Responsive image

Wednesday, 16 Jul 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


กรุงเทพประกันภัย แกร่งบริหารสภาพคล่องเพื่อพร้อมจ่ายสินไหมทดแทนประกันภัยโควิด ที่ยังมีผลบังคับและให้ความคุ้มครองอยู่กว่า 1.4 ล้านกรมธรรม์

Sun 06/02/2565


ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI เปิดเผยถึงการประเมินสถานการณ์ของการประกันภัยโควิดในปัจจุบันว่า กรมธรรม์ประกันภัยโควิดของบริษัทฯ ที่ยังมีผลบังคับและให้ความคุ้มครองอยู่ในขณะนี้มีอยู่จำนวนกว่า 1.4 ล้านกรมธรรม์ เป็นกรมธรรม์แบบ เจอ จ่าย จบ รวม 1.1 ล้านกรมธรรม์ ซึ่งกรมธรรม์ส่วนใหญ่ประมาณ 70% จะสิ้นสุดระยะเวลาคุ้มครองในเดือนเมษายน 2565 และจะทยอยสิ้นสุดความคุ้มครองครบ 100% ในเดือนมิถุนายน 2565 โดยมีวงเงินค่าสินไหมทดแทนเฉลี่ยต่อรายประมาณ 43,000 บาท

และตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ถึงปัจจุบันที่การระบาดจากการติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนาของไทยพบว่าเป็นสายพันธุ์ Omicron ในวงกว้าง ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อโดยเฉลี่ยของเดือนมกราคม 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อในเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งสะท้อนถึงจำนวนการเคลมสินไหมทดแทนประกันภัยโควิดของบริษัทฯ ที่สอดคล้องกับอัตราการติดเชื้อในภาพรวมเช่นเดียวกัน กล่าวคือ ยอดการเคลมสินไหมทดแทนในเดือนมกราคม 2565 เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากค่าเฉลี่ยของยอดเคลมในเดือนธันวาคม 2564 หรือจากยอดเคลมเฉลี่ย 160 เคลมต่อวัน ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยกว่า 360 เคลมต่อวัน ขณะที่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron ส่วนใหญ่จะมีอาการที่ไม่รุนแรง สามารถแยกกักตัวที่บ้านและดูแลแบบ Home Isolation ได้ จึงไม่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแบบผู้ป่วยในหรือรักษาตัวใน Hospitel โดยโรงพยาบาลจะมีการพิจารณาอย่างเหมาะสมในการรักษาแบบผู้ป่วยในตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้ ได้แก่

- มีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส ระยะเวลานานกว่า 24 ชั่วโมง 

- หายใจเร็วกว่า 25 ครั้งต่อนาที (ในผู้ใหญ่)

- Oxygen Saturation น้อยกว่า 94%  

- โรคประจำตัวที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือจำเป็นต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ตามดุลยพินิจของแพทย์

- สำหรับในเด็ก หากมีอาการหายใจลำบาก ซึมลง ดื่มนมหรือทานอาหารน้อยลง

จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้สัดส่วนการจ่ายค่าสินไหมทดแทนประกันภัยโควิดสำหรับค่ารักษาพยาบาลเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลลดลง รวมถึงการเคลมสินไหมทดแทนจากภาวะอาการโคม่าลดลงด้วยเช่นกันจากจำนวนผู้เสียชีวิตที่ลดลง ทำให้ในภาพรวมมีจำนวนการเคลมต่อคนลดลง

อย่างไรก็ตาม เพื่อเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการด้านสินไหมทดแทนประกันภัยโควิด บริษัทฯ ได้ประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการประเมินสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อในประเทศสำหรับปี 2565 จากสถานการณ์ต่างๆ ไว้ 3 ระดับ คือ

  • กรณีที่มีผู้ติดเชื้อโควิด 16,000 คนต่อวัน บริษัทฯ จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงสุด 3,000 ล้านบาท
  • กรณีที่มีผู้ติดเชื้อโควิด 26,000 คนต่อวัน บริษัทฯ จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงสุด 6,000 ล้านบาท
  • กรณีที่มีผู้ติดเชื้อโควิด 34,000 คนต่อวัน บริษัทฯ จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนสูงสุด 7,000 ล้านบาท

แม้ขณะนี้จะมีลูกค้าที่แจ้งเคลมสินไหมประกันภัยโควิดเฉลี่ยปริมาณกว่า 360 เคลมต่อวัน แต่บริษัทฯ ยังคงสามารถบริหารจัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้ภายในเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ตรวจสอบพบว่า เอกสารที่ส่งมาเบิกเคลมค่าสินไหมทดแทนบางส่วนเป็นเอกสารที่มีการปลอมแปลงหรือแก้ไขข้อมูลเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการเคลมประกันภัย เช่น ใบรับรองผลการตรวจ RT-PCR ดังนั้นเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ จึงต้องมีความระมัดระวังและมีการตรวจสอบละเอียดมากขึ้นจากการเคลมฉ้อฉลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ จะดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ขอสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าว่า บริษัทฯ มีความพร้อมสูงในการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยมีสินทรัพย์สภาพคล่องเพียงพอสามารถรองรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อจากสถานการณ์ต่างๆ ที่ประเมินไว้ข้างต้น ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 บริษัทฯ มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนมากกว่า 200% เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยเงินกองทุนที่สามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด (Total Capital Available) มีจำนวนกว่า 31,700 ล้านบาท


Tags : กรุงเทพประกันภัย BKI ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรมธรรม์ประกันภัยโควิด โควิด-19 COVID-19


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดย นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อเร็ว ๆ นี้      

14 Jul 2025

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner