Responsive image

Thursday, 13 Mar 2025

หน้าแรก > INSURANCE/ประกันภัย-ประกันชีวิต


คปภ. เตรียมความพร้อมให้ภาคธุรกิจประกันภัยไทย ขยายตลาด-ลงทุน ในอาเซียน

Fri 11/03/2565


  • เผยผลการศึกษาบริษัทประกันภัยไทยมีความมั่นคง น่าเชื่อถือทางการเงิน และสามารถบริหารความเสี่ยงได้ดี มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีผลิตภัณฑ์และช่องทางการขายที่หลากหลาย ที่สำคัญมีชื่อเสียงด้านการรักษาพยาบาล เป็นเหตุให้ชาวต่างชาติเดินทางมาซื้อกรมธรรม์และรับบริการด้านสุขภาพในไทย

ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ร่วมกับบริษัท อีวาย คอร์เปอเรท เซอร์วิสเซส จำกัด เปิดเวทีสัมมนา “สรุปผลการศึกษาแนวทางการเปิดเสรีการค้าบริการด้านการเงินสาขาประกันภัย ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน” ในรูปแบบสัมมนา Online ผ่านระบบ Microsoft Teams โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน คปภ. ผู้แทนจากสมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน สมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ประเมินวินาศภัย สมาคมการค้าผู้สำรวจและประเมินวินาศภัยไทย บริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัย เข้าร่วมสัมมนา ซึ่งการจัดเวทีสัมมนาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจต่อสภาพตลาดประกันภัยและแนวโน้มการเติบโตที่สำคัญของธุรกิจประกันภัยในอาเซียน และกระบวนการการดำเนินธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเตรียมความพร้อมในการเสริมสร้างธุรกิจประกันภัยให้สอดคล้องกับแนวโน้มการค้าการลงทุนภายในภูมิภาคที่สูงขึ้น รวมถึงผลักดันให้ภาคธุรกิจประกันภัยไทยให้มีบทบาทสำคัญในการขยายการลงทุนภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน

เลขาธิการ คปภ. ได้กล่าวเปิดงานสัมมนามีความสำคัญตอนหนึ่งว่า จากการศึกษาพบว่า บริษัทประกันภัยไทยมีความมั่นคง ความน่าเชื่อถือทางการเงิน โดยบริษัทส่วนใหญ่มีทุนจดทะเบียนหรือมีการดำรงเงินกองทุนสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด และสามารถบริหารความเสี่ยงได้ดี อีกทั้ง บริษัทประกันภัยหลายรายมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และมีช่องทางการขายที่หลากหลาย นอกจากนี้ ไทยมีชื่อเสียงด้านการรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือกรมธรรม์ว่าจะได้รับการรักษาพยาบาลอย่างมีคุณภาพ เป็นเหตุให้ชาวต่างชาติเดินทางมาซื้อกรมธรรม์และรับบริการด้านสุขภาพในไทย ดังนั้น สาขาประกันวินาศภัย (เฉพาะผลิตภัณฑ์บางประเภท) จึงเป็นสาขาที่มีศักยภาพในการเข้าสู่ตลาดประกันภัยของประเทศสมาชิกอาเซียน

ทั้งนี้ ด้วยบริบทการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ (New Normal) ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในด้านการใช้อินเตอร์เน็ต และการซื้อของออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ จึงถือเป็นโอกาสในการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในประเทศไทยและแนวโน้มค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มสูงขึ้น จะเป็นโอกาสสำหรับผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพและประกันภัยรูปแบบบำนาญ

ในส่วนของการผ่อนคลายสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาตินั้น จะต้องคำนึงถึงความพร้อมของภาคธุรกิจประกันภัยเป็นหลัก ซึ่งจากการศึกษาเห็นว่าการผ่อนคลายสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาตินั้นจะเป็นการสนับสนุนให้การจัดทำข้อตกลงในการเปิดเสรีทางการค้าอาเซียน ในสาขาธุรกิจประกันภัยบรรลุวัตถุประสงค์ และเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยและสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ ส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจ สร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างศักยภาพทางด้านเงินทุนให้แก่ธุรกิจประกันภัยไทย ทำให้ธุรกิจประกันภัยไทยมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงยิ่งขึ้น ตลอดจน เสริมสร้างความแข็งแกร่ง และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดประกันภัยไทย

อย่างไรก็ตาม หากมีการเปิดเสรีทางการค้าโดยที่ภาคธุรกิจไม่มีความพร้อม อาจส่งผลให้ธุรกิจประกันภัยขนาดเล็กที่ยังไม่มีความแข็งแกร่งทั้งทางด้านเงินทุนและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน อาจถูกครอบงำในการดำเนินการจากบริษัทต่างชาติ และอาจเกิดการเข้าแย่งตลาดจากบริษัทต่างชาติที่มีความได้เปรียบในเรื่องของ Economy of Scale  จึงจำเป็นต้องเร่งทำให้ธุรกิจประกันภัยของไทยมีความเข้มแข็งเพื่อจะได้มีความพร้อมในการแข่งขัน

ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมการสัมมนาฯส่วนใหญ่ เห็นว่าการผ่อนคลายสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติจะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจประกันภัย เพิ่มเงินทุนให้แก่ภาคธุรกิจ มีการถ่ายโอนความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยี อีกทั้งทำให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ซึ่งจะเป็นการสร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมสัมมนาส่วนใหญ่เห็นว่าผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ไทยมีความโดดเด่น ได้แก่ ประกันภัยรถยนต์ ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ และประกันภัยรายย่อย
จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ผลจากการศึกษาจะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเตรียมความพร้อมในการเสริมสร้างธุรกิจประกันภัยให้สอดคล้องกับแนวโน้มการค้าการลงทุนภายในภูมิภาคที่สูงขึ้น ตลอดจนผลักดันให้ภาคธุรกิจประกันภัยไทยมีบทบาทสำคัญในการเข้าไปลงทุนในอาเซียน อย่างไรก็ตามการผ่อนคลายสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาตินั้นกฎหมายปัจจุบันของไทยมีความยืดหยุ่นพอสมควรและสอดคล้องกับพันธกรณีของประเทศไทยภายใต้องค์การการค้าโลกแล้ว แต่หากมีความจำเป็นที่จะต้องผ่อนคลายมากขึ้นก็ควรจะทำด้วยความระมัดระวัง และต้องคำนึงถึงความพร้อมของภาคธุรกิจประกันภัยของไทยด้วย” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย


Tags : คปภ. ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  นายอมร ทองธิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) นำคณะผู้บริหารระดับสูง เข้าร่วมงาน “Viriyah Insurance Dealer Night Exclusive Party” โดยบริษัทฯ จัดขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณต่อดีลเลอร์คู่ค้า ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จของบริษัทฯ มาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังเป็นโอกาสอันดี ที่ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท และดีลเลอร์คู่ค้า จะได้พบปะพูดคุยกระชับความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาแนวทางการดำเนินธุรกิจ และการให้บริการที่ตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น ณ CDC Ballroom Crystal Design Center แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ     สำหรับ งาน “Viriyah Insurance Dealer Night Exclusive Party” ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างวิริยะประกันภัยและดีลเลอร์คู่ค้า โดยการจัดงานในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความขอบคุณต่อกลุ่มพันธมิตรเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสอันดีที่บริษัทฯ จะได้สื่อสารถึงวิสัยทัศน์และเป้าหมาย พร้อมตอกย้ำถึงความสำคัญในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน เพื่อสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต    

11 Mar 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี เพื่อให้ภาวะการเงินสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และช่วยกระตุ้นการเติบโตของภาคธุรกิจ ธนาคารออมสินจึงประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR และ MOR ลง 0.25% ต่อปี ตามมติ กนง. โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าสินเชื่อรายใหญ่ (MLR) ลดเหลือ 6.65% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้าใช้วงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ลดเหลือ 6.495% ต่อปี โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม – 31 สิงหาคม 2568 หรือจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำสำหรับลูกค้ารายย่อย (MRR) ยังคงอัตราเดิมที่ 6.595% ต่อปี เนื่องจากที่ผ่านมา ธนาคารออมสินได้ปรับลดดอกเบี้ยมาก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้ปัจจุบันเป็นอัตราดอกเบี้ย MRR ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ย MRR ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 6 แห่ง ที่เฉลี่ยเท่ากับ 7.25% ต่อปี ทั้งนี้ ธนาคารจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อเป็นการส่งเสริมการออมตามภารกิจธนาคารเพื่อสังคม   

05 Mar 2025

...

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารออกจำหน่ายพันธบัตร ธพว. ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ประเภท Social Bond จำนวน 9,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นพันธบัตรประเภท Social Bond  รุ่นแรกที่เปิดประมูลผ่านระบบ e-Bidding  ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568  ผลปรากฏว่า ได้การตอบรับอย่างดี จำหน่ายหมดโดยมีผู้ให้ความสนใจซื้อเกินกว่าวงเงินที่เปิดจำหน่ายถึง 3 เท่าตัว  สะท้อนถึงนักลงทุนมีความเชื่อมั่นและต้องการแสวงหาทางเลือกการลงทุนที่มีความมั่นคงปลอดภัย เพราะกระทรวงการคลังค้ำประกันทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย  อีกทั้ง ให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่าการฝากเงิน   ตลอดจน นักลงทุนต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่เป็นสุขจากโครงการสินเชื่อของธนาคาร ที่จะนำทุนจากการจำหน่ายพันธบัตรในครั้งนี้ ไปปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ ช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ตลอดจนพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้เข้มแข็ง ยกระดับความสามารถการแข่งขัน ส่งต่อประโยชน์สู่การพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนของประเทศไทย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ฝ่ายบริหารเงิน โทร. 02 265 4465 และ 02 265 4469 หรือ Call Center 1357

21 Feb 2025

...

กบข. ร่วมรักษ์โลก งดผลิตใบแจ้งยอดเงินแบบกระดาษ และเปิดให้สมาชิกดาวน์โหลด e-Statement ประจำปี 2567 แล้ว พร้อมจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกขององค์กร สนับสนุน Net Zero ของประเทศ   นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. เปิดให้สมาชิก 1.2 ล้านราย เข้าดาวน์โหลดใบแจ้งยอดเงินสมาชิก ประจำปี 2567 ในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Statement) แล้ว ผ่าน 3 ช่องทางออนไลน์ ดังนี้ 1. My GPF Application 2. My GPF Website และ 3. LINE กบข. @gpfcommunity เข้าผ่านสมาร์ตโฟน เพื่ออำนวยความสะดวกให้สมาชิกเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยนโยบายลดการใช้กระดาษอย่างจริงจังของ กบข. ส่งผลให้สามารถลดการใช้กระดาษได้กว่า 5 ล้านแผ่นต่อปี หรือประมาณ 25 ตัน มีส่วนช่วยลดการตัดต้นไม้กว่า 420 ต้น หรือเทียบเท่ากับช่วยประหยัดน้ำสะอาดได้ 7.86 แสนลิตร และไฟฟ้า 1.02 แสนกิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งจากการลดใช้กระดาษในครั้งนี้สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 52.6 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี สะท้อนถึงความตั้งใจของ กบข. และสมาชิก ในการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม “กบข. ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกผ่านการเปลี่ยนมาใช้ e-Statement ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและมีส่วนช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมไปด้วยกัน” นายทรงพล กล่าว   นอกจากนี้ ในปี 2568 กบข. ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานควบคู่กับการพัฒนาความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกเพื่อวัดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) และดำเนินโครงการปรับปรุงระบบบริหารอาคารให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในปี 2567 กบข. ได้ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาระบบทำความเย็นและระบบสุขาภิบาลในอาคารสำนักงานที่บริหารเองทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ อาคารอับดุลราฮิม อาคารจีพีเอฟ วิทยุ และอาคารบางกอกซิตี้ ทาวเวอร์ ส่งผลให้สามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถึงปีละ 3.29 แสนกิโลวัตต์-ชั่วโมง และลดการใช้น้ำได้ปีละ 11.25 ล้านลิตร เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 ด้านการลงทุน กบข. มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่คำนึงถึงความยั่งยืน ตามแนวทางการเป็นนักลงทุนสถาบันที่มีความรับผิดชอบ (Principle for Responsible Investment) เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions)

18 Feb 2025

Banner Banner Banner Banner Banner

Banner
  ทิศทาง ceothailand.net ในปี 2567  “สื่อออนไลน์ CEO THAILAND”   ในปี 2567 จะเป็นปีที่ผม “นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์” จะมาทำหน้าที่บรรณาธิการบริหารสื่อ CEO THAILAND และผู้บริหารสื่อออนไลน์ ceothailand.net อย่างเต็มที่ หลังจากที่ผ่านมาได้ไปเดินแผนงานทางด้านการเมือง แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงการเลือกตั้งไปแล้วที่ผ่านมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้มีเวลาที่จะมาวางแผนในการเดินหน้าธุรกิจสื่อได้มากขึ้น และในช่วงระยะเวลา 1-2 ปีนับจากนี้ จึงขอเข้ามารับหน้าที่สื่อมวลชน ในการเขียนบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องราวในแวดวงเศรษฐกิจ-การเงิน และการประกันภัย ในฐานะของคอลัมนิสต์ ตลอดเวลาที่ผมเข้าไปทำงานทางการเมือง ต้องยอมรับว่าวงการข่าวและสื่อสารมวลชนเปลี่ยนไปเร็ว ตลอดเวลา 5 ปี  สื่อออนไลน์ที่รวดเร็วเข้ามาแทนที่สื่อหลักอย่างสื่อสิ่งพิมพ์ (ออฟไลน์)  เราต้องยอมรับในเรื่องความรวดเร็ว แต่ต้องไม่ลืมจุดด้อยของสื่อออนไลน์ คือข้อผิดพลาดในการกลั่นกรองข่าวสาร รวมทั้งบทวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ที่หายไป และข่าวที่ออกมามีความเหมือนกัน  ไม่แตกต่าง และเป็นเชิงภาพข่าว และกิจกรรมเท่านั้น ดังนั้นในปี 2567 นี้  ในหน้าสื่อออนไลน์ CEO THAILAND ท่านผู้อ่านจะได้สัมผัสกับข่าวสารเชิงวิเคราะห์ เจาะลึกแบบออนไลน์ต่อเนื่องในสื่อ CEO THAILAND รวมทั้งการจัดทำเป็น E-Magazine ใน www.ceothailand.net รวมทั้งการจัดทำเป็นรูปเล่มฉบับพิเศษสลับไปบ้างในเรื่องที่สำคัญๆ น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม ขอขอบพระคุณท่านลูกค้าและผู้สนับสนุนสื่อด้วยดีเสมอมา ตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา และขอขอบพระคุณทุกท่าน รวมทั้งผู้อ่านที่ติดตามสื่อ CEO THAILAND ด้วยดีเสมอมาใน www.ceothailand.net   นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา) บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner