Responsive image

Saturday, 12 Jul 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


อลิอันซ์ อยุธยา รุกออกแบบประกันสู้เงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาล เปิดตัว “ปลดล็อค ดับเบิลแคร์” ประกันเหมาจ่าย เบิ้ลความคุ้มครอง รับมือโรคร้าย สูงสุด 60 ล้านบาทต่อรอบปีกรมธรรม์

Sun 12/06/2565


บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพของไทย มุ่งเตรียมพร้อมคนไทยรับมือค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มต่อเนื่อง เปิดตัวประกันเหมาจ่ายตัวใหม่ล่าสุด “สุขภาพ ปลดล็อค ดับเบิล แคร์” ด้วยความคุ้มครองสูงสุด 8-30 ล้านบาท พร้อมสะท้อนความจำเป็นของประกันสุขภาพ ด้วยหนังโฆษณาพิเศษแนวใหม่ “เรื่องสุขภาพ ต้องห้ามพลาด”

 

นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้า บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า “ปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นมากทุกปี ทั้งนี้ไม่เพียงเกิดจากอัตราเงินเฟ้อที่มีผลจากสภาวะเศรษฐกิจ แต่เป็นผลมาจากการพัฒนายาและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีประสิทธิผลในการรักษาสูงขึ้นด้วย โดยเฉพาะโรคร้าย อาทิ โรคมะเร็ง โรคเกี่ยวกับหัวใจ และโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง ซึ่งมีค่ารักษาพยาบาลหลักล้าน อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ตระหนักถึงแนวโน้มของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากโรคเหล่านี้เป็นอย่างดี และมองเห็นว่า แบบประกันสุขภาพเหมาจ่ายในแบบเดิมๆ อาจจะไม่ครอบคลุมการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพสูงในปัจจุบันอีกต่อไป เราจึงได้ออกแบบประกันสุขภาพเหมาจ่ายล่าสุด “ดับเบิลแคร์” ที่ให้ความคุ้มครองที่สูงกว่า และยังให้ความคุ้มครองถึงสองเท่าหากเป็น 1 ใน 10 โรคร้ายแรงตามที่กรมธรรม์กำหนด”

ประกัน สุขภาพ ปลดล็อค “ดับเบิลแคร์” เป็นผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพเหมาจ่ายตัวใหม่ล่าสุดที่ให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกค้ามากกว่าเดิม ให้ความคุ้มครองนานถึงอายุ 90 ปี มีทั้งหมด 3 แผน ประกอบด้วย แผน 1 วงเงินผลประโยชน์ ต่อรอบปีกรมธรรม์ธรรม์ 8 ล้านบาท  แผน 2  15 ล้านบาท และแผน 3  30 ล้านบาทต่อรอบปีกรมธรรม์  และวงเงินผลประโยชน์จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากจาก 8 ล้าน เป็น 16 ล้านบาท จาก 15 ล้าน เป็น 30 ล้านบาท และ จาก 30 ล้าน เป็น 60 ล้านบาทต่อรอบปีกรมธรรม์ เมื่อได้รับการวินิจฉัยและยืนยันว่าเป็น 1 ใน 10 โรคร้ายแรงตามที่กำหนดในกรมธรรม์เป็นครั้งแรก อันได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด การผ่าตัดเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ การผ่าตัดลิ้นหัวใจโดยวิธีการเปิดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองที่ต้องรักษาโดยการผ่าตัด โรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน โรคมะเร็งระยะลุกลาม การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะหรือปลูกถ่ายไขกระดูก การผ่าตัดเส้นเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้า การผ่าตัดกระดูกสันหลังคด โดยไม่ทราบสาเหตุ แผลไหม้ฉกรรจ์

สำหรับประกันแผนนี้ สามารถสมัครได้ตั้งแต่อายุ 1 เดือน 1 วัน ถึง 70 ปี (ต่ออายุสัญญาได้ถึงอายุ 89 ปี คุ้มครองถึงอายุ 90 ปี) ซึ่งเป็นสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น ไม่เพียงแต่ให้สิทธิการเบิกจ่ายตามจริงที่มากกว่าเดิม เมื่อต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล อาทิ ค่าผ่าตัด ค่าเครื่องมือแพทย์ ค่าวางยาสลบ ค่ารถพยาบาล และความคุ้มครองผู้ป่วยนอก เช่น ค่ารักษาพยาบาลโดยการผ่าตัดเล็ก ค่ารักษาพยาบาลกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉินที่รักษาภายใน 24 ชั่วโมง แต่ยังดูแลต่อเนื่องหลังออกจากโรงพยาบาล อาทิ ค่าเวชศาสตร์ฟื้นฟู กายภาพบำบัด ค่าหมอนัด follow up อาการ ล้างแผล และ ตัดไหม เป็น พร้อมมอบสุขภาพดีให้กับลูกค้าด้วยการดูแลเชิงป้องกัน ด้วยค่าวัคซีนและค่าตรวจสุขภาพ สูงสุด 5,500 บาท ต่อรอบปีกรมธรรม์

และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการทำประกัน รวมถึงสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบบประกัน “สุขภาพ ปลดล็อค ดับเบิลแคร์” บริษัทฯ ได้สร้างสรรค์หนังโฆษณาภายใต้แนวคิด “เรื่องสุขภาพ ต้องห้ามพลาด” โดยมุ่งสร้างความน่าสนใจผ่านการนำเสนอในรูปแบบการรีวิวสินค้า ที่กำลังเป็นกระแสที่คนไทยนิยม 3 เรื่อง ได้แก่  รีวิวนาฬิกา ที่หลายคนมองการซื้อนาฬิกาเป็นการลงทุน ในบริบทเดียวกัน การซื้อประกันก็เป็นการลงทุน เพราะลงทุนเบี้ยประกันเพียงนิดเดียวเมื่อเทียบกับความคุ้มครองค่าใช้จ่ายโรคร้ายแรง  ได้สูงกว่าหลายเท่านัก รีวิวอสังหาริมทรัพย์ ให้เห็นภาพของการรับบริการในโรงพยาบาลที่มีเทคโนโลยีชั้นสูงในการรักษา โดยเฉพาะหากเป็นโรคร้ายแรงค่าใช้จ่ายต่อการรักษาก็จะสูงขึ้น ซึ่งถ้าลูกค้ามีแบบประกันดับเบิลแคร์ก็ไม่ต้องกังวลค่ารักษา และรีวิวบัตรเครดิต ที่เปรียบเทียบวงเงินประกัน เหมือนวงเงินบัตรเครดิต ที่ลูกค้าจะได้วงเงินเพิ่มเป็นสองเท่า เมื่อมีความจำเป็นการใช้เช่นการเป็นโรคร้ายแรง โดยหนังโฆษณาทั้ง 3 เรื่องนี้ ถือเป็นการฉีกรูปแบบจากการโฆษณาในแบบเดิมๆ ของประกันสุขภาพ ที่เชื่อว่าจะสร้างความน่าสนใจให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี หนังโฆษณาชุดนี้จะถูกเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยได้ คุณปภพ เชาวนปรีชา Deputy Executive Creative Director บริษัท Rabbit’s Tale เป็นผู้คิดคอนเซปต์แคมเปญครั้งนี้

“หนังโฆษณาชุดนี้ จะสร้างความน่าสนใจให้กับประกันสุขภาพดับเบิลแคร์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในท่ามกลางสภาวะปัจจุบันที่ภาวะเงินเฟ้อค่ารักษาพยาบาลเพิ่มสูงขึ้น การเกิดขึ้นของโรคอุบัติใหม่ และไลฟ์สไตล์ที่นำไปสู่การเกิดโรคร้ายต่างๆ มากมาย เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งหมดนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดยอดขาย โดยเราตั้งเป้าพิชิตเบี้ยจากสุขภาพ ปลดล็อค ดับเบิล แคร์ ที่ 450 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้” นางสาวพัชรา กล่าวทิ้งท้าย


Tags : อลิอันซ์ อยุธยา พัชรา ทวีชัยวัฒนะ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ประกัน สุขภาพ ปลดล็อค “ดับเบิลแคร์”


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

...

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารประสบความสำเร็จได้รับรางวัลระดับเอเชีย Asia Responsible Enterprise Awards (AREA) 2025 สาขา Social Empowerment จาก MyMo Secure Plus นวัตกรรมความปลอดภัยบน Mobile Banking ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์ให้ลูกค้า บูรณาการร่วมกับ แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ เพื่อสื่อสารสร้างการรับรู้และเสริมภูมิคุ้มกันภัยทางการเงิน พร้อมกันนี้ ธนาคารออมสินยังได้รับรางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability ในฐานะองค์กรที่มีความโดดเด่นและมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนในทุกมิติจนได้รับรางวัล AREA มาแล้ว 5 ปี จาก Enterprise Asia องค์กรพัฒนาเอกชนชั้นนำที่ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบในเอเชีย เพื่อเชิดชูและให้เกียรติองค์กรธุรกิจที่มีการดำเนินงานตามแนวทาง ESG และเป็นต้นแบบองค์กรชั้นนำในภูมิภาคเอเชียที่ขับเคลื่อนองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ     ธนาคารออมสินถือเป็นธนาคารแรกที่พัฒนาโหมดปลอดมิจฉาชีพ ภายใต้ชื่อ MyMo Secure Plus เพื่อช่วยดูแลเงินฝากขั้นสูงสุดให้กับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มที่ไม่รู้เท่าทันมิจฉาชีพที่เปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวงตลอดเวลา ออกแบบโดยเน้นการทำธุรกรรมทางการเงินแบบจำกัดเฉพาะรายการที่จำเป็น อาทิ การโอนเงินไปยังบัญชีตนเองภายในธนาคารและต่างธนาคารที่ลงทะเบียนไว้ และการจำกัดวงเงินในการทำธุรกรรมต่อวัน ทั้งนี้ ธนาคารออมสินไม่เพียงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นธนาคารแรกที่ดำเนินกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ (IMC) ผ่าน แคมเปญเตือนภัยมิจฉาชีพ ดำเนินการอย่างเข้มข้นผ่านช่องทางการสื่อสารที่ครบวงจร ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ สื่อนอกบ้าน หรืออินฟลูเอนเซอร์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวางและครอบคลุมมากที่สุด เนื่องจากธนาคารตระหนักดีถึงความสูญเสียของประชาชนและวิกฤตของอาชญากรรมออนไลน์ที่นับวันจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นภัยคุกคามระดับประเทศ จึงเป็นความพยายามของธนาคารในการที่จะกระตุ้นเตือนให้ประชาชนรู้เท่าทันกลลวงและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพทางการเงิน     รางวัลเกียรติคุณ Silver Emblem of Sustainability และ Social Empowerment ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงบทบาทของธนาคารออมสินในฐานะ Social Bank ที่ไม่เพียงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อยกระดับการให้บริการลูกค้าเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนการสร้าง Social Impact เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนช่วยบรรเทาปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ธนาคารยังคงยึดมั่นในหลักการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบตามแนวทาง ESG เพื่อก้าวสู่เป้าหมายความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม ตลอดจนเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว  

01 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner