Responsive image

Sunday, 29 Jun 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


เอไอเอ ประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” ปีที่ 3 เชิดชูเกียรติแก่โรงเรียนที่ชนะจากทั่วประเทศ

Sun 29/06/2568


เอไอเอ ประเทศไทย จัดพิธีมอบรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” ปีที่ 3 เพื่อเชิดชูเกียรติแก่โรงเรียนที่ชนะเลิศในโครงการรวมทั้งสิ้น 27 โรงเรียน จากทั้งหมดกว่า 130 โรงเรียนทั่วประเทศที่ส่งผลงานเข้ามาประกวด  ซึ่งในปีนี้มีโรงเรียนสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนมากกว่า 1,100 โรงเรียน อีกทั้งยังได้นำสื่อการเรียนการสอนของโครงการไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียน รวมถึงบุคลากรในโรงเรียนและชุมชนโดยรอบ ส่งผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนทั้งในด้านสุขภาพกาย สุขภาพใจ โภชนาการ และการพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดความยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโรงเรียนในไทยที่ยอดเยี่ยมทัดเทียมระดับนานาชาติ ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอ ที่ต้องการสนับสนุนเยาวชนและผู้คนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกว่าพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ขึ้น ตามพันธกิจ AIA One Billion และเดินตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’  

ภายในงานได้รับเกียรติจากหน่วยงานผู้ร่วมสนับสนุนโครงการฯ  มาร่วมแสดงความยินดีแก่โรงเรียนที่ชนะ นำโดย ดร.เกศี จันทราประภาวัฒน์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ดร. จักกนิตต์ คณานุรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการพัฒนากำลังคนดิจิทัล และ นางสาวอรอนงค์ อุทารเวสารัช นักวิชาการศึกษาชำนาญการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โดยพิธีมอบรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 3” จัดขึ้น ณ SF World Cinema, CentralWorld

ดร.เกศี จันทราประภาวัฒน์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “ดิฉันรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นภาคเอกชนอย่าง เอไอเอ ประเทศไทย ให้ความสำคัญในการพัฒนาเยาวชนไทย ผ่านการจัดโครงการ สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools’ อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อส่งเสริมและปลูกฝังพฤติกรรมที่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพกายและใจของเยาวชนไทยอย่างแท้จริง โครงการนี้ไม่เพียงแค่สอดคล้องกับนโยบายเป้าหมายทางการศึกษาภายในประเทศของกรุงเทพมหานครและกระทรวงศึกษาธิการ แต่ยังส่งเสริมแนวคิดที่เป็นระบบเกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี รวมทั้งช่วยสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้กับเยาวชน และดิฉันเชื่อว่าความร่วมมือของภาคเอกชนที่ส่งเสริมด้านสุขภาพและการศึกษาแบบนี้ จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืนต่อเยาวชนของประเทศชาติได้อย่างแน่นอน”

 

นายนิคฮิล แอดวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “ผมขอแสดงความยินดีและขอชื่นชมอย่างยิ่งกับทุกโรงเรียนที่ได้รับรางวัลสุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools’ ในปีนี้ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มีโรงเรียนจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการกับเราเป็นจำนวนมากขึ้นทุกปี โดยปีนี้มีโรงเรียนมากถึง 1,100 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ และหลาย ๆ โรงเรียนได้แสดงให้เราเห็นถึงความตั้งใจและความคิดริเริ่มโครงการต่าง ๆ ที่มุ่งส่งเสริมและผลักดันเยาวชนให้มีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างจริงจัง โครงการนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเอไอเอ ในการสนับสนุนเยาวชน พัฒนาโรงเรียน และส่งเสริมความยั่งยืนแก่ชุมชนของเรา แต่ยังสะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของระบบการศึกษาของประเทศไทย

“สำหรับรางวัลที่เอไอเอได้มอบให้แก่โรงเรียนที่ชนะเลิศในโครงการตลอด 2 ปีที่ผ่านมา รวมเป็นมูลค่าแล้วกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งแต่ละโรงเรียนได้นำไปพัฒนาในด้านต่าง ๆ เช่น สร้างห้องคอมพิวเตอร์ ปรับปรุงโรงอาหาร สร้างห้องน้ำ และทำสวนผักเพื่อรับประทานในโรงเรียนและเผื่อแผ่ถึงชุมชน ซึ่งเอไอเอ รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้มีส่วนสนับสนุนสุขภาพและชีวิตดีขึ้นให้แก่เยาวชน และเราจะยังคงเดินหน้าส่งเสริมสุขภาพในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านโภชนาการ การใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง การมีสุขภาพใจที่ดี และการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน ตลอดทั้งมอบความรู้ผ่านสื่อการสอนให้แก่นักเรียน คุณครู และผู้ปกครอง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนรุ่นต่อไป ภายใต้โครงการสุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” นายนิคฮิล กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับรายชื่อโรงเรียนที่ได้รับรางวัล ‘สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools’ ปีที่ 3 ได้แก่

  • โรงเรียนบ้านจันทัย จังหวัดอุบลราชธานี ชนะเลิศการแข่งขันโครงการสุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 3 ในระดับประถมศึกษา จากโครงการ “ฮีโร่น้อยแข็งแรงฮักแพงโลกเรา” ที่ริเริ่มขึ้นในปี 2567 เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมนักเรียนในด้านการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การทำกิจกรรมกระฉับกระเฉง การมีสุขภาพใจที่ดี รวมไปถึงการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนโดยผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย โดยโรงเรียนได้นำศิลปะการร่ายรำที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติไทยมาผสมผสานกับวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมฝึกปฏิบัติให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน เช่น กิจกรรมฮีโร่สายฟ้ากิจกรรมเซียมซีอาหารหลัก 5 หมู่ และกิจกรรมขยะแปลงร่างสร้างสมาธิ และยังมีกิจกรรมที่ช่วยในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับโรงเรียนอื่นอีกด้วย

 

  • รางวัลชนะเลิศโครงการสุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี ระดับชั้นมัธยมศึกษา รับรางวัลมูลค่า 350,000 บาท ได้แก่

  • โรงเรียนเทศบาล 1 กิตติขจร จังหวัดตาก ชนะเลิศการแข่งขันโครงการสุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 3 ในระดับมัธยมศึกษา คว้ารางวัลชนะเลิศ 3 ปีซ้อน จากการที่โรงเรียนใช้แนวทางและสื่อการเรียนรู้ของทางโครงการอย่างต่อเนื่อง และยังคงมุ่งพัฒนาสุขภาพของนักเรียนและบุคลากร สนับสนุนการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้มีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งยังส่งเสริมการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โรงเรียนได้ริเริ่มโครงการ "3 Fingers to Save the World" เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากไฟป่า โดยใช้แนวคิดจากโครงการ AIA Healthiest Schools สานต่อโครงการ Care & Share Delivery เมื่อปีที่แล้ว โดยได้ให้ความรู้ด้านสุขภาพแก่นักเรียนและถ่ายทอดไปยังครอบครัว

 

  • รางวัลดีเด่นในแต่ละด้าน รับรางวัลมูลค่า 75,000 บาท ต่อโรงเรียน จำนวน 4 โรงเรียน ได้แก่
  1. โรงเรียนบ้านห้วยกล้า จังหวัดเชียงราย ได้รับรางวัลดีเด่นด้านการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
  2. โรงเรียนบ้านหนองคู จังหวัดศรีสะเกษ ได้รางวัลดีเด่นด้านการใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง
  3. โรงเรียนบ้านฟ้า จังหวัดน่าน ได้รับรางวัลดีเด่นด้านการมีสุขภาพใจที่ดี
  4. โรงเรียนบ้านปัว จังหวัดพะเยา ได้รับรางวัลดีเด่นด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน
  1. โรงเรียนบ้านค้างปินใจ จังหวัดแพร่
  2. โรงเรียนบ้านปล้องใต้ จังหวัดเชียงราย
  3. โรงเรียนวัดหนองปาตอง จังหวัดฉะเชิงเทรา
  4. โรงเรียนวัดแสนภุมราวาส จังหวัดฉะเชิงเทรา
  5. โรงเรียนวัดชัยชนะสงคราม (วัดตึก) จังหวัดกรุงเทพมหานคร
  6. โรงเรียนวัดช่างเหล็ก จังหวัดกรุงเทพมหานคร
  7. โรงเรียนวัดโพธิธรรมาราม จังหวัดสงขลา
  8. โรงเรียนบ้านหนองกุลา จังหวัดพิษณุโลก
  9. โรงเรียนคลองมะขามเทศ จังหวัดกรุงเทพมหานคร
  10. โรงเรียนบ้านโคกสามัคคี จังหวัดสระแก้ว
  11. โรงเรียนบ้านป่าไม้สหกรณ์ จังหวัดบุรีรัมย์
  12. โรงเรียนดรุณวิทยา จังหวัดน่าน
  13. โรงเรียนอนุบาลบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
  14. โรงเรียนวัดภูมิบรรพต จังหวัดกระบี่
  15. โรงเรียนวัดจรเข้ตาย จังหวัดฉะเชิงเทรา

  • รางวัลโครงการสุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี ระดับชั้นมัธยมศึกษายอดเยี่ยม รับรางวัลมูลค่า 50,000 บาท จำนวน 5 โรงเรียน ได้แก่
  1. โรงเรียนวัดจันทร์ตะวันออก จังหวัดพิษณุโลก
  2. โรงเรียนบ้านห้วยน้ำเย็น จังหวัดเชียงราย
  3. โรงเรียนท่าศาลาประสิทธิ์ศึกษา จังหวัดนครศรีธรรมราช
  4. โรงเรียนจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
  5. โรงเรียนพานพิทยาคม จังหวัดเชียงราย
  • รางวัลพิเศษสำหรับการใช้พื้นที่เพื่อให้เด็ก ๆ มีสุขภาพที่ดี รับรางวัลมูลค่า 35,000 บาท ได้แก่

  • โรงเรียนบ้านท่าข้าม จังหวัดปัตตานี

สำหรับโรงเรียนที่ชนะเลิศการแข่งขันโครงการสุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ปีที่ 3 ในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา จะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะจัดขึ้น ณ เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 เพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่า 1.5 ล้านบาท

 

ติดตามข้อมูลโครงการสุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools ได้ทางเว็บไซต์ ahs.aia.com/th/th/ และโรงเรียนที่สนใจสามารถดาวน์โหลดสื่อการเรียนการสอนได้จากเว็บไซต์ของโครงการ ตลอดจนสามารถติดตามการเปิดรับสมัครเข้าร่วมโครงการปีที่ 4 ได้ทางเว็บไซต์ และสื่อออนไลน์ของเอไอเอ ประเทศไทย

 

 


Tags : เอไอเอ เอไอเอ ประเทศไทย AIA นิคฮิล แอดวานี มอบรางวัล รับรางวัล รางวัลสุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี AIA Healthiest Schools ดร.เกศี จันทราประภาวัฒน์


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

กรุงเทพประกันชีวิต ขอส่งมอบความ “อุ่นใจ” กับแผนสุขภาพและเงินออม ที่ “ใส่ใจ”ทุกคนในครอบครัว ในงาน แฟร์ที่คุณพ่อคุณแม่ห้ามพลาด Amarin Baby & Kids Fair Midyear 2025 เตรียมยกทัพแบบประกันดี ๆ ที่ออกแบบมาด้วยความใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็น “กรุงเทพ สมาร์ท คิดส์” แบบประกันสะสมทรัพย์ที่ซื้อ 1 ได้ถึง 4 มั่นใจกับผลตอบแทนที่แน่นอน พร้อมความคุ้มครองด้านสุขภาพ ตอบโจทย์ทุกเป้าหมายในอนาคตเพื่อลูกน้อย “กรุงเทพ สุดคุ้ม” แผนการออมที่คุ้มค่า และหลากหลายแผนคุ้มครองที่มอบความอุ่นใจในทุกช่วงเวลาสำหรับครอบครัว ระหว่างวันที่ 26 – 29 มิถุนายน 2568 ที่บูท C7-C8 ฮอลล์ 104 ศูนย์แสดงสินค้าและนิทรรศการ ไบเทคบางนา  ภายในงานพบกับกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของลูกน้อย และรับฟังสาระดี ๆ กับเวทีเสวนาห้องเรียน พ่อแม่ ในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน เวลา 13.30 น. โดย ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการสร้างวินัยเชิงบวกและการส่งเสริมทักษะสมอง EF สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมผู้เชี่ยวชาญจากกรุงเทพประกันชีวิตที่จะมาแนะนำการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตลูก และโปรโมชันสุดพิเศษมากมาย สิทธิพิเศษภายในบูท เพียงซื้อแบบประกันใดก็ได้ (ยกเว้นแบบประกันยูนิต ลิงค์) และชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกแบบรายปี รับโปรโมชันพิเศษ 3 ต่อ!!! ต่อที่ 1 รับกระเป๋าช้อปปิ้ง Together We Care สุดชิค ทันที! ต่อที่ 2 รับบัตรกำนัลเซ็นทรัลทันทีภายในงาน มูลค่าสูงสุด 2,500 บาท และต่อที่ 3 รับบัตรกำนัลเซ็นทรัลเพิ่ม มูลค่าสูงสุด 12,000 บาท พร้อมสิทธิ์ลุ้นรางวัลรวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เมื่อดาวน์โหลดแอป BLA Happy Life ลงทะเบียน และเข้าใช้งาน ภายในวันที่ 31 กรกฏาคมนี้  เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด    

26 Jun 2025

...

SME D Bank เคียงข้างผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ทุ่ม 3,500 ล้านบาท ออก 2 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ ได้แก่ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้ (2568)” และ “จิ๋วสุดแจ๋ว Plus” มุ่งเติมทุนครอบคลุมทุกกลุ่มเอสเอ็มอี นำไปใช้ลงทุน หมุนเวียน เสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ   ควบคู่ยกระดับพัฒนาครบวงจร ช่วยเสริมแกร่ง ยืนหยัดและปรับตัวได้ในช่วงสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว   นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า ธนาคารมีความห่วงใยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และคู่ค้าที่เป็น Supply Chain  ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว จากความไม่แน่นอนของสงครามการค้า  การล้นทะลักของสินค้าจากต่างประเทศ สถานการณ์ภัยพิบัติ แผ่นดินไหว ส่งผลต่อความเชื่อมั่น รวมถึง ในภาคธุรกิจท่องเที่ยว และเกี่ยวเนื่องที่ได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ดังนั้น SME D Bank   จัดวงเงิน  3,500 ล้านบาท ออก 2 สินเชื่อใหม่ สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ในภาคผลิต บริการ และค้าส่งค้าปลีก  ทั้งรายย่อย รายย่อม และรายกลาง ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน นำไปเสริมสภาพคล่องกิจการ สามารถรับมือและก้าวผ่านสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้เหมาะสมและทันท่วงที อีกทั้ง ช่วยรักษาการจ้างงานในภาคธุรกิจเอสเอ็มอี โดยมีจุดเด่นเงื่อนไขผ่อนปรนเปิดกว้าง ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถใช้ บสย.ค้ำประกันได้  ได้แก่ “สินเชื่อ Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้ (2568)” วงเงิน 3,000 ล้านบาท และ “สินเชื่อรายย่อย จิ๋วสุดแจ๋ว Plus” วงเงิน 500 ล้านบาท   สำหรับ “สินเชื่อ Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้ (2568)” สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดย่อม และขนาดกลาง ทั้งบุคคลธรรมดา นิติบุคคล ที่มีรายได้ต่อปีเกินกว่า 1.8 ล้านบาท แต่ขาดหลักประกันให้เข้าถึงแหล่งทุน นำไปเสริมสภาพคล่อง  ลงทุน ขยาย ปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจ  เงินทุนหมุนเวียน  วงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย เริ่มต้น MLR -1%ต่อปี หรือประมาณ 6.25%ต่อปี (ปัจจุบัน MLR เท่ากับ 7.25%) ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ผ่อนนานสูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปลอดชําระคืนเงินต้นสูงสุด 6 เดือน เปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2569 หรือจนกว่าวงเงินสินเชื่อโครงการจะหมด แล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน   และ “สินเชื่อรายย่อย จิ๋วสุดแจ๋ว Plus”  สนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายย่อย (MICRO) ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล ที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท แต่ขาดหลักประกันให้เข้าถึงแหล่งทุน นำไปลงทุน ขยาย ปรับปรุง ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ หรือหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องในธุรกิจ   วงเงินกู้ขั้นต่ำ 1  แสนบาท สูงสุดไม่เกิน 5 แสนบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย เริ่มต้น MRR +5.35% ต่อปี หรือประมาณ 12.925% ต่อปี (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 7.575%) ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ผ่อนนานสูงสุดไม่เกิน 5 ปี เปิดรับคำขอกู้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 หรือจนกว่าวงเงินสินเชื่อโครงการจะหมด แล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน “ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ครอบคลุมการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทุกกลุ่ม และทุกประเภทในภาคการผลิต บริการ ค้าปลีกและค้าส่ง ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง ร้านค้าออนไลน์  ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง เช่น ร้านขายของฝาก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ฯลฯ เพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน  นำไปเสริมสภาพคล่อง  หรือมีไว้สำรองเป็นค่าใช้จ่าย ช่วยให้สามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจได้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ธุรกิจยืนหยัดและปรับตัวได้” นายพิชิต กล่าวเสริม นอกจากนี้ SME D Bank ยังให้บริการด้านการพัฒนาธุรกิจครบวงจรควบคู่ด้วย ผ่านแพลตฟอร์ม DX by SME D Bank (dx.smebank.co.th) ใช้บริการได้สะดวกสบาย ตลอด 24 ชม. มีฟีเจอร์สำคัญ ๆ  เช่น ระบบ  “Business Health Check”  ตรวจสุขภาพทางธุรกิจ  ระบบ E-Learning รวบรวมหลักสูตรความรู้สำคัญ ช่วยเพิ่มศักยภาพการประกอบธุรกิจ เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง ระบบ SME D Activity จองเข้าร่วมกิจกรรมเติมความรู้ได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี ระบบ SME D Coach มีโค้ชมืออาชีพคอยเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำธุรกิจ  ระบบ SME D Market ช่วยขยายตลาดด้วย E-marketplace หนุนจับคู่ธุรกิจ  และระบบ SME D Privilege  ที่มอบสิทธิประโยชน์พิเศษมากมาย เป็นต้น  ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถแจ้งความประสงค์เข้ารับบริการด้านการเงิน และการพัฒนาจาก SME D Bank ได้ผ่านสาขา SME D Bank ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น LINE Official Account : SME Development Bank  และ www.smebank.co.th เป็นต้น  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

26 Jun 2025

...

กรุงเทพประกันชีวิต ร่วมกับ “มนุษย์ต่างวัย” ชวนทุกคนมาวางแผนอนาคตในการใช้ชีวิตตามเป้าหมายที่ต้องการ ทั้งเรื่องการเงิน การออม ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ไปจนถึงอาชีพหลังเกษียณที่ใช่ ตามสไตล์ของตัวเอง ด้วยแนวคิด “Financial Wellness” ยกทัพผู้เชี่ยวชาญและแบบประกันชีวิตดีๆ ที่ถูกออกแบบมาด้วยความใส่ใจ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับใช้ชีวิตในวัยเกษียณ ที่บูธ P4 กรุงเทพประกันชีวิต ในงานมนุษย์ต่างวัย Fest 2025: ชีวิตดี…ชีวิต ซีซัน 2 It’s Okay To Be You ระหว่างวันที่ 21-22 มิถุนายน 2568 ณ IMPACT Exhibition Center Hall 8 นอกจากนี้ ยังพบกับกิจกรรมเวิร์กช็อป “My Financial Blueprint” พิมพ์เขียวทางการเงินในแบบของตัวเอง โดย อาจารย์รัก ดร.อัจฉรา โยมสินธุ์ อาจารย์จากสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ที่จะมาถอดรหัสสถานะทางการเงินของคุณ เพื่อสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคง กิจกรรม “Wellness Check-up” ทำแบบทดสอบสุขภาพการเงิน เพื่อค้นหาเป้าหมายที่ใช่ และพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญการวางแผนตามเป้าหมายชีวิต และไฮไลท์เด็ด “Ask the Expert” เปิดให้คำปรึกษา วิเคราะห์และบริหารการเงินแบบตรงจุด กับนักวางแผนการเงินมืออาชีพ Certified Financial Planner - CFP® ลงทะเบียนจองเวลารับคำปรึกษาล่วงหน้าได้ที่ https://bla.bangkoklife.com/AsktheExpert พิเศษภายในงาน เพียงซื้อประกันชีวิตแบบใดก็ได้ (ยกเว้นแบบประกันยูนิต ลิงค์) พร้อมชำระเบี้ยประกันภัยปีแรกแบบรายปี และดาวน์โหลด ลงทะเบียน และเข้าใช้งานแอป BLA Happy Life ภายในวันที่ 31 ก.ค. 68 รับของสมนาคุณทันที 3 ต่อ กระเป๋าช้อปปิ้ง และบัตรกำนัล พร้อมสิทธิ์ลุ้นรางวัล รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท

19 Jun 2025

...

นางมยุรินทร์ สุทธิรัตนพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. โดยศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย (CIT) เดินหน้าส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมประกันภัยไทย ผ่านโครงการ OIC InsurTech Award อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และทักษะด้านเทคโนโลยีประกันภัยแก่กลุ่มนิสิต นักศึกษา บุคลากรในธุรกิจประกันภัย กลุ่ม Tech Firm Tech Startup และประชาชนทั่วไป โดยมีเป้าหมายในการผลักดันให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีประกันภัยที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และยกระดับคุณภาพของระบบประกันภัยของประเทศไทยให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาได้แสดงศักยภาพผ่านการแข่งขันและการนำเสนอแนวคิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีประกันภัย ซึ่งหลายผลงานสามารถต่อยอดไปใช้จริงในภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในเฟสแรกของกิจกรรม OIC InsurTech Roadshow ได้ลงพื้นที่มหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่องการประกันภัย วงจรธุรกิจประกันภัย และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมประกันภัย โดยได้รับความร่วมมือจากผู้บริหารสถาบันการศึกษาอย่างดียิ่ง และมีนิสิตนักศึกษาเข้าร่วมกว่า 500 ราย พร้อมทั้งจัดเวทีบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อ “Insurance Value Chain : Transforming Insurance with Technology” และกิจกรรม Workshop สร้างสรรค์และระดมความคิดนวัตกรรม พร้อมบอกเล่าเทคนิคการจัดทำ Pitch Deck และ Business Model Canvas เพื่อเตรียมความพร้อมสู่เวทีประกวด OIC InsurTech Award 2025 มุ่งเฟ้นหานักพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีประกันภัยรุ่นใหม่และกระตุ้นความตื่นตัวในกลุ่มนักศึกษาอย่างแท้จริง สำหรับในส่วนของโครงการ OIC InsurTech Roadshow เฟสที่ 2 ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งสร้างความตระหนักรู้ และส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยในทุกภาคส่วนของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ โดยได้เปิดรับสมัครผลงานเพื่อเข้าร่วมการประกวด OIC InsurTech Award 2025 ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่เว็บไซต์  https://cit.oic.or.th/insurtechaward2025.html “สำนักงาน คปภ. ขอขอบคุณคณะผู้บริหารและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวมถึงวิทยากรและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่มีส่วนสนับสนุนให้กิจกรรม Roadshow ครั้งนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สำนักงาน คปภ. มุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความรู้และแรงบันดาลใจที่ได้จากกิจกรรมนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีประกันภัยใหม่ ๆ ที่สามารถพลิกโฉมและยกระดับอุตสาหกรรมประกันภัยไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน” ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กล่าวในตอนท้าย

19 Jun 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner