Responsive image

Sunday, 13 Jul 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


TQM โตดีสวนกระแส โกยกำไรปี ’64 พุ่งกว่า 27% เผยหุ้น TQM เนื้อหอม ต่างชาติเข้าถือในสัดส่วนสูงขึ้น

Fri 04/03/2565


บมจ. ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น หรือ TQM เปิดผลประกอบการประจำปี 2564 รับกำไรสุทธิ 891.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27% สถานการณ์โอมิครอนส่งผลให้ผู้บริโภคซื้อประกันสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ประกันรถยนต์ที่เป็นยอดขายหลักลูกค้ามองเป็นเรื่องจำเป็นยังคงเติบโตดี หนุนเบี้ยประกันภัยทั้งปีทะลุเป้าที่ 17,505 ล้านบาท ชี้ในปีที่ผ่านมาหุ้น TQM  โชว์ความโดดเด่นท่ามกลางมรสุมโควิด นับตั้งแต่ IPO ที่ไม่มีผู้ถือหุ้นที่เป็นกองทุนต่างชาติ จนปัจจุบัน มีสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติประมาณ 16% ของหุ้นทั้งหมด สะท้อนความเชื่อมั่นในสายตานักลงทุน เปิดแผนกลยุทธ์ปี 2565 ต่อยอดการเติบโตในทุกมิติ เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ ‘TQC’ ที่ให้บริการด้านบริหารสินไหมประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุแก่บริษัทประกัน และ ‘อีซี่เลนดิ้ง’ ให้บริการด้านสินเชื่อส่วนบุคคลและการเงิน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและขยายฐานลูกค้า มุ่งลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลกับบริษัทในเครือเพื่อนำมาใช้พัฒนานวัตกรรมและการให้บริการด้านประกันภัย ส่งมอบประสบการณ์ใหม่และสร้างโอกาสการเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น เดินหน้าผนึกพันธมิตรบริษัทประกันภัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 15 ผลิตภัณฑ์ประกัน บุกชิงตลาดทุก segment พร้อมขยายช่องทางการขายเพิ่มทั้งออนไลน์-ออฟไลน์เต็มรูปแบบ ตั้งเป้ายอดเบี้ยประกันรวมปี 2565 ไว้ที่ 19,011 ล้านบาท ขณะที่ที่ประชุมบอร์ดฯ มีมติชงผู้ถือหุ้นจ่ายปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้น

ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจ TQM ในปี 2564 ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิดแต่ TQM ก็ยังสามารถสร้างผลการดำเนินงานออกมาได้ดี ผู้บริโภคตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงภัยด้านปัญหาสุขภาพ จึงทำให้ยอดขายประกันสุขภาพของ TQM เติบโตขึ้น โดยเฉพาะการสั่งซื้อเข้ามาผ่านช่องทางออนไลน์ ขณะที่ยอดขายจากประกันภัยรถยนต์ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทยังคงเป็นไปตามเป้า ส่งผลให้ผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 3,427 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% โดยเป็นรายได้จากการให้บริการ เป็นจำนวน 3,273.6 ล้านบาท และรายได้อื่น 153.4 ล้านบาท ภายใต้การบริหารจัดการการทำงานและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรเพิ่มสูงขึ้น โดยกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164 ล้านบาท คิดเป็น 10.5 % ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 891.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 189.8 ล้านบาท คิดเป็น 27%

“ในปีที่ผ่านมาหุ้น TQM ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติเข้าถือหุ้นในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความโดดเด่นของ TQM ในมุมมองของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงที่ผ่านมา TQM ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตของธุรกิจทั้งในด้านรายได้และกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ โดยการถือหุ้นของต่างชาติที่เพิ่มขึ้นนี้จะเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือของหุ้น และนำไปสู่การดึงดูดให้นักลงทุนไทยให้ความสนใจมาลงทุนในหุ้น TQM ต่อไป”

ทั้งนี้ จากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 มีมติจ่ายเงินปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิ (RD) วันที่ 11 มีนาคม 2565 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 พฤษภาคม 2565

ด้าน ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ในการขยายการเติบโตของ TQM ในปี 2565 ได้วางแผนหลักไว้ดังนี้

  • Insurance ecosystem enhancement ยกระดับและขับเคลื่อนงานบริการของ TQM ในธุรกิจใหม่ เช่น บริษัท ทีคิวซี จำกัด ที่ให้บริการด้านบริหารสินไหมประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ แก่บริษัทประกัน และบริษัท อีซี่เลนดิ้ง จำกัด ที่ให้บริการด้านสินเชื่อส่วนบุคคลและการเงิน เพื่อเพิ่มศักยภาพของ TQM และขยายฐานลูกค้า
  • Digital strategy implementation เน้นลงทุนในธุรกิจที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีของบริษัทในกลุ่ม เช่น บริษัท ทีคิวดี จำกัด และบริษัท ชัวร์ครับ จำกัด เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ในการสร้างนวัตกรรมและส่งมอบประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่มความสะดวกสบายในการรับบริการด้านประกันภัยให้แก่ลูกค้า TQM
  • Product line and channel expansion ร่วมกับพันธมิตรบริษัทประกันภัยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่กว่า 15 ผลิตภัณฑ์ เตรียมออกสู่ตลาดภายในปี 2565 อาทิ ประกันรถยนต์ ประกันสุขภาพ ประกันบ้าน ประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิต และอื่นๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มครอบคลุมทุกเจนเนอร์เรชั่น พร้อมกับการขยายช่องทางการขายทั้งช่องทางออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์ม และช่องทางออฟไลน์ที่ใช้กลยุทธ์ในการเพิ่มการมองเห็นเพื่อให้ลูกค้าเกิดการจดจำและทำให้ TQM กลายเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจคนไทย ดร.นภัสนันท์กล่าว

 


Tags : ทีคิวเอ็ม TQM ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารประสบความสำเร็จได้รับรางวัลระดับเอเชีย Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2025 สาขา Social Empowerment จาก MyMo Secure Plus นวัตกรรมความปลอดภัยบน Mobile Banking ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ให้ลูกค้า บูรณาการร่วมกับ แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ เพื่อสื่อสารสร้างการรับรู้และเสริมภูมิคุ้มกันภัยทางการเงิน พร้อมกันนี้ ธนาคารออมสินยังได้รับรางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability ในฐานะองค์กรที่มีความโดดเด่นและมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติจนได้รับรางวัล AREA มาแล้ว 5 ปี จาก Enterprise Asia องค์กรพัฒนาเอกชนชั้นนำที่ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบในเอเชีย เพื่อเชิดชูและให้เกียรติองค์กรธุรกิจที่มีการดำเนินงานตามแนวทาง ESG และเป็นต้นแบบองค์กรชั้นนำในภูมิภาคเอเชียที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ     ธนาคารออมสินถือเป็นธนาคารแรกที่พัฒนาโหมดปลอดมิจฉาชีพ ภายใต้ชื่อ MyMo Secure Plus เพื่อช่วยดูแลเงินฝากขั้นสูงสุดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มที่ไม่รู้เท่าทันมิจฉาชีพที่เปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงตลอดเวลา ออกแบบโดยเน้นการทำธุรกรรมทางการเงินแบบจำกัดเฉพาะรายการที่จำเป็น อาทิ การโอนเงินไปยังบัญชีตนเองภายในธนาคารและต่างธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ และการจำกัดวงเงินในการทำธุรกรรมต่อวัน ทั้งนี้ ธนาคารออมสินไม่เพียงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นธนาคารแรกที่ดำเนินกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC) ผ่าน แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ ดำเนินการอย่างเข้มข้นผ่านช่องทางการสื่อสารที่ครบวงจร ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ สื่อนอกบ้าน หรืออินฟลูเอนเซอร์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุด เนื่องจากธนาคารตระหนักดีถึงความสูญเสียของประชาชนและวิกฤตของอาชญากรรมออนไลน์ที่นับวันจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ จึงเป็นความพยายามของธนาคารในการที่จะกระตุ้นเตือนให้ประชาชนรู้เท่าทันกลลวงและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพทางการเงิน     รางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability และ Social Empowerment ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงบทบาทของธนาคารออมสินในฐานะ Social Bank ที่ไม่เพียงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนการสร้าง Social Impact เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยบรรเทาปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ธนาคารยังคงยึดมั่นในหลักการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบตามแนวทาง ESG เพื่อก้าวสู่เป้าหมายความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม ตลอดจนเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว  

01 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner