Responsive image

Wednesday, 16 Jul 2025

หน้าแรก > BUSINESS-MARKETING-SME /ธุรกิจ-การตลาด-ขายตรง-เอสเอ็มอี


MAAI by KTC ร่วมกับ อินฟินิธัส บาย กรุงไทย เดินหน้าขยายช่องทางการแลกรับคะแนน MAAI ผ่านร้านค้าถุงเงิน สร้างประสบการณ์ให้สมาชิก สแกนง่าย แลกได้ไม่จำกัด

Sun 29/05/2565


 “MAAI by KTC” ร่วมกับ อินฟินิธัส บาย กรุงไทย ขยายช่องทางการแลกรับคะแนน MAAI ผ่านร้านค้าถุงเงิน นำร่องกว่า 20,000 ร้านค้าทั่วกรุงเทพฯ โฟกัสที่ร้านอาหารและเครื่องดื่มรายย่อย มุ่งสร้างประสบการณ์การแลกคะแนนที่สะดวกรวดเร็ว ผ่านระบบสแกน QR Code ใช้คะแนนน้อยได้ และไม่จำกัดจำนวนการแลก หวังตอบโจทย์ให้สมาชิกคุ้นชินกับการใช้คะแนน MAAI ในชีวิตประจำวัน และเพิ่มรายได้ให้กับร้านค้ารายย่อยของถุงเงินในเขตชุมชนทั่วกรุงเทพฯ อีกด้วย      

นางประณยา นิถานานนท์  ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – การตลาดบัตรเครดิต "เคทีซี" หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กลยุทธ์การตลาดของเคทีซีในปีนี้ มุ่งเน้นการสร้าง “MAAI by KTC” ลอยัลตี้ แพลตฟอร์มใหม่ให้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อช่วยสนับสนุนพันธมิตรธุรกิจในการทำ CRM (Customer Relationship Management) โดยมุ่งเน้นการสร้าง Eco System ที่สมบูรณ์แบบ อาทิ การเชื่อมต่อระบบการแลกคะแนนสะสมระหว่างคะแนน MAAI และคะแนนของพันธมิตร เพื่อเพิ่มมูลค่าและอิสระในการแลกคะแนน รวมถึงการเพิ่มจำนวนและความหลากหลายของร้านค้าเพื่อให้สมาชิกได้มีโอกาสแลกรับสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้มากที่สุด”

“สำหรับความร่วมมือกับแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” ในครั้งนี้ ถือเป็นการเพิ่มช่องทางการแลกรับคะแนน MAAI ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เนื่องจาก MAAI by KTC ได้พัฒนาฟีเจอร์ QR Code เพื่อรองรับขั้นตอนการแลกคะแนนกับร้านค้าของแอปฯ ถุงเงินกว่า 20,000 แห่งทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นร้านค้ารายย่อยที่ส่วนใหญ่จะไม่มีระบบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตหรือติดตั้งเครื่อง EDC เป็นการสร้างประสบการณ์ให้สมาชิกคุ้นชินกับการใช้คะแนน MAAI ในการแลกซื้อสินค้าในชีวิตประจำวัน อาทิ เครื่องดื่ม หรืออาหาร ซึ่งสมาชิกสามารถเลือกไปทดลองใช้ได้กับร้านค้าที่มีป้ายสัญลักษณ์ MAAI โดยใช้คะแนนแลกได้ไม่จำกัด ด้วยอัตราคะแนน MAAI 10 คะแนน เท่ากับ 1 บาท”

นางสาวสุพร สุนทรโรหิต Chief Business Innovation Officer บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จำกัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ “ถุงเงิน” เปิดเผยว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพอยท์เพย์ ซึ่งธนาคารกรุงไทยเปิดกว้างจับมือกับพันธมิตรทุกกลุ่ม เพื่อสนับสนุนธุรกิจร้านค้ารายย่อยให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ด้วยการเปิดให้นำคะแนนสะสมมาใช้จ่ายในร้านค้าถุงเงิน ซึ่งการจับมือกับเคทีซีเปิดใช้คะแนนสะสมของแอปฯ MAAI  by KTC  ชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านค้าถุงเงิน    นอกจากช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าให้กับร้านค้าถุงเงินแล้ว ยังเป็นการมอบสิทธิประโยชน์ และเพิ่มความหลากหลายในการใช้คะแนนสะสมของสมาชิก MAAI ด้วย โดยระยะแรกจะนำร่องกับร้านค้าถุงเงินที่เป็นร้านค้าอาหารและเครื่องดื่มรวม 20,000 แห่งทั่วกรุงเทพฯ”

 “โครงการพอยท์เพย์เป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญขององค์กรชั้นนำระดับประเทศ ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือ กระตุ้นการใช้จ่าย สนับสนุนกิจการร้านค้ารายย่อย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกกลุ่ม และสร้างสรรค์บริการให้ลูกค้าและประชาชนได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด”

ทั้งนี้  บริษัท อินฟินิธัส  บาย กรุงไทย จำกัด เป็นเรือเร็วของธนาคารกรุงไทย ในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าคนไทยให้ดีขึ้นในทุกวัน ที่ผ่านมา ได้พัฒนาแอปฯ เป๋าตัง เป็น Thailand Digital Open Platform ทั้งในด้านการใช้จ่ายในโครงการภาครัฐ ผ่านบริการ G-Wallet ปฏิวัติการลงทุนผ่านบริการ วอลเล็ต สบม. สะสมบอนด์มั่งคั่ง บริการซื้อขายหุ้นกู้  บริการ Gold Wallet พร้อม บริการ Health Wallet ให้ผู้ใช้งานตรวจสอบสิทธิและใช้สิทธิด้านสุขภาพได้สะดวก  ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 34 ล้านคน  นอกจากนี้ ยังพัฒนาแอปฯ ถุงเงิน สำหรับร้านค้า เพิ่มความสะดวกในการรับชำระสินค้า และการจัดการด้านการเงิน โดยปัจจุบันมีร้านค้าบนแอปฯ ถุงเงินกว่า 1.5 ล้านร้านค้าทั่วประเทศ

 

 

สำหรับ MAAI by KTC: “มาย” มาจากคำว่ามากมาย มากมายด้วยสิทธิประโยชน์ที่สมาชิกจะได้รับ เป็นการต่อยอดความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญของเคทีซี ในการทำระบบคะแนนสะสม MAAI เป็นการบริการในรูปแบบ B2B ในการทำลอยัลตี้ แพลตฟอร์มแบบพร้อมใช้ และครบวงจร ตอบโจทย์ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่าน CRM ในยุคดิจิทัล ให้บริการครอบคลุมเรื่องการบริหารจัดการสมาชิก การบริหารจัดการเรื่องระบบคะแนนสะสม ซึ่งเราให้บริการทั้งในกรณีที่ธุรกิจมีคะแนนสะสมของตนเอง (Native Point) หรือจะสามารถใช้ MAAI Point มาเป็นเครื่องมือในการทำ CRM ได้ รวมไปถึงการให้บริการการจัดการเรื่อง e-coupon เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิก โดยสมาชิกที่มี MAAI Application สามารถรวบรวมคะแนนจากเครือข่ายสมาชิกของ MAAI มาไว้ในที่เดียว เพื่อความสะดวกและเกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้คะแนนมากขึ้น

 


Tags : เคทีซี KTC MAAIbyKTC บัตรกรุงไทย ประณยานิถานานนท์ สุพรสุนทรโรหิต อินฟินิธัสบายกรุงไทย


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดย นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อเร็ว ๆ นี้      

14 Jul 2025

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner