Responsive image

Tuesday, 28 Mar 2023

LATEST NEWS

INSURANCE / ประกันภัย

...

  บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI โดยดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ให้การต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนากว่า 120 คน จากธุรกิจสายการบิน ผู้ให้บริการภาคพื้น และผู้ให้บริการเติมน้ำมันจากในประเทศและต่างประเทศ ในหัวข้อ Risk & Safety Seminar จัดโดย 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านประกันภัยการบิน Starr Consulting Services บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการความเสี่ยง Arthur J. Gallagher บริษัทนายหน้าประกันภัยต่อ และบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ และเสริมสร้างความตระหนักในเรื่องของการบริหารจัดการความเสี่ยงและความปลอดภัยของธุรกิจการบิน การจัดการป้องกันอันตรายที่เกิดจากสัตว์เพื่อลดความเสี่ยงในพื้นที่ปฏิบัติการเขตการบิน การบริหารทรัพยากรบุคคลภายใต้ภาวะวิกฤติ หลังจากที่ธุรกิจการบินได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และกลับมาผ่อนคลายมาตรการต่างๆ พร้อมฟื้นตัวธุรกิจได้อีกครั้ง ณ อาคารกรุงเทพประกันภัย ถนนสาทรใต้ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566

26 Mar 2023


...

บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI นำโดยนายยิ่งยศ แสงชัย ผู้อำนวยการ ฝ่ายสินไหมทดแทนยานยนต์ จัดงานประชุมผู้บริหารอู่ในสัญญาและบริษัทสำรวจภัยในสัญญา ประจำปี 2566 เขตพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคกลาง โดยมีผู้บริหารฝ่ายสินไหมทดแทนยานยนต์ ร่วมให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านงานเคลมรถยนต์และรถยนต์ไฟฟ้าแก่ผู้บริหารอู่ในสัญญาและบริษัทสำรวจภัยในสัญญา เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงมาตรฐานการบริการแก่ลูกค้าให้ได้รับบริการที่มีคุณภาพ สะดวกและรวดเร็ว พร้อมรองรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการมอบรางวัลให้แก่อู่และบริษัทสำรวจภัยซึ่งมีผลงานการให้บริการที่โดดเด่นในด้านต่างๆ อีกด้วย ณ โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2566  

26 Mar 2023

...

บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต รักคือพลังของชีวิต โดยคุณนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ (CEO) เผยว่าการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ล้วนเต็มไปด้วยความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ ทั้งจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน และปัญหามลภาวะเป็นพิษต่าง ๆ ที่ร้ายแรง ยิ่งไปกว่านั้นอาจทำให้เกิดโรคร้ายจนทำให้ต้องสูญเสียเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตไปกับการรักษา ล่าสุด OCEAN LIFE ไทยสมุทร ได้สร้างสรรค์แบบประกันคุ้มครองโรคร้ายแรงใหม่! สัญญาเพิ่มเติมโอเชี่ยนไลฟ์ ซูเปอร์ ซีไอ 120 (CI120) หากเกิดป่วยเป็นโรคร้ายแรงก็มีเงินก้อนเอาไว้เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว เรื่องค่ารักษาพยาบาล และเพิ่มโอกาสในการรักษาโรคร้ายแรงให้หายขาด ด้วยการเข้าถึงนวัตกรรมการรักษา ช่วยต่อเวลาความสุขให้คุณและครอบครัว ด้วยความคุ้มครองสูงสุดถึง 120 โรคร้ายแรง ใน 7 กลุ่มโรค ประกอบด้วย 6 กลุ่มโรคร้ายแรง ได้แก่ 1.กลุ่มโรคมะเร็ง 2.กลุ่มโรคร้ายแรงเกี่ยวกับอวัยวะและระบบต่างๆ ที่สำคัญ  3.กลุ่มโรคร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด 4.กลุ่มโรคร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท 5.กลุ่มโรคร้ายแรงอื่น ๆ 6.กลุ่มโรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน และกลุ่มความคุ้มครองพิเศษของโรคมะเร็งระยะลุกลาม อีก 1 กลุ่ม พร้อมความคุ้มครองครอบคลุมโรคร้ายแรงทุกระยะสูงสุด 700% โดยมีความคุ้มครอง 5 โรคมะเร็งยอดฮิตในเพศชายและเพศหญิง  สูงสุด 200%** จ่ายเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียงเดือนละ 75 บาท หากเคลมครบ 100% ในกลุ่มโรคใดกลุ่มโรคหนึ่ง ได้รับยกเว้นไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยของสัญญาเพิ่มเติมนี*** โอเชี่ยนไลฟ์ ซูเปอร์ ซีไอ 120 (CI120) รับประกันภัยบุคคลที่มีอายุ 30 วัน - 70 ปี  สามารถต่ออายุได้สูงสุดถึงอายุ 85 ปี   OCEAN LIFE ไทยสมุทร ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยพลังความรัก OCEAN LIFE LOVE MINDSET ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ LOVE YOUR HEALTH สนับสนุนให้คนไทยรักสุขภาพ เดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมการประกันชีวิต พร้อมการบริการที่เหนือความคาดหมาย เพื่อทำให้การประกันชีวิตเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน สนใจสามารถทำประกันผ่านช่องทางออนไลน์คลิก https://www.ocean.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0 2207 8844 ข้อควรทราบ: * กรณีผู้ขอเอาประกันภัยเพศชายอายุ 19 - 25 ปี ขอทำสัญญาเพิ่มเติมโอเชี่ยนไลฟ์ ซูเปอร์ ซีไอ 120 (CI120) จำนวนเงินเอาประกันภัย 500,000 บาท โดยชำระเบี้ยประกันภัยเป็นรายเดือน ** กรณีที่ผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัย และ/หรือยืนยันจากแพทย์ว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะลุกลาม โดยเป็นครบทุกโรคที่ระบุในกลุ่มโรคมะเร็งระยะลุกลามสำหรับเพศชาย หรือ เพศหญิง *** ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยได้รับความคุ้มครองโรคร้ายแรงครบ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ในกลุ่มโรคใดกลุ่มโรคหนึ่งแล้ว บริษัทจะยกเว้นเบี้ยประกันภัยของสัญญาเพิ่มเติมฉบับนี้ จนกว่าสัญญาเพิ่มเติมฉบับนี้จะสิ้นผลบังคับ • % หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินเอาประกันภัย • การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด • ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่างๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ • ข้อมูลในเอกสารนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัย/ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครอง ผลประโยชน์ และข้อยกเว้น ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เมื่อได้รับกรมธรรม์ประกันภัยแล้วโปรดศึกษาเพิ่มเติม  

24 Mar 2023

...

บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQMalpha เปิดแผนปี 2566 ด้วย “7 Growth Strategy” กลยุทธ์การเติบโต 7 ยุทธศาสตร์หลังจากบริษัทเพิ่มความข็งแกร่งของธุรกิจนายหน้าประกันภัยขยายสู่ธุรกิจการเงิน และเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม ส่งผลให้เกิดการ Synergy ระหว่างกลุ่ม ช่วยสนับสนุนให้เติบโตโดยภาพรวมของกลุ่ม : Our Seeds Have Grown ตั้งเป้านำบริษัทลูกทำ IPO ปีละ 1 บริษัท ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป        ดร. อัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด  (มหาชน) เปิดเผยว่า “TQMalpha ในปี 2565 ยังโตได้ดี ประกันรถยนต์มีการขยายตัวจากปีก่อนเพิ่มขึ้น  ขณะที่ประกันสุขภาพของ TQM ก็เติบโตขึ้น และหลังจากการลงทุนของกลุ่ม TQMalpha คาดว่าจะนำบริษัทลูกเสนอIPO ปีละ 1 บริษัท ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป  ด้านกลยุทธ์ในปีนี้เราให้ความสำคัญกับการเติบโตด้วย “7 Growth Strategy”  ขณะที่หลังการเพิ่มความแข็งแกร่งของธุรกิจเป็น TQMalpha ที่ผ่านมา ปีนี้กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของ TQMalpha จะเริ่มสร้างรายได้ให้กับกลุ่มอย่างชัดเจน (Our Seeds Have Grown) โดยธุรกิจในกลุ่มการเงิน ได้แก่ บริษัท อีซี่ เลนดิ้ง จำกัด และธุรกิจเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม ได้แก่ SureKrub,  Builkone, TQC, TQD”      ด้าน ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกลุ่มธุรกิจประกันว่า “ปีนี้มั่นใจว่ากลุ่มธุรกิจประกันยังคงเติบโตและขยายตัวได้ เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคเริ่มกลับ สำหรับเป้ายอดขายกลุ่มประกันภัยปี 2566 อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท ประกันรถยนต์ยังคงเป็นรายได้ของกลุ่ม ด้านประกันภัยบ้านคาดว่าปีนี้ยังจะเติบโตและเป็นสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้น  สัดส่วนรายได้ปี 2566 ประกอบด้วย ประกัน Motor 69% Non-Motor 23% และ Life 8%    และบริษัทในกลุ่มธุรกิจประกัน บริษัท ทรู ไลฟ์ โบรกเกอร์ จำกัด ตั้งเป้าจะทำ IPO ในปีหน้า รวมถึงความร่วมมือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่กับ  TQR”      นางสาวสมพร อำไพสุทธิพงษ์ ประธานบริหารบัญชีการเงิน (CFO)  บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในกลุ่มการเงินโดย บริษัท อีซี่ เลนดิ้ง จำกัด ถึงแม้จะเริ่มดำเนินธุรกิจในปีที่ผ่านมา แต่สามารถสร้างรายได้จากการปล่อยสินเชื่อประกันได้ถึง 1,210 ล้านบาท ปีนี้จะขยายประเภทสินเชื่อไปยังหมวดอื่น เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อสวัสดิการ สินเชื่อข้าราชการ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อ Factoring และสินเชื่อเพื่อซื้อสินค้า ปีนี้ตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อที่ 3,000 บาท โตเพิ่มขึ้น 150% และอยู่ระหว่างการเจรจากับทีมบริหารเพื่อขยายช่องทางการปล่อยสินเชื่อ”     สำหรับกลุ่มเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม นายสุรัตน์ ประลองศิลป์ ประธานบริหารพัฒนาธุรกิจ (CBDO) บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  “SureKrub จะเริ่มบุกตลาดประกันผ่านช่องทาง Digital ได้แก่ ประกันการเดินทาง ประกัน Eco Car และประกันรถยนต์ราคาสูง และ SureKrub จะระดมทุน Raise Fund Serie A จาก Strategic Investors ในวงจำกัด ด้านBuilkone จะเริ่มต่อยอดธุรกิจประกันและการเงินบนแพลตฟอร์มของ BuilkOne Group มากขึ้น และจะพัฒนาประกันในรูปแบบ Creative Insurance ให้ความต้องการของผู้บริโภคแบบเฉพาะกลุ่มมากขึ้น นอกจากนี้  TQC ซึ่งให้บริการเคลมประกันสุขภาพ (Claims Tech) ได้พัฒนาระบบการเคลม Total Claims Services และE Claims ที่พร้อมให้บริการได้ในปีนี้ ขณะที่ TQD นอกจากการพัฒนาระบบแพลตฟอร์มให้บริษัทในกลุ่ม TQMalpha แล้วยังได้ออก application Friday ที่เจาะกลุ่มเอเย่นต์ประกันและที่ปรึกษาการเงิน”  

24 Mar 2023

...

วิริยะประกันภัย เดินหน้าพัฒนางานบริการไม่หยุดยั้ง ประกาศแผนงานปี 2566 “ปีแห่งนวัตกรรมบริการ : ทุกความเสี่ยงภัย เราพร้อมเคียงข้างคุณ” เผยการมุ่งมั่นพัฒนางานบริการที่กระทำมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ส่งผลให้ผลประกอบการปี 2565 เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากปี 2564 ซึ่งเติบโตอยู่เพียง 1.6% แต่ปีที่ผ่านมากลับเติบโตถึง 5.78% สูงกว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันภัยในภาพรวม ซึ่งประเมินกันว่าจะเติบโตที่ 3.5-4.5% โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 40,991 ล้านบาท ขณะที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าลูกค้าทะลักขึ้นแท่นเบอร์ 1 เหมือนเดิม ส่วนเป้าหมายปี 66 ตั้งเป้าเติบโต 6% ด้านสถานะทางการเงินยังคงเข้มแข็ง แต่สินทรัพย์ยังคงที่ในระดับเกือบ 70,000 ล้านบาท ส่วนอัตราส่วนเงินกองทุนยังคงเกินค่ามาตรฐานอยู่ที่ 154.97% นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาผู้คนในสังคมได้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายและไม่สามารถควบคุมได้ และเลือกใช้ระบบประกันภัยเข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยง จึงกลายเป็นปัจจัยบวกทำให้ภาพรวมของธุรกิจประกันภัยในปีที่ผ่านมามีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งประเมินกันว่าจะเติบโตอยู่ที่ 3.5-4.5%  ส่วนการดำเนินงานของวิริยะประกันภัยในรอบปีที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังมีต่อวิริยะประกันภัย และตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพความเป็นผู้นำอันดับ 1 ของธุรกิจประกันวินาศภัย โดยในปี 2565 วิริยะประกันภัยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 40,991 ล้านบาท เติบโต 5.78% แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 35,847 ล้านบาท ส่วนเบี้ยประกันภัยที่ไม่ใช่ประกันภัยรถยนต์หรือนอนมอเตอร์ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 5,144 ล้านบาท “ในขณะที่สถานะการเงินวิริยะประกันภัยยังคงมีความมั่นคงเหมือนเดิม โดยมีสินทรัพย์อยู่ที่ 69,946.94 ล้านบาท ด้านอัตราส่วนเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามกฎหมายยังอยู่ในระดับสูงกว่าค่ามาตรฐาน โดยมีอัตราส่วนอยู่ที่ประมาณ 154.97%” นายอมรกล่าว สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2566 นี้ นายอมรเปิดเผยว่า วิริยะประกันภัยยังคงใช้รากฐานความคิดที่เป็นปรัชญาในการทำธุรกิจที่ยึดมั่นมาตลอด 76 ปี และกลายเป็น DNA ของวิริยะประกันภัยไปแล้ว นั่นคือ “ความเป็นธรรม คือนโยบาย” และยังคงใช้กลยุทธ์ในการยึดหลักของลูกค้าเป็นศูนย์กลางเหมือนเดิม แต่ต้องตอบรับกับความเปลี่ยนแปลง ยืดหยุ่น และตอบสนองความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้เพื่อที่ วิริยะประกันภัยยังคงเป็นที่หนึ่งแห่งความเชื่อมั่นในทุกมาตรฐานประกันภัย โดยได้ตั้งเป้ายอดขายปี 2566 ไว้ประมาณ 43,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 6 แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ประมาณ 37,600 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 5 เบี้ยประกันภัยนอนมอเตอร์ประมาณ 5,700 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้าประมาณร้อยละ 11 นายอมรเปิดเผยต่อไปอีกว่า ส่วนกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 66 นี้จะอยู่ภายใต้แนวคิด “ปีแห่งนวัตกรรมบริการ : ทุกความเสี่ยงภัย เราพร้อมเคียงข้างคุณ” ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มเติมต่อยอดพัฒนาด้านเทคโนโลยีและสร้างนวัตกรรมบริการ โดยจะมุ่งเน้นให้หน่วยงานของบริษัทฯ ที่มีเครือข่ายอยู่ทุกทิศทั่วไทยมีมาตรฐานทางเทคโนโลยีเดียวกัน มีนวัตกรรมบริการที่สอดรับความต้องการแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ได้วางเป้าประสงค์หลักไว้ 3 เป้าหมายด้วยกัน คือ เป้าหมายด้านช่องทางการขาย ด้วยการยกระดับให้สำนักงานมาตรฐานตัวแทนเป็นสำนักงานดิจิตอล สามารถออกกรมธรรม์ให้ลูกค้าได้ด้วยตัวของสำนักงานเอง ทั้งกรมธรรม์ตัวจริงหรือกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ ส่งตรงถึงมือถือลูกค้าทันทีที่ได้มีการตกลงทำสัญญาประกันภัย นั่นก็หมายความว่า จะเกิดความสะดวกทั้งตัวแทนวิริยะประกันภัย และลูกค้าไม่ต้องเดินทางไปมาซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ลูกค้ายังมั่นใจได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองแน่นอนและทันทีที่ได้ตกลงทำสัญญาประกันภัย ในขณะที่เป้าหมายด้านการบริการสินไหมทดแทน นอกจากระบบเคลมออนไลน์ “VClaim on VCall” ซึ่งในปัจจุบันนี้ได้ขยายบริการไปทั่วประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้วิริยะประกันภัยยังคงขยายพื้นที่ให้บริการที่เรียกกันว่า “จุดรอตรวจสอบอุบัติเหตุ” ออกไปทั่วไทย ด้วยการใช้ข้อมูลเป็นตัววิเคราะห์เพื่อหาจุดสมดุลบริการอย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ยังได้จัดหา AI มาทำหน้าที่ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้น ควบคู่กับพนักงานสินไหมทดแทนที่มากประสบการณ์ เพื่อที่จะได้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย อีกเป้าหมายหนึ่งคือด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์  ซึ่งในปัจจุบันวิริยะประกันภัยได้สร้างผลิตภัณฑ์สนองรับความต้องการได้หลากหลายครอบคลุมทุกความเสี่ยงภัย รวมแล้วกว่า 60 ผลิตภัณฑ์ และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตรงต่อความต้องการอย่างแท้จริง อันเป็นผลมาจากการใช้กลยุทธ์ในปีที่ผ่านมา “Data-Driven Innovation : เข้าใจ เข้าถึง เคียงข้างคุณทุกความเสี่ยงภัย” ประกอบกับวิริยะประกันภัยมีจุดแข็งอยู่ที่ฐานข้อมูล ซึ่งมีฐานลูกค้ากว่า 8 ล้านกรมธรรม์ จึงทำให้การทำงานวิจัยเพื่อค้นหาความต้องการของผู้บริโภคสามารถทำได้ลึก และในปีนี้จะลงลึกถึงความต้องการของผู้คนในแต่ละภูมิภาคเป็นการเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการประกันภัยรถยนต์หรือประกันภัยสุขภาพที่ลงลึกถึงการตลาดแบบ Personalization ผลิตภัณฑ์ความคุ้มครองเฉพาะตัวและตรงข้อเท็จจริงของแต่ละบุคคล ส่วนทางด้านการรับประกันภัยรถไฟฟ้า นายอมรกล่าวว่า วิริยะประกันภัยได้เตรียมความพร้อมมากว่า 4 ปีแล้ว โดยได้ศึกษามาตั้งแต่วิวัฒนาการจากรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด จนมาสู่ระบบไฟฟ้าเต็มตัว ซี่งเป็นการพัฒนาร่วมกันกับผู้ประกอบการ ตลอดไปถึงสถาบันการศึกษาที่มีความรู้ความชำนาญทางด้านนี้ อีกทั้งความรู้ที่ได้รับและผลพันธ์ที่ได้พัฒนาร่วมกันดังกล่าว ได้ส่งต่อไปเป็นองค์ความรู้ให้กับบุคลากรด้านสินไหมทดแทน และเจ้าหน้าที่ของศูนย์ซ่อมมาตรฐานวิริยะประกันภัย ซึ่งในปีนี้จะขยายองค์ความรู้ไปยังกลุ่มตัวแทนนายหน้าในสังกัดอีกด้วย โดยในปัจจุบันวิริยะประกันภัยได้ให้ความคุ้มครองรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วจำนวน 5,286 คัน และยังคงเป็นบริษัทที่รับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอันดับหนึ่งเช่นกัน “ต้องยอมรับว่าเราเริ่มก้าวสู่โลกแห่งความไม่แน่นอนเต็มตัว และจะทำให้ผู้คนให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงและการประกันภัยมากขึ้น และต้องหมายรวมไปถึงความต้องการด้านบริการที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี จึงถือเป็นหน้าที่และความท้าทายของวิริยะประกันภัยที่ต้องพร้อมสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความคุ้มครองซับซ้อนขึ้น ตลอดไปถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด เกิดประสบการณ์ที่ดีในทุก Touch Point และเกิดความเชื่อมั่นในคำนิยามที่ว่า “ทุกความเสี่ยงภัย เราพร้อมเคียงข้างคุณ” นายอมรกล่าว ทางด้าน นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยเพิ่มเติมถึงการพัฒนานวัตกรรมด้านบริการว่า ในรอบปีที่ผ่านมาวิริยะประกันภัยได้พัฒนาเทคโนโลยี ส่งมอบองค์ความรู้ใหม่ ๆ ให้กับตัวแทนและคู่ค้า เพื่อสร้างคุณค่าที่แตกต่างส่งมอบให้กับลูกค้า ดังเช่นในปัจจุบันนี้สำนักงานตัวแทนวิริยะประกันภัยสามารถใช้โปรแกรมออกกรมธรรม์เองได้เลย รวมถึงระบบตรวจสภาพรถยนต์ผ่านออนไลน์ก่อนทำประกันภัยอีกด้วย นั้นก็หมายความว่าลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ ในขณะที่งานบริการหลังการขาย โดยเฉพาะการบริการด้านสินไหมทดแทน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารงานของวิริยะประกันภัย  จนได้รับการยอมรับและยังคงเป็นบริษัทประกันวินาศภัยอันดับ 1 มาจนทุกวันนี้ ดังนั้นวิริยะประกันภัยจึงเดินหน้าสานต่อนโยบายบริหารสินไหมแบบองค์รวม กล่าวคือ ดูแลทุกองค์ประกอบสำคัญของงานสินไหมซึ่งความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงและสอดประสานกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ได้แก่ เครือข่ายศูนย์บริการสินไหม (Network), บุคลากร (People) , ข้อมูล (Data) และนวัตกรรม (Innovation) หรือ NPDI โดยงานเครือข่ายศูนย์บริการสินไหม (Network) วิริยะประกันภัยได้ขยายเครือข่ายศูนย์บริการสินไหมทดแทนเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทย ง่ายในการเข้าถึงบริการ เช่น เปิดจุดบริการเคลื่อนที่เร็วในย่านการจราจรที่หนาแน่น หรือ จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย เช่น สถานีบริการน้ำมัน พื้นที่ชุมชน ศูนย์การค้า เส้นทางจราจรหลัก ฯลฯ เพื่อสร้างจุดสมดุลบริการอย่างไร้รอยต่อ ในขณะที่งานพัฒนาบุคลากร (People) แม้โลกทุกวันนี้จะก้าวล้ำพัฒนาไปด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา แต่สำหรับธุรกิจประกันภัย การดูแลคนด้วยคนถือเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็น เนื่องจากขณะที่ต้องประสบอุบัติเหตุ หรือการสูญเสีย การดูแลเอาใจใส่ผู้เอาประกันภัยด้วยพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมเป็นอย่างดี มีความเป็นมืออาชีพ ย่อมช่วยให้ผู้เอาประกันภัยอุ่นใจ และเกิดความมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลช่วยเหลือให้ผ่านพ้นจากสถานการณ์คับขันไปได้ด้วยดี “โดยเฉพาะพนักงานสำรวจอุบัติเหตุของวิริยะประกันภัย หรือ ที่รู้จักกันในนาม “พนักงานเคลม” คือ Touch Point สำคัญในการส่งมอบบริการสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัย พนักงานเคลมทั้งหมดจำนวนกว่า 1,400 คน เป็นพนักงานของบริษัทฯ เราไม่ใช้ Outsource ลูกค้าของเราต้องดูแลด้วยคนของเรา พนักงานเคลมของวิริยะทุกคนผ่านการคัดเลือก ทดสอบความรู้ ฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ ด้วยหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นเองจากการสั่งสมประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่น ความที่วิริยะคือเบอร์หนึ่งเรื่องประกันภัยรถยนต์ เรื่องสินไหมจึงเป็นงานที่เราเชี่ยวชาญ พนักงานเคลมของวิริยะได้รับรางวัลผู้สำรวจอุบัติเหตุรถยนต์ดีเด่น หรือ “Best Surveyor Award” จาก สมาคมประกันวินาศภัยไทย อย่างต่อเนื่อง” นายสยมกล่าว นายสยมเปิดเผยต่อไปอีกว่า ส่วนงานบริหารจัดการข้อมูล (Data Analytics) วิริยะประกันภัยได้พัฒนา “ระบบข้อมูลสินไหมอัจฉริยะ” (Intelligence Claim System by Big Data Analytics : BDA) โดยใช้จุดแข็งของวิริยะประกันภัยที่อยู่ในธุรกิจมายาวนานกว่า 76 ปี และครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งมาอย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน ส่งผลให้บริษัทฯ มีข้อมูลสินไหมทดแทนจำนวนมากมาย ที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อผู้เอาประกันภัยได้อย่างมากมาย หลากหลายแง่มุม ไม่เพียงเฉพาะในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่ยังช่วยในเรื่องการพัฒนางานสินไหมได้อย่างน่าทึ่ง เช่น การที่เรามีข้อมูลจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย บริษัทฯ จะร่วมมือกับภาครัฐในการรณรงค์หามาตรการลดหรือบรรเทาอุบัติภัยบนท้องถนน หรือ เตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ตามจุดใกล้เคียงเพื่อออกบริการสินไหมได้รวดเร็วขึ้น ลดระยะเวลาการรอคอยของผู้เอาประกันภัย ฯลฯ ในขณะที่งานสรรหาและพัฒนานวัตกรรมประกันภัยใหม่ ๆ (Innovation) ที่จะมาช่วยพัฒนาระบบงานสินไหม สนับสนุนการทำงานของพนักงานด้านสินไหม และสำคัญที่สุดคือเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้ผู้เอาประกันภัย วิริยะประกันภัยมีความพร้อมอย่างเต็มที่ ในการขับเคลื่อนบริการสินไหมทดแทนด้วยนวัตกรรมด้านประกันภัยที่ทันสมัย เช่น การดูแลสินไหมรถยนต์ EV ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั้งโซนยุโรปและเอเชีย ต่างก็แข่งกันพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ EV เนื่องจากได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภคทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย หลายค่ายทยอยเปิดตัวรถยนต์ EV รุ่นใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง สำหรับวิริยะประกันภัย เรามีความพร้อมอย่างเต็มกำลังในการรองรับตลาดรถยนต์ EV ทั้งในส่วนบุคคล และเชิงพาณิชย์ เนื่องจากผู้ประกอบการภาคธุรกิจชั้นนำ หรือแม้แต่องค์กรภาครัฐต่างก็หันมารณรงค์การใช้รถยนต์ EV เพื่อขับเคลื่อน Green Economy System สร้างเศรษฐกิจควบคู่กับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อสังคมไทยเติบโตแบบยั่งยืน ส่วนแผนงานด้านการประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์หรือ Non-Motor นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว หลังจากการระบาดอย่างรุนแรงของโรคโควิด-19 มาหลายปี ซึ่งแนวทางการดำเนินงานมุ่งเน้นที่จะดูแลและพัฒนาการให้บริการให้ดียิ่งขึ้นต่อไปให้สมกับความไว้วางใจจากลูกค้า เป็นปีที่มุ่งเน้นการปรับปรุงระบบงานพื้นฐานต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพขึ้น ทั้งการพัฒนาระบบ Core System ใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการบริการประกันภัย  รองรับการเติบโตของบริษัทฯ  การปรับปรุง Website เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำการตลาดแบบ Personalization Marketing เพื่อมอบประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลมากขึ้น การพัฒนาระบบ CRM เพื่อรองรับการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าและคู่ค้า ซึ่งโครงการต่าง ๆ นี้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาในปี 2566 โดยจะสามารถเริ่มใช้งานได้ในช่วงต้นปี 2567 ส่วนการพัฒนาระบบ CRM  ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสนับสนุนกลยุทธ์ที่คำนึงถึงลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) โดยภายในไตรมาสที่สองของปีนี้ ระบบ CRM ในส่วนของการให้บริการ Call Center และการให้บริการต่ออายุประกันสุขภาพและอุบัติเหตุจะแล้วเสร็จ ทั้งนี้มองว่า CRM นี้เป็นระบบที่ต้องมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าและเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยจะมีการขยายผลเพื่อพัฒนาเพิ่มฟีเจอร์ในลำดับต่อไป “สำหรับเป้าหมายปี 2566 วิริยะประกันภัยมุ่งเน้นการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมและเติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน ด้วยการวางแผนขยายอัตราส่วนประกันภัย Non-Motor เติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 10.65% ประมาณการเบี้ยประกันภัยรับอยู่ที่ 5,694 ล้านบาท โดยยังคงมุ่งเน้นที่จะขยายงานผลิตภัณฑ์ประกันภัยส่วนบุคคล หรือ Personal Line เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยอุบัติเหตุ ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยอะไหล่รถยนต์ รวมถึงประกันภัยสำหรับบ้านที่อยู่อาศัย” นางฐวิกาญจน์ กล่าวต่อไปว่า กลยุทธ์ในการขยายงานประกันภัยส่วนบุคคลในปีนี้ของเรา คือ การต่อยอดจากช่องทางตัวแทน/นายหน้าที่เป็นช่องทางการขายที่มีศักยภาพสูงของบริษัทฯ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปยังผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจง่าย ไม่ว่าจะประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันการเดินทาง และ ประกันอะไหล่รถยนต์ ที่สามารถนำเสนอควบคู่ไปกับประกันรถยนต์ภาคสมัครใจได้เป็นอย่างดี ซึ่งบริษัทฯ เองอยู่ระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มฐานลูกค้าประกันภัยรถยนต์ของบริษัท โดยมุ่งเน้นที่จะดูแลค่าใช้จ่ายให้ครอบคลุมในทุกมิติ ด้วยการออกแบบแพ็กเกจที่ทำงานคุ้มครองคู่กัน ทั้งรถชนและรถเสีย คุ้ม ครบ จบที่วิริยะฯ ซึ่งก็จะเป็นแผนประกันภัยที่ตัวแทนนายหน้าสามารถนำไปเสนอขายได้ไม่ยากเช่นกัน “ในขณะเดียวกันบริษัทเองยังมุ่งเน้นในการขยายงานผลิตภัณฑ์ในกลุ่มลูกค้า SME เพื่อรองรับการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ เช่น ผลิตภัณฑ์ธุรกิจปลอดภัย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์กับกลุ่มธุรกิจ SME’s ที่จะเข้ามาช่วยบริหารความเสี่ยง หากธุรกิจเกิดความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ประกันภัยธุรกิจปลอดภัยนี้จะเป็นตัวช่วยที่ดี ที่จะทำให้ธุรกิจของลูกค้ายังคงดำเนินไปได้อย่างมั่นคง” นางฐวิกาญจน์ กล่าวในที่สุด  

24 Mar 2023

...

เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้าตอบโจทย์คนรักสุขภาพต่อเนื่อง ชูแอปพลิเคชัน “MTL Fit” ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์ม  สร้าง Wellness Society ครบวงจร เปิดตัว MTL Fit Rewards เปลี่ยนสุขภาพดีเป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัย หนุนสร้างสังคมสุขภาพดีอย่างยั่งยืน พร้อม Feature ใหม่ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ผนึกกำลัง Wellness Ecosystem Partner เติมเต็มรอบด้าน   นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL  เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการตอกย้ำเป้าหมายในการเป็นองค์กรที่มุ่งเน้นการส่งมอบรอยยิ้มและความสุขที่ยั่งยืน ผ่านการสร้างสุขภาพที่ดีในทุกมิติ ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และสุขภาพทางการเงิน เพราะเชื่อว่าการมีสุขภาพดีถือเป็นหัวใจสำคัญที่นำมาสู่การสร้างความมั่งคั่ง (Wealth) ให้กับทุกคน ล่าสุด เมืองไทยประกันชีวิต ประกาศการเป็นตัวจริงสายสุขภาพ พร้อมเดินหน้าพัฒนา “MTL Fit” แอปพลิเคชัน ด้านสุขภาพที่จะช่วยให้คุณเข้าใจสุขภาพตัวเองได้ดียิ่งขึ้น สู่การเป็นไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์มที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เข้าใจทุกการดูแลสุขภาพในแบบคุณ ช่วยให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่อง “ง่าย” และ “สนุก” มากยิ่งขึ้น  เพื่อสร้างสังคมแห่งการดูแลสุขภาพที่ครบวงจร (Wellness Society) และยั่งยืนแก่ลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิต      และบุคคลทั่วไป พร้อมยกระดับนวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพครบวงจรด้วยการเพิ่ม Feature ใหม่ ให้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้นด้วยการ จับมือกับ Wellness Ecosystem Partner หลากหลายวงการ อาทิ FitSloth ที่ให้คุณตั้งเป้าหมายและบันทึกการรับประทานอาหาร เพื่อช่วยควบคุมแคลอรีที่เหมาะสมให้คุณในแต่ละวัน สนุกกับการค้นหาร้านอาหารโปรด  พร้อมบันทึกการรับประทานอาหาร อัปเดตน้ำหนักและติดตามความเปลี่ยนแปลงสุขภาพของคุณได้อย่างใกล้ชิด   นายสาระ กล่าวว่า บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวโครงการ “MTL Fit Rewards” เพื่อมอบส่วนลดเบี้ยประกันภัยจากการดูแลสุขภาพ (Dynamic Pricing) ให้กับลูกค้าปัจจุบันของเมืองไทยประกันชีวิต โดยจะคำนวณส่วนลดจากการส่งผลตรวจสุขภาพ จำนวนก้าวเดิน ระยะเวลาในการออกกำลังกาย รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษต่างๆ เพื่อสะสมคะแนน MTL Fit Rewards และนำมาใช้เป็นส่วนลดเบี้ยประกันภัยในปีต่ออายุ สูงสุด 15% (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด) โดยมีแบบประกันหลากหลายรูปแบบที่เข้าร่วมโครงการในระยะเริ่มต้น อาทิ สัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ ดี เฮลท์ พลัส สัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง ดี แคร์ สัญญาเพิ่มเติม แคร์ พลัส และ สัญญาเพิ่มเติม ซีไอ    เพอร์เฟค แคร์ เป็นต้น (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ ที่กำหนด) โดย MTL Fit Rewards จะเริ่มให้บริการแก่ลูกค้าผ่านแอปพลิเคชัน MTL Fit ในวันที่ 18 เมษายน 2566 นี้ และในอนาคตทางบริษัทฯ มีแผนที่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ ในการแลกของรางวัลอื่น ๆ รวมถึงเพิ่มแบบประกันภัยใหม่ ๆ เข้ามาในโครงการ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้มากขึ้นอีกด้วย     นอกจากนี้ MTL Fit ยังถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเชื่อมต่อการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยส่งเสริมและทำให้ทุกคนได้สนุกกับการดูแลสุขภาพ ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เช่น ทีมชาเลนท์ให้คุณจับกลุ่มกับเพื่อนเพื่อโชว์คะแนนแข่งกันให้สนุก ไม่ต้องเหงาออกกำลังกายคนเดียวอีกต่อไป กิจกรรมด้านกีฬา อย่าง MTL Fit City Run ที่ผู้เข้าร่วมสามารถดาวน์โหลดภาพถ่ายกิจกรรมได้จากแอปพลิเคชัน MTL Fit ได้ง่าย ๆ  และ The Stadium Wellness Community Hub ซึ่งเป็นพื้นที่พบปะและทำกิจกรรมสำหรับทุก ๆ คนที่มี Healthy Lifestyle “เมืองไทยประกันชีวิตเราตระหนักและให้ความสำคัญกับการส่งเสริมด้านสุขภาพอย่างจริงจัง  ซึ่งนอกเหนือจากการพัฒนานวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพของ MTL Fit แล้ว เรายังให้การสนับสนุนการจัดงานกีฬาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้กลุ่มผู้รักสุขภาพได้เข้าถึงในวงกว้างมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการการสนับสนุนงาน เมืองไทยไตรกีฬา  เมืองไทยเชียงใหม่มาราธอน  อะเมซิ่งไทยแลนด์มาราธอน บุรีรัมย์มาราธอน ชะอำ บิกินี บีชรัน เชียงใหม่ไนท์รัน    วิ่งล่าสมบัติสลัดพุง สงกรานต์รัน กิจกรรมปั่นจักรยาน Shimano Blue Race และการแข่งขันว่ายน้ำ Ocean Manเป็นต้น” นายสาระ กล่าว   สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MTL Fit ฟรี ทั้ง ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android จากนั้นเข้าใช้งานครั้งแรกด้วย 4 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้  1.เลือกเริ่มต้นการใช้งาน  2.กรอกข้อมูลสุขภาพของคุณ  3.“เชื่อมต่อข้อมูลกรมธรรม์” ของคุณ หากไม่มีกด “ข้าม” และ 4. สร้างบัญชีผู้ใช้งานโดยกรอกชื่อผู้ใช้งาน เบอร์โทรศัพท์มือถือ พร้อมตั้งรหัสผ่าน (สำหรับการใช้งาน)  ยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP จากนั้นการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่คุณต้องการใช้งาน  เช่น Fitbit Garmin Connect และ Apple Health เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 1766 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรือผ่านช่องทาง www.muangthai.co.th  

24 Mar 2023

...

เอไอเอ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นที่ 1 ด้านประกันชีวิตและสุขภาพ เดินหน้าส่งมอบผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพให้กับคนไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัว “สัญญาเพิ่มเติม เอไอเอ เฮลธ์ เซฟเวอร์ (AIA Health Saver)” มาในคอนเซ็ปต์ “คุ้มกว่าที่เคยเจอ เซฟเวอร์ทั่วไทย” ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายในราคาที่เข้าถึงได้ ด้วยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 575 บาทต่อเดือน[1] ตอบรับกระแสการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นของคนไทย พร้อมเตรียมรับมือกับค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามวิวัฒนาการทางการแพทย์ สามารถซื้อได้ตั้งแต่อายุ 15 วัน จนถึงอายุ 75 ปี คุ้มครองนานสูงสุดถึงอายุ 99 ปี ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายวงเงินสูงสุด 500,000 บาท[2] ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาทั้งแบบผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก รวมถึงยังเบิ้ลความคุ้มครองโรคร้ายแรง กรณีป่วยเป็นโรคร้ายแรง 6 โรค ผลประโยชน์สูงสุดเพิ่มเป็น 2 เท่า[3]และต่อเนื่องรวมเป็น 4 ปีกรมธรรม์ เพื่อช่วยสนับสนุนให้คนไทยได้มีประกันสุขภาพได้อย่างทั่วถึง ตลอดจนส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ นายเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ ประเทศไทย เข้าใจความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่อยากซื้อประกันสุขภาพ แต่ยังมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายส่วนใหญ่ในตลาดมีเบี้ยประกันภัยที่ค่อนข้างสูง โดยเราได้เห็นถึงด้วยความตื่นตัวของคนไทยในเรื่องสุขภาพ และพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพเติบโตค่อนข้างชัดเจน ในฐานะที่เอไอเอ เป็นบริษัทประกันชีวิตและสุขภาพอันดับ 1 ของประเทศ[4] จึงตั้งใจออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้ได้รับทั้งความคุ้มครองและบริการด้านสุขภาพที่ครอบคลุม โดยมุ่งเน้นส่งมอบความคุ้มค่าของผลประโยชน์ความคุ้มครองที่ลูกค้าจะได้รับ ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่ในผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด สัญญาเพิ่มเติม เอไอเอ เฮลธ์ เซฟเวอร์ (AIA Health Saver) ด้วยการปรับเบี้ยประกันภัยให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 575 บาทต่อเดือน[1] เพื่อให้ลูกค้าทั่วไทยสามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้มากขึ้น ซึ่งแบบประกันสุขภาพตัวนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของที่ทำงานอยู่แล้วแต่กังวลว่าอาจจะไม่เพียงพอกับวิวัฒนาการทางการแพทย์ จึงต้องการความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเพิ่มเติม หรือผู้ที่ต้องการมีประกันสุขภาพดี ๆ แต่ยังมีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย จึงมองหาแบบประกันที่เบี้ยประกันภัยไม่สูงมากนัก ซึ่งการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครอบคลุมทุกกลุ่มนี้ จะทำให้เอไอเอสามารถสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพและเพิ่มความอุ่นใจด้านการเงินให้กับคนไทยได้อย่างครบวงจร โดยประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย เอไอเอ เฮลธ์ เซฟเวอร์ (AIA Health Saver) จะมอบความคุ้มครองแบบเหมาจ่ายที่คุ้มกว่าที่เคยเจอ ให้ได้เซฟเวอร์กันทั่วไทย ดังนี้ แบบประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายที่สามารถซื้อได้ ตั้งแต่อายุ 15 วัน จนถึงอายุ 75 ปี คุ้มครองยาวนานสูงสุดถึงอายุ 99 ปี ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย วงเงินสูงสุด 500,000 บาท[2] ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก สูงสุด 30 ครั้ง/ปี[5] รับความคุ้มครองเพิ่ม 2 เท่า[3] สำหรับ 6 โรคร้ายแรงยอดฮิต ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน การผ่าตัดเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ โรคมะเร็งระยะลุกลาม การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะหรือปลูกถ่ายไขกระดูก และการผ่าตัดเส้นเลือดแดงใหญ่ เอออร์ต้า พร้อมด้วยวงเงินค่าบำบัดรักษาต่อรอบปีกรมธรรม์[6] สำหรับค่าบริการทางการแพทย์เพื่อการบำบัดรักษากรณี ล้างไต รังสี และเคมีบำบัด “นอกจากนี้ ลูกค้ายังจะได้สิทธิในการเข้าร่วมโครงการเอไอเอ ไวทัลลิตี้ (AIA Vitality) ประกันสำหรับคนรักสุขภาพ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีและมีวินัยมากขึ้น โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างถูกวิธีตามที่เอไอเอแนะนำ ซึ่งนอกจากจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นแล้ว ลูกค้ายังจะได้รับสิทธิประโยชน์ ส่วนลดจากพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ ของเอไอเอ และรับส่วนลดเบี้ยประกันภัยสูงสุด 15% อีกด้วย[7] นับเป็นการส่งเสริมให้คนไทยรักษาสุขภาพอย่างต่อเนื่องและมีสุขภาพที่ดีในระยะยาวได้อีกทางหนึ่ง” นายเอกรัตน์ กล่าวเสริม สำหรับภาพยนตร์โฆษณา เอไอเอ เฮลธ์ เซฟเวอร์ (AIA Health Saver) เอไอเอ ประเทศไทย ยังได้ชวนนักแสดงหนุ่มมาดเท่ที่รักในเรื่องสุขภาพ ไมค์ ภัทรเดช สงวนความดี มาร่วมถ่ายทอดความคุ้มกว่าที่เคยเจอของแบบประกัน เอไอเอ เฮลธ์ เซฟเวอร์ ให้คนไทยได้รู้สึกอุ่นใจและพร้อมก้าวออกไปใช้ชีวิตในแบบเซฟเวอร์ โดยภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้จะเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ทั้งทาง AIA Official Facebook Page, AIA Thailand YouTube Channel และ Line Official Account ของเอไอเอ ประเทศไทย โดยรับชมได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สามารถคลิกลิงก์ https://bit.ly/hsvvdo หรือสแกน QR Code เพื่อรับชมภาพยนตร์โฆษณา ผู้ที่สนใจแบบประกันสุขภาพ เอไอเอ เฮลธ์ เซฟเวอร์ (AIA Health Saver) สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://bit.ly/hsvprll หรือ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ AIA Call Center โทร. 1581 ตลอด 24 ชั่วโมง หมายเหตุ: [1] คำนวณจากเบี้ยประกันภัยรายปี 6,900 บาท สำหรับเพศชายอายุ 21-25 ปี แผนความคุ้มครอง 200,000 บาท [2] ผลประโยชน์เหมาจ่ายในบางรายการ เมื่อรวมผลประโยชน์ในหมวดที่ 3 – 6 และ 12 ต้องไม่เกินวงเงินต่อการเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในครั้งใดครั้งหนึ่ง/ รวมผลประโยชน์ในหมวดที่ 9 – 11 ต้องไม่เกินวงเงินต่อรอบปีกรมธรรม์ [3] ผลประโยชน์สูงสุดเพิ่มเป็น 2 เท่าของจำนวนเงินเอาประกันภัย ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยเข้ารับการรักษาตัวด้วยโรคร้ายแรง เมื่อป่วยเป็นโรคร้ายแรงครั้งแรก  [4] ข้อมูลจากสมาคมประกันชีวิตไทย ณ วันที่ 31 มกราคม 2566 [5] เฉพาะแผนความคุ้มครอง 400,000 บาท คุ้มครอง 1,000 บาท/ครั้ง และ 500,000 บาท คุ้มครอง 1,500 บาท/ครั้ง [6] รวมผลประโยชน์ในหมวดที่ 9 – 11 ต้องไม่เกินวงเงินต่อรอบปีกรมธรรม์ [7] สำหรับแบบประกันที่ร่วมโครงการเอไอเอ ไวทัลลิตี้

17 Mar 2023

ECONOMY-FINANCE / เศรษฐกิจ-การเงิน

...

ธนาคารออมสิน คว้ารางวัล “Best Green Bond – Financial Institution Thailand” จากเวทีระดับโลก The Asset Triple A Awards 2022 จัดโดย The Asset นิตยสารการเงินชั้นนำแห่งเอเชีย ที่มุ่งเน้นความเป็นเลิศทางด้านการดำเนินงานการเงิน การลงทุน และรางวัล “State Owned Enterprise ESG Bond of the Year” จากงาน ThaiBMA Best Bond Awards 2022 ที่มอบให้แก่ตราสารหนี้รัฐวิสาหกิจ ที่ออกภายใต้กรอบการระดมทุนเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และความยั่งยืน (Green, Social, Sustainable Financing Framework) โดยธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในบทบาทของ “Green Structuring Advisor, Bookrunner and Lead Manager” ในฐานะผู้จัดการจัดจำหน่ายพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ Green Bond ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่ทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินงานที่ยึดหลัก “ESG” ซึ่งครอบคลุมถึงการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม (Environment) ควบคู่กับการพัฒนาสังคม (Social) รวมทั้งคำนึงถึงเรื่องธรรมาภิบาล (Governance) และความยั่งยืน (Sustainability) ธนาคารออมสินในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีบริการทางการเงินครบวงจร รวมถึงการให้บริการธุรกรรมทางการเงิน เป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ หรือตราสารหนี้ต่างๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปลงทุนและพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับ ESGหลากหลายโครงการ โดยถือเป็นการดำเนินงานสำคัญที่สนับสนุนช่วยเหลือสังคมได้ในภาพรวม และเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น การเป็นผู้จัดการจัดจำหน่ายพันธบัตรเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของ EXIM BANK ในครั้งนี้ สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินงานของธนาคารออมสินที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจและสังคมในระยะยาว โดยที่ผ่านมาธนาคารได้เข้าไปมีส่วนร่วมและมีบทบาทสำคัญของการออก ESG Bond ทั้งของรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร การเคหะแห่งชาติ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รวมถึงหุ้นกู้เพื่อสังคมของธนาคารออมสิน อีกด้วย ธนาคารออมสิน เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจแห่งแรกของประเทศไทย ที่ออกและเสนอขาย Green Bond ของ EXIM Bank ในครั้งนี้ ซึ่งมีการเสนอขายไปเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ มีมูลค่าวงเงินเสนอขายรวม 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 รุ่น คือ รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.25% ต่อปี และรุ่นอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย Compounded THOR + 0.34% วัตถุประสงค์เพื่อนำไปสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่โครงการพลังงานสะอาด โดยบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “AAA” แนวโน้ม “คงที่” ขณะที่ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือเอดีบี เป็นที่ปรึกษาในการจัดทำกรอบการระดมทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance Framework)

24 Mar 2023


...

บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จำกัด (มหาชน) หรือ TQMalpha เปิดเผยรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2566 ว่า มีผู้บริหารได้ซื้อหุ้นของ TQMalpha ได้แก่ นางนภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จำนวนรวม 372,500 หุ้น ราคาเฉลี่ย 36.07 บาท การซื้อหุ้นของผู้บริหารดังกล่าว แสดงถึงความเชื่อมั่นในแนวโน้มการเติบโตของบริษัท ตามแผนงานในปีนี้  รวมทั้งจากกลยุทธ์ที่ธุรกิจหลักของบริษัทยังคงเน้นการเติบโตในธุรกิจนายหน้าประกันภัย  และบริษัทเริ่มดำเนินงานในธุรกิจการเงิน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีและสามารถสร้างผลกำไรอย่างชัดเจน  พร้อมทั้งธุรกิจเทคโนโลยีแพลตฟอร์มก็ได้เริ่มมีความร่วมมือและต่อยอดธุรกิจระหว่างกันอย่างชัดเจนในปีนี้    

07 Mar 2023

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันมีลูกค้าและประชาชนจำนวนมากที่ประสบภัยถูกมิจฉาชีพล่อลวงด้วยวิธีการต่าง ๆ เป็นเหตุให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น เพื่อเป็นการดูแลลูกค้าและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ประสบเหตุ ธนาคารออมสินจึงเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุภัยมิจฉาชีพทางการเงิน ทาง GSB Contact Center โทร. 1115 กด 6 โดยลูกค้าธนาคารออมสินที่ประสบเหตุ พบธุรกรรมที่ผิดปกติ หรือสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงจากการถูกล่อลวงและอาจสูญเสียเงินจากบัญชีธนาคารออมสิน สามารถติดต่อแจ้งเหตุที่ศูนย์ฯ ดังกล่าวได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ธนาคารขอย้ำเตือนลูกค้าและประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังอย่าหลงเชื่อหรือเผลอกดลิงก์ใด ๆ โดยธนาคารไม่มีการส่ง SMS ไปยังโทรศัพท์มือถือของลูกค้าชวนให้กดลิงก์ที่แนบไปพร้อมกับข้อความ หากลูกค้าได้รับข้อความ SMS หรือรับสายโทรศัพท์อ้างว่าติดต่อจากธนาคารออมสิน หรือ ได้รับข้อความทางโซเชียลมีเดียเชิญชวนให้แจ้งข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ธนาคารขอความร่วมมือโปรดตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อความก่อนทุกครั้ง โดยปัจจุบัน ช่องทางสื่อสารหลักของธนาคารออมสิน ได้แก่ www.gsb.or.th facebook : GSB Society LINE : GSB Society และ LINE : GSB Now รวมถึง GSB Contact Center โทร.1115  

06 Mar 2023

...

กบข. แจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพแอบอ้างใช้ชื่อ “กบข.” “ตราสัญลักษณ์” “ภาพผู้บริหาร” ชักชวนลงทุนโดยมีการประกันผลตอบแทนผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ย้ำ กบข. ไม่มีนโยบายเชิญชวนสมาชิกลงทุนผ่านช่องทางส่วนบุคคล นอกเหนือจากการเลือกแผนการลงทุนตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ซึ่งเงินสะสมของสมาชิกจะถูกหักจากบัญชีเงินเดือนและนำส่ง กบข. โดยเจ้าหน้าที่การเงินของหน่วยงานสมาชิกเท่านั้น ไม่มีการให้สมาชิกโอนเงินเข้าบัญชีด้วยตนเอง ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ได้รับแจ้งว่ามีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นผู้บริหาร กบข. เชิญชวนให้เข้ากลุ่มไลน์ เพื่อหลอกลวงให้ร่วมลงทุน โดยมีพฤติกรรมสร้างบัญชีไลน์ ใช้ชื่อและรูปของผู้บริหาร กบข. เพื่อให้เข้าใจว่า กบข. เป็นผู้ชักชวน หลังจากนั้นได้ส่งข้อความหาสมาชิก กบข. และกระตุ้นให้เข้าร่วมกลุ่มไลน์และให้โอนเงินประกันผลตอบแทนเข้าระบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอ้างว่าเป็นการทำภารกิจเพื่อให้ได้ผลกำไร พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำของมิจฉาชีพ ที่ทำให้สมาชิกต้องสูญเสียทรัพย์สินและเกิดความเสียหาย กบข. ขอชี้แจงว่า กบข. ไม่มีนโยบายเชิญชวนให้สมาชิกลงทุนผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น LINE Facebook หรือช่องทางส่วนบุคคล นอกเหนือจากการเลือกแผนการลงทุนตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ซึ่งเงินสะสมของสมาชิกจะถูกหักจากบัญชีเงินเดือนและนำส่ง กบข. โดยเจ้าหน้าที่การเงินของหน่วยงานสมาชิกเท่านั้น ไม่มีการให้สมาชิกโอนเงินเข้าบัญชีด้วยตนเอง และขอแจ้งเตือนไปยังสมาชิกและประชาชนทั่วไปให้ใช้ความระมัดระวังไม่หลงเชื่อคำเชิญชวนต่าง ๆ หรือการติดต่อแอบอ้างจากช่องทางอื่น ๆ ที่ใช้ชื่อ “กบข.” “ตราสัญลักษณ์” หรือ “ภาพผู้บริหาร กบข.” ที่ไม่ใช่ช่องทางการสื่อสารหลักของ กบข. หากพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าว หรือโฆษณาชักชวนลงทุนที่ผิดสังเกตสามารถแจ้งมาได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร. 1179 Facebook page กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่มีเครื่องหมายถูกสีฟ้าหลังชื่อเพจเพื่อยืนยันบัญชีทางการ หรือ LINE Official Account ไอดีไลน์ @gpfcommunity มีเครื่องหมายโล่สีเขียวหน้าชื่อบัญชี เพื่อยืนยันบัญชีทางการ ทั้งนี้ กบข. กำลังรวบรวมหลักฐาน และส่งเรื่องจากผู้เสียหายที่มีหลักฐานครบถ้วนถึงการกระทำผิดที่เกี่ยวกับ กบข. ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด  

26 Feb 2023

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ได้ผ่อนคลายลง  ส่งผลให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจดีขึ้นและกลับมามีกิจกรรมทางธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว  มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว สามารถดำเนินกิจการและให้บริการอย่างราบรื่น คล่องตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุนหรือสภาพคล่อง ธนาคารออมสินจึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม และ Supply Chain ของโรงแรม ร้านอาหาร และกลุ่มผู้ประกอบการที่มีเอกลักษณ์หรืออัตลักษณ์ของท้องถิ่น ใช้บริการสินเชื่อ Soft Loan Re-Open อัตราดอกเบี้ยต่ำมาก 1.99% คงที่ 2 ปีแรก และสวนกระแสของภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นในขณะนี้  โดยสามารถรับข้อเสนอและเงื่อนไขพิเศษได้ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th หรือที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2566 นี้เท่านั้น สินเชื่อ Soft Loan Re-Open เปิดให้กู้เพื่อนำเงินไปปรับปรุง ซ่อมแซมสถานประกอบการ จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการกลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง โดยผู้กู้ต้องเป็นผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลที่มีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นเกินร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน วงเงินกู้ต่อรายสูงสุดถึง 5 ล้านบาท และมีระยะเวลากู้ได้นาน 10 ปี สามารถใช้หลักทรัพย์ หรือ บสย. อย่างใดอย่างหนึ่งในการค้ำประกันได้เต็มวงเงินกู้ หรือจะเลือกใช้ทั้งหลักทรัพย์และ บสย. ร่วมกันค้ำประกันก็ได้ คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 ปีแรก เพียง 1.99% ต่อปี โดยปีที่ 3-10 คิดอัตราดอกเบี้ยตามประเภทหลักทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกัน และได้รับสิทธิพิเศษปลอดชำระเงินต้นเป็นเวลานานสูงสุดถึง 2 ปี ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB SME Call Center โทร. 02-2998899, GSB Contact Center โทร. 1115 และที่ facebook : GSB Society โดยธนาคารออมสินไม่มีนโยบายเชิญชวนให้ยื่นกู้ทางโซเชียลมีเดียหรือลิงก์ส่งทาง SMS แต่อย่างใด

25 Feb 2023

...

    นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.25% ต่อปี เป็น 1.50% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ธนาคารออมสินจึงได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.30% ต่อปี เพื่อมุ่งส่งเสริมการออมให้ประชาชนผู้ฝากเงินได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และช่วยเพิ่มกำลังซื้อในช่วงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป และได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทในอัตรา 0.25% ต่อปี ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยของตลาด ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งแรกของธนาคารในรอบกว่า 2 ปี หรือตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 เป็นต้นมา ตามนโยบายของกระทรวงการคลังในการช่วยดูแลลูกค้าและประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ค่าครองชีพยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ

06 Feb 2023

...

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ ภายหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา โดยธนาคารจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อช่วยส่งเสริมการออมเงินในระยะยาวและให้ผู้ฝากเงินมีรายได้เพิ่มขึ้น ตามทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ ในอัตราสูงสุด 0.25% รวมถึงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR  MOR และ MRR 0.10% - 0.20% ต่อปี ซึ่งเป็นการส่งผ่านนโยบายและสะท้อนถึงต้นทุนทางการเงินที่แท้จริง ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2566 เป็นต้นไป นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ส่งผลต่อเนื่องมายังต้นทุนในระบบธนาคารที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตาม  ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานของธนาคารไทยพาณิชย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับทิศทางดอกเบี้ยภายในประเทศ และสะท้อนต้นทุนทางการเงินในระบบที่สูงขึ้น ธนาคารจึงมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม แต่เพื่อช่วยบรรเทาภาระดอกเบี้ยของลูกค้าเงินกู้ ธนาคารจึงเห็นควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย MLR MOR และ MRR 0.10% - 0.20% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.520% เป็น 6.620%  ต่อปี อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (Minimum Loan Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.150% เป็น 6.350% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.745% เป็น 6.895% ต่อปี พร้อมกันนี้ เพื่อช่วยส่งเสริมการออมเงินในระยะยาวและให้ผู้ฝากเงินมีรายได้เพิ่มขึ้น ตามทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารจึงเห็นควรปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากขึ้น 0.05% - 0.25% ต่อปี ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2566 เป็นต้นไป” ธนาคารไทยพาณิชย์ตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับลูกค้าของธนาคารจากการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในครั้งนี้ ดังนั้น ธนาคารจึงยังคงมาตรการพิเศษในการช่วยเหลือลูกค้าในด้านต่างๆ ต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ยังเปราะบาง โดยคำนึงถึงศักยภาพและโอกาสในการปรับตัวของลูกค้าในอนาคต สำหรับลูกค้าที่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือหรือคำปรึกษาสามารถติดต่อธนาคารได้ในช่องทางที่ลูกค้าติดต่ออยู่ หรือสามารถสอบถามได้ที่ศูนย์บริการลูกค้า SCB Call Center 02-777-7777

05 Feb 2023

BUSINESS-MARKETING / ธุรกิจ-การตลาด-ขายตรง-SME

...

TDIA จัดงาน TDIA AWARD 2023 เชิดชูเกียรติยศนักธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบการคุณภาพ ลง MOU กับ สคบ. เดินหน้าร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ สร้างอิมแพคการรับรู้ที่ดียกระดับธุรกิจขายตรงในไทย หลังประกาศ Rebrand ครั้งใหญ่ปีที่ผ่านมา หวังปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยและน่าเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้กับสังคมไทย นายพงษ์กฤตย์ องค์ศิริวัฒนา นายกสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย (TDIA) กล่าวภายในงาน TDIA AWARD 2023 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ณ หอประชุมใหญ่ TOT ถนนแจ้งวัฒนะ อาคาร 9 ถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า 21 ปีที่สมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย (TDIA) จับมือกันกับภาครัฐร่วมสร้างกิจกรรมเพื่อนักธุรกิจขายตรงและสังคมไทย ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง นับว่าเป็นการจัดงานใหญ่ครั้งแรกหลังจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในงานมีการมอบรางวัลและเชิดชูเกียรตินักธุรกิจขายตรงคุณภาพและผู้ประกอบการ ที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมขายตรงไทยและเศรษฐกิจของประเทศ  ทั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการส่งเสริม สนับสนุน ผู้ประกอบการขายตรง ผู้จำหน่ายอิสระ นักขายดีเด่นมืออาชีพ และผู้ประกอบการที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยและเศรษฐกิจของประเทศ  ที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการ พร้อมทั้งมีคุณสมบัติครบถ้วนตามข้อกำหนด ในเงื่อนไขในการรับรางวัล  เพื่อเป็นต้นแบบของความสำเร็จ และความภาคภูมิใจให้แก่หน่วยงานที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ นอกจากนี้ ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมปาฐกถาแนวทางการทำงาน สคบ. ปี 2023 และให้ความรู้ป้องกันภัยจากแชร์ลูกโซ่รวมถึง คุณดาลัด  รยะสวัสดิ์  ผู้อำนวยการฝ่ายเผยแพร่วิชาการและพัฒนาเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคและคุณณัชภัทร  ขาวแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายรับเรื่องร้องทุกข์กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรง เสวนาพิเศษภายใต้หัวข้อ “สคบ. กับนโยบายส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมขายตรง และกลยุทธ์การป้องกันประชาชนจากภัยมันนี่เกม”   “สมาคมฯ ต้องการส่งเสริมและปลูกฝังจิตวิญญาณของผู้ประกอบการและนักธุรกิจขายตรงไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เพื่อเป็นการยืนยันได้ว่าผู้บริโภคหรือนักธุรกิจที่อยู่ในเครือข่ายขายตรงดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณและเต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย สมาคมฯ ตระหนักถึงการให้ความรู้กับนักธุรกิจอิสระเป็นอันดับต้นๆ จึงได้มีการจัดงานนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับนักธุรกิจอิสระ ผู้ประกอบการ และประชาชน โดยมีผู้เข้าร่วมงานครั้งนี้ประมาณ 500 คน” สำหรับงาน TDIA AWARD 2023  แบ่งการมอบรางวัลออกเป็น 3 ประเภท   ได้แก่ 1.รางวัลนักขายตรงดีเด่น หรือ TDIA Smart Leadership Award 2. รางวัลผู้นำดาวรุ่งแห่งปี TDIA Rising Star Award 3. องค์กรที่มีผลงานและมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม Smart Performance Company Award โดยผู้ที่ได้รับรางวัลมีดังต่อไปนี้ รางวัลนักขายตรงดีเด่น (TDIA Smart Leadership Award) ได้แก่ 1.คุณเบญญาดา นิธินันทิกร 2.คุณตรีวิทย์ โพธิวงค์ 3.คุณจักรกริช โตกระโทก 4.คุณปวีณรัตน์ กีรติศาสตร์ 5.คุณพิริยาพร สุดทำนอง 6.คุณไตรสิทธิ์ พิริยเมธนนท์ 7.คุณสิทธศาสตร์ ตั้งอยู่ 8.คุณอิสฬ์ วาริยศ 9.คุณถนอมพร ประนะมัง 10.คุณอดิภา บุญประเสริฐ 11.คุณทองจันทร์ สิมมาโคตร 12.คุณพงศ์ณัชฐกรณ์ ผลพูลธนา 13.คุณอัศวพงษ์ กุลบุตร 14.คุณนวลอนงค์ สีทา 15.คุณพูลสุข มูลเอก 16.คุณเสนอ เพชรคงทอง 17.คุณอวิรุทธ์ มูลเอก รางวัลผู้นำดาวรุ่งแห่งปี TDIA Rising Star Award ได้แก่ 1.คุณหนึ่งฤทัย ทาคายานากิ และคุณวีระเดช พลอยจิระชัย 2.คุณฐานิษฐ์ ไพศาลธนธีรกุล 3.คุณศดานันท์ ทองนำ 4.คุณศุภมน ทันใจ 5.คุณไปรยา คมสินธุ์ รางวัลองค์กรที่มีผลงานและมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม Smart Performance Company Award ได้แก่ 1.บริษัท คริสทะไลซ โปรดักซ์ชั่น จำกัด 2.บริษัท เควีบี โกลเบิล จำกัด 3.บริษัท โควิก เคทท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด 4.บริษัท ซิมเปิ้ล ไฟว์ จำกัด 5.บริษัท แน็พ ไบโอเทค จำกัด 6.บริษัท บุญนําพา (ประเทศไทย) จํากัด 7.บริษัท พีเค อินเตอร์เฟรด จำกัด 8.บริษัท พีไฟว์ ชาร์มมิง จำกัด 9.บริษัท โมเดิรน์ คาส อินเตอร์เเนลชั่นแนล คอสเมติคส์ จำกัด 10.บริษัท เวก้า เนเจอรัล จำกัด 11.บริษัท จัมโบ้ เอ 2509 จำกัด และพันธมิตร  นายกสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย (TDIA)  ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่าปัจจุบันสมาคมฯ มีสมาชิกประมาณ 20 บริษัท ที่ผ่านการจดทะเบียนจากสคบ.อย่างถูกต้อง มีแผนการตลาดที่ชัดเจน สินค้าที่มีคุณภาพและตรวจสอบได้ โดยมีเป้าหมายคือการสร้างอุตสาหกรรมขายตรงไทยให้ได้รับการยอมรับ ภายใต้ความรับผิดชอบเพื่อสังคมร่วมกัน ในปีที่ผ่านมาจึงมีการ Rebrand เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยและน่าเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้กับสังคมและสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น และเดินหน้าทำภารกิจต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ “Core Values” หรือ “ค่านิยมหลัก” ได้แก่ 1. TEAM WORK ความสามัคคีของการทำงานเป็นทีม 2.DEVELOPMENT การพัฒนาความรู้และเทคโนโลยีใหม่ในสมาคมฯและสมาชิกสมาคมฯ 3.INTEGRATION เป็นศูนย์กลางในการบูรณาการความรู้ร่วมกันของภาครัฐ สมาชิกสมาคมฯ นักธุรกิจและผู้บริโภค 4. ACCOUNTANT ดำเนินธุรกิจบนความรับผิดชอบและการช่วยเหลือสังคม  และพันธกิจ 3S คือ 1. SUSTAINABLE ตอกย้ำการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนของสมาคมฯ 2. SHARING การแบ่งปันข้อมูลแนวทางปัญหาและการแก้ไขในการดำเนินธุรกิจของสมาชิกในสมาคมฯ 3. SERVICE เป็นศูนย์กลางความช่วยเหลือและประสานงานให้กับทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสมาคมฯ ภาครัฐ และประชาชนทั่วไป “การจัดงาน TDIA AWARD 2023 ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่จะช่วยยกระดับให้กับอุตสาหกรรมขายตรงไทย โดยมีแผนว่าจะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆไป นอกจากนี้สมาคมฯยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์กลางการร่วมมือกับหน่วยงาน ภาครัฐและเอกชน ในการส่งมอบความรู้ที่เป็นประโยชน์ สร้างการตระหนักรู้ ส่งเสริมการสร้างสรรค์อุตสาหกรรมที่ดีต่อไปอย่างยั่งยืน” นายกสมาคมอุตสาหกรรมขายตรงไทย (TDIA)  กล่าวในที่สุด

24 Feb 2023


...

การท่องเที่ยวไต้หวันร่วมกับเคทีซี เปิดตัวแคมเปญ “The Challenge of Unseen Taiwan” นำเสนอการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ใน 4 มิติ ได้แก่ เทศกาล กิจกรรมเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม อาหาร และวัฒนธรรม พร้อมเปิดเส้นทางบินกรุงเทพฯ – เกาสง เมืองทางตอนใต้ที่น้อยคนเคยสัมผัส หวังสิ้นปียอดคนไทยบินไปเยือนไต้หวันไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน มิสซินดี้ เฉิน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า “หลังจากไต้หวันเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมในปี 2565 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปไต้หวันเป็นจำนวนมากกว่า 5 หมื่นคน สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะนโยบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย 14 วัน และขั้นตอนการเข้าไต้หวันที่สะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องยื่นวัคซีนพาสปอร์ตหรือเอกสารอื่นใด เมื่อไต้หวันพร้อมรับนักท่องเที่ยวจึงได้ออกแคมเปญ “The Challenge of Unseen Taiwan” นำเสนอการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ใน 4 มิติ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับนักเดินทาง โดยคาดว่าสิ้นปี 2566 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปไต้หวันไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน” สำหรับ The Challenge of Unseen Taiwan 4 มิติ ประกอบด้วย 1) Unseen Festival: Taiwan Lantern Festival – All Around Taiwan เทศกาลโคมไฟ ซึ่งจะเปลี่ยนเมืองเจ้าภาพและธีมการจัดงานทุกปี แต่ในความเป็นจริง ทุกเมืองทั่วทั้งเกาะไต้หวันจะมีงานแสดงโคมไฟย่อมๆ ของตนเอง ทำให้นักท่องเที่ยวได้ชมบรรยากาศที่แตกต่างออกไป อาทิ งานโคมไฟหลักจัดที่เมืองไทเปกับธีม Light Up the Future ก็ยังมีเทศกาลโคมลอย Pingxi ในเมืองนิว ไทเป 2) Unseen LOHAS (Lifestyles of Health and Sustainability): Cycling in Taiwan ไต้หวันเป็นเมืองที่เป็นมิตรกับผู้ขับขี่จักรยานเป็นอันดับต้นๆ ของโลก มีเส้นทางการปั่นจักรยานตั้งแต่ระดับ Beginner ปั่นชมวิว ไปจนถึงปั่นจักรยานเสือภูเขาแข่งขันระดับนานาชาติ เส้นทางปั่นจักรยานรอบทะเลสาบสุริยันจันทรา ได้รับการจัดอันดับจาก CNN ว่าเป็น 1 ในเส้นทางจักรยานที่สวยที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีเลนจักรยานระยะสั้นในเมือง Puli เส้นทางจักรยานอุโมงค์ต้นไม้ Jiji หรือเส้นทาง Shuili Shui’ an สนุกกับการปั่นจักรยานไล่ตามขบวนรถไฟ 3) Unseen Food: Michelin in Every Part of Taiwan ไต้หวันเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอย่างมาก โดยได้รับรางวัลมิชลินถึง 4 เมืองทั่วเกาะไต้หวัน ได้แก่ ไทเป ไถจง เกาสง และไถหนาน ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่ร้าน Menuless Recipe ชื่อ “จู๋ซินจวี” ในเมืองไถหนาน เป็นร้านอาหารแบบไร้เมนู ระบุแค่งบประมาณและจำนวนคน เชฟจะรังสรรค์เมนูสุดพิเศษให้เอง การันตีด้วยรางวัล Michelin Guide Bib Gourmand เลยทีเดียว 4) Unseen Culture: Discover Temple Tour ไต้หวันมีวัดมากกว่า 12,000 แห่งทั่วเกาะ โดยเฉพาะเมืองทางใต้อย่างเกาสงและไถหนาน แต่ละวัดจะมีองค์เทพเจ้าให้สักการะต่างกันออกไป อาทิ วัด Yanshui Wu Temple ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลจุดประทัดรวงผึ้ง เป็นประเพณีที่ชาวไต้หวันมีความเชื่อว่า ยิ่งจุดประทัดรวงผึ้งให้เยอะและดังมากเท่าใด ก็จะมีความโชคดีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น” “นอกจากนี้ ภาคใต้ของไต้หวันประกอบไปด้วยเมืองเกาสง เจียอี้ ไถหนาน และผิงตง จุดเด่นของภาคใต้อยู่ที่ความสโลวไลฟ์ อากาศที่แจ่มใส (ฝนตกน้อยกว่าทางภาคเหนือ) วัฒนธรรมที่ยังหลงเหลือกลิ่นอายญี่ปุ่นเอาไว้ โดยแต่ละเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เชิงศิลปะ มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสมากมาย โดยปัจจุบันการเดินทางสะดวกขึ้น นักท่องเที่ยวไทยสามารถเลือกเดินทางโดยสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ หรือไทยสไมล์ บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองเกาสงได้เลยทีเดียว” นางสาวพัทธ์ธีรา อนันต์โชติพัชร ผู้บริหารหมวดท่องเที่ยวและ KTC World Travel Service “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เทรนด์การท่องเที่ยวของนักเดินทางปัจจุบันเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว เดินทางเป็นกลุ่มเล็ก เช่นครอบครัว เพื่อน และวางแผนการเดินทางล่วงหน้าน้อยลง เลือกเดินทางท่องเที่ยวเอง และเลือกเดินทางในพื้นที่เปิดโล่ง ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น ซึ่ง 4 แกนท่องเที่ยว Unseen Taiwan ตอบโจทย์อย่างมากโดยเฉพาะ LOHAS การท่องเที่ยวที่ได้ทั้งสุขภาพและอนุรักษ์โลกไปด้วย” “ตั้งแต่ไต้หวันเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีจำนวนสมาชิกที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีที่พันธมิตรสายการบินที่บ่งบอกว่าเป็นการเดินทางไปยังไต้หวันในช่วงไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 118% ส่งผลให้ ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ณ กลุ่มพันธมิตรสายการบินดังกล่าวเติบโตขึ้น 70% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2565 (ก่อนเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว) นอกจากนี้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ไต้หวันในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาก็เติบโต 14 % เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันก่อนช่วงโควิด (2562) บ่งบอกว่าคนไทยยังชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวไปยังไต้หวัน เคทีซีจึงได้ร่วมกับการท่องเที่ยวไต้หวัน 6 พันธมิตรสายการบิน ได้แก่ ไชน่าแอร์ไลน์ / อีว่าแอร์ / สตาร์ลักซ์ / ไทยสมายล์ / ไลอ้อนแอร์ และเวียตเจ็ต รวมถึงบริษัททัวร์ชั้นนำออกแคมเปญพิเศษ “Unseen Taiwan” ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 – 15 สิงหาคม 2566 สมาชิกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 2,200 บาท เมื่อใช้จ่ายผ่านร้านค้าหรือเว็บไซต์พันธมิตรที่ร่วมรายการ โดยมีรายละเอียดสิทธิพิเศษดังนี้ รับเครดิตเงินคืน 200 บาท เมื่อสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีตั้งแต่ 12,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิปกับพันธมิตรที่ร่วมรายการ (จำกัด 1,200 สิทธิ์ที่ลงทะเบียนตามเงื่อนไขที่กำหนด) 1) รับเครดิตเงินคืนเพิ่ม 500 บาท เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซี ยูเนี่ยนเพย์ ทุกประเภท ตั้งแต่ 12,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิปกับพันธมิตรที่ร่วมรายการ 2) รับเครดิตเงินคืนเพิ่มสูงสุด 1,500 บาท เมื่อใช้คะแนน KTC FOREVER จำนวน 9,999 คะแนนแลกรับ (ลงทะเบียนตามเงื่อนไขที่กำหนด) 3) ลุ้นรับตั๋วเครื่องบินเส้นทางกรุงเทพฯ – ไต้หวัน จากสายการบินที่ร่วมรายการ สำหรับสมาชิกผู้มียอดใช้จ่ายสะสมสูงสุดตลอดแคมเปญที่ร้านค้าหรือเว็บไซต์พันธมิตรที่ร่วมรายการ จำนวน 4 รางวัล นางสาวกิจชรัตน์ นทีธำรงสุทธิ์ จากเพจ Ratto Wanderlust หมวยรัตพาเที่ยว พากิน รีวิวเที่ยวไต้หวัน กล่าวว่า “ไต้หวันเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวไทย เนื่องจากเป็นเกาะที่มีสีสัน เที่ยวง่าย ไลฟ์สไตล์และค่าครองชีพใกล้เคียงกับไทย อาทิ วัฒนธรรม อาหาร รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมื่อไต้หวันนำเสนอ Unseen Taiwan ใน 4 มิติ ยิ่งทำให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เป็นที่มาของการจัดเอ็กซ์คลูซีฟทริปร่วมกับ KTC World Travel Service พาสมาชิกไปท่องเที่ยวไต้หวันในแบบที่ยังไม่มีใครเคยสัมผัสมาก่อน อาทิ ทริปสายมู ไหว้พระเพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากวัดที่มีชื่อเสียงในแต่ละด้าน สอดแทรกกับวัฒนธรรมที่มาพร้อม soft power ของไต้หวัน ในเรื่องอาหารและวัฒนธรรมในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร” ยิ่งไปกว่านั้นภายในงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลกครั้งที่ 28 ” หรือ “TITF” ที่กำลังจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 – 19 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บูธการท่องเที่ยวไต้หวัน ได้จัดเตรียมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ พร้อมโปรโมชันมากมาย ได้แก่ รับร่มลาย OhBear หรือการ์ดเปิดขวดลาย Limited Edition เมื่อจองแพ็กเกจทัวร์ไต้หวันกับบริษัททัวร์ที่มาออกบูธในงาน / นักท่องเที่ยวอิสระ (Free Independent Traveler) แสดงหลักฐานการเดินทางไปไต้หวัน (ตั๋วเครื่องบิน + จองที่พัก) แลกรับคูปองผลไม้ และ Voucher MRT Taoyuan to Taipei (1 รอบ) / กิจกรรม DIY อาทิ เพนท์เล็บลาย Exclusive OhBear / พับโคมไฟกระดาษต้อนรับปีกระต่าย / โคมไฟผ้าตามประเพณีไต้หวัน รวมถึงข้อมูลการท่องเที่ยวจากหน่วยงานไต้หวันมากมาย สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี รับคูปองส่วนลดมูลค่า 100 บาทที่บูธการท่องเที่ยวไต้หวัน เพื่อซื้อตั๋วเครื่องบิน แพคเกจทัวร์ท่องเที่ยวไต้หวันในราคาพิเศษ และเมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ทุกๆ 4,000 บาท รับ e-coupon สตาร์บัค มูลค่า 100 บาท สูงสุด 600 บาท ที่บูธสายการบิน และบริษัททัวร์ที่ร่วมรายการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ KTC World Travel Service โทรศัพท์ 02 123 5050 หรือที่เว็บไซต์ www.ktcworld.co.th สมัครบัตรเครดิตได้ที่ศูนย์บริการสมาชิก เคทีซี ทัช ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือคลิกลิงค์ http://bit.ly/apply-ktc  

19 Feb 2023

...

นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  พร้อมด้วยคณะผู้บริหารธนาคาร เข้าพบ นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เพื่ออวยพร และรับคำอวยพร เนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2566 ที่ผ่านมา  รวมถึงหารือแนวทางความร่วมมือในการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยให้ยกระดับสู่มาตรฐานบัญชีเดียว และเข้าถึงแหล่งเงินทุน และบริการด้านงานพัฒนาของ SME D Bank ที่จะช่วยให้เดินหน้าธุรกิจเติบโตสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน ณ กรมสรรพากร เมื่อเร็ว ๆ นี้  

05 Feb 2023

...

นายณัฐสิทธิ์  สุนทราณู  ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ในปีนี้เคทีซีเตรียมรุกตลาดบัตรเครดิต ด้วยกลยุทธ์ Less is More โดยเน้นทำในสิ่งที่สำคัญ เป็นประโยชน์และเป็นความต้องการของสมาชิกอย่างแท้จริง เพื่อให้สมาชิกเกิดความประทับใจและผูกพันกับแบรนด์เคทีซีผ่านประสบการณ์ตรงจากการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ โดยช้อปออนไลน์ถือเป็นหมวดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง แม้เมื่อเกิดวิกฤติจากโควิด-19 เพราะวันนี้ตลาดช้อปออนไลน์สามารถครอบคลุมทุกหมวดสินค้าอย่างไม่มีข้อจำกัด และยังช่วยเพิ่มความสะดวกและลดขั้นตอนบางอย่าง ทำให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้าที่ง่ายขึ้นและปลอดภัยด้วยวิธีการชำระที่เชื่อถือได้ และยังได้รับความคุ้มค่าที่มากกว่าการใช้เงินสด ทั้งคะแนน KTC FOREVER เครดิตวงเงิน การผ่อนชำระ ฯลฯ ส่งผลให้จำนวนกลุ่มนักช้อปออนไลน์ขยายตัวมากขึ้นต่อเนื่อง” “ในไตรมาสแรกนี้ เคทีซีจึงได้ผนึกความคุ้มค่าของคะแนนสะสมเคทีซี ซึ่งสมาชิกให้การตอบรับดีมาโดยตลอด เข้ากับช้อปปี้ (Shopee) อีคอมเมิร์ซยอดนิยมในไทย จัดโครงการให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีสามารถใช้คะแนนผ่านแอปฯ KTC Mobile แลกรับโค้ดส่วนลดจากช้อปปี้ 2 รูปแบบ คือ 1) แลกรับโค้ดส่วนลดสูงสุด Shopee 1,000 บาท เมื่อใช้ 5,999 คะแนน (ปกติ 10,000 คะแนน) และมียอดใช้จ่ายขั้นต่ำ 5,000 บาท หรือรับโค้ดส่วนลด 300 บาท เมื่อใช้ 2,499 คะแนน หรือรับโค้ดส่วนลด 100 บาท เมื่อใช้ 999 คะแนน ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2566 – 30 เมษายน 2566  2) แลกรับโค้ดส่วนลดสูงสุด Shopee 2,000 บาท เมื่อใช้คะแนน 5,999 บาท (ปกติ 20,000 คะแนน) และมียอดใช้จ่ายขั้นต่ำ 9,999 บาท หรือรับโค้ดส่วนลด 500 บาท เมื่อใช้ 1,699 คะแนน (ปกติ 5,000 คะแนน) และมียอดใช้จ่ายขั้นต่ำ 2,500 บาท หรือรับโค้ดส่วนลด 200 บาท เมื่อใช้ 999 คะแนน (ปกติ 2,000 คะแนน) และมียอดใช้จ่ายขั้นต่ำ 500 บาท ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2566 – 31 มกราคม 2566 โดยคาดว่ากิจกรรมการตลาดในครั้งนี้ จะมีสมาชิกมาแลกคะแนนไม่น้อยกว่า 30 ล้านคะแนน ค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมคลิก  https://www.ktc.co.th/promotion/online/shopping/shopee” สนใจสมัครบัตรเครดิตเคทีซีทุกประเภทคลิก https://ktc.today/apply-card  หรือติดต่อ KTC Phone โทร. 0-2123-5000 หรือศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ

29 Jan 2023

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เดินหน้าภารกิจธนาคารเพื่อพัฒนาเอสเอ็มอีไทย จัดโปรแกรมพัฒนา รับเปิดศักราชใหม่  ตลอดเดือนมกราคม 2566 สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย เข้าถึงแหล่งทุน เสริมสภาพคล่อง ยกระดับธุรกิจ ขยายตลาด เพิ่มยอดขาย ขับเคลื่อนกิจการสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 1. ของขวัญปีใหม่ “3 แพคเกจส่งสุขจากใจ” รับสิทธิได้ตลอดเดือน ม.ค.66  ตามเงื่อนไขธนาคาร ได้แก่  ผ่อนดี มีรางวัล รับบัตรกำนัลมูลค่า 300 บาท, เติมทุน รับฟรีบัตรเติมน้ำมัน มูลค่าสูงสุด 5,000 บาท และช้อปปิ้งของดี มีโปรโมชั่นจากสุดยอดเอสเอ็มอีทั่วไทย กว่า 300 ราย ผ่าน E-book ที่เว็บไซต์ www.smebank.co.th 2. “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 4 ภาคตะวันออก วันที่ 20-22 ม.ค.66 ณ บูธของ SME D Bank ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านสวน จ.ชลบุรี 3. “เติมทุนหนุน SMEs พัฒนาอย่างยั่งยืน” Speed Up To The Next งานสัมมนาสร้างความเข้มแข็ง SMEs ไทย วันที่ 25 ม.ค. 66 เวลา 09.00-15.30 น. ณ ห้องแก้ววิเชียร ชั้น 11 อาคาร SME Bank Tower 4. “SME D Success (ปั้นดาว)” กิจกรรม Work shop นำสินค้าเข้าสมัครรับการคัดเลือกกับฝ่ายจัดซื้อ CP ALL โดยความร่วมมือระหว่าง SME D Bank กับ บริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) หรือ CP ALL วันที่ 27 ม.ค.66 13.30 -16.30 น. ณ Co-Working Space ชั้น1 อาคาร SME D Bank Tower 5. “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 5 ภาคใต้ วันที่ 27-29 ม.ค.66 ณ บูธของ SME D Bank หอประชุมมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา 6. “E-learning SME D Academy” หลักสูตรเติมความรู้ครบวงจร เรียนรู้ได้เองตลอด 24 ชม. ที่เว็บไซต์ wdev.smebank.co.th ทั้งนี้ ทุกกิจกรรมเข้าร่วมได้ฟรี รวมถึง SME D Bank พร้อมให้บริการที่ปรึกษาธุรกิจในโครงการ SME D Coach แนะนำทั้งความรู้ยกระดับธุรกิจครบวงจรและเตรียมพร้อมเข้าถึงแหล่งทุน สมัครเข้าร่วมกิจกรรม หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายพัฒนาและสนับสนุนผู้ประกอบการ โทร.02-265-3775, 02-265-4100 หรือ Call Center 1357  

07 Jan 2023

...

นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุดสายงานการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) นำทีมคณะผู้บริหารและพนักงานเคทีซีร่วมกิจกรรม “KTC ZARA Day” ชวนพนักงานร่วมถ่ายภาพแฟชั่นโดยช่างภาพมืออาชีพ และโพสต์รูปผ่านช่องทาง Social Media ของพนักงาน เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์แคมเปญเอ็กซ์คลูซีฟโปรโมชันระหว่างเคทีซีและแบรนด์ในเครือ ZARA ตลอดทั้งปี เพียงสมาชิกช้อปผ่านบัตรเครดิตเคทีซีครบ 5,000 บาทขึ้นไปต่อเซลส์สลิปที่แบรนด์ในเครือ ZARA รับเครดิตเงินคืน 5% โดยไม่ต้องลงทะเบียน และไม่ต้องใช้คะแนน (จำกัดเครดิตเงินคืนสูงสุด 500 บาทต่อเซลส์สลิป) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 - วันที่ 31 ธันวาคม 2566 แบรนด์ในเครือ ZARA ประกอบด้วย ZARA (ซาร่า) / ZARA Home (ซาร่า โฮม) / Massimo Dutti (มาสสิโม ดุตติ) / Ted Baker (เท็ด เบเกอร์) / Bershka (เบอร์ช์ก้า) / Pull & Bear (พูลแอนด์แบร์) และ OYSHO (ออยโซ่) กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นที่สำนักงานเคทีซี อาคารสมัชชาวาณิช 2 ต้นซอยสุขุมวิท โดยมีพนักงานเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 150 คน และร่วมใจโพสต์ข้อความประชาสัมพันธ์บนช่องทาง Social Media อย่างคับคั่ง

27 Dec 2022

...

เคทีซีชี้ธุรกิจบริการร้านค้ารับบัตรเครดิตเติบโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจพื้นตัว เร่งพัฒนาระบบบริการรับบัตรหลัก เพื่อเพิ่มโอกาสและสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่ต้องการระบบรับชำระที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ในยุคดิจิทัล ชูจุดแข็งที่่ระบบเสถียร ปลอดภัย เงินเข้าบัญชีไว ใส่ใจ 24 ชั่วโมง คาดสิ้นปี 2565 ยอดรับบัตรเครดิตโต 20% ตามเป้า   นางสาวเนาวรัตน์ กีรติเกษมสุข ผู้บริหารสูงสุด สายงานบริหารร้านค้าสมาชิก “เคทีซี” หรือ บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธุรกิจร้านค้ารับบัตรเครดิตเคทีซี (Merchant Acquiring) ในปีนี้ (มกราคม –พฤศจิกายน 2565) มีปริมาณยอดรับบัตรเพิ่มขึ้น 19.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยสถานการณ์โควิด – 19 เป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้จ่ายผ่านการชำระเงินในรูปแบบสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) มากขึ้น ทั้งช่องทางหน้าร้าน (Offline) และร้านค้าออนไลน์ (Online) โดยเราเห็นเทรนด์การเติบโตต่อเนื่องของทั้งสองช่องทางนี้ ดังนั้นหากร้านค้าสามารถปรับตัวหรือเปิดให้บริการควบคู่ทั้ง Online และ Offline (omni channel) จะยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี และคาดว่าในไตรมาสที่ 4 จะมียอดรับบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นช่วงฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยในเทศกาลพิเศษต่างๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อร้านค้า และสะท้อนผลมายังเคทีซีให้สามารถเติบโตตามเป้าหมาย 20% ในสิ้นปี 2565” “เคทีซีจึงได้ศึกษาและพัฒนาบริการร้านค้ารับบัตรเครดิตอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวก และช่วยผู้ประกอบการร้านค้าเพิ่มศักยภาพและโอกาสในการขายสินค้าและบริการผ่านระบบบริการร้านค้ารับบัตร 6 ประเภท ดังนี้  1. บริการเครื่องรูดบัตร EDC (Electronic Data Capture) เพียงแตะบัตรจ่าย (Contactless) นอกจากการเสียบบัตรกับเครื่อง  ทั้งสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยได้มาตรฐานสากลรองรับการชำระเงินได้ทั้งบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของทุกธนาคาร และล่าสุดรองรับการชำระด้วย Google Pay ในเครื่องเดียว สามารถชำระได้ทั้งรูดเต็มจำนวน และบริการผ่อนชำระ (สำหรับบัตรเครดิตเคทีซี) พร้อมรองรับบัตรได้หลายสกุลเงิน DCC (Dynamic Currency Conversion) แปลงสกุลจากเงินบาทเป็นสกุลเงินของประเทศผู้ออกบัตรได้ทั่วโลกถึง 30 สกุลเงิน  อีกทั้งยังรองรับระบบแลกซื้อสินค้า และบริการแลกคะแนนสะสม KTC FOREVER พิเศษ สำหรับร้านค้าที่สมัครใช้บริการกับเคทีซี ฟรีค่าประกันเครื่อง ติดตั้งเครื่องและกระดาษเซลสลิป   2. บริการ KTC Payment Gateway ระบบการรับชำระค่าสินค้าและบริการออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการชำระเงินทั้งบัตรเครดิต วีซ่า มาสเตอร์การ์ด เจซีบี ยูเนี่ยนเพย์ และบัตรเดบิต เพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าและชำระเงินบนเว็บไซต์ของร้านค้าได้สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย 3.บริการรับชำระผ่านลิงค์เพย์ (LINK PAY)  ระบบการชำระเงินที่ร้านค้าสามารถสร้างลิงค์การรับชำระเงินด้วยลิงค์ (LINK) หรือ คิวอาร์โค้ด (QR Code) และส่งให้กับลูกค้าเพื่อชำระเงินด้วยบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ผ่านช่องทางที่ร้านค้าติดต่อกับลูกค้า อาทิ โซเชียลมีเดีย และอีเมล  โดย LINK PAY จะมีอายุการใช้งาน 24 ชั่วโมง รองรับบริการรูดเต็มจำนวน และผ่อนชำระ (สำหรับบัตรเครดิตเคทีซี) บริการรับชำระผ่าน LINK PAY  มีความปลอดภัยสูงตามมาตรฐานสากล และมีรหัสยืนยันการทำธุรกรรมออนไลน์แบบใช้ครั้งเดียว OTP (One Time Password) และร้านค้าสามารถตรวจสอบผลการทำรายการแบบเรียลไทม์ผ่านระบบออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 4. KTC QR Pay บริการรับชำระค่าสินค้าบริการด้วยบัตรเครดิต หรือพร้อมเพย์ (PromptPay) เพียงลูกค้าสแกนคิวอาร์โค้ด (QR Code) ผ่านสมาร์ทโฟน ก็สามารถทำธุรกรรมจ่ายเงินได้ง่าย สะดวกสบาย ปลอดภัย ที่สำคัญร้านค้าไม่ต้องวิ่งหาเงินทอน ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าบริการเครื่องรูดบัตร (EDC) ซึ่งบริการ QR Pay กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพียงร้านค้าตั้งป้าย QR Code หรือสร้าง QR Code ผ่านโมบายแอปพลิเคชัน “KTC Merchant” ก็สามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว 5. KTC Recurring บริการเรียกเก็บเงินอัตโนมัติผ่านบัญชีบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต เพื่อให้ร้านค้าเรียกเก็บเงินค่าบริการจากผู้ถือบัตรได้ตามระยะเวลาที่กำหนด เหมาะกับการหักค่าบริการรายเดือนหรือรายงวดตามที่ร้านค้ากำหนด อาทิ ค่าสาธารณูปโภค ค่าโทรศัพท์ ค่าธรรมเนียมสมาชิก ค่าเบี้ยประกัน เงินบริจาคการกุศล ค่าส่วนกลางของอาคารที่อยู่อาศัย 6.บริการอาลีเพย์ (Alipay) ในเครือของ Alibaba ที่อำนวยความสะดวกให้กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวในไทย หรือชาวจีนที่อาศัยในไทย และมีบัญชี Alipay สามารถชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ผ่านทางแอปพลิเคชัน Alipay ที่ร้านค้า ใช้งานง่าย ทันสมัย สะดวกและปลอดภัย อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสในการโฆษณาร้านค้าให้เป็นที่รู้จักบนแอปพลิเคชัน Alipay พร้อมมีเนวิเกเตอร์ช่วยให้ผู้ใช้บริการอาลีเพย์ค้นหาที่ตั้งร้านค้าได้ง่ายขึ้น”   นายธานี นาคเกยูร ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายสรรหาและบริหารร้านค้าสมาชิกออนไลน์ “เคทีซี” หรือ บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ปัจจุบันเทคโนโลยีการชำระเงินออนไลน์สะดวกและมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบมากขึ้น อีกทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ซื้อของออนไลน์ก็เปลี่ยนไป โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดธุรกรรมมาจากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ผู้ประกอบการร้านค้าจึงควรมองหาช่องทางการชำระเงินออนไลน์ที่เหมาะสมและมีทางเลือกให้กับผู้บริโภค บริการ KTC Payment Gateway เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถเติมเต็มและตอบโจทย์พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไปจนถึงผู้ประกอบการขนาดใหญ่ได้ ด้วย 3 จุดแข็งหลัก (3S) ที่ทำให้พันธมิตรร้านค้าหลายแห่งเลือกใช้บริการคือ Service การบริการที่ตอบโจทย์ร้านค้า เงินเข้าบัญชีเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม ภายใน 1 วัน พร้อมบริการ 24 ชั่วโมง ครอบคลุม 7 วัน (24 x7) เป็นเรื่องสำคัญที่สุดสำหรับร้านค้าออนไลน์ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการให้คำแนะนำกรณีร้านค้าจะมีการขยายธุรกิจ อาทิ เปิดเว็บไซต์ใหม่ เป็นต้น Stability ความเสถียรเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อการทำธุรกรรมออนไลน์ หากระบบไม่เสถียรย่อมส่งผลกระทบต่อการซื้อขายของร้านค้าทันที เคทีซีจึงมีการลงทุนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับร้านค้าและผู้บริโภค Secure ความปลอดภัย คือหัวใจสำคัญของการให้บริการทางการเงินที่เคทีซีคำนึงถึงเป็นอันดับแรก เพื่อให้ทั้งร้านค้าและลูกค้าวางใจได้ว่าทุกธุรกรรมจะปลอดภัยด้วยมาตรฐานสากล ซึ่งเคทีซีได้รับการรองรับจากหลายสถาบันทั้ง Card scheme, ISO รวมถึงมาตรฐาน PCIDSS ที่เป็นมาตรฐานสูงสุดของการจัดเก็บข้อมูลที่ใช้กันในอุตสาหกรรมบัตรเครดิต” “เคทีซียังมีทีมงานบริการหลังการขายคอยช่วยเหลือร้านค้าและให้คำแนะนำด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีทีม Fraud & Prevention ที่คอยมอนิเตอร์เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับร้านค้าและเพื่อความปลอดภัยในการทำธุรกรรมของลูกค้า สำหรับร้านค้าที่สนใจใช้บริการธุรกิจร้านค้ารับบัตรเครดิตเคทีซี (Merchant Acquiring) สามารถสมัครได้ที่ www.ktc.co.th/merchant หรือ ติดต่อ Call Center ธุรกิจร้านค้า KTC โทร.0-2123-5700 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง”  

15 Dec 2022

ราชการ - รัฐวิสาหกิจ / ENERGY - พลังงาน

...

กบข. จัดส่งใบแจ้งยอดเงินประจำปีให้กับสมาชิก และเปิดให้สมาชิกดาวน์โหลด e-Statement แล้ว พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ประจำปีกับกรมสรรพากร เพิ่มความสะดวกให้แก่สมาชิก ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ได้ดำเนินการจัดส่งเอกสารใบแจ้งยอดเงินสมาชิกประจำปี 2565 ให้กับสมาชิกทั่วประเทศแล้ว ทั้งในรูปแบบเอกสารผ่านหน่วยงานต้นสังกัด และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Statement) ตามที่อยู่อีเมลของสมาชิกที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับ e-Statement ไว้ โดยใบแจ้งยอดเงินสมาชิกจะแสดงข้อมูลรายละเอียดยอดเงิน ณ วันสิ้นปี 2565 ทั้งเงินสะสมที่สมาชิกนำส่ง เงินที่รัฐสมทบให้ และผลตอบแทนที่ กบข. นำเงินสะสมของสมาชิกและเงินสมทบไปลงทุน ซึ่งจะแจกแจงตามประเภทของเงินและตามแผนการลงทุน ซึ่งจะทำให้ได้รับทราบความเคลื่อนไหวของเงินในบัญชี พร้อมทั้งมีเอกสารใบประมาณการเงิน กบข. เมื่อเกษียณอายุราชการ ซึ่งเป็นการประมาณการจากพฤติกรรมการออมและการลงทุนปัจจุบันของสมาชิก เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกเห็นความสำคัญของการวางแผนเพื่อการเกษียณ และสามารถทดลองเปรียบเทียบคู่แฝดสมมติของตนเองได้ที่เมนู My GPF & My GPF Twins ที่แอป กบข. นอกจากนี้ กบข. ได้เชื่อมโยงข้อมูลการนำส่งเงินสะสมเข้ากองทุนกับทางกรมสรรพากร เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิก เมื่อยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ จะแสดงข้อมูลเงินสะสม กบข. อัตโนมัติ โดยสมาชิกจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในส่วนของยอดเงินสะสมระหว่างปี 2565 ซึ่งเมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท   ทั้งนี้ กบข. ยังได้เปิดให้บริการดาวน์โหลด e-Statement ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ดังนี้ 1. My GPF Application ที่เมนู “ดาวน์โหลด e-Statement” 2. My GPF Website ที่เมนู “บัญชีของฉัน” และเลือก “ดาวน์โหลด e-Statement” และ 3. LINE กบข. @gpfcommunity เข้าผ่านสมาร์ตโฟน ที่เมนู “ดูใบแจ้งยอดเงินปีล่าสุด” ในเมนูหน้าแชท ซึ่งสมาชิกจะได้รับใบแจ้งยอดเงินเป็นไฟล์สกุล .pdf ที่มีรหัสผ่าน เป็นวันเดือนปี พ.ศ. เกิดของสมาชิก ดร. ศรีกัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า กบข. ขอเชิญชวนให้สมาชิกลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอรับ e-Statement เพื่อช่วยลดการตัดต้นไม้ ลดการใช้กระดาษ มีส่วนช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิด “GPF Save Paper” และยังได้รับ e-Statement ก่อนการรับเอกสารผ่านหน่วยงานต้นสังกัดด้วย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook กบข. หรือ LINE กบข. @gpfcommunity หรือศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร 1179

27 Jan 2023


...

ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่องการดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการกับหน่วยงานและสถาบันการเงินต่าง ๆ รวม 13 แห่ง โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีลงนาม ณ กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2566 โดย กบข. จะให้การสนับสนุนข้อมูล พร้อมเผยแพร่ความรู้ด้านการเงินและการลงทุนแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพร้อมทั้งบูรณาการประสานความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในโครงการ เพื่อส่งเสริมให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างเป็นระบบต่อไป    

08 Jan 2023

...

กบข. ภาคภูมิใจได้รับ 2 รางวัล รางวัลรัฐบาลดิจิทัล 4 ปีซ้อน และรางวัลหน่วยงานคุณภาพด้านการใช้ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ พร้อมมุ่พัฒนายกระดับบริการดิจิทัล กบข. ให้ครอบคลุมทุกความต้องการของสมาชิก ตามนโยบายของรัฐบาล Thailand 4.0 ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ได้รับรางวัลรัฐบาลดิจิทัล ประจำปี 2565 (Digital Government Awards 2022) หน่วยงานที่มีการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลในระดับสูง จากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จัดโดย สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ณ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ซึ่ง กบข. ได้รับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยในปีนี้มีหน่วยงานยื่นเข้าร่วมการสำรวจระดับความพร้อมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของหน่วยงานทั่วประเทศทั้งสิ้น 1,889 หน่วยงาน นอกจากนี้ กบข. ยังได้รับรางวัลหน่วยงานคุณภาพด้านการใช้ธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ (Data Governance) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ซึ่ง กบข. ได้ดำเนินงานตามนโยบายการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐในรูปแบบดิจิทัลผ่านศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ (Data.go.th) และได้เผยแพร่ข้อมูลมูลค่าหน่วยลงทุนของทุกแผนการลงทุน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ อัตราผลตอบแทน บนเว็บไซต์ กบข. www.gpf.or.th เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลให้สมาชิกและประชาชนทั่วไปสามารถสืบค้นได้ กบข. มุ่งพัฒนาต่อยอดการให้บริการสมาชิกผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกและยกระดับการให้บริการสมาชิกครอบคลุมทุกความต้องการตั้งแต่วันที่เข้ารับราชการ จนถึงวันที่เกษียณอายุราชการหรือพ้นสมาชิกภาพ ตลอดจนดูแลสมาชิกที่ใช้บริการออมต่อกับ กบข. เมื่อออกจากราชการ ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน กบข. “My GPF Application” ซึ่งมีจำนวนสมาชิกใช้บริการแอปพลิเคชันกว่า 1.1 ล้านครั้งต่อปี สำหรับในอนาคต กบข. เตรียมเปิดให้บริการแบบจำลองคู่แฝดการบริหารเงิน (Digital Twins) เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้สมาชิกสามารถบริหารเงินได้อย่างเข้าใจ ผ่านการจำลองเลือกแผนการลงทุนและสัดส่วนเงินออม ตลอดจนประมาณการยอดเงินในอนาคต ให้สอดคล้องกับเป้าหมายหลังเกษียณของสมาชิก  

05 Dec 2022

...

กบข. พร้อมด้วย Shopee, LINE MAN Wongnai และ Minor Food ร่วมกันคัดสรรสิทธิประโยชน์ เพื่อมอบให้แก่ข้าราชการตำรวจ บน “แทนใจ” แอปพลิเคชันสวัสดิการตำรวจ มุ่งหวังพัฒนาคุณภาพชีวิตตำรวจไทย ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. มีส่วนร่วมในการยกระดับคุณภาพชีวิตของสมาชิก กบข. ที่เป็นข้าราชการตำรวจ ด้วยการเชื่อมต่อระหว่าง My GPF Application ของ กบข. และ แทนใจ แอปพลิเคชันสวัสดิการตำรวจ เพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้เข้าถึงบริการของ กบข. ได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น โดย กบข. ได้พัฒนาระบบเพื่อเชื่อมต่อข้อมูล เมื่อข้าราชการตำรวจที่เป็นสมาชิก กบข. เข้าใช้งานแอปพลิเคชันแทนใจ สามารถคลิกเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน กบข. “My GPF Application” ได้อัตโนมัติ และเป็นการเพิ่มช่องทางการดูยอดเงินบัญชีของสมาชิก นอกจากนี้ กบข. ยังได้คัดสรรสิทธิประโยชน์สำหรับข้าราชการตำรวจที่เป็นสมาชิก กบข. ทั้งประกันอุบัติเหตุฟรีจากทิพยประกันภัย ส่วนลดค่าน้ำมันจากปั๊ม PT ส่วนลดค่าสินค้าจากร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และ เทสโก้ โลตัส เป็นต้น พร้อมทั้งได้เพิ่มช่องทางการเรียนรู้ให้กับข้าราชการตำรวจในการบริหารเงินเพื่อการเกษียณและการบริหารจัดการหนี้ พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งสำคัญกับ 4 องค์กรใหญ่ นำโดย กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) , Shopee, LINE MAN Wongnai และ Minor Food เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่ร่วมพัฒนากับแอปพลิเคชัน แทนใจ (Tanjai) เวอร์ชั่น 2.0 เพื่อมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สนับสนุนการเข้าถึงสิทธิประโยชน์แก่บุคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบสิทธิประโยชน์ในการซื้อสินค้าและบริการผ่านแพลตฟอร์มชั้นนำ ได้แก่ ช้อปปี้ (Shopee) และ LINE MAN Wongnai รวมถึง การให้ผู้ใช้สามารถใช้สิทธิประโยชน์ ของ กบข. และ Minor Food Group ผ่านแอปพลิเคชันแทนใจ ซึ่งล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมคุณภาพชีวิตในการปฏิบัติงานของข้าราชการตำรวจให้ดีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม แอปพลิเคชัน แทนใจ (Tanjai) เวอร์ชั่น 2.0 ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพ เตรียมปล่อยให้บุคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัพเดท ในช่วงสิ้นเดือนกันยายน 2565 ทั้งทาง App Store และ Play Store ด้าน ดร.ศรุต วานิชพันธุ์ ผู้อำนวยการ Sea (ประเทศไทย) กล่าวว่า การร่วมมือกับแอปพลิเคชั่นแทนใจ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นสิ่งที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก โดยทาง ช้อปปี้ (Shopee) จะนำส่วนลดสินค้าและบริการต่างๆ มาให้กับข้าราชการตำรวจ นอกจากนี้ ยังร่วมสนับสนุนด้านความรู้และการพัฒนาทักษะดิจิทัลที่เป็นประโยชน์ให้กับครอบครัวข้าราชการตำรวจผ่านหลักสูตร Shopee Bootcamp ที่จะสอนการจัดการร้านค้าบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ (Shopee) อีกด้วย ซึ่งการเปิดตัวฟีเจอร์ดังกล่าว จะช่วยให้บุคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์และส่วนลดพิเศษในการซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ ไม่ว่าจะเป็น Shopee, ShopeeFood และ Shopee e-Service เป็นต้น โดยจะปรากฏอยู่ในหน้าสิทธิสวัสดิการของแอปพลิเคชัน แทนใจ ที่ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนใช้งานแล้วกว่า 200,000 คน นายอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ รองประธาน ฝ่าย Public Affairs ของ LINE MAN Wongnai กล่าวว่า ทาง LINE MAN มีความยินดีที่จะได้ร่วมมือกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในปัจจุบันนี้ Line Man มีให้บริการครบ 77 จังหวัดแล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ผ่านการใช้สิทธิประโยชน์ของ LINE MAN ผ่านแอปพลิเคชั่น แทนใจ และในอนาคตทาง LINE MAN จะนำบริการซื้อของ, บริการแมสเซนเจอร์ และบริการแท็กซี่ เข้ามาช่วยสนับสนุนกิจกรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป การร่วมมือกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ LINE MAN จะช่วยให้บุคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ในการซื้ออาหารบนแพลตฟอร์ม LINE MAN และบริการอื่นอีกมากมายของ LINE MAN เพื่อมุ่งหวังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชน ขณะที่ นางนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ (The Coffee Club) ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในการเริ่มต้นความร่วมมือครั้งนี้ ทางไมเนอร์ ฟู้ด มีแบรนด์ เดอะ คอฟฟี่ คลับ ที่เรายินดีที่จะมอบสิทธิประโยชน์ให้กับบุคลากรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถใช้บริการได้ที่ เดอะ คอฟฟี่ คลับ ทั่วประเทศ  

02 Oct 2022

...

ธ.ก.ส. มอบนโยบายสาขาในพื้นที่เร่งช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วมจากพายุโนรู จัดถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อน สำรวจข้อมูลความเสียหาย พร้อมเตรียมสินเชื่อดอกเบี้ย 0% 6 เดือน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉินและสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต วงเงิน 12,000 ล้านบาท นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากอิทธิพลพายุโนรู ทำให้เกิดวิกฤติน้ำท่วมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือและกำลังขยายมาในพื้นที่ภาคกลางส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตร ซึ่ง ธ.ก.ส.ได้เร่งดำเนินมาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรลูกค้า โดยมอบหมายให้พนักงานในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยออกเยี่ยมเยียนให้กำลังใจลูกค้าและนำถุงยังชีพไปมอบเพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้น รวมถึงสำรวจข้อมูลความเสียหายและผลกระทบจากอุทกภัย โดยกรอบการดำเนินงานที่จะเข้าไปดูแลกรณีได้รับความเสียหาย ธ.ก.ส. จะผ่อนผันการชำระหนี้ออกไปไม่เกิน 12 เดือน โดยไม่คิดดอกเบี้ยปรับ และสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2565 เมื่อดำเนินการสำรวจพื้นที่การเกษตรแล้วพบว่า มีความเสียหายเป็นไปตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ ธ.ก.ส. จะเร่งประสานงานส่วนงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ชดเชยความเสียหายโดยเร็วต่อไป นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังพร้อมสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค่าใช้จ่ายจำเป็นฉุกเฉิน เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% 6 เดือน เดือนที่ 7 คิดอัตราดอกเบี้ย MRR คือ 6.50% วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท และสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2 (ปัจจุบัน MRR = 6.50) จึงขอให้เกษตรกรอย่ากังวลในช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดย ธ.ก.ส. พร้อมเข้าไปดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และขอให้โปรดระมัดระวังมิจฉาชีพที่มักจะใช้โอกาสจากความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรเข้ามาหลอกลวง โดยแอบอ้างใช้สัญลักษณ์โลโก้  ธ.ก.ส. เพื่อสร้างความเข้าใจผิด ให้เข้ามากู้เงิน หรือหลอกให้โอนค่าธรรมเนียม เพื่อแลกกับการใช้บริการสินเชื่อ หรือโอนค่าประกันภัยจาก ธ.ก.ส. ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ไม่มีนโยบายจ่ายสินเชื่อผ่านสื่อโซเซียลหรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ  ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอสินเชื่อได้ที่ ธ.ก.ส. สาขาในพื้นที่เท่านั้นหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Call Center 02 555 0555    

02 Oct 2022

...

กบข. จับมือ สตช. ลงนาม MOU เชื่อมต่อแอปพลิเคชั่นระหว่างหน่วยงาน เพื่อขยายการเข้าถึงข้าราชการตำรวจ ที่เป็นสมาชิก กบข. เพิ่มมากขึ้น หวังยกระดับความมั่นคงทางการเงิน ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันว่าด้วยการเชื่อมต่อ “Tanjai Application” กับ “My GPF Application” โดยมีพลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ลงนาม ซึ่งการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้เข้าถึงบริการของ กบข. ได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น และ กบข. ได้พัฒนาระบบเพื่อเชื่อมต่อข้อมูล เมื่อข้าราชการตำรวจที่เป็นสมาชิก กบข. เข้าใช้งานแอปพลิเคชันสวัสดิการตำรวจ “Tanjai Application” สามารถคลิกเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน กบข. “My GPF Application” ได้อัตโนมัติ ทั้งนี้ กบข. หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้ข้าราชการตำรวจเข้าถึงข้อมูลและบริการต่าง ๆ ของ กบข. เพิ่มมากขึ้น และสามารถสร้างประโยชน์ให้กับข้าราชการตำรวจ ซึ่งปัจจุบันข้าราชการตำรวจที่เป็นสมาชิก กบข. มีจำนวน 1.6 แสนราย แต่มีการเข้าถึงบริการของ กบข. อยู่ที่ 58% ซึ่งความร่วมมือนี้จะเป็นการเพิ่มช่องทางในการดูยอดเงินในบัญชีสมาชิก ซึ่งระบบจะเชื่อมต่อตรงมายัง My GPF Application การรับสิทธิพิเศษส่วนลดร้านค้าต่าง ๆ มากมาย พิเศษเฉพาะสมาชิก กบข. ที่สามารถกดรับสิทธิพิเศษได้ทันทีบน Tanjai Application และยังสามารถเข้าเรียนในหลักสูตร GPF e-Learning เพื่อเสริมทักษะและเพิ่มความรู้ด้านการเงินการลงทุน นอกจากนี้ จะมีการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่สำคัญของ กบข. ให้ข้าราชการตำรวจได้รับทราบผ่านช่องทาง Tanjai Application ด้วย พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในยุคที่ข่าวสารเผยแพร่ไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งอาจเกิดความเข้าใจที่ผิดพลาดจากการส่งต่อข่าวสารที่ไม่เป็นความจริง ทำให้ข้าราชการตำรวจหลายนายเกิดความเข้าใจผิดในเรื่องของสิทธิและสวัสดิการของตนเอง เพื่อให้การสื่อสารข้อมูลภายในองค์กรมีความรวดเร็วและความถูกต้อง จึงเป็นที่มาของการพัฒนาแอปพลิเคชันแทนใจ และปัจจุบันกำลังเข้าสู่การพัฒนาในเวอร์ชัน 2.0 ที่มีฟีเจอร์ใหม่ ๆ หลายด้าน โดยสิ่งที่สำนักงานตำรจแห่งชาติ พยายามแก้ไขปัญหาให้กับข้าราชการตำรวจ คือ เรื่องหนี้สิน ซึ่ง กบข. เป็นหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุน มีการทำสื่อการเรียนรู้เผยแพร่เรื่องการวางแผนการเงิน การออม รวมถึงการลงทุน และ กบข. ได้ให้ความสำคัญกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีการนำสิทธิประโยชน์และสวัสดิการต่าง ๆ ความรู้การวางแผนด้านการเงินผ่าน GPF e-learning มอบให้แก่ข้าราชการตำรวจผ่านช่องทาง Tanjai Application เพื่อช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ  ดังที่กล่าวมา นอกจากนี้ กบข. และ สตช. ยังได้ร่วมกันจัดโครงการนำร่องส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงินของสมาชิก กบข. ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นที่ปรึกษาโครงการ เพื่อส่งเสริมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงินของสมาชิก กบข. โดยเฉพาะข้าราชการตำรวจ เพื่อให้สมาชิกเข้าใจถึงหลักการออมเงินและการบริหารจัดการการเงินของตนเอง ให้มีความมั่นคง ทั้งในช่วงอายุที่ยังมีรายได้ และเมื่อก้าวเข้าสู่ชีวิตวัยเกษียณในอนาคต

01 Oct 2022

...

ธ.ก.ส. เสริมแกร่ง Smart Farmer และผู้ประกอบการหัวขบวน เน้นเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตและลดต้นทุนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ควบคู่กับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้หลัก BCG พร้อมเติมทุนต่อยอดธุรกิจสู่มาตรฐานระดับสากลผ่านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน วงเงินรวมกว่า 1.5 แสนล้าน ทั้งสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย อัตราดอกเบี้ย 0.01 ต่อปี สินเชื่อเสริมแกร่ง SMEs เกษตร และสินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ร้อยละ 4 ต่อปี นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่เยี่ยมชมงานกลุ่มทักษิณ ปาล์ม ซึ่งดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มครบวงจร ตั้งแต่ต้นกล้าปาล์มจนถึงโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ มีการนำระบบบริหารที่ลดปริมาณของเสีย (Zero Waste) และส่งเสริมการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีคณะผู้บริหารและเกษตรกรสมาชิก ให้การต้อนรับ ณ บริษัท ทักษิณ ปาล์ม (2521) จำกัด ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ได้ส่งผลกระทบ ทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมที่ต้องพึ่งพาปัจจัยในการเติบโตจากสภาพอากาศ ธ.ก.ส. ตระหนักถึงความสำคัญในปัญหาดังกล่าว และพร้อมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาศักยภาพลูกค้า โดยร่วมกับภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา เข้าไปเติมองค์ความรู้ ทั้งในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าผลผลิตให้ได้คุณภาพมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้จัดเตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อหลากหลายเพื่อให้ผู้ประกอบการได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ได้แก่ สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ที่เน้นสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้านและกลุ่มเกษตรกรในการขับเคลื่อนชุมชนให้เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกร เพื่อต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้ ยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ผ่านการแปรรูปผลผลิต วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี และมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการ SME เกษตรหัวขบวนและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Smart Farmer) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยี และเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ที่มีใจรักอาชีพเกษตรกรรม รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่พร้อมนำความรู้และประสบการณ์กลับไปพัฒนาและต่อยอดธุรกิจที่บ้านเกิดผ่านสินเชื่อเสริมแกร่ง SME เกษตร สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพและสินเชื่อนวัตกรรมดีมีเงินทุน อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 4 ต่อปี วงเงินรวม 90,000 ล้านบาท เป็นต้น นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการดำเนินงานและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้หลัก BCG ด้วยการทำเกษตรแบบอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย  การใช้พลังงานทางเลือกหรือพลังงานสะอาด รวมถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการส่งเสริมและสนับสนุนสินเชื่อสีเขียว (Green Credit) วงเงิน 15,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MRR – (0.5 – 1) ต่อปี เป็นต้น สำหรับกลุ่มทักษิณ ปาล์ม เป็นผู้ประกอบการหัวขบวนในโครงการการพัฒนาเกษตรแม่นยำสู่ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่ประกอบธุรกิจน้ำมันปาล์มครบวงจร โดยยึดหลักการตลาดนำการผลิต มีการจำหน่ายต้นกล้าปาล์มหลากหลายสายพันธุ์ อาทิ พันธุ์ดามี พันธุ์ไนจีเรียแบล็ค  พันธุ์โกลเด้นเทอเนอร่า และพันธุ์ลาเม่ จนถึงการสกัดน้ำมันปาล์มดิบเพื่อจำหน่ายในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องสำอาง และการใช้ผลิตเป็นเชื้อเพลิง เป็นจุดรับซื้อปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรในราคาสูงกว่าตลาดเพื่อนำไปสกัดและจำหน่าย ซึ่งหลังจากกระบวนการสกัดน้ำมันแล้ว มีการนำเศษวัสดุที่เหลือจากการผลิตมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งถือเป็นการลดปริมาณของเสีย (Zero Waste) และส่งเสริมการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตและเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการ นอกจากนั้น ยังเป็นหัวขบวนที่ขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนด้วยการสนับสนุนการรวมกลุ่มในรูปแบบของเกษตรแปลงใหญ่และบริหารจัดการแผนการผลิตที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาด ทำให้เกษตรกรมีตลาดรองรับในการจำหน่ายผลผลิต มีรายได้เพิ่มมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังจัดหาและจำหน่ายปุ๋ยให้กับเกษตรกรในราคาต้นทุน ควบคู่กับการส่งเสริมความรู้ในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในกระบวนการผลิต เพื่อนำไปสู่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตไปสู่วิถีเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย เพื่อช่วยลดปัญหาโลกร้อนและสร้างความยั่งยืนให้กับภาคเกษตรกรรมของไทย

03 Sep 2022

SOCIETY - CSR / ภาพข่าว-กิจกรรมเพื่อสังคม

...

  เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางพันทิพา ขัดงาม (กลาง) ผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทนประกันชีวิตภาค 3 และนางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เป็นตัวแทนมอบเงินบริจาคจำนวน 1,000,000 บาท แก่มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ภายใต้โครงการ "เอไอเอ เพื่อก้าวใหม่ ชีวิตใหม่ – AIA New Leg New Life" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 โดยมีนายแพทย์วิรัช พันธ์พานิช (ที่ 4 จากขวา) รองเลขาธิการมูลนิธิขาเทียมฝ่ายบริหาร เป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อร่วมสนับสนุนมูลนิธิขาเทียมฯ สำหรับใช้จัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ในการผลิตขาเทียมให้แก่ผู้พิการยากไร้ทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาเอไอเอ ประเทศไทย ได้ร่วมมือกับมูลนิธิขาเทียมฯ มอบขาเทียมให้ผู้พิการที่ต้องการขาเทียมไปแล้วกว่า 5,000 ข้าง นับเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและมอบโอกาสให้ประชาชนผู้พิการทางขาได้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ รวมถึงประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลและตอบแทนสังคมไทย และสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา 'Healthier, Longer, Better Lives' ณ โครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 161 จังหวัดราชบุรี

24 Mar 2023


...

  นายพิเชฐ เชาวน์ศิริ ที่ปรึกษาด้านกฏหมาย เป็นผู้แทนบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) บริจาคเงินจำนวน 20,000 บาท แก่ฮัจยีประดิษฐ มิ่งสมร อิหม่ามประจำมัสยิดดารุ้ลมู่ฮาญีรีน (ห้วยขวาง) เพื่อร่วมสนับสนุนการจัดเลี้ยงอาหารในช่วงเดือนรอมฎอน ฮ.ศ. 1444 (ละศีลอด) และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชนพื้นที่ใกล้เคียงบริษัทฯ ณ อาคารไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่  

24 Mar 2023

...

นายไชย ไชยวรรณ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) มอบเงินจำนวน 600,000 บาท แก่ ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก ด้านค้นคว้าและอบรมโรคติดเชื้อไวรัสสัตว์สู่คน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานเผยแพร่ความรู้และข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพของเว็บไซต์ www.trceid.org ต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 ณ อาคารไทยประกันชีวิต สำนักงานใหญ่  

07 Mar 2023

...

บทพิสูจน์ความสำเร็จของการเดินทางสู่ความเป็นเศรษฐีอย่างยั่งยืน ตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเรื่องที่เป็นไปได้จริงด้วยการปฏิบัติตามทฤษฎีใหม่ 3 ขั้น ซึ่งการสร้างสมดุลให้ชีวิตไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การพออยู่พอกิน หากแต่มุ่งสู่การสร้างความยั่งยืนด้วยการพัฒนาชุมชนสร้างให้เกิดความแข็งแรง จนขยายตัวไปจนถึงการเชื่อมโยงกับองค์กรใหญ่ เพื่อสร้างให้เกิดธุรกิจที่ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น  โครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา เป็นโครงการที่ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน  โดยเน้นกลุ่มเป้าหมาย ผู้บริหารโรงเรียน ครูอาจารย์ ตลอดจนหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่สนใจ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  ด้วยการลงมือทำกิจกรรมในห้องเรียนที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีอยู่ถึง 5,151 โครงการในพระราชดำริทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา ครั้งที่ 26 พาผู้บริหารโรงเรียน ครูอาจารย์ ร่วมศึกษาโมเดลความสำเร็จของเกษตรกร ที่สร้างตัวอย่างอย่างยั่งยืน  ณ โครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  ที่ทรงให้แนวทางโดยยึดหลัก “บวร” และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่เพื่อให้ราษฎรได้อยู่อาศัยและทำกินกับธรรมชาติอย่างเกื้อหนุนกันสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและจัดระเบียบชุมชน การพัฒนาด้านสังคม ขยายต่อเนื่องไปจนถึงงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ที่ส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบผสมผสาน มีการปลูกพืชหลายชนิด มีการเลี้ยงสัตว์  เกิดการรวมกลุ่มอาชีพต่างๆ การจัดหาอาชีพเสริมให้กับกลุ่มชาวบ้านเพื่อขยายการเรียนรู้ รวมถึงการช่วยกันฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของทฤษฎีใหม่ 3 ขั้น  โครงการ ฯ พาไปเยี่ยมชมและศึกษาโมเดลความสำเร็จของไร่นาสวนผสมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนายชรินทร์ กลั่นแฮม   ที่ยึดหลักการพัฒนาตามแนวทางของโครงการห้วยองคตอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นการบูรณาการของภูมิปัญญาชาวบ้านกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ พัฒนาที่ดินทำกินให้มีความอุดมสมบูรณ์จนมีความเหมาะสมสำหรับการ “ปลูกพืชทุกชนิดที่กิน กินพืชทุกชนิดที่ปลูก”   และสามารถขายผลผลิตจากการทำไร่นาสวนผสม ช่วยให้เลี้ยงตัวและครอบครัวได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และมีเหลือเก็บสำหรับอนาคตจนเป็นเศรษฐีได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ กิจกรรมการลงพื้นที่ปลูกต้นมะลิ จำนวน 399 ต้น ณ ศูนย์บริการการพัฒนาสวนไม้ดอกหอมไทย มูลนิธิชัยพัฒนา เป็นกิจกรรมที่ครูอาจารย์ได้ลงมือปลูกร่วมกันเพื่อน้อมถวายและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง   พร้อมทั้งเข้าร่วมกิจกรรม Mind Spa เปิดหัวใจสู่การเรียนรู้  รับฟังบรรยายจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ดร. ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี รศ. นพ. สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)   และร่วมกิจกรรม Workshop ถอดรหัสนวัตกรรมศาสตร์พระราชา เรียนรู้นวัตกรรมสื่อการสอนสำหรับเยาวชนในศตวรรษที่ 21 Interactive Board Game เพื่อนำไปพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้สำหรับเยาวชนคนรุ่นใหม่และการพัฒนานวัตกรรมแบบก้าวกระโดดสำหรับองค์กรต่อไป     นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ความภาคภูมิใจในโครงการทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา คือการที่เราได้เห็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์จากผู้เข้าร่วมกิจกรรม และนำไปต่อยอดขยายผลให้เกิดประโยชน์โดยรวมต่อสังคม   ซึ่งในการทำกิจกรรมครั้งนี้ เป็นการเยี่ยมชมและศึกษาโครงการของภาคเอกชนที่ประสบความสำเร็จ จากการน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ ของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจพัฒนาให้เกิดการเรียนรู้และความเข้าใจในเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถสร้างให้เกิดธุรกิจที่ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นบทพิสูจน์ของหลักการ “ทฤษฎีใหม่ 3 ขั้น” ที่สร้างความเป็นเศรษฐีได้อย่างยั่งยืน ดร. ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี กล่าวว่า  “การได้ลงพื้นที่เยี่ยมโครงการในพระราชดำริ ที่มีถึง 5,151 โครงการทั่วประเทศ  ช่วยเปิดโลกกว้างให้เราได้เรียนรู้จากห้องเรียนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ช่วยให้เราได้พัฒนาความรู้ และได้พัฒนาความคิด  Growth Mindset ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับการเริ่มต้นพัฒนาตนเองโดยการเรียนรู้และฝึกฝนด้วยความพยายามไม่ยอมแพ้แม้ท่ามกลางอุปสรรค  อีกทั้งเป็นการเรียนรู้เพื่อสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นกับวิถีชีวิตถือเป็นแนวทางในการเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน 17 ข้อขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN SDGs ภายในปี 2030  ดังนั้นสร้างความเข้าใจในปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถ่องแท้ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่จะช่วยให้คนไทยได้เข้าใจวิถีความยั่งยืนและนำพาให้พึ่งพาตนเองได้” โครงการ ทิพยสืบสาน รักษา ต่อยอด นวัตกรรมศาสตร์พระราชา  จัดโดย ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด สำนักโครงการและจัดการความรู้ (OKMD)  มูลนิธิธรรมดี  กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ สมาคมนักเรียนเก่า AFS ประเทศไทย คุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเยี่ยมเยือนโครงการในพระราชดำริ และช่วยส่งเสริมให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้างมากขึ้น สำหรับผู้บริหารสถานศึกษาผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐและเอกชนได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และถอดรหัสพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ ๙  ในการทรงงานเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของพสกนิกรให้มีความสุขและมีความเป็นอยู่ที่ดี อีกทั้งยังเพื่อสนองตามพระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ “เราจะสืบสาน รักษา ต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”      

07 Mar 2023

...

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย ดร.สุธี โมกขะเวส กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รับรางวัล “Most Sustainable Insurance Service Provider” จากงานประกาศรางวัล The Global Economics Awards 2022 โดยนิตยสาร The Global Economics ประเทศอังกฤษ เป็นรางวัลที่มอบให้แก่องค์กรในฐานะเป็นบริษัทประกันชีวิตของไทย ที่มีความแข็งแกร่งทั้งทางด้านการเงิน การบริการและภาพลักษณ์ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล และระบบการบริหารความเสี่ยง ระดับมาตรฐานสากล มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการที่เหมาะสม ในการสร้างความมั่นคงทางการเงิน และเติมเต็มชีวิตของลูกค้าได้อย่างสมบูรณ์ตลอดช่วงชีวิต ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในระยะยาว พร้อมทั้งมุ่งมั่นที่จะส่งมอบความสุขแก่ลูกค้า พนักงานพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ถือหุ้น และสังคม

06 Mar 2023

...

นางสาวปวีณา จูชวน (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เป็นผู้แทนบริษัทฯ มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวสาธารณรัฐตุรกีและสาธารณรัฐอาหรับซีเรีย จำนวน 500,000 บาท (ห้าแสนบาทถ้วน) ให้แก่ นางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย (ซ้าย) รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือผ่านสภาเสี้ยววงเดือนแดงตุรกีและสภาเสี้ยววงเดือนแดงอาหรับซีเรีย ในฐานะสมาชิกขบวนการกาชาดระหว่างประเทศ (RCRC Movement) ที่มีบทบาทด้านมนุษยธรรมช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ ณ ห้องรับรอง ชั้น 1 ตึกอำนวยนรธรรม สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวสาธารณรัฐตุรกีและสาธารณรัฐอาหรับซีเรีย สามารถร่วมบริจาคเงินผ่านบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย ชื่อบัญชี สภากาชาดไทย เพื่อภัยพิบัติ เลขที่บัญชี 045–3–04637-0

27 Feb 2023

...

มร.โอลิเวอร์ เบเทอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอลิอันซ์ กล่าวว่า “อลิอันซ์จะบริจาคเงินจำนวน 6 ล้านยูโร เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับเพื่อนร่วมงานและลูกค้าของเรา รวมถึงบุคคลที่พวกเขารักซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวในตุรกีและซีเรีย​ เงินบริจาคของเรายังแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในความสามารถของทั้ง 2 ประเทศที่จะสามารถลุกขึ้นยืนและเติบโตต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง เราชาวอลิอันซ์ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลกพร้อมที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในครั้งนี้” อลิอันซ์ส่งเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือจำนวน 1 ล้านยูโร ผ่านความร่วมมือจาก Allianz Türkiye, Allianz Partners และ Allianz Trade ในตุรกีเพื่อสนับสนุนกองทุนพิเศษที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยตรง ความช่วยเหลือในครั้งแรกถูกใช้ไปแล้ว  500,000 ยูโร เพื่อสมทบทุนในการค้นหา ไปจนถึงการหาที่พักอาศัยให้ ความช่วยเหลือด้านการย้ายถิ่นฐาน และการมอบของใช้จำเป็นอื่นๆ  อลิอันซ์ ยังได้เตรียมเงินบริจาคสูงสุดถึง 1 ล้านยูโรเพื่อสมทบเท่ากับเงินบริจาคของพนักงาน โดยแคมเปญที่จัดขึ้นเป็นการภายในนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว ทั้งนี้ บริษัทมีพนักงานมากกว่า 2,000 คนที่ประจำการอยู่ที่ตุรกี และโปรแกรม Employee Assistance ที่ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือผู้ร่วมงานทุกคนทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง กำลังให้ความช่วยเหลือผู้ร่วมงานของเราที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในครั้งนี้ มร.เซอมา บอชนาโกวา หนึ่งในบอร์ดบริหารของ Allianz SE กล่าวว่า “ในขณะที่เหตุแผ่นดินไหวยังคงส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง สิ่งเดียวที่เราควรทำในตอนนี้คือการให้ความช่วยเหลือในทันที ทั้งการสนับสนุนด้านการเงินและการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผ่านเครือข่ายต่างๆที่เรามี อลิอันซ์มีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับตุรกีและชุมชนที่นั่นมานานกว่าหนึ่งศตวรรษ เราจะทำอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความปลอดภัยและให้การสนับสนุนลูกค้าและเพื่อนร่วมงานของเราในพื้นที่” มร.โทกา เกอร์คาน ซีอีโอของ Allianz Türkiye กล่าวว่า "เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับเครือข่ายของเรา ซึ่งรวมถึงกับเพื่อนร่วมทีมใน Allianz Türkiye Allianz Partners และ Allianz Trade และกับหน่วยงานของรัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน เทศบาล และสมาคมทางการแพทย์ เราจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกันและกลับมาใหม่อย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม”

26 Feb 2023

Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  เอไอเอ ประเทศไทย นำโดย นางพันทิพา ขัดงาม (กลาง) ผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทนประกันชีวิตภาค 3 และนางสาวรพีพร วงศ์ทองคำ (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์ เป็นตัวแทนมอบเงินบริจาคจำนวน 1,000,000 บาท แก่มูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ภายใต้โครงการ "เอไอเอ เพื่อก้าวใหม่ ชีวิตใหม่ – AIA New Leg New Life" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 โดยมีนายแพทย์วิรัช พันธ์พานิช (ที่ 4 จากขวา) รองเลขาธิการมูลนิธิขาเทียมฝ่ายบริหาร เป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อร่วมสนับสนุนมูลนิธิขาเทียมฯ สำหรับใช้จัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ในการผลิตขาเทียมให้แก่ผู้พิการยากไร้ทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาเอไอเอ ประเทศไทย ได้ร่วมมือกับมูลนิธิขาเทียมฯ มอบขาเทียมให้ผู้พิการที่ต้องการขาเทียมไปแล้วกว่า 5,000 ข้าง นับเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและมอบโอกาสให้ประชาชนผู้พิการทางขาได้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ รวมถึงประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ ทั้งนี้ เอไอเอ ประเทศไทย พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลและตอบแทนสังคมไทย และสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา 'Healthier, Longer, Better Lives' ณ โครงการออกหน่วยทำขาเทียมพระราชทานเคลื่อนที่ ครั้งที่ 161 จังหวัดราชบุรี

24 Mar 2023

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ด้วยปัจจุบันมีลูกค้าและประชาชนจำนวนมากที่ประสบภัยถูกมิจฉาชีพล่อลวงด้วยวิธีการต่าง ๆ เป็นเหตุให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น เพื่อเป็นการดูแลลูกค้าและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ประสบเหตุ ธนาคารออมสินจึงเปิดศูนย์รับแจ้งเหตุภัยมิจฉาชีพทางการเงิน ทาง GSB Contact Center โทร. 1115 กด 6 โดยลูกค้าธนาคารออมสินที่ประสบเหตุ พบธุรกรรมที่ผิดปกติ หรือสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงจากการถูกล่อลวงและอาจสูญเสียเงินจากบัญชีธนาคารออมสิน สามารถติดต่อแจ้งเหตุที่ศูนย์ฯ ดังกล่าวได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ธนาคารขอย้ำเตือนลูกค้าและประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังอย่าหลงเชื่อหรือเผลอกดลิงก์ใด ๆ โดยธนาคารไม่มีการส่ง SMS ไปยังโทรศัพท์มือถือของลูกค้าชวนให้กดลิงก์ที่แนบไปพร้อมกับข้อความ หากลูกค้าได้รับข้อความ SMS หรือรับสายโทรศัพท์อ้างว่าติดต่อจากธนาคารออมสิน หรือ ได้รับข้อความทางโซเชียลมีเดียเชิญชวนให้แจ้งข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ธนาคารขอความร่วมมือโปรดตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อความก่อนทุกครั้ง โดยปัจจุบัน ช่องทางสื่อสารหลักของธนาคารออมสิน ได้แก่ www.gsb.or.th facebook : GSB Society LINE : GSB Society และ LINE : GSB Now รวมถึง GSB Contact Center โทร.1115  

06 Mar 2023

...

กบข. แจ้งเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพแอบอ้างใช้ชื่อ “กบข.” “ตราสัญลักษณ์” “ภาพผู้บริหาร” ชักชวนลงทุนโดยมีการประกันผลตอบแทนผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ย้ำ กบข. ไม่มีนโยบายเชิญชวนสมาชิกลงทุนผ่านช่องทางส่วนบุคคล นอกเหนือจากการเลือกแผนการลงทุนตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ซึ่งเงินสะสมของสมาชิกจะถูกหักจากบัญชีเงินเดือนและนำส่ง กบข. โดยเจ้าหน้าที่การเงินของหน่วยงานสมาชิกเท่านั้น ไม่มีการให้สมาชิกโอนเงินเข้าบัญชีด้วยตนเอง ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ได้รับแจ้งว่ามีมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นผู้บริหาร กบข. เชิญชวนให้เข้ากลุ่มไลน์ เพื่อหลอกลวงให้ร่วมลงทุน โดยมีพฤติกรรมสร้างบัญชีไลน์ ใช้ชื่อและรูปของผู้บริหาร กบข. เพื่อให้เข้าใจว่า กบข. เป็นผู้ชักชวน หลังจากนั้นได้ส่งข้อความหาสมาชิก กบข. และกระตุ้นให้เข้าร่วมกลุ่มไลน์และให้โอนเงินประกันผลตอบแทนเข้าระบบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอ้างว่าเป็นการทำภารกิจเพื่อให้ได้ผลกำไร พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำของมิจฉาชีพ ที่ทำให้สมาชิกต้องสูญเสียทรัพย์สินและเกิดความเสียหาย กบข. ขอชี้แจงว่า กบข. ไม่มีนโยบายเชิญชวนให้สมาชิกลงทุนผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น LINE Facebook หรือช่องทางส่วนบุคคล นอกเหนือจากการเลือกแผนการลงทุนตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น ซึ่งเงินสะสมของสมาชิกจะถูกหักจากบัญชีเงินเดือนและนำส่ง กบข. โดยเจ้าหน้าที่การเงินของหน่วยงานสมาชิกเท่านั้น ไม่มีการให้สมาชิกโอนเงินเข้าบัญชีด้วยตนเอง และขอแจ้งเตือนไปยังสมาชิกและประชาชนทั่วไปให้ใช้ความระมัดระวังไม่หลงเชื่อคำเชิญชวนต่าง ๆ หรือการติดต่อแอบอ้างจากช่องทางอื่น ๆ ที่ใช้ชื่อ “กบข.” “ตราสัญลักษณ์” หรือ “ภาพผู้บริหาร กบข.” ที่ไม่ใช่ช่องทางการสื่อสารหลักของ กบข. หากพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าว หรือโฆษณาชักชวนลงทุนที่ผิดสังเกตสามารถแจ้งมาได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก โทร. 1179 Facebook page กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่มีเครื่องหมายถูกสีฟ้าหลังชื่อเพจเพื่อยืนยันบัญชีทางการ หรือ LINE Official Account ไอดีไลน์ @gpfcommunity มีเครื่องหมายโล่สีเขียวหน้าชื่อบัญชี เพื่อยืนยันบัญชีทางการ ทั้งนี้ กบข. กำลังรวบรวมหลักฐาน และส่งเรื่องจากผู้เสียหายที่มีหลักฐานครบถ้วนถึงการกระทำผิดที่เกี่ยวกับ กบข. ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด  

26 Feb 2023

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 ได้ผ่อนคลายลง  ส่งผลให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจดีขึ้นและกลับมามีกิจกรรมทางธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว  มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว สามารถดำเนินกิจการและให้บริการอย่างราบรื่น คล่องตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทุนหรือสภาพคล่อง ธนาคารออมสินจึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม และ Supply Chain ของโรงแรม ร้านอาหาร และกลุ่มผู้ประกอบการที่มีเอกลักษณ์หรืออัตลักษณ์ของท้องถิ่น ใช้บริการสินเชื่อ Soft Loan Re-Open อัตราดอกเบี้ยต่ำมาก 1.99% คงที่ 2 ปีแรก และสวนกระแสของภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นในขณะนี้  โดยสามารถรับข้อเสนอและเงื่อนไขพิเศษได้ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th หรือที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2566 นี้เท่านั้น สินเชื่อ Soft Loan Re-Open เปิดให้กู้เพื่อนำเงินไปปรับปรุง ซ่อมแซมสถานประกอบการ จัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการกลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง โดยผู้กู้ต้องเป็นผู้ประกอบการที่เป็นบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลที่มีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นเกินร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน วงเงินกู้ต่อรายสูงสุดถึง 5 ล้านบาท และมีระยะเวลากู้ได้นาน 10 ปี สามารถใช้หลักทรัพย์ หรือ บสย. อย่างใดอย่างหนึ่งในการค้ำประกันได้เต็มวงเงินกู้ หรือจะเลือกใช้ทั้งหลักทรัพย์และ บสย. ร่วมกันค้ำประกันก็ได้ คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 ปีแรก เพียง 1.99% ต่อปี โดยปีที่ 3-10 คิดอัตราดอกเบี้ยตามประเภทหลักทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกัน และได้รับสิทธิพิเศษปลอดชำระเงินต้นเป็นเวลานานสูงสุดถึง 2 ปี ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB SME Call Center โทร. 02-2998899, GSB Contact Center โทร. 1115 และที่ facebook : GSB Society โดยธนาคารออมสินไม่มีนโยบายเชิญชวนให้ยื่นกู้ทางโซเชียลมีเดียหรือลิงก์ส่งทาง SMS แต่อย่างใด

25 Feb 2023

Banner Banner Banner Banner Banner

Banner
    ปี 2566 “ประกันภัย-การเงิน-สินเชื่อ” ยังคงมาแรง ธุรกิจที่ยังต้องรอรัฐบาลฟื้นฟู “ขายตรง-อสังหาฯ-SME”    หลังจากที่ประเทศไทยเริ่มผ่อนคลายจากไวรัสโควิด-19 ในปี 2566 ธุรกิจประกันภัย-การเงิน-สินเชื่อ ยังคงเป็นธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่องในปี 2566 เพราะในช่วงวิกฤตโควิด ธุรกิจทั้ง 3 สาขาแม้จะได้รับผลกระทบ แต่ก็ยังยืนยงอยู่รอดปลอดภัย และเป็นธุรกิจที่ยังน่าสนใจลงทุนเป็นอันดับต้น ๆ ของธุรกิจในประเทศไทย และในต่างประเทศ ตราบใดที่ระบบสาธารณสุข และรัฐสวัสดิการของประเทศไทย ยังเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้  ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในสองสิ่งนี้ การประกันชีวิตและการประกันภัยจึงยังเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากสำหรับคนไทย ที่อยากซื้อความคุ้มครองซื้ออนาคต และอยากมีสวัสดิการที่ขาดหายไปจากภาครัฐ ส่วนธุรกิจการเงินและธุรกิจสินเชื่อนั้น นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ตราบใดที่ประเทศไทยยังอยู่กับคำว่า “รวยเป็นกระจุก จนเป็นกระจาย” คนไทยยังต้องหวังพึ่งพาเงินในอนาคต เพื่อมาอุปโภคบริโภค ตราบนั้นทั้งธุรกิจการเงิน และสินเชื่อ ก็ยิ่งจะมีความสำคัญ เป็นธุรกิจที่เล็งเห็นกำไรและการเติบโต และน่าลงทุนมากขึ้นตามไปด้วย นี่คือธุรกิจยอดเยี่ยมในปี 2566 ที่ผมขอยกให้เป็นธุรกิจที่น่าลงทุน และน่าเข้าไปเกี่ยวข้อง สำหรับธุรกิจที่ยังต้องเร่งฟื้นฟู คือ ธุรกิจขายตรง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจSME ที่ยังคงสะบักสะบอมมาตั้งแต่ก่อนยุคโควิด-19 มาถึงวันนี้ก็ยังนิ่ง ๆ อยู่ ก็คงต้องรอให้รัฐบาลชุดใหม่มาบูรณะ คงต้องรอดูฝีมือของทีมงานเศรษฐกิจชุดใหม่ ที่ต้องทำงานได้ดีกว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันหลายเท่าตัวในการกอบกู้ธุรกิจไทย  และ 3 สาขาธุรกิจที่ยังคงรอให้รัฐบาลชุดใหม่มาเร่งฟื้นฟูในปี 2566 นี้  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner