Responsive image

Wednesday, 09 Jul 2025

หน้าแรก > ECONOMY- FINANCE / เศรษฐกิจ - การเงิน


รักบ้านเกิด ร่วม EXIM BANK จัดโครงการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมเจาะลึกระบบบริหารเกษตรเพื่อส่งออก

Tue 30/11/2564


บริษัท รักบ้านเกิด จำกัด ร่วมกับ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK จัด "โครงการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน" เพื่อส่งเสริมศักยภาพเกษตรกร หนุนความพร้อมภายใต้แนวคิด "การเกษตรเพื่อการส่งออก" ให้สามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้ได้มาตรฐานและเข้าถึงตลาดโลก โดยพาผู้เข้าร่วมกิจกรรมเรียนรู้ขั้นตอนและกระบวนการผลิตมะพร้าวอย่างเจาะลึก ศึกษาระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเรียนรู้การบริหารธุรกิจเกษตร ทั้งแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการแปลงเกษตรอย่างยั่งยืนให้ปลอดวัสดุเหลือใช้ (ZERO Waste) พร้อมเรียนรู้การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ถึงแหล่งปลูก โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขามาร่วมบรรยายและให้ความรู้ ณ  สวนมะพร้าวน้ำหอมคุณราตรี จังหวัดฉะเชิงเทรา

นายพิรชัย เบญจรงคกุล  กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักบ้านเกิด จำกัด กล่าวว่า "ทางรักบ้านเกิดรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดกิจกรรมร่วมกับทาง EXIM BANK ในโครงการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน ทั้งยังได้รับความรู้จากพี่หนึ่ง ศราวุธ เกษตรกรสำนึกบ้านเกิดปี 2563 ซึ่งถือเป็นเกษตรกรต้นแบบ เป็นทั้งนักคิด นักสร้างสรรค์ นักพัฒนา และยังสามารถนำเอาองค์ความรู้ที่มีมาต่อยอดสวนมะพร้าวให้เป็นแหล่งการเรียนรู้แบบครบวงจร มีทั้งการปลูก การแปรรูป รวมถึงการจัดการของเสียภายในสวนได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็สอดคล้องและตรงตามวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ตัวผมหวังว่ากิจกรรมในครั้งนี้จะส่งผลให้พี่ๆ เกษตรกรและผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การบริหารธุรกิจเกษตร ตลอดจนการส่งออกและการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากของเหลือใช้ในสวน นำกลับไปพัฒนาและต่อยอดใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ฟาร์มและธุรกิจของทุกท่านเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืนครับ"

ด้าน ดร. รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK ได้กล่าวว่า "EXIM BANK ร่วมมือกับ รักบ้านเกิด ในครั้งนี้ เพื่อต่อยอดและส่งเสริมเกษตรกรที่มีศักยภาพ ให้สามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรเพื่อส่งออกได้มากขึ้นและมีแนวทางดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ขณะที่ EXIM BANK มุ่งเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนา โดยมีบริการทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงินที่จะเติมทุนและความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ เพื่อนำไปใช้ส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออกและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องรวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและภาคอุตสาหกรรมของประเทศ เศรษฐกิจสีเขียว ตลอดจนการสร้าง Ecosystem ที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยอย่างยั่งยืน โดยผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่นและความเข้มแข็งของชุมชน อาทิ สวนมะพร้าวน้ำหอมคุณราตรี จังหวัดฉะเชิงเทราและเกษตรกรในชุมชนนี้"

 

ในด้าน นายศราวุธ พรชัยสิทธิ์ เกษตรกรสำนึกรักบ้าน เจ้าของสวนมะพร้าวน้ำหอมคุณราตรี จ.ฉะเชิงเทรา ก็ได้กล่าวถึงการให้ความรู้สึกในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ว่า "ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างมาก ที่ทาง รักบ้านเกิด และทาง EXIM BANK ได้เล็งเห็นความสำคัญและพร้อมให้การสนับสนุนเกษตรกรไทยอย่าง ทำให้เกิดโครงการดีๆ แบบนี้ขึ้น ผมภูมิใจในอาชีพเกษตรกรไทย และจะไม่หยุดพัฒนาเพื่อให้สวนมะพร้าวน้ำหอมแห่งนี้หล่อเลี้ยงครอบครัวและคนในชุมชน รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อให้ทุกคนได้เข้ามาเรียนรู้และศึกษาดูงานกันครับ"

นอกจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้ร่วมเรียนรู้ความเป็นมาของสวนมะพร้าวน้ำหอมคุณราตรีแบบครบวงจร ทั้งในเรื่องการปลูก การแปรรูป จนถึงการจัดการของเสียภายในฟาร์มแบบเจาะลึก จากคุณหนึ่ง ศราวุธ แล้ว ยังได้รับความรู้จาก ดร.นงนุช พูลสวัสดิ์ นักวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TIIS) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช) ที่มาร่วมบรรยายถึงหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy ให้ฟัง พร้อมมีการร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อการส่งออกไปกับ นายกิตติศักดิ์ พิพัฒน์คณาพร ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งออกผลไม้ จากบริษัท ไทย เบสท์ โปรดักส์ โฮลดิ้ง จำกัด และในตอนท้ายผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านก็ได้ลงมือผลิตและทำปุ๋ยอินทรีย์ถึงแหล่งปลูกด้วยตัวเอง

นับว่างานนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคนได้ทั้งทฤษฎีและแนวทางการปฏิบัติกลับไปต่อยอดเป็นความรู้ทางภูมิปัญญา และสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดีไม่มากก็น้อย ซึ่งกิจกรรมดีๆ แบบนี้ยังคงจัดขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมดีๆ ของเรา ได้ที่  www.rakbankerd.com, www.facebook.com/rakbankerd  และ  IG: rakbankerd_official  หรือแอดไลน์มาพูดคุยกันได้ที่  Line@ : @rakbankerd


Tags : พิรชัย เบญจรงคกุล รักบ้านเกิด ดร. รักษ์ วรกิจโภคาทร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย EXIM BANK โครงการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรด้วยเศรษฐกิจหมุนเวียน


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารประสบความสำเร็จได้รับรางวัลระดับเอเชีย Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2025 สาขา Social Empowerment จาก MyMo Secure Plus นวัตกรรมความปลอดภัยบน Mobile Banking ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ให้ลูกค้า บูรณาการร่วมกับ แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ เพื่อสื่อสารสร้างการรับรู้และเสริมภูมิคุ้มกันภัยทางการเงิน พร้อมกันนี้ ธนาคารออมสินยังได้รับรางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability ในฐานะองค์กรที่มีความโดดเด่นและมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติจนได้รับรางวัล AREA มาแล้ว 5 ปี จาก Enterprise Asia องค์กรพัฒนาเอกชนชั้นนำที่ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบในเอเชีย เพื่อเชิดชูและให้เกียรติองค์กรธุรกิจที่มีการดำเนินงานตามแนวทาง ESG และเป็นต้นแบบองค์กรชั้นนำในภูมิภาคเอเชียที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ     ธนาคารออมสินถือเป็นธนาคารแรกที่พัฒนาโหมดปลอดมิจฉาชีพ ภายใต้ชื่อ MyMo Secure Plus เพื่อช่วยดูแลเงินฝากขั้นสูงสุดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มที่ไม่รู้เท่าทันมิจฉาชีพที่เปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงตลอดเวลา ออกแบบโดยเน้นการทำธุรกรรมทางการเงินแบบจำกัดเฉพาะรายการที่จำเป็น อาทิ การโอนเงินไปยังบัญชีตนเองภายในธนาคารและต่างธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ และการจำกัดวงเงินในการทำธุรกรรมต่อวัน ทั้งนี้ ธนาคารออมสินไม่เพียงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นธนาคารแรกที่ดำเนินกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC) ผ่าน แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ ดำเนินการอย่างเข้มข้นผ่านช่องทางการสื่อสารที่ครบวงจร ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ สื่อนอกบ้าน หรืออินฟลูเอนเซอร์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุด เนื่องจากธนาคารตระหนักดีถึงความสูญเสียของประชาชนและวิกฤตของอาชญากรรมออนไลน์ที่นับวันจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ จึงเป็นความพยายามของธนาคารในการที่จะกระตุ้นเตือนให้ประชาชนรู้เท่าทันกลลวงและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพทางการเงิน     รางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability และ Social Empowerment ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงบทบาทของธนาคารออมสินในฐานะ Social Bank ที่ไม่เพียงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนการสร้าง Social Impact เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยบรรเทาปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ธนาคารยังคงยึดมั่นในหลักการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบตามแนวทาง ESG เพื่อก้าวสู่เป้าหมายความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม ตลอดจนเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว  

01 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner