่านมา ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากโรงเรียนทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า 600 โรงเรียน และส่งผลงานเข้าประกวดถึง 91 โรงเรียน ซึ่งโรงเรียนที่ชนะระดับประถมศึกษา ได้แก่ โรงเรียนเทศบาล 2 วัดดอนมูลชัย จังหวัดตาก และโรงเรียนที่ชนะระดับมัธยมศึกษา ได้แก่ โรงเรียนเทศบาล 1 กิตติขจร จังหวัดตาก สำหรับโรงเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษาที่สนใจ สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” ปีที่ 3 ได้แล้วที่เว็บไซต์ ahs.aia.com/th/th/ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 8 มีนาคม 2568  

29 Sep 2024

...

ตามที่รัฐบาลได้มอบหมายสั่งการให้ธนาคารออมสิน เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดเชียงรายที่ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่อยู่ขณะนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอแม่สาย ที่ธนาคารออมสินภาค 9 ได้รับมอบนโยบายลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า อาทิ ถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งของจำเป็น เพื่อใช้บรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น   ทั้งนี้ ธนาคารออมสินได้ออกชุดมาตรการทางการเงินเพื่อลดภาระของผู้ประสบภัย ประกอบด้วย มาตรการพักหนี้และลดดอกเบี้ย โดยให้พักชำระเงินต้นและจ่ายดอกเบี้ยครึ่งหนึ่ง ส่วนดอกเบี้ยที่เหลืออีกครึ่งธนาคารลดให้ เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อย ทั้งบุคคล และ SMEs ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท ไม่รวมลูกค้าสินเชื่อตามธุรกรรมนโยบายรัฐ (PSA) หรือโครงการผ่อนปรนอื่น ๆ โดยแจ้งความประสงค์ขอเข้ามาตรการผ่านทางเว็บไซต์ธนาคารออมสิน หรือติดต่อธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป     นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ผ่อนเกณฑ์อนุมัติ แบบไม่ต้องมีหลักประกันและไม่มีผู้ค้ำประกัน วงเงินกู้สูงสุดไม่เกินรายละ 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 0% ใน 3 เดือนแรก และปลอดชำระเงินงวดนาน 3 เดือน จากนั้นเดือนที่ 4 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ย 0.60% และสินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัย สำหรับลูกค้าธนาคารออมสินและประชาชนทั่วไป ที่จำเป็นต้องซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยซึ่งได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม วงเงินกู้สูงถึง 100% ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยลดพิเศษเฉลี่ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3.233% ต่อปี ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย 2% ปีที่ 2 - 3 = 3.85% ต่อปี (MRR-2.745%) และปีที่ 4 เป็นต้นไป = 5.845% ต่อปี (MRR-0.750%)     นอกเหนือจากมาตรการทางการเงินแล้ว ยังมีมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย อาทิ วิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่ เปิด “คลินิกสารพัดซ่อม” เพื่อปรับปรุงซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัย รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความเสียหาย เป็นต้น และยังได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินในพื้นที่ออกเยี่ยมเยียนและให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าประชาชนที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายผลความช่วยเหลือไปยังพื้นที่รับน้ำอื่น ๆ ด้วย ธนาคารออมสินขอร่วมส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการช่วยเหลือในทุกพื้นที่ให้มีความปลอดภัยและขอให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้โดยเร็ว  

16 Sep 2024

Banner Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner