Responsive image

Saturday, 19 Jul 2025

หน้าแรก > INSURANCE / ประกันภัย - ประกันชีวิต


เมืองไทยประกันชีวิต ผนึกโรงพยาบาลศรีนครินทร์ มข.-ไฟเซอร์ มอบสิทธิประโยชน์พิเศษ ในโครงการ “MTL Health Buddy” ดูแลครบเครื่องเรื่องสุขภาพ

Thu 28/07/2565


นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินงานภายใต้แนวคิด “MTL NEXT TO YOU” ที่มุ่งเน้นการพัฒนารอบด้านอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อก้าวเคียงคู่ดูแลทุกช่วงของชีวิต ส่งมอบความสุขและรอยยิ้มแก่ลูกค้าในทุกกลุ่ม (Democratize Insurance) รวมทั้งประกาศจุดยืนในการเป็นผู้นำตลาดด้านความคุ้มครองสุขภาพ (Most Trusted Health Partner)  และการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Leader) ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ช่องทางการขาย และการบริการ ผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุก Journey ทุกไลฟ์สไตล์แบบ End to End ได้อย่างเหมาะสมในรูปแบบที่มีความเฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น และครบถ้วนในทุกมิติ พร้อมสร้างความมั่งคั่งและมั่นคงอย่างยั่งยืนแก่ลูกค้า พนักงาน สังคม พันธมิตร และผู้ถือหุ้น รวมถึงการยกระดับองค์กรสู่ความเป็นสากล เพื่อสามารถรับมือกับโลกยุคดิจิทัลเต็มตัว

ล่าสุดบริษัทฯ จับมือร่วมกับ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดย รศ.นพ.พลากร สุรกุลประภา รองคณบดีฝ่ายศูนย์ความเป็นเลิศและศูนย์กลางบริการสุขภาพ และ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โดย ภก. นรินทร์ วัฒนะวิรุณ Hospital Business and Access Lead มอบสิทธิประโยชน์พิเศษให้กับลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิต ในโครงการ MTL Health Buddy” ดูแลครบเครื่อง เรื่องสุขภาพ สำหรับการรักษาโรคมะเร็งเต้านม ด้วยยารักษาโรคมะเร็งแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) ภายใต้โครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง (Patient  Assistance Program- PAP) เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงยารักษาโรคมะเร็งตามความเหมาะสมจากการวินิจฉัยของแพทย์ ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านยาบางส่วนให้กับลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตและยังได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

โดยเมืองไทยประกันชีวิต จะรับหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้เอาประกันภัยกับผู้ดูแลโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง (Patient  Assistance Program- PAP) ลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิต รับสิทธิประโยชน์ในการรักษาโรคมะเร็งเต้านม ด้วยยารักษาโรคมะเร็งแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) ด้วยขั้นตอนดังนี้

  • ลูกค้าโทรศัพท์เพื่อเข้ารับบริการ MTL Health Buddy ที่โทร. 0 2290 2424 กด 3
  • หลังจากนั้น MTL Health Buddy จะส่งข้อมูลให้กับ บริษัท เอซิออส อินเตอร์เนชั่นแนล คอนซัลแทนท์ จำกัด  (AXIOS) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่มีความเชี่ยวชาญในการประสานงานโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด 
  • ขั้นตอนต่อไปทาง  AXIOS จะติดต่อกลับหาลูกค้า เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา

สำหรับโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง (Patient  Assistance Program- PAP) จะครอบคลุมมะเร็งดังต่อไปนี้ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งไต และมะเร็งกระเพาะอาหาร โดยลูกค้าสามารถรับสิทธิ์การใช้บริการได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2565

“เมืองไทยประกันชีวิต เรามีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ในการค้นหาวิธีหรือแนวทางที่จะช่วยขจัดปัญหาที่เป็น Pain Point ของลูกค้า และด้วยแนวคิดในการช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมาช่วยเติมเต็มและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการผู้ช่วยหรือที่ปรึกษาด้านสุขภาพได้อย่างครบถ้วน  ซึ่งเรามั่นใจว่าจะได้ตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และในอนาคตยังเตรียมที่จะขยายการเป็นพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมเดินหน้าตามพันธกิจขององค์กรที่พร้อมเคียงข้างและดูแลในทุกช่วงของชีวิต ด้วยการเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพที่ลูกค้าวางใจ (Customer Life Time Partners and Trusted Health Advisor) และสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องอีกด้วย” นายสาระ กล่าว

สำหรับลูกค้าเมืองไทยประกันชีวิตที่สนใจบริการ MTL Health Buddy สามารถใช้บริการได้เพียงโทร. 0 2290 2424 กด 3  ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  www.muangthai.co.th  หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1766

หมายเหตุ :

  • บริษัท เอซิออส อินเตอร์เนชั่นแนล คอนซัลแทนท์ จำกัด (AXIOS) เป็นองค์กรอิสระที่มีความเชี่ยวชาญในการประสานงานโครงการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
  • บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต เป็นเพียงผู้แนะนำการบริการให้กับลูกค้าเท่านั้น
  • เงื่อนไขเป็นไปตามที่ บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต และโครงการ กำหนด

 

 


Tags : เมืองไทยประกันชีวิต สาระ ล่ำซำ โครงการ “MTL Health Buddy” โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด


Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner

...

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดย นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2568 เพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ณ สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 MCOT HD เมื่อเร็ว ๆ นี้      

14 Jul 2025

...

  นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ธนาคารออมสินจัดทำมาตรการแก้ไขหนี้รายย่อยในโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยไม่มีหลักประกัน ที่มีสถานะหนี้เสีย (NPLs) จำนวนรวมกว่า 500,000 บัญชี ให้สามารถหลุดพ้นจากประวัติหนี้เสีย โดยธนาคารจะดำเนินการทันทีเพื่อที่ในอนาคตลูกหนี้จะมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้นเมื่อมีความจำเป็น โดยแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ดำเนินการปิดบัญชีหนี้ ตัดหนี้สูญ และไม่ติดตามหนี้ ของลูกหนี้ NPLs จำนวนกว่า 200,000 บัญชี ในโครงการสินเชื่อตามนโยบายรัฐที่ได้รับงบประมาณชดเชยแล้ว ระยะที่ 2 ธนาคารจะทยอยดำเนินการปิดบัญชีหนี้แก่ลูกหนี้ NPLs โครงการสินเชื่อสู้ภัย COVID-19 จำนวนกว่า 300,000 บัญชี ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับมาตรการปลดหนี้สินเชื่อตามโครงการของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้แล้วเป็นจำนวนกว่า 1.3 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้รวมกว่า 11,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสินสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหนี้รายย่อย และช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางให้สามารถประคับประคองสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวให้เดินต่อได้ มุ่งเน้นดำเนินการเพียงครั้งเดียวเพื่อไม่ให้ลูกหนี้ต้องเสียวินัยทางการเงิน และยังสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้อีกในอนาคต  

07 Jul 2025

...

    สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ปรับปรุงแนวทางการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัยสำหรับสัญญาประกันภัยระยะสั้น พร้อมทั้งทบทวนหลักเกณฑ์การคำนวณเงินกองทุนด้านความเสี่ยง เพื่อยกระดับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยมุ่งเน้นการพิจารณาข้อมูลในระดับประเภทการรับประกันภัยแทนการพิจารณาภาพรวมทั้งบริษัท เพื่อให้การประเมินภาระผูกพันและการจัดสรรเงินกองทุนมีความละเอียด แม่นยำ และสอดคล้องกับลักษณะความเสี่ยงที่แท้จริงยิ่งขึ้น โดยระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568 สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้เกี่ยวข้อง และจัดการประชุมชี้แจงไปเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 รวมทั้งได้จัดการประชุมกลุ่มย่อยเชิงเทคนิค (Focus Group) เสร็จสิ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 เพื่อรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ทั้งนี้ ในการประชุมฯ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบการปรับปรุงประกาศที่เกี่ยวข้องกับสำรองเบี้ยประกันภัย ได้แก่ 1. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย 2. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาการส่งรายงานประจำปีการคำนวณความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต และ 3. ประกาศ คปภ. เรื่องกำหนดประเภทและชนิดของเงินกองทุน รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคำนวณเงินกองทุนของบริษัทประกันวินาศภัย สำหรับหลักการที่ได้มีการปรับปรุง คือ ปรับปรุงวิธีการคำนวณสำรองเบี้ยประกันภัย และเงินกองทุนสำหรับความเสี่ยงจากสำรองเบี้ยประกันภัย จากเดิม พิจารณาที่ระดับผลรวมทั้งหมดของสัญญาประกันภัยระยะสั้น เปลี่ยนเป็น พิจารณาที่ระดับประเภทการรับประกันภัย  ซึ่งสำนักงาน คปภ. จะเผยแพร่ประกาศอย่างเป็นทางการในลำดับถัดไป เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกำหนดในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ดังนั้น บริษัทประกันภัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง ควรเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่ได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันเริ่มมีผลบังคับใช้

07 Jul 2025

...

  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank  ร่วมงาน “มหกรรมการเงินหาดใหญ่” ครั้งที่ 15 (MONEY EXPO 2025 HATYAI) ระหว่างวันที่ 4-6 กรกฎาคม 2568 ณ บูธ F3 หาดใหญ่ฮอลล์ ชั้น 5 เซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา ยกขบวนผลิตภัณฑ์สินเชื่อครอบคลุมทุกกลุ่ม ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไฮไลท์ คือ สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี คงที่ตลอด 3 ปีแรก ผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 เดือน วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท ครอบคลุมทุกกลุ่มและทุกความต้องการเอสเอ็มอีไทย ควบคู่บริการพัฒนาธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม “DX by SME D Bank” (dx.smebank.co.th)   ช่วยเสริมศักยภาพกิจการ ครบถ้วนในจุดเดียว ห้ามพลาด! พิเศษเฉพาะภายในงาน เมื่อยื่นขอสินเชื่อ และได้รับอนุมัติทุกวงเงิน รับโปรโมชันเสริมอีก 2 ต่อ ได้แก่ ต่อที่ 1 : ลดค่าธรรมเนียมวิเคราะห์สินเชื่อ (Front End Fee) สูงสุด 0.25% และต่อที่ 2 : รับบัตรกำนัล มูลค่า 500 บาท พร้อมเล่นเกม ลุ้นรับของที่ระลึกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

03 Jul 2025

Banner Banner Banner Banner

Banner
  เทียบจุดแข็งแกร่ง “วิริยะ-ทิพย-กรุงเทพ” ประกันภัย   เมื่อพูดถึงวงการประกันภัย-วินาศภัยเมืองไทย มี 3 บริษัทใหญ่ของวงการและของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็น”ขาใหญ่”หรือขาประจำที่แต่ละปี บริษัททั้ง 3 บริษัท มีกลยุทธ์การตลาด และจุดแข็งที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัท และบริษัททั้ง 3 บริษัทนี้กำลังจะแย่งชิงเบี้ยประกันภัยเพื่อเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย เมื่อเทียบสัดส่วนในเรื่องยอดขาย และในแง่ของผลกำไร            ในแง่ยอดขายต่อปี          เบอร์ 1 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการทำประกันภัยรถยนต์ ที่มีเบี้ยประกันภัยสูงขายง่าย แต่ละปีสร้างยอดขายได้มีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวม 40,879 ล้านบาท          เบอร์ 2 บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งงานประกันภัย Non Motor ประเภทขนส่งสินค้า Marin รวมทั้งลูกค้าของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทำให้มียอดขายรับประกันภัยตรงอยู่ที่ 31,736.1 ล้านบาทแซงหน้าบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ไปเรียบร้อย          เบอร์ 3 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยจุดแข็งการเป็นบริษัท ที่มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ สามารถขยายตลาดผ่านพันธมิตรหรือผู้ถือหุ้นได้ง่าย และทำตลาดประกันภัยโครงสร้างพื้นฐาน โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐจึงทำให้มีเบี้ยประกันภัยต่อปี มีเบี้ยประกันภัยรวม 22,439 ล้านบาท จะกลับไล่บี้เบอร์ 1และ 2 ได้ต่อไป         ในแง่ผลกำไรต่อปี         เบอร์ 1 คงต้องให้บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากได้งานจากหน่วยงานภาครัฐ และมีพันธมิตรที่หลากหลาย ด้วยยอดขายที่สูง และมีการบริหารการลงทุนที่พร้อม เพราะมีธนาคารออมสิน, กบข. , ธนาคารกรุงไทย, ปตท., บางจาก  ทำให้มีผลกำไรมาเป็นอันดับ 1  ทำให้บริษัทสามารถทำกำไรจากการรับประกันได้ 2,631 ล้านบาท        เบอร์ 2  ต้องยกให้เป็นของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ด้วยการรับประกันภัยที่มีความเสี่ยงภัยต่ำ รวมทั้งความเชี่ยวชาญในการบริหารเงินลงทุนโดยธนาคารกรุงเทพ ทำให้มีผลกำไรมาเป็นที่ 2 และมีเบี้ยประกันภัยเป็นอันดับที่ 2        เบอร์ 3 บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) มียอดขายเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเน้นประกันภัยรถยนต์ยอดขายสูงก็มีความเสี่ยงสูง ผลกำไรน้อย จึงวางไว้เป็นเบอร์ 3 ในด้านผลกำไร                                                 นายเอกวรพงศ์ อำนวยทรัพย์ (เอก-วรา)                                               บรรณาธิการบริหาร สื่อ CEO THAILAND  
อ่านต่อ...
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner
Banner