Responsive image

Friday, 29 Mar 2024

LATEST NEWS

INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต

...

ไทยประกันชีวิตชูกลยุทธ์ Immersive Marketing เป็นเจ้าแรกในธุรกิจ เปิดตัวโครงการไทยประกันชีวิต Experience พื้นที่สร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์แบบครบรส สมจริง ชี้สามารถสร้างความแตกต่างโดดเด่นให้แบรนด์ และเข้าถึงใจลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว พร้อมใช้พื้นที่เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ของบุคลากรภายใน   นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI เปิดเผยว่า ไทยประกันชีวิตในฐานะบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกของคนไทย ได้ริเริ่มโครงการ “ไทยประกันชีวิต Experience”  ขึ้น บริเวณชั้น 10 อาคารไทยประกันชีวิต สาขาบางนา ภายใต้แนวคิด “OUR STORY, OUR JOURNEY” เพื่อเป็นพื้นที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ เส้นทางความสำเร็จ และความเข้มแข็งของวัฒนธรรมองค์กรของไทยประกันชีวิต รวมถึงการเป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน   โครงการไทยประกันชีวิต Experience นำเสนอเรื่องราวของไทยประกันชีวิตในรูปแบบ Immersive Experience ที่ผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างประสบการณ์เสมือนจริงให้กับผู้เข้าชม โดยแบ่งพื้นที่จัดแสดงเป็น 4 ห้อง ประกอบด้วย ห้องที่ 1   ประวัติความเป็นมาของไทยประกันชีวิต ในฐานะบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกของคนไทย ห้องที่ 2   การบริการที่มากกว่าการประกันชีวิต เพื่อเคียงข้างดูแลชีวิตคนไทย ห้องที่ 3    การสร้างแรงบันดาลใจผ่านภาพยนตร์โฆษณา จนกลายเป็นต้นแบบภาพยนตร์โฆษณารักเรียกน้ำตา ห้องที่ 4    เรื่องราวของบุคคลสำคัญที่ร่วมสร้างความเข้มแข็งและการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงเรื่องราวที่น่าสนใจของไทยประกันชีวิต นอกเหนือจากการบอกเล่าเรื่องราวของไทยประกันชีวิตแล้ว โครงการไทยประกันชีวิต Experience ยังป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยสร้างความรู้สึกชื่นชอบและความรักให้เกิดกับแบรนด์ไทยประกันชีวิต สอดคล้องกับเป้าหมายของแบรนด์ (Brand Purpose) ในการเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจ (Trusted) ความชื่นชอบ (Admired) และเป็นแบรนด์ที่สร้างแรงบันดาลใจ (Inspire) ให้คนในสังคมนั่นเอง   นายไชยกล่าวว่า ไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่สร้างแบรนด์ผ่านกลยุทธ์การตลาดในรูปแบบการสร้างประสบการณ์เสมือนจริง หรือ Immersive Marketing ที่ผ่านมาเราวิวัฒนาการแนวทางการสร้างแบรนด์และการทำการตลาดมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นบริษัทประกันชีวิตลำดับแรก ๆ ที่สร้างแบรนด์ผ่านภาพยนตร์โฆษณา ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ ได้รับการจดจำและได้รับความชื่นชอบจากผู้บริโภค กระทั่งกูรูด้านการตลาดระดับโลก ฟิลิป คอตเลอร์ ยกให้เป็นแบรนด์ที่เป็นต้นแบบของการสร้างสรรค์โฆษณาที่สร้างความรู้สึก หรือ Sadvertising จนปัจจุบันเราได้วิวัฒนาการสู่การสร้างแบรนด์ในลักษณะ Immersive Marketing เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมเต็มรูปแบบ “Immersive Marketing เป็นการตลาดที่จะทำให้ผู้บริโภคสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริง ด้วยการนำเสนอผ่านมัลติมีเดียและเทคนิคพิเศษโดยนำเอาเทคโนโลยีด้าน Digital Media มาสร้างประสบการณ์ร่วมและสร้างการเข้าถึงใจผู้บริโภค ภายในโครงการไทยประกันชีวิต Experience ผู้เข้าชมจะได้เรียนรู้เรื่องราวของไทยประกันชีวิต และการส่งมอบคุณค่าทางด้านวัฒนธรรมของไทยประกันชีวิต ผ่านการเล่าเรื่อง Storytelling ที่ไม่ซับซ้อน (Frictionless) รวมถึงผู้เข้าชมสามารถสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงผ่านประสาทสัมผัสที่หลากหลาย (Multisensory) ส่งผลให้เกิดการมีส่วนร่วม (Participative) และปฏิสัมพันธ์ (Interactive) กับแบรนด์โดยตรง กลยุทธ์ Immersive Marketing จึงเป็นการสื่อสารแบรนด์ที่มีประสิทธิภาพ และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ส่งผลให้แบรนด์มีความโดดเด่นกว่าคู่แข่ง และสร้างลูกค้าที่ภักดีต่อแบรนด์ได้ นำไปสู่การสร้างความยั่งยืนให้กับแบรนด์” นายไชยกล่าว   นอกจากนี้ ยังได้จัดสร้าง Pop up Theater ซึ่งเป็นพื้นที่จัดแสดงเรื่องราวที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ นอกเหนือจากเรื่องราวภายในไทยประกันชีวิต Experience โดยโครงสร้างออกแบบในลักษณะ Pop up Store ที่มีความทันสมัย สวยงาม และสามารถใช้หมุนเวียนนำไปจัดแสดงในอีเวนต์ต่าง ๆ ของบริษัทฯ ได้  พื้นที่โครงการฯ ส่วนหนึ่งยังจัดทำเป็นศูนย์การเรียนรู้ (Learning Center) ของบุคลากรไทยประกันชีวิตทั้งฝ่ายขายและพนักงาน โดยมีพื้นที่รองรับการประชุม การอบรมสัมมนา และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน อาทิ Wi-Fi, เคาน์เตอร์บาร์, ห้อง Auditorium, พื้นที่ Co-Working Space ฯลฯ ทั้งนี้ ในช่วงแรกจะเปิดให้ผู้บริหาร พนักงาน ฝ่ายขาย และผู้เอาประกันภัย เข้าชมโครงการไทยประกันชีวิต Experience เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับบริษัทฯ สร้างความเชื่อมั่น และความภักดีต่อองค์กร และในอนาคตจะขยายให้บุคคลภายนอกสามารถเข้าชมโครงการฯ ได้ เพื่อเรียนรู้เรื่องราวของบริษัทฯ และสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจในแบรนด์ไทยประกันชีวิต  

25 Mar 2024


...

  กรุงเทพประกันชีวิต ร่วมออกบูธงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 27 ด้วยแนวคิด “Learning By Playing” มุ่งเน้นการเสริมสร้างพัฒนาการเรียนรู้ของลูกน้อยด้วยแผนความคุ้มครองที่คัดสรรมาด้วยความใส่ใจ ตอบโจทย์ความต้องการทุกครอบครัว ในการวางแผนเตรียมพร้อมด้านสุขภาพ ค่ารักษาพยาบาล และเตรียมเงินออมเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกรัก พร้อมส่งมอบความใส่ใจด้วยกิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อย และให้คำปรึกษาวางแผนการเงินกับคุณพ่อคุณแม่ตามเป้าหมายที่ต้องการ พิเศษในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม เวลา 13.00 น. ร่วมฟังเสวนาดีๆจากกรุงเทพประกันชีวิต หัวข้อ "การเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่" โดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะด้านกุมารเวชศาสตร์ทารกแรกเกิด โรงพยาบาลเมดพาร์ค MedPark Hospital และ "เลี้ยงลูกโตไปให้มี "ตน" การส่งเสริมพัฒนาการ 3 มิติด้วยเทคนิควันโอวันการสร้างวินัยเชิงบวก" โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการสร้างวินัยเชิงบวกและการส่งเสริมทักษะสมอง EF สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล นอกจากนี้ ผู้มาร่วมงานยังสามารถรับประกันอุบัติเหตุฟรี สูงสุด 200,000 บาท พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษเฉพาะในงาน พบกับบูธกรุงเทพประกันชีวิตได้ที่งาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 23-31 มีนาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ 98 บูธ G3, G4 และ G16, G17 และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมแบบประกันต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์กรุงเทพประกันชีวิต www.bangkoklife.com หรือติดต่อ Call Center โทร. 02-777-8888  

24 Mar 2024

...

นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำคณะผู้บริหารระดับสูงจัดงานแถลงข่าวประจำปี 2567 แถลงถึงผลการดำเนินงานและภาพรวมผลประกอบการในรอบปีที่ผ่านมา รวมถึงกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2567 ภายใต้แนวคิด “ปีแห่งความมั่นคงและเป็นธรรม : มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” อันเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของวิริยะประกันภัย   ด้วยประสบการณ์ด้านประกันวินาศภัยกว่า 77 ปี ซึ่งบริษัทฯ มีความ “มั่นคง” ด้วยสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง 68,335 ล้านบาท “เป็นธรรม” ทุกขั้นตอนการบริการและมอบประสบการณ์ความ “คุ้มค่า” ให้แก่ ลูกค้า ด้วยการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาพัฒนานวัตกรรมบริการใหม่อย่าง “V-Inspection” บริการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนรับทำประกันภัยผ่านโทรศัพท์มือถือที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้รับการอนุมัติทำประกันภัยรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงการขยายพื้นที่ให้บริการเคลมนัดหมายผ่านวิดีโอคอล “VClaim on VCall” ขยายครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนการนำฐานข้อมูล “Big Data” มาใช้พัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตาม Personalization and Customer Insights ให้ตรงกับความต้องการของผู้เอาประกันภัย ทั้งด้านความคุ้มครองและเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม ณ ห้องแกรนด์บอลรูม (Salon B) โรงแรมสวิสโซเทล กรุงเทพ รัชดา   สำหรับผลประกอบการในปี 2566 บริษัทฯ มีเบี้ยรับรวมกว่า 40,077 ล้านบาท แยกเป็นประกันภัยรถยนต์ (Motor) 35,633 ล้านบาท และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) 4,444 ล้านบาท โดยในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท แบ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ 38,000 ล้านบาท และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ วิริยะประกันภัย ยังได้เปิดตัวแคมเปญบริษัทฯ ภายใต้แนวคิด “มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า” พร้อมสื่อสารไปยังสาธารณชนผ่านหนังโฆษณาและสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของวิริยะประกันภัยอีกด้วย  

23 Mar 2024

...

บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ประกาศความสำเร็จการดำเนินธุรกิจในปี 2566 เบี้ยประกันรับรวมเติบโตทะลุเป้าแตะ 3.62 หมื่นล้านบาท เติบโต 6% พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจต่อเนื่องทุกช่องทาง เน้นปั้นตัวแทนเต็มเวลามืออาชีพ ดันสัดส่วนผลิตภัณฑ์สุขภาพและลงทุน ส่งมอบบริการที่เป็นเลิศ เพื่อพิชิตเป้าเบี้ยรับรวม 4.1 หมื่นล้านบาทในปี 2567 มร.โทมัส วิลสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมท่ามกลางความท้าทายจากปัจจัยภายนอกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ไม่ฟื้นคืนอย่างที่หลายคนคาดหวัง  ความถี่และความรุนแรงในการเคลมสินไหมสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ และความผันผวนของตลาดเงิน ที่มีผลต่อมูลค่าของสินทรัพย์ เป็นต้น โดยได้สร้างผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวม (GWP) เติบโต 6% อยู่ที่ 3.62 หมื่นล้านบาท ส่วนเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรายปี (ANP) เติบโต 4% อยู่ที่ 7.3 พันล้านบาท มาจากช่องทางตัวแทน 3.2 พันล้านบาท ช่องทางขายผ่านธนาคาร 2.4 พันล้านบาท ช่องทางขายตรง 1.4 พันล้านบาท และประกันกลุ่มอีกประมาณ 170 ล้านบาท ในด้านการขายผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุด มีการเติบโตต่อเนื่อง ทำให้ อลิอันซ์ อยุธยา ขึ้นแท่นเป็นที่ 3 ในตลาดประกันสุขภาพไทย นอกจากนั้น ปีที่ผ่านมา ยังเป็นปีแห่งความสำเร็จของช่องทางตัวแทนของบริษัท มีการเติบโตในทุกมิติ โครงการสร้างตัวแทนมืออาชีพในระยะยาว โดยตัวเลขตัวแทนใหม่ พุ่งสูงถึงกว่า 9,300 คน เติบโตถึง 34% จำนวนตัวแทนที่มีผลงาน (active agent) ก็เพิ่มสูงถึงกว่า 3,300 คน เติบโตขึ้น 13%  จำนวนผู้บริหารตัวแทนระดับสูงได้รับการเลื่อนตำแหน่งถึง 34คน ซึ่งถือว่าสูงมาก   อีกทั้งยังมีความสำเร็จในด้านของการบริหารองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ อลิอันซ์ อยุธยา มีเงินกองทุนสำรองที่มั่นคงถึง 306% ในส่วนความพึงพอใจของลูกค้า ได้รับคะแนน NPS Score ที่ใช้วัดความพึงพอใจลูกค้าอยู่ในระดับ Loyalty Leader และได้คะแนน AES Score ที่ใช้วัดความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร สูงเป็นอันดับ 5 จากบริษัทในเครืออลิอันซ์ทั่วโลก และยังได้รับรางวัลด้านผลิตภัณฑ์จากทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชนมากมาย สิ่งเหล่านี้ช่วยตอกย้ำว่า อลิอันซ์ อยุธยา เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความพึงพอใจ และความผูกพันทั้งในส่วนของลูกค้าและพนักงาน สำหรับในปี 2567 นี้ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตต่อเนื่อง ด้วยการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมใช้งานระบบบัญชี IFRS 17 ตามระเบียบข้อบังคับของคปภ. ซึ่งมีผลดีทำให้บริษัทมีมูลค่าและความั่นคงทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น ในด้านช่องทางการขาย บริษัทยังเน้นการเติบโตของช่องทางตัวแทน ยังเดินหน้าจัดทำโครงการที่ประสบความสำเร็จในการสร้างตัวแทนคุณภาพ ในขณะที่ยังคงมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพ ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ประกันควบการลงทุน เช่น ยูนิตลิงก์ ที่เรามีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายเพื่อให้มีสัดส่วนเป็น 10% ของพอร์ทผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัท     นอกจากนั้น บริษัทจะให้ความสำคัญกับการบริการ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า โดยเฉพาะในเรื่องการคุ้มครองสุขภาพ โดยได้มีการจัดตั้งเครือข่าย Preferred Network เพื่อทำงานร่วมกับโรงพยาบาล เพื่อมอบบริการพิเศษ ให้กับลูกค้า นอกจากนั้น จะมีการเปิดให้บริการพิเศษใหม่ๆ อาทิ บริการ Health concierge เพื่อดูแลลูกค้า นัดแนะและประสานงานกับโรงพยาบาลทั้งก่อนและหลังการเข้ารับการรักษา เป็นต้น “ในปี 2567 นี้ เรามั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้ อลิอันซ์ อยุธยา สามารถเติบโตธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เป็นแบรนด์ประกันอันดับหนึ่งในใจลูกค้ารวมทั้งสร้างความผูกพันกับพนักงาน พร้อมพิชิตยอดเบี้ยประกันรับรวม 4.1 หมื่นล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 8.3 พันล้านบาท ก้าวสู่การเป็นผู้นำบริษัทประกันชีวิตและสุขภาพของไทยได้อย่างมั่นคง” มร.โทมัส กล่าวทิ้งท้าย    

23 Mar 2024

...

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR โดย คุณอาฑิตยา พูนวัตถุ ผู้บริหารระดับสูง ด้านธุรกิจประกันภัย นำทีมสื่อสารสร้างการรับรู้แบรนด์ “ประกันติดโล่” ผ่านหนังโฆษณา ชุด “ซื้อประกัน ต้องสบายใจ” โดยใช้คอนเซ็ปต์ “เพราะความสบายใจ คือสิ่งที่คุณควรได้รับจากการซื้อประกัน” ซึ่งความสบายใจต้องเกิดขึ้นตั้งแต่ขั้นตอนการแนะนำผลิตภัณฑ์ประกันที่เหมาะสมกับความเสี่ยงและความต้องการ พร้อมกับทางเลือกที่หลากหลายจากบริษัทประกันชั้นนำ การอธิบายเน้นย้ำสาระสำคัญในสัญญา การให้คำปรึกษาขณะลูกค้าเกิดอุบัติเหตุ การติดตามเคลมและแจ้งผลขณะลูกค้านำรถเข้าซ่อมอย่างใกล้ชิด สำหรับหนังโฆษณา ชุด “ซื้อประกัน ต้องสบายใจ” กำกับโดย คุณต่อ ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับชื่อดัง ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความกังวลของผู้ซื้อประกัน ผสมผสานกับบริการที่จริงใจจากประกันติดโล่ ช่วยให้ลูกค้าคลายกังวล สร้างความสบายใจ สอดรับกับสโลแกน “บริการด้วยใจ ตั้งแต่ขายยันเคลม” ได้อย่างลงตัว สำหรับผู้สนใจสามารถรับชมหนังโฆษณาชุด “ซื้อประกัน ต้องสบายใจ” ได้ที่ Facebook Fanpage และ YouTube ประกันติดโล่ ทั้งนี้ “ประกันติดโล่” ถือเป็นการปรับเปลี่ยนแบรนด์ (Rebranding) จากเดิมประกันติดล้อเปลี่ยนเป็น “ประกันติดโล่” กับสโลแกน “บริการด้วยใจ ตั้งแต่ขายยันเคลม” ซึ่งถือเป็นคำมั่นสัญญาที่จะสร้างความสบายใจและความมั่นใจให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการกับประกันติดโล่ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ 1.ให้คำแนะนำโดยนายหน้าผู้เชี่ยวชาญ 2.การให้บริการด้วยความ โปร่งใส ชี้แจงครบทุกรายละเอียด 3.ติดต่อง่าย ได้หลายช่องทาง และ 4.ติดตามการเคลมอย่างใกล้ชิด ซึ่งถือเป็นการดูแลลูกค้าตั้งแต่การขายถึงการเคลม นอกจากนี้ ยังเปิดให้บริการ ประกันติดโล่ call center 1501 บริการพิเศษครอบคลุมทั้งรับแจ้งและประสานงานเคลมจากอุบัติเหตุ บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน บริการติดตามสถานะการเคลม ให้คำปรึกษาและประสานงานกับบริษัทประกันเพื่อพิจารณาสินไหม ผ่านช่องทาง Call Center และสาขาเงินติดล้อ ซึ่งมีพนักงานที่มีใบอนุญาตนายหน้าประกันถูกต้องพร้อมให้คำแนะนำ นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถขอคำปรึกษาด้านการซื้อประกัน การผ่อนประกัน การแก้ไขและติดตามกรมธรรม์ การสอบถามข้อมูลในตารางกรมธรรม์ ได้สะดวกทุกวัน ตลอด 24 ชม. เยี่ยมชมข้อมูล “ประกันติดโล่” ได้ที่ www.prakantidloh.com หรือสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์และรับบริการจากประกันติดโล่เพิ่มเติมได้ที่ call center 1501 ตลอด 24 ชม.

23 Mar 2024

...

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) เผยว่า เนื่องในวาระ 75 ปีของ OCEAN LIFE ไทยสมุทร มุ่งใช้ศักยภาพทุกด้าน ช่วยลูกค้าและคนไทยทุกคนก้าวสู่โลกยุคใหม่ด้วยความมั่นใจว่าจะพร้อมรับมือกับความผันผวนไม่แน่นอนทั้งสุขภาพ การเงิน สังคมและสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องการเงินที่ต้องเตรียมพร้อมวางแผนระยะยาวในวันที่ยังมีเรี่ยวแรงหารายได้ จึงได้ส่งแบบประกันคุ้มครองตลอดชีพ “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท เวลท์ 99/1” ที่จ่ายเบี้ยเพียงครั้งเดียว รับเงินคืนทุกปี ยาวจนถึงอายุ 99 ปี ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์คนที่มองหาประกันชีวิตที่ทำง่าย เข้าใจง่าย มีทั้งความคุ้มครอง และผลประโยชน์จากเงินคืนที่น่าพอใจ  “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท เวลท์ 99/1” จ่ายเบี้ยฯ เพียงครั้งเดียว คุ้มครองชีวิตจนอายุครบ 99 ปี โดยให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 105% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย จุดเด่นอยู่ที่การให้เงินคืนระหว่างสัญญา ที่ผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืน 2.4% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ณ วันครบรอบปีกรมธรรม์ที่ 1 จนถึงปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัยอายุครบ 98 ปี และรับอีก 102.4% ในปีสุดท้ายเมื่อครบกำหนดสัญญา (อายุครบ 99 ปี)   “โอเชี่ยนไลฟ์ สมาร์ท เวลท์ 99/1” รับประกันภัยบุคคลอายุตั้งแต่ 30 วัน – 65 ปี โดยเบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนด  รายละเอียดแบบประกันเพิ่มเติม คลิก https://oceanlifeth.co/Content-Ocean-Life-Smart-Wealth-99-1-01-03-2024 OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรมายาวนาน 75 ปี โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติ เพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคม เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER  1503

21 Mar 2024

...

บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) บริษัทประกันวินาศภัยดิจิทัลเต็มรูปแบบแห่งแรกในประเทศไทย ภายใต้ บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท เวเคย์ แทรเวิล จำกัด ผู้ให้บริการ eSim ครบวงจรสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ เดินหน้าผนึกความร่วมมือมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ Vacay eSim  รับฟรี !! ประกันการเดินทางต่างประเทศจาก Insurverse ที่ให้ความคุ้มครองการเดินทางตลอดเที่ยวบินตามประเทศที่เดินทางและจำนวนวันที่ลูกค้าทำการซื้อ eSim ผ่านเว็บไซต์   นายกิตตินันท์ ภู่พงศ์พันธ์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินชัวร์เวิร์ส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประกันการเดินทางของอินชัวร์เวิร์สส่งมอบความคุ้มครองการเดินทางทั่วโลก ชดเชยเที่ยวบินดีเลย์ บริการให้ความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินยามเดินทางต่างประเทศตลอด 24 ชั่วโมง และหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เจ็บป่วยกะทันหัน จะมีเจ้าหน้าที่ประสานกับเครือข่ายโรงพยาบาลที่ครอบคลุมทั่วโลก ทำให้อุ่นใจในทุกๆการเดินทาง นายพุทธา วิริยะบวร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิพย ไอบี จำกัด กล่าวเสริมว่า อินชัวร์เวิร์สตอกย้ำความเป็นประกันภัยดิจิทัลเต็มรูปแบบ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ด้วยการผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อขยายฐานลูกค้าและ มอบสิทธิประโยชน์ในด้านการประกันภัยให้กับลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ Vacay eSim ผ่านช่องทางออนไลน์ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางของลูกค้าและ ส่งเสริมให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการประกันภัยได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น  ด้านนายสิทธิเดช เทพเอื้อตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวเคย์ แทรเวิล จำกัด กล่าวว่า จุดเด่นของ Vacay eSimนั้น ลูกค้าสามารถเลือกแพ็กเกจตามประเทศที่เดินทางและจำนวนวันที่ต้องการได้ สามารถสั่งซื้อได้ง่ายและใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องรอ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของประกันภัย Insurverse ที่ลูกค้าสามารถ DIY  เลือกซื้อแพ็กเกจประกันเดินทางตามประเทศที่เดินทางและวันที่ต้องการได้เช่นกัน ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปซื้อผลิตภัณฑ์ Vacay eSim ได้ที่ https://esim.vacay.asia/th/ และศึกษารายละเอียดความคุ้มครองประกันเดินทาง Insurverse เพิ่มเติมได้ที่ https://insure.insurverse.co.th/shopping/travel  

21 Mar 2024

ECONOMY-FINANCE / เศรษฐกิจ-การเงิน

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ร่วมกับ วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก จัดแคมเปญ “โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 กับกรุงศรี โดย วีซ่า” ชวนลูกค้าบัตร Krungsri Boarding Card และบัตรกรุงศรี เดบิต ร่วมลุ้นเปิดประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ครั้งหนึ่งในชีวิตบินลัดฟ้าถึงประเทศฝรั่งเศส ชมมหกรรมกีฬานานาชาติโอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 พร้อมแพ็กเกจท่องเที่ยวสุดฟิน และรางวัลอื่น รวมมูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาท เพียงสมัครหรือใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไขที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2567 พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สมัครบัตร Krungsri Boarding Card ในช่วงเวลาดังกล่าวจะได้รับบัตรลาย โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 (Limited Edition) เพื่อต้อนรับและเฉลิมฉลองไปกับมหกรรมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้ โดยวีซ่า     นางสาวดมิศา พิศิษฐวานิช ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านผลิตภัณฑ์และการตลาดลูกค้ารายย่อย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นอกจากความมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตแล้ว กรุงศรีอยากเห็นลูกค้าของเราทุกคนมีชีวิตที่ง่าย และมีความหมายในทุกวัน โดยโอลิมปิก เกมส์ถือเป็นมหกรรมการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่ามกลางความสนใจจากผู้คนทั่วโลก และครั้งนี้จะจัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมืองแห่งศิลปะและไอเดียสร้างสรรค์ที่หลายคนอยากไปสัมผัส เราจึงได้ร่วมมือกับ วีซ่า จัดแคมเปญสุดพิเศษนี้ขึ้นเพื่อมอบความสุขและประสบการณ์ ‘ครั้งหนึ่งในชีวิต’ ให้กับลูกค้าของเรา พร้อมเพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวเพื่อเก็บเกี่ยวความทรงจำที่ดีกลับมาอีกด้วย และเพื่อเป็นการต้อนรับพร้อมสร้างบรรยากาศความคึกคักให้กับมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมนี้ กรุงศรีได้ออกบัตร Krungsri Boarding Card ลายใหม่ โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 ซึ่งเป็น Limited Edition ออกแบบขึ้นมาพิเศษเฉพาะช่วงเวลานี้เท่านั้น ให้แฟนกีฬาชาวไทยหรือนักสะสมได้เก็บเป็นที่ระลึก ร่วมบันทึกอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของโลกด้านกีฬา” นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า “ในฐานะพันธมิตรด้านบริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก และผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในการจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมกับกรุงศรี จัดแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ในครั้งนี้เพื่อมอบสิทธิพิเศษที่เหนือระดับให้กับลูกค้าผู้ถือบัตรวีซ่า เรามุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการนำเสนอโซลูชันการชำระเงิน ที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และเชื่อมโยงทุกคนทั่วโลกเข้าด้วยกัน ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะเรื่องการใช้จ่ายเท่านั้น เรายังภูมิใจที่ได้ให้การสนับสนุนนักกีฬา และแฟนกีฬา ผ่านการแข่งขันปารีสโอลิมปิก 2024 ซึ่งมีชื่อเสียงทั่วโลก โดยหวังว่าการเป็นผู้สนับสนุนมหกรรมกีฬาโอลิมปิกของเราจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลก และช่วยให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ใกล้ชิดกับกีฬาโอลิมปิกมากยิ่งขึ้น”   แคมเปญ “โอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 กับกรุงศรี โดย วีซ่า” มอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้สมัครหรือใช้จ่ายผ่านบัตร Krungsri Boarding Card และบัตรกรุงศรี เดบิต ทุกประเภท ร่วมลุ้นรับรางวัลใหญ่ 22 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาท ประกอบไปด้วย รางวัลที่หนึ่ง แพ็กเกจทริปชมกีฬาโอลิมปิก เกมส์ ปารีส 2024 พร้อมตั๋วเครื่องบิน และที่พัก 5 วัน 4 คืน จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 2 ท่าน มูลค่ารางวัลละ 1,116,549.50 รวมมูลค่า 2,233,099 บาท สำหรับลูกค้าที่สมัครหรือทำรายการระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2567 – 30 เมษายน 2567 รางวัลที่สอง โทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy Z Flip5 256 GB จำนวน 20 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 37,900 บาท รวมมูลค่า 758,000 บาท สำหรับลูกค้าที่สมัครหรือทำรายการระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2567 – 31 กรกฎาคม 2567 ผู้สนใจสามารถรับสิทธิ์ลุ้นโชคได้ง่ายๆ โดยสำหรับลูกค้าใหม่ เพียงสมัครบัตร Krungsri Boarding Card หรือบัตรกรุงศรี เดบิต ทุกประเภท ผ่าน KMA krungsri app หรือ ผ่านสาขาธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา รับ 5 สิทธิ์เพื่อลุ้นชิงโชค สำหรับลูกค้าปัจจุบัน เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร Krungsri Boarding Card หรือบัตรกรุงศรี เดบิต ทุกประเภท ผ่านช่องทางออนไลน์ หรือที่ร้านค้าผ่านเครื่องรับบัตร 700 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับ 1 สิทธิ์เพื่อลุ้นชิงโชค ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.krungsri.com/th/promotions/cards/hot-promotion/debit-card-lucky-draw-olympic-2024 หรือที่ KRUNGSRI Call Center 1572 ตลอด 24 ชั่วโมง  

18 Mar 2024


...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า หลังจากที่ธนาคารออมสินได้จัดทำมาตรการแก้หนี้และดำเนินการช่วยเหลือลูกหนี้ทุกกลุ่มมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มเริ่มค้างชำระ กลุ่มลูกหนี้ NPLs และลูกหนี้ในกระบวนการฟ้องร้อง แต่ด้วยขณะนี้ ยังมีลูกหนี้จำนวนหนึ่งยังประสบปัญหาเรื่องรายได้ไม่เพียงพอ ทำให้ส่งผลต่อการผ่อนชำระหนี้รายเดือน ทั้งนี้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระลูกหนี้ และช่วยไม่ให้ลูกหนี้เสียเครดิตทางการเงินในระยะยาว ธนาคารออมสินได้เตรียมแผนการชำระหนี้หลายแนวทางให้แก่ลูกหนี้แต่ละรายตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้เป็นรายบุคคล อาทิ พักชำระเงินต้น และจ่ายดอกเบี้ยเต็มจำนวนหรือจ่ายบางส่วน หรือเป็นไปตามแผนการชำระหนี้ที่ธนาคารอนุมัติให้ จึงขอชวนลูกหนี้ทุกประเภทสินเชื่อ ทุกสถานะที่ประสบปัญหาไม่ว่าจะเป็นรายย่อยหรือธุรกิจ SME ทั้งลูกหนี้ที่ค้างชำระไม่เกิน 90 วัน และสถานะยังไม่เป็น NPLs หรือ ลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPLs ณ วันที่ 31 ธ.ค.66 สามารถติดต่อขอคำปรึกษาและร่วมหาแนวทางแก้ไขหนี้ร่วมกัน ได้ที่ธนาคารออมสินสาขาเจ้าของบัญชีหรือสาขาที่สะดวกทั่วประเทศ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สำหรับมาตรการ 4 ไม่ เพื่อชะลอดำเนินการทางคดี ไม่ฟ้อง ไม่ยึดทรัพย์ ไม่ขายทอดตลาด และไม่ฟ้องล้มละลาย ซึ่งขยายระยะเวลาจากเดิมปี 2566 และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2567 นี้ เพื่อให้ลูกหนี้สามารถเข้าร่วมมาตรการแก้ไขหนี้กับธนาคารข้างต้นได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 และที่ facebook : GSB Society.  

17 Mar 2024

...

  (ซ้าย) เชิ้ง เหอไท่ กรรมการผู้จัดการ องค์กรรับประกันแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ,  (ขวา) ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ลงนามกับนายเชิ้ง เหอไท่ กรรมการผู้จัดการ องค์กรรับประกันแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Export & Credit Insurance Corporation : SINOSURE) ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการรับประกันเพื่อส่งเสริมการใช้บริการประกันการส่งออกและการลงทุนของ EXIM BANK เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงและรุกตลาดใหม่ของผู้ส่งออกและนักลงทุนไทย-จีน โดยเฉพาะในตลาด CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ของไทย โดยมีนายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อุปทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง เป็นสักขีพยานกิตติมศักดิ์ ณ SINOSURE สำนักงานใหญ่ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567   กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่าง EXIM BANK และ SINOSUREครอบคลุมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการให้บริการทางการเงินในรูปแบบการรับประกันโดยตรงและการรับประกันต่อ เพื่อคุ้มครองความเสี่ยงให้ผู้ประกอบการไทย-จีนมีความมั่นใจที่จะขยายธุรกิจส่งออกและโครงการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ทั้งในไทย จีน และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีการผลิต วัฒนธรรมองค์กร การพัฒนาทักษะแรงงาน โดยเฉพาะ SMEs เพื่อเข้าถึงโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ อาทิ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความร่วมมือระหว่างทั้งสององค์กรเพื่อขยายบริการรับประกันร่วมกัน รวมทั้งการรับประกันต่อ จะช่วยให้การค้าและการลงทุนระหว่างไทยและจีนขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องกังวลความเสี่ยงจากผู้ซื้อ ประเทศผู้ซื้อ และประเทศเป้าหมายการลงทุน นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น เนื่องจากสามารถโอนสิทธิ์ในกรมธรรม์ประกันการส่งออกและประกันความเสี่ยงการลงทุนของ EXIM BANK เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ได้ โดย EXIM BANK และ SINOSURE จะร่วมกันบริหารความเสี่ยงในการทำธุรกิจประกันและขยายขอบเขตการให้บริการแก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทย-จีนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม “EXIM BANK ขยายความร่วมมือกับ SINOSURE ในครั้งนี้ ภายใต้บทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาที่มุ่งส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อยกระดับศักยภาพและเทคโนโลยีการผลิตของภาคอุตสาหกรรมและเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้ง EEC ของไทย กระตุ้นการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ส่งเสริมการขยายธุรกิจการค้าและการลงทุนไปสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ อาทิ CLMV นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของภูมิภาคเอเชียและโลกโดยรวม” ดร. รักษ์ กล่าว

17 Mar 2024

...

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2566 โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการด้านการเงิน (Financial Inclusion) ผ่านธุรกิจหลักของบริษัท ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกัน โดยผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการเติบโต ทำนิวไฮ ทั้งด้านรายได้รวม 18,972 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.2% และมีกำไรสุทธิ 3,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% จากปีก่อน โดยพอร์ตสินเชื่อคงค้างยังคงขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ มียอดสินเชื่อรวม 97,456 ล้านบาท ขยายตัว 19.9% (YoY) ซึ่งคุณภาพพอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (%NPL) ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้าและยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 1.45% ในส่วนของธุรกิจนายหน้าประกันยังคงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขยายตัวตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยยอดเบี้ยประกันวินาศภัยรวมสำหรับปี 2566 มีมูลค่า 8,743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.3% (YoY)  นอกจากนี้ อัตราส่วน Cost to Income มีการปรับตัวดีขึ้น ลดลงมาอยู่ที่ 54.9% สะท้อนถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจมาจากกลยุทธ์การลงทุนและพัฒนาด้านเทคโนโลยี สะท้อนจากความสำเร็จของ “บัตรติดล้อ” (Tidlor Card) และ “แอปพลิเคชันเงินติดล้อ” ที่ปริมาณการใช้งานยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2566 ได้มีการส่งมอบบัตรติดล้อแล้วกว่า 644,000 ใบ มีจำนวนผู้ใช้บัตรเพิ่มขึ้น 29.6% (YoY) รวมถึงบริการ “โอนเงินสินเชื่อเข้าบัญชี” ผ่านแอปพลิเคชันเงินติดล้อ ที่เพิ่งเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2566 ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการใช้งานของลูกค้า และยังมีช่องทางให้บริการลูกค้าที่หลากหลาย (Omni-Channel) ทั้งช่องทางออฟไลน์ผ่านช่องทางสาขากว่า 1,678 สาขา, ช่องทางออนไลน์ และแพลตฟอร์มดิจิทัล นอกจากนี้ ธุรกิจนายหน้าประกันของบริษัทฯ ซึ่งถือเป็นเบอร์ 1 ในการให้คำปรึกษาและเสนอขายประกันอย่างมืออาชีพอย่างใกล้ชิด Face to Face และยังเป็นอีกธุรกิจหลักที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตด้านผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อีกด้วย โดยในปี 2566 ภาพรวมการดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง มียอดเบี้ยประกันวินาศภัยคิดเป็นมูลค่า 8,743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.3% (YoY) มีการเติบโตที่ดีจากทั้งช่องทางสาขา และแพลตฟอร์มอารีเกเตอร์ (Areegator) รวมถึงโบรกเกอร์ประกันออนไลน์ (heygoody) ที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งผ่านช่องทางการให้บริการที่ครอบคลุม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนาเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงประกันอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมีการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่ง มีการจัดการต้นทุนและการบริหารคุณภาพสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการตั้งสำรองในระดับที่เหมาะสมและเพียงพอเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจและความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงยังคงมุ่งเน้นการเติบโตพอร์ตอย่างมีคุณภาพ ภายใต้กรอบนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่มีความรัดกุมและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่ดี ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา บริษัทยังคงได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ที่ระดับ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” จากทริสเรทติ้ง ซึ่งถือว่าเป็นอันดับสูงสุดในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน และยังได้รับการจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล มีมาตรฐาน โปร่งใส และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ   นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2566 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์ของกลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพอย่างธุรกิจนายหน้าประกัน และผลลัพธ์จากการลงทุนด้านเทคโนโลยีซึ่งสะท้อนผ่านความสำเร็จของบัตรติดล้อ และการพัฒนาฟีเจอร์การใช้งานในแอปพลิเคชันเงินติดล้อที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันเราเริ่มเห็นผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ผ่านประสบการณ์ที่ดีขึ้นของลูกค้าและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งแม้จะอยู่ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ก็ตาม และที่สำคัญมากไปกว่านั้น ในปีที่ผ่านมาเรายังคงเดินหน้าลงทุนอย่างต่อเนื่องและยังได้ขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่างแบรนด์ “heygoody” โบรกเกอร์ประกันออนไลน์ รวมถึงการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจหลักของเราอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เรามีพอร์ตสินเชื่อคงค้างเฉลี่ยต่อสาขาสูงถึง 58 ล้านบาท นอกจากนี้เรายังเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank) เพียงไม่กี่แห่งที่ยังคงมีวงเงินสินเชื่อที่เพียงพอ และมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงจากการตั้งสำรองที่เพียงพอ นั่นทำให้เรายังคงสามารถสร้างโอกาสทางการเงินและส่งเสริมการเข้าถึงประกันให้ประชาชน ตามเจตนาที่เรายึดมั่นได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2567 นี้ ตั้งเป้าการเติบโตที่ระดับ 10-20% ทั้งธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันวินาศภัย สำหรับท่านนักลงทุนและผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของ TIDLOR ได้ที่เว็บไซต์ www.tidlorinvestor.com

10 Mar 2024

...

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ในธุรกิจนำเข้าและส่งออก เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “Krungsri SME Trade Power Up” (กรุงศรี เอสเอ็มอี เทรด พาวเวอร์อัพ) สินเชื่อและบริการเพื่อการค้าระหว่างประเทศที่ช่วยเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อได้ ให้วงเงินสูงเต็มศักยภาพธุรกิจตามความต้องการเงินทุนหมุนเวียนที่มากเพียงพอแก่กิจการ พร้อมสิทธิประโยชน์จากบริการเสริมด้านธุรกรรมการค้าต่างประเทศ ช่วยลดต้นทุนและความเสี่ยงธุรกิจจากการนำเข้า-ส่งออก ให้ธุรกิจสามารถบริการจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมคว้าโอกาสธุรกิจเติบโตได้เต็มศักยภาพ โดยธนาคารตั้งเป้ายอดขอสินเชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อ SME ในปี 2567 อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท นางสาวดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากที่มีการคาดการณ์ว่าในปี 2567 ภาคการส่งออกไทยจะมีการกลับมาขยายตัวอันเป็นผลจากการฟื้นตัวของการค้าโลก โดยข้อมูลจากสภาพัฒน์ มีการคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 2.9% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีมูลค่าการส่งออกลดลง 1.7% กรุงศรีเล็งเห็นถึงโอกาสในการสนับสนุนธุรกิจ SME โดยเฉพาะในภาคส่งออกของไทยให้มีเงินทุนที่เพียงพอต่อการเติบโต รับการขยายตัวของภาคส่งออกที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งสอดคล้องกับแนวนโยบายในการสนับสนุนโอกาสธุรกิจการค้าระหว่างประเทศให้กับลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ จึงเป็นที่มาของผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “Krungsri SME Trade Power Up” มีจุดเด่นอยู่ที่วงเงินกู้ไม่จำกัด เพียงมีหลักฐานแสดงถึงศักยภาพของธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการนำเข้าและส่งออก เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้สามารถผลิตหรือจำหน่ายสินค้าได้อย่างคล่องตัว นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังมาพร้อมบริการและสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการค้าต่างประเทศมากมายที่ช่วยอำนวยความสะดวก ลดภาระค่าใช้จ่ายของค่าธรรมเนียม รวมถึงลดความเสี่ยงความผันผวนของค่าเงิน ช่วยยกระดับการบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ และสามารถคว้าโอกาสเติบโตได้ต่อไป” ทั้งนี้ “Krungsri SME Trade Power Up” เป็นสินเชื่อเพื่อการค้าต่างประเทศสำหรับการส่งออกและนำเข้า โดยพิจารณาอนุมัติวงเงินตามความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจและความสามารถในการชำระหนี้  ซึ่งจะทำให้ธุรกิจได้รับวงเงินมากเพียงพอตามศักยภาพของธุรกิจ พร้อมให้วงเงิน FX ตามวงเงิน Trade Finance และส่วนลด 7 สตางค์ สำหรับการโอนเงินต่างประเทศขาออก 9 สกุลเงิน ผ่านบริการ Krungsri Biz Online ได้แก่ USD, JPY, EUR, GBP, AUD, SGD, CAD, CHF และ NZD สำหรับลูกค้าที่สมัครใช้บริการ Krungsri Biz Online ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 31 ธันวาคม 2567 และสามารถรับสิทธิ์ได้จนถึง 31 มีนาคม 2568 เพิ่มความสะดวกในการรับ-จ่ายเงินได้ทั่วโลก นอกจากนี้ยังมาพร้อมสิทธิประโยชน์ด้านผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการค้าต่างประเทศ อาทิ ค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับบริการ LC Advising & Amendment, Collection under LC, Collection under BC/OA, Communication charge SWIFT/TELEX, Outward Transaction fee และ Inward Transaction fee ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2567 รวมถึงอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับบัญชีเงินฝากประจำสกุลเงิน USD ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม 2567 โดยผู้ขอสินเชื่อต้องเป็นนิติบุคคลธุรกิจนำเข้า และ/หรือส่งออกที่จดทะเบียนในประเทศไทย ประกอบกิจการในประเทศไทยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ปี มีผลประกอบการและประวัติการเงินดี มีรายได้ต่อปี 100 ล้านบาทขึ้นไป โดยจะต้องไม่มีสินเชื่อ Trade Finance และไม่มีธุรกรรม Trade กับธนาคารกรุงศรีอยุธยามาก่อน “กรุงศรีตั้งเป้ายอดการขอสินเชื่อดังกล่าวในปี 2567 ที่ 15,000 ล้านบาท โดยหวังว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเป็นตัวช่วยเสริมทัพธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมที่จะช่วยขับเคลื่อนภาคการส่งออกและเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป ซึ่งนอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินแล้ว กรุงศรียังพร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจในต่างประเทศให้กับลูกค้าของธนาคารผ่านกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ ตลอดจนให้บริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจสำหรับลูกค้าที่ต้องการขยายธุรกิจสู่อาเซียนอีกด้วยเช่นกัน” นางสาวดวงกมล กล่าวสรุป สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สาขาของธนาคาร หรือติดต่อผู้ดูแลความสัมพันธ์ลูกค้าของธนาคาร หรือศูนย์บริการลูกค้าธุรกิจกรุงศรี โทร. 02-626-6262 โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด  

29 Feb 2024

...

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า นับเป็นประเด็นการเมืองและเศรษฐกิจที่น่าติดตาม ระหว่างรัฐบาลที่คาดหวังการลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจกับแบงก์ชาติที่ยังตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ ความขัดแย้งด้านทิศทางดอกเบี้ยมีส่วนกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ โดยในช่วงสัปดาห์การประชุมกนง. เงินบาทอ่อนค่าที่สุดในภูมิภาค และโดยเฉพาะหลังตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 2566 ขยายตัวต่ำจากปีก่อนหน้า และหดตัวเทียบไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งย้ำถึงแรงกดดันในการลดดอกเบี้ยในวันที่ 10 เมษายนนี้ มากขึ้น อย่างไรก็ดี ดอกเบี้ยไม่ใช่ยารักษาทุกโรค หากหวังพึ่งพาดอกเบี้ยนโยบาย การลดดอกเบี้ยเพียง 0.25 หรือ 0.50% ไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องลดลงถึง 1.25% จึงจะมากพอ ซึ่งเป็นการปรับลดในระดับวิกฤติการเงิน และเป็นระดับเดียวกับก่อนเกิดวิกฤติโควิด ผลข้างเคียงของการลดดอกเบี้ยเช่นนี้ จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า และอาจเป็นการประกาศสงครามค่าเงินกับเพื่อนบ้าน เพราะบาทที่อ่อนจะแย่งชิงความสามารถในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง และอาจลามเป็นการอ่อนค่าของค่าเงินในภูมิภาคได้ในภายหลัง “ผมมองว่า หนทางแก้เกมที่ดีที่สุด คือ ประสานนโยบายการเงินและการคลัง ตอนนี้เหมือนเรากำลังดูทีมฟุตบอลที่กองหน้าเขี่ยบอลให้กองหลังวิ่งขึ้นมาทำประตู อาจเพราะมีผู้เล่นบาดเจ็บ (งบประมาณยังไม่ออกจนเดือนพฤษภาคม) แต่กองหลังก็ไม่ขยับมาเล่นกองกลาง ยังเตะบอลให้กองหน้า เพราะห่วงรักษาประตู (เน้นดูแลเสถียรภาพของตลาดเงินและเศรษฐกิจ) คนดูก็เชียร์กันไปคนละข้าง เศรษฐกิจไทยก็ยากที่จะเดินหน้าได้ คงต้องหาทางแก้เกมกันว่าจะทำอย่างไรได้บ้างเพื่อประสานผู้เล่นในทีมนี้” ดร. อมรเทพ กล่าว ทำไมยังไม่ถึงเวลาลดอัตราดอกเบี้ย หากพิจารณาถ้อยแถลงและการสื่อสารของคณะกรรมการนโยบายการเงิน จะพบหลากหลายปัจจัยที่บ่งบอกว่าทำไมยังไม่ถึงเวลาลดอัตราดอกเบี้ย ผมลองตีความได้สามปัจจัยดังนี้ 1. เศรษฐกิจไทยเติบโตช้า มาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ได้มาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไป ปัญหาเชิงโครงสร้างมาจากการขาดความเชื่อมโยงของภาคการผลิตไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก การส่งออกขยายตัวต่ำแม้อุปสงค์ตลาดโลกกำลังฟื้นตัวได้ดี การขาดความสามารถในการแข่งขันหรือขาดสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลก ยกตัวอย่าง ไทยเป็นแหล่งผลิต Hard Disk Drive (HDD) แต่โลกกำลังเปลี่ยนไปใช้ Solid State Drive (SSD) หรือ การนำเข้าสินค้าจากจีนทำให้ SME ไทยต้องทยอยปิดกิจการไป ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐก็น้อยและล่าช้า กระทบเศรษฐกิจไทยช่วงที่ผ่านมา 2. อัตราเงินเฟ้อต่ำ ไม่ได้มาจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการภาครัฐ ที่ส่งผลต่อราคาพลังงานในประเทศปรับลดลง แต่เป็นการบรรเทาปัญหาชั่วคราว และไม่ได้มาจากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ (อันนี้ผมเห็นต่าง ผมว่ามีส่วนบ้างที่อุปสงค์ในประเทศอ่อนแอทำให้การปรับราคาขึ้นทำได้ยาก) ทางแบงก์ชาติยังย้ำว่าระดับราคาสินค้าและบริการที่ปรับลดลงมาแต่ยังสูงเมื่อเทียบช่วงก่อนโควิด และมองว่าหากอุปสงค์ในประเทศยังดี การใช้นโยบายการเงินมากระตุ้นก็อาจไม่ตรงจุด น่าไปแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างภาคการผลิตและการส่งออกมากกว่า 3. ผลข้างเคียงจากการลดดอกเบี้ยที่เร็วเกินไป การลดดอกเบี้ยช่วงที่อุปสงค์ในประเทศยังแข็งแรง การบริโภคยังเติบโตได้ อาจส่งผลข้างเคียงให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวขึ้นมารวดเร็วช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ปรับเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ส่งผลเสียต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว การคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน เพื่อรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบาย หรือเก็บ policy space ไว้ใช้ยามจำเป็น ดอกเบี้ยไม่ใช่ยารักษาทุกโรค ต่อให้ลดดอกเบี้ยลง ก็ทำได้เพียงพยุงเศรษฐกิจ ไม่ได้กระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเหนือ 4% และการลดดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25-0.50% ก็ไม่ช่วยลดรายจ่ายด้านดอกเบี้ยลงอย่างมีนัยะสำคัญ อาจพอลดความตึงเครียดได้บ้าง สร้างแรงจูงใจให้คนมาใช้จ่ายและลงทุนได้มากขึ้น แต่การส่งผ่านของการลดอัตราดอกเบี้ยต่อเศรษฐกิจจริงอาจใช้เวลาถึง 6 เดือน ต่างกับมาตรการทางการคลังที่อัดฉีดเงินเข้ากระเป๋าคนเพื่อนำไปใช้จ่ายได้ทันที และสามารถดูแลผู้เดือดร้อนได้ตรงกลุ่ม มากกว่านโยบายการเงินที่หว่านแหในวงกว้าง และการลดดอกเบี้ยก็มีผลข้างเคียงที่เปรียบเหมือนยา อาจทำให้เกิดอาการหนี้ครัวเรือนที่เพิ่ม สินทรัพย์ไทยขาดความน่าสนใจจนต่างชาติเทขาย ทำเงินบาทอ่อนค่า กระทบสินค้านำเข้าให้มีราคาสูงขึ้นได้ อย่าให้สงครามค่าเงินเป็นคำตอบ ผมกังวลว่า ผู้กำหนดนโยบายจะเห็นว่าหนทางที่เร็วที่สุด (quick win) อาจจะเป็นการปล่อยให้เงินบาทอ่อนค่า ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม การลดดอกเบี้ยในระด้บมากพอจะกระตุ้นเศรษฐกิจ กำลังซื้อ การลงทุน และทำให้บาทอ่อนค่าแรงพอจะสร้างความสามารถการแข่งขัน แต่ต้องระวังผลข้างเคียง ต้นทุนนำเข้าเพิ่มสูง โดยเฉพาะราคาน้ำมัน หรือกลุ่มที่มีสัดส่วนการนำเข้าเพื่อการผลิตสูง เช่น อาหารทะเลกระป๋อง เครื่องจักรอุตสาหกรรม และเครื่องมือแพทย์ แต่ก็พอจะมีกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากบาทอ่อน เช่น กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร และกลุ่มส่งออก เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง สินค้าเกษตรอื่นๆ ยานยนต์และส่วนประกอบ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ และนิคมอุตสาหกรรม การลดดอกเบี้ยของไทย จะเป็นการประกาศสงครามค่าเงินกับเพื่อนบ้านหรือไม่ และอาจลามเป็นการอ่อนค่าของค่าเงินในภูมิภาคได้ในภายหลัง แม้ไม่ได้รุนแรงเหมือนวิกฤติต้มยำกุ้ง แต่หากเงินบาทวิ่งไปที่ระดับ 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อาจมีคนบางกลุ่มได้รับผลกระทบ “ผมมองว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอและปราศจากมาตรการทางการคลังในการสนับสนุนเช่นนี้ คงต้องอาศัยการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อสร้างความเชื่อมั่น เสริมสภาพคล่อง และกดดันเงินบาทให้อ่อนค่า แต่ก็หวังว่า แบงก์ชาติยังมีหนทางอื่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการทางการเงินอื่นๆ มาเสริมได้อีก เช่น การลดข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อ ลดวงเงิน LTV และยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้สำหรับลูกหนี้ที่มีปัญหา อย่างไรก็ดี มาตรการเหล่านี้ก็ทำได้เพียงประคองเศรษฐกิจให้มีความหวังว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เหนือระดับ 2% แต่จะกระตุ้นให้ถึง 3% ได้หรือไม่ก็คงต้องรอดูมาตรการต่างๆ จากรัฐบาลอีกที” ดร.อมรเทพ กล่าว                

23 Feb 2024

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กำหนดให้การแก้ไขหนี้สินให้กับประชาชนทั้งระบบเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินดำเนินการร่วมขับเคลื่อนแก้ปัญหาหนี้ให้กับประชาชนผ่านมาตรการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเร่งช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐแก้ไขหนี้ ธนาคารจึงขอเชิญชวนสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ กู้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ “สินเชื่อสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อแก้ไขหนี้บุคลากรภาครัฐ” เพื่อนำไปเป็นเงินทุนในการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับสมาชิก ได้แก่ ข้าราชการครู ตำรวจ ทหาร พนักงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อไถ่ถอน หรือรีไฟแนนซ์หนี้ดอกเบี้ยสูง มาไว้ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ของสมาชิกที่เดียว ซึ่งถือเป็นการช่วยลดภาระดอกเบี้ยแพง ให้กับกลุ่มลูกหนี้รายย่อยที่มีรายได้ประจำของหน่วยงานภาครัฐดังกล่าว เช่น หนี้บัตรเครดิต ดอกเบี้ย 16% ต่อปี หรือหนี้สินเชื่อบุคคลจากสถาบันการเงินอื่นหรือนอนแบงก์ที่คิดดอกเบี้ยสูงถึง 25% ต่อปี เป็นต้น สินเชื่อสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อแก้ไขหนี้บุคลากรภาครัฐ วงเงินโครงการ 5,000 ล้านบาท เป็นเงินกู้ระยะยาว โดยปล่อยกู้ให้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยงานภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจ ตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ เพื่อเป็นเงินทุนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของสมาชิกที่มีกับสถาบันการเงิน รวมถึงหนี้นอกระบบหรืออื่นๆ อัตราดอกเบี้ยต่ำปีแรกเพียง 2.99% ต่อปี ปลอดชำระเงินต้นนาน 2 ปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 7 ปี และยกเว้นค่าธรรมเนียมสินเชื่อต่างๆ จึงขอเชิญชวนสหกรณ์ออมทรัพย์หน่วยงานภาครัฐ ยื่นขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับสมาชิก ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 และที่ facebook : GSB Society.  

18 Feb 2024

SOCIETY - CSR / ภาพข่าว-กิจกรรมเพื่อสังคม

...

ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 111 ปี วันสถาปนาธนาคารออมสิน ในวันที่ 1 เมษายน 2567 ธนาคารออมสิน ขอเชิญชวนคนไทยส่งเสริมการออมเงิน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานงานศิลป์ ศาสตร์แห่งภูมิปัญญาท้องถิ่น กับ “กระปุกออมสินวาระครบ 111 ปี” ที่แฟนพันธุ์แท้กระปุกออมสินไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง สามารถลงทะเบียนจองสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.gsb.or.th และ LINE OFFICIAL : GSB Society ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 โดยเปิดให้ฝากเงิน ตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป พร้อมรับกระปุกในวันที่ 1 - 4 เมษายน 2567 ณ สาขาที่แจ้งลงทะเบียนจองสิทธิ์ไว้ (1 กระปุก ต่อ 1 ท่าน) ของมีจำนวนจำกัด     สำหรับกระปุกออมสินที่จัดทำขึ้นในวาระพิเศษนี้ ธนาคารฯ ได้นำงานหัตถกรรมตีลายแผ่นแร่ลวดลายดอกมะลิมาตกแต่งลงบนกระปุกออมสิน ถ่ายทอดผลงานอันทรงคุณค่าด้วยอัตลักษณ์ที่มีความอ่อนช้อยงดงามตามศิลปะล้านนา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นดั้งเดิมของชุมชนบ้านป่าสักขวาง จังหวัดเชียงใหม่ นับเป็นการสร้างรายได้และส่งเสริมอาชีพที่เป็นมรดกทางภูมิปัญญาของชาติ อีกทั้งยังเกิดคุณค่าร่วม (Creating Shared Value : CSV) ที่สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้คน ชุมชน สังคม และธุรกิจได้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการดำเนินภารกิจธนาคารออมสินภายใต้บทบาทธนาคารเพื่อสังคม ตลอดระยะเวลา 111 ปี  

28 Mar 2024


...

  นางวรางค์ ไชยวรรณ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทฯ รับรางวัล Leading Investor for Corporate ESG Bond 2023  จากนายไพบูลย์ ดำรงวารี ผู้ช่วยเลขาธิการ สายระดมทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในงานประกาศรางวัล Best Bond Awards 2023 จัดโดยสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย โดยรางวัลดังกล่าวมอบให้กับผู้ลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนเพื่อสิ่งแวดล้อม  สังคม และความยั่งยืน ที่มีความโดดเด่นในปี 2566  โดยบริษัทฯ มุ่งดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและยั่งยืน พร้อมรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการลงทุนที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)  

24 Mar 2024

...

  เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นายแพทย์ประมุกข์ ทรงจักรแก้ว (ที่ 2 จากซ้าย) ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมด้วยนางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เป็นตัวแทนมอบเงินบริจาคจำนวน 500,000 บาท แก่ศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแทพย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล (กลาง) เพื่อร่วมสนับสนุนโครงการ "ศิริราช เดิน-วิ่ง ครั้งที่ 16" ที่ทางคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2567 เพื่อส่งเสริมให้คนไทยตระหนักถึงการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ เพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขและแข็งแรงอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของเอไอเอที่มุ่งสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา 'Healthier, Longer, Better Lives'

24 Mar 2024

...

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (ที่ 3 จากขวา) มอบเงินสนับสนุนจากกิจกรรมเมืองไทยสไมล์โซไซตี้ : แสงแก้ว โดยสมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับบริจาคคะแนนสะสมสไมล์พ้อยท์ เพื่อสมทบทุนในโครงการแสงแก้ว ผ่าตัดต้อกระจกผู้สูงวัยที่ขาดแคลน  ให้แก่  พญ.พัทธ์ศรัณย์  ธนะสุพรรณ  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจักษุบ้านแพ้ว (ที่ 3 จากซ้าย)  เป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท  เพื่อดำเนินการคัดกรองและผ่าตัดให้แก่ผู้สูงวัยที่เป็นโรคต้อกระจก  ซึ่งเป็นการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยให้เข้าถึงการรักษาผ่าตัดโรคต้อกระจก ทำให้ผู้สูงวัยกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขและรอยยิ้ม  โดยมี น.ส.อนัญญา  อัตชู  ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค (ที่ 2 จากขวา)   นางสาวนิรัตน์  บูชาสุข  รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต (ขวาสุด) นางพิตราภรณ์  บุณยรัตพันธุ์  รองประธานกรรมการมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม (ซ้ายสุด) และนางปุณฑริกา  ใบเงิน  กรรมการมูลนิธิ   เมืองไทยยิ้ม (ที่ 2 จากซ้าย) ร่วมในพิธี  ณ อาคารเมืองไทยประกันชีวิต  เมื่อเร็วๆ นี้ /.    

24 Mar 2024

...

  เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ให้การต้อนรับ Ms. Kelly Hattel, Senior Financial Sector Specialist และคณะผู้แทนจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) พร้อมด้วยคณะผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อหารือปัจจัยท้าทายต่อระบบบำเหน็จบำนาญของไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการความช่วยเหลือทางเทคนิคในประเด็นการปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญของประเทศไทย (Technical Assistance for Pension Reform in Thailand) โดย ADB จะทบทวนผลการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ เพื่อออกแบบทางเลือกในการปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญ พร้อมทั้งวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมประกอบ เพื่อให้ สศค. สามารถจัดทำแผนการดำเนินงานสำหรับการปฏิรูปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการนี้ กบข. ได้แลกเปลี่ยนความเห็นในการสร้างความเพียงพอของสิทธิประโยชน์ที่สมาชิกพึงได้รับ ภายใต้ประเด็นท้าทายต่าง ๆ อาทิ ปัญหาหนี้สินของข้าราชการสมาชิก ค่าครองชีพ และความผันผวนของผลตอบแทนการลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการทวีค่าเงินออมของสมาชิก รวมถึงแนวทางและกลยุทธ์ในการบริหารประเด็นท้าทายดังกล่าว  

24 Mar 2024

...

นางสาวปภากร รัตนเศรษฐ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มลงทุนและบริหารการเงิน รับรางวัล “SOE Bond Contributor” และ “State Owned Enterprise ESG Bond of the Year” ในงานมอบรางวัลตราสารหนี้ยอดเยี่ยมแห่งปี 2566 : ThaiBMA Best Bond Awards 2023 ซึ่งสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยจัดขึ้น ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อยกย่ององค์กรและบุคลากรที่มีความโดดเด่นในธุรกรรมตราสารหนี้   โดยรางวัล “SOE Bond Contributor” เป็นรางวัลที่มอบให้แก่สถาบันการเงินที่ได้รับจัดสรรและจัดจำหน่ายพันธบัตรรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังเป็นผู้จัดหาในตลาดแรกทุกรุ่น สูงสุดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และในงานเดียวกัน ธนาคารออมสินยังได้รับรางวัล “State Owned Enterprise ESG Bond of the Year” ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ตราสารหนี้รัฐวิสาหกิจ ที่ออกภายใต้กรอบการระดมทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และความยั่งยืน (Green, Social, Sustainable Financing Framework) ซึ่งเป็นที่ยอมรับและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ลงทุน ในฐานะผู้จัดการจัดจำหน่ายพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2566   นอกจากนี้ ธนาคารยังได้รับรางวัล “Best Green Bond – Sustainable Finance” จากเวทีระดับโลก The Asset Triple A Awards 2024 จัดโดย The Asset นิตยสารการเงินชั้นนำแห่งเอเชีย ที่มุ่งเน้นความเป็นเลิศทางด้านการดำเนินงานการเงิน การลงทุน โดยธนาคารออมสินและธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในบทบาทของ “Green Structuring Advisor, Bookrunner and Lead Manager” ในฐานะผู้จัดการจัดจำหน่ายพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ Green Bond ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 หลังจากประสบความสำเร็จในการออกและเสนอขายพันธบัตรเพื่อสิ่งแวดล้อมครั้งแรก เมื่อปี 2565 สำหรับครั้งนี้เป็นการออก Green Bond ให้แก่ผู้ประกอบการกลุ่ม SMEs เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสนับสนุนสินเชื่อโครงการพลังงานสะอาดที่นำเงินไปดำเนินโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้แก่ โครงการพลังงานทดแทนจาก Solar Power เป็นต้น โดยบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “AAA” แนวโน้ม “คงที่” มูลค่าเสนอขาย 3,500 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.71% ต่อปี และเสนอขายไปเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2566 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่  

23 Mar 2024

...

  บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต นำโดย นายอังเดร ปีเตอร์ ซานิค    (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่สายงานทรานฟอร์เมชั่น เข้ามอบเงินที่ได้จากโครงการ “Omne by FWD ช่วยน้อง ให้มองเห็น” จำนวน 570,820 บาท ให้แก่กองทุนอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก โดยมี พญ. พนิดา  ศรีสันต์ (ที่ 4 จากขวา) ผู้จัดการกองทุน ให้เกียรติเป็นผู้รับมอบ โครงการ “Omne by FWD ช่วยน้อง ให้มองเห็น” เป็นกิจกรรมเชิญชวนให้ลูกค้า FWD ดาวน์โหลดและสมัครสมาชิกแอปพลิเคชัน Omne ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์มที่รวมครบทุกบริการแบบ All-in-One โดยทุกการดาวน์โหลดและสมัครสมาชิกบริการออนไลน์ 1 บัญชี ระหว่างวันที่ 16 พฤศจิกายน ถึง 31 ธันวาคม 2566  บริษัทฯ จะมอบเงินสมทบทุนจำนวน 20 บาท ให้แก่โครงการช่วยน้องให้มองเห็น เพื่อร่วมกันมอบโอกาสการมองเห็นให้แก่เด็กไทย

23 Mar 2024

BUSINESS - MARKETING / ธุรกิจ - การตลาด - ขายตรง - SME

...

บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ซูเลียน (Zhulian) ผู้ดำเนินธุรกิจตลาดเครือข่าย (Multi-Level Marketing) ประกาศจุดยืนความตั้งใจเป็นที่หนึ่งธุรกิจตลาดเครือข่าย เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เป็นไปได้มากที่สุด วางทิศทางการทำงานปี 2024 ปรับแผนการดำเนินธุรกิจ ให้ผู้จัดจำหน่ายของซูเลียน บรรลุถึงผลสำเร็จ สามารถขยายเครือข่ายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว มีรากฐานที่มั่นคง พร้อมมุ่งรักษาคุณภาพสินค้า และพัฒนาสินค้าใหม่ตอบโจทย์สุขภาพ เดินหน้าสร้างฐานสมาชิกใหม่เสริมเทคโนโลยี นำช่องทางการขาย “Zhulian Shopping Online”เชื่อมต่อการทำธุรกิจออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อยกระดับชีวิตที่มีคุณภาพ และโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวอย่างไม่หยุดยั้ง ก้าวสู่ปีที่ 27 พร้อมการเติบโตอย่างยั่งยืน   ดร.ปิยะวัฒน์ จุลล์จักรวงศา ประธานกรรมการ บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวย้อนถึงจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจตลาดเครือข่าย (Multi-Level Marketing) ของ ‘ซูเลียน’ ว่า เกิดจากความตั้งใจในการเสริมสร้างสังคมให้มีสุขภาพแข็งแรง ด้วยสินค้าดี มีคุณภาพ และตอบโจทย์กับชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน ทั้งยังมุ่งมั่นสร้างโอกาสสร้างงาน และกระจายรายได้ผ่านการจัดจำหน่ายสินค้าโดยผู้จัดจำหน่ายซูเลียน ปัจจุบัน ซูเลียนประสบความสำเร็จจนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำธุรกิจขายตรง ที่มีสมาชิกรวมกันกว่า 5 ล้านรหัส และตัวแทนจำหน่ายร่วม 100 กว่าแห่งทั่วประเทศ   “ตลอดระยะเวลาการทำงานเข้าสู่ปีที่ 27 นี้ บุคลากรของซูเลียนทุกคนดำเนินงานภายใต้คำขวัญเดียวกัน นั่นคือ ‘ขยัน อดทน ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม’ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า เราให้ความสำคัญ และจริงใจต่อทุกผลิตภัณฑ์ มีการคัดสรร สรรพคุณอันเป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสุขภาพที่ดีที่สุดภายใต้เครื่องหมายการค้าซูเลียน”   ดร.ปิยะวัฒน์  กล่าวเพิ่มเติมว่า  ในปัจจุบัน ซูเลียนมีอัตราการเติบโตประมาณ 20% หลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤติโควิด ขณะนี้บริษัทมียอดขายโดยรวมอยู่ที่กว่า 4 พันล้านบาทต่อปี  และคาดการณ์ว่าตลาดโดยรวมจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ  โดยซูเลียนได้ขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้ง ลาว , กัมพูชา และเมียนมาร์   ซึ่ง นายณัฐชานนท์ จุลล์จักรวงศา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวสนับสนุนหลักคิดดังกล่าวว่า ซูเลียนวางทิศทางการทำธุรกิจในปี 2024 ไว้หลายด้าน ประการแรกเรายังมุ่งรักษาคุณภาพสินค้าด้วยมาตรฐานระดับสูง ไปพร้อมกับการพัฒนาสินค้าใหม่ อาทิ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Health Product) จากส่วนประกอบธรรมชาติ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้คนในปัจจุบันควบคู่กับสินค้าที่เป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว ทั้งผลิตภัณฑ์กลุ่มบ้านและที่อยู่อาศัย (Home Care), ผลิตภัณฑ์เพื่อร่างกาย (Personal Care), เข็มขัด M-belt ส่วนในด้านการสนับสนุนผู้จัดจำหน่ายซูเลียน ยังคงรักษาระบบการสร้างคุณค่าด้วยมูลค่าจากผลลัพธ์ของการทำงาน โดยมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อสรรสร้างผู้จัดจำหน่ายที่มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น มีการจัดฝึกอบรมในด้านทักษะการเป็นผู้นำ เพื่อยกระดับชีวิตที่มีคุณภาพ และโอกาสทางธุรกิจให้ก้าวอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรายได้ และโอกาสทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปอย่างยุติธรรม การันตีได้ว่าการเป็นผู้จัดจำหน่ายของซูเลียน คือโอกาสทางธุรกิจที่ให้หลักประกันความมั่นคงทางการเงินได้ในระยะยาว   “ซูเลียนมีการวางรากฐานระบบเครือข่ายที่แข็งแกร่งมาร่วม 2 ทศวรรษ ด้วยการกระจายความมั่นคงผ่านฐานผู้บริโภคที่มีตัวตนจริงในพื้นที่ดูแลของเอเจนซี่ทั่วประเทศ ขณะเดียวกัน เราได้ให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจในปัจจุบันเช่นกัน โดยมีโจทย์เพิ่มฐานนักธุรกิจรุ่นใหม่เข้ามารับช่วงต่อการเติบโตในอนาคต เป้าหมายที่เราวางไว้ มีทั้งสิทธิในการส่งต่อธุรกิจไปยังรุ่นลูก รวมถึงมีการปรับภาพลักษณ์ การลงทุนใหม่ ๆ เพื่อยกระดับศักยภาพขององค์กร เช่น ลงทุนพัฒนาคนผ่านการอบรมทางวิชาชีพ การเสริมประสิทธิภาพระบบจัดส่งสินค้าที่ทันสมัย “หรือแม้แต่การนำเครื่องมือออนไลน์มาใช้ขับเคลื่อนให้นักธุรกิจทำงานง่ายและเป็นมืออาชีพมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y เปลี่ยนมุมมองว่างานขายตรงเป็นอีกแขนงอาชีพที่มีคุณค่า และช่วยให้ประสบความสำเร็จได้จริง” นายณัฐชานนท์ กล่าว   ซึ่งด้านของ นางสาวอรวรางค์ จุลล์จักรวงศา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ประเทศไทย บริษัท ซูเลียน (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยว่า ปัจจุบัน ซูเลียน ได้พัฒนาช่องทางจัดจำหน่ายทางออนไลน์ หรือ ‘Zhulian shopping Online’ เพื่อรองรับกับการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล ทำให้นักธุรกิจของเราสามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดาย สะดวกสบาย ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ด้วยการจัดส่งที่ได้มาตรฐาน และยังเป็นโครงสร้างสำคัญที่ต่อยอดความมั่นคงของบริษัทฯ ให้พร้อมกับการทำตลาดในปี 2024 นี้ ผ่านเทรนด์การเชื่อมต่อธุรกิจแบบออฟไลน์และออนไลน์ “วิธีคิดของซูเลียนคือมองเป้าหมายว่าจะผลักดันองค์กรอย่างไร ให้การขายตรงสามารถเดินหน้าสอดคล้องไปกับโลกในยุคใหม่ เราจึงมีทั้งการประยุกต์นำเทคโนโลยีมาใช้ รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถให้นักธุรกิจใช้เทคโนโลยีอย่างคล่องแคล่ว เพื่อโอกาส และประโยชน์สูงสุดของการทำงาน ก็คือเทคโนโลยีจะเข้าไปแทรกในหลาย ๆ กระบวนการทำงานของนักธุรกิจ สั่งของได้สะดวกขึ้น เร็วขึ้น วางแผนง่ายขึ้น แต่การขายไปถึงมือของ End-user จะยังเป็นลักษณะของการเผชิญหน้าเพื่อให้คำแนะนำ-บอกข้อดีของสินค้าโดยตรงอยู่เช่นเดิม”     ทั้งนี้ ปัจจุบันภาพรวมของ ซูเลียน (ประเทศไทย) ยังคงมีการเติบโตในตลาดขายตรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแบบชงดื่มเพื่อสุขภาพ ‘คอฟฟี่พลัส กาแฟผสมโสม’ สินค้าอันดับ 1 ของบริษัทฯ ที่มียอดขายมากกว่า 10 ล้านซองต่อปี และมียอดขายผลิตภัณฑ์รวม 2,000 ล้านบาทต่อปี มีการเดินหน้าขยายการเติบโตครอบคลุมในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถรองรับการเติบโตเป็นเครือข่ายที่สร้างโอกาสทางธุรกิจที่เป็นไปได้มากที่สุด   เพื่อสร้างสินค้าและสังคมที่มีคุณภาพ พร้อมสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้ทรงคุณค่าและดำรงอยู่ตลอดไป ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ  

12 Mar 2024


...

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ตามนโยบายภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค ดังนั้น SME D Bank  พร้อมเคียงข้างสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย คว้าโอกาสจากแนวโน้มการเติบโตของการท่องเที่ยว โดยเฉพาะประเทศจีนที่เป็นตลาดใหญ่ มีกำลังซื้อสูง โดยร่วมกับ บริษัท ไบรท์สกาย เอวิเอชั่น จำกัด หรือ “Sky Vibe”  ผู้ให้บริการสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์บนเครื่องบินและจัดจำหน่ายสินค้าบนเครื่องบิน เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยนำสินค้าวางจำหน่ายบนสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท แอร์” ในเส้นทางบินระหว่างประเทศ จากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิสู่ประเทศจีน รวม 9 เส้นทาง ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวจีน และต่างชาติ  ช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพิ่มรายได้ ขยายตลาด คว้ากำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ และยังเป็นการขยายการรับรู้ Soft Power ไทย ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยด้วย      ทั้งนี้ SME D Bank จะส่งเสริมมอบความรู้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจนำสินค้าขายบนสายการบิน “ไทยเวียตเจ็ท แอร์”  ด้วยการจัดสัมมนาโครงการ “ติดปีกสินค้า SMEs ไทย สู่การขายบนสายการบิน” ในวันอังคารที่ 5 มีนาคม 2567 เวลา 13.00-18.00 น. ณ ห้องประชุมแก้ววิเชียร ชั้น 11 อาคาร SME Bank Tower สำนักงานใหญ่ SME D Bank เช่น แนะนำขั้นตอนการนำสินค้าจำหน่ายบนสายการบิน เทคนิคการทำตลาดโดยใช้ AI ผ่าน Chat GPT และ Google Bard  รวมถึง การเตรียมพร้อมเข้าถึงแหล่งทุน เป็นต้น สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่สนใจเข้างานโครงการ หรือใช้บริการด้านการพัฒนายกระดับกิจการ สามารถดูรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ และสมัครแจ้งความประสงค์ได้ที่แพลตฟอร์ม DX (dx.smebank.co.th) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357  

29 Feb 2024

...

SME D Bank แก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนตามนโยบายรัฐบาลให้แก่เอสเอ็มอีไทยได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (รหัส 21) ภายใต้มาตรการ “3 ลดปลดหนี้” บรรเทาภาระการเงิน สร้างโอกาสเริ่มต้นใหม่ไปต่อได้ ทั้งพักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี ลดดอกเบี้ยให้ 1% และยกดอกเบี้ยค้างให้ทั้งหมด แจ้งความประสงค์ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิ.ย. 68 นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจ ดังนั้น SME D Bank  ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ พร้อมเคียงข้างช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลุ่มรหัส 21 (วงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 10 ล้านบาท และเป็น NPL ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566)  ซึ่งประสบความยากลำบากมายาวนาน และต่อเนื่อง  ธนาคารจึงดำเนินการช่วยเหลือต่อเนื่อง ผ่านมาตรการ “3 ลด ปลดหนี้” ทั้งลดผ่อน  ลดเงินต้น  และลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยบรรเทาภาระทางการเงิน และสร้างโอกาสเริ่มต้นใหม่ กลับมาเดินหน้าธุรกิจได้ดีอีกครั้ง โดยลูกหนี้รหัส 21 จะได้รับความช่วยเหลือเมื่อชำระตามเงื่อนไขของธนาคาร ได้แก่  พักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี  อีกทั้ง ระหว่างพักชำระเงินต้นได้ จะได้ลดดอกเบี้ย 1% ต่อปี นอกจากนั้น ยกดอกเบี้ยผิดนัดให้ทั้งหมด และหากปิดบัญชี ลดดอกเบี้ยค้างให้ 100%   สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2568 ณ สาขา SME D Bank ที่ใช้บริการสินเชื่อ  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357     นอกจากนั้น  SME D Bank ยังให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม  ด้าน “การพัฒนา” ผ่านโครงการ “SME D Coach” จัดทีมโค้ชมืออาชีพให้คำปรึกษาแนะนำและดูแลแก้ปัญหาให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างใกล้ชิด จนสามารถปรับตัว และก้าวผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี รวมถึง มีแพลตฟอร์มเสริมแกร่งธุรกิจครบวงจรเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชม. ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (https://dx.smebank.co.th/)  

09 Feb 2024

...

นางสาว ปริม ปัญญาเสรีพร ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เทศกาล “ตรุษจีน” เป็นช่วงเวลาสำคัญทางวัฒนธรรมและประเพณีของชาวจีนรวมถึงคนไทยเชื้อสายจีนที่จะได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์พร้อมหน้ากันภายในครอบครัวเพื่อความเป็นสิริมงคลรับปีใหม่ โดยทุกๆ ปีของช่วงเทศกาลดังกล่าว ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดห้องอาหารจีนในโรงแรมจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ เคทีซีจึงได้จับมือกับ 18 ห้องอาหารจีนจากพันธมิตรโรงแรมชั้นนำในกรุงเทพมหานคร มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกได้เฉลิมฉลองกับเทศกาลสำคัญอย่างคุ้มค่า เพียงสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี รับส่วนลดสูงสุด 30% โดยไม่ต้องใช้คะแนน KTC FOREVER ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567  สำหรับ 18 โรงแรมชั้นนำที่ร่วมรายการ ได้แก่ โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท / โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค / โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์ / โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพ / โรงแรมคาร์ลตัน กรุงเทพ สุขุมวิท / โรงแรมคอนราด กรุงเทพ / โรงแรม ดุสิต ปริ้นเซส ศรีนครินทร์ / โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ บางนา / โรงแรมโนโวเทลกรุงเทพ สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต / โรงแรมปรินซ์พาเลซ กรุงเทพ /โรงแรมเรดิสัน บลู พลาซ่า กรุงเทพ / โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ / โรงแรมเอสซี ปาร์ค / โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล / โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ / โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ / โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ และเดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ KTC PHONE  02 123 5000 หรือที่เว็บไซต์ https://www.ktc.co.th/promotion/dining/hotel-dining สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก เคทีซี ทัช ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์  https://ktc.today/apply-card     หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% 

04 Feb 2024

...

เพราะทุกคนมีภาพความงดงามของกรุงเทพฯ ในใจที่แตกต่างกัน ครั้งแรกกับเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2567 (Bangkok Design Week 2024) ที่กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายไอเดียสร้างสรรค์ ภายใต้คอนเซปต์ “กรุงสี by กรุงศรี” (The City of Colours) ชวนทุกคนมาออกแบบและแชร์ไอเดียสีสันของกรุงเทพฯในแบบที่คุณอยากเห็น ให้กรุงเทพฯสดใสและน่าอยู่ยิ่งขึ้นและสามารถตอบโจทย์กับทุก ๆ รูปแบบของการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงวัยได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสม เพื่อให้ทุกคนได้มีชีวิตง่ายได้ทุกวัน พบกันได้ตั้งแต่ 27 มกราคม ถึง 4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก กรุงเทพฯ   นางสาวมิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารแบรนด์และการตลาดองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กรุงเทพฯไม่เพียงเป็นเมืองหลวง แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของโมเดลการพัฒนาในหลายมิติ รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยกรุงศรีพร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนกรุงเทพฯให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ มีศักยภาพสำหรับการใช้ชีวิตในแต่ละช่วงวัยอย่างแท้จริง ซึ่งเทศกาล Bangkok Design Week 2024 ครั้งนี้ก็มีโจทย์สนุก ๆ กับแนวคิดที่อยากให้กรุงเทพฯ เป็น Livable scape คนยิ่งทำ เมืองยิ่งดีที่น่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของแบรนด์กรุงศรีที่อยากเห็นทุกคนมี “ชีวิตง่าย ได้ทุกวัน” เราไม่เพียงดูแลในเรื่องทางการเงิน แต่ยังอยากเห็นทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิตในทุกๆ วันมากยิ่งขึ้น”   “กรุงสี by กรุงศรี” (The City of Colours) ออกแบบผลงานดังกล่าวเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้เข้าร่วม โดยการให้คนนึกถึงกรุงเทพฯ เชิญชวนให้ผู้เข้าชมงานได้ฉุกคิดกับคำถาม “อยากเห็นกรุงเทพฯสีอะไร” และนำทุกคนเข้าไปอยู่ในกรุงเทพฯในสีที่อยากเห็นผ่านกิจกรรมการถ่ายภาพ พร้อมสรุปผลของผู้เข้าร่วมชมงานกับสีของกรุงเทพฯที่ทุกคนอยากเห็น ซึ่งเชื่อว่าจุดเล็ก ๆ ที่จุดประกายให้เกิดการต่อยอด เพื่อสร้างสรรค์กรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่สดใสและน่าอยู่ยิ่งขึ้น เป็นเมืองที่จะส่งเสริมให้เราได้ใช้ชีวิตง่าย ๆ ในแบบของทุกคนเอง นอกจากนี้ เพื่อช่วยสนับสนุนกรุงเทพฯ น่าอยู่ขึ้น กรุงศรีจะนำเชือก ซึ่งเป็นวัสดุหลักในงานออกแบบครั้งนี้ นำกลับไปใช้ซ้ำ (Reuse)     พบกับ “กรุงสี by กรุงศรี” (The City of Colours) พร้อมโซนกิจกรรมถ่ายภาพ เลือกกรุงเทพฯที่คุณอยากเห็น รับภาพถ่าย ทั้งตัวพรินต์ (Print) และไฟล์ที่ทุกคนสามารถแชร์กรุงเทพฯที่คุณอยากเห็น ผ่านโลกโซเชียลได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก กรุงเทพฯ  

28 Jan 2024

...

เคทีซีมอบสิทธิพิเศษเอาใจนักช้อปออกแคมเปญ “KTC New Year Shopping 2024 at Department Stores” ช้อปคุ้มกว่ากับสิทธิ์แลกรับส่วนลดเพิ่มหรือเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% ทุกวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ที่ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 35% เมื่อใช้จ่ายพร้อมรับใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์สูงสุด 50,000 บาท ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 จากมาตรการ “อีซี่ อี - รีซีท” หวังช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ 70,000 ล้านบาทตามความคาดหมายของรัฐบาล นายสรชัช ศรีลมูล ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการ “อีซี่ อี – รีซีท” (Easy E-Receipt) โดยให้สิทธิ์กับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ยกเว้นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาทเพื่อกระตุ้นบริโภคภายในประเทศและคาดหวังมาตรการดังกล่าวจะช่วยให้เกิดเม็ดเงินสะพัดสู่ระบบเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า70,000 ล้านบาท เคทีซีจึงได้ออกแคมเปญ “KTC New Year Shopping 2024 at Department Stores” ร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ร่วมรายการซึ่งสามารถออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้มอบสิทธิพิเศษให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 – 15 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อเป็นการสนับสนุนมาตรการของภาครัฐและกระตุ้นให้เกิดการบริโภคในประเทศ โดยมีรายละเอียดดังนี้ สิทธิพิเศษ แลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 18% เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตฯ ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ร่วมรายการได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขา / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์และเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ทุกสาขา /  ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม / เอ็มควอเธียร์และดิเอ็มสเฟียร์ เฉพาะโซนดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ / ห้างสรรพสินค้าพารากอน / ห้างสรรพสินค้าบลูพอร์ต หัวหิน / ห้างสรรพสินค้าสยามทาคาชิมายะ / สยามดิสคัฟเวอรี่เฉพาะในส่วนของพื้นที่โอเพ่น สเปซ (เคาน์เตอร์แบรนด์สินค้าที่ร่วมรายการ) และไอคอนสยามเฉพาะในส่วนของพื้นที่โอเพ่น สเปซ (เคาน์เตอร์แบรนด์สินค้าที่ร่วมรายการ) โดยมีรายละเอียดดังนี้ แลกรับส่วนลดเพิ่ม 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ต่อเซลส์สลิป 5,000 บาทขึ้นไป และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกรับส่วนลดเพิ่ม 15%  (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ต่อเซลส์สลิป 1 - 4,999 บาท และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกรับส่วนลดเพิ่ม 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี) ไม่กำหนดยอดการใช้จ่ายขั้นต่ำ และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป ห้างสรรพสินค้าโรบินสันทุกสาขา มีรายละเอียดดังนี้ แลกรับส่วนลดเพิ่ม 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)ยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป 4,000 บาทขึ้นไป และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกรับส่วนลดเพิ่ม 15%  (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์)ยอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป 1 - 3,999 บาท และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป แลกรับส่วนลดเพิ่ม 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี) ไม่กำหนดยอดการใช้จ่ายขั้นต่ำ และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิป   สิทธิพิเศษ แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 18% เมื่อมียอดใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตฯ บนช่องทางบริการสั่งซื้อสินค้าของห้างสรรพสินค้า ได้แก่  Line Chat & Shop / Facebook Live และ Personal Shopper 1425 / Central Online Application และ www.central.co.th  ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หรือ ช่องทาง M Chat & Shop / Call To Order และ Live Personal Shopper / M Online Application และ www.monline.com ของห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์กรุ๊ป  โดยมีรายละเอียดดังนี้ แลกรับเครดิตเงินคืน 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 5,000 บาทขึ้นไป และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืน 15% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 1 - 4,999 บาท และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืน 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี) และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ   เมื่อมียอดใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตฯ บนช่องทาง Line Chat & Shop / Facebook Live และ Personal Shopper 1425 ของห้างสรรพสินค้าโรบินสัน โดยมีรายละเอียดดังนี้ แลกรับเครดิตเงินคืน 18% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 4,000 บาทขึ้นไป และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืน 15% (เฉพาะวันศุกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์) ออนไลน์ต่อรายการสั่งซื้อ 1 - 3,999 บาท และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืน 13%  (เฉพาะวันจันทร์ - วันพฤหัสบดี) และลงทะเบียนใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่ายต่อรายการสั่งซื้อ   ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC PHONE 02 123 5000 หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/shopping/department-store-shopping-complex/year-end-new-year สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี

10 Jan 2024

...

  คุณอัยรินทร์  จุลล์จักรวงศา  กรรมการผู้จัดการ   บริษัท  ซูเลียน (ประเทศไทย)  จำกัด  มอบเงินบริจาค จำนวน 100,000 บาท ให้แก่ โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เพื่อนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับใช้ในโรงพยาบาล โดยมี พญ.ณิชาภา สวัสดิกานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เป็นผู้รับมอบ ณ อาคารศรีสุราลัย  โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า เมื่อเร็ว ๆ นี้

06 Jan 2024

ราชการ - รัฐวิสาหกิจ / ENERGY - พลังงาน

...

รัฐมนตรีฯ กระทรวงอุตสาหกรรม ตรวจเยี่ยมและมอบโยบายการทำงานแก่ SME D Bank แนะใช้แนวทาง “รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง” ยกระดับองค์กร เพื่อเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย ด้าน SME D Bank ขานรับ ชูเรือธง  “เติมทุนคู่พัฒนา” สนับสนุนเอสเอ็มอีสู่ความสำเร็จ ส่งต่อคุณประโยชน์สู่ทุกภาคส่วน พาเศรษฐกิจและสังคมไทยเติบโตเข้มแข็งยั่งยืน   นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการคลัง ว่า ได้มอบนโยบายการทำงานแก่คณะกรรมการ และคณะผู้บริหาร SME D Bank  ให้เดินหน้าสนับสนุนเอสเอ็มอีกลุ่มเป้าหมายอย่างทั่วถึง สอดคล้องกับ Thailand Vision ที่ตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใน 8 ด้าน ได้แก่ การท่องเที่ยว การแพทย์-สุขภาพ อาหาร การบิน การขนส่ง ยานยนต์อนาคต ดิจิทัล และการเงิน โดยให้บริการด้านการพัฒนาควบคู่กับการให้สินเชื่อ พร้อมเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายพันธมิตรภายในและภายนอกกระทรวงอุตสาหกรรม   ทั้งนี้ ขอให้ SME D Bank นำแนวทาง “รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง” มายกระดับขั้นตอนการทำงาน หมายถึง รื้อ ลด และปลด สิ่งที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจของเอสเอ็มอี พร้อมกับสร้างสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนเอสเอ็มอี  เช่น การพัฒนาศูนย์ One Stop Service สำหรับให้บริการกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกระบวนการ และมุ่งสู่การเป็น Digital Banking โดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ ธนาคารจะต้องใช้ประโยชน์จากข้อมูล Data Warehouse และระบบ Core Banking System (CBS) ที่ธนาคารพัฒนาขึ้น เพื่อนำไปวิเคราะห์ วิจัย และประมวลผลให้ได้ข้อมูลเชิงลึก (SME Insight) สำหรับกำหนดเป็นนโยบายสนับสนุนเอสเอ็มอีต่อไป นอกจากนั้น SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ จะต้องวางภาพลักษณ์องค์กรเป็น Professional Banking มีวัฒนธรรมการทำงานที่โปร่งใส เป็นธรรม และเป็นมืออาชีพ   “ดิฉันมั่นใจในศักยภาพของ SME D Bank และยินดีที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของ SME D Bank ในทุกมิติ เพื่อให้ SME D Bank เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล สามารถช่วยเหลือและเพิ่มศักยภาพแก่เอสเอ็มอีไทย ซึ่งจะสร้างประโยชน์ ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างอาชีพ ประชาชนมีรายได้ คุณภาพชีวิตดีขึ้น ส่งต่อประโยชน์ไปยังทุกภาคส่วน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้ประเทศไทยเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน” นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าว   นายเดชา จาตุธนานันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานกรรมการ SME D Bank กล่าวว่า  SME D Bank พร้อมขานรับดำเนินการตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านกระบวนการ “เติมทุนคู่พัฒนา” ช่วยเอสเอ็มอีเติบโตอย่างเข้มแข็ง  โดยด้าน “การเงิน” จัดเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่มเอสเอ็มอี วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังเป็นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ ผ่อนนานพิเศษสูงสุด 15 ปี และปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 24 เดือน ช่วยลดภาระทางการเงิน อีกทั้ง ใช้กลไกบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สนับสนุนกลุ่มที่ไม่มีหลักประกันให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ ขณะเดียวกัน พิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา SME D Bank ดูแลช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง สามารถพาเข้าถึงแหล่งเงินทุนกว่า 231,250 ล้านบาท ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยกว่า  1 ล้านล้านบาท และช่วยรักษาการจ้างงานได้กว่า 752,345 ราย ควบคู่กับช่วยพัฒนาเสริมศักยภาพเอสเอ็มอีกว่า 75,000 ราย อีกทั้ง ช่วยเหลือผ่านมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน (ฟ้า-ส้ม) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กว่า 83,520 ราย วงเงินรวมกว่า 145,240 ล้านบาท   ส่วนด้าน “การพัฒนา” ยกระดับศักยภาพเอสเอ็มอี ผ่านโครงการ SME D Coach ที่เชื่อมโยงการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 50 แห่งมาไว้ในจุดเดียว เน้นเติมความรู้ใน 6 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1.การตลาด  2.มาตรฐาน พัฒนาผลิตภัณฑ์  3. เทคโนโลยีและนวัตกรรม 4. การเงิน เขียนแผนธุรกิจ บัญชี ภาษี 5.การผลิต และ  6.บ่มเพาะเตรียมพร้อมเข้าสู่แหล่งทุน ทั้งนี้ SME D Bank ยังดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล แก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบให้แก่ประชาชนและเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กลุ่มรหัส 21 (วงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 10 ล้านบาท และเป็น NPL  ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566) ผ่านมาตรการต่าง ๆ  เช่น พักชำระหนี้เงินต้น 1 ปี อีกทั้ง ระหว่างพักชำระเงินต้นจะได้ลดดอกเบี้ย 1% ต่อปี นอกจากนั้น ยกดอกเบี้ยผิดนัดให้ทั้งหมด และหากปิดบัญชี ลดดอกเบี้ยค้างให้ 100% เป็นต้น สามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2568 ณ สาขา SME D Bank ที่ใช้บริการสินเชื่อ   สำหรับปีนี้ (2567) SME D Bank ยังเดินหน้ากระบวนการ “เติมทุนคู่พัฒนา” พร้อมยกระดับนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการเอสเอ็มอีได้คลอบคลุม และกว้างขวางยิ่งขึ้น ได้แก่ ระบบ Core Banking System (CBS) ที่สามารถให้บริการทางการเงินได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง และแพลตฟอร์ม DX  (Development Excellent) ระบบพัฒนาผู้ประกอบการอัจฉริยะ สร้างสังคมของการเรียนรู้  e-Learning ศึกษาได้ด้วยตัวเอง 24 ชม. ช่วยเติมศักยภาพให้เอสเอ็มอีสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน  

14 Mar 2024


...

เลขาธิการ กบข. คนใหม่ “ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์” พร้อมเริ่มงานรับตำแหน่ง มีเป้าหมายพัฒนา กบข.เป็นกองทุนที่มีความมั่งคั่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่สมาชิก และสร้างฐานการคลังไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เข้ามาปฏิบัติหน้าที่วันแรก โดยมีผู้บริหารและพนักงาน กบข. ให้การต้อนรับ หลังจากได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการ กบข. ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญการบริหารการเงิน การคลัง และการลงทุน มีวิสัยทัศน์ที่ตรงกับภารกิจของ กบข. และมีเป้าหมายการดำเนินงานที่จะพัฒนาองค์กรให้เป็นกองทุนที่มีความมั่งคั่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่สมาชิก และสร้างฐานการคลังไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน   ทั้งนี้ นายทรงพล มีประสบการณ์การทำงานด้านการบริหารการเงิน การคลัง และการลงทุนในตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด กรรมการบริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์จำกัด (มหาชน) กรรมการองค์การเภสัชกรรม กรรมการบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงไทย จำกัด (มหาชน)   ด้านการศึกษา นายทรงพล จบการศึกษา ระดับปริญญาโทจาก Master of Business Administration with Finance, Case Western Reserve University ระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต B.S. Finance, University of Findlay นอกจากนี้ ยังผ่านหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงอื่น ๆ อาทิ นักบริหารการเงินการคลังระดับสูง รุ่นที่ 3 กรมบัญชีกลาง และหลักสูตรต่าง ๆ ของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ดังนี้ หลักสูตร Corporate Governance for Capital Market Intermediaries (CGI) รุ่นที่ 7/2015 หลักสูตร Director Certification Program (DCP) รุ่นที่ 231/2016 และหลักสูตร IT Governance and Cyber Resilience Program (ITG) รุ่นที่ 15/2020

13 Mar 2024

...

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 นายรณชัย วินทวามร ผู้ช่วยเลขาธิการกลุ่มงานเทคโนโลยีสารสนเทศ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เป็นตัวแทน กบข. เข้ารับประกาศนียบัตรรางวัลชุดข้อมูลเปิดทรงคุณค่า จาก ดร.พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายในงานวันข้อมูลเปิดนานาชาติ (International Open Data Day 2024) ณ สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย     โดย กบข. ได้ให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่เหมาะสม และเผยแพร่ข้อมูลเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้ใช้หลักธรรมาภิบาล เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสมาชิก และผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดมาโดยตลอด ทั้งนี้ งานวันข้อมูลเปิดนานาชาติ (International Open Data Day 2024) จัดขึ้นโดย สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ภายใต้หัวข้อ “Data-Driven for Sustainability: การขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” เพื่อส่งเสริมการใช้งานระบบข้อมูลแบบเปิด (Open Data) ที่เป็นกุญแจสำคัญในการเดินหน้าประเทศสู่การเป็นรัฐบาลเปิดได้อย่างยั่งยืน    

10 Mar 2024

...

กบข. จัดส่งเอกสารใบแจ้งยอดเงินประจำปี พร้อมเปิดให้สมาชิกดาวน์โหลด e-Statement แล้ว พร้อมประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกเลือกรับ e-Statement ในปีถัดไป เพื่อร่วมกันรักษ์โลก ลดการใช้กระดาษ   นายอาสา อินทรวิชัย รองเลขาธิการกลุ่มงานลงทุนและค้าตราสาร รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข. ) เปิดเผยว่า กบข. ได้ดำเนินการจัดส่งเอกสารใบแจ้งยอดเงินสมาชิกประจำปี 2566 ให้กับสมาชิกทั่วประเทศแล้ว ทั้งในรูปแบบเอกสารผ่านหน่วยงานต้นสังกัด และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Statement) ตามที่อยู่อีเมลของสมาชิกที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับ e-Statement ไว้ โดยใบแจ้งยอดเงินสมาชิก จะแสดงข้อมูลรายละเอียดยอดเงิน ณ สิ้นปี 2566 ทั้งเงินสะสมที่สมาชิกนำส่ง เงินที่รัฐสมทบให้ และผลตอบแทนที่ กบข. บริหารให้ แจกแจงตามประเภทของเงินและตามแผนการลงทุน สำหรับยอดเงิน กบข. ที่สมาชิกจะนำไปใช้ในประกอบการยื่นภาษีประจำปี จะอยู่ในส่วน “เอกสารรับรองการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อกรมสรรพากร” บริเวณด้านล่างของใบแจ้งยอดเงินหน้าแรก ทั้งนี้ กบข. ได้อำนวยความสะดวกให้แก่สมาชิก ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลการนำส่งเงินสะสมเข้ากองทุนกับทางกรมสรรพากร เมื่อยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ จะแสดงข้อมูลเงินสะสม กบข. อัตโนมัติ โดยสมาชิกจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนของยอดเงินสะสมระหว่างปี 2566 ซึ่งเมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท     ทั้งนี้ สมาชิก กบข. สามารถดาวน์โหลด e-Statement ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ดังนี้ 1. My GPF Application ที่เมนู "ดาวน์โหลด e-Statement" 2. My GPF Website ที่เมนู "บัญชีของฉัน" และเลือก "ดาวน์โหลด e-Statement" และ 3. LINE กบข. @gpfcommunity เข้าผ่านสมาร์ตโฟน ที่เมนู "ดาวน์โหลดใบแจ้งยอดเงินประจำปี 2566" ในเมนูหน้าแชท ซึ่งสมาชิกจะได้รับใบแจ้งยอดเงินเป็นไฟล์สกุล .pdf ที่มีรหัสผ่านเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลสมาชิก นาย อาสา กล่าวเพิ่มเติมว่า ใบแจ้งยอดเงินสมาชิก ถือเป็นเอกสารสำคัญ ที่ กบข. ต้องแจ้งความเคลื่อนไหวเงินในบัญชีให้สมาชิกได้รับทราบ โดยในแต่ละปี กบข. ต้องผลิตใบแจ้งยอดเงิน เฉลี่ย 5 ล้านแผ่น จึงขอเชิญชวนให้สมาชิกลงทะเบียนรับ e-Statement นอกจากจะทำให้สมาชิกสามารถดูใบแจ้งยอดเงินได้ตลอดผ่านช่องทางออนไลน์ของ กบข. ที่สะดวกรวดเร็ว ยังได้มีส่วนช่วยในการลดการใช้กระดาษ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร 1179

06 Feb 2024

...

ธ.ก.ส. โอนเงินตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ไร่ละพัน) ปีการผลิต 2566/67 รอบที่ 5 จำนวนกว่า 5 หมื่นครัวเรือน เป็นเงินกว่า 345 ล้านบาททั่วประเทศ นายกษาปณ์ เงินรวง รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า วันนี้ ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการโอนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุด     ไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาท กรอบวงเงินรวม 54,336 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกรได้รับประโยชน์กว่า 4.68 ล้านครัวเรือน โดยมีกำหนดจ่ายรอบที่ 5 จำนวน 5 หมื่นครัวเรือน เป็นเงิน 345 ล้านบาท ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ไปแล้ว 4 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 28 พ.ย. - 2 ธ.ค. 2566 รอบที่ 2 เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2566 รอบที่ 3 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2566 และรอบที่ 4 เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2567 โดยจากการโอนเงินดังกล่าว สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้แล้วกว่า 4.62 ล้านครัวเรือน เป็นเงินจำนวน 52,941 ล้านบาท ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถตรวจสอบผลการโอนเงินได้ทางแอปพลิเคชัน BAAC Mobile ตลอด 24 ชั่วโมง จะมีข้อความแจ้งเตือนเงินเข้าบัญชีผ่านบริการ BAAC Connect ทาง Line: BAAC Family ด้วย หรือผ่านทาง https://chongkho.inbaac.com      

04 Feb 2024

...

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เผยเทรนด์การผลิตเฟอร์นิเจอร์ โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติมาแรงในกลุ่มประเทศนอร์ดิก หลังมีส่วนช่วยในการปกป้องสิ่งแวดล้อม แนะผู้ประกอบการไทยศึกษา และนำมาปรับใช้ในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ มั่นใจมีโอกาสทำตลาดได้เพิ่มขึ้น   นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวณิชพร วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโคเปเฮเกน เดนมาร์ก ถึงผลการสำรวจตลาดเฟอร์นิเจอร์ ที่มีการพัฒนานวัตกรรมวัตถุดิบจากธรรมชาติ เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม ทำให้ตลาดมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และโอกาสในการขยายตลาดเฟอร์นิเจอร์ของไทย โดยทูตพาณิชย์ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทผู้ประกอบการนอร์เวย์ ได้มีการพัฒนานวัตกรรมวัตุดิบเฟอร์นิเจอร์จากธรรมชาติเพิ่มขึ้น เช่น บริษัท Agoprene จากกรุงออสโล พัฒนานวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า Biofoam ที่เข้ามาทดแทนโฟมดั้งเดิมที่ผลิตจากพลาสติก เพื่อนำมาใช้เป็นวัสดุบุในเฟอร์นิเจอร์ โดยเริ่มต้นการวิจัยและทดลองจากการใช้เปลือกหอยนางรม บดเป็นผง และเปลี่ยนเป็นวัสดุฟอง ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับที่ใช้กับขยะเกษตรกรรม (Agricultural waste) และเส้นใยไม้ (wood fibres) ที่ใช้ในปัจจุบัน แต่พบปัญหาว่า หลังจากได้ลองใช้วัสดุต่าง ๆ มากมาย ส่วนใหญ่กลับกลายเป็นโฟมแข็ง ไม่สามารถสร้างความยืดหยุ่นได้ จนในที่สุด ได้ค้นพบวิธีที่สามารถทำให้โฟมยืดหยุ่นได้ คือ การใช้สาหร่ายมาเป็นวัตถุดิบการผลิต โดยแปลงเป็นผงและอบในเตาอบแบบพิเศษ โดยจะสร้างโฟมเป็นลักษณะบล็อก ซึ่งมีความนุ่มเพียงพอสำหรับใช้กับเบาะรองนั่งและเก้าอี้ โดยเป้าหมายของบริษัท คือ การลดการใช้พลาสติกโพลีเมอร์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในชิ้นส่วนการผลิตเฟอร์นิเจอร์ กล่าวคือ การพัฒนาวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นชิ้นส่วนในหมอน โซฟา และเบาะเก้าอี้ ทั้งนี้ โฟมจากสาหร่าย สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ 100% ลูกค้าสามารถทิ้งโฟมนี้ไว้ในดิน และโฟมจะย่อยสลายตามธรรมชาติภายในเวลา 8 เดือน หรือเร็วกว่านั้น หากหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาโอกาสในการขยายปริมาณการผลิตโดยการย้ายไปยังโรงงานผลิตที่ใหญ่ขึ้นในปีหน้า ขณะเดียวกัน มีข้อมูลอีกว่า บริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์จากเดนมาร์ก คือ Mater ได้ผลิตเก้าอี้และพนักพิงที่ทำจากวัสดุเปลือกเมล็ดกาแฟ และขี้เลื่อยที่เหลือจากการผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่อื่น และผลิตเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งที่ทำจากขยะจากมหาสมุทร ส่วนบริษัทเฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่ของโลก IKEA จากสวีเดน ได้วางนโยบายการใช้เฉพาะวัสดุหมุนเวียนและรีไซเคิลมาใช้เป็นวัตถุดิบในผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์เท่านั้นภายในปี 2573 นายภูสิตกล่าวว่า จากแนวโน้มเฟอร์นิเจอร์ในกลุ่มประเทศนอร์ดิกที่ให้ความสำคัญกับวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การออกแบบที่เรียบง่าย และความมุ่งมั่นต่อความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งการเลือกใช้วัสดุธรรมชาติและอินทรีย์ เช่น สาหร่าย เปลือกเมล็ดกาแฟ และขี้เลื่อย รวมถึงการนำวัสดุอื่น ๆ จากธรรมชาติมาใช้ เช่น ผ้าลินิน ขนสัตว์ และปอ โดยวัสดุเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศสบาย ๆ กับผู้ใช้ด้วย ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการมากขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่า ในการออกแบบมีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ถอดส่วนประกอบได้ รีไซเคิลได้ ออกแบบที่เรียบง่าย มีการผลิตแบบประหยัดพลังงาน การใช้ไม้จากแหล่งที่ยั่งยืน และไม้ที่ได้รับการรับรอง และนิยมเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับแต่งเข้ากับห้องได้หลายรูปแบบ (Modular Furniture) ซึ่งผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ของไทย หากต้องการเจาะตลาดในกลุ่มประเทศนอร์ดิก ควรจะศึกษารูปแบบการผลิตที่เน้นการใช้วัสดุที่ปกป้องสิ่งแวดล้อม และนวัตกรรม หากทำได้ตามนี้ ก็จะมีโอกาสในการส่งออกและทำตลาดได้มากขึ้น สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169  

21 Jan 2024

...

  นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  พร้อมคณะผู้บริหารธนาคาร เข้าพบ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง  นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง  นางวรนุช ภู่อิ่ม รองปลัดกระทรวงการคลัง  และนายชาญวิทย์ นาคบุรี รองปลัดกระทรวงการคลัง  เพื่อสวัสดีปีใหม่  2567     พร้อมรับมอบคำอวยพร เพื่อความเป็นสิริมงคลในการทำงานของ SME D Bank ในการเดินหน้าภารกิจ “ธนาคารเพื่อเอสเอ็มอีไทย” ณ กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567  

12 Jan 2024

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 111 ปี วันสถาปนาธนาคารออมสิน ในวันที่ 1 เมษายน 2567 ธนาคารออมสิน ขอเชิญชวนคนไทยส่งเสริมการออมเงิน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสืบสานงานศิลป์ ศาสตร์แห่งภูมิปัญญาท้องถิ่น กับ “กระปุกออมสินวาระครบ 111 ปี” ที่แฟนพันธุ์แท้กระปุกออมสินไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง สามารถลงทะเบียนจองสิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.gsb.or.th และ LINE OFFICIAL : GSB Society ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 โดยเปิดให้ฝากเงิน ตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป พร้อมรับกระปุกในวันที่ 1 - 4 เมษายน 2567 ณ สาขาที่แจ้งลงทะเบียนจองสิทธิ์ไว้ (1 กระปุก ต่อ 1 ท่าน) ของมีจำนวนจำกัด     สำหรับกระปุกออมสินที่จัดทำขึ้นในวาระพิเศษนี้ ธนาคารฯ ได้นำงานหัตถกรรมตีลายแผ่นแร่ลวดลายดอกมะลิมาตกแต่งลงบนกระปุกออมสิน ถ่ายทอดผลงานอันทรงคุณค่าด้วยอัตลักษณ์ที่มีความอ่อนช้อยงดงามตามศิลปะล้านนา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นดั้งเดิมของชุมชนบ้านป่าสักขวาง จังหวัดเชียงใหม่ นับเป็นการสร้างรายได้และส่งเสริมอาชีพที่เป็นมรดกทางภูมิปัญญาของชาติ อีกทั้งยังเกิดคุณค่าร่วม (Creating Shared Value : CSV) ที่สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้คน ชุมชน สังคม และธุรกิจได้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการดำเนินภารกิจธนาคารออมสินภายใต้บทบาทธนาคารเพื่อสังคม ตลอดระยะเวลา 111 ปี  

28 Mar 2024

...

  กรุงเทพประกันชีวิต ร่วมออกบูธงาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 27 ด้วยแนวคิด “Learning By Playing” มุ่งเน้นการเสริมสร้างพัฒนาการเรียนรู้ของลูกน้อยด้วยแผนความคุ้มครองที่คัดสรรมาด้วยความใส่ใจ ตอบโจทย์ความต้องการทุกครอบครัว ในการวางแผนเตรียมพร้อมด้านสุขภาพ ค่ารักษาพยาบาล และเตรียมเงินออมเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกรัก พร้อมส่งมอบความใส่ใจด้วยกิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อย และให้คำปรึกษาวางแผนการเงินกับคุณพ่อคุณแม่ตามเป้าหมายที่ต้องการ พิเศษในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคม เวลา 13.00 น. ร่วมฟังเสวนาดีๆจากกรุงเทพประกันชีวิต หัวข้อ "การเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่" โดย พญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะด้านกุมารเวชศาสตร์ทารกแรกเกิด โรงพยาบาลเมดพาร์ค MedPark Hospital และ "เลี้ยงลูกโตไปให้มี "ตน" การส่งเสริมพัฒนาการ 3 มิติด้วยเทคนิควันโอวันการสร้างวินัยเชิงบวก" โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการสร้างวินัยเชิงบวกและการส่งเสริมทักษะสมอง EF สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล นอกจากนี้ ผู้มาร่วมงานยังสามารถรับประกันอุบัติเหตุฟรี สูงสุด 200,000 บาท พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษเฉพาะในงาน พบกับบูธกรุงเทพประกันชีวิตได้ที่งาน Amarin Baby & Kids Fair ครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 23-31 มีนาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา ฮอลล์ 98 บูธ G3, G4 และ G16, G17 และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมแบบประกันต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์กรุงเทพประกันชีวิต www.bangkoklife.com หรือติดต่อ Call Center โทร. 02-777-8888  

24 Mar 2024

...

  เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH จัดพิธีเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่อย่างเป็นทางการ  ณ อาคารทิพยประกันภัย พระราม 3  โดยถือฤกษ์มงคลเวลา 05.30 น. อัญเชิญพระพุทธรูปตั้งประดิษฐานที่โต๊ะหมู่บูชา โดยมี ดร.สมพร สืบถวิลกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน)  เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน TIPH เข้าร่วมในพิธีเปิดสำนักงานแห่งใหม่ดังกล่าว  

21 Mar 2024

...

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) เผยว่าในวาระครบรอบ 75 ปี OCEAN LIFE ไทยสมุทร เดินหน้าก้าวสู่ยุคใหม่ที่จะสร้างโลกให้คนไทยจะมีชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้น ด้วยแนวคิด HEALTHIVERSE พร้อมกับให้ความสำคัญกับเรื่องการออมและการวางแผนการเงินควบคู่กันไปด้วย ทั้งยังคงมุ่งเน้นทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคนโดยเฉพาะกับกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่  ซึ่งล่าสุด! ได้ส่ง ประกันออมทรัพย์ไซซ์เล็ก “โอชิ สมอล เซฟไลฟ์ 18/10” ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ ที่เริ่มทำประกันชีวิตฉบับแรก ให้วางแผนการเงินได้เร็วกว่า เริ่มต้นง่ายเพียงแค่จ่ายเบี้ยฯ เดือนละ 500 บาท  และขอทำประกันได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์    “โอชิ สมอล เซฟไลฟ์ 18/10”  จ่ายเบี้ยสบายๆ เริ่มต้นแค่ 500 บาทต่อเดือน จ่ายเบี้ยฯ 10 ปี ให้ความคุ้มครอง 18 ปี และเมื่อครบกำหนดสัญญาในปีสุดท้ายรับเงินคืน 150%  ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ให้ความคุ้มครองชีวิตสูงสุดถึง 450% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย (กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ) รับประกันภัยบุคคลอายุตั้งแต่ 30 วัน – 55 ปี ชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายเดือน ไม่ต้องตรวจสุขภาพ แต่แถลงสุขภาพในใบคำขอเอาประกันภัย  โดยเบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ที่สรรพากรกำหนด สนใจแบบประกันออนไลน์ คลิก https://oceanlifeth.co/Product-Ochi-Smallsafelife-18-10   OCEAN LIFE ไทยสมุทร ใช้ความรักเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรมายาวนาน 75 ปี โดยไม่หยุดพัฒนาในทุกมิติ เพื่อทำให้ประกันชีวิตเป็นเรื่องง่าย ทำให้คนไทยเข้าถึงประโยชน์ของการประกันชีวิตได้มากที่สุด พร้อมแล้วที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกและสังคม เพื่อส่งมอบอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไปได้ ใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มั่นใจ ปลอดภัย มีความสุข สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ocean.co.th หรือ ติดต่อ OCEAN LIFE CONTACT CENTER  1503

18 Mar 2024

Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner