Responsive image

Tuesday, 30 Dec 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME / ธุรกิจ - การตลาด - เอสเอ็มอี


เมื่อ Digital Transformation คือจุดเปลี่ยนของธุรกิจอุตสาหกรรมเสื้อผ้าไทย

Fri 15/04/2565


อุตสาหกรรมเสื้อผ้าไทย ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19  รายงานจากศูนย์ข้อมูลและดิจิทัลอุตสาหกรรม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ระบุว่าครึ่งปีแรกของปี 2563 มีโรงงานผลิตสิ่งทอที่ได้รับผลกระทบและต้องปิดตัวไปถึง 32 ราย ผู้ประกอบการค้าปลีกและส่งต้องประสบปัญหาการดำเนินธุรกิจจากการ lockdown ในขณะที่พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนมาใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องหันมาพิจารณาช่องทางออนไลน์

การปรับตัวด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นดิจิทัล หรือ Digital Transformation จึงเป็นโอกาสและความท้าทายของผู้ประกอบการ SMEs และสิ่งสำคัญของการปรับธุรกิจสู่ดิจิทัลคือองค์ความรู้ ล่าสุดธนาคารยูโอบี ประเทศไทย  ร่วมมือกับ The FinLab จัดงานสัมมนาภายใต้โครงการ Smart Business Transformation (SBTP) ในหัวข้อ “เมื่อ Digital Transformation คือจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมเสื้อผ้าไทย” โดยเชิญ 3 ผู้ประกอบการที่อยู่ในโครงการ SBTP เจ้าของแบรนด์ที่ใครๆ ต่างรู้จัก ได้แก่ คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล CEO บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด เจ้าของแบรนด์ “วอริกซ์” แบรนด์เสื้อผ้า รองเท้ากีฬาสัญชาติไทย ที่ท้าชนแบรนด์ระดับโลกด้วยกลยุทธ์ออนไลน์ คุณคุณากร ธนสารสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานไทยแลนด์ นิตติ้ง จำกัด เจ้าของแบรนด์เสื้อยืดตราห่านคู่ แบรนด์เสื้อยืดที่ อยู่คู่กับคนไทยมาหลายทศวรรษ และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวชัดเจน และคุณศิพิมพ์ อุ่นวรวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และอีคอมเมิร์ซ บริษัท วี.พี.อาร์.เอส. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นผู้ชาย DAVIE JONES  แบรนด์ไทยที่กำลังเป็นที่นิยมมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ องค์ความรู้รวมถึงมุมมองที่มีต่อการทำ Digital Transformation ที่ทำให้ทั้ง 3 แบรนด์ยังเติบโตได้ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้น

ความท้าทายของธุรกิจอุตสาหกรรมเสื้อผ้า

เทคโนโลยีดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญทำให้ผู้คนสามารถปลดล็อกการใช้ชีวิตแบบเดิม ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าได้โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังร้านค้า และพฤติกรรมดังกล่าวก็เพิ่มจำนวนมากขึ้นโดยข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA ระบุว่า มูลค่าของ e-commerce ไทยในช่วงปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาดนั้นมีมูลค่าสูงถึง 3.78 ล้านบาทและยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอีก นั่นจึงทำให้ผู้ประกอบการที่มองเห็นโอกาสตัดสินใจหันมาปรับตัวเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล

คุณวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล CEO บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด กล่าวว่า “เราตัดสินใจก้าวเข้าสู่ดิจิทัล ตั้งแต่ที่เราชนะงานประมูลชุดกีฬาทีมไทยได้ในช่วงปี 2560 ตั้งแต่ก่อนโควิด-19 จะเริ่มระบาด โดยฝ่ายบริหารของเรามองเห็นความท้าทายและตัดสินใจที่จะเปิดใจรับคำท้าทายนี้ ซึ่งเป็นเรื่องของเทคโนโลยีดิจิทัลที่กำลังเข้ามามีผลต่อการดำเนินธุรกิจ โดยตัวผมได้เข้าฝึกอบรมหลักสูตรในด้าน customer journey และอีกหลายๆ อย่าง ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์ และสร้างวิสัยทัศน์ที่ช่วยเร่งความเร็วของการปรับปรุงส่วนต่างๆ ถ้าเราไม่ตัดสินใจลงทุนในเรื่องของ Digital Transformation ตั้งแต่ปี 2560 เราคงไม่ได้มาอยู่ตรงจุดนี้”

 

ขณะที่ คุณคุณากร ธนสารสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานไทยแลนด์ นิตติ้ง จำกัด กล่าวว่า “แบรนด์ห่านคู่มีการปรับตัวตามยุคสมัยและเข้ากับเทรนด์ตามช่วงเวลามาโดยตลอด  เรามองว่าช่องทางออนไลน์เป็นเครื่องมือที่จำเป็นมากถ้าหากเราตั้งเป้าจะอยู่ดำเนินธุรกิจให้คงอยู่ได้ถึง 100 ปี เราต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และการได้เข้าร่วมโครงการ SBTP ถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเราได้มาก”

 

ด้านคุณศิพิมพ์ อุ่นวรวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และอีคอมเมิร์ซ บริษัท วี.พี.อาร์.เอส. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “เราเห็นการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคได้อย่างชัดเจน ทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนให้ทัน เราต้องการที่จะรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อรู้จักลูกค้าและความต้องการของพวกเขา เพราะความท้าทายของแบรนด์ DAVIE JONES คือการเกิดของแบรนด์เสื้อผ้ารายใหม่ที่เข้ามาแข่งขันชิงพื้นที่ในตลาดกับเรา ดังนั้นเราจึงต้องสร้างตัวตนที่ชัดเจนและมีคุณภาพของสินค้าที่ดี เมื่อเรา transform มาสู่แพลตฟอร์มออนไลน์แล้ว เราสามารถรู้จักลูกค้าของเราได้รวดเร็วขึ้น แพลตฟอร์มการขายทางออนไลน์ช่วยให้เรามียอดขายพุ่งทะยานได้ ขณะที่ยอดขายจากออฟไลน์มีประมาณ 20% เท่านั้น”

ก้าวแรกที่มั่นคงสู่ความเป็นดิจิทัล

ธุรกิจจะยั่งยืนด้วยก้าวแรกที่มั่นคง การปรับเปลี่ยนสู่ความเป็นดิจิทัลก็เช่นเดียวกัน SMEs ต้องมีกลยุทธ์และแนวทางที่ชัดเจนในการเลือกแนวทางและเทคโนโลยีที่จะใช้ในการปรับตัวเองให้เข้าสู่ความเป็นดิจิทัลและมีศักยภาพในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยทั้ง 3 แบรนด์ วอริกซ์ ห่านคู่ และ DAVIE JONES ต่างก็มีแนวทางที่น่าสนใจสำหรับก้าวแรกในการติดอาวุธสู่ความเป็นดิจิทัล

คุณวิศัลย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เราเริ่มต้นจากจุดปลายทางที่ช่องทาง e-commerce เป็นอันดับแรก และเราเห็นความสำคัญของการทำ Data Management การลงทุนกับเว็บไซต์ การมี AI เราเพิ่มการลงทุนทางด้านเว็บไซต์มากขึ้น เพราะเราตระหนักเป็นอย่างดีว่าช่องทางนี้มีความสำคัญ  สำหรับระบบบริหารจัดการส่วนกลางเราได้เชื่อมระบบซัพพลายต่างๆ และใช้ SAP B1 ในส่วนของระบบการทำงานหลังบ้านให้สามารถดำเนินงานได้เรียบร้อย เชื่อมต่อได้ดีขึ้น จากนั้น เราจึงกลับมาลงทุนในส่วนของการปรับปรุงหน้าร้านให้ดีขึ้น ซึ่งเรามองว่าจะสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง”

“เรายังมองไปถึง Metaverse เพียงแต่ยังเป็นเรื่องใหม่ เราต้องอัปเดตองค์ความรู้อยู่เสมอเพราะการเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น ทุกวันนี้มีเครื่องมือทางการตลาดออกมาใหม่มากมาย  ในขณะที่ธนาคารยูโอบีก็ช่วยเสริมสร้างองค์ความรู้และมอบประโยชน์กับ SMEs ให้ก้าวสู่ความสำเร็จ พร้อมยังช่วยสนับสนุนการเปิดธุรกิจในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ผ่านเครือข่ายของธนาคารที่แข็งแกร่งได้อีกด้วย”

คุณคุณากร กล่าวว่า “ในส่วนของห่านคู่นั้น เราต้องการเน้นไปที่ e-commerce, social commerce รวมทั้งการมีระบบจัดการหลังบ้านที่แข็งแกร่ง โดยเราได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของ The FinLab และได้ติดตั้ง ERP เพื่อเชื่อมต่อกับระบบ supply chain เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในให้ดีขึ้นได้มาก การมีเทคโนโลยีดิจิทัลช่วยให้เรามองภาพได้ชัดขึ้น  เห็น segment กลุ่มลูกค้าต่าง ๆ ได้ชัดเจน สามารถที่จะรวบรวมข้อมูลเพื่อทำการประเมินได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุมมากขึ้น จากการประเมินด้วยข้อมูลที่เคยเป็น mass ก็มาสู่ประเมินได้อย่างเรียลไทม์เหมาะสำหรับปรับตัวให้สามารถรองรับลูกค้าได้มากขึ้น”

คุณศิพิมพ์ กล่าวว่า “โครงการ SBTP ช่วยให้เราสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ ซึ่งสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์เราได้ ทำให้เรามีศักยภาพสามารถทำอะไรได้มากกว่าเดิม และยังขยายธุรกิจไปที่ต่าง ๆ ได้ทั่วโลก นอกจากนี้ เรายังได้รู้จักกับพันธมิตรรายอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการ และได้เข้ามาร่วมให้การสนับสนุนเราตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำของการทำการตลาด เช่นการถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเราซึ่งเป็นเสื้อผ้า การที่เราได้รับความช่วยเหลือในด้านองค์ความรู้ของการถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ จะช่วยให้เราสามารถนำเสนอสินค้าของเราออกมาได้อย่างชัดเจนในทุกองค์ประกอบที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ของเรา”

ต้องกล้าถ้าไม่อยากหายไปจากตลาด

เพราะ Digital Transformation คือการลงทุนกับเทคโนโลยีและสิ่งใหม่ๆ ขณะที่ SMEs ก็ต้องพิจารณาประเมินความเสี่ยงและความคุ้มค่าต่อการลงทุน จึงทำให้ผู้ประกอบการบางรายยังมีความลังเลอยู่ ในประเด็นดังกล่าว SMEs ทั้ง 3 รายที่มาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ ก็ให้ข้อคิดที่น่าสนใจไว้ดังนี้

“ผู้ประกอบการต้องตระหนักเสมอว่าทุกวันนี้เต็มไปด้วยความเสี่ยง คิดแล้วต้องลงมือทำ ประเมินความเสี่ยง  แล้วเดินหน้า และมองไปยังตลาดดิจิทัล อย่าคิดว่าสายแล้วเลยจะทำ เพราะถ้าเราไม่ทำ เราก็จะหายไปเลย” คุณคุณากร กล่าว

“ตอนที่เริ่มลงมาทำธุรกิจด้านเสื้อผ้าเราเคยได้รับคำเตือนว่าตลาดเสื้อผ้าอยู่ในช่วงขาลงแต่นั่นไม่ใช่ความจริงเลย เพราะเราเห็นแล้วว่าตลาดนี้มีโอกาสเกิดใหม่ สามารถสร้างโอกาสใหม่ได้มากมาย ผู้บริหารต้องสร้างแบรนด์ให้มีความแปลกใหม่ ต้องหาทางฉีกออกมาจากตลาดที่แข่งขันด้วยราคาให้ได้หันมาสร้างแบรนด์ให้มีคุณค่า เพราะตราบใดที่คนยังต้องใส่เสื้อผ้าออกจากบ้าน ดีมานด์ก็จะเกิดขึ้น ผู้ประกอบการต้องเดินให้ถูกทางกับความต้องการของลูกค้า ดังนั้นการสร้างแบรนด์ที่ตอบโจทย์จึงมีความสำคัญมากๆ” คุณวิศัลย์ กล่าว

“การที่เรากระโดดเข้าในโลกดิจิทัลนั้นเรามองว่า เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีตัวตนที่ชัดเจนขึ้น เราสามารถเข้าหาลูกค้าได้ตรง ลูกค้าก็เข้าหาเราได้โดยตรง การมีตัวตนนั้นไม่ว่าเราจะทำธุรกิจใด หรือเสื้อผ้าประเภทใดก็ตาม ตัวตนของเราจะต้องมีความชัดเจนทั้งในด้านคาแรคเตอร์ของสินค้าและจุดยืนอันเป็นเอกลักษณ์ที่ลูกค้าเห็นแล้วรู้ทันทีว่านี่คือเรา ซึ่ง Digital Transformation เป็นเครื่องมือที่จะเสริมให้ตัวตนของเราบนโลกออนไลน์นี้มีความเด่นชัดยิ่งขึ้น อีกทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันก็หันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เราจึงมองว่าการเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ ไม่มีคำว่าช้าไป เพราะเทคโนโลยียังมีอะไรใหม่ ๆ ที่พัฒนาออกมาช่วยเสริมในด้านธุรกิจอีกมากมาย” คุณศิพิมพ์ กล่าว

 นางสาวสิรินันท์ จิรดิลก ผู้อำนวยการอาวุโส Digital Engagement & FinTech Innovation ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า เพราะSMEs เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจประเทศ หาก SMEs มีความแข็งแกร่ง เศรษฐกิจของชาติก็จะเข้มแข็งตามไปด้วย ด้วยจุดแข็งจากการที่เราเป็นธนาคารระดับภูมิภาค เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถสนับสนุนการปรับธุรกิจสู่ดิจิทัลและเติบโตของลูกค้าอย่างยั่งยืนได้ทั้งภายในและต่างประเทศ

โครงการ Smart Business Transformation หรือ SBTP ดำเนินการโดยธนาคารยูโอบี ประเทศไทยจับมือกับ The FinLab หน่วยงานบ่มเพาะนวัตกรรม (Innovation Accelerator) พร้อมด้วยความร่วมมือและการสนับสนุนจากหลากหลายองค์กรพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) องค์กรพันธมิตรภาคเอกชน รวมถึงผู้ให้บริการดิจิทัลโซลูชันต่างๆ เพื่อสนับสนุนและพัฒนาขีดความสามารถผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทยให้สามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ

SMEs ที่มีความต้องการและความพร้อมปรับธุรกิจสู่ดิจิทัล สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ Smart Business Transformation ได้จนถึงวันที่ 18 เม.ย. 2565 ได้ทาง https://go.uob.com/34u5f60 ดูข้อมูลโครงการเพิ่มเติมหรือติดตามข่าวสารได้ทาง www.Thefinlab.com/Thailand


Tags : อุตสาหกรรมเสื้อผ้าไทย วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล วอริกซ์ สปอร์ต คุณากร ธนสารสมบัติ ศิพิมพ์ อุ่นวรวงศ์


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น (SOE Awards) ประจำปี 2568 ให้แก่ธนาคารออมสิน โดยมีผู้แทนรับมอบรางวัลได้แก่ รศ.ดร. ธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการธนาคารออมสิน พร้อมด้วย นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และผู้บริหาร ซึ่งเป็นปีที่ธนาคารออมสินได้รางวัลในระดับดีเด่นและเกียรติยศ ครบทั้ง 8 ประเภทรางวัลที่ธนาคารได้รับ จัดขึ้นโดยคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กระทรวงการคลัง ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568     นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร. ได้พิจารณามอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นแก่ธนาคารออมสิน จำนวน 8 รางวัล ประกอบด้วย 1) รางวัลเกียรติยศรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม ธนาคารได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง โดยเป็นรางวัลที่มอบให้กับรัฐวิสาหกิจที่มีความโดดเด่นและมีมาตรฐานการดำเนินงานทุก ๆ ด้าน สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชน     2) รางวัลเกียรติยศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง จากการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ และผลักดันการบริหารงานให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 3) รางวัลเกียรติยศการบริหารจัดการองค์กรดีเด่น ได้รับเป็นปีที่ 7 ต่อเนื่อง จากการรักษามาตรฐาน การบริหารจัดการเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อนำพาองค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ   4) รางวัลผู้นำองค์กรดีเด่น ที่มอบให้แก่นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผลงานเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน 5) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจดิจิทัล จากการสร้างสรรค์และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาองค์กร ในมิติต่าง ๆ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล 6) รางวัลการพัฒนาสู่รัฐวิสาหกิจยั่งยืน จากการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นระบบ จนเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม     7) รางวัลการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น โดยได้รับจากผลงานความสำเร็จของโครงการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-Based Development) - โครงการลิบงสุขใจ ออมสินพัฒนา อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 8) รางวัลความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมดีเด่น จากโครงการ GEN AI Branch Assistant : ผู้ช่วยสาขาอัจฉริยะ ที่ธนาคารพัฒนาขึ้นโดยการนำ AI มาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของสาขา   นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของบุคลากรธนาคารออมสินทุกคนในการรักษามาตรฐานการบริหารจัดการองค์กรในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล ควบคู่กับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ธนาคารเพื่อสังคม” เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกและความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว    

26 Dec 2025

...

