บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เผยปี 2563 มีปริมาณงานการขนส่ง รวมทั้งสิ้นกว่า 2,400 ล้านชิ้น พร้อมชี้ในปี 2564 เร่งดำเนินธุรกิจเพื่อรับการแข่งขันทั้งในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีที่มุ่งเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่ง ด้านบุคลากรให้มีทักษะที่หลากหลาย ด้านบริการที่เน้นไปที่การอำนวยความสะดวกและความคุ้มค่าที่มากขึ้น รวมถึงเข้าถึงความต้องการของคนทุกเจอเนอเรชั่น สร้างพันธมิตรร่วมกับธุรกิจรายอื่นๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากจุดแข็งต่างๆ ร่วมกัน นอกจากนี้ยังวางทิศทางและเป้าหมายขององค์กรให้เคียงคู่คนไทยตลอดไป
นายกาหลง ทรัพย์สอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมาธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ในประเทศไทยยังคงมีการเติบโตและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับอานิสงส์จากอีคอมเมิร์ซ ที่ส่งผลสำคัญให้คนในทุกภูมิภาคเลือกส่งสินค้ากับผู้ให้บริการขนส่งที่มีอยู่หลากหลาย สำหรับในส่วนของไปรษณีย์ไทยพบว่าในปีนี้มีปริมาณการขนส่งพัสดุ จดหมาย และไปรษณียภัณฑ์ประเภทต่างๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 2,400 ล้านชิ้น โดยภาพรวมยังถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากปัจจัยการแข่งขันด้านราคา ส่วนแบ่งตลาดที่มีจำนวนผู้ให้บริการเพิ่มมากขึ้น และการสื่อสารต่างๆ ที่ถูกเปลี่ยนผ่านไปสู่ช่องทางดิจิทัล
“การดำเนินงานของไปรษณีย์ไทยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นอกจากลูกค้า ประชาชนทั่วไปที่ใช้บริการไปรษณีย์ไทยแล้ว จะเห็นได้ว่าทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของไปรษณีย์ไทย เพื่อดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการช่วยขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในการจัดส่ง เพื่อกระจายความช่วยเหลือไปถึงทุกหน่วยทางสังคมในช่วงการระบาดของโรค COVID-19 การช่วยขนส่งของดีจากวิสาหกิจชุมชนและเกษตรกรทั่วประเทศผ่านเว็บไซต์ Thailandpostmart โดยเฉพาะผลไม้และผลิตผลทางเกษตรกรรมที่ไม่สามารถส่งออกไปขายต่างประเทศได้ เนื่องจากปัจจัยการระบาดของโรค COVID-19 นอกจากนี้ยังมีโครงการที่มุ่งกระจายโอกาสไปสู่สังคม เช่น โครงการ ไปรษณีย์... reBOX เปลี่ยนกล่องเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 โดยไปรษณีย์ไทยได้รับกล่อง/ ซองไม่ใช้แล้วจากคนไทยรวมกว่า 71,200 กิโลกรัม เพื่อส่งต่อให้ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) แปรรูปเป็นชุดโต๊ะ เก้าอี้ ส่งมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2564 ให้กับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 220 แห่งทั่วประเทศ โดยได้ส่งมอบครบทั้งหมดแล้วเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งน้องๆ นักเรียนต่างมีความสุขที่ได้รับของขวัญปีใหม่จากพี่ๆ คนไทยทั่วประเทศ ตลอดจนการสร้างพันธมิตรกับธุรกิจเอกชนและภาครัฐบาลเพื่อต่อยอดทรัพยากรของกันและกันให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย”
นายกาหลง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2564 ไปรษณีย์ไทยคาดว่าธุรกิจการขนส่งยังคงจะมีการแข่งขันที่รุนแรงต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชนที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจนี้ ประกอบกับการแข่งขันด้านราคา คุณภาพการบริการ ฯลฯ ไปรษณีย์ไทยจึงมีการปรับตัวในด้านต่างๆ ที่สำคัญ ดังนี้
- ด้านเทคโนโลยี ไปรษณีย์ไทยเร่งนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งทั้งในประเทศและระหว่างประเทศอย่างครบวงจร รวมถึงเทคโนโลยีที่จะสร้างประสบการณ์และผลประโยชน์ทางตรงให้กับผู้ใช้บริการ เช่น ติดตั้งตู้รับฝากอัตโนมัติเพื่อลดเวลา รอคอยใช้บริการในที่ทำการไปรษณีย์ เช่น ไปรษณีย์จตุจักร ไปรษณีย์ภาษีเจริญ ไปรษณีย์บางขุนเทียน เป็นต้น ติดตั้งตู้ไปรษณีย์ชาญฉลาดที่สามารถแจ้งเตือนไปรษณีย์ในพื้นที่ไปรับได้ทันทีที่มีคนหย่อนจดหมาย เพิ่มจำนวนเครื่องคัดแยกอัตโนมัติเพื่อคัดแยกรองรับสิ่งของอีคอมเมิร์ซไปปลายทาง ใช้รถขนส่งควบคุมอุณหภูมิเพื่อคงคุณภาพของสินค้าจากเกษตรกรสู่ปลายทาง ใช้รถยนต์และจักรยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อนำจ่ายสิ่งของ ตลอดจนแผนในการพัฒนา Account Credit Email ยืนยันเอกสารสำคัญต่างๆ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
- ด้านบุคลากร ไปรษณีย์ไทยมีจุดแข็งในด้านบุคลากรกว่า 40,000 คน ที่สามารถเข้าถึง ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย โดยจะการพัฒนาศักยภาพ ต่อยอดทักษะของบุคลากรให้มีความสามารถหลากหลาย มีคุณภาพเป็นมาตรฐานเดียวกัน รองรับการให้บริการในยุคดิจิทัลสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยรุ่นใหม่
- ด้านบริการ เน้นอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการทุกที่ ทุกเวลาผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น LINE OA ที่สามารถติดตามสถานะสิ่งของ ค้นหาไปรษณีย์ใกล้บ้าน สร้างใบจ่าหน้า รวมถึงเรียกใช้บริการรับฝากนอกสถานที่ (Pick-up service)
- ด้านพันธมิตร มุ่งเน้นดำเนินงานภายใต้แนวคิด “พันธมิตรธุรกิจไปรษณีย์ไทย” เพื่อนำจุดเด่นของทั้งองค์กรรัฐ เอกชน มาสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมร่วมกัน โดยในปีที่ผ่านมาได้เริ่มดำเนินการแล้ว เช่น การร่วมส่งพวงหรีดสานบุญ by Carenation ความร่วมมือระหว่างเอไอเอสในการส่งซิมการ์ดให้กับคนไทยทั่วประเทศ ความร่วมมือกับไทยคม ติดตั้งระบบ Digital Service Kiosk รองรับการอ่านข้อมูลบัตรประชาชน กล้องถ่ายภาพยืนยันตัวตน (eKYC) เพื่อการทำธุรกรรมสำคัญ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี จากการประเมินผลภาพลักษณ์แบรนด์ “ไปรษณีย์ไทย” ปี 2563 ได้ทำการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ ทั้งลูกค้าที่ใช้บริการไปรษณีย์ไทย และผู้ใช้บริการขนส่งรายอื่น พบว่าลูกค้า ประชาชนให้ความไว้วางใจในแบรนด์ “ไปรษณีย์ไทย” ในระดับ 92.5% ซึ่งขอขอบคุณลูกค้า ประชาชนที่รักและเชื่อมั่นในไปรษณีย์ไทย โดยจะยังคงเดินหน้าพัฒนา เพิ่มประสิทธิภาพบริการให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมสนับสนุนช่วยเหลือสังคมไทย คงความอบอุ่น เป็นมิตรที่ใกล้ชิด เคียงข้างกับคนไทยตลอดไป นายกาหลง กล่าวสรุป