เอไอเอ ประเทศไทย ร่วมมือกับ เอ ไลฟ์ (ALive Powered by AIA) โดยบริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด ส่งความห่วงใยถึงคนไทยทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569 มอบแคมเปญ “ฟรี!!! ประกันอุบัติเหตุ กรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจข้ามปี” โดยมอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มปีใหม่ (ไมโครอินชัวรันส์) ฟรีให้แก่ประชาชนทั่วไป ระยะเวลาคุ้มครองนาน 30 วัน ด้วยวงเงินคุ้มครองชีวิตสูงถึง 100,000 บาทต่อกรมธรรม์ กรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ พร้อมรับผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุตามจำนวนที่จ่ายจริงสูงสุด 5,000 บาท* เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีหลักประกันความคุ้มครองอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมเพิ่มความอุ่นใจสำหรับการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาเพื่อไปฉลองกับครอบครัว ซึ่งแคมเปญดังกล่าวยังเป็นการขานรับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) อีกทั้งยังสานต่อพันธกิจของเอไอเอที่ต้องการสนับสนุนให้ผู้คนกว่าพันล้านคนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา Healthier, Longer, Better Lives ทั้งนี้ สำหรับประชาชนทุกคนที่สนใจขอรับกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มฟรี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิออนไลน์ได้ง่าย ๆ เพียงไปที่เว็บไซต์ https://aiathailand.info/panyPR  ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569   หมายเหตุ: *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท เอไอเอ เวลเนส จำกัด กำหนด

20 Dec 2025

...

รายงานข่าวจากธนาคารออมสิน ขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า ประเภทบุคคลธรรมดา ที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill ขอให้เร่งสมัครผ่านเว็บไซต์ของธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากขณะนี้เหลือเวลาเพียง 4 วันสุดท้าย ที่สามารถลงทะเบียนและเรียนให้จบหลักสูตร เพื่อรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐ นับจากวันที่พัฒนาทักษะสำเร็จจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 สูงสุดไม่เกินรายละ 2,000 บาท หลักสูตร Smart Finance Upskill การพัฒนาความรู้ทางการเงินเพื่อร้านค้ารายย่อยโครงการคนละครึ่ง พลัสเป็นการเรียนออนไลน์กับธนาคารออมสิน ภายใต้โครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อย ประเภทบุคคลธรรมดา มุ่งเสริมทักษะทางการเงินที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ ครอบคลุมการทำบัญชี การคิดต้นทุน การตั้งราคาขาย และความรู้ก่อนยื่นขอกู้ ผู้ที่เรียนจบและผ่านเกณฑ์ จะได้รับประกาศนียบัตรและรับสิทธิ์เงินสนับสนุนจากภาครัฐตามเงื่อนไขที่กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร Smart Finance Upskill และข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ Upskill/Reskill คนละครึ่ง พลัส ที่ GSB Contact Center โทร. 1115 กด 7

19 Dec 2025

...

ธ.ก.ส. เร่งให้ความช่วยเหลือทหาร และ ตชด. วีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา โดยให้ความช่วยเหลือกับทหาร และ ตชด. ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือบิดา - มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิต โดยยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกหนี้ และลดภาระให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชาได้กลับมาตึงเครียดในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุบลราชธานี ตราด และสระแก้ว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของเกษตรกรลูกค้าของธนาคาร โดยปัจจุบันมีทหารที่เป็นสมาชิกครอบครัวของลูกค้า ธ.ก.ส. เสียชีวิต และเพื่อให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ลูกค้า ธ.ก.ส. และเป็นการลดภาระเพื่อให้สามารถดำรงชีพต่อไปได้อย่างมั่นคง คณะกรรมการธนาคาร โดย นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธ.ก.ส. ได้มีมติในการประชุมวันนี้ (9 ธันวาคม 2568) ให้ความช่วยเหลือลูกค้า กรณีทหาร หรือตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างประเทศไทย – กัมพูชา ที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. รวมถึงให้ความช่วยเหลือแก่บิดา มารดา หรือคู่สมรสที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ของวีรบุรุษผู้เสียสละชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ โดยธนาคารจะยกหนี้ในส่วนของต้นเงินกู้ทุกสัญญา และยกหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยค้างรับและดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน ภายใต้สัญญาที่ใช้แหล่งเงินทุน ธ.ก.ส. เป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวทหารไปแล้ว จำนวน 7 ราย ธ.ก.ส. ขอแสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในบริเวณพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา คนข้างหลังไม่ต้องกังวล ธ.ก.ส. อยู่เคียงข้างและพร้อมก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง  

14 Dec 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner